โลโก้นะเนี่ย
Special Column
 Home
 X-Files Series
 Photo Gallely
 Lyric
 Joke
 MultiLinks
 Jkong Guest Book
บทความพิเศษ
 มาทำเว็บกันเถอะ
 ชวนกันอ่านหนังสือ
 คุยเฟื่องเรื่องหนัง
 เรื่องราวของประเทศไทย
 ธรรมะเพื่อชีวิต
About Me
JK's Story
JK's Friends
JK's Society
JK's Diary
JK 's Chatroom
ขอบคุณครับ





พิลึกกึกกือ
โดย Mr. Jonathan หมัดมั่ว คนพิลึกกึกกือ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วเรื่องราวนี้ได้เกิดขึ้นในปัจจุบันกาลอนาคตข้างหน้าอีกหลายร้อยปี เป็นเรื่องราวที่เล่าขานปากต่อปากรุ่นสู่รุ่นจากหลานสู่ลูกจากลูกถึงพ่อ เพื่อเป็นอุทาหรณ์และคติสอนใจแก่คนรุ่นก่อนให้ปฏิบัติตามอย่าเอาเยี่ยงอย่างคนรุ่นหลัง สองวันก่อน นานมาแล้ว ในดินแดนอันศิวิไลซ์ที่ห่างไกลความเจริญ ชายแก่วัยฉกรรจ์ และหญิงสาวชราวัยแรกแย้ม คู่หนึ่ง ทั้งสองครองตัวเป็นโสดอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยาอย่างมีความสุข ทะเลาะวิวาทมีปากเสียงตบตีกันแทบทุกวัน ด้วยความที่มีสมบัติพัสถานมากมาย เพราะเป็นอภิมหาเศรษฐี มีฐานะยากจน ข้นแค้น ทั้งคู่ปลูกกระต๊อบหลังเล็ก ๆ เป็นคฤหาสน์สูงสิบชั้นบนพื้นที่สามพันเอเคอร์อันคับแคบ บนเกาะกลางทะเลอันเงียบสงบอันห่างไกลผู้คนที่แต่ละวันรถราวิ่งกันขวักไขว่เต็มไปหมด ทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยความลำบากลำบนอย่างสุขสบาย ศีรษะล้านเลี่ยนที่เต็มไปด้วยผมหงอกดำขลับที่ยาวสลวยและตัดจนเกรียนนั้น ช่วยทำให้ชายแก่ดูมีปมด้อยอย่างโดดเด่นเป็นสง่า ดูอ่อนกว่าวัยราวกับผู้มีวัยวุฒิสูงอย่างน่านับถือ เขาเลี้ยงม้าแคระตัวเตี้ยสูงเพียง 2เมตรครึ่ง สีขาวมะเมื่อม ตัวดำจั๊วะ วิ่งเร็วดุจเต่าคลาน ฝีเท้าม้าหนักแน่นกระทืบพื้นแต่ละครั้งดังสนั่นดุจแมวย่อง เวลาวิ่งลุยบนเลนโคลนอันเรียบลื่นฉอะแฉะมันเร็วจนฝุ่นปลิวตลบอบอวล ทุกเช้าชายแก่ผู้มีสุขภาพแข็งแรงอันร่วงโรยไปตามวัย ตามกาลเวลา จะพาม้าออกไปวิ่งพักผ่อน ที่สวนหย่อมเล็กๆ ขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างไกลออกไปข้าง ๆ บ้าน ก่อนจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำ และนอนออกกำลังกายพักผ่อน วันหนึ่งชายแก่ฉกรรจ์ นั้นก็พายเรือใบยนต์เล็กส่วนตัวลำมหึมาดำ ตรงดิ่งไปตามถนนกว้างสายตรงใหญ่ที่แสนแคบและคดเคี้ยว เพื่อมุ่งตรงอ้อมเข้าเมืองไปล่าสัตว์ใหญ่ อาทิ กระรอก กระต่าย ในป่าละเมาะอันรกทึบ โดยออกไปเพียงลำพังกับเพื่อน ๆ อีกสี่ห้าคนและมีภรรยาเป็นผู้ติดตามดูแลห่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ทันใดนั้นเอง ครู่ใหญ่ ๆ ต่อมาเขาพบหมูป่าตัวดำปลอดตัวใหญ่โตกะทัดรัด ฝูงใหญ่อยู่ฝูงหนึ่ง จำนวน 1 ตัว ชายแก่ เห็นเข้าก็ไม่รอช้า เขาค่อย ๆ รีบชักปืนสั้น ยาว 8 ศอกออกมายิงทันทีโดยค่อย ๆ เล็งอย่างใจเย็น ปัง ! เสียงปืนดังติดต่อกันเป็นชุดใหญ่หนึ่งนัดซ้อน ๆ เสียงดังสนั่นไปทั่วเมือง คนที่นอนหลับอยู่ดี ๆ ก็นอนหลับฝันดีกันต่อไป โชคดีจริง ๆ ลูกกระสุนพลาดถูกเจ้าสัตว์เคราะห์ร้ายเฉียดๆเข้าอย่างจังกลางแสกหน้า พวกมันจึงขาดใจตายทั้งโขลง ที่เหลือตกใจเสียงปืนมุดดิน บินหนีไปตาม ๆ กันจนหมด ชายแก่เดินเข้าไปสำรวจร่างเจ้าหมูป่าเคราะห์ร้ายที่ตายสนิทกำลังชักกระตุกแน่นิ่ง เขาค่อย ๆ ลากอาหารเย็นกลับบ้านอย่างรวดเร็ว เมื่อกลับถึงบ้าน ชายแก่ฉกรรจ์ก็พบว่า จระเข้แอบขึ้นไปกินนกเขาตัวโปรดตัวเดียวที่แกเลี้ยงแขวนไว้ในกรง จนเกือบหมดไม่เหลือแม้ซักตัว ชายแก่โมโหมาก ชักดาบยาวสามหุน พันจระเข้ฉับเดียว 29 แผล ตัวขาดกระเด็นสามท่อนปลิวกระจัดกระจายไปคนละทาง และตกลงไปกองรวมกันที่ด้านหลังของแก จระเข้เมื่อขนหลุดร่วงหมดหนีไม่ไหว จึงหดหัวเข้าในกระดองและบินจากไป ชายแก่จึงวิ่งออกตามกลับเข้าไปในบ้านเข้าห้องนอนไปพักผ่อน ...... อยู่มาคืนหนึ่ง คืนเดือนแรม ท้องฟ้ามืดจ้าตึ๊ดตื๋อ ดวงจันทร์แจ่มกระจ่างสว่างฟ้า ชายแก่ได้ยินเสียงกระซิบโวยวายหนวกหู อยู่บนหลังคาไต้ถุนบ้าน จึงตาสว่างเดินงัวเงีย ๆ ปีนขึ้นลงไปดู ชายแก่รู้สึกสงสัยอย่างแน่ใจว่า ต้องมีผู้บุกรุกอย่างน้อยหนึ่งคน และเมื่อเดินลงไปก็พบเห็นกลุ่มขโมยคนหนึ่ง กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในที่โล่ง ทำลับ ๆล่อ ๆ ด้อม ๆ มอง ๆ ดูคอกม้าของตนอย่างโจ่งแจ้งชัดเจน ชายแก่เห็นท่าไม่ค่อยดี จึงสาวเท้าย่องจ้ำอ้าว ดังตึง ๆ ๆ ขึ้นบันไดไปบนห้องใต้ดิน เพื่อหยิบอาวุธสงครามที่แขวนโชว์ซ่อนไว้ไว้หน้าประตูรั้วบ้านอย่างมิดชิดเปิดเผย "เฮ้ย ! ใครวะ " ชายแก่ตะโกนถามเสียงแผ่วเบา เจ้าขโมยหันมาเห็นเข้าก็ตกใจจะวิ่งหนีก็ไม่ทัน เมื่อจนมุม ยังไงก็ต้องสู้ตาย เจ้าขโมยจึงฮึดสู้ มันใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างประกบเข้าด้วยกัน ขาสองข้างแยกห่างออกจากกัน ในท่ายืนนั่งม้า พร้อมกับระเบิดเสียงออกมาจากปาก " ย้าาาาาาา ! อย่าฆ่าผมเลยครับ ! " ฝ่ามือทั้งสองข้างประกบเข้าหากัน พร้อมกับยกขึ้นมาแนบกับหน้าโดยหัวแม่มืออยู่ที่สันจมูก นับว่าเป็นการตั้งการ์ดที่รัดกุมจริง ๆ สามารถปกปิดจุดสำคัญบนใบหน้าได้หมด " ลุงอย่าฆ่ากูเลยครับ กูมีความจำเป็นจริง ๆครับ " " เอ้า ! ผมไม่ฆ่ามึงก็ได้ แต่มึงต้องเล่าให้ผมฟังซิว่ามีความจำเป็นยังไง" ชายแก่ฉกรรจ์ตะโกนถาม กูเป็นคนทำงานสุจริตคนหนึ่ง นะครับ ไม่เคยแตะต้องข้องแวะอบายมุขหรือสิ่งชั่วร้ายเลย ที่ต้องทำอย่างนี้ เพราะความจำเป็นบังคับโว้ยครับ "เออ เล่าต่อไป มึงเป็นใคร ทำอะไรอยู่ที่ไหน" ชายแก่ซัก "กู ชื่อ จรัล เป็นเด็กวัด ที่วัดสิ้นศรัทธาธรรม ของท่านเจ้าคุณธรรมลามก ทำงานเป็นคนดูแลเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อายุ 13-15 ปี ให้อยู่ขยันทำงาน คอยต้อนรับแขกและลูกค้าที่มาใช้บริการห้องคาราโอเกะที่ท่านเจ้าคุณเป็นเจ้าของ " "เออ ก็คนทำมาหากิน อยู่กับพระกับเจ้าเราดี ๆ นี่เอง" ชายแก่ฉกรรจ์รำพึง “จำได้แล้ว เจ้าคุณธรรมลามก ที่อธิบายพุทธธรรมได้อย่างชัดเจน “ ชายแก่นึกไปถึงวันที่นำภัตตาหารเพลไปถวายท่านเจ้าคุณที่วัดตอนสี่ทุ่มเศษ ท่านเจ้าคุณได้ให้ศีลให้พรและแสดงธรรมเทศนาอธิบายธรรมให้ฟัง ชายแก่ยังจำเรื่องศีลข้อห้าได้ชัดเจน สุราเมรยมัชชะปะมาทัฐฐานา เวรมนี สิกขาปทังสมาธิยามิ สุรา แปลว่าเหล้ากลั่น เมรย แปลว่าเหล้าหมัก มัชชะ มาจาก มัฌฌิมาปฏิปทา แปลว่าทางสายกลาง หมายความว่าให้กินแต่พอดี กินน้อยไม่อร่อย กินมากก็จะอ๊วก ต้องกินพอประมาณ ปะมาทัฐฐานา แปลว่า ประมาณตามฐานะ หมายความว่าจะกินก็ต้องดูฐานะ ดูเงินในกระเป๋าตัวเอง มีมากกินเหล้านอก มีน้อยกินเหล้าไทย ไม่มีให้หมักสาโท อุ กระแช่ น้ำตาลเมากินเอง เวระ แปลว่า เวลา มนี แปลว่า แก้ว รวมความเวระมนี แปลว่าเวลาจะกินต้องใช้แก้ว ห้ามยกกรอกปากเหล้าจะหกเสียของ สิกขา ปทัง แปลว่าสี่ขาประทัง หมายความว่าหากเมาหนัก ๆ สองขาเดินไม่ไหว ก็ให้คลานใช้สี่ขาปะทังไว้ได้ สมาธิ แปลว่า สมาธิดี ยามิ แปลว่ายาไม่ต้อง สมาธิยามิ แปลว่า สมาธิดี ร่างกายแข็งแรง ไม่ต้องกินยา เพื่อให้สะดวกควรแปลบาลีเป็นไทยว่า สุรามาเป็นระยะ หมูกระทะโซดาให้หามา เบียร์ด้วยก็ดี สิงหาสักลัง ยกมาสิยาหยี ภาพเหตุการณ์ครั้งนั้นยังอยู่ในความทรงทำชายแก่หนุ่มผู้เฒ่า เมื่อนึกขึ้นได้เลยถามเจ้าหัวขโมยต่อ "อ้าว! แล้วเป็นไงมาไงต้องมาขโมยเขากินล่ะมึง ?" ชายแก่ฉกรรจ์ถาม คือกูเป็นหนี้เขาครับ กูไม่มีเงินไปจ่ายค่าพนันบอล กูเลยใช้ให้น้องชายมันไปขโมยควาย พอดีมันถูกจับได้ กูเลยต้องหาเงินไปประกันตัวมันออกมาครับ ตอนแรกก็ไปวิ่งราวแต่วิ่งหนีไม่ทันถูกชาวบ้านรุมกระทืบ พอรอดมาได้ก็กะว่าจะไปปล้นแต่ไม่มีอาวุธ กูก็เลยกะว่าจะมาขโมยม้าลุงไปขายเอาเงินมาซื้ออาวุธนี่ล่ะครับ" เมื่อชายแก่ฉกรรจ์ได้ฟัง ก็รู้สึกเข้าใจ เห็นใจ และสลดใจ ที่คน ๆ หนึ่งต้องเผชิญกับเรื่องเลวร้ายขนาดนี้ ด้วยความที่เป็นคนเมตตามีจิตใจที่เหี้ยมโหด จึงเห็นใจในความเป็นคนซื่อสัตย์ทุจริตของจรัญหัวขโมย ชายแก่จึงเมตตาค่อย ๆ ยิงกระหน่ำเจ้าขโมยด้วยปืน M16 อย่างปราณี ร่างเจ้าขโมย พรุนไปทั้งตัว เจ้าจรัญหัวขโมยพยายามดึงลูกธนูเหล่านั้นออกจากร่างกาย แต่อนิจจา ลูกธนูนั้นฝังแน่นเกินกว่าจะดึงออกได้ เมื่อจะต้องตายเจ้าขโมยจึงไม่ยอมตายคนเดียว แต่พิษบาดผลมันรุนแรงเกินกว่าจะขยับตัวได้ เจ้าขโมยจึงวิ่งกลับวัดไปหยิบลูกระเบิดกลับมาและขว้างใส่ชายชราทันที ลูกระเบิดตกลงตรงหน้าของชายแก่ ชายแก่เห็นว่าระเบิดไม่ได้ถอดสลัก จึงดึงสลักออกให้ และส่งกลับคืนให้เจ้าจรัญ ตูม ! เสียงระเบิดเงียบกริบดังสนั่น ลูกระเบิดระเบิดขึ้น จรัลกระโดดขึ้นฟ้าตีลังกา 3 ตลบ หลบระเบิดไม่ทันได้อย่างหวุดหวิด ถูกสะเก็ดระเบิด แขนถลอก ตายคาที่ ส่วนชายแก่โชคดีที่แค่ แขน ขา และคอขาดเท่านั้น จึงไม่เป็นอะไรมาก ................. ชายแก่จึงค่อย ๆ รีบเก็บเศษอวัยวะตับไตไส้พุงที่หล่นกระจัดกระจายให้เข้าที่ เพื่อเอาไปรักษาแผลที่บ้าน ชายแก่กลับเข้าบ้านทายาธาตุน้ำแดง และกินทิงเจอร์ไอโอดีน 2 ขวด ก่อนจะเข้านอน เช้าตรู่ชายแก่ตื่นขึ้นมาตอนเที่ยงสิบห้านาที รู้สึกเจ็บปวดที่บาดแผลมาก จึงรู้ตัวอ่าตนถูกพิษแน่แท้ แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นพิษอะไร จึงค่อย ๆวิ่งไปห้องหนังสือค้นหาตำรายาและเจอทันทีอย่างยากเย็น เปิดหน้าแรกชายแก่ฉกรรจ์ดีใจนักเพราะเป็นสูตรยาแก้พิษครอบจักรวาลและอายุวัฒนะ ซึ่งเขียนไว้เป็นบทกลอนดังนี้ ใช้หนวดเต่า ต้มเคี่ยวเอา แต่น้ำข้น อีกทั้งขนปลาหมึกแดง แห่งน้ำโขง เขากระต่าย นอควาย ปีกกระจง ครีบละอง เกล็ดล่ะมั่ง คางปลาดาว เกลือหวาน น้ำตาลขม น้ำนมไก่ ตีนปลาไหล น้ำลายไดโนเสาร์ กระดูกไส้เดือน ลิ้นตัวด้วง งวงค้างคาว เลือดปูนา หนวดกาขาว เคราเสือตอ กระดองงู ไข่มังกร ใช้แค่เปลือก น้ำตาเงือก เหงือกมดดำ ก้ามปลาหมอ ไตยุง ดีกุ้ง พุงแมลงปอ ดีแมงป่อง อีกลิ้นจ-รเข้ดอย ชายแก่ดีใจมากรีบหาตัวยามาผสมใฃ้แก่ใช้เวลาเพียงสองนาทีในการรวมรวมตัวยาทั้งหมด แต่เคราะห์ร้ายเหลือเกิน ชายแก่ไม่สามารถหาปูนาได้ จึงไม่สามารถรีดเลือดปูนาเอามาทำยาใด้ แต่คิดว่าขาดเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เป็นไร จึงผสมตัวยาทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วค่อย ๆ ยกจิบฮวบเดียวหมดแก้ว เพียงสามนาทีชายแก่หายเจ็บปวดบาดแผลเป็นปลิดทิ้ง รู้สึกแข็งแรงกระปรี้กระเปร่าลุกชึ้นกระโดดโลดเต้นอย่างคล่องแคล่ว แล้วขาดใจตายไปในที่สุด จบ (ขี้เกียจแต่งต่อ) ได้ไอเดียมาจากใครซักคนหนึ่งเล่าเรื่องชายแก่ฉกรรจ์และหญิงแก่วัยกระเตาะ กับม้าแคระวิ่งลุยโคลนให้ฟัง เลยเอามาขยายความเพิ่มเติม


1