|
การบอกบุญของคุณพ่อทราบไปถึงพระเนตรพระกรรณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยผ่านทางพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
สมเด็จกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระอัครมเหสีมีพระราชศรัทธา บริจาคนำเป็นเงิน 50ชั่ง
และ 25ชั่ง ตามลำดับ บรรดาพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการชั้นสูงต่างร่วมบริจาคตามเสด็จพระราชกุศลครั้งนี้เป็นอันมากประชาชน
ทั่วไปที่เป็นชาวสยาม ต่างมีจิตศรัทธาร่วมบุญ และชาวต่างชาติก็ร่วมกันบริจาคในโครงการของคุณพ่อกอลมเบต์จนสามารถรวบรวมปัจจัย
ได้พอเพียง
|
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวสาอัยยิกาเจ้า และสมเด็จฯเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ
สยามมกุฎราชกุมาร |
|
ในวันที่ 15 สิงกาคม ค.ศ. 1887(พ.ศ.2430) ซึ่งตรงกับวันฉลอง แม่พระได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ คุณพ่อกอลมเบต์
ถือเป็นวันฤกษ์ดีที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชานุญาติให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิ-
ราชสยามกุฎราชกุมาร เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ เสด็จมาวางศิลาฤกษ์อาคารเรียนหลังใหม่
อาคารเรียนหลังใหม่ได้ทำการก่อสร้างต่อมาจนสำเร็จ เมื่อ ค.ศ.1890(พ.ศ.2433) รับนักเรียนได้เพิ่มขึ้นเป็น400คน ในเวลา 6 ปีต่อมา
เป็นนักเรียนที่มาจากครอบครัวของคนทุกชนชั้น อาชีพ ทุกเชื้อชาติ ศาสนา ที่มีอยู่ในดินแดนสยามขณะนั้น และเมื่อต่อมาในภายหลัง เมื่อมี
การก่อสร้างอาคารต่างๆเพิ่มขึ้นมาอีก อาคารเรียนที่เป็นตึกสร้างอย่างถาวรหลังแรกนี้ก็ได้รับขนานนามว่า ตึกเก่า
การมีนักเรียนจำนวนมากขึ้นได้กลายเป็นปัญหาสำคัญสำหรับคุณพ่อกอลมเบต์ เพราะโดยสถานะภาพของท่านมีภารกิจทางศาสนาอันเป็น
กิจกรรมในวัดอัสสัมชัญ ทั้งในด้านการประกอบศาสนพิธีและอภิบาลจิตวิญญาณของชาวคาทอลิก เมื่อต้องมีภาระบริหารการเรียนการสอน
ในโรงเรียนซึ่งจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจึงเป็นภาระที่หนักมากสำหรับท่าน ดังนั้นเมื่อได้กลับไปพักผ่อนในประเทศฝรั่งเศส ค.ศ.1900
(พ.ศ.2443) ท่านจึงได้ติดต่อกับคณะภราดาเซนต์คาเบรียล เพื่อขอบุคลากรมาช่วยจัดการเรียนการสอนโรงเรียนอัสสัมชัญที่กรุงเทพฯต่อไป
หลังจากที่คณะภราดาเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศฝรั่งเศสได้ส่งคณะภราดามาบริหารโรงเรียนอัสสัมชัญ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1901(พ.ศ.2444)
แล้วกิจการก็เจริญก้าวหน้าเป็นอันมาก จึงขยับขยายสร้างโรงเรียนในเครือข่าย คือโรงเรียนเซนคาเบรียลขึ้นที่สามเสน กรุงเทพฯ
การที่คณะเซนต์คาเบรียลในฝรั่งเศสอนุญาตให้ภราดา5รูปแรกเดินทางมายังสยามประเทศเพื่อมารับภารกิจของโรงเรียนอัสสัมชัญต่อจาก
คุณพ่อกอลมเบต์นั้นได้ปรากฏให้เห็นผลที่ตามมาภายหลัง ในความงอกงามของ พืชพันธุ์อัสสัมชัญนั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่าท่านทั้ง5
มิได้มาตัวเปล่า หากแต่พกพาเอาจิตวิญญาณของความเป็นครูผู้เพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม ความเสียสละ มาหว่านพืชพันธุ์ในอุดมคติของ
ท่านบนผืนแผ่นดินใหม่ของท่านนี้
|
คณะภราดาทั้ง 5 ได้ออกเดินทางจากฝรั่งเศสโดยทางเรือเมื่อวันที่22 กันยายน ค.ศ.1901(พ.ศ.2444)
มาถึงกรุงเทพฯ วันที่20 ตุลาคมในปีเดียวกัน ภราดา 5 รูปแรกที่มาในครั้งนั้นเป็นชาวฝรั่งเศสจากแขวง
ภาคกลาง 4 รูป คือ ภราดาอาแบล ภราดากาเบรียล เฟเฟอดี ภราดาฮีแลร์ และภราดามาร์ติน เดอ ตูร์
อีกรูปหนึ่งเป็นชาวแคนาดา คือภราดาเอากุสตีผู้ได้รับเลือกให้เดินทางในคณะนี้เนื่องจากเป็นความรู้ภาษา
อังกฤษดี และอีก2-3เดือนหลังจากนั้น คือเดือนมกราคม ค.ศ.1902(พ.ศ.2445) คณะเซนต์คาเบรียลใน
ฝรั่งเศสได้ส่งภราดามาเพิ่มอีก 4รูปรวมเป็น 9 รูป ซึ่งหลังจากนั้นไม่กี่อาทิตย์เมื่อโรงเรียนเปิดคุณพ่อ-
กอลมเบต์เดินทางกลับมาจากฝรั่งเศสแล้วได้มอบโรงเรียนอัสสัมชัญให้คณะภราดาเซนต์คาเบรียลทั้ง
9รูป ดูแลแทน โดยภราดามาร์ติน เดอ ตูร์ อายุ38ปีในขณะนั้น และอาวุโสที่สุดใน 5ณูปแรกที่เดินทางมาดำรง
ตำแหน่งอธิการของโรงเรียนอัสสัมชัญแทนคุณพ่อกอลมเบต์ ผู้ก่อตั้ง
|
|
ภราดามาร์ติน เดอ ตูร์ |
|
|