การย้ายภูมิลำเนาทหารหรือย้ายที่อยู่
ข้อ
๒๘ บุคคลที่ได้ลงบัญชีทหารกองเกินที่อำเภอตามมาตรา ๑๖ วรรค ๑ หรือ
มาตรา ๑๘ หรือ ทหารกองเกิน
หรือทหารกองหนุนย้ายที่อยู่เปลี่ยนตำบล ให้นายอำเภอแก้บัญชีให้ถูกต้องถ้าไปอยู่ต่างตำบลชั่วคราวเกินกว่าสามสิบวัน
เมื่อนายอำเภอภูมิลำเนาทหารเดิม ได้รับแจ้งการย้ายจากนายอำเภอที่ไปอยู่ชั่วคราวนั้นแล้ว
ให้หมายเหตุบัญชีไว้
ในการรับแจ้งย้ายที่อยู่ดั่งกล่าวแล้วก็ดี หรือการรับแจ้งการย้ายภูมิลำเนาทหารก็ดี
ให้นายอำเภอออกใบรับตาม (แบบ สด. ๑๐)
ให้แก่ผู้แจ้งไว้เป็นหลักฐาน
ข้อ
๒๙ บุคคลที่ได้ลงบัญชีทหารกองเกินที่อำเภอตามมาตรา ๑๖ วรรค ๑ หรือมาตรา
๑๘ แล้ว หรือทหารกองเกินหรือทหารกองหนุนที่ต้องโทษตามคำพิพากษาของศาลนั้นเมื่อรับตัวเข้าคุมขังหรือส่งตัวไปอยู่ในเขตอันมีกำหนด
หรือส่งไปกักกัน หรือเมื่อย้ายไปคุมขังประจำยังเรือนจำ หรือนิคมหรือเมื่อพ้นโทษเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมเดิมและใหม่
ต้องแจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดแล้วผู้ว่าราชการจังหวัดแจ้งไปยังนายอำเภอที่เป็นภูมิลำเนาทหารของผู้นั้นทั้งนี้
ให้แจ้งต่อกันภายในกำหนดสามสิบวัน
ข้อ
๓๐ การย้ายภูมิลำเนาทหารต่างอำเภอหรือต่างจังหวัดสำหรับบุคคล ที่ได้ลงบัญชีทหารกองเกินที่อำเภอตาม
มาตรา ๑๖ วรรค ๑ หรือมาตรา ๑๘ แล้ว หรือทหารกองเกินหรือทหารกองหนุนนั้น
เมื่อนายอำเภอที่เป็นภูมิลำเนาทหารเดิม
ได้รับแจ้งการย้าย จากนายอำเภอที่เป็นภูมิลำเนาทหารใหม่ตามมาตรา ๑๒
แล้วให้จัดการสอบสวน เมื่อได้หลักฐานว่าผู้ขอย้าย
ไม่ประสงค์จะหลีกเลี่ยงการรับราชการทหาร ก็ให้แจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดของตนทราบเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับแจ้งแล้ว
ให้ปฏิบัติดังนี้
(๑) ทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ หรือทหารกองหนุนประเภทที่ ๒ ที่ปลดจากกองประจำการให้คัดสำเนาทะเบียน
ส่งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดตามภูมิลำเนาทหารใหม่ แต่ถ้าเป็นบุคคลที่ได้ลงบัญชีรายนามทหารกองประจำการ
และทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ (แบบ สด. ๒๖) ให้คัดรายการจากบัญชีนั้นลงในทะเบียนกองประจำการ
(แบบ สด. ๓) โดยเขียนที่เหนือทะเบียนกองประจำการว่า คัดรายการจากบัญชี
(แบบ สด. ๒๖) แล้วแต่กรณี ส่งไปยังจังหวัดตามภูมิลำเนาทหารใหม่
(๒) บุคคลที่ได้ลงบัญชีทหารกองเกินที่อำเภอตามมาตรา ๑๖ วรรค ๑ หรือมาตรา
๑๘แล้ว หรือทหารกองเกิน
หรือทหารกองหนุนประเภทที่ ๒ ให้ทำบัญชีตาม (แบบ สด. ๑๒) ท้ายบันทึกนี้ส่งไปยังจังหวัดตามภูมิลำเนาทหารใหม่
จังหวัดที่ได้รับการแจ้งการย้าย ถ้าเป็นจังหวัดที่มิได้เรียกคนเข้ารับราชการทหาร
ให้เก็บหลักฐานการโอนนั้นไว้ แต่ถ้าเป็นจังหวัดที่เรียกคนเข้ารับราชการทหารให้เก็บ
สำเนาทะเบียนหรือลงบัญชีรายนามทหารกองประจำการ
และทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ (แบบ สด. ๒๖) หรือบัญชีรายชื่อทหารกองเกินและทหารกองหนุนประเภทที่
๒ (แบบ สด. ๒๗) ไว้แล้วแต่กรณี
ข้อ
๓๑ การบันทึกจำหน่ายผู้ที่ย้ายภูมิลำเนาทหาร ให้ปฏิบัติดังนี้
(๑) จังหวัดที่เรียกคนเข้ารับราชการทหาร สำหรับทหารกองหนุน ประเภทที่
๑ หรือทหารกองหนุนประเภทที่ ๒ ที่ปลดจากกองประจำการให้บันทึกหลังทะเบียนกองประจำการในช่องย้ายภูมิลำเนาทหารหรือจำหน่ายบัญชีรายนามทหาร
กองประจำการ และทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ แล้วแต่กรณีสำหรับบุคคลที่ได้ลงบัญชีทหารกองเกินที่อำเภอตาม
มาตรา ๑๖ วรรค ๑ หรือมาตรา ๑๘ แล้ว หรือทหารกองเกินหรือทหารกองหนุนประเภทที่
๒ จำหน่ายบัญชีทหารกองเกิน หรือบัญชีรายชื่อทหารกองเกินและทหารกองหนุนประเภทที่
๒ แล้วแต่กรณี
(๒) จังหวัดที่มิได้เรียกคนเข้ารับราชการแทน สำหรับทหารกองหนุนประเภทที่
๑ หรือทหารกองหนุนประเภท
ที่ ๒ ที่ปลดจากกองประจำการ ถ้ามีทะเบียนกองประจำการบัญชีรายชื่อทหารกองหนุนประเภทที่
๑ ที่ได้ย้ายภูมิลำเนาทหาร
(แบบ สด. ๑๑) หรือถ้ามีบัญชี (แบบ สด. ๑๒) อยู่ให้บันทึกในช่องย้ายภูมิลำเนาทหาร
หรือช่องหมายเหตุแล้วแต่กรณี
ข้อ
๓๒ จังหวัดที่มิได้เรียกคนเข้ารับราชการทหาร เมื่อได้รับแจ้งการย้ายภูมิลำเนาทหารเข้ามา
หรือย้ายออกไป หรือตาย ให้แจ้งต่อสัสดีจังหวัดที่ทำการแทนภายในกำหนดสามสิบวันคือถ้ารับแจ้งการย้ายเข้ามาให้ส่งสำเนาทะเบียน
กองประจำการ หรือบัญชีตาม (แบบ สด. ๑๒) แล้วแต่กรณี ถ้าย้ายภูมิลำเนาทหารออกไป
หรือตาย ให้ส่งบัญชีตาม (แบบ สด. ๑๓)
ท้ายบันทึกนี้
การเรียกทหารกองเกินและทหารกองหนุนเข้ารับราชการทหาร
ข้อ
๓๓ เพื่อให้การระดมพลเป็นไปด้วยความพรั่งพร้อมและรวดเร็ว ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารเตรียมการล่วงหน้าไว้
และทำความตกลงกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองท้องที่ให้เตรียมพร้อมที่จะเรียกระดมได้ทุกขณะ
เมื่อถึงคราวจะระดม
ให้ฝ่ายทหารสั่งการตรงต่อเจ้าหน้าที่ ฝ่ายปกครองท้องที่ในตำแหน่งใด
ๆ ก็ได้ และเมื่อได้สั่งการไปแล้วต้องรีบแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ ฝ่ายปกครองท้องที่ตำแหน่งเหนือขึ้นไปให้ทราบด้วย
ข้อ
๓๔ การเรียกเข้าฝึกวิชาทหาร หรือเข้ารับการทดลองความพรั่งพร้อมนั้น
ถ้าไม่ใช่ในกรณีพิเศษ ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารทำความตกลงกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองท้องที่
ก่อนถึงวันกำหนดอย่างน้อยสามเดือน
การออกหนังสือสำคัญหรือใบสำคัญแทนฉบับที่ชำรุดหรือสูญหาย
ข้อ
๓๕ จังหวัดที่เรียกคนเข้ารับราชการแต่เฉพาะตำรวจ ไม่มีหน่วยสัสดีหากทหารกองเกินหรือทหารกองหนุน
ประเภทที่ ๒ ทำใบสำคัญชำรุดหรือสูญหาย ไม่ต้องออกใบสำคัญแทนให้ใหม่
แต่ถ้าเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ ๑
ทำหนังสือสำคัญชำรุดหรือสูญหาย จึงต้องออกหนังสือสำคัญแทนฉบับที่ชำรุดหรือสูญหายให้ใหม่
โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด
แจ้งไปยังสัสดีจังหวัดที่ทำการแทนจัดการออกหนังสือสำคัญแทนฉบับชำรุดหรือสูญหาย
ลงชื่อประทับตราประจำตำแหน่ง
แล้วส่งคืนผู้ว่าราชการจังหวัดลงชื่อประทับตราประจำตำแหน่งและจัดการต่อไป
ข้อ
๓๖ ทหารกองเกินหรือทหารกองหนุนที่ไปอยู่ต่างจังหวัดชั่วคราวทำหนังสือสำคัญหรือใบสำคัญชำรุดหรือสูญหาย
ขอรับใหม่ ให้นายอำเภอที่รับแจ้งจัดการสอบสวน ถ้าได้ความจริงและถ้าหนังสือสำคัญหรือใบสำคัญที่ชำรุดหรือสูญหายนั้น
จังหวัดเป็นผู้ออก ก็ให้บอกไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดที่เป็นภูมิลำเนาทหาร
โดยผ่านจังหวัดที่มาอยู่ชั่วคราว แต่ถ้าเป็นไปใบสำคัญ
ที่อำเภอออกก็ให้บอกขอไปยังนายอำเภอที่เป็นภูมิลำเนาทหารเดิม เพื่อจัดการออกให้
ข้อ
๓๗ เงินค่าธรรมเนียมในการออกหนังสือสำคัญหรือใบสำคัญ แทนฉบับที่ชำรุดหรือสูญหาย
ให้เจ้าหน้าที่
ฝ่ายปกครองท้องที่เป็นผู้เรียกเก็บ
บันทึก
ณ วันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๙
(ลงชื่อ)
พลเอก สถิตยุทธการ
(ผู้แทนกระทรวงกลาโหม)
(ลงชื่อ)
ศ. ไทยวัฒน์
(ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย)
หน้า
1 2 3 กลับหน้าแรก
|