25 ปีแรกของการก่อตั้งโรงเรียนนับเป็นรากฐานแห่งความเจริญวัฒนาของโรงเรียนในปัจจุบันอย่างแท้จริง ทั้งใน 25ปีนั้น
ก็เป็นช่วงเดียวกับที่ประเทศไทยมีการก่อร่างสร้างรากฐานแห่งการพัฒนาของประเทศไปด้วยพร้อมกันเห็นได้จากการวางโครงสร้าง
สาธารณูปโภค สาธารณูปการทั้งหลายของประเทศที่ดำเนินก้าวหน้ามาจนปัจจุบันล้วนเป็นกิจการที่เริ่มต้นในช่วงนี้ทั้งสิ้น ทั้งนี้โดยริเริ่ม
จากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นสำคัญ เช่นเดียวกับที่พระราชทานชีวิตและโอกาสแก่โรงเรียนอัสสัมชัญ
ในช่วงเริ่มต้นด้วยเช่นกัน
อัสสัมชัญวิทยาลัยเริ่มก่อตั้งอย่างเป็นทั้งการจากความมุ่งมั่นศรัทธาอย่างแรงกล้าที่จะให้การศึกษาอบรมเด็กๆด้วยเจตนารมณ์
ของคุณพ่อกอลมเบต์ ท่านจัดการปรับปรุงสถานที่ ที่มีอยู่โดยใช้ที่ดินถัดเข้ามาด้านหลังของที่ดินโบสถ์อัสสัมชัญ(ถือว่าด้านหน้าคือด้านติด
แม่น้ำเจ้าพระยา ตามความสำคัญของการคมนาคมสมัยก่อน) ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่สามเณราลัยของมิสซังวัดอัสสัมชัญ (หลังแรก) ขนาดแปลง
ที่ดิน 8 ไร่ 3 งาน ในพื้นที่มีเรือนไม้ใต้ถุนสูงอยู่หลังหนึ่งซึ่งสามารถกั้นพื้นที่ด้านล่างและชั้นบนเป็นห้องเรียนได้รวม 4ห้อง และใช้บ้านไม้
อันเป็นที่พำนักของคุณพ่อกังตอง(Pere Ganton)เป็นที่พักมีที่ว่างเป็นลานมุงหลังคาจากเป็นที่เล่นของเด็กๆเปิดรับนักเรียนทั่วไปใน
กรุงเทพฯ เปิดเรียนครั้งแรกมีนักเรียน 33คน
จากจำนวนนักเรียนเพียง 33คนในช่วงปีแรก เพิ่มเป็น 130 คนในปีการศึกษาใหม่ทำให้คุณพ่อกอลมเบต์ผู้มองการณ์ไกลทั้ง
ดีใจและหนักใจ ในประการหลังนั้นด้วยความเป็นห่วงใยในสถานที่เรียน ซึ่งท่านทราบแก่ใจดีว่าการก่อสร้างหมายถึงเงินที่ใช่จะหามาได้
โดยง่าย ในที่สุดท่านได้ร่างแผนผังวิทยาลัยในอนาคตของท่านนำเสนอต่อสมเด็จกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ พระองค์ท่านเห็นชอบ
ด้วย ต่อมาคุณพ่อจึงได้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ และได้รับพระราชทานเงินบริจาคจากทั้งล้นเกล้าฯ และ
จากสมเด็จพระอัครมเหสี ตลอดจนบรรดาเจ้านายและข้าราชการชั้นสูง ได้ร่วมบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลในครั้งนั้นด้วย
อาคารหลังใหม่ซึ่งถือว่าเป็น "ตึกเรียนหลังแรก" และปรากฏสง่างามเป็นที่กล่าวขานไปอีกนับอายุได้ร่วม 80ปี เป็นอาคารจาก
การออกแบบของสถาปนิกชาวตะวันตกซึ่งมีผลงานโดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในรัชกาลที่ 5 คือJoachim หรือ Gioachino Grassi เป็นชาว
อิตาลีโดยกำเนิด แต่ภายหลังได้โอนสัญชาติเป็นคนในบังคับของฝรั่งเศส ลักษณะเป็นอาคารสามชั้นแบบสมมาตร มีมุขกลางขนาดใหญ่ และ
มุขกระสันที่ปีกสองข้าง อาคารวางตัวแนวยาวประมาณ 60 เมตร สัดส่วนของสถาปัตยกรรมตลอดจนการตกแต่งเป็นแบบตะวันตกในสไตล์
คลาสสิคแบบเรียบ ความนิยมการก่อสร้างอาคารสไตล์ตะวันตกโดยช่างตะวันตกเช่นนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการเป็นอาคารแบบสาธารณะที่ต้อง
มีการใช้ประโยชน์จากคนจำนวนมาก สิ่งนี้เป็นสิ่งใหม่สำหรับประเทศและคนไทยสมัยนั้นจำเป็นต้องใช้วิทยาการใหม่ๆทางการก่อสร้างจาก
ต่างประเทศเพื่อให้อาคารมีความแข็งแรง
|