เรื่องตาหลก โจ๊กชามเล็ก เรื่องขำขันแปลจากต่างประเทศ เรื่องขำขันแปล เป็นเรื่องราวที่ได้รับมาจากเพื่อนฝูงทางเมล์บ้าง เปิดอ่านในเว็บของต่างประเทศบ้าง แล้วผมนำมาเกลาสำนวนซะใหม่ หรือไม่ก็เปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์และกลุ่มเพื่อน ๆ ไป แต่ยังไงอรรถรสก็ยังสนุกสนานไม่เปลี่ยนแปลง จากนี้ไปผมจะทยอยอัพเรื่องราวตลกเหล่านี้เรื่อย ๆ ตามเวลาจะอำนวย อย่าลืมติดตามอ่านกันนะครับ สามขาบินได้ เมธิก้องได้ที่นั่งติดกับอรรถอ๋องบนเครื่องบินเที่ยวหนึ่ง เมธิก้องท่าทางเหนื่อยมากเมื่อขึ้นเครื่องได้ก็พยายามงีบหลับ ในขณะที่อรรถอ๋องพยายามชวนเล่นเกม เมธิก้องปฏิเสธอย่างสุภาพและพยายามนอนต่อ อรรถอ๋องไม่ยอมแพ้เขาพยายามอธิบายกติกาการเล่น “ไม่ยากหรอก ผมถามคุณคำถามนึง ถ้าคุณตอบไม่ได้ก็จ่ายผมมา 100 เหรียญ แล้วคุณก็ถามผมมั่ง ถ้าผมตอบไม่ได้ผมก็จ่ายคุณ 100 เหรียญเหมือนกัน” เมธิก้องยังคงไม่สนใจ เขาปฏิเสธอีก แล้วพยายามนอนต่อ อรรถอ๋องยังไม่ละความพยายาม “เอางี้ละกัน” เขาเสนอเงื่อนไขที่ล่อใจมากขึ้น “ถ้าคุณตอบไม่ได้จ่ายผมมา 100 เหรียญ แต่ถ้าผมตอบไม่ได้ ผมจะให้คุณ 1,000 เหรียญเลย” คราวนี้เมธิก้องชักสนใจ เขาตกลงที่จะเล่นด้วย อรรถอ๋องจึงตั้งคำถามก่อน “จอร์จ ลูคัส สร้างหนังมาแล้วทั้งหมดกี่เรื่อง” เมธิก้องไม่พูดสักคำ เขาควักกระเป๋าออกมาจ่ายเงิน 100 เหรียญทันที แล้วถามกลับ “อะไรเอ่ยตอนอยู่บนดินมีสองขา ตอนบินบนฟ้ามีขาที่สาม ตอนว่ายน้ำไม่มีขา” อรรถอ๋องนิ่งคิดอยู่สักพัก เขาก็ยกเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นมา แล้วต่อเข้าหาอินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ แล้วเข้าไปค้นข้อมูลในเว็บไซต์ของห้องสมุดกลางของรัฐบาลอเมริกา ด้วยความงุนงงที่หาคำตอบไม่ได้ เขารีบส่งอีเมล์หาเพื่อนๆ ทั่วโลก หลักจากรอคำตอบอยู่ร่วมชั่วโมง ก็ไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้ ในที่สุดเขาก็หันไปหาเมธิก้อง(ซึ่งหลับไปแล้ว) ปลุกเขา แล้วควักเงิน 1,000 เหรียญขึ้นมาจ่าย เมธิก้องรับเงินแล้วหันกลับไปทำท่าจะนอนต่อ “เดี๋ยวก่อน” อรรถอ๋องท้วง “คำตอบคืออะไร” เมธิก้องลืมตาขึ้นมา ไม่พูดสักคำ ควักกระเป๋าจ่ายเงิน 100 เหรียญ ให้อรรถอ๋อง แล้วหันกลับไปนอนต่อ นวัตกรรมใหม่ เมธิก้องลากกระเป๋าใบใหญ่สองใบออกมาจากสนามบิน นายอรรถอ๋องเดินเข้ามาหา "ขอโทษครับ นี่กี่โมงแล้ว" "6 โมงแล้วครับ" เมธิก้องยกนาฬิกาข้อมือเรือนงามขึ้นดูแล้วตอบ "นาฬิกาสวยดีนี่" นายอรรถอ๋องชม "ใช่ เป็นนาฬิกาพิเศษ" เมธิก้องเริ่มสาธิตความพิเศษของนาฬิกา "สามารถบอกเวลาได้ทุกประเทศทั่วโลก และสำหรับเมืองใหญ่ 68 เมือง มันสามารถบอกเวลา ได้ด้วย" เมธิก้องบอกพร้อมปรับไปที่เวลาของรัฐเท็กซัส นาฬิกาส่งเสียงบอกเวลาชัดแจ๋วสำเนียงชาวเท็กซัสไม่ ผิดเพี้ยน เมื่อปรับปุ่มไปที่โตเกียวนาฬิกาก็ส่งเสียงบอกเวลาเป็นเสียงของสาวญี่ปุ่น "โอ้โฮ ไม่น่าเชื่อเลย" นายอรรถอ๋องทึ่ง "ยังไม่หมดนะ" เมธิก้องพูดพร้อมกับหมุนปุ่มข้างซ้าย "นี่เป็นแผนที่นิวยอร์คที่ชัดแจ๋ว ขยายได้ถึง 1 ต่อ 100 ข้อมูลส่งผ่านดาวเทียมมา" "แล้วนี่ระบบวัดระยะทาง สามารถวัดระยะได้แม่นยำถึง 200 เมตร" "นี่ก็เครื่องรับเพจเจอร์ แล้วนี่เครื่องรับแฟกซ์จิ๋ว" "ผมขอซื้อได้ไหมครับ" นายอรรถอ๋องอยากได้ "ไม่ได้ครับ" เมธิก้องปฏิเสธ "นาฬิกานี่ยังไม่ได้ผลิตออกขาย มันยังมีจุดบกพร่องที่ผมกำลังแก้ไขอยู่" เขาอธิบาย "ผมให้ 1,000 เหรียญเลย" อรรถอ๋องยื่นข้อเสนอ "ไม่ขายครับ" เมธิก้องยังยืนยันคำเดิม "5,000 เหรียญขายไหมครับ" อรรอ๋องเซ้าซี้ต่อ "ไม่ครับ" จริงๆ เมธิก้องก็เริ่มลังเลแล้ว "15,000 เหรียญ ผมเซ็นเช็คให้เดี๋ยวนี้เลย" นายอรรถอ๋องเสนอพร้อมหยิบเช็คออกมาเขียน เมธิก้องตกลง ยังไงเขาก็สามารถทำมันขึ้นใหม่ได้ ต้นทุนที่เขาลงไปมันแค่ 5,000 เหรียญเอง ทั้งสองปิดการซื้อขายในสนามบินนั่นเอง เมธิก้องรับเช็คใส่กระเป๋า ส่วนนายอรรถอ๋องรับนาฬิกาเรือนงาม และตั้งท่าเดินจากไป "เดี๋ยวครับคุณ" เมธิก้องเรียก "เอากระเป๋าใส่แบตเตอรี 2 ใบนี่ไปด้วยครับ" สาวใช้คนใหม่ อรรถอ๋องโทรกลับมาหาภรรยาที่บ้าน "สวัสดีค่ะ" เสียงหญิงสาวรับสาย "เอ๊ะ นั่นใครพูดน่ะ" อรรถอ๋องแปลกใจที่มีสาวที่ไหนไม่รู้มารับโทรศัพท์ในบ้านเขา "หนูเป็นสาวใช้ค่ะ" เสียงตอบมาตามสาย "เอ๊ะ บ้านนี้ไม่มีสาวใช้นะ" เขายิ่งงงหนักขึ้น "คุณผู้หญิงเพิ่งรับหนูเข้าทำงานเมื่อเช้านี้เองค่ะ" "อ๋อ เหรอ นี่ชั้นเป็นคุณผู้ชายของเธอนะ คุณผู้หญิงอยู่หรือเปล่า" "อยู่ค่ะ อยู่ข้างคนกับใครไม่รู้ค่ะ หนูคิดว่าเป็นคุณผู้ชายเสียอีก" อรรถอ๋องได้ฟังก็โมโหสุดขีด ไม่คิดเลยว่าพอเขาไม่อยู่บ้าน ภรรยาจะกล้าพาชายชู้เข้าบ้าน "ฟังนะ ชั้นจะให้เธอพิเศษอีก 50,000 ถ้าเธอทำตามที่ชั้นสั่งได้" "ทำอะไรหรือคะ" สาวใช้ส่งเสียงดีใจ "เข้าไปหยิบปืนในตู้ในห้องเล็ก แล้วยิงนังเมียชั่วกับชายชู้นั่นซะ" เสียงสาวใช้วางโทรศัพท์ สักครู่ก็มีเสียงปืนสองนัด "คุณผู้ชายขา จะให้ทำยังไงกับศพนั่นดีคะ" สาวใช้มาถามต่อ "เอาไปโยนทิ้งลงสระน้ำ" "สระน้ำที่ไหนคะ" สาวใช้ถาม "สระน้ำหน้าบ้านไง" อรรถอ๋องบอก "หน้าบ้านไม่มีสระนี่คะ" สาวใช้บอก "เอ๊ะ ! เดี๋ยว.. 838-7478 หรือเปล่า?. "434-4421 ค่ะ" .................. เล่นเป็นเด็ก อรรถอ๋องกลับมาบ้านเร็วกว่าปกติ เขาได้ยินเสียงภรรยาครวญครางมาจากห้องนอนจึงรีบวิ่งขึ้นไปดู เขาเห็นภรรยานอนเปลือยกายอยู่บนเตียง "เป็นอะไรหรือเปล่า" เขาถามภรรยาด้วยความตกใจ "โรคหัวใจฉันกำเริบ" ภรรยาบอก เขารีบวิ่งลงบันไดไปโทรศัพท์หาหมอ ขณะนั้นเจไดลูกชายวัย 4 ขวบก็วิ่งเข้ามาหา "พ่อครับ ผมเห็นอาเป็นอะไรไม่รู้แก้ผ้าอยู่ในตู้เสื้อผ้า" อรรถอ๋องวางหูโทรศัพท์วิ่งกลับเข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง เขาเห็นอรรถอูน้องชายตัวดีวิ่งแก้ผ้าอยู่ใน ห้องนอน "ไอ้อู ไอ้สารเลว" อรรถอ๋องตะคอกน้องชาย "เห็นมั๊ยว่าพี่สะไภ้แกเป็นโรคหัวใจ ทำไมมัวแต่แก้ผ้าวิ่งเล่นเป็นเด็กอยู่ได้" วัดกันที่ผลงาน บาทหลวงคนหนึ่ง กำลังเข้าแถวอยู่ที่ประตูสวรรค์ คนก่อนหน้าเขาเป็นไอ้หนุ่มคนหนึ่งสวมแว่นกันแดด เสื้อตัวโคร่งแจ็คเก็ตหนังและกางเกงจีนส์ เทวทูตถามไอ้หนุ่มว่า “เจ้าคือใคร ข้าจะพิจารณาว่าเจ้าควรจะได้เข้ามาอยู่ในดินแดนของพระเจ้าหรือไม่” ไอ้หนุ่มตอบ “ผมชื่อ โจ โคเฮน เป็นคนขับรถแท็กซี่อยู่เมืองนิวยอร์ก” เทวทูตตรวจสอบในบัญชีรายชื่อสักพักแล้วยิ้ม “ใส่เสื้อคลุมผ้าไหมนี่ แล้วรับไม้เท้าทองคำไป ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนของพระเจ้า” ทีนี้ก็ถึงตาของบาทหลวง เขายืนตรงอย่างมั่นใจ แล้วแนะนำตัว “ผมชื่อโจเซฟ สโนว์ เป็นบาดหลวงของโบสถ์เซนต์แมรี่ ทำงานรับใช้พระผู้เป็นเจ้ามา 43 ปีเต็ม” เทวทูตตรวจสอบอยู่ในบัญชีรายชื่อ แล้วบอกเขา “รับเสื้อคลุมผ้าป่าน กับไม้เท้าบรอนซ์ เจ้าจะได้อยู่ในดินแดนของพระเจ้า” “เดี๋ยวก่อนครับ” บาทหลวงประท้วง “ไอ้หนุ่มเมื่อกี้เป็นคนขับรถแท็กซี่ เขาได้เสื้อคลุมผ้าไหม กับไม้เท้าทองคำ มันเป็นไปได้ยังไงกันครับนี่” “ที่นี่ เราวัดกันที่ผลงาน” เทวทูตตอบเย็นชา “เวลาเจ้าเทศน์ ผู้คนหลับหมด แต่เวลาเขาขับรถ ผู้คนสวดภาวนา” เด็กฉลาด ในวิชาเคมี ครู: ใครพอจะบอกอะไรเกี่ยวกับนักเคมีในศตวรรษที่ 19 ได้บ้างไหม เด็กชายเก๋: พวกเขาตายหมดแล้วครับ เวลาที่เหลือ หมอคนหนึ่งพูดกับนายอ๋องจุ๊บๆคนไข้ว่า หมอ: คุณยังเหลือเวลาอยู่ในโลกนี้อีก 10 หมอยังไม่ทันพูดจบอ๋องจุ๊บๆก็พูดขึ้นมาว่า อ๋องจุ๊บๆ :10 วัน หรือครับ หมอ :ไม่ใช่ อ๋องจุ๊บ ๆ :10 เดือนหรือครับ หมอ :ไม่ใช่ อ๋องจุ๊บๆเริ่มทำหน้ายิ้มแล้วพูดว่า อ๋องจุ๊บๆ :10 ปีหรือครับ หมอส่ายหน้าแล้วบอกว่า หมอ :คุณเหลือเวลาอยู่ในโลกนี้อีก 10 9 8 7 6 5....... หนทางรอด เอ๋จ๊าบ ๆ อ๋องจุ๊บ ๆ และจรัญจ๊วบ ๆหลงป่าและถูกมนุษย์กินคนจับตัวได้ หัวหน้าเผ่าบอกเชลยทั้งสามว่าจะให้โอกาสมีชีวิตรอดไปได้ โดยแต่ละคนจะถูกพวกชาวเผ่าคุมตัวเข้าไปในป่าเพื่อหาผลไม้อะไรก็ได้มาคนละ 10 ลูก ทั้งสามถูกพากันแยกย้ายไปกันคนละทาง ในที่สุดอ๋องจุ๊บๆก็กลับมาพร้อมกับมะม่วง 10 ลูก "เอาล่ะ" หัวหน้าเผ่าบอก "กติกา คือ เจ้าต้องเอามะม่วงนั่นยัดเข้าไปในก้นเจ้าทีละลูกจนกว่าจะครบ สิบลูก ห้ามแสดงอาการใด ๆ ให้ทำหน้าปกติ ไม่งั้นข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งทันที" ไม่มีทางเลือก อ๋องจุ๊บ ๆต้องยอมทำตาม พอถึงลูกที่สองก็เผลอทำหน้าหงิกด้วยความเจ็บปวด เขาจึงถูกฆ่าทิ้ง เอ๋จ๊าบ ๆกลับมาพร้อมลูกหมากเม่า (รู้จักป่าวลูกเล็ก ๆ เท่าเม็ดข้าวสาร) 10 ลูก หัวหน้าเผ่าอธิบายกติกาเดียวกันให้ฟังเอ๋จ๊าบๆรีบทำตามทันที ลูกที่ 1...2...3...4...5...6...7...8....9... แต่พอถึงลูกที่ 10 เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นเลยถูกเอาตัวไปฆ่า วิญญาณอ๋องจุ๊บๆกับเอ๋จ๊าบๆขึ้นไปเจอกันบนสวรรค์ อ๋องจุ๊บๆอดแปลกใจไม่ได้เลยถามว่า "ทำไมตอนนั้นนายดันหัวเราะออกมาวะ กำลังจะรอดอยู่แล้วเชียว" "จะไม่ให้หัวเราะได้ไงวะ คิดดูสิ ตอนกำลังยัดลูกสุดท้าย อยู่ดีๆ ไอ้จรัญจ๊วบ ๆ มันดันอุ้มทุเรียน ตั้งสิบลูกกลับมา..." จดหมายถึงพ่อ ลูกสาวอยากให้พ่อส่งเงินมาให้แต่ไม่กล้าบอกตรงๆ จึงเขียนจดหมายไปบอกความนัย Dear Dad, $chool i$ really great. I am making lot$ of friend$ and $tudying very hard. I $imply can"t think of anything I need, $o if you would like, you can ju$t $end me a card, a$ I would love to hear from you. Love, Your Daughter . พ่ออ่านจดหมายแล้วรีบตอบลูกสาว . Dear Daughter, I kNOw that astroNOmy, ecoNOmics, and oceaNOgraphy are eNOugh to keep even an hoNOr student busy. Do NOt forget that the pursuit of kNOwledge is a NOble task, and you can never study eNOugh. Love, Dad One foot คุณเม่ชาวอเมริกันเป็นห่วงลูกสาวที่มีสามีเป็น GI ที่พึ่งกลับมาจากสงคราวเวียตนาม ได้โทรศัพท์ไปหาด้วยความเป็นห่วง คุณแม่ "How about your hasband" ลูกสาว "Oh! God, He has only one foot." (มีขาเดียว) คุณแม่ " Ah! Grate! Your father has only six inch." SON-OF-A-BITCH A sixteen year old girl goes to confession. "Father, I called a man a son-of-a-bitch yesterday." "Why did you call him a son-of-a-bitch??" the priest asked. "Because, father, he touched me on my arm without permission" "Do you mean like this??" He touches her arm. "Yes father." "That's no reason for calling him a son-of-a-bitch." "But father he also touched my breasts." "You mean like this??" He touches her breasts. "Yes father." "That's no reason to call him a son-of-a-bitch." "But father, he took off my clothes." "Like this??" He takes off her clothes. "Yes father." "That's no reason to call him a son-of-a-bitch." "But father he then put his you-know-what in my you-know-where." "Like this??" He put his you-know-what in her you-know-where. "Yes father," she says sometime later. "But that's no reason to call him a son-of-a-bitch." "But father, he has AIDS." "THAT SON-OF-A-BITCH!!!!!!!!!!!" รูปปั้นมีชีวิต หญิงสวยกำลังอยู่บนเตียงกับอรรถอ๋องชู้รักคนล่าสุด เมื่อหล่อนได้ยินเสียง สามีเปิดประตูหน้าบ้าน "เร็วเข้า!" หล่อนพูด "ไปยืนที่มุมห้อง" ว่าแล้วก็ทาน้ำมันทั่วตัวอรรถอ๋องหลังจากนั้นก็โรยแป้งจนขาววอก "อย่าขยับจนกว่าฉันจะบอก" หล่อนกระซิบ "แกล้งทำเป็นรูปปั้นตรงนี้แหละ" "นั่นอะไรเหรอที่รัก" สามีหล่อนถามขณะที่เดินเข้ามาในห้องนอน "อ๋อ รูปปั้นคะ" หล่อนตอบโดยไม่มองหน้า "ครอบครัวสมิธซื้อมาไว้ในห้องนอนพวกเขา ฉันชอบเลยซื้อมาบ้าง" เขาไม่ได้ว่าอะไรต่อ แล้วก็เข้านอนตามปกติ เช้าวันรุ่งขึ้น เขาลุกไปเข้าห้องครัว สักพักก็กลับมาด้วยแซนวิช กับเบียร์กระป๋อง "เอ้า กินอะไรซะบ้าง" เขายื่นอาหารไปให้รูปปั้นสีขาวที่มุมห้อง "ฉันยืนเป็นรูปปั้นปัญญาอ่อน ในห้องนอนบ้านสมิธตั้ง 3 วัน ไม่มีใครให้อะไรกิน แม้แต่น้ำสักแก้วก็ไม่มี" ของขวัญ อรรถอ๋องต้องการซื้อของขวัญวันเกิดให้แฟนสาวทั้งคู่เพิ่งคบกันได้ไม่นาน หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะซื้อถุงมือให้เธอซักคู่ และแนบจดหมายที่เขาคิดว่าน่าจะเหมาะสม โรแมนติก แต่ไม่ส่วนตัวจนเกินไปนัก เขาไปซื้อของขวัญกับน้องสาวของแฟนที่ห้างสรรพสินค้า เลือกได้ถุงมือสีขาวหนึ่งคุ่ ขณะที่น้องสาวแฟนเลือกซื้อกางเกงใน 2 ตัวให้ตัวเอง ขณะที่ห่อของขวัญนั้น พนักงานได้ห่อของสลับกัน น้องแฟนได้ถุงมือ และ แฟนสาวได้กางเกงใน 2 ตัวแทน อรรถอ๋องไม่ได้เช็คของขวัญ หลังจากที่ห่อของเสร็จเรียบร้อย ก็จัดการส่งให้แฟน พร้อมทั้งจดหมายข้อความดังต่อไปนี้ " ผมเลือกของสิ่งนี้ เพราะสังเกตุว่าคุณไม่ชอบใส่มันเวลาเราออกไปเที่ยวด้วยกัน ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะน้องสาวของคุณแล้วละก็ ผมก็คงเลือกแบบที่ยาวกว่านี้ ที่มีกระดุม แต่น้องสาวคุณใส่แบบสั้นอย่างนี้และถอดได้ง่ายกว่า อันที่จริงมีสีให้เลือกมากมาย แต่คนขายที่เป็นผุ้หญิงโชว์ของเธอให้ผมดู เธอบอกว่าเธอได้ใส่มาตั้ง 3 อาทิตย์แล้ว ยังไม่เปื่อยแต่อย่างใด ผมก็เลยให้เธอลองใส่ของคุณให้ผมดู เธอดูสวยจริง ๆ ...... ผมอยากเป็นคนใส่ให้คุณคนแรกมาก และไม่ต้องสงสัยเลยว่ามือของผมจะได้สัมผัสผิวส่วนนั้นของคุณก่อนที่จะได้เห็น และเมื่อใดก็ตามที่คุณถอดมันออก อย่าลืมเป่ามันซะก่อนที่จะเก็บ เพระว่ามันจะชื้น และจะทำให้คุณคันขณะสวมใส่....... คุณลองคิดดูสิว่าผมจะ "จูบ" มันสักกี่ครั้ง ในปีหน้าที่จะถึงนี้ ผมหวังว่าคงเห็นคุณใส่มันในวันศุกร์ที่จะถึงนี้นะครับ" ด้วยรักอย่างยิ่ง ปล. แบบใหม่ล่าสุดที่ผมซื้อให้ ใส่เสร็จแล้วพับลง โชว์ให้เห็นขนเล็กน้อย จะเซ็กซี่มาก ............ ป้าย มีสาวน้อยคนหนึ่ง...ไปเที่ยวรีสอทร์แห่งหนึ่ง...ที่นั่นมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่น่าเล่นมาก เธออดใจไม่ไหวก็เลยขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อมาเล่นน้ำ พอเปลี่ยนเสร็จก็รีบมุ่งตรงมาที่สระว่ายน้ำทันที ด้วยความรีบร้อน..เธอได้กระโดดลงไปในสระว่ายน้ำ โดยไม่ทันสังเกตว่าที่สระว่ายน้ำนั้นมีแต่ผู้ชาย เธอยืนงงอยู่ซักพัก..ก็มีคนตะโกนมาว่า " นี่มันสระว่ายน้ำของผู้ชายน่ะ " เธอตกใจมากรีบกระโดดขึ้นจากสระว่ายน้ำทันที ด้วยความรีบร้อน...ชุดว่ายน้ำส่วนล่างของเธอได้หลุดออกไปพอดีเธอใส่ชุดว่ายน้ำทูพีชมา เธออายมากจึงวิ่งไปหยิบป้ายที่วางอยู่ข้างสระมาปิดแล้วค่อยเดินเบียดกำแพงออกไปทีล่ะช้าๆ แต่เธอสังเกตเห็นว่า..ผู้ชายที่อยู่ในสระว่ายน้ำว่ายเข้าใกล้เธอกันแทบทุกคน เธอสงสัยมากจึงก้มมองดูป้าย...ป้ายเขียนว่า " For Men " เธอตกใจมากรีบกลับป้ายทันที... คราวนี้ผู้ชายพากันถอยห่างออกไป เธอรู้สึกแปลกใจอีกว่าทำไมจึงก้มมองดูป้าย...ป้ายเขียนว่า " ลึก 3 เมตร สิบปี สิบคำ ณ เมืองอยู่เมืองหนึ่ง มีเจ้าชายอยู่องค์หนึ่งต้องคำสาป โดยแม่มดให้เป็นใบ้พูดไม่ได้ แต่จะพูดได้ปีละคำเท่านั้น แต่ถ้าไม่พูดในปีนั้นจะสะสมไว้ใช้ในปีหน้าก็ได้ แต่มีวิธีที่จะหายจากคำสาปนี้ได้คือเจ้าชายจะต้องมีความรัก (โดยเป็นรักแท้)และแต่งงาน...................... เจ้าชายจึงจะหายจากคำสาปนี้ได้ เจ้าชายจึงได้ไปนั่งครุ่นคิดอยู่ใต้ต้นแอ๊ปเปิ้ล.......... ทันใดนั้น มีหญิงสาวรูปงามคนหนึ่งเดินผ่านไป........ เจ้าชายจึงตกหลุมรัก และเจ้าชายก็ได้ติดตามหญิงคนนี้ไป ดูนิสัย และ พฤติกรรมแล้วก็ชอบใจ เจ้าชายจึงได้รู้ว่าตัวเองมีรักแท้แล้ว....... เจ้าชายจึงคิดที่จะบอกหญิงคนนั้น เจ้าชายจึงคิดที่จะต้องเริ่มจากการเรียกหรือทักก่อนโดยขึ้นว่า "คุณครับ" เจ้าชายจึงรอไป 2 ปี.....แต่เจ้าชายคิดไปคิดมาว่าคำพูดแค่ 2 คำจะสื่ออะไรได้ เจ้าชายจึงรอที่จะพูดว่า "คุณครับ ผมรักคุณ" จึงต้องรอไปอีก 3 ปีเป็น 5 ปี เจ้าชายยังติดตามหญิงคนนั้นอยู่ตลอด และก็จะเดินไปบอกหญิงคนนั้น แต่เจ้าชายคิดว่ามันยังไม่พอ.... ต้องขอแต่งงานไปเลย เจ้าชายจึงจะพูดว่า "คุณครับ ผมรักคุณ แต่งงานกับผมเถอะ" จึงต้องรอไปอีก 5 ปีเป็น 10 ปี 10 ปีผ่านไป....ถึงเวลาอันประจวบเหมาะ...... เจ้าชายเดินไปจับมือหญิงสาวคนนั้นแล้วพามาที่ใต้ต้นแอ๊ปเปิ้ล เจ้าชายจูบลงที่มือเบา.... หญิงสาวคนนั้นจึงเขินอายเล็กน้อย แล้วทันใดนั้น....... เจ้าชายจึงเอ่ยขึ้นมาว่า..."คุณครับ ผมรักคุณ แต่งงานกับผมเถอะ"(เจ้าชายก็ลุ้นรอคำตอบ...) ทันใดนั้นหญิงสาวคนนั้นหันมาทำหน้ายิ้มๆ(เจ้าชายเริ่มดีใจนิดๆ) และหันมา แล้วถามว่า "อะไรนะคะ? ดิฉันฟังไม่ทัน" !!!!!!!!!!!!!!!!! (เจ้าชายแทบจะฆ่าตัวตาย ! ) สุดยอดเครื่องตรวจ อรรถอ๋องเกิดมีอาการปวดที่หัวไหล่ และแขนอย่างมาก จึงไปหาหมอ ที่คลีนิคไฮเท็ค เจ้าหน้าที่ของคลีนิคได้แนะนำ คอมพิวเตอร์รุ่นล่าสุด ที่สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างยอดเยี่ยม จากปัสสาวะ อรรถอ๋องไม่ค่อยพอใจนัก เพราะแอนตี้พวกไฮเท็ค และ ไม่เชื่อใจในในฝีมือเจ้าเครื่องกลนี้ แต่ก็ให้ปัสสาวะตรวจอย่างเสียไม่ได้ เมื่อหมอคอมพิวเตอร์ได้ตัวอย่างปัสสาวะ ป้อนเป็นข้อมูลเข้าไป ก็สั่นขลุกขลักอยู่ 1 นาที ก็ พิมพ์คำวินิจฉัยโรคออกมาว่า "คุณบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อหัวไหล่ จากการเล่นเทนนิสเมื่ออาทิตย์ก่อน ขอแนะนำให้หยุดพักเป็นเวลา 3 วัน " อรรถอ๋องรู้สึกทึ่ง ทีเครื่องสามารถรู้มาว่าตนบาทเจ็บเพราะการเล่นเทนนิส แต่ก็ยังไม่พอใจอยู่ดี ที่ไม่ได้รับการตรวจโดยละเอียดโดยหมอที่เป็นคน เจ้าหน้าที่คุยโว ว่านี่แหละ ประสิทธิภาพของหมอคอมพิวเตอร์ อรรถอ๋องหมั่นไส้มาก มีอยู่วันหนึ่ง อรรถอ๋องอยากจะ ลองภูมิเจ้าเครื่องสมองกลนี้ จึง แกล้ง ไปที่คลีนิคไฮเท็คนี่อีก โดยนำฉี่ภรรยา ลูกสาว รวมทั้งสุนัขที่บ้านปนมาด้วย โดยหวังจะป่วนเครื่องคอมเล่น เมื่อมาถึงศูนย์ตรวจก็บอกเจ้าหน้าที่ว่า ตนไม่สบายครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด อรรถอ๋องยิ้มอย่างมีเลศนัย พร้อมบอกว่า "คราวนี้ ผมเอาตัวอย่าง ฉี่มาด้วยจากบ้านด้วย (ไอ้)หมอ(เวร) ช่วยตรวจดูหน่อยซิ (วะ) " เครื่องคอมฯ ได้ตัวอย่างไป ก็สั่นขลุกขลักอยู่ แค่ครึ่งนาที พิมพ์รายงานผลออกมาดังนี้ "สุนัขคุณมีพยาธิในหัวใจ ในช่องคลอดภรรยาคุณมีคราบอสุจิของคนข้างบ้าน ส่วนลูกสาวคุณท้องไม่มีพ่อได้สองเดือนแล้ว ไม่เชื่อถือคราวหลังก็ไม่ต้องมาตรวจอีก ไอ้ควายอ๋อง" ต้องยาวพอ กัปตัน : นี่นายคิดว่าขาคนเราควรยาวเท่าไร เจมส์ : ไม่รู้สิ กัปตัน : แต่ฉันว่านายน่าจะรู้นะ เจมส์ : ฉันไม่แน่ใจนะแต่อย่างน้อยคงต้องยาวถึงพื้นล่ะ หมดพอดี ประเอ๋ อรรถอ๋อง เมธิก้องเดินมาด้วยกัน เดินมาถึงร้านอาหารร้านหนึ่ง ขึ้นป้ายไว้ว่า มีอาหารทุกอย่าง หากสั่งอะไรแล้วไม่มี ทางร้านยินดีที่จะจ่ายเงินให้ 2,000 เหรียญ พร้อมกับให้กินอาหารฟรีมื้อนึง ชายหนุ่มทั้งสามก็เลยอยากลองของ ประเอ๋เลยลองสั่งก่อน "น้องๆเอาตาเสือดาวผัดเผ็ด กับเนื้อสิงโตทอดกระเทียมพริกไทย" พอ 20 นาทีต่อมา บริกรก็เดินมาพร้อมกับอาหาร ประเอ๋ทึ่ง แต่ก็ต้องกินอาหารจานแพงเพราะสั่งมาแล้ว อรรถอ๋องก็เลยสั่งบ้าง "น้อง ๆ เอาอุ้งตีนหมีขั้วโลกผัดเผ็ดมาที่นึงนะ" สิบห้านาทีผ่านไปบริกรก็ยกอุ้งตีนหมีขั้วโลกผัดเผ็ดมาให้ "จานนี้ สองหมื่นเจ็ดพันแปดร้อยเหรียญครับ" อรรถอ๋องหน้าซีดเพราะต้องจ่ายค่าอาหารจานแพง เมธิก้องเลยสั่งบ้าง "เอ่อ น้อง สเต็กน่องไดโนเสาร์ราดเทริยากิซอสที่นึงนะ" เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง บริกรหัวเสียเดินกลับมา และพูดว่า "ขอโทษจริง ๆ นะครับ นี่ครับเงิน 2,000 เหรียญ วันนี้คุณสั่งอาหารกินฟรีได้ครับ ตั้งแต่เปิดร้านมายี่สิบปี วันนี้เป็นวันแรกที่เทริยากิซอสเราหมดครับ" หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง อรรถอ๋องกับน้องไก่ภรรยาคุยกันเรื่องลูกที่พึ่งคลอดใหม่ๆมาไม่กี่วันนี้เอง งง มั้ย น้องไก่ : พี่ว่าหน้าตาลูกเราหล่อเหมือนเพื่อนพี่มั๊ย? อรรถอ๋อง : บอกมานะว่าเธอเป็นชู้กับมันใช่ไหม น้องไก่ : อย่าเอะอะโววายซิทีลูกยัยแบมข้างบ้านเราหน้าตาเหมือนพี่ ไก่ยังไม่ว่าอะไรเลย ยังเหลือ โจร 2 คน ไปวางระเบิดที่บ้านเศรษฐี ระหว่างทางที่ขับรถไปทางไม่เรียบรถจึงสะเทือน โจรคนหนึ่งบอกเพื่อนว่า "ขับดีๆหน่อยเดี๋ยวระเบิดก็ระเบิดกันพอดีหรอก" โจรอีกคนจึงพูดว่า "ไม่เป็นไรน่า ถ้าลูกนี้ระเบิด ก็ยังมีสำรองท้ายรถอีกลูก " I is " " I am " Teacher: John, Will you give me the sentence that start with " I "? John: I is the..... Teacher: No no no, We don't use " I is ", John. We use " I am " John: Okay! " I am " the ninth letter from the alphabet. ไม่เอาอ่าว มีชาย4 คนต่างมีลูกชาย และมีฐานะรวยใกล้เคียงกัน วันหนึ่ง ชาย4คนพบกันที่สนามกลอฟ์ และเล่นกลอฟ์ด้วยกัน จึงพูดคุยเรื่องความใจดีของลูกตนเอง ชายคนแรกบอกว่า "ลูกชายผมทำธุรกิจค้าขายที่ดินจนร่ำรวย แต่ใจดีไปหน่อย อยู่ ๆ ก็ยกที่ดินราคาไม่น้อยกว่า 20 ล้าน ให้เพื่อนสนิท ยกให้ฟรีๆโดยไม่ได้ค่าตอบแทนอะไรเลย" ชายคนที่สองได้ยินดังนั้นจึงพูดขึ้นบ้างว่า "ลูกชายผมอาชีพเซลล์บ้านจัดสรร ปีนี้ได้กำไรมากโข ได้รางวัลเป็นบ้านหรูหลังใหญ่ริมแม่น้ำ ประมาณค่าแล้ว 20 ล้าน แต่ดันใจดีมาก ยกให้เพื่อนสนิทไปฟรีๆเหมือนกัน" ชายคนที่3 บอกว่า ลูกผมเองก็ใช่ย่อยไม่น้อยหน้าใคร ทุกวันนี้ทำธุรกิจค้าขายหุ้น เพิ่งได้กำไรมาหยกๆ 20 ล้านแต่ดันไปยกให้เพื่อนโดยไม่เสียดายเลย" ชายคนที่4 มัวแต่พัทลูกอยู่เลยไม่ได้ฟังเพื่อนๆเล่าเรื่องลูกชาย แต่พอถามความก็อดนึกถึงลูกชายตัวเอง จึงบ่นให้เพื่อนๆฟังว่า "ลูกชายผมเป็นคนไม่ค่อยได้เรื่อง มันเป็นเกย์ ทำงานไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอัน และไม่ค่อยประสบความสำเร็จ มีแต่ทำเรื่องให้เจ็บใจบ่อยๆ แต่2-3วันมานี้ ไม่รู้โชคดีอะไร หนุ่มๆที่มาติดพัน3คน คนนึงยกที่ดินราคา 20 ล้านให้ อีกคนให้บ้านหรูหลังใหญ่ริมน้ำ แล้วอีกคนก็ให้หุ้นมูลค่า 20 ล้าน รวมแล้วประมาณ 60 ล้าน ตอนนี้มันเลี้ยงตัวเองได้ ผมก็หมดห่วงแล้วล่ะ " ชายอีก3 คน ??????? Save Cost ที่เมืองนอกมีชายหญิงคู่หนึ่งมาหาจิตแพทย์ คุณหมอถาม "มีปัญหาอะไรหรือครับ" ผู้ชายตอบ "ช่วยดูพวกเรา ตอนมีเซ็กซ์กันได้ไหมครับ" จิตแพทย์ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน แต่ก็ตกลงไปทั้งงงๆ หลังจากการมีเซ็กซ์จบลง จิตแพทย์จึงพูดว่า "ไม่มีอะไรผิดปกตินี่ครับ" และก็คิดค่าหมอไป 40 ดอลล่าร์ หลังจากนั้นชายหญิงคู่นั้น ก็วนเวียนมาหาหมอ แล้วก็ทำแบบเดิมทุกครั้ง จนวันหนึ่ง จิตแพทย์ทนไม่ไหวจึงถามว่า "พวกคุณกำลังหาว่าอะไรผิดปกติหรือ" ชายจึงตอบว่า "เปล่า เธอแต่งงานแล้ว และผมก็แต่งงานแล้ว จึงใช้ที่บ้านไม่ได้ ฮอลิเดย์อินน์ ก็ 82 เหรียญ ฮิลตัน ก็ 87 เหรียญ คุณคิดแค่ 40 เหรียญ แล้วผมก็เบิกค่าหมอจากบริษัท ได้คืน 38 เหรียญ"