ประวัติหมากรุก ตำนานกำเนิดหมากรุก(2/2) [ดูหน้า 1 | 2] |
|||
อาณาจักรและการแผ่ขยาย | |||
กำเนิดหมากรุก การแผ่ขยายสู่เอเชีย การแผ่ขยายสู่ยุโรป การแผ่ขยายทั่วโลก | |||
หมากรุกรุ่นแรกของโลก | |||
Chatrang Shatranj Zatrikion | |||
หมากรุกรุ่นแรกของโลก | |||
มีการบันทึกทางประวัติศาสตร์ไว้ว่าหมากรุกรุ่นแรกของโลกเป็นเกม 4 กองทัพระหว่าง 4 ผู้เล่น ซึ่งหมายถึงว่าจะต้องมีตัวหมาก 4 ชุด แม้จนถึงปัจจุบันก็ยังมีการใช้ชื่อของหมากรุกรุ่นแรก คือ Chatrang (เป็นสันสกฤตตรงกับคำว่า "จตุรงค์") โดยคำว่า จตุร แปลว่า สี่ และ รงค์ แปลว่าสี หรือฝ่าย ชื่อ Chatrang เท่าที่พบก็มีวรรณกรรมสมัยราชวงศ์ Sasanid(242-651) แห่งเปอร์เซีย เขียนขึ้นด้วยภาษาปาลาวีชื่อ Chatrang namakwor(A Manual of Chess) มาถึงเปอร์เซียยุคใหม่ก็ใช้ชื่อซึ่งแทบจะไม่แตกต่างคือ Shatranj คำนี้มีการวิเคราะห์ถกเถียงกันด้วยความเห็นที่แตกต่าง บ้างก็ว่าน่าจะมาจากความเชื่อในยุคอินเดียโบราณในเรื่องธาตุทั้ง 4 คือ ดิน, น้ำ, ลม, ไฟ แต่บ้างก็ว่าอาจจะมาจากฤดูทั้ง 4 และก็ยังมีการกล่าวถึงทฤษฎีอารมณ์ทั้ง 4 คือ รัก, โลภ, โกรธ, หลง แต่ก็ล้วนใช้เลข 4 เป็นกุญแจหลักทั้งสิ้น คำว่า Chess(หมากรุก) มาจากคำว่า Shah(King)ในภาษาเปอร์เซีย และ Checkmate(รุกจน) ก็มาจากคำว่า Shah mat (King died) ตัวหมากทั้งหมดที่ยังมีใช้อยู่ในหมากรุกหลากหลายชนิดของโลกจนถึงปัจจุบัน ประกอบด้วย |
|||
King | ขุน | ||
Queen | เม็ด | ||
Bishop | ช้าง | ||
Knight | ม้า | ||
Rook | เรือ | ||
Pawn | เบี้ย | ||
เป็นที่น่าสังเกตุว่าไม่ว่าจะเป็นชื่อตัวหมาก หรือวิธีการเดินหมากแทบจะไม่แตกต่างจากยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะหมากรุกไทย (ส่วน Elephant เดินเหมือน เฉีย หรือช้างของหมากรุกจีน) | |||
จาตุรงค์ หรือ Chatrang เป็นหมากรุกรุ่นแรกของโลก ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 สี 4 ฝ่าย เล่นโดยใช้ลูกเต๋า เป็นตัวกำหนดหมากที่จะเดิน | |||
Shatranj เป็นหมากรุกในยุคถัดมาแบ่งออกเป็นสองฝ่ายเหมือนหมากรุกยุคปัจจุบัน | |||
ชาวอาหรับมุสลิมอาจกล่าวได้ว่าเป็นกลุ่มชนชาติที่มีอิทธิพลสูงสุดในการแผ่ขยายของเกมหมากรุก ตั้งแต่เป็นที่มาของคำสำคัญที่กล่าวไปบ้างแล้วคือ Chess, Checkmate เชื่อหรือไม่ครับ มีการแข่งขันแบบปิดตาเล่นตั้งแต่ก่อนปี คศ.700 มีการแข่งขันแบบทัวร์นาเมนท์ ตั้งแต่ช่วงหลังศตวรรษที่ 8 ตำราหมากรุกก็เกิดขึ้นในช่วงนี้ ว่าด้วยการเปิดหมาก ปัญหาหมากกล(ภาษาอาหรับคือ Mansubat) เท่านั้นไม่พอยังมีการเปรียบเทียบระหว่างหมากรุกของทางเปอร์เซียกับแบบฮินดูแถมท้าย เรียกได้ว่าครบเครื่องเรื่องหมากรุกจริงๆ ทว่าเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ปัจจุบันตำราล้ำค่าเล่มดังกล่าวได้สูญหายไปจากพิพิธภัณฑ์อย่างไร้ร่องรอย...! แต่ก็ยังโชคดีครับ ที่ทางพิพิธภัณฑ์แห่งชาติยูโกสลาเวียยังมีต้นฉบับอีกเล่มซึ่งเขียนขึ้นราวต้นศตวรรษที่ 9 เป็นตำรา Mansubat(ปัญหาหมากกล) ถูกค้นพบและนำออกแสดงในปีคศ.1958 ในจำนวนนั้นมีหมากกลเด็ด ๆ ที่เลื่องชื่ออยู่หลายกล สุดยอดหมากกลหนึ่งชื่อ "The Dilaram Mate" กล่าวถึงกระทาชายนาม Dilaram เป็นนักหมากรุกและนักพนันตัวยงเพียงแต่แกมีนิสัยค่อนข้างหุนหันพลันแล่นโดยไม่ยั้งคิด จนในที่สุดครั้งสุดท้ายแพ้ติดต่อกันจนหมดเนื้อหมดตัว แต่อย่านึกว่าจะพอแค่นั้น แกก็ยังเดิมพันด้วยภรรยา! ที่สำคัญคือคนที่เล่นด้วยก็รับเดิมพันนี้ซะด้วย และด้วยความเลินเล่อประมาทของ Dilaram ดูเหมือนเทพีแห่งชัยชนะจะโบกบินไปยังฝ่ายตรงข้าม แต่ภรรยาของแกเห็นรูปหมากแล้วกลับคิดขึ้นได้ว่าถ้าให้ฝ่ายตรงข้ามกินเรือสองลำจะพลิกกลับมารุกจนได้ภายในสามตา!!! หลังจากกระซิบบอกสามี นาย Dilaram ก็เอาชนะไปได้ และได้สิ่งที่สูญเสียไปทั้งหมดคืนกลับมา นี่คืออานุภาพของหมากกลรูปนี้ ทีนี้ลองมาดูคำศัพท์ที่ใช้เรียกตัวหมากของเปอร์เซียกันครับ |
|||
ตัวหมาก | อาหรับ | ความหมาย | |
King | Al Shah | ราชา | |
Queen | Al Firzan | นักวิทยาศาสตร์ | |
Bishop | Al Fil | ช้าง | |
Knight | Al Faras | ทหารม้า | |
Rook | Al Rokh | กำแพง | |
Pawn | Al Beizaq | พลราบ | |
หลังจากนำหมากรุกเข้าสู่ยุโรป ก็ปรากฏบันทึกเกมที่เลื่องชื่อขึ้นมามากมาย ที่เด่นมากคือบันทึกของกษัตริย์สเปน "Alfonso ผู้ปราดเปรื่อง" ในปี 1283 ซึ่งผลงานชิ้นนี้มีภาพสีประกอบกว่า 150 ภาพ มีการเล่นปิดเกมที่ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมอาหรับ |
|||
หมากรุกแห่งเมืองอิสตันบูลสมัยโบราณ Zatrikion เล่นอยู่บนกระดานทรงกลม ทั้งตัวหมากและวิธีการเดินเป็นแบบเดียวกับของอาหรับ |
|||
จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คงจะเห็นแล้วนะครับว่า หมากรุกมีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา, สถานที่, อารยธรรม จนมาถึงปัจจุบัน ในอนาคตใครจะหยั่งรู้ว่าเกมอัจฉริยะนี้จะเปลี่ยนไปในรูปแบบใด | |||
[ดูหน้า
1 | 2]
|
|||
|
|||
มีข้อสงสัยหรือคำแนะนำกรุณาติดต่อ
[email protected]
|
|||