โลโก้นะเนี่ย
Special Column
หน้าแรก
มุมธรรมะ
มหัศจรรย์แห่งจิต
จากคว๊ากสู่เอกภพ
ปริศนาจักรวาล
อาหารจานเจ
สุขภาพ
โภชนาการ
สมุนไพร
เต๋าแห่งรัก
การบริหารร่างกาย
ศิลปป้องกันตัว
ปรัชญา - ศาสนา
มุมหนังสือ
โหรศาสตร์
หัวเราะต่ออายุ
ภาพยนตร์
เพลง
เกมส์ - กีฬา
ท่องโลกภาษา
เมืองไทยน่ารู้
คันปากอยากวิจารณ์
อัดอั้นตันใจ
สรรหามาฝาก
คาบข่าวมาเล่าต่อ
ชวนกันสรรค์สร้างเว็บ
มันมากับเมล์
Photo Gallely
รวมลิงค์
กระดานสนทนา
สมุดเยี่ยม
About Me
JK's Story
JK's Friends
JK's Society
JK's Diary
JK 's Chatroom
ขอบคุณครับ











ธรรมะเพื่อชีวิต
ธรรมะพื้นฐานที่ชาวพุทธควรรู้ โดย JK! หมัดมั่ว


พุทธศาสนาเสื่อมจริงหรือ? (บทพิสูจน์พระแท้) 
พุทธศาสนา เป็นหลักธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้สืบทอดต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลานานกว่าสองพันปี เป็นคำสอนให้คนดับทุกข์ที่ต้นเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการทำดี หรือละเว้นการกระทำชั่ว ทำจิตใจแห่งบริสุทธิ์ ล้วนแต่เป็นการระงับซึ่งเหตุแห่งทุกข์ อันเป็นหลักคำสอนที่ว่าไปด้วยเหตุและผล เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง (สันทิฏฐิโก) วิกฤติการณ์ทางสังคมที่เปลี่ยนไปเป็นโลกที่มีความเจริญทางวัตถุมากขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง ผู้คนล้วนขาดที่พึ่งพาหรือขาดที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ล้วนหันหน้าไปหาอบายมุข หันหลังให้กับธรรมะและศาสนา เกิดคดี ปล้น ฆ่า ข่มขืน โกงกิน สารพัด ขึ้นพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ไม่เคยมีเว้นซักวัน จนหลาย ๆ คนถึงกับพูดว่า ทุกวันนี้ศีลธรรมได้เสื่อมทรามลงไป มีข่าวคราวรวมถึงข่าวคาวในวงการพระศาสนาออกมาให้เห็นกันบ่อย ๆ แทบทุกวัน บางคนถึงกับบอกว่าเลิกนับถือศรัทธาในพระศาสนาแล้ว ทั้งยังบอกว่าทุกวันนี้มีแต่พระเลว ๆ เต็มไปหมด ทำให้ไม่เต็มใจจะทำบุญหรือสนใจจะเข้าวัดกันอีกต่อไป "พระเลว ๆ" คำนี้ฟังดูแสลงหูผมมาก พระจะเลวได้หรือ? ในเมื่อได้ชื่อว่าเป็นพระ จากการสนทนากับผู้คนมากมาย กับได้รับคำตอบที่ตรงกันว่า ทุกวันนี้มีแต่พระเลว ๆ ศาสนาก็เสื่อมแล้ว แม้แต่สื่อมวลชนเองเวลาเสนอข่าว ก็มักใช้ถ้อยคำทำนองที่ว่า "จับพระมั่วสีกา" "จับพระเล่นการพนัน" "จับพระมั่วสุมดื่มสุรา" จากการที่ได้รับรู้แนวคิดในข้างต้นผมจึงได้ทราบความจริงว่า จริงๆ แล้วคนไทยเราที่ชอบอ้างนักอ้างหนาว่าเป็นชาวพุทธ กลับไม่ได้มีความเข้าใจในตัวพระพุทธศาสนาและไม่เคยรู้ซึ้งถึงหลักคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธศาสนาเลย ผมคิดว่าน่าจะมีการปรับความเข้าใจและชี้แจงให้ทราบกันถึงแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา แก่ผู้คนบางส่วนที่ยังมีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง "พระ" นั้นมีความหมายถึงผู้ประเสริฐ บุคคลใดก็ตามที่เป็นผู้ประเสริฐ ผู้นั้นคือ "พระ" ดังอาจจะเคยได้ยินคำที่ว่า "บิดามารดาคือพรหมของบุตร" หรือ "บิดามารดาคือพระของบุตร" ทั้งสองประโยคนี้ความนัยล้วนไม่ต่างกัน คือยกย่องบิดามารดาเป็นผู้ประเสริฐ เพราะฉะนั้นคนที่พูดว่า มีแต่ "พระเลว ๆ" จึงน่าจะเป็นคำพูดที่ผิด และไม่ถูกต้อง ก็ในเมื่อเป็นพระแล้วจะแล้วได้อย่างไร ถ้าเลวแล้วย่อมไม่เป็นพระ เมื่อเกิดข่าวคราวหรือข่าวคาวจากวัดต่าง ๆ ผมว่าคนไทยควรทำความเข้าใจกันด้วยว่านั่นไม่ใช่พระ เป็นแต่เพียง "ไอ้โล้น" ที่นุ่งผ้าเหลืองเป็นเพียง "เหลือบ" ที่อาศัยเกาะกินพระศาสนาไปวัน ๆ เท่านั้น นั่นไม่ใช่พระและไม่ใช่สงฆ์ ไม่ใช่สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า น่าสังเวชใจที่ชาวไทยพุทธส่วนใหญ่สวดมนต์ไหว้พระทุกวัน แต่กลับแยกแยะพระแท้กับพระเทียมไม่ออก ทั้งที่สวดมนต์ไหว้พระกันอยู่ทุกวัน "สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ" อันมีความหมายว่า พระสงค์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติดีแล้ว ข้าพเจ้านอบน้อมพระสงฆ์ บทสวดมนต์บทนี้ก็แจ้งชัดอยู่แล้วว่า "สุปะฏิปันโน" ผู้ปฏิบัติดีแล้ว โดยที่เป็น "ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ" หมู่สาวกแห่งองค์ภควัน อันมีความหมายโดยรวมว่าเหล่าชนผู้รับฟังคำสั่งสอนขององค์พระผู้มีพระภาค และนำคำสั่งสอนนั้นไปปฏิบัติดีแล้ว ความหมายชัดเจนอยู่แล้วว่า เราอันเป็นชาวพุทธนี่ล่ะ จะนอบน้อมกับหมู่สงฆ์ผู้เป็นสาวก(ฟังคำสั่งสอน)ของพระผู้มีพระภาคผู้ปฏิบัติดีแล้วเท่านั้น ผู้ปฏิบัติเลวเราไม่นอบน้อม ถ้าเห็นไอ้โล้นนุ่งเหลืองแต่เมาแอ๋อยู่ข้างป้ายรถเมล์ เราก็สามารถแจ้งตำรวจจับได้เลย พร้อมกับช่วยตำรวจลากคอขึ้นรถไปด้วยได้โดยไม่ต้องไปนอบน้อม ซึ่งไม่ได้ผิดบาปอันใดเลย เพราะนั่นไม่ใช่พระ และที่เสื่อมทรามลงก็ไม่ใช่ศีลธรรมหรือศาสนา เพราะศีลธรรมเป็นของสูงที่ไม่มีวันเสื่อม แต่ที่เสื่อมลงก็คือคน คนทำตัวเองให้เสื่อม เพราะหันหลังให้กับศีลธรรมคนจึงเสื่อม ชาวพุทธเราพร่ำสวนบทสรรเสริญพระสังฆคุณกันเป็นประจำ แต่ไม่เคยนำมาใช้พิจารณาพระแท้พระเทียมกันเลย จึงไม่ต่างอะไรกับนกแก้วนกขุนทองที่สักแต่ว่าพูดได้ แต่พูดมาไม่รู้ความหมาย บทสรรเสริญพระสังฆคุณเป็นบทที่บ่งบอกให้ชัดเจนถึงพระสงฆ์ที่แท้จริง ตามบทสวดที่ว่า สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติดีแล้ว ) อุชุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติตรงแล้ว ) ในที่นี้หมายถึงปฏิบัติได้ตรงกับหลักธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ญายะปฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ (สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว) สามีจิปฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติเหมาะสมแล้ว ) ยะทิทัง ( ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ ) จัตตาริ ปุริสสะ ยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา ( คู่แห่งบุรุษสี่คู่ นับเรียงตัวได้แปดบุรุษ ) บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังที่ว่ามานั้น เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( นั่นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ) และบุคคลที่มีคุณสมบัติดังกล่าวจึง อาหุเนยโย ( เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา ) ปาหุเนยโย ( เป็นผู้ควรแก่สักการะที่จัดไว้ต้อนรับ ) ทักขิเนยโย ( เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน ) อัญชะลีกะระนีโย ( เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี ) อะนุตตะรัง ปุญญะเขตตัง โลกัสสาติ. ( เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้ ) จากบทสวดพระสังฆคุณที่พร่ำสวดกันเป็นประจำนี้ ผมว่าบ่งชัดเจนแล้วว่าพระสงฆ์ที่แท้นั้นเป็นอย่างไร ผมคิดว่าหลาย ๆ ท่านที่อ่านบทความนี้จนจบคงจะพอตอบคำถามได้บ้างแล้วว่า "วงการศาสนาทุกวันนี้เต็มไปด้วยพระเลว ๆ จริงหรือ?" "ศาสนาเสื่อมแล้วจริงหรือ?" หมายเหตุ เนื้อหาทั้งหมดเกิดจากการศึกษาปฏิบัติของผู้เขียนเอง หากมีส่วนหนึ่งส่วนใดคลาดเคลื่อนจากพุทธธรรม นั่นเป็นความผิดพลาดในการตีความของผู้เขียนเอง บทความนี้หากเกิดเป็นบุญกุศลใด ๆ ก็ขออุทิศให้ดวงวิญญาณบรรพชนและญาติผู้ล่วงลับทั้งหลาย หากเกิดเป็นบาปเวรใด ๆ ขอให้บาปกรรมนั้นตกอยู่กับข้าพเจ้าเพียงผู้เดียว


1