เจียวกู้หลาน
Jiaogulan (Gynostemma pentaphylum)
ได้รับการ ยกย่าอง
ให้เป็นสุดยอดสมุนไพรแห่งชาติปี
พ.ศ. 2548
อากาศพิษ
นอกจากปัจจัยสี่ ซึ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตแล้ว เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเราก็ต้องการอากาศดีๆ เพื่อใช้ในการหายใจเช่นกัน แต่ในยุคปัจจุบันแล้ว อากาศที่เราหายใจมีสารปนเปื้อนอยู่มากมายทั้งฝุ่นละออง เชื้อโรคและก๊าซพิษ ซึ่งก๊าซพิษเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงนั่นเอง ก๊าซเหล่านี้ได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์ คาร์บอนมอนนอกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ตะกั่ว เป็นต้น นอกจากนี้การเผาไหม้เลื้อเพลิงที่ไม่สมบูรณ์ยังทำให้เกิดสารประกอบอินทรีย์ชนิดระเหยได้ที่เป็นพิษต่อร่างกายเราเช่นกัน
มลพิษในอากาศส่วนใหญ่จะอยู่ในชั้นบรรยากาศที่ใกล้พื้นโลกมากที่สุด นั่นคือชั้นโทรโปสเฟียร์ ซึ่งกินพื้นที่จากผิวโลกขึ้นไปประมาณ 16 กิโลเมตร ในปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ จะทำให้อากาศเกิดการแบ่งชั้นตามอุณหภูมิโดยอากาศที่เย็นกว่าจะถูกกักไว้ชั้นล่าง โดยอยู่ใกล้กับผิวโลก ในขณะที่อากาศที่ร้อยกว่าอยู่ข้างบน ในสภาพดังกล่าวนั้นมลพิษจะถูกกักเก็บไว้ที่อากาศชั้นล่างและจะไม่มีการผสมกันของอากาศตามธรรมชาติ
Smog (มาจากภาษาอังกฤษคำว่า smoke + fog) ถือเป็นกลุ่มหมอกควันที่เป็นมลภาวะทางอากาศอย่างหนึ่ง ซึ่งมลพิษถูกกักเก็บไว้ในอากาศเนื่องจากปรากฎการณ์เปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ซึ่งมลพิษเหล่านี้เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง ถ่านหิน น้ำมัน นอกจากนี้ยังเกิดได้จากการทำปฎิกิริยาของแสงกับออกไซด์ของไนโตรเจนและสารประกอบอินทรีย์ชนิดระเหยได้
ที่จริงแล้ว smog ประกอบด้วยโอโซน ซึ่งโอโซนในบรรยากาศชั้นล่าง (โทรโปสเฟียร์) ถือว่าเป็นอันตรายต่อร่างกาย ทำให้เกิดความระคายเคืองที่ปอด ตลอดจนเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ทั้งพืชและสัตว์
หมายเหตุ โอโซน ประกอบด้วยโมเลกุลของออกซิเจน 3 อะตอม (ซึ่งมากกว่าออกซิเจนทั่วไปที่มีแค่ 2 อะตอม)
ปริมาณโอโซน เป็นตัวบ่งชี้ถึงความรุนแรงของมลภาวะได้ เนื่องจากปริมาณโอโซนในชั้นโทรโปสเฟียร์ที่มีมากขึ้น หมายถึงปริมาณมลพิษอื่นๆในอากาศที่มากขึ้นด้วย เช่น ปริมาณของคาร์บอนมอนนอกไซด์
เมื่อความชื้นในอากาศรวมกับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ หรือออกไซด์ของไนโตรเจน จะเกิดเป็นกลุ่มหมอกควันที่มีสภาพเป็นกรด ซึ่งเป็นอันตรายต่อปอด และยังสามารถกัดกร่อนโลหะ ตลอดจนหินอ่อนได้อีกด้วย ในผู้ป่วยหอบหืดและโรคหัวใจจะมีอาการแย่ขึ้นเมื่อสูดเอากลุ่มควันพวกนี้เข้าไป จะทำให้ปวดศีรษะ มึนงง หายใจลำบาก
นอกจากอากาศเป็นพิษอย่างที่เราเข้าใจกันแล้ว ปัญหาใหญ่ซึ่งเป็นปัญหาระดับโลกที่เราต้องรวมมือร่วมใจกันแก้ไขก็คือ การที่ชั้นบรรยากาศถูกทำลาย จากที่กล่าวแล้วถึงในชั้นบรรยากาศที่ใกล้พื้นโลกมากที่สุด
หรือโทรโปสเฟียร์ แล้วถัดจากบรรยากาศชั้นนี้ขึ้นไป(จากความสูงเหนือระดับพื้นโลก 16-50 กิโลเมตร นั้นเป็นชั้นบรรยากาศ สเตรโตสเฟียร์ ซึ่งเป็นชั้นที่ประกอบด้วยโอโซนจำนวนมาก(โอโซนในชั้นนี้มีโมเลกุลเหมือนโอโซนในชั้นโทรโปสเฟียร์) แต่โอโซนที่ชั้นบรรยากาศนี้ เปรียบเสมือนด่านปราการที่ปกป้องโลกจากรังสีUV-B จากดวงอาทิตย์ รังสีUV-Bนั้นสามารถทำลายรหัสพันธุกรรมหรือDNA ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของมะเร็ง ในปัจจุบันนี้ชั้นโอโซนดังกล่าวถูกทำลายไปจำนวนมากเนื่องจากสารเคมีบางอย่าง เช่น สารCFC , ไนตรัสออกไซด์(พบในพวกปุ๋ย), เมทิล โบรไมด์ (พบในยาฆ่าแมลง)
CFC หรือสารคลอโรฟลูออโรคาร์บอน(เป็นสารหลักที่ทำลายโอโซน) ซึ่งเป็นก๊าซที่เกิดจากตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ กระป๋องสเปรย์ CFCเป็นก๊าซที่ไม่สลายตัวไปง่ายๆ สามารถลอยขึ้นไปถึงชั้นสเตรโตสเฟียร์ และที่นี่เมื่อสาร CFC รวมตัวกับรังสีUV สารCFCจะแตกตัวได้เป็นคลอรีน เมื่อคลอรีนรวมตัวกับโอโซนในชั้นบรรยากาศ จะเกิดเป็นออกซิเจน (O2) ซึ่งไม่สามารถดูดซับรังสีUV-B ได้อย่างโอโซน
หมายเหตุ คลอรีน 1 โมเลกุล สามารถทำลายโอโซนในชั้นสเตรโตสเฟียร์ ได้ถึง 100,000โมเลกุล
ปรากฏการณ์เรือนกระจก
(Greenhouse effect)
ก๊าซที่เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์เรือนกระจก ได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์(เกิดจากการเผาไหม้ถ่านและน้ำมัน) มีเทน ไนโตรเจนออกไซด์และCFC ซึ่งก๊าซเหล่านี้จะยอมให้แสงอาทิตย์ผ่านมายังพื้นโลกได้ แต่จะสะท้อนกลับความร้อนจากผิวโลกไม่ให้สามารถผ่านออกไปได้ ดังนั้นจึงทำให้อุณหภูมิที่ชั้นบรรยากาศและผิวโลกสูงขึ้น
อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น ส่งผลให้อากาศแปรปรวน ทำให้เกิดน้ำท่วม พายุกำลังแรง และภาวะแห้งแล้งที่ยาวนานขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกละลาย ประมาณการณ์ว่า ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้น 9- 100 เซนติเมตรภายในปี 2100 และถ้าเป็นไปตามนั้น รัฐฟลอริดาจะอยู่ใต้น้ำในศตวรรษหน้า และโรคมาลาเรียที่เคยแพร่ระบาดเฉพาะในเขตร้อนชื้น จะแพร่ไปยังทุกบริเวณทั่วโลก พืชและสัตว์บางชนิดจะสูญพันธ์ เนื่องจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนไปทำให้สภาวะแวดล้อมเปลี่ยนไป
อันตรายจากก๊าซพิษต่างๆ
คาร์บอนมอนอกไซด์ เป็นก๊าซที่ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี หลังจากที่เราสูดดมก๊าซชนิดนี้เข้าไป ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์จะเข้าสู่กระแสเลือด และจะขัดขวางการลำเลียงออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย ถ้าร่างกายได้รับเพียงเล็กน้อยจะทำให้มึนงง ปวดศีรษะ เหนื่อยง่าย แต่ถ้าได้รับในปริมาณมากอาจถึงแก่ชีวิตได้
แหล่งที่มาของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์คือพวกเชื้อเพลิงที่มีคาร์บอน รวมถึงน้ำมันเบนซินน้ำมัน และไม้ ซึ่งก๊าซชนิดนี้เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือที่เกิดขึ้นจากสารสังเคราะห์ เช่น การสูบบุหรี่เป็นต้น
คาร์บอนไดออกไซด์ เป็นสาเหตุสำคัญที่เกี่ยวข้องกับปรากฎการณ์เรือนกระจก แหล่งที่มาของก๊าซส่วนใหญ่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ อันได้แก่ การเผาไหม้ถ่าน น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ถ้าเราสูดดมก๊าซชนิดนี้ในปริมาณมากจะทำให้เราหายใจถี่ขึ้น หมดสติ หรือถึงแก่ชีวิต
คลอโรฟลูออโรคาร์บอน หรือ CFC เป็นสารเคมีที่ใช้วงการอุตสาหกรรม อาทิเช่น ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เมื่อก๊าซชนิดนี้ถูกปล่อยขึ้นสู่อากาศจะขึ้นไปสู่ชั้นสเตรโตสเฟียร์ ซึ่งเป็นชั้นบรรยากาศที่อยู่เหนือจากโลกขึ้นไปอีก ซึ่งในชั้นบรรยากาศชั้นนี้ สารCFCจะทำลายโอโซนที่เปรียบเสมือนป้อมปราการที่ปกป้องโลกจากรังสีอันตรายของดวงอาทิตย์(รังสี UV) ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องช่วยกันลด ละ เลิกการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดสารCFC ที่ทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศ
ตะกั่ว เป็นโลหะหนักที่เป็นอันตรายต่อร่างกายโดยเฉพาะในเด็ก เนื่องจากตะกั่วจะทำลายระบบประสาทและระบบย่อยอาหาร ตลอดจนเป็นสาเหตุของมะเร็ง ซึ่งร่างกายของเราได้รับสารตะกั่วผ่านทางการหายใจและทางเดินอาหาร แหล่งที่มาของสารตะกั่วได้แก่ สี โรงงานแบตเตอรี่ โรงงานเซรามิก ท่อประปา
โอโซน เป็นก๊าซที่ประกอบด้วยออกซิเจน 3 อะตอม (ในขณะที่ก๊าซออกซิเจนในอากาศ ปกติ ประกอบด้วยออกซิเจน 2 อะตอม) โอโซนในบรรยากาศชั้นสเตรโตสเฟียร์ซึ่งเป็นชั้นบรรยากาศที่อยู่เหนือจากโลกที่ระดับ 16-50 กิโลเมตรนั้นเป็นม่านกรองรังสีUVที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ในขณะที่โอโซนในชั้นบรรยากาศโทรโปสเฟียร์ซึ่งอยู่ใกล้ผิวโลกมากที่สุดนั้นเป็นต่อทั้งมนุษย์ สัตว์และพืช เนื่องโอโซนจะทำให้ทางเดินหายใจระคายเคือง ไอต่อเนื่อง ทำให้ปวดหน้าอก ไม่สามารถที่จะหายใจลึกๆยาวๆได้ ทำให้ปอดติดเชื้อได้ง่าย
โอโซนในชั้นบรรยากาศที่อยู่ใกล้ผิวโลกนั้นเกิดจากการแตกตัวของสารประกอบอินทรีย์ซึ่งสามารถระเหยได้ รวมถึงเป็นผลพลอยได้จากปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นระหว่างสารเคมีในการเผาไหม้ถ่าน น้ำมันเบนซิน เชื้อเพลิงต่างๆ รวมถึงยานพาหนะและโรงงาน
ไนโตรเจนออกไซด์ เป็นก๊าซพิษที่พบในกลุ่มหมอกsmog และฝนกรด ถ้าได้รับไนโตรเจนออกไซด์ปริมาณมาก จะทำให้หายใจลำบาก ไอและเป็นอันตรายต่อทางเดินหายใจ สำหรับฝนกรดนั้นเป็นอันตรายต่อพืช ผัก ก๊าซชนิดนี้เกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง รวมถึงน้ำมันเบนซินและถ่านหิน
ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เป็นก๊าซที่ไม่มีกลิ่นในกรณีที่ความเข้มข้นต่ำ ในขณะที่ความเข้มข้นสูงจะมีกลิ่นรุนแรง ก๊าซชนิดนี้เกิดจากกการเผาไหม้ถ่านหิน รวมถึงเป็นของเสียที่เกิดในโรงงานผลิตกระดาษ โรงหลอมโลหะ ก๊าซชนิดนี้พบได้ในกลุ่มหมอกและฝนกรด เนื่องจากซัลเฟอร์ไดออกไซด์ทำให้เกิดกรดซัลฟิวริกซึ่งเป็นกรดรุนแรง สามารถกัดกร่อนพืชและโลหะ ตลอดจนเป็นอันตรายต่อปอดและทางเดินหายใจ
สารประกอบอินทรีย์ระเหยได้ สารเหล่านี้ประกอบอินทรีย์ ซึ่งมีคาร์บอน ตลอดจนสารอินทรีย์อื่นๆที่เป็นองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต ทั้งนี้สารประกอบอินทรีย์ระเหยได้หลายชนิดไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เกิดจากขบวนการสังเคราะห์ในห้องทดลอง สารเหล่านี้จะระเหยเป็นไอได้ง่ายแม้ที่อุณหภูมิห้อง
ตัวอย่างของสารประกอบอินทรีย์ระเหยได้ ได้แก่น้ำมันเบนซิน เทอลูอีน ไซลีน เปอร์คลอโรเอทธีลีน(สารละลายที่ใช้ซักแห้ง) สารเหล่านี้เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง น้ำมัน ไม้ ถ่าน ก๊าซธรรมชาติและพบได้ในสารทำลายของสี กาวและของใช้ในบ้านต่างๆ ตลอดจนการเผาไหม้ของยานพาหนะ ซึ่งสารเคมีเหล่านี้เป็นอันตรายต่อชีวิต และเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็ง
ขอขอบคุณข้อมูล
บริษัท กู๊ดเฮลท์
ประเทศไทย จำกัด
น้ำเสียหมายถึงน้ำที่มีสภาพทางกายภาพ ชีวภาพ ส่วนประกอบทางเคมี ที่ไม่เหมาะสม
เป็นมล
พิษทางทัศนียภาพและก่อให้เกิดผลผลเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม
การวัดมลพิษของน้ำโดยทั่วไป
1. ออกซิเจนละลาย
2. พีเอชของน้ำ
3. ความโปร่งใสของน้ำ
4. ความกระด้างของน้ำความเค็มของน้ำ
5. สารเคมีในน้ำ เช่น ไนไตรท์ ไนเตรท แอมโนเนีย โลหะหนัก ฯลฯ...
6. อื่นๆ เช่น สี กลิ่น ฯลฯ.....
การวัดความเป็นพิษของน้ำหรือสภาพน้ำเสียค่าที่เชื่อถือจะได้จากการวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ
สาเหตุส่วนใหญ่และสำคัญมาจากมนุษย์ ที่ใช้แหล่งน้ำทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างขาดการอนุรักษ์
รายละเอียด
น้ำเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่ามหาศาล
น้ำมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ สัตว์
และพืชถ้าขาดน้ำเมื่อใดก็เป็นการยากที่
มนุษย์สัตว์และพืชจะดำรงชีวิตอยู่ได้นาน ดังนั้นตั้งแต่สมัยโบราณ จนถึงปัจจุบันเราจะพบว่ามนุษย์ทุกหมู่
สัตว์และพืชจะดำรงชีวิตอยู่ได้นานดังนั้นตั้งแตทุกเหล่า ทุกเผ่าพันธุ์ เลือกตั้งถิ่นฐานอยู่ใกล้น้ำ
น้ำธรรมชาติมีอยู่ทั่วไปทั้งบนผิวดิน ใต้ดิน และในบรรยากาศ น้ำบนผิวดินเป็นแหล่งน้ำที่เราจะพบมากที่สุด
ได้แก่ แม่น้ำ ลำคลอง หนอง บึง ห้วย ลำธาร ทะเลสาบ ทะเล และมหาสมุทร ส่วนน้ำใต้ดินมีแตกต่างกันเป็น
2 ประเภท คือ น้ำในดิน และน้ำบาดาล
ถ้าเราขุดบ่อลงไปบริเวณแหล่งน้ำในดิน เราเรียกบ่อน้ำชนิดนี้ว่า บ่อน้ำในดิน และถ้าขุดบ่อลึกลงไปมาก ๆ
หรือใต้ชั้นหินจนถึงระดับน้ำบาดาล เราเรียกบ่อน้ำชนิดนี้ว่า บ่อน้ำบาดาล
น้ำธรรมชาติที่มีส่วนเกี่ยวพันกับความเป็นอยู่ของมนุษย์ สัตว์ และความเจริญของพืชพันธุ์ ได้แก่
น้ำบนผิวดิน ในแต่ละวัน คนเราต้องใช้น้ำจำนวนมากทั้งในด้านการอุปโภค บริโภค การประกอบอาชีพ
เช่น การประมง เกษตรกรรมและอุตสาหกรรม เป็นต้น
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องช่วยกันรักษาแหล่ง
น้ำธรรมชาติเหล่านี้ให้สะอาดอยู่เสมอ หากปล่อยให้มีสิ่งสกปรก เช่น ขยะ หรือน้ำทิ้ง
ลงปะปนอยู่ใน
น้ำธรรมชาติ ก็จะทำให้แหล่งน้ำนั้นกลายเป็นน้ำเสียในภายหลัง เมื่อแหล่งน้ำดีกลายเป็นน้ำเสีย
ก็จะเป็นอันตรายต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคน พืช และสัตว์ ไม่เฉพาะแต่พื้นที่เดียวเท่านั้น
อาจขยาย
บริเวณภยันตรายกว้างไกลออกไปทั้งชุมชนละแวกนั้น ๆ ได้
คุณประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของน้ำคือ อาชีพทางน้ำ น้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ทั้งในด้านการอุปโภคและบริโภค
สาเหตุที่จะทำให้น้ำในแม่น้ำลำคลอง และแหล่งน้ำธรรมชาติอื่น ๆ กลายเป็นน้ำเสีย กล่าวโดยสรุปได้แก่
1. สิ่งปฏิกูลจากบ้านเรือน
ที่อยู่อาศัยของชนที่อยู่รวมกันเป็นชุมชนเป็นย่านที่อยู่อาศัย และย่านการค้าขาย
ในอาณาบริเวณดังกล่าวน
ี้ ย่อมจะมีน้ำทิ้งจากการอุปโภคและบริโภค เช่น น้ำจากการซักล้างและการทำครัว
น้ำจากส้วมที่ไม่ได้ผ่านการ
บำบัดให้มีคุณภาพตามมาตรฐานและอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำลำคลอง น้ำทิ้งเช่นนี้จะทำให้เกิดน้ำเน่าน้ำเสียได้
2. สิ่งปฏิกูลจากการเกษตรกรรม
ในการเพาะปลูกปัจจุบันนี้ เกษตรกรใช้สารเคมีมากขึ้น เช่น ปุ๋ย สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ซึ่งบางชนิดสลายตัวยาก
สารอาจจะตกค้างอยู่ตามพืชผักผลไม้ ก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้บริโภค และบางส่วนอาจจะกระจายอยู่ตามพื้นดิน
เมื่อฝนตกน้ำฝนจะชะล้างลิ่งเหล่านี้ลงแม่น้ำลำคลอง เป็นเหตุให้กุ้ง ปลา หอย ปู และสัตว์น้ำอื่น ๆ
เป็นอันตรายถึงตายได้ ถ้าสัตว์น้ำได้รับสารเคมีบางชนิดในปริมาณไม่มาก ก็อาจสะสมอยู่ในตัวสัตว์
เมื่อคนจับสัตว์น้ำเหล่านี้มาทำอาหาร สารเคมีนั้นก็จะเข้าไปสะสมอยู่ในร่างกายของคนอีกทอดหนึ่ง
บริเวณเพาะปลูกอาจมีมูลสัตว์ปนอยู่ เมื่อฝนตกหรือเมื่อใช้น้ำรดพืชผักผลไม้ น้ำก็จะชะล้างสิ่งปฏิกูล
คือมูลสัตว์นี้ลงสู่แม่น้ำลำคลอง ในมูลสัตว์อาจมีเชื้อโรคและพยาธิปนอยู่ เป็นเหตุให้ผู้ใช้แม่น้ำลำคลองได้รับเชื้อโรคจากสิ่งปฏิกูลนั้นได้
3. สิ่งปฏิกูลจากการอุตสาหกรรม
โรงงานอุตสาหกรรมทั่วไปใช้น้ำในปริมาณมากน้อยแตกต่างกัน
น้ำที่ใช้ทำความสะอาดเครื่องมือและ
พื้นที่ในโรงงาน และน้ำทิ้งจากโรงงาน จะเป็นน้ำเสียไหลลงสู่แม่น้ำลำคลอง
บางโรงงานอาจมีวัสดุเหลือ
จากผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมบางประเภทปนไปกับน้ำทิ้งทั้งหมดนี้ เป็นเหตุให้น้ำในแม่น้ำลำคลองเน่า ส่งกลิ่นเหม็น มีสารพิษปะปนอยู่กลายเป็นมลภาวะที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมบริเวณนั้น
น้ำมันจากโรงงานอุตสาหกรรมก็มีส่วนทำความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม หากใช้น้ำมันโดยขาดความระมัดระวัง เช่น
การเทน้ำมันหล่อลื่นที่ใช้แล้วลงน้ำ ตลอดจนการทำความสะอาดโรงงาน
น้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยลง
แม่น้ำลำคลองเช่นนี้ จะมีคราบน้ำมันลอยเป็นฝา ทำให้ก๊าซออกซิเจนในอากาศไม่สามารถจะละลายลงไปในน้ำ
มีผลทำให้สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในน้ำขาดก๊าซออกซิเจน ยิ่งกว่านั้นถ้ามีคราบน้ำมันคลุมผิวพื้นน้ำ แสงแดดส่องลอดลงไปใต้น้ำไม่ได้ ทำให้พืชในน้ำบางชนิดไม่สามารถสร้างอาหารและเจริญเติบโต แล้วยังมีผลเสียต่อเนื่องทำให้สัตว์ในน้ำตายด้วย เพราะพืชเล็ก ๆ ในน้ำ ซึ่งเป็นอาหารของสัตว์ตายเพราะน้ำเสีย
สิ่งปฏิกูลจากโรงงานอุตสาหกรรม เป็นเหตุให้น้ำเน่าเสีย
เหมืองแร่เป็นอุตสาหกรรมอีกประเภทหนึ่งที่ทำให้คุณภาพของน้ำเสียไป ถ้าเหมืองแร่นั้นเป็นเหมืองฉีด
น้ำจากเหมืองฉีดจะพาตะกอนซึ่งเกิดจากดิน หิน ทราย
และเศษแร่ไหลปนไปกับน้ำที่ชะแร่ลงสู่แม่น้ำ
หรือทะเล ทำให้ลำน้ำตื้นเขิน ทับถมและทำลายแหล่งอาหารของสัตว์น้ำ
จะเห็นว่าถ้าไม่มีการระมัดระวังในการใช้น้ำ ไม่ว่าจะเป็นน้ำประปาหรือน้ำในแม่น้ำลำคลอง
จะก่อให้เกิดน้ำเสียต่อเนื่องกันเป็นประดุจลูกโซ่
น้ำเสียและการบำบัดน้ำเสีย
น้ำ เป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตน้ำถูกนำมาใช้ในการอุปโภคและบริโภค และน้ำเมื่อใช้แล้วก็จะถูกปล่อยทิ้ง
ออกสู่แหล่งน้ำธรรมชาติอีกครั้งหนึ่งระบบหมุนเวียนดังกล่าว ได้ก่อให้เกิดปัญหาขึ้น
เมื่อถูกนำมาใช้ในครัวเรือนการเกษตร และการอุตสาหกรรม ในอัตราสูงและถูกปล่อยทิ้งลงสู่แหล่งน้ำในลักษณะ ของน้ำเสียที่มีปริมาณมากเกินขีดความสามารถที่แหล่งน้ำธรรมชาติจะปรับตัวได้ทัน ทำให้แหล่งน้ำมีคุณภาพเลวลงและในที่สุดก็กลายเป็นน้ำเน่าเสียสิ่งมีชีวิตที่เคยอาศัยอยู่ในน้ำก็ไม่อาจดำรงชีวิต อยู่ต่อไปได้อีก
สภาพความเน่าเสียของน้ำในแม่น้ำลำคลองซึ่งมีลักษณะเป็นสีดำคล้ำและส่งกลิ่นเหม็นคงเป็นภาพที่เราเคยเห็นจนชินตา และอาจมีหลายท่านเคยตั้งคำถามว่าน้ำเสียสีดำคล้ำในคลองเหล่านี้มาจากไหนและมีทางจะกลับมาใสเหมือนเดิมได้หรือไม่?
น้ำเสียมาจากไหน?
น้ำเสีย หมายถึง น้ำที่มีสารใด ๆ หรือสิ่งปฏิกูลที่ไม่พึงปรารถนาปนอยู่ การปนเปื้อนของสิ่งสกปรกเหล่านี้ จะทำให้ คุณสมบัติของน้ำเปลี่ยนแปลงไปจนอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ สิ่งปนเปื้อนที่อยู่ในน้ำเสีย ได้แก่
น้ำมัน ไขมัน ผงซักฟอก สบู่ ยาฆ่าแมลง สารอินทรีย์ที่ทำให้เกิดการเน่าเหม็นและเชื้อโรคต่าง ๆ สำหรับแหล่งที่มาของ
น้ำเสียพอจะแบ่งได้เป็น 2 แหล่งใหญ่ ๆ ดังนี้
1. น้ำเสียจากแหล่งชุมชน มาจากกิจกรรมสำหรับการดำรงชีวิตของคนเรา เช่น อาคารบ้านเรือน หมู่บ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม
โรงแรม ตลาดสด โรงพยาบาล เป็นต้น
จากการศึกษาพบว่าความเน่าเสียของคูคลองเกิดจาก
น้ำเสียประเภทนี้ ถึงประมาณ 75%
2. น้ำเสียจากกิจกรรมอุตสาหกรรม ได้แก่น้ำเสียจากขบวนผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมรวมทั้งน้ำหล่อเย็นที่มี ความร้อนสูง และน้ำเสียจากห้องน้ำห้องส้วมของคนงานด้วยความเน่าเสียของคุคลองเกิดจากน้ำเสียประเภทนี้ประมาณ 25% แม้จะมีปริมาณไม่มากนัก แต่สิ่งสกปรกในน้ำเสียจะเป็นพวกสารเคมีที่เป็นพิษและพวกโลหะหนักต่าง ๆ รวมทั้งพวก สารอินทรีย์ต่าง ๆ ที่มีความเข้มข้นสูงด้วย
กรรมวิธีในการบำบัดน้ำเสีย
การบำบัดน้ำเสียให้เป็นน้ำที่สะอาดก่อนปล่อยทิ้งเป็นวิธีการหนึ่งในการแก้ไขปัญหาแม่น้ำลำคลองเน่าเสีย โดยอาศัยกรรมวิธีต่าง ๆ เพื่อลดหรือทำลายความสกปรกที่ปนเปื้อนอยู่ในห้องน้ำได้แก่ ไขมัน น้ำมัน สารอินทรีย์ สารอนินทรีย์ สารพิษ รวมทั้งเชื้อโรคต่างๆ ให้หมดไปหรือให้เหลือน้อยที่สุดเมื่อปล่อยทิ้งลงสู่แหล่งน้ำก็จะไม่ทำให้แหล่งน้ำนั้นเน่าเสีย อีกต่อไป
ขั้นตอนในการบำบัดน้ำเสีย
เนื่องจากน้ำเสียมีแหล่งที่มาแตกต่างกันจึงทำให้มีปริมาณและความสกปรกของน้ำเสียแตกต่างกันไปด้วยในการ ปรับปรุง
คุณภาพของน้ำเสียจำเป็นจะต้องเลือกวิธีการที่เหมาะสมสำหรับกรรมวิธีในการปรับปรุงคุรภาพของ
น้ำเสียนั้นก็มีหลายวิธีด้วยกันโดยพอจะแบ่งขั้นตอนในการบำบัดออกได้ดังนี้
การบำบัดน้ำเสียขั้นเตรียมการ
(Pretreatment)
เป็นการกำจัดของแข็งขนาดใหญ่ออกเสียก่อนที่น้ำเสียจะถูกปล่อยเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสีย เพื่อป้องกันการอุดตันท่อน้ำเสีย และเพื่อไม่ทำความเสียหายให้แก่เครื่องสูบน้ำ การบำบัดในขั้นนี้ได้แก่
การดักด้วยตะแกรง เป็นการกำจัดของแข็งขนาดใหญ่โดยใช้ตะแกรง ตะแกรงที่ใช้โดยทั่วไปมี 2 ประเภทคือ ตะแกรงหยาบและตะแกรงละเอียด
การบดตัดเป็นการลดขนาดหรือปริมาตรของแข็งให้เล็กลง ถ้าสิ่งสกปรกที่ลอยมากับน้ำเสียเป็นสิ่งที่เน่าเปื่อยได้ต้องใช้เครื่องบดตัดให้ละเอียด ก่อนแยกออกด้วยการตกตะกอน
การดักกรวดทราย เป็นการกำจัดพวกกรวดทรายทำให้ตกตะกอนในรางดักกรวดทราย โดยการลดความเร็วน้ำลง
การกำจัดไขมันและน้ำมันเป็นการกำจัดไขมันและน้ำมันซึ่งมักอยู่ในน้ำเสียที่มาจากครัว โรงอาหาร ห้องน้ำ ปั๊มน้ำมัน
และโรงงานอุตสาหกรรมบางชนิดโดยการกักน้ำเสียไว้ในบ่อดักไขมันในช่วงเวลาหนึ่งเพื่อ
ให้น้ำมันและไขมันลอยตัวขึ้นสู่ผิวน้ำแล้วใช้เครื่องตักหรือกวาดออกจากบ่อ
nารบำบัดน้ำเสียขั้นที่สอง
(Secondary Treatment)
เป็นการกำจัดน้ำเสียที่เป็นพวกสารอินทรีย์อยู่ในรูปสารละลายหรืออนุภาคคอลลอยด์ โดยทั่วไปมักจะเรียกการบำบัด ขั้นที่สองนี้ว่า "การบำบัดน้ำเสียด้วยขบวนการทางชีววิทยา" เนื่องจากเป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยจุลินทรีย์ในการย่อยสลาย หรือทำลายความสกปรกในน้ำเสีย การบำบัดน้ำเสียในปัจจุบันนื้อย่างน้อยจะต้องบำบัดถึงขั้นที่สองนี้ เพื่อให้น้ำเสียที่ผ่าน การบำบัดแล้วมีคุณภาพมาตรฐานน้ำทิ้งที่ทางราชการกำหนดไว้ การบำบัดน้ำเสียด้วยขบวนการทางชีววิทยาแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ขบวนการที่ใช้ออกซิเจน เช่น ระบบบ่อเติมอากาศ ระบบแคติเวตเตดสลัดจ์ ระบบแผ่นหมุนชีวภาพ ฯลฯ และ ขบวนการที่ไม่ใช้ออกซิเจน เช่น ระบบถังกรองไร้อากาศ ระบบถังหมักตะกอน ฯลฯ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของจุลินทรีย์ ที่ทำหน้าที่ย่อยสลาย
การบำบัดน้ำเสียขั้นสูง (Advanced Treatment)
เป็นการบำบัดน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดในขั้นที่สองมาแล้ว เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกบางอย่างที่ยังเหลืออยู่ เช่น โลหะหนัก หรือเชื้อโรคบางชนิดก่อนจะระบายน้ำทิ้งลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะการบำบัดขั้นนี้มักไม่นิยมปฏิบัติกัน เนื่องจากมีขั้นตอนที่ยุ่งยากและเสียค่าใช้จ่ายสูง นอกจากผู้บำบัดจะมีวัตถุประสงค์ในการนำน้ำที่บำบัดแล้วกลับคืนมาใช้อีกครั้ง
|
สั่งซื้อเจียวกู้หลาน
ติดต่อเจียวกู้หลานฟอร์ยู
- เชียงใหม่
99 / 62 หมู่ที่12
ตำบลสันนาเม็ง
อำเภอ สันทราย
จังหวัดเชียงใหม่
50210
โทร 0815959551 โทรสาร 053398767
อีเมล์
[email protected]
[email protected]
คำถาม
- โอนเงินแล้ว
จะได้รับสินค้าจริงหรือ
?
คำตอบ
ได้รับสินค้าภายใน
3- 5
วันทำการไปรษณีย์ -
เราทำธุรกิจแบบจริงใจ
สงสัยหลายข้อ
กรุณาคลิกตรงนี้
สมุนไพรที่ได้รับการรับรองจากสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
สมุนไพรที่สถาบันวิจัยสมุนไพรให้การรับรอง
|