ซุปไก่สกัด"
คุณแน่ใจแค่ไหนไม่ถูกหลอก
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปเยี่ยมคุณป้า อย่าลืมแวะซื้อซุปไก่มาสักโหลนะ"
"ช่วงนี้จะสอบต้องบำรุงสมองด้วย ซุปไก่สักขวด จะได้จำแม่นๆ"
"ไม่สบายก็ดื่มซุปไก่สิ"
นี่คือคำพูดที่เรามักจะได้ยิน คุ้นหู
หรือไม่ก็ปฏิบัติกันอยู่เป็นประจำบังเอิญผมได้อ่านบทข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์
ฉบับหนึ่งซึ่งได้มีการทำวิจัยในฐานะการคุ้มครองผู้บริโภค
ผมก็เลยยกข้อความในหนังสือดังกล่าวมา
ให้อ่านโดยทั่วกันครับ ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะโจมตีบริษัทหรือผลิตภัณฑ์ใดๆ เพียงแต่มีความรู้สึกว่า
เงินที่คุณหามันมาได้ด้วยความยากลำบาก ก็อยากให้มีค่าสูงสุดเช่นกัน
..
แฉจะจะซุปไก่สกัด
คุณค่าแค่น้ำประปา
ม.มหิดล/มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค สถาบันวิจัยโภชนาการมหิดล แจงให้เห็นกันจะจะ
ซุปไก่สกัดยี่ห้อดัง
มีคุณค่าสารอาหารด้อยกว่าไข่ไก่และนม
ชี้คนไทยขาดความรู้ต้นเหตุตกเป็นเหยื่อขณะที่ตลาด
อาหารเสริมกว่า 3 พันล้านยั่วน้ำลายผู้ผลิตเร่งโหมโฆษณา
เลี่ยงบาลีไม่เคยบอกถึงคุณค่าทาง
อาหารด้านแพทยสภาออกกฎเข้มห้ามหมอยุ่งกับการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ทุกประเภท หากฝ่าฝืนมีสิทธิ์ถูกพักใบอนุญาต ด้านแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาระบุ
การดื่มซุปไก่สกัดแล้วทำให้คลื่นสมองแอลฟ่าเพิ่มขึ้นช่วยให้ความจำดีขึ้นเป็นงานวิจัยเกินจริง
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคอัดยับทั้งผู้ผลิตและคนทำหนังโฆษณา
ควรมีจรรยาบรรณกันบ้างเผยเ
คยเตือนกันแล้วแต่ไม่มีคนเชื่อ ข้างผู้บริหารเซเรบอสยังปิดปากเงียบ
จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้สั่งเบรกโฆษณาซุปไก่สกัดตรา
รนด์" ชุดล่าสุดที่ได้นำแพทย์ชื่อดังมาเป็นพรีเซ็ตเตอร์
เนื่องจากขัดกับหลักเกณฑ์ชัดเจน
ที่ห้ามนำแพทย์หรือนักวิชาการสาขาใดมาเป็นผู้นำเสนอโฆษณาผลิตภัณฑ์
โดยได้สื่อภาพเด็กเมื่อได้ดื่มซุปไก่สกัดแล้วจะมีพลังงานไปเลี้ยงสมองมากขึ้น
ซึ่งทางผู้บริหารของบริษัทเซเรบอสเจ้าของผลิตภัณฑ์ได้รับปากกว่าจะพิสูจน์ให้เห็นถึง
ผลการวิจัยก่อนนำเสนอภาพยนตร์โฆษณาที่ระบุว่าเป็นเพียงสารคดีให้ความรู้อีกครั้ง
เปรียบเทียบปริมาณสารอาหารในจำนวนเงิน 40-42 บาท
พลังงาน (กิโลแคลอรี) - ซุปไก่สกัด 13 - ไข่ไก่ 2,187 - นมกล่อง 775
โปรตีน ( กรัม ) - ซุปไก่สกัด 3 - ไข่ไก่ 176 - นมกล่อง 42
ไขมัน ( กรัม ) - ซุปไก่สกัด 0 - ไข่ไก่ 154 - นมกล่อง 40
แคลเซียม (มิลลิกรัม ) - ซุปไก่สกัด 0.5 - ไข่ไก่ 824 - นมกล่อง 1,475
เหล็ก (มิลลิกรัม ) - ซุปไก่สกัด 0.25 - ไข่ไก่ 42 - นมกล่อง 1.25
สถาบันวิจัยชี้จุดอ่อนคนไทย
ขาดความรู้ต้นเหตุ "เหยื่อ"
รศ.ดร.ทรงศักดิ์ ศรีอนุชาต ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยโภชนาการ
มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผย "สยามธุรกิจ" ว่า
ปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่ยังขาดความรู้เรื่อง
โภชนาการอาหารกับสุภาพเป็นอย่างมากว่า
อาหารที่รับประทานเข้าไปในแต่ละวันมีสารอาหารอะไรบ้างที่ร่างกายต้องการทั้งนี้สารอาหาร
ที่จำเป็นต่อการบำรุงร่างกายและสมองประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามิน
ทั้งสี่ชนิดนี้เป็นอาหารที่มีความจำเป็นมากต่อร่างกายที่ผู้บริโภคต้องรับประทานให้ครบ
ถ้วนในแต่ละวัน โดยไม่ต้องไปพึ่งพาอาหารประเภทบำรุงร่างกายแต่อย่างใด
จากความไม่รู้ดังกล่าวส่งผลให้ผู้บริโภคจำนวนมากได้หันไปเลือกซื้อสินค้าตามที่โฆษณาทาง
สื่อทีวีและหนังสือพิมพ์ที่มีการโอ้อวดสรรพคุณว่า มีสารอาหารที่ครบถ้วนผสมอยู่ ตัวอย่างเช่น
สินค้าบำรุงร่างกายประเภทซุปไก่สกัดที่ระบุว่าดื่มแค่เพียงขวดเดียวก็สามารถทดแทนอาหาร
ได้ครบถ้วน
ประเด็นดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการบางรายพบช่องว่างทางการตลาดที่มีโอกาสเติบ
โตได้อีกมาก ดังนั้นจึงได้โหมโฆษณาเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเลือกดื่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม
ที่ผ่านมาผู้ประกอบการซุปไก่สกัดเหล่านี้ไม่เคยแจ้งข้อมูลว่าอาหารประเภท
นี้มีคุณค่าทางสารอาหารอย่างไรบ้าง ส่วนใหญ่จะบอกเพียงแค่ส่วนผสมกับคาราเมลเท่านั้น
ขณะที่ฉลากจะระบุรายละเอียดเพียงว่าเด็ก, สตรีมีครรภ์, นักเรียน, นักศึกษา, ผู้สูงอายุ
ผู้ป่วยและผู้อ่อนเพลียเท่านั้นที่เลือกรับประทานได้
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าสินค้าอาหารบำรุงร่างกายที่มีการโฆษณาทางทีวี
ส่วนใหญ่มักจะ
นำเสนอว่าสินค้าของตนได้ผ่านการตรวจสอบและการวิจัยจากสถาบันชื่อดังในต่างประเทศ
แต่ในกรณีของซุปไก่สกัดไม่สามารถให้คำแนะนำผู้บริโภคในเรื่องคุณค่าทางโภชนาการได้
ทำให้ผู้บริโภคขาดข้อมูลประกอบการตัดสินใจ แต่ก็หลงซื้อเพราะความเข้าใจผิด
ในเรื่องนี้หน่วยงานของภาครัฐที่รับผิดชอบดูแลด้านอาหารควรเร่งดำเนินการให้ความรู้แก
่ผู้บริโภคมากขึ้นเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าของการโฆษณา
ยิ่งปัจจุบันกระแสการบริโภคอาหารเพื่อ
สุขภาพกำลังมาแรง มีผู้ผลิตสินค้าจำนวนมากเข้าสู่วงการอาหารซึ่งมีทั้งส่วนดีและส่วนเสีย
ซึ่งมาตรการหนึ่งที่ได้ดำเนินการไปแล้วเมื่อปลายปีที่ผ่านมาคือการบังคับให้ติดฉลากข้อมูลทาง
โภชนาการว่ามีคุณค่าทางอาหารอย่างไร
"ผมเห็นว่าโฆษณาดังกล่าวทำให้ประชาชนเข้าใจผิดและหลงเชื่อจะเห็นว่าแม้ท่ามกลาง
ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ผู้คนมีรายได้ลดลง
แต่บางรายต้องมาเสียเงินทองในการเลือกซื้ออา
หารบางประเภทที่ไม่มีคุณค่าโดยใช่เหตุ เนื่องจากขาดความรู้ความเข้าใจในการคัดเลือกซื้ออาหาร"
รศ.ดร.ทรงศักดิ์ กล่าวว่า
ตนขอเสนอแนะหลักวิธีปฏิบัติของผู้บริโภคก่อนที่จะตัดสินใจเลือก
ซื้ออาหารบำรุงร่างกาย 3 ประการคือ 1. ต้องกินอาหารให้ครบหมวดหมู่ 2. ดูแลเรื่องสุขภาพจิต
และ 3. ต้องดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นยาวิเศษต่อร่างกาย ไม่ต้องไปเสียค่าใช้จ่ายสูง
แจงให้เห็นกันจะจะ
ซุปไก่คุณค่าด้อยกว่าไข่-นม
สำหรับสารอาหารที่ผู้บริโภคจะได้รับนั้น หากผู้บริโภคซื้อซุปไก่สกัด 1ขวดรับประทานจะได้รับสาร
พลังงานเข้าสู่ร่างกายเพียง 13
กิโลแคลอรี่เท่านั้นขณะที่หากบริโภคไข่ไก่จะมีสารพลังงานสูงถึง
2,187 กิโลแคลอรี่และนมสด 775 กิโลแคลอรี่ ส่วนสารโปรตีนซุปไก่ 1 ขวดมีเพียง 3 กรัม
หากบริโภคไข่ไก่ในจำนวนเงินที่เท่ากันจะได้คุณค่าสารโปรตีนสูงถึง 176 กรัม
และนมกล่องจะ
ได้คุณค่าสารโปรตีน 42 กรัม
ส่วนสารไขมันซุปไก่สกัด 1 ขวดเท่ากับ 0 กรัมไข่ไก่ 154 กรัมและนม 40
กรัมและสารแคลเซียมซุป
ไก่สกัดมีเพียง 0.5 มิลลิกรัม ขณะที่ไข่ไก่มีสูงถึง 824 มิลลิกรัมและนม 1,475
มิลลิกรัมซึ่งที่ผ่านมา
ผู้บริโภคเองยังขาดข้อมูลส่วนนี้เปรียบเทียบให้เห็นสารอาหารในแต่ละประเภท
หมอคนดังยันซุปไก่เยี่ยม
ลดความเครียด-ความจำแม่น
ก่อนหน้านี้ บริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ซุปไก่สกัดตรา "แบรนด์"
ได้นำเสนอผลงานการวิจัยแจกจ่ายให้สื่อมวลชนชิ้นหนึ่งของรศ.ดร.นัยพินิจ คชภักดี
ผู้อำนวยการโครงการวิจัยชีววิทยาระบบประสาทและพฤติกรรมสถาบันวิจัยและ
พัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหิดล
ซึ่งมีความสนใจเกี่ยวกับบทบาท
ของสารอาหารในการปรับเปลี่ยนการทำงานต่างๆ
ของสมองและจิตใจไม่ว่าจะเป็นความ
เกี่ยวกับบทบาทของสารอาหารในการปรับเปลี่ยนการทำงานต่างๆ
ของสมองและจิตใจไม่ว่า
จะเป็นความเกี่ยวข้องของน้ำตาลบางชนิดกับอาการสมาธิสั้นในเด็ก
การบำบัดอาการแปรปรวน
ทางจิตใจด้วยการบริโภคน้ำตาลหรือสารที่ให้รสหวาน การเพิ่มความรู้สึกที่ดี
และเป็นสุขในผู้สูงอายุ โดยการเสริมอาหารที่มีไฮโรอีพิแอนโดรสเตอโรน (ดีเอชอีเอ)
ซึ่งงานวิจัยได้ระบุผลของซุปไก่สกัดต่อการส่งเสริมการทำงานของสมองด้วยการตรวจคลื่นไฟฟ้าในสมอง
ยังพบว่า สามารถลดความเครียด
ช่วยให้สมองมีการผ่อนคลายและจดจำสิ่งต่างๆได้แม่นยำ
ขึ้นขณะเดียวกัน ดร.นัยพินิจ คชภักดี ยังได้ถูกนำมาเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาชุดที่ อย.สั่งเบรกในครั้งนี้ด้วย
แพทยสมาคม
ห้ามแพทย์ยุ่งส่งเสริมการขายอาหาร
ศ.น.พ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาจากโรงพยาบาลจุฬาลง
กรณ์ในฐานะตัวแทนราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยเปิดเผยภายหลังการประ
ชุมคณะกรรมการแพทยสภาว่า จากกรณีที่มีการโฆษณากล่าวอ้างผลงานวิจัยว่า
ผู้ที่ดื่มซุปไก่สกัดทำให้คลื่นสมองแอลฟ่าเพิ่มขึ้นและช่วยให้ผ่อนคลาย
มีสมาธิและ
จดจำสิ่งจริง
เพราะเทคนิคการวัดคลื่นสมองแอลฟ่าเพียงอย่างเดียวไม่สามารถสรุปผลตามที่มี
การกล่าวอ้างและเกรงว่าต่อไปจะมีสถานพยาบาลนำเทคนิคการวิจัยคลื่นสมองแอลฟ่ามา
ใช้กับคนไข้ของตนเอง
"นักวิจัยหรือนักวิชาการมีความเป็นอิสระในการทำวิจัย
และขึ้นอยู่กับจริยธรรม
ของผู้นั้นในการตีความงานวิจัยของตัวเอง
ซึ่งถ้าอยู่ในวงวิชาการแคบๆแต่ละ
ท่านคงตัดสินได้ว่าน่าเชื่อถือเพียงใด แต่เมื่อเข้าล็อกบริษัท
ทำให้ประชาชนจำนวนมากหลงเชื่อข้อมูลได้"
อย่างไรก็ตาม การทดลองชิ้นดังกล่าวทดลองกับหนูเพียง 10
ตัวและก้าวกระโดดมา
ใช้วัดกับคนทั้งๆที่มูลเหตุสำคัญของการวิจัยยังไม่ชัดเจน
เพราะการที่มีการดื่ม
น้ำซุปไก่มาเป็นเวลาหลายร้อยปีเนื่องจากให้คนไข้ได้รับประทานแทนข้าวในช่วง
ฟื้นไข้มากกว่าช่วยให้ฟื้นตัว
ศ.น.พ.ธีระวัฒน์ กล่าวยืนยันด้วยว่า
ในผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจก็
ไม่เคยพูดถึงความเกี่ยวข้องกับการทำงาน
ของสมองแต่อย่างใดและการโฆษณาในลักษณะดังกล่าวคล้ายคลึงกับ
บริษัทแปะก๊วยแห่งหนึ่งให้ทุนนักวิจัยในสหรัฐฯทำเกี่ยวกับคลื่นสมองแอลฟ่า แต่ไม่มีวงวิชาการหรือสมาคมผู้สูงอายุให้การยอมรับผลการวิจัยดังกล่าว
ด้าน น.พ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ โฆษกแพทยสภา กล่าวว่า ไม่เคยมีการกำหนดมาตรฐานใดในโลกที่ยึดถือคลื่นสมองเป็นตัวบ่งชี้ว่าความจำจะดีขึ้นหรือลดลง ทั้งนี้นักวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากเจ้าของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ควรจะประกาศให้สาธารณชนได้รับทราบด้วยว่ามีความสัมพันธ์กับบริษัทนั้นๆ อย่างไรและเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดจากการที่แพทย์เข้าไปเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการขาย คณะกรรมการแพทย์สภาได้มีมติในวันนี้ว่า การที่แพทย์เข้าไปเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการขาย ไม่ว่าในการให้ความรู้ในกระบวนการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ การแนะนำผู้ป่วยให้ใช้
การสั่งให้แก่ประชาชนหรือผู้ป่วยใช้
จะถือว่าผิดข้อบังคับของแพทยสภา
ว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2529 หมวด 3
โดยแพทย์คนใดทำผิดข้อบังคับดังกล่าวอาจจะได้รับโทษถึงขั้นพัก
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม
NGO โวยให้มีจรรยาบรรณกันบ้างระบุเคยเสนอข้อมูลแล้วไม่เชื่อกัน
นางสารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ให้ความเห็นใน "สยามธุรกิจ" ว่า
เรื่องดังกล่าวถือเป็นการโฆษณาที่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจผิดในสาระ
สำคัญที่มีผลทางการค้า ซึ่งตัวบริษัทเองควรที่จะมีจรรยาบรรณมากกว่านี้ รวมทั้งควรพิสูจน์ให้เห็นว่าซุปไก่สกัดดังกล่าวทำให้ฉลาดได้จริงเพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยัน ซึ่งต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาผลของโฆษณามีส่วนในการตัดสินใจซื้อสินค้าของคนไทยเป็นอย่างมาก
"ตัวบริษัทเจ้าของสินค้าเองควรมีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคด้วย ไม่ใช่คอยให้หน่วยงานของรัฐมาคอยกำกับดูแลแต่ฝ่ายเดียว ขณะที่สมาคมผู้ประกอบธุรกิจโฆษณาก็ควรมีความรอบคอบก่อนที่จะปล่อยสื่อออกไป ในเรื่องนี้หากผิดจริงจะต้องรีบให้โฆษณาแก้
เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง
ในโอกาสต่อไป ขณะที่หน่วยงานราชการเองก็ควรที่จะให้ความรู้แก่ประชาชนในเรื่องนี้ด้วย โดยเฉพาะกลุ่มใหม่ที่ไม่เคยรับสื่อ สรุปแล้วทุกฝ่ายต้องช่วยกันสอดส่องดูแล"
อย่างไรก็ตาม
ในเรื่องซุปไก่สกัดนี้ทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเคยนำเสนอข้อมูลคุณค่าทาง
โภชนาการในนิตยสารฉลาดซื้อ ซึ่งเป็นสื่อของมูลนิธิเล่มแรกเมื่อปี 2537 และ เล่มที่ 17 ที่ผ่านมา โดยจากผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ระบุชัดว่า ซุปไก่สกัด 1 ขวดมีคุณค่าทางโภชนาการน้อยกว่านม 1กล่อง และเท่ากับไข่เพียงครึ่งฟองเท่านั้น ขณะที่ราคามีความแตกต่างกันมาก
ล่าสุดมูลนิธิได้จับตามองเป็นพิเศษต่อกรณีที่ค่ายซุปไก่สกัดได้รุกเข้าไปจัดกิจกรรมใน
โรงเรียนซึ่งถือเป็นรื่องที่น่าห่วง
จากข้อมูลการตลาดในปัจจุบันตลาดผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพมีมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาทโดยในส่วนของสินค้าซุปไก่สกัดมีส่วนแบ่งมากที่สุด 1,200-1,300 ล้านบาทมีผู้ประกอบการหลักคือยี่ห้อแบรนด์และสก๊อต ซึ่งแบรนด์มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดกว่า 90% มีโรงงานผลิตอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี สำหรับกลยุทธ์การตลาดของแบรนด์ที่ผ่านมาจะเน้นหนักด้านกิจการรมที่เป็นประโยชน์ต่อคอนซูเมอร์ อาทิแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ และแบรนด์จูเนียร์คลับ
รวมทั้งได้นำสถาบันคิงส์คอลเลจ และคนในตระกูล "วรรธนะสิน" มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในการโฆษณาเพื่อตอกย้ำให้ผู้บริโภคมีความรู้สึกว่าสินค้านี้มีมานานและคนก็กินมานาน
ต่อเรื่องนี้ "สยามธุรกิจ"
ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ผู้บริหารของบริษัทเซเรบอสเพื่อชี้แจงรายละเอียดแต
่ไม่สามารถติดต่อได้โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่าติดประชุม
บทข่าวนี้นำมาจากหนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ
ปีที่ 6 ฉบับที่ 283 วันที่ 14 - 20 พฤษภาคม 2543
|