มงคลชีวิต
๓๘ ประการ
นิพพาน โดยความหมาย หมายได้ ๒ นัยยะใหญ่ๆ คือ
๑.หมายถึง สภาพจิตที่หมดกิเลสแล้ว
๒.หมายถึง สถานที่ที่ผู้หมดกิเลสแล้ว ไปเสวยสุขอันเป็นอมตะอยู่ ณ ที่นั้นๆ
นิพพาน
เป็นที่ซึ่งความทุกข์ทั้งหลายเข้าไปไม่ถึง อยู่พ้นกฎของไตรลักษณ์ ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด
เกิดขึ้นด้วยอำนาจการปฏิบัติธรรม มีพระพุทธพจน์ที่กล่าวถึงนิพพานไว้หลายครั้ง
อาทิ "นิพฺพานํ ปรมํ สุญฺญํ" นิพพานสูญอย่างยิ่ง
คือ สูญกิเลส สูญทุกข์
"นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ" นิพพานสุขอย่างยิ่ง
ประเภทของนิพพาน
นิพพานมีอยู่ ๒ ประเภทใหญ่ๆ คือ
๑.สอุปาทิเสสนิพพาน
เรียกว่า นิพพาน อยู่ในตัวของเราทุกคนที่ปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ สามารถเข้าถึงนิพพานนี้ได้ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่
ยังเป็น ๆ อยู่ เป็นนิพพานของพระอริยเจ้าผู้ละกิเลสได้แล้ว แต่ยังมีชีวิตอยู่
ยังเป็นๆ อยู่ เป็นนิพพานของพระอริยเจ้าผู้ละกิเลสได้แล้ว แต่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อบำเพ็ญประโยชน์แก่สัตว์โลกต่อไป
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเข้านิพพานเป็นนี้ได้
เมื่อวันที่พระองค์ตรัสรู้
นิพพานเป็นนี้ แต่ละคนก็มีเฉพาะของตนเป็นเหมือนหลุมหลบภัยในตัว เรามีทุกข์
โศก โรค ภัยใดๆ พอเอาใจจรดเข้าไปในนิพพาน ความทุกข์ก็จะหลุดไปหมด จะตามไปรังควาน
ไปบีบคั้นใจเราไม่ได้
๒.อนุปาทิเสสนิพพาน
เรียกว่า นิพพานตาย เป็นเหตุว่างอยู่นอกภพสาม ผู้ที่หมดกิเลสเป็นพระอรหันต์เมื่อเบญจขันธ์ดับ(ร่างกายแตกทำลายลง)
เหลือแต่ธรรมขันธ์
ก็จะถูกอายตนะนิพพานนี้ ดึงดูดให้ไปปรากฏที่นั่น เสวยความสุขอันเป็นอมตะ
เพราะฉะนั้นผู้ที่จะทำพระนิพพานให้แจ้งได้ ก็คือ พระอริยบุคลทุกระดับ
ทั้งพระอรหันต์ พระอนาคามี พระสกิทาคามี และพระโสดาบัน รวมทั้งโคตรภูบุคคลที่ปฏิบัติธรรมจนมีกิเลสเบาบางเกือบถึงขั้นพระโสดาบัน
โดยต้องฝึกสมาธิจนเข้าถึงธรรม จากนั้นเอาใจจรดเข้า จนเห็นอริยสัจ และต้องเห็นอริยสัจอย่างชำนาญ
พิจารณาอริยสัจซ้ำแล้วก็ซ้ำอีก จึงเห็นนิพพานได้
บางท่านอาจนึกสงสัยว่า
ก็เห็นบอกว่าเข้าถึงนิพพานแล้วจะหมดกิเลสความทุกข์ตามไปรังควานไม่ได้
แล้วตอนนี้มาบอกว่าโคตรภูบุคคลซึ่งยังไม่ได้หมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ก็เข้านิพพานได้
จะไม่เป็นการขัดกันเองหรือ
คำตอบคือ ไม่ขัดกัน เพราะโคตรภูบุคคลนั้น เมื่อเอาใจจรดเข้าพระนิพพาน
ขณะนั้นก็หมดทุกข์ กิเลสทำอะไรไม่ได้แต่ทว่าใจยังจรดอยู่ในนิพพานได้ไม่ตลอดเวลา
เมื่อไหร่ใจถอนออกมาก็ยังต้องมีทุกข์อยู่เหมือนตัวของเรา
ถ้าหากเป็นแขกรับเชิญไปเที่ยวพักผ่อนยังปราสาทใหญ่
ระหว่างที่พักอยู่ในนั้นก็มีความสุขสบาย แต่ก็อยู่ได้ชั่วคราวเพราะยังไม่ได้เป็นเจ้าของเอง
เมื่อไหร่ครบกำหนดกลับก็ต้องออกจากปราสาท มาสู้เหตุการณ์ภายนอกใหม่
เห็นอริยสัจและทำพระนิพพานให้แจ้งได้ในที่สุด
ซึ่งไม่ยากจนเกินไปที่เราจะปฏิบัติได้เพราะถ้ายากเกินไปแล้วคงไม่มีพระอรหันต์หลาย
รูปในสมัยพุทธกาลถ้านิพพานนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าไปได้พระองค์เดียว
คนอื่นไปไม่ได้เลย เราจะบอกว่ายาก
แต่จริงๆ
แล้วมีผู้ที่ปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ตั้งใจฝึกสมาธิเข้านิพพานได้เยอะแยะ
แสดงว่าไม่ยากจนเกินไป แต่แน่นอนก็คงไม่ง่ายเพราะถ้าง่ายเราก็คงเข้าไปตั้งนานแล้ว
เพราะฉะนั้นตั้งใจฝึกตัวเองกันเข้า
วันหนึ่ง เราก็จะเป็นคนหนึ่งที่ทำได้แล้วเข้านิพานได้ ตอนนี้ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้แต่ว่ายังไม่ได้ทำต่างหากอย่าเพิ่งไปกลัว
อย่าไปท้อใจเสียก่อนว่าจะทำไม่ได้ ถ้าทำจริงแล้วต้องได้
อานิสงส์การทำพระนิพพานให้แจ้ง
๑.ทำให้จิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม
๒.ทำให้จิตไม่โศก
๓.ทำให้จิตปราศจากธุลี
๔.ทำให้จิตเกษม
"ไฟใดเสมอด้วยราคะไม่มี โทษใดเสมอด้วยโทสะไม่มี
ทุกข์ใดเสมอด้วยเบญจขันธ์ไม่มี สุขใดเสมอด้วยความสงบไม่มี ความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง
สังขารเป็นทุกข์อย่างยิ่ง พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง"
(พุทธพจน์)
จบมงคลคาถาที่
๓๔ การทำพระนิพพานให้แจ้ง
|