ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มนุษย์ได้นำโลหะเงินมาใช้สองลักษณะ ลักษณะหนึ่งคือ เป็นการใช้ที่คนทั่วไป มองไม่ค่อยเห็นและไม่ค่อยรู้ คือ การใช้เป็นส่วนผสมทางเคมี ทางการแพทย์ และทางเทคโนโลยี ต่างๆ ตามคุณสมบัติของเงิน อีกลักษณะหนึ่งเป็นการใช้ที่ทุกคนรู้จักดี สัมผัสได้และต่างก็เคยใช้กันมาแต่เก่า ก่อน คือ การนำมาทำเป็นสิ่งของต่าง ๆ ตั้งแต่ประดิษฐ์ด้วยเมืออย่างง่ายที่สุด จนถึงการประดิษฐ์ที่สลับ ซับซ้อนในขั้นประณีตศิลป์ชั้นสูง โดยแบ่งการใช้เงินลักษณะนี้เป็น 3 ประเภท คือ 1. เงินตรา 2. เครื่องใช้ 3. เครื่องประดับ การใช้เครื่องเงินและทองในลักษณะนี้มีมาแต่โปราณแล้ว มีหลักฐานการค้นพบทางโบราณคดี ว่า ตั้งแต่สมัยทวาราวดีเราก็มีพระพุทธรูปและเครื่องประดับทองคำใช้กันแล้ว เคยมีการขุดพบแหวน ต่างหู สร้ายคอ และจี้ทองคำในหลาย ๆ แห่งที่อู่ทอง และนครปฐม คันพบเหรียญเงินในที่ต่าง ๆ จำนวนมาก และที่มหาสารคามก็พบแผ่นเงินสลักลายพระพุทธรูป พบเจดีย์เงินที่ภาคใต้ การขุดกรุที่วันราชบูรณะที่ อยุธยาก็พบสมบัติมหาศาลของช่วงพุทธศตวรรษที่ 20 และที่ อ.ฮวด จ.เชียงใหม่ ก็พบศิลปวัตถุสมัย เชียงแสนอีกหลายอย่างเป็นเงิน เช่น บัลลังก์จำลอง พระพุทธรูป กลุ่มเครื่องพุทธบูชาจำลอง แจกัน จำลอง ซองพลูจำลอง ส่วนมากเป็นเงิน และเสาธงห้อยแผ่นเงินแผ่นทอง อย่างไรก็ตาม การค้นพบวัตถุเงินทางโบราณคดีทั้งจากการสำรวจและการขุดค้นนั้น ส่วนมากเป็น เหรียญสมัยทวาราวดี ทั้งเหรียนที่ใช้เป็นเงินตราและความเชื่ออื่น ส่วนมากของกรค้นพบจะพบอยู่ตาม พื้นที่ทั่ว ๆ ไป มีอยู่ครั้งเดียวที่พบในหลุมฝังศพที่แหล่งโบราณคดีน้ำตกวังแสนดีที่ลพบุรี ไม่เคยพบ เครื่องประดับที่ทำด้วยเงิน นอกจากสิ่งทีค้นพบทางโบราณคดีแล้ว หลักฐานอื่นที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันนี้ไม่ค่อยมีเครื่องเงินและ เครื่องถมก่อนยุคอยุธยา ในอยุธยาก็มีหลักฐานเหลืออยู่ไม่มากนัก เครื่องเงินเครื่องถมไทยที่มีอยู่ตาม แหล่งสะสมและสถาบันทางศิลปทั่วไปในขณะนี้ เกือบทั้งหมดเป็นศิบปวัตถุสมัยรัตนโกสินทร์ตั้งแต่ต้น รัตนโกสินทร์ลงมา และเริ่มมีมากมายหลายสกุลช่างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา แต่ถึงกระนั้น เราก็มีหลักฐานเอกสารอื่นมากพอที่จะยืนยันว่า ไทยเรามีการใช้เครื่องเงินมาแต่ สมัยสุโขทัย และมีเครื่องถมใช้มาแต่อยุธยาแล้ว
เงินตรา เช่นเดียวกับดินแดนส่วนอื่นในแถบเดียวกันนี้ ไทยใช้เงินเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมาเกือบ 2,000 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยฟูนัน เราก็มีเหรียนฟูนัน เหรียญทวาราวดีทางภาคกลางสมัยทวาราวดี เงินตรา นโมและตราดอกจันทน์ ทางภาคใต้สมัยศรีวิชัน และในระยะเดียวกันศรีวิชัยนี้ ยังมีเงินที่ใช้ในภาคเหนือ และภาคอีสารอีกหลายชนิด ภาคเหนือมีเงินกำไลมือ เงินเจียง เงินท้อกชนิดต่าง ๆ และยังใช้เงินมุ่นหรือ เงินไซซีของจีนกับเงินรูปีของอินเดียในช่วงที่การค้าเจริญขึ้น ส่วนภาคอีสานก็มีเงินฮาง เงินตู้ เงินฮ้อย และเงินลาด พอถึงสมัยสุโขทัย เราก็เริ่มใช้เงินพด้วงเป็นหลัก ติดต่อกันตลอดมาจนถึงสมัยอยุธยาและรัตน- โกสินทร์ตอนต้น ก่อนจะเริ่มใช้เหรียญกษาปณ์อย่างปัจจุบันเมื่อสมัยราชกาลที่ 4 เงินที่ใช้เป็นเงินตราแลกเปลี่ยนสินค้านี้ สมัยแรก ๆ เนื้อเงินส่วนมากบริสุทธิ มีส่วนผสมโลหะ อื่นน้อย จนกระทั่งถึงยุคเหรียนกษาปณ์ยุคแรก ๆ ส่วนผสมหลักในเหรียญก็ยังคงมีเนื้อเงินค่อนข้างสูง และค่อย ๆ ลดลงมาจนในปัจจุบันไม่มีเนื้อเงินผสมแล้ว นอกจากเหรียนที่ระลิกที่ออกมาใช้ในโอกาส สำคัญ ๆ |
|
Copyright © 2000 Mr.Kanchana Pumnual. All rights reserved. Revised : เมษายน 28, 2543 . |