"กลับหน้าแรกคลิ๊กที่นี่.."
คนละวัฒนธรรม
แต่งงานแบบกะเหรี่ยง
ปลูกตามธรรมชาติ
น้ำฝน-น้ำใจ
หมู่บ้านศิลปิน
การพัฒนาที่บ้านเจ้าวัด
ไหว้เจดีย์
ป่าของเรา
บุญข้าใหม่

อยู่กับป่า


::คนละวัฒนธรรม ::

              แม้หมู่บ้านอยู่ห่างไกลกลางป่าเขา แต่ความเจริญก็รุดเข้าหาอย่างสุดจะหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัฒนธรรมจากในเมืองหลวง ผ่านทางวิทยุที่มีเสียงเพลงดังเกือบตลอดวัน ผ่านหนังสือดาราที่ไม่รู้เหมือนกันว่าหนุ่มสาวไปหาจากที่ไหนมาอ่านกัน และผ่านโทรทัศน์ที่มีอยู่เพียงเครื่องเดียวในหมู่บ้าน

      โทรทัศน์แม้จะเป็นของครู แต่ก็เหมือนกับเป็นของทุกคนในหมู่บ้าน เพราะหากใครต้องการดูรายการใด ก็ซื้อน้ำมันเบนซินสำหรับเครื่องปั่นไฟ แล้วดูโทรทัศน์ร่วมกันทั้งหมู่บ้าน

      อิทธิพลของสื่อต่าง ๆ ทำให้ดาราและนักร้องเป็นขวัญใจของคนหนุ่มสาว อุดมคติของหนุ่มสาวชาวเขาคืออยากเป็นเช่นดารานักร้องที่ตนโปรดปราน

      "กุ้ง" เด็กหนุ่มวัย 19 ปี เป็นผู้ที่คลั่งดารานักร้องมากที่สุดในหมู่บ้าน เนื่องจากพ่อและแม่ของกุ้งเป็นคนเรื่อย ๆ จึงเลี้ยงลูกอย่างตามใจและไม่เข้มงวด ประกอบกับกุ้งเป็นลูกผู้ชายคนเดียวในครอบครัว มีน้องเป็นผู้หญิง ญาติและบ้านข้างเคียงก็เป็นผู้หญิงโดยมาก ทำให้กุ้งดูกระตุ้งกระติ้งและคบหาแต่กับผู้หญิง

      กุ้งคลั่งไคล้พี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ มาก เป็นขวัญใจในดวงใจของกุ้ง ยามว่างจะเห็นกุ้งพยายามร้องเพลงตามสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลงของพี่เบิร์ด พร้อมกับเต้นประกอบให้เหมือนกับที่เคยเห็นในโทรทัศน์ แต่ลิ้นของกุ้ง ยังเป็นลิ้นชาวเขาที่ออกเสียงภาษาไทยไม่ชัด เสียงเพลงของกุ้งเป็นที่ขบขันมากกว่าน่าฟัง

      บางวันหากนึกสนุก กุ้งจะแต่งหน้า ทาปาก ทาเล็บ แต่งตัวอย่างสุดเปรี้ยว หนุ่ม ๆ ชอบมาแซว แต่ก็โดนกุ้งด่าและค้อนกลับไปทุกครั้ง จนทุกคนยอมรับว่านี่คือธรรมชาติของกุ้ง

      "ต้น" นักศึกษาหนุ่มปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ ขึ้นมาเที่ยวในหมู่บ้าน 2-3 วัน โดยตามรุ่นพี่ที่เคยมาออกค่ายอาสาพัฒนาที่หมู่บ้านนี้เมื่อ 3 ปีก่อน มาเที่ยวเยี่ยมชาวบ้าน

      ต้นชื่นชมกับธรรมชาติป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์รอบ ๆ หมู่บ้าน ชาวเขาที่มีอัธยาศัยโอบอ้อมอารีเป็นกันเอง มีชีวิตที่เรียบง่าย สงบ ซึ่งต่างจากชีวิตในมหาวิทยาลัยที่ต้นเรียนมากเหลือเกิน จนไม่น่าเชื่อเลยว่า ในโลกใบเดียวกันนี้ ชีวิตของผู้คน 2 แห่ง ช่างแตกต่างกันราวเป็นคนละโลก

      หัวค่ำของคืนเดือนหงาย ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ชาวเขาโดยเฉพาะอย่างยิ่งหนุ่ม ๆ จะออกคุยเที่ยวเล่นตามบ้านต่าง ๆ

      ใต้หลังคามุงแฝก บนฟากไม้ไผ่ รอบตะเกียงกระป๋องนมของคืนหนึ่ง กุ้งและต้น ได้พบกันที่นี่

      "พี่ต้น กุ้งนะอยากไปอยู่กรุงเทพฯ จริง ๆ ในกรุงเทพฯ มีแต่ของสวย ๆ งาม ๆ วัยรุ่นก็แต่ตัวกันเท่ ๆ มีดิสโก้เทคเปิดไฟแสงสี ดิ้นกับเพลงมัน ๆ มีแอร์ปรับอากาศเย็นสบาย ไปเป็นนักร้องอย่างพี่เบิร์ด ร้องเพลงเพราะ ๆ สนุก ๆ" กุ้งคุยกับต้น

      "จะเป็นนักร้องอย่างเบิร์ดเชียวหรือ" ต้นขัด

      "ถ้าไม่ได้เป็นนักร้อง เป็นแค่เด็กเสิร์ฟตามห้องอาหารก็ได้ แต่งตัวเท่ ๆ ผูกหูกระต่าย ใส่เสื้อแขนยาวสีขาว ใส่รองเท้าหนังสีดำ คอยพูดจาสุภาพ ห้องอาหารเป็นห้องแอร์ งานก็สบาย ไม่เหนื่อย แถมมีเพลงฟังด้วย"

      "อยู่กรุงเทพฯไม่ดีหรอก" ต้นว่าแล้วอธิบายความไม่น่าอยู่ของกรุงเทพฯมากมาย เช่น ปัญหาการจราจร โจรขโมย ความไม่จริงใจ เอารัดเอาเปรียบ สลัม น้ำเสีย ฯลฯ และพูดเปรียบเทียบกับชีวิตอันสงบสุขกลางป่าว่า ชีวิตเช่นนี้ดีอย่างไรบ้าง เช่น อากาศสดชื่น ผู้คนจริงใจ ธรรมชาติสมบูรณ์ มีอิสระไม่เร่งรีบ ฯลฯ

      หลังจากฟังต้นอธิบายยืดยาวกุ้งกล่าวว่า "เอาอย่างนี้ไหมพี่ต้น พี่ต้นมาแลกชีวิตกับกุ้ง พี่ต้นว่าอยู่ป่าดี พี่ต้นก็มาอยู่ป่าแทนกุ้ง มาทำไร่ เข้าป่า อดๆอยากๆ ส่วนกุ้งจะไปเรียนมหาวิทยาลัย อยู่บ้านหลังโต ๆ แต่งตัวโก้ ๆ แทนพี่ต้น พี่ต้นมาแลกกันไหม"

      นักศึษาปริญญาโทเงียบ ไม่รู้จะตอบกุ้งว่าอย่างไร

      ปีต่อมาความฝันของกุ้งก็เป็นความจริง เมื่อกุ้งได้มีโอกาสไปเป็นเด็กเสิร์ฟในห้องอาหารแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

      กุ้งออกจากหมู่บ้านไปด้วยความดีใจและความหวังอันสวยงาม

      สองเดือนถัดมา กุ้งกลับมาหมู่บ้านด้วยใบหน้าเฉยเมย เมื่อชวนคุยถึงเรื่องกรุงเทพฯ กุ้งมีท่าทีไม่อยากคุยด้วย และมักเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นครั้นถามว่าจะกลับกรุงเทพฯ เมื่อไหร่กุ้งตอบว่า ไม่ไปอีกแล้ว

      ส่วนต้นสอบปลัดอำเภอได้ รับการบรรจุตำแหน่งปลัดอำเภอที่อำเภอใหญ่แห่งหนึ่งในภาคอีสาน ไม่นานก็แต่งงานกับลูกสาวของกำนันในอำเภอนั้น

      ชีวิตของต้นแม้อยากอยู่กับป่าเขาแต่ก็ไม่ได้อยู่ เช่นเดียวกับชีวิตของกุ้งที่อยากอยู่ในกรุงเทพฯ แต่อยู่ไม่ได้

      ต้นคงเป็นคนเมืองเหมือนเคยเป็นมามีความสุขกับครอบครัว และก้าวหน้าในอาชีพการงาน ส่วนกุ้งคงเป็นคนป่าคนเขาดังบรรพบุรุษ ทำไร่ หากินตามธรรมชาติเช่นเดิม

      เป็นวัฒนธรรม 2 แบบที่แตกต่าง จนมิอาจก้าวข้ามไปสู่อีกวัฒนธรรมได้

      กุ้งไม่ไปกรุงเทพฯอีก เช่นเดียวกับต้นไม่มาหมู่บ้านในป่าเขาอีก

      แต่กุ้งยังคลั่งไคล้พี่เบิร์ดเหมือนเดิม และต้นยังโหยหาธรรมชาติและความจริงใจเหมือนเดิมเช่นกัน
© 2000-2001 by Karen Studies and Development Centre. Report technical problems to [email protected] . This document was build on: 22/06/2001 . Best view in IE4x or higher,800x600 pix.Font Medium.
Hosted by www.Geocities.ws