หน้าแรก I ประวัติพระพุทธเจ้I บททำวัตรเช้า-เย็น แปล I ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก I ตู่มือมนุษย์I การฝึกใจ l มงคลชีวิต ๓๘ ประการ

 

 

เรื่อง

 

บวชกาย-บวชใจ

 

การที่เราได้มาบวชในธรรมวินัยในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชื่อว่าเราได้ยกตนเข้าถึงคำสอน อยู่ในหลักของการปฏิบัติตัวเองให้ดียิ่งๆ ขึ้นกว่าฐานะเดิม

ฐานะฆราวาสที่ไม่ได้เข้าถึงศีลธรรมที่เคยเป็นอยู่สะดวกสบาย ก็มาบวชมาอยู่อย่างมักน้อยสันโดษ

คนที่เคยกินมากก็กินน้อยลง คนที่เคยเที่ยวเตร่เฮฮาก็หยุดการเที่ยวเตร่เฮฮา มาหัดสงบสำรวมใจ มาประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องตามธรรมวินัย

 

จิตของเราจะได้เป็นกุศลมากขึ้นและเป็นอานิสงส์เป็นผลให้พ่อแม่ญาติพี่น้องของเราได้รับความปลื้มปีติดีใจ เพราะทุกคนเห็นว่าเราเป็นเนื้อนาบุญที่จะนำชายจีวรให้พ่อแม่ญาติพี่น้องเกาะเดินตามไปสู่ประตูสวรรค์ ประตูนิพพาน ทำให้พวกเขาผูกพันตามเรามาถึงวัด ทั้งๆ ที่ไม่อยากจะมาก็มา มาแล้วก็เกิดความปีติปลาบปลื้มดีใจในการกระทำของเราไม่ได้รังเกียจ มีแต่ความห่วงใยและคิดถึงในทางดี เรียกว่าเราได้ทำงานขั้นหนึ่งแล้วที่ดึงรั้งจิตใจพ่อแม่ญาติพี่น้องเข้ามาถึงศาสนา

กว่าจะเป็นพระ

เมื่อก่อนนี้ตัวเราก็ห่างเหินต่อ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์มาก ไม่เคยสวดมนต์ ไม่เคยนั่งสมาธิ ไม่เคยรู้เรื่องบุญเรื่องบาป แต่เดี๋ยวนี้เราเข้ามานั่งอยู่ใกล้คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เราได้มาประพฤติปฏิบัติ ได้รู้ได้เห็นได้ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง อย่างละเอีดยอ่อน ว่าทำอย่างไรถึงจะเป็นบุญ ทำอย่างไรถึงจะทำให้มีความสุข ทำอย่างไรใจจึงจะเป็นพระและรู้เรื่องความเป็นพระมากขึ้น เราต้องเป็นพระใหม่ทั้งกายวาจาใจ ต้องหมั่นเข้าหาครูบาอาจารย์เป็นหลัก เพื่อจะได้ศึกษาเล่าเรียนข้อปฏิบัติว่า อันใดถูกก็นำเอามาใช้ อันใดผิดก็พยายามเลิกละไม่ทำ ไม่ทำด้วยตัวเองและไม่ชักชวนคนอื่นทำ รู้ว่ามันเป็นโทษมันผิดวินัย

เมื่อเราได้ทำความรู้ได้เรียนได้ศึกษาแล้วก็จะเกิดประโยชน์มากมายอย่างมหาศาล เราจะเห็นว่าพรหมจรรย์เป็นสิ่งที่น่าอยู่ ไม่น่าเบื่อหน่ายเพราะสงบกายวาจาใจอยู่ตลอดเวลา พระบวชใหม่ก็ต้องอดทนอยู่กับหมู่คณะอยู่กับครูบาอาจารย์ถึง ๕ พรรษา จึงจะพ้นนิสัยพ้นนวกภูมิจึงจะเที่ยวไปธุดงค์ได้ ถ้าไม่ทำอย่างนั้นแล้วก็จะทำให้ธรรมวินัยหมดไป ผู้บวชใหม่ยังไม่รู้ธรรมวินัยก็ให้ครูบาอาจารย์ช่วยสั่งสอนแนะนำตักเตือนว่ากล่าวไม่ให้ทอดทิ้งไม่ให้วางเฉย ถ้าลูกศิษย์ทำผิดหรือยังไม่รู้ ส่วนลูกศิษย์ก็ช่วยเหลือครูบาอาจารย์ จะเป็นการต้มน้ำร้อน ปัดกวาดที่อยู่อาศัย หรือรับบาตรจีวร เพราะถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณครูบาอาจารย์

ดังนั้นการที่เรามาบวชในพระพุทธศาสนาเราต้องเป็นคนอดทน อดทนต่อคำสั่งสอนตักเตือนว่ากล่าว อย่าโกรธ อย่าฉุนเฉียวพยายามหักห้ามความโกรธ แล้วก็ไม่ติดญาติโยม ไม่ติดเพื่อนเก่าทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ไม่คุยกันยาวนาน ไม่โทรศัพท์ไปหาแล้วไปหาอีก ไม่นั่งคุยแล้วคุยอีก ถ้าญาติโยมมาเยี่ยมทุกวัน มานั่งคุยทั้งวัน ต้อนรับแต่ญาติโยมก็จะฟุ้งซ่านไม่สงบ อยากจะสึก กลายเป็นว่ามาบวชไม่ได้ขัดเกลาอะไร ก็จะไม่รู้อะไร ถ้าญาติโยมไม่มีธุระอะไรก็ให้ไปคุยกับครูบาอาจารย์ ก็จะตัดปัญหาเรื่องความห่วงใยกังวลได้ ฉะนั้นเราต้องพยายามปิดวาจาไม่พูดมาก พยายามสำรวมสงบให้มากขึ้น

อดทนต่อคำสั่งสอน

เรื่องการฉัน เราเป็นพระใหม่เราต้องอดทน มีอะไรก็ฉันอย่างนั้น ไม่ต้องดิ้นรนไม่ต้องขวนขวายมากเกินไป ไม่อยากได้โน่นไม่อยากได้นี่ หัดเป็นคนสันโดษมักน้อย อยู่อย่างง่ายๆ สะดวกสบายใจกว่า พยายามอดทนต่อการกระทบกระเทือน เช่น ครูบาอาจารย์ พระภิกษุด้วยกันว่ากล่าวก็อย่าโกรธ เพราะพระภิกษุใหม่ย่อมโกรธง่าย ไม่อดทน ขี้เกียจทำตาม

พระใหม่จะต้องขยันสวดมนต์เช้าสวดมนต์เย็น ขยันเดินจงกรม นั่งสมาธิให้มรรคผลเกิดแก่ตัวเอง ถือว่ามาบวชเอาบุญได้บุญมาก ถ้าเรานิ่งเฉยไม่สวดมนต์ไม่เดินจงกรม ไม่นั่งสมาธิ ก็ถือว่ามาบวชแล้วไม่ได้อะไร ได้แต่บวชกาย ไม่บวชใจ ฉะนั้นเราก็ต้องบวชใจก่อน ทำใจให้ดีแล้วกายก็พลอยดีไปด้วย เรียกว่าบวชกายบวชใจ ถือว่าเป็นชีวิตที่ถูกต้องมีพรหมจรรย์เป็นสุข

นอกจากนี้ต้องพยายามเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ว่านอนสอนง่ายเป็นคนเสียสละช่วยส่วนรวมไม่ขี้เกียจ ไม่ขี้คร้าน ไม่สกปรกไม่สุรุ่ยสุร่าย ไม่ทำอะไรทิ้งๆ ขว้างๆ ต้องดูแลเสนาสนะให้สะอาดเรียบร้อย เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วเราจะได้กำไรในชีวิตที่อุทิศตัวเองเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา

ถ้าเราสงบแล้วอยู่ที่ไหนก็สงบ ไม่ต้องเที่ยวไปโน่นไปนี่ก็ได้ เพราะเที่ยวไปก็เหนื่อย เที่ยวที่ใจเราสงบนี่ใช้ได้ ให้ปฏิบัติให้ภาวนาไว้ พอสงบแล้วจิตของเราไม่วิ่งไปไหนนี่สบายที่สุด ถ้าจิตของเรายังวิ่งไปโน่นไปนี่ไม่สบายเลย ผู้บวชใหม่ก็ต้องไม่เที่ยวมาก ไม่ไปสนใจกับเรื่องภายนอก ให้สำรวมดูตัวเองให้มากจะได้สงบมากขึ้น ใจคิดนึกอะไรก็มาเรียนรู้ธรรมที่กายใจเท่านั้นเอง พอเรียนรู้กายใจมากขึ้นๆ ก็เกิดความสุขสงบที่ใจ เราก็จะรู้จะเห็นความจริงที่พระพุทธเจ้าสอน

ดังนั้น เราต้องฝึก เราต้องปฏิบัติจึงจะได้ผล เรื่องกิจวัตรต่างๆ ปัดกวาดเช็ดถูก็ต้องช่วยกันทำ เป็นการช่วยปลดตัวตน เป็นการสงเคราะห์ ความขยันความสะอาดเรื่องกิจวัตรเช้า-เย็น หากบวช ๓ เดือน ทำได้ตลอดก็เป็นกำไรของเรายิ่งขึ้น เวลานั่งสมาธินิวรณ์ก็ไม่ครอบงำ จะสบายใจ ปีติใจมากเลย

ภาวนาพาให้เกิดสุข

พระใหม่ที่ว่านอนสอนง่าย พระใหม่ที่ไม่หัวดื้อหัวรั้น เป็นผู้เคารพในธรรมวินัยเชื่อฟังครูบาอาจารย์ ศรัทธาที่จะประพฤติปฏิบัติธรรมความดีให้แก่ตัวเรา ก็จะทำให้เรามีรัศมีออกไปสู่ญาติพี่น้องของเรา ให้ได้รับความสุขกัน ถ้าเรายิ่งปฏิบัติมากเท่าไร รัศมีนั้นก็ยิ่งแผ่ขยายไปสู่คนที่ใกล้ชิดเราได้มากขึ้นเท่านั้น เราก็ต้องพยายามฝึกกันไว้ อย่าขี้เกียจภาวนาก็แล้วกัน ถ้าขี้เกียจภาวนาก็จะไม่รู้อะไรเลย แต่ถ้าขยันภาวนา ขยันเดินจงกรม ขยันทำสมาธิให้มากๆ แล้วจะรู้อะไรดีๆ ทำอะไรก็ให้เป็นกรรมฐาน ปัดกวาดเช็ดถู บิณฑบาตก็ทำสติเรือยไป

เดินก็ขวา พุท ซ้าย โธ ทำงานให้มีสติตลอดจะได้อารมณ์ธรรม จะได้กุศลอย่างแรง จะมานั่งๆ นอนๆ รอบุญไม่ได้ ตัวเองก็ต้องทำบุญเอง แม้บุญจะมาเกิดขึ้นกับเราไม่ได้ แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย บาปก็จะเกิดขึ้น คือ ขี้เกียจสวดมนต์ ขี้เกียจภาวนา ขี้เกียจทำวัตร ขี้เกียจบิณฑบาต บาปจะเข้ามาทำให้เร่าร้อนไม่มีความสุข จะไม่มีความสบายใจ แต่ถ้าขยันก็จะกันบาปหมดไป บาปไม่มีในใจ มีแต่บุญอย่างเดียวนะ คนขยันมีแต่บุญอย่างเดียว คนไหนนอนมาก กินมาก เที่ยวมาก พูดคุยมาก สังคมมาก จะบาปมาก เพราะมันไม่มีความสงบ คนไหนกินน้อย นอนน้อย พูดน้อย คิดน้อย เที่ยวน้อย จะได้บุญมาก เพราะใจสงบ

ต้องพยายามทำอย่างนั้นจึงจะได้เข้าถึงบุญที่แท้จริง จะได้เข้าถึงความรู้ที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ จะได้ไม่เสียเวลาที่เรามีโอกาสได้มาปฏิบัติหรือมาพิสูจน์ หรือมาเข้าถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

ถ้าไม่มีบุญไม่ได้บวชหรอก ตายก่อนบวช คนไม่มีบุญตายก่อนบวช หรือไม่ก็ไม่มีโอกาสบวช เพราะไม่มีบุญทางนี้ คนที่บวชได้เพราะมีบุญทางนี้ ยังไงก็ต้องได้บวช คนมาบวชนี่เพราะเป็นคนมีบุญมาเกิด เข้าใจนะ เมื่อบวชแล้วทำใจให้ดี อย่าไปว่า..อยู่บ้านเราอยู่กินสบาย มาอยู่วัดมาทรมาน ไม่เหมือนบ้านเรา อย่าไปคิดอย่างนั้น พระพุทธเจ้าท่านสละวัตถุออกมาแล้ว ท่านจึงได้สงบใจ

ถ้าเราไม่ทิ้งวัตถุเราจะสงบใจไม่ได้ ดังนั้นเราต้องทิ้งแก้วแหวนเงินทองทรัพย์สมบัติ มาเอาใจสงบอย่างเดียวจึงจะได้ อย่าไปติดอย่าไปยึดอะไรซึ่งเป็นของทางบ้าน ให้นึกว่านี่เป็นโอกาสของเราแล้ว ยืน เดิน นั่ง นอน เราก็พยายามทำ ฝึกให้มากขึ้นก็จะได้ผล ยังไงก็ขยันเอาไว้นะ ขยันภาวนาจะได้เป็นพระทั้งองค์นะ ถ้าไม่ขยันภาวนาจะเป็นพระครึ่งเดียว ตัวเป็นพระแต่ใจไม่เป็นพระ พยายามภาวนาบุญให้เต็ม เหมือนคนขยันรดน้ำต้นไม้ เดี๋ยวก็ได้ลูก ปลูกต้นไม้ ถ้าขี้เกียจรดน้ำไม่ได้กินลูกหรอก ตัวเราก็เหมือนต้นไม้ ต้องขยันสวดมนต์ภาวนาทุกวัน..

 

Next : Page 2>>

หน้าแรก I ประวัติพระพุทธเจ้I บททำวัตรเช้า-เย็น แปล I ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก I ตู่มือมนุษย์I การฝึกใจ l มงคลชีวิต ๓๘ ประการ

Non Copyright 2002. Buddhamamaka Home Page. All Rights Reserved. Comment or suggestion : [email protected]

 

Hosted by www.Geocities.ws

1