การแข่งขันกีฬาหมากกระดานรัฐวิสาหกิจครั้งที่ 25

	การแข่งขันหมากรุก
	กีฬารัฐวิสาหกิจ'25

การแข่งขันกีฬารัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 25 ประเภทหมากกระดาน 20-24 พฤศจิกายน 2543
บรรยากาศการแข่งขัน
ในทุกปีจะมีการจัดแข่งขันกีฬารัฐวิสาหกิจซึ่งดำเนินมาแล้วถึง 24 ครั้ง โดยจะเวียนให้แต่และหน่วยงานเป็นเจ้าภาพกีฬาแต่ละประเภท ในปีนี้มีการแข่งขันทั้งหมด 17 ประเภท และประเภทหมากกระดานนั้น เจ้าภาพตกเป็นขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย(ทศท.) จากสภาวะเศรษฐกิจที่ผ่านมา และกฎระเบียบซึ่งตราขึ้นอย่างเคร่งครัด ทำให้ยอดเซียนเมืองไทยหายหน้าหายตาไปจากรายการนี้ไปมาก
โฉมหน้าคณะกรรมการจากสมาคมกีฬาไทย จากซ้ายน.อ. เลอสรรค์ เนาว์ในสิน คนกลางคือ น.อ. บุญแสง มาลามาศ (ประธานกรรมการกีฬาหมากกระดาน สมาคมกีฬาไทยในพระบรมราชูปถัมป์) และขวาสุด คุณอังศนา โวดิษฐ์
แต่ก็กลับปรากฏว่าการจัดแข่งของปีนี้กลับจัดได้อย่างยอดเยี่ยม จนกล่าวได้ว่าเพรียบพร้อมกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นสถานที่แข่งขัน กติกาที่ครบถ้วนเป็นที่ยอมรับ เอกสารซึ่งชัดเจนด้วยข้อมูลทุกด้าน การปิดประชาสัมพันธ์การแข่งขันภายในบริเวณก็ให้ข้อมูลที่สมบูรณ์มาก ดังนั้นถึงจะขาดสุดยอดฝีมือไปบ้าง แต่บรรยากาศก็คึกคัก และเปี่ยมด้วยมิตรภาพ ไม่น่าเชื่อครับว่า งานนี้แทบจะไม่ต้องใช้กรรมการเลย !!! ทั้งๆ ที่มีหน่วยงานเข้าร่วมถึง 12 หน่วยงาน ในการแข่งแต่ละครั้งแข่งเป็นทีม ทีมละ 3 มือ และมีการแข่งพร้อมกันถึง 3 ประเภท(หมากรุก, หมากฮอส และสกา) รวมทั้งหมดมีผู้เข้าร่วมแข่งขันทางมันสมองนี้ในเวลาเดียวกันถึง 108 ท่าน !!!
สุภาพบุรุษทางฝั่งขวา เป็นที่รู้จักของผมดีว่า เขาคือสุรศักดิ์ เชื้อชวลิต สิงห์ร้ายแปดริ้ว เซียนสุดยอดระดับชาติเต็ง 1 ของหมากรุกไทยงานนี้ แต่บนกระดานที่เขาเล่นอยู่นี่สิไม่ค่อยคุ้น ไหง! เป็นหมากฮอสไปได้เนี่ย
ต้องแบบนี้สิ ใช่เลย! ว่าแต่แกแยกร่างได้รึไง ความจริงก็คืองานนี้อนุญาตให้เซียนแต่ละท่านลงได้หลายประเภท แต่ต้องไม่แข่ง 2 อย่างในรอบเดียวกันเท่านั้น แต่แล้วในวันแรก เต็งจ๋าอย่าง กสท.ที่มียอดฝีมืออย่างสิงห์ร้ายฯ และเปี๊ยก ไปรษณีย์(บรรเทิง แสนสำเริง) ก็กลับพลาดท่าไปในรอบบ่าย เมื่อมาพบกับ การรถไฟฯซึ่งนำโดยตำรวจรถไฟ(วีระชัย ทันจิตต์)โดยสิงห์ร้ายเดินไล่พลาดก้าวเดียว ไม่สามารถเอาชนะตำรวจรถไฟได้ ในขณะที่มือสองเปี๊ยก ไปรษณีย์เกิดฟอร์มตก พลิกพ่ายวิชัย วงสกุลไป ทำให้คะแนนของการรถไฟฯกลับเป็นที่หนึ่งของสายในที่สุด
เหตุการณ์เกิดขึ้นวันพุธที่ 22 พฤศจิกา ถ้าเป็นแฟนจากเวบสยามโกะ อาจจะคุ้นกับเซียนรายนี้ (ถ้าลองไปจับหมากรุกล่ะก็อาจจะเกิดเหตุน่าสลดขึ้น อิ อิ อิ) คุณพงศ์พรหม เฉลิมวรรณพงศ์ หรืออีกนัยหนึ่ง ดั้งจุ๊บแจง หนึ่งในแก๊งค์สามศพยอดฝีมือโกะไปปรากฏร่างอยู่ตรงนั้นได้ไง ดูให้ดีคนที่นั่งเล่นหมากรุกอยู่ทางขวาก็คือ เซียนแหว่ง มือหนึ่งของหมากรุกไทยในปัจจุบัน และสังเกตอีกหน่อย ก็จะเห็นหนุ่มมาดเข้มที่หันหลังให้...เขาเป็นใครที่ไหนหนอ?
เฉลย...หนุ่มเข้มรายนั้นก็คือ คุณหัสดินทร์ เอกสิงหชัย หรืออาจารย์โอ้ 4 ดั้งหมากล้อม หนึ่งในสองคนของประเทศไทย ที่ไปอยู่ในงานนี้ได้ก็เพราะได้รับเชิญมาบรรยายกลยุทธหมากล้อม ให้กับตัวแทนรัฐวิสาหกิจ เพื่อปูทางให้จัดแข่งในประเภทหมากกระดานครั้งต่อไปนั่นเอง ทีนี้ปีหน้าเราคงจะได้มาเจอกันล่ะนะแฟนหมากล้อมทั้งหลาย...
ผลการแข่งขัน
การจัดสายและวิธีแข่งขันครั้งนี้ ใช้รูปแบบคล้ายกับฟุตบอลโลกคือ ในแต่ละสายมี 6 ทีม เอาคะแนนสูงสุด 4 ทีมของแต่ละสายมาไขว้พบกัน โดยตอนนี้ได้ 8 ทีมที่เข้ารอบตัดเชือกแล้วดังนี้ สาย ก. 1.การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) 2.การท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.) 3.บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย(บวท.) 4.การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย(ทอท.) สาย ข. 1.การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) 2.การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) 3.การสื่อสารแห่งประเทศไทย(กสท.) 4.องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย(ทศท.)
ดังนั้นจากกติกาที่กำหนด ในรอบสองจะมี 4 คู่ที่จะพบกันแบบแพ้คัดออกในวันพฤหัสที่ 23 คือ กฟภ. vs. ทศท. กทท. vs. กสท. บวท. vs. กทพ. ทอท. vs. รฟท.
ในที่สุดหลังจากสิ้นสุดการแข่งขัน ผลก็ออกมาตามโพยแทบทุกประการ จะมีสอดแทรกขึ้นมาก็คือ การรถไฟฯ ที่มีการสับเปลี่ยนเอายอดฝีมือนอกรายชื่อคือ ตำรวจรถไฟมาลงเป็นมือหนึ่ง ชนะเลิศ การสี่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) รองชนะเลิศ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) อันดับสาม การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)
ทีมชนะเลิศหมากรุกไทย การสื่อสารแห่งประเทศไทย เต็งหนึ่งตลอดงานไม่ทำให้คนเชียร์ผิดหวัง ถึงแม้จะใจหายใจคว่ำที่พลาดท่าพ่าย การรถไฟในวันแรก มีบางท่านวิเคราะห์ว่าพลาด แต่บางท่านก็ว่าเป็นแผน แต่สุดท้ายผลก็คือชนะเลิศได้เป็นแชมป์ครับ
ทีมรองชนะเลิศหมากรุกไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย หักปากกาเซียนในวันแรก ที่เอาชนะทีมเต็งหนึ่งได้สำเร็จในการพบกันวันแรก มีดำศรีย่าน(ที่ 3 จากขวา) เป็นกุนซือ แถมยังได้ตำรวจรถไฟ (ที่ 2 จากซ้าย) มาเล่นเป็นมือหนึ่ง จึงสามารถขึ้นมาเป็นรองชนะเลิศอย่างสมศักดิ์ศรีครับ
โฉมหน้ายอดเซียนที่ร่วมลงแข่ง
มาขยายกันให้ดูชัด ๆ อีกทีสำหรับเต็ง 1 ของงานนี้ สุรศักดิ์ เชื้อชวลิต "สิงห์ร้ายฉะเชิงเทรา" อันที่จริงการแข่งครั้งนี้เป็นประเภททีม ดังนั้นการวางแผนจึงแตกต่างจากประเภทบุคคล ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีการสลับไปเป็นมือสองบ้าง หรือเป็นมือหมากฮอสบ้าง ว่าแต่แผนการณ์ลึกซึ้งขนาดนั้นเชียว?
สำหรับมือสองของการสื่อสาร "เปี๊ยก ไปรษณีย์" บรรเทิง แสนสำโรง มีหลายเซียนกล่าวไว้ว่า ฝีมือไม่เป็นรองสิงห์ร้ายฯ เพียงแต่อาจไม่คอยคงเส้นคงวานัก ทำให้ในวันแรก พลิกล็อคพลาดท่าให้กับมือสองของการรถไฟ คุณวิชัย วงสกุล หนำซ้ำตำรวจรถไฟ มือหนึ่งสามารถยันเสมอกับสิงห์ร้ายฯได้ ผลก็เลยทำให้ทีมการสื่อสารแพ้ทีมการรถไฟไป แต่ในวันถัดมาซึ่งผมไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ คาดว่า เปี๊ยกไปรษณีย์ น่าจะฟื้นฝีมือขึ้นมาจนทำให้ทีมประสบความสำเร็จไปในที่สุด
มือหนึ่งของทีมการรถไฟ ซึ่งน่ามหัศจรรย์ที่ไม่ได้มีชื่ออยู่ในรายชื่อนักกีฬาหมากรุกไทย "ตำรวจรถไฟ" วีระชัย ทันจิตต์ บังเอิญว่ารู้จักกับผมเป็นการส่วนตัวก็เลยต้องเชียร์หน่อย ฝีมือระดับชาติเช่นกัน เคยเป็นแชมป์จังหวัดอุตรดิตถ์ในสมัยศึกขุนทองคำครั้งที่ 1 มาคราวนี้สามารถยันเสมอกับสิงห์ร้ายฯได้ในรอบแรก นำทีมไปสู่ตำแหน่งรองชนะเลิศในที่สุด
มือหนึ่งทีมการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค "เซียนจู๋" เสนีย์ บัวจันทร์ ก็เป็นหนึ่งในเซียนเต็งตั้งแต่แรก และก็ไม่ผิดหวังที่สามารถนำทีมขึ้นสู่อันดับสามได้ กิติศัพท์ของเซียนจู๋ โด่งดังตั้งแต่ศึกขุนทองคำครั้งที่ 1 ที่สามารถโค่นยักษ์ระดับ"โคนสุรการ" สุรการ วงษ์นิล อดีตแชมป์ประเทศไทยหลายสมัย ในการชิงแชมป์เขต 8 เข้าสู่รอบสุดท้ายได้ชนิดที่ไม่มีใครคาดถึง
โฉมหน้ายอดฝีมือที่มาร่วมงาน
ถึงจะไม่ได้ร่วมแข่งในงานนี้(ปีก่อนยังแข่งอยู่เลย...) "เซียนป่อง" สุชาติ ชัยวิชิต ก็มาดูแลทีม กฟภ.อย่างใกล้ชิด ถึงจะผ่านช่วงเวลารุ่งเรืองสุดยอดมาแล้ว แต่ในยุคนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถจะบอกได้เต็มพากภูมิว่าฝีมืออยู่เหนือปรมาจารย์ผู้นี้ไปได้ นี่แหละครับยอดฝีมือในใจของใครหลายๆ คน รวมทั้งผมเองด้วย ยกย่องเป็นอาจารย์มาโดยตลอดครับ
คนนี้ก็มาวางกลยุทธให้กับทีมการท่าเรือฯ อดีตแชมป์รัฐวิสาหกิจ 6 สมัย! "เซียนแหว่ง" บุญสืบ แซ่เฮง ถ้าจะจัดอันดับยอดนักหมากรุกเมืองไทยตอนนี้ แนวโน้มอันดับหนึ่งก็น่าจะไม่หนีไปจากเซียนแหว่งได้ไกลนัก เป็นยอดฝีมืออีกหนึ่งท่านที่น่าชื่นชมทั้งความคิดที่เป็นระบบ และก้าวหน้า ทัศนะที่น่าสนใจคือ เซียนแหว่งเริ่มหัดหมากรุกจากระยะปลายเกม หรือ ไล่-หนี และหมากกล ทำให้ความสามารถในการวิเคราะห์หมากแม่นยำ และลึกซึ้ง มีการคำนวณที่สลับซับซ้อนอย่างเหลือเชื่อครับ สำหรับสุดยอดฝีมือท่านนี้
บรรดาเซียนน้อยใหญ่รู้จักท่านดีในนามของ "อาจารย์ใหญ่" ถึงยังไม่มีโอกาสได้พูดคุย แต่ก็ชื่นชมเป็นการส่วนตัวมานานแล้วครับ "ม้าปรีชา" ปรีชา สินประยูร อดีตแชมป์ประเทศไทยหลายสมัย เป็นร่ำลือกันถึงลีลาม้าที่ดุดันเฉียบขาด และแต้มปลายกระดานที่ลึกซึ้งแม่นยำ แม้กระทั่งชั้นเชิงทางด้านหมากรุกสากลนั้น เชื่อมั้ยครับว่าระดับรองแชมป์โลก นิเกล ชอร์ท(อ่านเรื่องราวได้ในประวัติคาสปารอฟ)ยังเคยบินมาเมืองไทย ถามหาอาจารย์ใหญ่ เพราะเคยไปยันเสมอกับชอร์ทมาแล้ว ในหมากรุก Olympiad!!!
ศักดิ์ศรีระดับเจ้าสำนักใหญ่ของเมืองไทย "ดำ ศรีย่าน" วีระ ผันใจผ่อง มาในฐานะโค้ชของทีมการรถไฟ วางกลยุทธจนปราบทีมเต็งระเนระนาด ฝีมือระดับมหากาฬขนาดเข้ารอบลึกของศึกขุนทองคำมาหลายต่อหลายหน ตอนสมัยที่ผมศึกษาแต้มที่ศรีย่าน ก็ได้เซียนดำศรีย่านท่านนี้แหละครับ ที่กรุณาจัดคิวเซียนให้ ขอขอบคุณย้อนหลังเป็นการส่วนตัวด้วยครับ
คนนี้ก็น้องชายเจ้าสำนักปากน้ำ(ต๋อ ปากน้ำ) ฉายานาม ตุ๊ก ปากน้ำ อัธยาศัยสนุกสนานน่ารักมากครับ ผมได้รับฟังข้อคิดเห็น และการวิเคราะห์วิจารณ์แต้มแล้ว ต้องยอมรับว่าค่อนข้างแม่นยำ ฝีมือระดับรองแชมป์ขุนเงิน(ถ้าจำไม่ผิด) ไปดูงานนี้ก็ได้ร่วมก๊วนกันด้วย เอาไว้คราวหน้าพบกันอีกทีครับ : )
ขอขอบคุณ
สุดท้ายที่ไม่อาจจะละเลยก็คือ คุณฉัตรชัย สิริช่วยชูชีพ มือหนึ่งหมากรุกไทยของทีมเจ้าภาพองค์การโทรศัพท์ฯ และยังเป็นแม่งาน ประธานจัดงานที่เพียบพร้อมครั้งนี้ ที่ท่านได้กรุณาอดทนคุยกับบุคคลแปลกหน้าอย่างผมโดยไม่ยอมเบื่อ ได้ข้อมูลสาระต่างๆ จากท่านมากมาย อีกท่านคือคุณชนินทร์ที่ร่วมให้ความรู้มากมายเช่นกัน คงต้องขอรบกวนในโอกาสต่อไปแน่นอนครับ....
ภาพทุกภาพ ด้วยความอนุเคราะห์จากเวบ หมากรุกไทยและหมากฮอส ขอบคุณ คุณ winai7 อย่างสูงครับ : )



มีข้อสงสัยหรือคำแนะนำกรุณาติดต่อ [email protected]