การตกแต่ง เมื่อขึ้นรูปเป็นภาชนะที่ต้องการแล้ว ภาชนะนั้นก็ยังมีผิวเรียบไม่มีลาย การตกแต่งลวดลายลงบนผิว ภาชนะมีหลายขั้นตอน 1. การแกะลาย โดยทั่วไปในภาคกลางลวดลายที่แกะลงบนภาชนะเงินมักเป็นลายนูนเรียบ ๆ ไม่ นูนสูงอย่างภาคเหนือ การแกะลายก็ทำด้านเดียว โดยใช้ขันรอง แต่ลายนูนแบบภาคเหนือที่ต้องแกะลาย ทั้งสองด้านนั้นต้องตอกพื้นด้านหลังให้นูนขึ้นตามรูปทรงที่เหมาะสม แล้วจึงใช้สิ่วสลักบนรอยนูนด้านหน้า ให้เป็นลายที่ต้องการ ซึ่งต้อง "เข้าไฟ" สองครั้ง คือใช้ชันรองทั้งสองครั้ง ทำทีละครั้ง การสลักดุนจากด้าน ในให้นูนมาก ๆ มักใช้ชันเนื้ออ่อนรองด้านนอก การสลักลายจากด้านนอกมักใช้ชันเนื้อแข็งรองด้านใน 2. ต้มกรด ภาชนะที่แกะลายแล้วจะถูกนำไปต้มในหม้อน้ำ ผสมกรดกำมะถันเพื่อขจัดสิ่งสกปรกซึ่ง จับติดอยู่ในระหว่างทำ 3. ล้าง-ขัด เมื่อต้มแล้วภาชนะที่ได้จะมีสีขาวขุ่นด้วยคราบกรด ต้องนำมาล้างในอ่างน้ำส้มมะขาม ผสมผงซักฟอกไล่คราบกรดออกแล้วขัดด้วยแปรงทองเหลือ เผยให้เห็นเนื้อเงินใสแวววาว 4. ขัดเงา เมื่อเสร็จทุกขั้นข้างต้นแล้ว ส่วนที่เป็นผิวเรียบอาจยังดูไม่เนียนเรียบหรือไม่ขึ้นเงาเท่าที่ ควร ก็อาจนำมาเคาะเบา ๆ ด้วยฆ้อนเล็ก ๆ แล้วขัดด้วยสร้อยลูกประคำเม็ดเล็กผสมผงซักฟอกให้ดูแวว วาวยิ่งขึ้น สร้อยสูกประคำนี้อาจเป็นสร้อยพลาสติกสมัยใหม่ก็ได้ เช่นเดียวับกรใช้สร้อยประคำดีควายทาง ภาคใต้สมัยก่อน
ประดับอัญมณี ทำด้วยการใช้หนามเตยเกาะหรือฝังกระเปาะ เครื่องเงินเครื่องทองโบราณมักมีทับทิม หินสีต่าง ๆ เขียว น้ำเงิน และสีขาว ประดับประดา เป็น ลวดลายดอกใบอยู่ทั่วไป ต่อมาอัญมณีต่าง ๆ มีราคาแพงขึ้น จึงใช้วิธีลงยาสีต่าง ๆ แทน
ลงยา การลงยาคือการทำลวดลายสีต่างๆ ให้ปรากฎบนผิวพื้นเครื่องเงินและโลหะมีค่าอื่น เช่น ทอง จะลง ยาสีตามลายที่ต้องการให้เป็นสี หรือลงยาสีตามร่องลายให้เห็นดอกเป็นสีเงินหรือสีทองเด่นขึ้นก็ได้ การลงยาตอนแรกทำกันเพียงสองสี คือสีแดงและสีเขียว แต่วัตถุที่ใช้ทำยาสีก็หายากขึ้นเรื่อย ๆ ต่อ มาจึงมีสีน้ำเงิน ฟ้า และขาว เพิ่มขึ้น เข้าใจว่าการลงยาของไทยมีมาแต่ครั้งสมเด็จพระเอกาทศรถ แต่เรียกว่า "ทองประทาสี" การลงยาที่รู้จักกันทั่วโลกมี 3 วิธี 1. ใช้ลวดเล็ก ๆ ขดเป็นลายติดกับวัตถุที่จะลงยา นำน้ำยาที่เตรียมไว้หยอดลงตามช่องภายในขด ลวด แล้วนำไปเผาให้น้ำยาแข็งตัวเป็นสีติดตามลายที่ลงไว้ แล้วกลึงและขัดให้เรียบเป็นขึ้นสุดท้าย 2. ให้แม่พิมพ์กดลงไปที่ตัววัตถุที่จะลงยาให้ส่วนที่จะลงยาเป็นร่องลึกลงไป ลงยาตามร่องส่วนนูน เป็นลายสี โลหะเงินหรือทองที่นำมาลงยา 3. เขียนน้ำยาลงไปตามลวดลายบนตัววัตถุ เรียกว่าการเขียนลายลงยา การลงยาต่างจากถมที่ตัวยาที่ลงนั้น ต่างกันทั้งที่สีและธาตุ ถมมีเพียงสีดำมีน้ำยาถมเฉพาะ ของตัว เอง น้ำยาลงยาสีเป็นการหลอมละลายของแร่บางชนิด ปัจจุบันการลงยามักใช้ออกไซด์ผสมน้ำยาเคลือบ แล้วใช้ไฟพ่น(เป่าแล่น) เช่นเดียวกับการเคลือบ
ลงยาราชาวดี เป็นชื่อเรียกการลงยาสีน้ำปนเขียวชนิดหนึ่งรัชกาลที่ 1 ทรงโปรดพลอยสีขี้นก การเวกหรือสีฟ้าชนิดหนึ่งเป็นพิเศษ เครื่องทองต่างๆ สมัยของพระองค์มักลงยาสีนี้เกือบทั้งหมด จึงเรียก การลงยาสีนี้เป็นพิเศษว่า ลงยาราชาวดี ทำนองเดียวกันที่สีน้ำเงินถูกขนานนามว่า Royal Blue ของ อังกฤษ |
|
Copyright © 2000 Mr.Kanchana Pumnual. All rights reserved. Revised : เมษายน 28, 2543 . |