ประเภทเครื่องตี |
ประเภทเครื่องเป่า |
โปงลาง (อิสาน)มีลักษณะวิธีการบรรเลงคล้ายกับระนาดเอก คือนำท่อนไม้
หรือกระบอกไม้มาร้อยติดกันเป็นผืน และใช้ไม้ตีเป็นทำนองเพลง แขวนตี กับเสาบ้าง
ขึงบนรางบ้าง หรือบางทีก็ผูกติดกับตัวผู้บรรเลง
เครื่องดนตรีชนิดนี้พบทั่วไปในหลายประเทศ สำหรับในประเทศไทยพบในแถบภาคอีสาน
และเรียกเครื่องดนตรีนี้หลายชื่อด้วยกัน เช่นเรียกว่า หมากกลิ้งกล่อม หมากขอลอ
หรือหมากโปงลาง เป็นต้น ที่ได้ชื่อว่า หมากขอลอ
เพราะเวลาเคาะแต่ละลูกมีเสียงดังกังวานคล้าย ขอลอ (หมายถึง เกราะ ในภาษาอีสาน)
|
|||
|
ประวัติความเป็นมาและหน้าที่ของระนาด (ภาคกลาง) 2.ระนาดทุ้มไม้
เป็นเครื่องดนตรีที่คู่กันกับระนาดเอก สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓
แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เลียนแบบระนาดเอกไม้ มีรางวางราบไปกับพื้น ผืนทำด้วยไม้ มี ๑๗
- ๑๘ ลูก รางอาจแกะสลักปิดทองหรือไม่ก็ได้ เเสียงจะทุ้ม
ลูกระนาดทุ้มมีลักษณะขนาดใหญ่กว่าระนาดเอกและไม้ที่ใช้ตีก็มีขนาดใหญ่กว่า
นิ่มกว่าระนาดเอก ด้วยเช่นกัน
|
||
แกร็ปยาว
|
|||
เกราะ เป็นเครื่องตีที่ทำด้วยไม้ไผ่ เดิมเป็นเครื่องตีสำหรับขานยาม ไม่ปรากฏว่านำมาใช้ร่วมในวงการดนตรี แต่ในการเล่นโขนละครตอนพักทัพที่อยู่เวรยาม และตอนที่หัวหน้าหมู่บ้านใช้ตีเป็นอาณัติสัญญาบอกเหตุอันตราย หรือตีเพื่อนัดหมายชุมนุมลูกบ้าน เกราะ ทำด้วยไม้ไผ่ตัด เป็นปล้อง ไว้ข้อหัวท้าย ด้านล่างผ่าเจาะเป็นแนวยาวไปตามลำ ใช้ไม้ซีกหรือไม้แก่นเหลาขนาดพอเหมาะมือทำเป็นไม้ตี โดยผูกเชือกให้ติดไว้กับกระบอก บางทีก็เจาะทะลุที่ข้อทั้งสอง ข้าง สำหรับร้อยเชือกผูกแขวนหรือห้อย วิธีตีเกราะมือซ้ายจับเชือกให้เกราะตั้งขึ้น มือขวาจับไม้ตี ตีบริเวณตรงกลางปล้อง หรือถัดมาทางล่างของปล้อง |
|||
โกร่ง
เป็นเครื่องตีกำกับจังหวะที่ทำด้วยไม้ไผ่
เช่นเดียวกับเกราะ
แต่ยาวกว่า
ตั้งอยู่บนขา 2 ขา
เคยเห็นใช้ตีตามชนบท
ในฤดูการงานสงกราณต์ เด็กๆและหนุ่มสาวใช้ตีประกอบการร้องที่เรียกว่า " ร่ำ " คือการตีควบไปกับการร้องในการเชิญทรงเจ้าเข้าผี
และรำแม่ศรี เป็นต้น
ที่ใช้ในวงการดนตรีก็คือ
การตีร่วมกับการแสดงหนังใหญ่
และโขนละคร
โดยเฉพาะในการบรรเลงเพลงกราวตรวจพล
แต่ในการแสดงโขน
ของกรมศิลปากร จะใช้โกร่งร่วมตีในวงปี่พาทย์ในการแสดงโขนกลางแจ้ง
ถ้าเป็นการแสดงภายในจะไม่ใช้เพราะเสียงดังเกินไป |
|||
|
กรับเสภา
เป็นเครื่องตีกำกับจังหวะอีกชนิดหนึ่ง
ที่ทำด้วยไม้เนื้อแข็ง
โดยเฉพาะไม้ชิงชัน เหลาให้เป็นสี่เหลี่ยม ด้านบนลบเหลี่ยมเล็กน้อย
เพื่อไม่ให้บาดมือและสามารถกลิ้งตัวของมันเอง
กลอกกระทบกันได้สะดวก
ด้านล่างนูนโค้งเล็กน้อย
เดิมใช้ขยับตีในการขับเสภา
ดังที่เรียกว่า " ขยับกรับขับเสภา
"
ซึ่งผู้ขับ
เสภาจะเป็นผู้ขยับเอง
โดยใช้กรับ 2 คู่
ขยับคู่ละมือ
ขับเสภาไปพลาง
ขยับกรับสอดแทรกไปกับทำนองขับ
ซึ่งมีวิธีการขยับกรับได้หลายวิธี
อันถือเป็นศิลปชั้นสูงอย่างหนึ่งในการขยับกรับขับเสภา
ซึ่งนิยมเล่นกันมากในสมัยโบราณ |
||
กรับพวง เป็นเครื่องตีกำกับจังหวะที่ทำด้วยไม้
ผสมโลหะ
ร้อยเชือกติดกันเป็นพวง
ทั้งไม้และโลหะทำเป็นแผ่นบางๆสลับกัน โดยชิ้นนอกสุด 2 ชิ้น
จะเหลาหนา หัว
และท้ายงอนโค้งงอน ด้านจับเล็ก ตอนปลายใหญ่ ร้อย เชือกทางด้านปลาย
ให้หลวมพอประมาณ
เวลาตีมือหนึ่งจะจับกัมตอนปลาย
ให้หัวตีลงบนมืออีกข้างหนึ่ง ซึ่งจะมีเสียงไม้กับโลหะกระทบกัน
เดิมใช้ตีเป็นอาณัติสัญญาณ
เช่นในการเสด็จออกท้องพระโรงของพระเจ้าแผ่นดิน
ที่เรียกว่า
"
รัวกรับ "
โดยเฉพาะในเรือสุพรรณหงส์
พระราชพิธีทอดผ้าพระกฐินทางชลมารค
เจ้าพนักงานจะรัวกรับ
เพื่อบอกฝีผายทำความเคารพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และออกเรือ ในวงการดนตรี จะใช้กรับพวงตีร่วมในวงปี่พาทย์ ประกอบการแสดงละคอนนอก ละครใน ตลอดจนโขน ละคอนที่แสดงภายใน โดยเฉพาะเพลงร่าย |
|||
|
กรับคู่ ทำด้วยไม้ไผ่ซีก 2 อันเหลาให้เรียบและเกลี้ยง หนาตามขนาดของเนื้อไม้ หัวและท้ายกว่าใหญ่ลดหลั่นกันเล็กน้อย ตีด้วยมือทั้งสองข้าง โดยจับข้างละอัน ให้ด้านที่เป็นผิวไม้กระทบกัน ตีลงบริเวณใกล้กับตอนหัว มีเสียงดัง กรับ กรับ โดยมากจะใช้ตีกำกับจังหวะในวง ปี่พาทย์ชาตรี ประกอบการแสดงละครชาตรี โดยเฉพาะ ในเพลงร่ายต่างๆ ในวงกลางยาวก็นิยมใช้กรับคู่ไปตีกำกับจังหวะหนัก ที่เรียกว่ากรับคู่คงเป็นเพราะมีเป็นคู่ 2 อัน บางทีก็เรียกว่า " กรับไม้ " |