พระธรรม สามารถแบ่งออกเป็นหมวดใหญ่
ๆได้ 3 หมวด เรียกว่า " ปิฎก " คือ
1. พระสูตร ว่าด้วยความปฏิบัตเบื้องต้น
เช่น มงคลสูตรคือว่า การไม่คบคนพาล คบคนที่มีปัญญาเป็นมงคลความดี
ความเจริญ ดังนี้เป็นต้น แบ่งออกเป็น 5 คัมภีร์
2.พระวินัย ว่าด้วยการปฏิบัติเบื้องกลาง
มีการรักษากายวาจา ให้เป็นไปโดยปรกติ เช่น รักษาศีล 5 เป็นต้น
แบ่งออกเป็น 5 คัมภีร์
3.พระปรมัตถ์ ว่าด้วยการปฏิบัติเบื้องปลายอันเป็นความปฏิบัติชั้นสูง
มีการรักษาใจอบรมปัญญาให้เห็นตามความจริงของสิ่งทั้งปวง มีเกิดขึ้นแล้วทำลายไปเป็นธรรมดา
ไม่ให้ใจเดือนร้อนด้วยความยึดถือันเป็นการฝ่าฝืนให้ผิด ไปจากธรรมดา
แบ่งออกเป้น 7 คัมภีร์
ทั้ง 3 นี้เรียกว่า พระไตรปิฎก และมีท่านผู้มีปัญญาได้เรียบเรียงคัมภีร์อัฏฐกถา
ฎีกา เป็นคำอธิบายบาลีแห่งคัมภีร์นั้น ๆขึ้นอีกเป็นอันมาก ซึ่งนับว่าเป็นอัตโนมัต
คือ ความคิดเห็นของบุคคลเป็นส่วน ๆ ไป อันเป็นความเห็นที่ขยายข้อความแห่งพระพุทธวจนะให้ง่ายขึ้น
ในคัมภีร์หนึ่ง ๆใน 3 ปิฎกนี้ ย่อมมีเรื่องราวและข้อปฏิบัติมากมาย
แต่รวมลงไว้เป็นธรรม 3 อย่างคือ ปริยัติธรรม ปฏิบัติธรรม และปฏิเวธธรรม
1.ปริยัติธรรม ได้แก่
การศึกษาเล่าเรียนอันเป็นส่วนเบื้องต้น
2.ปฏิบัติธรรม ได้แก่ ความประพฤติตามธรรมที่ตนได้ศึกษาเล่าเรียนมา
3.ปฏิเวธธรรม ได้แก่ ผลของการปฏิบัติ
คือการที่ได้ปฏิบัติตามธรรมที่ได้ศึกษามาจนเป็นผลปรากฏขึ้น และเรียกว่า
อริยมรรคอริยผล จัดเป็นคู่ๆ 4 คู่ คือ
โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล คู่ 1 สกทาคามิมรรค สกทาคามิผล อรหัตตผล
คู่ 1 เรียงกันเป็น 8 รวมทั้งพระนิพพาน จึงเป็น 9 ทั้ง 9 ประการนี้เรียกว่า
โลกุตตรธรรม เป็นธรรมอย่างสูงในพระพุทธศาสนา
และในหมวดแห่งธรรมนั้นยังแบ่งไว้เป็น 2 ส่วน คือ
1.ที่ยังเกี่ยวข้องอยู่ในโลกเป็นโลกิยธรรม ส่วน 1
2.ที่ไม่เกี่ยวข้องแต่โลก ข้ามพ้นไปจากโลก คือธรรมทั้ง 9 ที่เรียกว่า
โลกุตตรธรรมนั้นส่วน 1
อนึ่งในธรรมทั้ง 2 ส่วนนี้ ท่านแบ่งออกไว้เป็น 2 แผนก คือ
1.ธรรม ว่าด้วยข้อปฏิบัติละความชั่วประพฤติในความดี มีหลายหมวดหลายแผนกต่างๆกัน
แล้วแต่ผู้ปฏิบัติจะเลือกตามชอบใจไม่บังคับอย่าง 1
2.วินัย ได้แก ข้อบัญญัติในหมวดแห่งศีลที่ทรงตั้งขึ้นไว้โดยเฉพาะ
ผู้ปฏิบัติจะหลีกเลี่ยงเลือกตามความชอบใจไม่ได้นั้นอีกอย่าง
1
จึงเรียกว่า ธรรมะวินัย หรือ ธรรมวินัย ดังนี้ แต่ก็รวมอยู่ในปริยัติธรรม
ปฏิบัติธรรม ปฏิเวธธรรมนั้นด้วยกัน