ค้นว่าอยู่เล่มใด แล้วกด [ctrl]+f หรือใช้คำสั่งของเครื่องหาตำแหน่งในเล่มอีกทีนะครับ



จัดรูปหน้าใหม่
เพื่อความสะดวก และสวยงาม
(เฉพาะหน้าจอใหญ่ เช่น คอมพิวเตอร์)
กรุณาคลิก จัดรูปหน้าใหม่
เพื่อให้กรอบ
ค้นข้อความ ปรากฎที่ด้านซ้ายของหน้า

พระไตรปิฎกภาษาไทย
ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ๔๕ เล่ม (ปกสีฟ้า)
ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
ที่มาของข้อมูล : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับ มจร.
MCUTRAI Version 1.0

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๒-๑ อภิธรรมปิฎกที่ ๐๙ ปัฏฐาน ภาค ๓

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๑.ปฏิจจวาร

พระอภิธรรมปิฎก
ธัมมานุโลม ทุกปัฏฐาน
_____________
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

๑. เหตุโคจฉกะ
๑. เหตุทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย

[๑] สภาวธรรมที่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ อโทสะ อโมหะอาศัยอโลภะเกิดขึ้น อโลภะ อโมหะอาศัยอโทสะเกิดขึ้น อโลภะ
อโทสะอาศัยอโมหะเกิดขึ้น โมหะอาศัยโลภะเกิดขึ้น โลภะอาศัยโมหะเกิดขึ้น โมหะ
อาศัยโทสะเกิดขึ้น โทสะอาศัยโมหะเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุเกิดขึ้น ในปฏิสนธิ-
ขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ อโทสะ อโมหะ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยอโลภะ
เกิดขึ้น (พึงผูกเป็นจักกนัย) โมหะ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยโลภะ
เกิดขึ้น ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
[๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้น ฯลฯ ขันธ์ ๒
และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๒ เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทัยวัตถุอาศัย
ขันธ์เกิดขึ้น ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
เหตุอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ เหตุอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ เหตุและจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้น
ฯลฯ ขันธ์ ๒ เหตุและจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๒ เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ เหตุและสัมปยุตตขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๓)
[๓] สภาวธรรมที่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ อโทสะ อโมหะอาศัยอโลภะและสัมปยุตตขันธ์เกิดขึ้น (พึง
ผูกเป็นจักกนัย) โมหะอาศัยโลภะและสัมปยุตตขันธ์เกิดขึ้น โมหะอาศัยโทสะและ
สัมปยุตตขันธ์เกิดขึ้น ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ อโทสะ อโมหะอาศัยอโลภะ
และหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุ
และอาศัยเหตุเกิดขึ้น ฯลฯ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๒ และ
เหตุเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ สัมปยุตตขันธ์อาศัยหทัยวัตถุ
และเหตุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็น
เหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อโทสะ อโมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป
อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุและอาศัยอโลภะเกิดขึ้น ฯลฯ ขันธ์ ๒ อโทสะ อโมหะ
และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๒ และอโลภะเกิดขึ้น (พึงผูกเป็นจักกนัย) ขันธ์ ๓
โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุและอาศัยโลภะเกิดขึ้น ฯลฯ
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ อโทสะ อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์
อาศัยหทัยวัตถุและอโลภะเกิดขึ้น (๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
อารัมมณปัจจัยเป็นต้น
[๔] สภาวธรรมที่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะอารัมมณ-
ปัจจัย (เว้นรูปเสียแล้ว อรูปเท่านั้น มี ๙ วาระ) เพราะอธิปติปัจจัย (ไม่มีปฏิสนธิ
บริบูรณ์แล้ว) ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทายรูปอาศัย
มหาภูตรูปเกิดขึ้น (นี้เป็นข้อแตกต่างกัน) เพราะอนันตรปัจจัย เพราะสมนันตรปัจจัย
เพราะสหชาตปัจจัย (พึงเพิ่มมหาภูตรูปทั้งหมดจนถึงอสัญญสัตตพรหม) เพราะ
อัญญมัญญปัจจัย เพราะนิสสยปัจจัย เพราะอุปนิสสยปัจจัย เพราะปุเรชาตปัจจัย
เพราะอาเสวนปัจจัย (ทั้ง ๒ วาระ ไม่มีปฏิสนธิ) เพราะกัมมปัจจัย เพราะวิปาก-
ปัจจัย (ย่อ) เพราะอวิคตปัจจัย

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร

[๕] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ (ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

อนุโลม จบ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๖] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะนเหตุ-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุซึ่งไม่มีเหตุ
เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ หทัยวัตถุ
อาศัยขันธ์เกิดขึ้น ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ที่เป็นภายนอก
... ที่มีอาหารเป็นสมุฏฐาน ... ที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน ... สำหรับเหล่าอสัญญสัตต-
พรหม ฯลฯ (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่
โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา
และที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๒)

นอารัมมณปัจจัยเป็นต้น
[๗] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะนอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยเหตุเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะนอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
มหาภูตรูปทั้งหมด ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะ
นอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ เพราะนอธิปติปัจจัย (บริบูรณ์แล้ว) เพราะนอนันตรปัจจัย
เพราะนสมนันตรปัจจัย เพราะนอัญญมัญญปัจจัย เพราะนอุปนิสสยปัจจัย

นปุเรชาตปัจจัย
[๘] สภาวธรรมที่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะนปุเรชาตปัจจัย
ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ อโทสะ อโมหะอาศัยอโลภะเกิดขึ้น (พึงผูกเป็นจักกนัย)
โมหะอาศัยโลภะเกิดขึ้น โลภะอาศัยโมหะเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะนปุเรชาตปัจจัย
ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ สัมปยุตตขันธ์อาศัยเหตุเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยเหตุ
เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะ
นปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ อโทสะ อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์
อาศัยอโลภะเกิดขึ้น (พึงผูกเป็นจักกนัย) โมหะและสัมปยุตตขันธ์อาศัยโลภะเกิดขึ้น
(พึงผูกเป็นจักกนัย) ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
[๙] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะนปุเร-
ชาตปัจจัย ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้น ฯลฯ
ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒ เกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะนปุเรชาตปัจจัย
ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ เหตุอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้น
เพราะนปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ ขันธ์ ๓ และเหตุอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่
เป็นเหตุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
[๑๐] สภาวธรรมที่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้น
เพราะนปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ อโทสะ อโมหะอาศัยอโลภะและ
สัมปยุตตขันธ์เกิดขึ้น (พึงผูกเป็นจักกนัย) ในอรูปาวจรภูมิ โมหะอาศัยโลภะและ
สัมปยุตตขันธ์เกิดขึ้น (พึงผูกเป็นจักกนัย) ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะ
นปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุ
และอาศัยเหตุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่
เป็นเหตุและอาศัยเหตุเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยเหตุและมหาภูตรูปเกิดขึ้น ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็น
เหตุเกิดขึ้นเพราะนปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ ขันธ์ ๓ อโทสะและอโมหะ
อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุและอาศัยอโลภะเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
(พึงผูกเป็นจักกนัย) ขันธ์ ๓ และโมหะอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุและอาศัยโลภะ
เกิดขึ้น (พึงผูกเป็นจักกนัย) ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)

นปัจฉาชาตปัจจัยเป็นต้น
[๑๑] สภาวธรรมที่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะนปัจฉาชาต-
ปัจจัย เพราะนอาเสวนปัจจัย


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
นกัมมปัจจัยเป็นต้น
[๑๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะนกัมม-
ปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตเจตนาอาศัยเหตุเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะนกัมมปัจจัย
ได้แก่ สัมปยุตตเจตนาอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้น ... ที่เป็นภายนอก ... ที่มี
อาหารเป็นสมุฏฐาน ... ที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะ
นกัมมปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตเจตนาอาศัยเหตุและสัมปยุตตขันธ์เกิดขึ้น
สภาวธรรมที่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะนวิปากปัจจัย มี
๙ วาระ (๑)

นอาหารปัจจัยเป็นต้น
[๑๓] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะ
นอาหารปัจจัย ได้แก่ ... ที่เป็นภายนอก ... ที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน ... สำหรับเหล่า
อสัญญสัตตพรหม ฯลฯ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ เกิดขึ้น ฯลฯ
กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ... เพราะนอินทรียปัจจัย ได้แก่
... ที่เป็นภายนอก ... ที่มีอาหารเป็นสมุฏฐาน ... ที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ
มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ อุปาทายรูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น สำหรับเหล่าอสัญญสัตต-
พรหม รูปชีวิตินทรีย์อาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้นเพราะนฌานปัจจัย ได้แก่ ปัญจ
วิญญาณ ... ที่เป็นภายนอก ... ที่มีอาหารเป็นสมุฏฐาน ... ที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน
... สำหรับเหล่าอสัญญสัตตพรหม ฯลฯ เพราะนมัคคปัจจัย ได้แก่ ... อาศัย
ขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุ ซึ่งไม่มีเหตุ ฯลฯ ที่เป็นภายนอก ... ที่มีอาหารเป็นสมุฏฐาน
... ที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน ... สำหรับเหล่าอสัญญสัตตพรหม ฯลฯ เพราะนสัมปยุตต-
ปัจจัย เพราะนวิปปยุตตปัจจัย (ปัจจัยนี้เหมือนกับนปุเรชาตปัจจัย มีวาระในอรูป
เท่านั้น) เพราะโนนัตถิปัจจัย เพราะโนวิคตปัจจัย


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๔] นเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

(พึงนับอย่างนี้)
ปัจจนียะ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ
เหตุทุกนัย

[๑๕] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ

อนุโลมปัจจนียะ จบ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม
นเหตุทุกนัย

[๑๖] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๒ วาระ ฯลฯ
กัมมปัจจัย ” มี ๒ วาระ
วิปากปัจจัย ” มี ๑ วาระ
อาหารปัจจัย ” มี ๒ วาระ
อินทรียปัจจัย ” มี ๒ วาระ
ฌานปัจจัย ” มี ๒ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๗.ปัญหาวาร

มัคคปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย ” มี ๒ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี ๒ วาระ

ปัจจนียานุโลม จบ
(สหชาตวาร ปัจจยวาร และนิสสยวาร มีวาระเหมือนกับปฏิจจวารนั่นเอง
เมื่อจบมหาภูตรูปแล้ว พึงเพิ่มคำว่า “ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัย” พึงเพิ่มให้เหมือน
กับอายตนะ ๕ ที่ได้ทั้งในอนุโลมและปัจจนียะ สังสัฏฐวารและสัมปยุตตวาร บริบูรณ์แล้ว
รูปไม่มี มีแต่อรูปอย่างเดียว)

๑. เหตุทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๑๗] สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยเหตุปัจจัย
ได้แก่ อโลภะเป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะโดยเหตุปัจจัย (พึงผูกเป็นจักกนัย) โลภะ
เป็นปัจจัยแก่โมหะโดยเหตุปัจจัย โทสะเป็นปัจจัยแก่โมหะโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยเหตุปัจจัย ได้แก่
เหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุโดย
เหตุปัจจัย ได้แก่ อโลภะเป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-
สมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย (พึงผูกเป็นจักกนัย) โลภะเป็นปัจจัยแก่โมหะ ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓))

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๗.ปัญหาวาร
อารัมมณปัจจัย
[๑๘] สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยอารัมมณปัจจัย
ได้แก่ เพราะปรารภเหตุ เหตุจึงเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยอารัมมณปัจจัย
ได้แก่ เพราะปรารภเหตุ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุจึงเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภเหตุ เหตุและสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น (๓)
[๑๙] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว พิจารณากุศลนั้น
พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ออกจากฌานแล้วพิจารณาฌาน พระอริยะออก
จากมรรคแล้วพิจารณามรรค พิจารณาผล พิจารณานิพพาน นิพพานเป็นปัจจัย
แก่โคตรภู โวทาน มรรค ผลและอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย พระอริยะพิจารณา
กิเลสที่ไม่เป็นเหตุซึ่งละได้แล้ว พิจารณากิเลสที่ข่มได้แล้ว รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น บุคคล
เห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ และขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง เป็นทุกข์
เป็นอนัตตา ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพ-
โสตธาตุ รู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่ไม่เป็นเหตุด้วยเจโตปริยญาณ
อากาสานัญจายตนะเป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ อากิญจัญญายตนะเป็น
ปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ ฯลฯ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดยอารัมมณปัจจัย ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุเป็น
ปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ยถากัมมูปคญาณ
อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยอารัมมณปัจจัย
ได้แก่ บุคคลให้ทาน ... (มีเฉพาะข้อความตอนต้นเท่านั้น ไม่มีอาวัชชนจิต ไม่มี
ข้อความนี้ว่า รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็น
ปัจจัยแก่กายวิญญาณ) (๒)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้วพิจารณากุศล
นั้น เพราะปรารภกุศลนั้น เหตุและสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น (พึงจัดข้อความนี้เข้ากับ
บทที่มีในวาระนั้น ๆ เหมือนกับข้อความตอนที่ ๒) (๓)
[๒๐] สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุ
โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภเหตุและสัมปยุตตขันธ์ เหตุจึงเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภเหตุและสัมปยุตตขันธ์ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุจึง
เกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่
ไม่เป็นเหตุโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภเหตุและสัมปยุตตขันธ์ เหตุและ
สัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น (๓)

อธิปติปัจจัย
[๒๑] สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยอธิปติปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทำเหตุให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหตุจึง
เกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุโดย
อธิปติปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยอธิปติปัจจัย มี
๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทำเหตุให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ที่ไม่
เป็นเหตุจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๒)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุโดย
อธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทำเหตุให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหตุ
และสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ เหตุ
และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๓)
[๒๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยอธิปติ-
ปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน ... (พึงขยายให้พิสดารจนถึงขันธ์ที่ไม่
เป็นเหตุ)
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นเหตุ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยอธิปติปัจจัย มี
๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน ... (ย่อ พึงเพิ่มข้อความจนถึงหทัยวัตถุ
และขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุ)
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุโดย
อธิปติปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุโดย
อธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว
พิจารณากุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทำกุศลนั้นให้เป็นอารมณ์
อย่างหนักแน่น ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุและเหตุจึงเกิดขึ้น บุคคลพิจารณากุศลที่เคย
สั่งสมไว้ดีแล้ว (พึงเพิ่มข้อความจนถึงหทัยวัตถุและขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุ)
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
เหตุ และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๗.ปัญหาวาร
[๒๓] สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุ
โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทำเหตุและ
สัมปยุตตขันธ์ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหตุจึงเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดย
อธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทำเหตุและสัมปยุตต-
ขันธ์ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุจึงเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่
ไม่เป็นเหตุโดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทำเหตุ
และสัมปยุตตขันธ์ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหตุและสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น (๓))

อนันตรปัจจัย
[๒๔] สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยอนันตรปัจจัย
ได้แก่ เหตุที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุที่เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่
เหตุที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุโดย
อนันตรปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุและสัมปยุตตขันธ์ซึ่งเกิด
หลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (๓)
[๒๕] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยอนันตร-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุซึ่งเกิด
หลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู (ย่อ) เนวสัญญานาสัญญา-
ยตนะเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติโดยอนันตรปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยอนันตรปัจจัย
ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุโดย
อนันตรปัจจัย (บทที่มีนเหตุปัจจัยเป็นมูล เหมือนกันทั้ง ๓ วาระ) (๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๗.ปัญหาวาร
[๒๖] สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุ
โดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ เหตุและสัมปยุตตขันธ์ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุที่
เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดย
อนันตรปัจจัย ได้แก่ เหตุและสัมปยุตตขันธ์ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่
เป็นเหตุซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่
เป็นเหตุโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ เหตุและสัมปยุตตขันธ์ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย
แก่เหตุและสัมปยุตตขันธ์ที่เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (๓))

สมนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๒๗] สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยสมนันตรปัจจัย
(ปัจจัยนี้เหมือนกับอนันตรปัจจัย) เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดย
อัญญมัญญปัจจัย (แม้ทั้ง ๒ ปัจจัยนี้เหมือนกับปฏิจจวาร นิสสยปัจจัยเหมือนกับ
นิสสยปัจจัยในปัจจยวาร)

อุปนิสสยปัจจัย
[๒๘] สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยอุปนิสสยปัจจัย
มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ เหตุเป็นปัจจัยแก่เหตุโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยอุปนิสสยปัจจัย
มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ เหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุโดยอุปนิสสย-
ปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุโดย
อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๗.ปัญหาวาร
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ เหตุเป็นปัจจัยแก่เหตุและสัมปยุตตขันธ์โดยอุปนิสสย-
ปัจจัย (๓)
[๒๙] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยอุปนิสสย-
ปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ
ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาแล้วจึงให้ทาน ฯลฯ ทำสมาบัติให้
เกิดขึ้น ฯลฯ มีมานะ ถือทิฏฐิ อาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะ แล้วจึงให้ทาน ฯลฯ
ทำลายสงฆ์ ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะเป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ ผลสมาบัติโดย
อุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยอุปนิสสยปัจจัย
มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะแล้วจึงให้ทาน ฯลฯ
ทำลายสงฆ์ ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะเป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนา
มรรค และผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุโดย
อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ... (ปัจจัยนี้เหมือนกับอุปนิสสยปัจจัยข้อที่ ๒) (๓)
[๓๐] สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุ
โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ เหตุและสัมปยุตตขันธ์เป็นปัจจัยแก่เหตุโดยอุปนิสสย-
ปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดย
อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๗.ปัญหาวาร
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ เหตุและสัมปยุตตขันธ์เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุ
โดยอุปนิสสยปัจจัย (๒)
สภาวธรรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่
ไม่เป็นเหตุโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ
และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ เหตุและสัมปยุตตขันธ์เป็นปัจจัยแก่เหตุและสัมปยุตต-
ขันธ์โดยอุปนิสสยปัจจัย (๓)

ปุเรชาตปัจจัย
[๓๑] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยปุเรชาต-
ปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะ
ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ
ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพา-
ยตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดยปุเรชาตปัจจัย
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณโดยปุเรชาตปัจจัย
ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดยปุเรชาตปัจจัย หทัยวัตถุเป็นปัจจัย
แก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุโดยปุเรชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยปุเรชาตปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วย
ทิพพโสตธาตุ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่เหตุโดยปุเรชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุโดย
ปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๗.ปัญหาวาร
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะ
ไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่เหตุและสัมปยุตตขันธ์โดยปุเร-
ชาตปัจจัย (๓)

ปัจฉาชาตปัจจัยเป็นต้น
[๓๒] สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยปัจฉาชาต-
ปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เกิดภายหลังเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดยปัจฉาชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยปัจฉาชาตปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุซึ่งเกิดภายหลังเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดยปัจฉาชาต-
ปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดย
ปัจฉาชาตปัจจัย ได้แก่ เหตุและสัมปยุตตขันธ์ซึ่งเกิดภายหลังเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่
เกิดก่อนโดยปัจฉาชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยอาเสวนปัจจัย (ปัจจัย
นี้เหมือนกับอนันตรปัจจัย)

กัมมปัจจัย
[๓๓] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยกัมม-
ปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตต-
สมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบากและ
กฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยกัมมปัจจัย มี ๒
อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุโดยกัมมปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่เหตุที่เป็นวิบากโดยกัมม-
ปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุโดย
กัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ เหตุ และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบาก เหตุ
และกฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๓)

วิปากปัจจัย
[๓๔] สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยวิปากปัจจัย
ได้แก่ อโลภะที่เป็นวิบากเป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะโดยวิปากปัจจัย (เหมือนกับ
ปฏิจจวาร ในวิปากวิภังค์ มี ๙ วาระ)

อาหารปัจจัย
[๓๕] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยอาหาร-
ปัจจัย ได้แก่ อาหารที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดย
อาหารปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ กวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้โดยอาหาร-
ปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยอาหารปัจจัย
ได้แก่ อาหารที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุโดยอาหารปัจจัย ในปฏิสนธิ-
ขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุ
โดยอาหารปัจจัย ได้แก่ อาหารที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ เหตุ และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยอาหารปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๗.ปัญหาวาร
อินทรียปัจจัย
[๓๖] สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยอินทรียปัจจัย
ฯลฯ (บทที่มีเหตุเป็นมูล มี ๓ วาระ)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยอินทรียปัจจัย
ได้แก่ อินทรีย์ที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดย
อินทรียปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ จักขุนทรีย์เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ
กายินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ รูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูป
โดยอินทรียปัจจัย (พึงขยายอินทรียปัจจัยให้พิสดารอย่างนี้ มี ๙ วาระ)

ฌานปัจจัยเป็นต้น
[๓๗] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยฌาน-
ปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยมัคคปัจจัย เป็นปัจจัย
โดยสัมปยุตตปัจจัย (สองปัจจัยเหล่านี้ มี ๙ วาระ)

วิปปยุตตปัจจัย
[๓๘] สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยวิปปยุตต-
ปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ เหตุเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยวิปปยุตตปัจจัย ใน
ปฏิสนธิขณะ เหตุเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยวิปปยุตตปัจจัย เหตุเป็นปัจจัยแก่
หทัยวัตถุโดยวิปปยุตตปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ เหตุเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดยวิปปยุตตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยวิปปยุตตปัจจัย
มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยวิปปยุตต-
ปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยวิปปยุตตปัจจัย
ขันธ์เป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์โดยวิปปยุตตปัจจัย


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๗.ปัญหาวาร
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะเป็น
ปัจจัยแก่กายวิญญาณ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุโดยวิปปยุตตปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดยวิปป-
ยุตตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยวิปปยุตตปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่เหตุโดยวิปปยุตต-
ปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่เหตุโดยวิปปยุตตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุโดย
วิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่เหตุและสัมปยุตตขันธ์
โดยวิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่เหตุและสัมปยุตตขันธ์โดยวิปปยุตต-
ปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดย
วิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ เหตุและสัมปยุตตขันธ์เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดย
วิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ เหตุและสัมปยุตตขันธ์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดย
วิปปยุตตปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ เหตุและสัมปยุตตขันธ์เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดย
วิปปยุตตปัจจัย (๑)

อัตถิปัจจัย
[๓๙] สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยอัตถิปัจจัย
ได้แก่ อโลภะเป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะโดยอัตถิปัจจัย (พึงผูกเป็นจักกนัย) โลภะ
เป็นปัจจัยแก่โมหะโดยอัตถิปัจจัย (พึงผูกเป็นจักกนัย) ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๒๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยอัตถิปัจจัย มี
๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ เหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดย
อัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ เหตุเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดยอัตถิปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุโดยอัตถิ-
ปัจจัย ได้แก่ อโลภะเป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป
โดยอัตถิปัจจัย (พึงผูกเป็นจักกนัย) โลภะเป็นปัจจัยแก่โมหะ สัมปยุตตขันธ์ และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย (พึงผูกเป็นจักกนัย) ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
[๔๐] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยอัตถิ-
ปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-
สมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่ไม่
เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูป ฯลฯ ขันธ์เป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุ
โดยอัตถิปัจจัย หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์โดยอัตถิปัจจัย มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ
ที่เป็นภายนอก ... ที่มีอาหารเป็นสมุฏฐาน ... ที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน ... สำหรับ
เหล่าอสัญญสัตตพรหม ฯลฯ
ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ เห็นรูปด้วย
ทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ
ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็น
เหตุโดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดยอัตถิ-
ปัจจัย กวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้โดยอัตถิปัจจัย รูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัย
แก่กฏัตตารูปโดยอัตถิปัจจัย (๑)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๒๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยอัตถิปัจจัย มี
๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุโดยอัตถิปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่เหตุโดยอัตถิปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง
ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่เหตุโดยอัตถิปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุโดย
อัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ เหตุและจิตต-
สมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่เหตุและ
สัมปยุตตขันธ์โดยอัตถิปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะไม่
เที่ยงฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่เหตุและสัมปยุตตขันธ์โดยอัตถิปัจจัย (๓)
[๔๑] สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
เหตุโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ อโลภะและสัมปยุตตขันธ์เป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะโดย
อัตถิปัจจัย (พึงผูกเป็นจักกนัย) โลภะและสัมปยุตตขันธ์เป็นปัจจัยแก่โมหะโดย
อัตถิปัจจัย (พึงผูกเป็นจักกนัย) ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ อโลภะและหทัยวัตถุเป็น
ปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะโดยอัตถิปัจจัย (พึงผูกเป็นจักกนัย) (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดย
อัตถิปัจจัย มี ๔ อย่าง คือ สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุและเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ เหตุและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุโดยอัตถิปัจจัย


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๒๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สหชาตะ ได้แก่ เหตุและมหาภูตรูปเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิ-
ปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ เหตุและกวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้โดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ เหตุและรูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยอัตถิ-
ปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่
ไม่เป็นเหตุโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุและอโลภะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ อโทสะ
อโมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย (พึงผูกเป็นจักกนัย) ขันธ์ ๑ ที่ไม่
เป็นเหตุและโลภะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย
(พึงผูกเป็นจักกนัย) ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุและอโลภะ ... (พึงผูก
เป็นจักกนัย) ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ อโลภะและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่อโทสะ
อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์โดยอัตถิปัจจัย โลภะและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่โมหะ
และสัมปยุตตขันธ์โดยอัตถิปัจจัย เป็นปัจจัยโดยนัตถิปัจจัย เป็นปัจจัยโดยวิคต-
ปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอวิคตปัจจัย (๓)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๔๒] เหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๒๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๗.ปัญหาวาร

นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๓ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ (ผู้รู้พึงนับอย่างนี้)

อนุโลม จบ

๒. ปัจจนียุทธาร
[๔๓] สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยอารัมมณปัจจัย
สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดยอารัมมณปัจจัย
สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย และปัจฉาชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๒๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๗.ปัญหาวาร
[๔๔] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย
กัมมปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุโดยอารัมมณปัจจัย
สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย และกัมมปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย และกัมมปัจจัย (๓)
[๔๕] สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
เหตุโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปัจฉาชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่
ไม่เป็นเหตุโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย (๓)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร

[๔๖] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ
โนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

ปัจจนียะ จบ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ
เหตุทุกนัย

[๔๗] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๓ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๒๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑.เหตุทุกะ ๗.ปัญหาวาร

นอนันตรปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๑ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯ
นมัคคปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

อนุโลมปัจจนียะ จบ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม
นเหตุทุกนัย

[๔๘] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย ” มี ๙ วาระ
สหชาตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นิสสยปัจจัย ” มี ๓ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย ” มี ๙ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
อาเสวนปัจจัย ” มี ๙ วาระ
กัมมปัจจัย ” มี ๓ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๒๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๑.ปฏิจจวาร

วิปากปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อาหารปัจจัย ” มี ๓ วาระ
อินทรียปัจจัย ” มี ๓ วาระ
ฌานปัจจัย ” มี ๓ วาระ
มัคคปัจจัย ” มี ๓ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
อัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นัตถิปัจจัย ” มี ๙ วาระ
วิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
อวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

ปัจจนียานุโลม จบ
เหตุทุกะ จบ

๒. สเหตุกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๔๙] สภาวธรรมที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่มีเหตุเกิดขึ้น ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒ เกิดขึ้น ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่มีเหตุเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๒๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่มีเหตุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
[๕๐] สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ
เกิดขึ้น มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ เกิดขึ้น ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปและ
กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
สัมปยุตตขันธ์อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่มีเหตุอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุ-
ปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา
และที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่มีเหตุอาศัยหทัยวัตถุเกิด
ขึ้น กฏัตตารูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๓)
[๕๑] สภาวธรรมที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่
สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓
อาศัยขันธ์ ๑ ที่มีเหตุและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่มีเหตุและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น
จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ
เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ และโมหะที่
สหรคตวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่มีเหตุและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่มีเหตุและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๒๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
อารัมมณปัจจัย
[๕๒] สภาวธรรมที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่มีเหตุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่
โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา
และที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และโมหะอาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคต
ด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)
[๕๓] สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่ไม่มีเหตุอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่
สัมปยุตตขันธ์อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่มีเหตุอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคต
ด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัย
ขันธ์ ๑ ที่มีเหตุและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑)

อธิปติปัจจัย
[๕๔] สภาวธรรมที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะอธิปติปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่มีเหตุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะอธิปติปัจจัย ได้แก่
จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่มีเหตุเกิดขึ้น (๒)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๒๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะอธิปติ-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่มีเหตุเกิดขึ้น ฯลฯ
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)
[๕๕] สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะอธิปติปัจจัย
ได้แก่ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทายรูปอาศัยมหาภูตรูป
เกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะอธิปติ-
ปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่มีเหตุและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๒)

อนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๕๖] สภาวธรรมที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะอนันตรปัจจัย
เพราะสมนันตรปัจจัย เพราะสหชาตปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่มี
เหตุเกิดขึ้น ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะสหชาตปัจจัย ได้แก่
จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่มีเหตุเกิดขึ้น โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคต
ด้วยอุทธัจจะและจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะสหชาต-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่มีเหตุเกิดขึ้น ...
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๓ โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่
สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
[๕๗] สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะสหชาตปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทัยวัตถุอาศัยขันธ์เกิดขึ้น ขันธ์อาศัย


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๓๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
หทัยวัตถุเกิดขึ้น มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ที่เป็นภายนอก ... ที่มีอาหารเป็นสมุฏฐาน
... ที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน ... สำหรับเหล่าอสัญญสัตตพรหม ... อาศัยมหาภูตรูป ๑
ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะสหชาตปัจจัย (ทั้ง
๕ วาระนี้เหมือนกับเหตุปัจจัย ไม่มีข้อแตกต่างกัน) (๒)

อัญญมัญญปัจจัย
[๕๘] สภาวธรรมที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะอัญญมัญญ-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่มีเหตุเกิดขึ้น ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะอัญญมัญญปัจจัย
ได้แก่ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคต
ด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุอาศัยขันธ์
ที่มีเหตุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะอัญญ-
มัญญปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และโมหะอาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและ
ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓
และหทัยวัตถุอาศัยขันธ์ ๑ ที่มีเหตุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)
[๕๙] สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะอัญญมัญญ-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และหทัยวัตถุอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้น ฯลฯ
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (ย่อ พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะอัญญมัญญปัจจัย
ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ
เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่มีเหตุอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒))


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๓๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะอัญญ-
มัญญปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่
สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓
อาศัยขันธ์ ๑ ที่มีเหตุและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑)

นิสสยปัจจัยเป็นต้น
[๖๐] สภาวธรรมที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนิสสยปัจจัย
เพราะอุปนิสสยปัจจัย เพราะปุเรชาตปัจจัย เพราะอาเสวนปัจจัย เพราะกัมมปัจจัย
เพราะวิปากปัจจัย เพราะอาหารปัจจัย เพราะอินทรียปัจจัย เพราะฌานปัจจัย
เพราะมัคคปัจจัย (ฌานปัจจัยและมัคคปัจจัยเหมือนกับสหชาตปัจจัย ไม่มี
มหาภูตรูปที่เป็นภายนอก) เพราะสัมปยุตตปัจจัย เพราะวิปปยุตตปัจจัย เพราะ
อัตถิปัจจัย เพราะนัตถิปัจจัย เพราะวิคตปัจจัย เพราะอวิคตปัจจัย

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๖๑] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ
มนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๓๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๑.ปฏิจจวาร

อาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๙ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๖ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

อนุโลม จบ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๖๒] สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย
ได้แก่ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วย
วิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒
ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
(พึงเพิ่มทุกบทจนถึงอสัญญสัตตพรหม)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๓๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
นอารัมมณปัจจัยเป็นต้น
[๖๓] สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่มีเหตุเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัย
ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยโมหะที่
สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
หทัยวัตถุอาศัยขันธ์เกิดขึ้น มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ สำหรับเหล่าอสัญญสัตตพรหม ...
อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะ
นอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่มีเหตุและอาศัยมหาภูตรูป
เกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคต
ด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย (ปัจจัย
นี้เหมือนกับสหชาตปัจจัยในอนุโลม) เพราะนอนันตรปัจจัย เพราะนสมนันตรปัจจัย
เพราะนอัญญมัญญปัจจัย เพราะนอุปนิสสยปัจจัย เพราะนปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ ใน
อรูปาวจรภูมิ ... อาศัยขันธ์ ๑ ที่มีเหตุ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
[๖๔] สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนปุเรชาตปัจจัย
ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ
อาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูป
อาศัยขันธ์ที่มีเหตุเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนปุเรชาต-
ปัจจัย ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ ขันธ์ ๓ และโมหะอาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย
วิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๓๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนปุเรชาตปัจจัย
ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ ... อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยโมหะที่สหรคต
ด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงขยายให้
พิสดารจนถึงอสัญญสัตตพรหม) (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนปุเรชาตปัจจัย ได้แก่
ในอรูปาวจรภูมิ สัมปยุตตขันธ์อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่มีเหตุอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนปุเร-
ชาตปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่มีเหตุอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น กฏัตตารูป
อาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๓)
[๖๕] สภาวธรรมที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะ
นปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ และโมหะที่
สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่มีเหตุและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนปุเร-
ชาตปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่มีเหตุและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น
จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ
เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้น
เพราะนปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่มีเหตุและ
อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่มีเหตุและ
อาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๓๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
นปัจฉาชาตปัจจัยเป็นต้น
[๖๖] สภาวธรรมที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนปัจฉาชาตปัจจัย
เพราะนอาเสวนปัจจัย เพราะนกัมมปัจจัย ได้แก่ เจตนาที่มีเหตุอาศัยขันธ์ที่มีเหตุ
เกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนกัมมปัจจัย ได้แก่
เจตนาที่ไม่มีเหตุอาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้น ... ที่เป็นภายนอก ... ที่มีอาหาร
เป็นสมุฏฐาน ... ที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนกัมมปัจจัย ได้แก่
สัมปยุตตเจตนาอาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนกัมม-
ปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตเจตนาอาศัยขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่
สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้นเพราะนวิปากปัจจัย (ไม่มีปฏิสนธิ)

นอาหารปัจจัยเป็นต้น
[๖๗] สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนอาหาร-
ปัจจัย เพราะนอินทรียปัจจัย ฯลฯ เพราะนฌานปัจจัย ฯลฯ เพราะนมัคคปัจจัย
ฯลฯ เพราะนสัมปยุตตปัจจัย ฯลฯ

นวิปปยุตตปัจจัยเป็นต้น
[๖๘] สภาวธรรมที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนวิปปยุตตปัจจัย
ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ ... อาศัยขันธ์ ๑ ที่มีเหตุ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนวิปปยุตตปัจจัย
ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ โมหะที่สรหคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัย
ขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะ
นวิปปยุตตปัจจัย ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ ขันธ์ ๓ และโมหะอาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคต
ด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๓๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนวิปปยุตตปัจจัย
ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้น ... อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนวิปปยุตตปัจจัย
ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ สัมปยุตตขันธ์อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคต
ด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะ
นวิปปยุตตปัจจัย ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ และโมหะที่
สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
เพราะโนนัตถิปัจจัย ฯลฯ เพราะโนวิคตปัจจัย ฯลฯ (๑)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๖๙] นเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๓๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๑.ปฏิจจวาร

นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

ปัจจนียะ จบ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ
เหตุทุกนัย

[๗๐] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

อนุโลมปัจจนียะ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๓๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๓.ปัจจยวาร
๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม
นเหตุทุกนัย

[๗๑] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๒ วาระ
สมนันตรปัจจัย ” มี ๒ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๒ วาระ)

วิปากปัจจัย ” มี ๑ วาระ
อาหารปัจจัย ” มี ๒ วาระ
อินทรียปัจจัย ” มี ๒ วาระ
ฌานปัจจัย ” มี ๒ วาระ
มัคคปัจจัย ” มี ๑ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย ” มี ๒ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี ๒ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

ปัจจนียานุโลม จบ
(สหชาตวารเหมือนกับปฏิจจวาร)

๒. สเหตุกทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๗๒] สภาวธรรมที่มีเหตุทำสภาวธรรมที่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุ-
ปัจจัย (บทที่มีสภาวธรรมที่มีเหตุเป็นมูล เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุทำสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุ ฯลฯ (เหมือนกับปฏิจจวาร
นั่นเอง) (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๓๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๓.ปัจจยวาร
สภาวธรรมที่มีเหตุทำสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ที่มีเหตุทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ สัมปยุตตขันธ์ทำโมหะ
ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ที่มีเหตุทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุทำสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่มีเหตุทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ จิตต-
สมุฏฐานรูปทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ สัมปยุตตขันธ์และจิตต-
สมุฏฐานรูปทำโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้น ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ... ทำหทัยวัตถุ ฯลฯ (๓)
[๗๓] สภาวธรรมที่มีเหตุทำสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่มีเหตุและทำหทัยวัตถุให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ และโมหะที่สหรคตด้วย
วิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุทำสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่มีเหตุและทำมหาภูตรูปให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคต
ด้วยอุทธัจจะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุทำสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่มีเหตุและทำหทัยวัตถุให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่มีเหตุและทำ
มหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ ๑ และ
โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำ
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่มีเหตุและทำหทัยวัตถุให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ กฏัตตารูปทำขันธ์ที่มีเหตุและทำมหาภูตรูป
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๔๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๓.ปัจจยวาร
อารัมมณปัจจัย
[๗๔] สภาวธรรมที่มีเหตุทำสภาวธรรมที่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุทำสภาวธรรมที่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นพราะอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะทำขันธ์ที่
สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุทำสภาวธรรมที่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และโมหะทำขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่
สหรคตด้วยอุทธัจจะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)
[๗๕] สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุทำสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ ... ทำขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุ ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ
ขันธ์ที่ไม่มีเหตุทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุทำสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่มีเหตุทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ สัมปยุตตขันธ์
ทำโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุทำสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคต
ด้วยอุทธัจจะทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๓)
[๗๖] สภาวธรรมที่มีเหตุทำสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่มีเหตุและทำหทัยวัตถุให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคต
ด้วยอุทธัจจะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๔๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๓.ปัจจยวาร
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุทำสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ
ทำขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุทำสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และโมหะทำขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย
วิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ
ขันธ์ ๒ และโมหะทำขันธ์ ๒ ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๓)

อธิปติปัจจัย
[๗๗] สภาวธรรมที่มีเหตุทำสภาวธรรมที่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ
อธิปติปัจจัย (อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ เฉพาะปวัตติกาลเท่านั้น)

อนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๗๘] สภาวธรรมที่มีเหตุทำสภาวธรรมที่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ
อนันตรปัจจัย เพราะสมนันตรปัจจัย เพราะสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับ
ปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุทำสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะสหชาต-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตต-
พรหม) จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ กายวิญญาณทำ
กายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่ไม่มีเหตุทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุทำสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะสหชาต-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่มีเหตุทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น สัมปยุตตขันธ์ทำโมหะ
ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิ-
ขณะ ฯลฯ (๒)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๔๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๓.ปัจจยวาร
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุทำสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะสหชาตปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่มีเหตุทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ
จิตตสมุฏฐานรูปทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐาน-
รูปทำโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ใน
ปฏิสนธิขณะ ... ทำหทัยวัตถุ ฯลฯ (๓)
[๗๙] สภาวธรรมที่มีเหตุทำสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะสหชาตปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่มีเหตุและทำหทัยวัตถุให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ และโมหะที่สหรคตด้วย
วิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุทำสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะสหชาตปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่มีเหตุและทำมหาภูตรูปให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่
สหรคตด้วยอุทธัจจะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วย
วิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะทำขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะ และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุทำสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะสหชาตปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่มีเหตุและทำหทัยวัตถุให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่มีเหตุและ
มหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่
สหรคตด้วยอุทธัจจะ และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่มีเหตุและทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ ๓ และ
จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ ๑ และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๓ และโมหะทำขันธ์ ๑
ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่มีเหตุและทำ
หทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ กฏัตตารูปทำขันธ์ที่มีเหตุและ
มหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๔๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๓.ปัจจยวาร
อัญญมัญญปัจจัยเป็นต้น
[๘๐] สภาวธรรมที่มีเหตุทำสภาวธรรมที่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ
อัญญมัญญปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร

[๘๑] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

อนุโลม จบ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๘๒] สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุทำสภาวธรรมที่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ
นเหตุปัจจัย ได้แก่ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะทำขันธ์ที่
สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุทำสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุ-
ปัจจัย ได้แก่ ... ทำขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่ม
ข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ฯลฯ กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่มีเหตุและ
โมหะทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุทำสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ
ทำขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และทำหทัยวัตถุให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น (ย่อ) (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๔๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๓.ปัจจยวาร
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๘๓] นเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

ปัจจนียะ จบ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ
เหตุทุกนัย

[๘๔] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๔๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๓.ปัจจยวาร

นอนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

อนุโลมปัจจนียะ จบ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม
นเหตุทุกนัย

[๘๕] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯ
มัคคปัจจัย ” มี ๓ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

ปัจจนียานุโลม จบ
(นิสสยวารเหมือนกับปัจจยวาร)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๔๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๕.สังสัฏฐวาร
๒. สเหตุกทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๘๖] สภาวธรรมที่มีเหตุเกิดระคนกับสภาวธรรมที่มีเหตุเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ ๓ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่มีเหตุ ฯลฯ เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุเกิดระคนกับสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดระคนกับโมหะที่สหรคตด้วย
วิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุเกิดระคนกับสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๓ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคต
ด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑)

อารัมมณปัจจัย
[๘๗] สภาวธรรมที่มีเหตุเกิดระคนกับสภาวธรรมที่มีเหตุเพราะอารัมมณปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๓ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่มีเหตุ ฯลฯ เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดระคนกับสภาวธรรมที่มีเหตุเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่
โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดระคนกับขันธ์ที่สหรคตด้วย
วิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเกิดระคนกับสภาวธรรมที่มีเหตุเพราะอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และโมหะเกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและ
ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๔๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๕.สังสัฏฐวาร
[๘๘] สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดระคนกับสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเพราะอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุ ฯลฯ เกิดระคนกับขันธ์ ๒
ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุเกิดระคนกับสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดระคนกับโมหะที่สหรคตด้วย
วิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุเกิดระคนกับสภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเพราะอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและ
ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ฯลฯ เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑)

อธิปติปัจจัย
[๘๙] สภาวธรรมที่มีเหตุเกิดระคนกับสภาวธรรมที่มีเหตุเพราะอธิปติปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ ๓ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่มีเหตุ ฯลฯ เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑)

อนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๙๐] สภาวธรรมที่มีเหตุเกิดระคนกับสภาวธรรมที่มีเหตุเพราะอนันตรปัจจัย
เพราะสมนันตรปัจจัย เพราะสหชาตปัจจัย ฯลฯ เพราะวิปากปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓
เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่เป็นวิบากซึ่งมีเหตุ ฯลฯ เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดระคนกับสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเพราะวิปากปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ ๓ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่เป็นวิบากซึ่งไม่มีเหตุ ฯลฯ เกิดระคนกับขันธ์ ๒
ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ เพราะฌานปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๙๑] เหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๔๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๕.สังสัฏฐวาร


อธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๖ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ
วิปากปัจจัย มี ๒ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๖ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๖ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๖ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๕ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

อนุโลม จบ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๙๒] สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดระคนกับสภาวธรรมที่มีเหตุเพราะนเหตุปัจจัย
ได้แก่ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดระคนกับขันธ์ที่
สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเกิดระคนกับสภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ ๓ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุ ฯลฯ เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (ย่อ) (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๔๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๕.สังสัฏฐวาร
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๙๓] นเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

ปัจจนียะ จบ
๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ
เหตุทุกนัย

[๙๔] นอธิปติปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอาเสวนปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นกัมมปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ

อนุโลมปัจจนียะ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๕๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม
นเหตุทุกนัย

[๙๕] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๒ วาระ ฯลฯ
กัมมปัจจัย ” มี ๒ วาระ
วิปากปัจจัย ” มี ๑ วาระ
อาหารปัจจัย ” มี ๒ วาระ ฯลฯ
มัคคปัจจัย ” มี ๑ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี ๒ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

ปัจจนียานุโลม จบ
(สัมปยุตตวารเหมือนกับสังสัฏฐวาร)

๒. สเหตุกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๙๖] สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยเหตุปัจจัย ได้แก่
เหตุที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุ
ที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุโดยเหตุปัจจัย
ได้แก่ เหตุที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๕๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
[๙๗] สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยเหตุปัจจัย
ได้แก่ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเป็นปัจจัยแก่จิตต-
สมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยเหตุปัจจัย ได้แก่
โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
โดยเหตุปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุโดยเหตุปัจจัย
ได้แก่ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-
ขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย (๓)

อารัมมณปัจจัย
[๙๘] สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยอารัมมณปัจจัย
ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว พิจารณากุศลนั้น พิจารณา
กุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน พระอริยะออกจาก
มรรคแล้ว พิจารณามรรค พิจารณาผล พิจารณากิเลสที่ละได้แล้ว ฯลฯ พิจารณา
กิเลสที่ข่มได้แล้ว ฯลฯ รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น ฯลฯ เห็นแจ้งขันธ์ที่มีเหตุโดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ... โทมนัสจึงเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับแล้ว จิตตุปบาทที่เป็น
วิบากซึ่งมีเหตุจึงเกิดขึ้นโดยเป็นตทารมณ์ รู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วย
จิตที่มีเหตุด้วยเจโตปริยญาณ อากาสานัญจายตนะเป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ
ฯลฯ อากิญจัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ ฯลฯ ขันธ์ที่มีเหตุ
เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ยถากัมมูปค-
ญาณ และอนาคตังสญาณโดยอารัมมณปัจจัย เพราะปรารภขันธ์ที่มีเหตุ ขันธ์ที่มี
เหตุจึงเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่
บุคคลเห็นแจ้งขันธ์ที่มีเหตุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น เมื่อกุศล
และอกุศลดับแล้ว จิตตุปบาทที่เป็นวิบากซึ่งไม่มีเหตุจึงเกิดขึ้นโดยเป็นตทารมณ์
เพราะปรารภขันธ์ที่มีเหตุ ขันธ์ที่ไม่มีเหตุและโมหะจึงเกิดขึ้น (๒)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๕๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุโดยอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภขันธ์ที่มีเหตุ ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและ
ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะจึงเกิดขึ้น (๓)
[๙๙] สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยอารัมมณปัจจัย
ได้แก่ นิพพานเป็นปัจจัยแก่อาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ
หทัยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่มีเหตุและโมหะโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึง
เกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับแล้ว จิตตุปบาทที่เป็นวิบากซึ่งไม่มีเหตุจึงเกิดขึ้นโดย
เป็นตทารมณ์ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็น
ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ เพราะปรารภขันธ์ที่ไม่มีเหตุและโมหะ ขันธ์ที่ไม่มี
เหตุและโมหะจึงเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่
พระอริยะพิจารณานิพพาน นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค และผล
โดยอารัมมณปัจจัย พระอริยะพิจารณากิเลสที่ละได้แล้วซึ่งไม่มีเหตุ พิจารณากิเลส
ที่ข่มได้แล้ว ฯลฯ รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น ฯลฯ เห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ
ขันธ์ที่ไม่มีเหตุและโมหะโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น เมื่อกุศล
และอกุศลดับแล้ว จิตตุปบาทที่เป็นวิบากซึ่งมีเหตุจึงเกิดขึ้นโดยเป็นตทารมณ์ บุคคล
เห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ รู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่ง
พร้อมด้วยจิตที่ไม่มีเหตุด้วยเจโตปริยญาณ ขันธ์ที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ
เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ยถากัมมูปคญาณ และอนาคตังสญาณ
โดยอารัมมณปัจจัย เพราะปรารภขันธ์ที่ไม่มีเหตุและโมหะ ขันธ์ที่มีเหตุจึงเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุโดยอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภจักษุ ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่
สหรคตด้วยอุทธัจจะจึงเกิดขึ้น เพราะปรารภโสตะ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ ๑
และโมหะที่ไม่มีเหตุ ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ
จึงเกิดขึ้น (๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๕๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
[๑๐๐] สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และที่
สหรคตด้วยอุทธัจจะ ขันธ์ที่มีเหตุจึงเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะ ขันธ์และโมหะที่ไม่มีเหตุจึงเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มี
เหตุโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา
และที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะจึงเกิดขึ้น (๓)

อธิปติปัจจัย
[๑๐๑] สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยอธิปติปัจจัย มี
๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว
พิจารณากุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ออกจากฌาน ... พระอริยะออก
จากมรรคแล้ว พิจารณามรรคให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ... พิจารณาผล ...
ยินดีเพลิดเพลินขันธ์ที่มีเหตุให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทำความยินดี
เพลิดเพลินขันธ์นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดย
อธิปติปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยอธิปติปัจจัย มีอย่าง
เดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป
โดยอธิปติปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุโดยอธิปติปัจจัย
มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-
ขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๕๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยอธิปติปัจจัย มี
อย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ พระอริยะพิจารณานิพพานให้เป็น
อารมณ์อย่างหนักแน่น นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค และผลโดย
อธิปติปัจจัย บุคคลยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่มีเหตุ
ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทำความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้นให้
เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น (๑)

อนันตรปัจจัย
[๑๐๒] สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยอนันตรปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ที่มีเหตุซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีเหตุซึ่งเกิดหลัง ๆ โดย
อนันตรปัจจัย อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โวทาน
ฯลฯ โคตรภูเป็นปัจจัยแก่มรรค ฯลฯ โวทานเป็นปัจจัยแก่มรรค ฯลฯ มรรค
เป็นปัจจัยแก่ผล ฯลฯ ผลเป็นปัจจัยแก่ผล ฯลฯ อนุโลมเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ
ฯลฯ เนวสัญญานาสัญญายตนะของท่านผู้ออกจากนิโรธเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ
โดยอนันตรปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่โมหะ
ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย
จุติจิตที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่ไม่มีเหตุโดยอนันตรปัจจัย ภวังคจิตที่มีเหตุ
เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนจิตโดยอนันตรปัจจัย ภวังคจิตที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่ภวังคจิต
ที่ไม่มีเหตุโดยอนันตรปัจจัย ขันธ์ที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่ไม่มีเหตุโดย
อนันตรปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุโดยอนันตร-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะซึ่งเกิดก่อน ๆ
เป็นปัจจัยแก่ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะซึ่ง
เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๕๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
[๑๐๓] สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยอนันตร-
ปัจจัย ได้แก่ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะซึ่งเกิดก่อน ๆ
เป็นปัจจัยแก่โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะซึ่งเกิดหลัง ๆ โดย
อนันตรปัจจัย ขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งเกิดหลัง ๆ
โดยอนันตรปัจจัย อาวัชชนจิตเป็นปัจจัยแก่วิญญาณ ๕ โดยอนันตรปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่
โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่
ขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย
จุติจิตที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่มีเหตุโดยอนันตรปัจจัย ภวังคจิตที่ไม่มีเหตุ
เป็นปัจจัยแก่ภวังคจิตที่มีเหตุโดยอนันตรปัจจัย อาวัชชนจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีเหตุ
โดยอนันตรปัจจัย ขันธ์ที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่มีเหตุโดยอนันตรปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุโดยอนันตร-
ปัจจัย ได้แก่ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะซึ่งเกิดก่อน ๆ
เป็นปัจจัยแก่ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะซึ่ง
เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย อาวัชชนจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วย
วิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะโดยอนันตรปัจจัย (๓)
[๑๐๔] สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดย
อนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ
ซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะซึ่ง
เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยอนันตร-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะซึ่ง
เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะซึ่ง
เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่ไม่มีเหตุโดยอนันตรปัจจัย (๒)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๕๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุ
โดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่
สหรคตด้วยอุทธัจจะซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (๓)

สหชาตปัจจัยเป็นต้น
[๑๐๕] สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยสหชาตปัจจัย
(ปัจจัยนี้เหมือนกับสหชาตปัจจัยในปฏิจจวาร ในที่นี้ไม่มีฆฏนา) เป็นปัจจัยโดย
อัญญมัญญปัจจัย (เหมือนกับปฏิจจวาร) เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย (ปัจจัยนี้
เหมือนกับนิสสยปัจจัยในปฏิจจวาร ในที่นี้ไม่มีฆฏนา)

อุปนิสสยปัจจัย
[๑๐๖] สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยอุปนิสสยปัจจัย
มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีเหตุโดยอุปนิสสย-
ปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๒
อย่าง คือ อนันตรูปนิสสยะและปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์และโมหะที่ไม่มีเหตุโดย
อุปนิสสยปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุโดยอุปนิสสย-
ปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อนันตรูปนิสสยะและปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วย
วิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะโดยอุปนิสสยปัจจัย (๓)
[๑๐๗] สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยอุปนิสสย-
ปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อนันตรูปนิสสยะและปกตูปนิสสยะ ฯลฯ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๕๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ สุขทางกายเป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย
และโมหะโดยอุปนิสสยปัจจัย ทุกข์ทางกาย ... อุตุ ... โภชนะ ... เสนาสนะ
เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย และโมหะโดยอุปนิสสยปัจจัย โมหะเป็น
ปัจจัยแก่สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย และโมหะโดยอุปนิสสยปัจจัย สุขทางกาย ...
ทุกข์ทางกาย ... อุตุ ... โภชนะ ... เสนาสนะ และโมหะเป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย
ทุกข์ทางกาย และโมหะโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓
อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยสุขทางกายแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์
อาศัยทุกข์ทางกาย ... อุตุ ... โภชนะ ... เสนาสนะ ... โมหะแล้วให้ทาน ฯลฯ
ทำลายสงฆ์ สุขทางกาย ฯลฯ โมหะเป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ... ราคะ
ฯลฯ ความปรารถนา ... มรรค และผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุโดยอุป-
นิสสยปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อนันตรูปนิสสยะและปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ สุขทางกายและโมหะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์และโมหะที่
สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะโดยอุปนิสสยปัจจัย (๓)
[๑๐๘] สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดย
อุปนิสสยปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อนันตรูปนิสสยะและปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีเหตุโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยอุป-
นิสสยปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อนันตรูปนิสสยะและปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์และโมหะที่ไม่มีเหตุโดยอุปนิสสยปัจจัย (๒)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๕๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มี
เหตุโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อนันตรูปนิสสยะและปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ
โดยอุปนิสสยปัจจัย (๓)

ปุเรชาตปัจจัย
[๑๐๙] สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยปุเรชาต-
ปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับแล้ว จิตตุปบาทที่เป็น
วิบากซึ่งไม่มีเหตุจึงเกิดขึ้นโดยเป็นตทารมณ์ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ
ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดยปุเรชาตปัจจัย
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ
ปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์และโมหะที่ไม่มีเหตุโดยปุเรชาต-
ปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒
อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับแล้ว จิตตุปบาทที่
เป็นวิบากซึ่งมีเหตุจึงเกิดขึ้นโดยเป็นตทารมณ์ บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟัง
เสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีเหตุโดยปุเรชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุโดยปุเรชาต-
ปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๕๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์และ
โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะจึงเกิดขึ้น
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วย
วิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะโดยปุเรชาตปัจจัย (๓)

ปัจฉาชาตปัจจัยเป็นต้น
[๑๑๐] สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยปัจฉา-
ชาตปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่มีเหตุซึ่งเกิดภายหลังเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดย
ปัจฉาชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยปัจฉาชาตปัจจัย ได้แก่
ขันธ์และโมหะที่ไม่มีเหตุซึ่งเกิดภายหลังเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดยปัจฉาชาต-
ปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยปัจฉาชาต-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะซึ่งเกิด
ภายหลังเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดยปัจฉาชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยอาเสวนปัจจัย (ปัจจัยนี้
เหมือนกับอนันตรปัจจัย ไม่มีอาวัชชนจิตและภวังคจิต ในอาเสวนปัจจัยพึงเว้นทั้ง ๙
วาระ)

กัมมปัจจัย
[๑๑๑] สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยกัมมปัจจัย มี
๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยกัมมปัจจัย ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบากซึ่งมีเหตุโดย
กัมมปัจจัย (๑)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๖๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยกัมมปัจจัย มี ๒
อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบากซึ่งไม่มีเหตุ
และกฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุโดยกัมมปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูป
โดยกัมมปัจจัย
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบากซึ่งมีเหตุและ
กฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยกัมมปัจจัย ได้แก่
เจตนาที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)

วิปากปัจจัย
[๑๑๒] สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยวิปากปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่เป็นวิบากซึ่งมีเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยวิปากปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ที่เป็นวิบากซึ่งมีเหตุเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยวิปากปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุโดยวิปากปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่เป็นวิบากซึ่งมีเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ฯลฯ
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๖๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยวิปากปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ ๑ ที่เป็นวิบากซึ่งไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป ฯลฯ
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์เป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุโดยวิปากปัจจัย (๑)

อาหารปัจจัย
[๑๑๓] สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยอาหารปัจจัย
มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยอาหารปัจจัย ได้แก่
อาหารที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอาหารปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ กวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้โดยอาหารปัจจัย (๑)

อินทรียปัจจัยเป็นต้น
[๑๑๔] สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยอินทรียปัจจัย
มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยอินทรียปัจจัย ได้แก่
อินทรีย์ที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอินทรียปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ จักขุนทรีย์เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์เป็น
ปัจจัยแก่กายวิญญาณโดยอินทรียปัจจัย รูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดย
อินทรียปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยฌานปัจจัย มี ๓
วาระ
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยฌานปัจจัย ได้แก่
องค์ฌานที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยฌานปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยสัมปยุตตปัจจัย (ใน
ปฏิจจวาร มี ๖ วาระ เหมือนกับสัมปยุตตปัจจัย)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๖๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
วิปปยุตตปัจจัย
[๑๑๕] สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยวิปปยุตตปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยวิปปยุตตปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยวิปปยุตตปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดยวิปปยุตต-
ปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยวิปปยุตตปัจจัย มี
๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยวิปปยุตต-
ปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยวิปปยุตตปัจจัย
ขันธ์เป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุโดยวิปปยุตตปัจจัย หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์โดย
วิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่มีเหตุและโมหะโดย
วิปปยุตตปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่มีเหตุและโมหะเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดย
วิปปยุตตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยวิปปยุตตปัจจัย มี
๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีเหตุโดย
วิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีเหตุโดยวิปปยุตตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุโดยวิปปยุตต-
ปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์และโมหะ
ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะโดยวิปปยุตตปัจจัย (๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๖๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยวิปปยุตต-
ปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ
เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยวิปปยุตตปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดยวิปปยุตตปัจจัย (๑)

อัตถิปัจจัย
[๑๑๖] สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยอัตถิปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ ๑ ที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยอัตถิปัจจัย มี ๒
อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ขันธ์
ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเป็นปัจจัยแก่โมหะและจิตตสมุฏฐาน-
รูปโดยอัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดยอัตถิปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุโดยอัตถิปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย
ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โมหะ
และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์
ที่มีเหตุ ฯลฯ (๓)
[๑๑๗] สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยอัตถิปัจจัย
มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป
โดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคต
ด้วยอุทธัจจะเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
(พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๖๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง
ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับแล้ว จิตตุปบาทที่เป็นวิบากซึ่ง
ไม่มีเหตุจึงเกิดขึ้นโดยเป็นตทารมณ์ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ
ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดยอัตถิปัจจัย หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่
ขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุและโมหะโดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่มีเหตุและโมหะเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดย
อัตถิปัจจัย กวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้โดยอัตถิปัจจัย รูปชีวิตินทรีย์เป็น
ปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยอัตถิปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยอัตถิปัจจัย มี ๒
อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเป็น
ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยอัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์
ที่มีเหตุโดยอัตถิปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง
ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับแล้ว จิตตุปบาทที่เป็นวิบากซึ่งมีเหตุ
จึงเกิดขึ้นโดยเป็นตทารมณ์ บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีเหตุโดยอัตถิปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุโดยอัตถิปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเป็น
ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์และโมหะที่สหรคต
ด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะจึงเกิดขึ้น หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์และ
โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะโดยอัตถิปัจจัย (๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๖๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
[๑๑๘] สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดย
อัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ และปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ขันธ์ ๑ ที่มีเหตุและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่มีเหตุและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โดย
อัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยอัตถิ-
ปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีเหตุและมหาภูตรูปเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดย
อัตถิปัจจัย ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเป็นปัจจัย
แก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่มีเหตุและมหาภูตรูป
เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยอัตถิปัจจัย
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ
หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่โมหะโดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีเหตุและกวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้โดย
อัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีเหตุและรูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดย
อัตถิปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุ
โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ และโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ
หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และโมหะโดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๖๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๑๙] เหตุปัจจัย มี ๖ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
ธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๔ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๔ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๔ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๔ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

อนุโลม จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๖๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
๒. ปัจจนียุทธาร
[๑๒๐] สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยอารัมมณปัจจัย
สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยอารัมมณปัจจัย สห-
ชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย และกัมมปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุโดยอารัมมณ-
ปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และกัมมปัจจัย (๓)
[๑๒๑] สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดยอารัมมณ-
ปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย อาหารปัจจัย
และอินทรียปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดยอารัมมณปัจจัย สห-
ชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุโดยอารัมมณ-
ปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย (๓)
[๑๒๒] สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปัจฉาชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุและที่ไม่มีเหตุ
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย (๓)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร

[๑๒๓] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

โนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

ปัจจนียะ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๖๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ
เหตุทุกนัย

[๑๒๔] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๖ วาระ
นอนันตรปัจจัย ” มี ๖ วาระ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๖ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๒ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๖ วาระ ฯลฯ
นมัคคปัจจัย ” มี ๖ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๒ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๒ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๖ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๖ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

อนุโลมปัจจนียะ จบ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม
นเหตุทุกนัย

[๑๒๕] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย ” มี ๔ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย ” มี ๙ วาระ
สหชาตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย ” มี ๖ วาระ
นิสสยปัจจัย ” มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย ” มี ๙ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย ” มี ๓ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๖๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๒.สเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร

ปัจฉาชาตปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อาเสวนปัจจัย ” มี ๙ วาระ
กัมมปัจจัย ” มี ๔ วาระ
วิปากปัจจัย ” มี ๔ วาระ
อาหารปัจจัย ” มี ๔ วาระ
อินทรียปัจจัย ” มี ๔ วาระ
ฌานปัจจัย ” มี ๔ วาระ
มัคคปัจจัย ” มี ๓ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย ” มี ๖ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย ” มี ๕ วาระ
อัตถิปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย ” มี ๙ วาระ
วิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
อวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

ปัจจนียานุโลม จบ
สเหตุกทุกะ จบ

๓. เหตุสัมปยุตตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
เหตุปัจจัย
[๑๒๖] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยเหตุอาศัยสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยเหตุ
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สัมปยุตด้วยเหตุเกิดขึ้น ฯลฯ
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่วิปปยุตจากเหตุอาศัยสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยเหตุเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่สัมปยุตด้วยเหตุเกิดขึ้น ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
(ด้วยเหตุนี้ พึงขยายให้พิสดารเหมือนสเหตุกทุกะ ไม่มีข้อแตกต่างกัน)
เหตุสัมปยุตตทุกะ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๗๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๔.เหตุสเหตุกทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
๔. เหตุสเหตุกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๑๒๗] สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มี
เหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ อโทสะ อโมหะอาศัยอโลภะเกิดขึ้น (พึงผูก
เป็นจักกนัย) โมหะอาศัยโลภะเกิดขึ้น (พึงผูกเป็นจักกนัย) ในปฏิสนธิขณะ อโทสะ
อโมหะอาศัยอโลภะเกิดขึ้น (พึงผูกเป็นจักกนัย) (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์อาศัยเหตุเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็น
เหตุและที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ อโทสะ อโมหะ และสัมปยุตตขันธ์
อาศัยอโลภะเกิดขึ้น (พึงผูกเป็นจักกนัย) โมหะและสัมปยุตตขันธ์อาศัยโลภะเกิดขึ้น
(พึงผูกเป็นจักกนัย) ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
[๑๒๘] สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุ
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้น
ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุอาศัยขันธ์ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุ
แต่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และเหตุอาศัยขันธ์ ๑ ที่มี
เหตุแต่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
[๑๒๙] สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและ
ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ อโทสะ อโมหะอาศัยอโลภะ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๗๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๔.เหตุสเหตุกทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
และสัมปยุตตขันธ์เกิดขึ้น (พึงผูกเป็นจักกนัย) โมหะอาศัยโลภะและสัมปยุตตขันธ์
เกิดขึ้น (พึงผูกเป็นจักกนัย) ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและที่มีเหตุแต่
ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่มีเหตุแต่ไม่เป็น
เหตุและอาศัยเหตุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและที่มีเหตุแต่ไม่เป็ นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็น
เหตุมีเหตุและที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อโทสะ
และอโมหะอาศัยขันธ์ ๑ ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุ และอาศัยอโลภะเกิดขึ้น ฯลฯ
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
(ย่อ พึงขยายให้พิสดารอย่างนี้)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๓๐] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

อนุโลม จบ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นอธิปติปัจจัยเป็นต้น
[๑๓๑] สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุ
เกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ อโทสะ อโมหะอาศัยอโลภะเกิดขึ้น (พึงผูก
เป็นจักกนัย) ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (บริบูรณ์แล้ว มี ๙ วาระ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๗๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๔.เหตุสเหตุกทุกะ ๑.ปฏิจจวาร

นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

นกัมมปัจจัยเป็นต้น
[๑๓๒] สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุ
เกิดขึ้นเพราะนกัมมปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตเจตนาอาศัยเหตุเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้น
เพราะนกัมมปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตเจตนาอาศัยขันธ์ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและที่มีเหตุ
แต่ไม่เป็นเหตุเกิดขึ้นเพราะนกัมมปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตเจตนาอาศัยเหตุและ
สัมปยุตตขันธ์เกิดขึ้นเพราะนวิปากปัจจัย เพราะนวิปปยุตตปัจจัย

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๓๓] นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

ปัจจนียะ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๗๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๔.เหตุสเหตุกทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ
เหตุทุกนัย

[๑๓๔] นอธิปติปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๙ วาระ

(พึงนับอย่างนี้)
อนุโลมปัจจนียะ จบ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม
นอธิปติทุกนัย

[๑๓๕] เหตุปัจจัย กับนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย ” มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๙ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ

(พึงนับอย่างนี้)
ปัจจนียานุโลม จบ
(สหชาตวาร ปัจจยวาร นิสสยวาร สังสัฏฐวาร และสัมปยุตตวาร เหมือน
กับปฏิจจวาร)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๗๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๔.เหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
๔. เหตุสเหตุกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๑๓๖] สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุ
และที่มีเหตุโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ อโลภะเป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะโดยเหตุปัจจัย
(เหมือนกับปฏิจจวาร) (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุ
โดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและ
ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ อโลภะเป็นปัจจัยแก่อโทสะ อโมหะ
และสัมปยุตตขันธ์โดยเหตุปัจจัย (พึงขยายให้พิสดาร) (๓)

อารัมมณปัจจัย
[๑๓๗] สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและ
ที่มีเหตุโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภเหตุ เหตุจึงเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุ
โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภเหตุ ขันธ์ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุจึงเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและที่
มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภเหตุ เหตุและสัมปยุตต-
ขันธ์จึงเกิดขึ้น (๓)
สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุ โดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว พิจารณา
กุศลนั้น พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ออกจากฌานแล้วพิจารณาฌาน


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๗๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๔.เหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
พระอริยะออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรค พิจารณาผล พิจารณากิเลสที่ละได้แล้ว
พิจารณากิเลสที่ข่มได้แล้ว รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น บุคคลเห็นแจ้งขันธ์ที่มีเหตุแต่ไม่เป็น
เหตุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้มีความ
พรั่งพร้อมด้วยจิตที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุด้วยเจโตปริยญาณ อากาสานัญจายตนะเป็น
ปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ อากิญจัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานา-
สัญญายตนะโดยอารัมมณปัจจัย ขันธ์ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ
เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ยถากัมมูปคญาณ และอนาคตังสญาณ
โดยอารัมมณปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มี
เหตุโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน ฯลฯ (บทนี้เหมือนข้อความข้างต้น
ไม่มีข้อแตกต่างกัน) (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและ
ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน ฯลฯ (บทนี้
เหมือนข้อความข้างต้น ไม่มีข้อแตกต่างกัน) (๓)
[๑๓๘] สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภเหตุและ
สัมปยุตตขันธ์ เหตุจึงเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภเหตุและสัมปยุตตขันธ์
ขันธ์ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุจึงเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่เป็นเหตุมีเหตุและที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภ
เหตุและสัมปยุตตขันธ์ เหตุและสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น (๓)

อธิปติปัจจัย
[๑๓๙] สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและ
ที่มีเหตุโดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๗๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๔.เหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทำเหตุให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหตุจึง
เกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-
เหตุโดยอธิปติปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุ
โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทำเหตุให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ที่มี
เหตุแต่ไม่เป็นเหตุจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-
ขันธ์โดยอธิปติปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและ
ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุโดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและ
สหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทำเหตุให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหตุและ
สัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-
ขันธ์และเหตุโดยอธิปติปัจจัย (๓)
[๑๔๐] สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่
เป็นเหตุโดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว
พิจารณากุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ
ออกจากฌานแล้วพิจารณาฌานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พระอริยะออกจาก
มรรคแล้วพิจารณามรรคให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พิจารณาผลให้เป็นอารมณ์
อย่างหนักแน่น บุคคลยินดีเพลิดเพลินขันธ์ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น เพราะทำความยินดีเพลิดเพลินขันธ์นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๗๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๔.เหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-
ขันธ์โดยอธิปติปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุ
โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน ฯลฯ (บทนี้เหมือนข้อความข้างต้น
นั่นเอง)
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-
เหตุโดยอธิปติปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและ
ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุโดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและ
สหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน ฯลฯ (บทนี้เหมือนข้อความข้างต้น
นั่นเอง)
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-
ขันธ์และเหตุโดยอธิปติปัจจัย (๓)
[๑๔๑] สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาว-
ธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุโดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่
เพราะทำเหตุและสัมปยุตตขันธ์ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหตุจึงเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุโดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่
เพราะทำเหตุและสัมปยุตตขันธ์ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ที่มีเหตุแต่ไม่เป็น
เหตุจึงเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
เป็นเหตุมีเหตุและที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุโดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณา-
ธิปติ ได้แก่ เพราะทำเหตุและสัมปยุตตขันธ์ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เหตุและ
สัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น (๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๗๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๔.เหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
อนันตรปัจจัย
[๑๔๒] สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและ
ที่มีเหตุโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุที่เกิดหลัง ๆ
โดยอนันตรปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุโดย
อนันตรปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุซึ่ง
เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและ
ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุ
และสัมปยุตตขันธ์ที่เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (๓)
[๑๔๓] สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่
เป็นเหตุโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย
แก่ขันธ์ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย อนุโลมเป็นปัจจัยแก่
โคตรภู ฯลฯ อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โวทาน ฯลฯ เนวสัญญานาสัญญายตนะของ
ท่านผู้ออกจากนิโรธเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติโดยอนันตรปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุ
โดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุ
ที่เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ (ย่อ) (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและ
ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุซึ่งเกิดก่อนๆ
เป็นปัจจัยแก่เหตุและสัมปยุตตขันธ์ซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย อนุโลมเป็น
ปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ (๓)
(บทที่มีสภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นมูล มี ๓ วาระ เหมือนกัน)
[๑๔๔] สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ เหตุและสัมปยุตตขันธ์ที่
เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุที่เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (๑)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๗๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๔.เหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ เหตุและสัมปยุตตขันธ์ที่เกิดก่อน ๆ
เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่เป็นเหตุมีเหตุและที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ เหตุและ
สัมปยุตตขันธ์ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่เหตุและสัมปยุตตขันธ์ที่เกิดหลัง ๆ โดย
อนันตรปัจจัย (๓)

สหชาตปัจจัยเป็นต้น
[๑๔๕] สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุ
และที่มีเหตุโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย เป็นปัจจัยโดย
นิสสยปัจจัย (ปัจจัยทั้ง ๓ เหมือนกับเหตุปัจจัยในปฏิจจวาร)

อุปนิสสยปัจจัย
[๑๔๖] สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุ
และที่มีเหตุโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ
และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ เหตุเป็นปัจจัยแก่เหตุโดยอุปนิสสยปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่
เป็นมูล) เหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุโดยอุปนิสสยปัจจัย (พึงเพิ่ม
บทที่เป็นมูล) เหตุเป็นปัจจัยแก่เหตุและสัมปยุตตขันธ์โดยอุปนิสสยปัจจัย (พึงอ้าง
ถึงบทที่เป็นมูลแห่งวาระทั้ง ๒ อย่างนี้)
สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็น
เหตุโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ
และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ ทำสมาบัติให้
เกิดขึ้น มีมานะ ถือทิฏฐิ อาศัยศีล ฯลฯ ความปรารถนาแล้วจึงให้ทาน ฯลฯ
ทำลายสงฆ์ ศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนาเป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ ความ
ปรารถนา มรรค และผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๘๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๔.เหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
(บทที่มีสภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นมูล พึงขยายให้พิสดารด้วยเหตุนี้
ที่เหลือจากนั้น มี ๒ วาระ)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่เป็นเหตุและที่มีเหตุโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ
อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ เหตุและสัมปยุตตขันธ์เป็นปัจจัยแก่เหตุโดยอุปนิสสย-
ปัจจัย (พึงอ้างถึงมูล ๒) เหตุและสัมปยุตตขันธ์เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีเหตุแต่ไม่
เป็นเหตุโดยอุปนิสสยปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เหตุและสัมปยุตตขันธ์เป็น
ปัจจัยแก่เหตุและสัมปยุตตขันธ์โดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)

อาเสวนปัจจัย
[๑๔๗] สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุ
และที่มีเหตุโดยอาเสวนปัจจัย (ปัจจัยนี้เหมือนกับอนันตรปัจจัย)

กัมมปัจจัย
[๑๔๘] สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุแต่
ไม่เป็นเหตุโดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดย
กัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบาก
ซึ่งมีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุโดยกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มี
เหตุโดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตเหตุโดย
กัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่เหตุที่เป็นวิบาก
โดยกัมมปัจจัย (๒)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๘๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๔.เหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและ
ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุโดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
เหตุโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์และเหตุที่
เป็นวิบากโดยกัมมปัจจัย (๓)

วิปากปัจจัย
[๑๔๙] สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุ
และที่มีเหตุโดยวิปากปัจจัย ได้แก่ อโลภะที่เป็นวิบากเป็นปัจจัยแก่อโทสะและ
อโมหะโดยวิปากปัจจัย (พึงผูกเป็นจักกนัย) ในปฏิสนธิขณะ อโลภะ ... (พึง
ขยายให้พิสดารเหมือนเหตุปัจจัย พึงกำหนดว่า เป็นวิบากแม้ทั้ง ๙ วาระ )

อาหารปัจจัยเป็นต้น
[๑๕๐] สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่
เป็นเหตุโดยอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุ
โดยอินทรียปัจจัย (พึงกำหนดว่า เป็นอินทรีย์ทั้ง ๙ วาระ บริบูรณ์แล้ว)
สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุ
โดยฌานปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุ
โดยมัคคปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอัตถิปัจจัย เป็น
ปัจจัยโดยนัตถิปัจจัย เป็นปัจจัยโดยวิคตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอวิคตปัจจัย

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๕๑] เหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๘๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๔.เหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๓ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

อนุโลม จบ

๒. ปัจจนียุทธาร
[๑๕๒] สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุ
และที่มีเหตุโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุ
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและ
ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๘๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๔.เหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
[๑๕๓] สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่
เป็นเหตุโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุ
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และกัมมปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและ
ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และกัมม-
ปัจจัย (๓)
[๑๕๔] สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่มีเหตุโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสย-
ปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุมีเหตุและที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่เป็นเหตุมีเหตุและที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และ
อุปนิสสยปัจจัย (๓)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
[๑๕๕] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ (ย่อ ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ พึง
นับอย่างนี้)
ปัจจนียะ จบ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ
เหตุทุกนัย

[๑๕๖] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๓ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๘๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๔.เหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร

นอนันตรปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๓ วาระ

(ย่อ ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๓ วาระ)

นมัคคปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

อนุโลมปัจจนียะ จบ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม
นเหตุทุกนัย

[๑๕๗] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย ” มี ๙ วาระ
สหชาตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นิสสยปัจจัย ” มี ๓ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย ” มี ๙ วาระ
อาเสวนปัจจัย ” มี ๙ วาระ
กัมมปัจจัย ” มี ๓ วาระ
วิปากปัจจัย ” มี ๓ วาระ
อาหารปัจจัย ” มี ๓ วาระ
อินทรียปัจจัย ” มี ๓ วาระ
ฌานปัจจัย ” มี ๓ วาระ
มัคคปัจจัย ” มี ๓ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๘๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖.นเหตุสเหตุกทุกะ ๑.ปฏิจจวาร

สัมปยุตตปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นัตถิปัจจัย ” มี ๙ วาระ
วิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
อวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

ปัจจนียานุโลม จบ
เหตุสเหตุกทุกะ จบ

๕. เหตุเหตุสัมปยุตตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
[๑๕๘] สภาวธรรมที่เป็นเหตุและที่สัมปยุตด้วยเหตุอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุ
และที่สัมปยุตด้วยเหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ อโทสะ อโมหะอาศัยอโลภะ
เกิดขึ้น (พึงผูกเป็นจักกนัย) โมหะอาศัยโลภะเกิดขึ้น (พึงผูกเป็นจักกนัย) ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงขยายให้พิสดารเหมือนเหตุสเหตุกทุกะ ไม่มีข้อแตกต่างกัน)
เหตุเหตุสัมปยุตตทุกะ จบ

๖. นเหตุสเหตุกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๑๕๙] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุ
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเกิดขึ้น
ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๘๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖.นเหตุสเหตุกทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและที่ไม่เป็นเหตุไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่
เป็นเหตุแต่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัย
ขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๓)
[๑๖๐] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและ
ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ฯลฯ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ เกิดขึ้น
ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุ
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุอาศัย
หทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและที่ไม่เป็นเหตุไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่
ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่ไม่
เป็นเหตุแต่มีเหตุอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น กฏัตตารูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๓)
[๑๖๑] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุ
และที่ไม่เป็นเหตุไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓
อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒
ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและ
ที่ไม่เป็นเหตุไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่
ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและที่ไม่เป็นเหตุไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่
เป็นเหตุแต่มีเหตุและที่ไม่เป็นเหตุไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิ-
ขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและอาศัยมหาภูตรูป
เกิดขึ้น (๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๘๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖.นเหตุสเหตุกทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
อารัมมณปัจจัย
[๑๖๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุ
เกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุ
เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุ
เกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มี
เหตุเกิดขึ้น ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุอาศัย
หทัยวัตถุเกิดขึ้น (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและที่ไม่
เป็นเหตุไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓
อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒
ฯลฯ (ย่อ พึงจำแนกอย่างนี้)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๖๓] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๘๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖.นเหตุสเหตุกทุกะ ๑.ปฏิจจวาร

อุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๙ วาระ
(ย่อ ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)
สัมปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๔ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

อนุโลม จบ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๑๖๔] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและ
ไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑
ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ...
(พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม ไม่มีโมหะ) (๑)

นอารัมมณปัจจัย
[๑๖๕] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่
มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็น
เหตุแต่มีเหตุเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๘๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖.นเหตุสเหตุกทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุ
เกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุและไม่
มีเหตุเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและ
ที่ไม่เป็นเหตุไม่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัย
ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (ย่อ)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๖๖] นเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๙๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖.นเหตุสเหตุกทุกะ ๑.ปฏิจจวาร

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

(พึงนับอย่างนี้)
ปัจจนียะ จบ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ
เหตุทุกนัย

[๑๖๗] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย ” มี ๑ วาระ
นวิปากปัจจัย ” มี ๕ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ

(พึงนับอย่างนี้)
อนุโลมปัจจนียะ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๙๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖.นเหตุสเหตุกทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม
นเหตุทุกนัย

[๑๖๘] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ
อาหารปัจจัย ” มี ๑ วาระ ฯลฯ
ฌานปัจจัย ” มี ๑ วาระ
มัคคปัจจัย ” มี ๑ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ ฯลฯ
วิคตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
อวิคตปัจจัย ” มี ๑ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

ปัจจนียานุโลม จบ
(แม้ในสหชาตวารก็พึงนับอย่างนี้)

๖. นเหตุสเหตุกทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลมเป็นต้น
[๑๖๙] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุ
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ มหาภูตรูป ๓ ทำมหาภูตรูป ๑ ให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปทำมหาภูตรูปให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุทำหทัยวัตถุให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๙๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖.นเหตุสเหตุกทุกะ ๕.สังสัฏฐวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและที่ไม่เป็นเหตุไม่มีเหตุทำสภาวธรรมที่ไม่
เป็นเหตุและไม่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุ
แต่มีเหตุทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปทำมหาภูตรูปให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและที่ไม่เป็น
เหตุไม่มีเหตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย (ฆฏนา มี ๓ วาระ ปวัตติกาล
และปฏิสนธิกาลบริบูรณ์แล้ว ย่อ)

[๑๗๐] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

อนุโลม จบ

[๑๗๑] นเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

ปัจจนียะ จบ
(นิสสยวารเหมือนกับปัจจยวาร)

๖. นเหตุสเหตุกทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๑.ปัจจยานุโลมเป็นต้น
[๑๗๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเกิดระคนกับสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
แต่มีเหตุเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ... เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๙๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖.นเหตุสเหตุกทุกะ ๕.สังสัฏฐวาร

[๑๗๓] เหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๒ วาระ)

มัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ

อนุโลม จบ

[๑๗๔] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเกิดระคนกับสภาวธรรมที่ไม่เป็น
เหตุและไม่มีเหตุเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ... เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุ
และไม่มีเหตุ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

[๑๗๕] นเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๒ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ

ปัจจนียะ จบ
(การนับทั้ง ๒ อย่างที่เหลือพึงนับอย่างนี้
(สัมปยุตตวารเหมือนกับสังสัฏฐวาร)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๙๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖.นเหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
๖. นเหตุสเหตุกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
อารัมมณปัจจัย
[๑๗๖] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
แต่มีเหตุโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว
พิจารณากุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว
พิจารณาฌาน ฯลฯ พระอริยะออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค พิจารณาผล
พิจารณากิเลสที่ละได้แล้ว พิจารณากิเลสที่ข่มได้แล้ว รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น เห็นแจ้ง
ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น เมื่อกุศล
และอกุศลดับแล้ว จิตตุปบาทที่เป็นวิบากซึ่งไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุจึงเกิดขึ้นโดยเป็น
ตทารมณ์ บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุ
ด้วยเจโตปริยญาณ อากาสานัญจายตนะเป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ
อากิญจัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่เป็น
เหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
ยถากัมมูปคญาณ และอนาคตังสญาณโดยอารัมมณปัจจัย เพราะปรารภขันธ์ที่ไม่
เป็นเหตุแต่มีเหตุ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุจึงเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มี
เหตุโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุโดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับแล้ว จิตตุปบาทที่
เป็นวิบากซึ่งไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุจึงเกิดขึ้นโดยเป็นตทารมณ์ เพราะปรารภขันธ์ที่
ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุจึงเกิดขึ้น (๒)
[๑๗๗] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็น
เหตุและไม่มีเหตุโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ นิพพานเป็นปัจจัยแก่อาวัชชนจิตโดย
อารัมมณปัจจัย บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุและ
ไม่มีเหตุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับแล้ว


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๙๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖.นเหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
จิตตุปบาทที่เป็นวิบากซึ่งไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุจึงเกิดขึ้นโดยเป็นตทารมณ์ รูปา-
ยตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ
โดยอารัมมณปัจจัย เพราะปรารภขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุ
และไม่มีเหตุจึงเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มี
เหตุโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ พระอริยะพิจารณานิพพาน นิพพานเป็นปัจจัยแก่
โคตรภู โวทาน มรรค และผลโดยอารัมมณปัจจัย บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ
หทัยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส
จึงเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับแล้ว จิตตุปบาทที่เป็นวิบากซึ่งไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุ
จึงเกิดขึ้นโดยเป็นตทารมณ์ บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
รู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุด้วยเจโตปริยญาณ
ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพ-
นิวาสานุสสติญาณ และอนาคตังสญาณโดยอารัมมณปัจจัย เพราะปรารภขันธ์ที่ไม่
เป็นเหตุและไม่มีเหตุ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุจึงเกิดขึ้น (๒)

อธิปติปัจจัย
[๑๗๘] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
แต่มีเหตุโดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว
พิจารณากุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว
ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ออกจากฌานแล้วพิจารณาฌานให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น พระอริยะออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรคให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
พิจารณาผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น บุคคลยินดีเพลิดเพลินขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุ
แต่มีเหตุให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทำความยินดีเพลิดเพลินขันธ์นั้นให้
เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-
ขันธ์โดยอธิปติปัจจัย (๑)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๙๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖.นเหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุ
โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่เป็น
เหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุ
และที่ไม่เป็นเหตุไม่มีเหตุโดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่
อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป
โดยอธิปติปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุ
โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ พระอริยะพิจารณา
นิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค
และผลโดยอธิปติปัจจัย บุคคลยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่
เป็นเหตุและไม่มีเหตุให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทำความยินดีเพลิดเพลิน
จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น (๑)

อนันตรปัจจัย
[๑๗๙] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
แต่มีเหตุโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย อนุโลมเป็น
ปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ เนวสัญญานาสัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติโดย
อนันตรปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มี
เหตุโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ จุติจิตที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่
ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุโดยอนันตรปัจจัย ภวังคจิตที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัย
แก่อาวัชชนจิต ภวังคจิตที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่ภวังคจิตที่ไม่เป็นเหตุ
และไม่มีเหตุ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่ไม่เป็นเหตุและไม่มี
เหตุโดยอนันตรปัจจัย (๒)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๙๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖.นเหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและ
ไม่มีเหตุโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย อาวัชชนจิต
เป็นปัจจัยแก่วิญญาณ ๕ โดยอนันตรปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มี
เหตุโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ จุติจิตที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิต
ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุโดยอนันตรปัจจัย อาวัชชนจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุ
แต่มีเหตุโดยอนันตรปัจจัย ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่ไม่
เป็นเหตุแต่มีเหตุโดยอนันตรปัจจัย (๒)

สมนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๑๘๐] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
แต่มีเหตุโดยสมนันตรปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย (ในปัจจัยนี้ไม่มีฆฏนา มี
๗ วาระ) เป็นปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย
(ปวัตติกาลและปฏิสนธิกาล มี ๗ วาระ ในปัจจัยนี้ไม่มีฆฏนา)

อุปนิสสยปัจจัย
[๑๘๑] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
แต่มีเหตุโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ
และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ มีมานะ ถือทิฏฐิ
อาศัยศีล ฯลฯ ความปรารถนาแล้วให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์ ศรัทธา ฯลฯ
ความปรารถนาเป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนา มรรค และผลสมาบัติ
โดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มี
เหตุโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อนันตรูปนิสสยะและปกตูปนิสสยะ ฯลฯ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๙๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖.นเหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ ศรัทธาเป็นปัจจัยแก่สุขทางกายและทุกข์ทางกายโดย
อุปนิสสยปัจจัย ศีล ฯลฯ ความปรารถนาเป็นปัจจัยแก่สุขทางกายและทุกข์ทางกาย
โดยอุปนิสสยปัจจัย ศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนาเป็นปัจจัยแก่สุขทางกายและทุกข์
ทางกายโดยอุปนิสสยปัจจัย (๒)
[๑๘๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็น
เหตุและไม่มีเหตุโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อนันตรูปนิสสยะและปกตูป-
นิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ สุขทางกายเป็นปัจจัยแก่สุขทางกายและทุกข์ทางกาย
โดยอุปนิสสยปัจจัย ทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะเป็น
ปัจจัยแก่สุขทางกายและทุกข์ทางกายโดยอุปนิสสยปัจจัย สุขทางกาย ฯลฯ ทุกข์
ทางกาย ฯลฯ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย
และทุกข์ทางกายโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มี
เหตุโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ
และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยสุขทางกายแล้วให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์
อาศัยทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ
ทำลายสงฆ์ สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะเป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนา
ฯลฯ มรรคและผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๒)

ปุเรชาตปัจจัย
[๑๘๓] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
และไม่มีเหตุโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะ
ไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับแล้ว จิตตุปบาทที่เป็นวิบาก
ซึ่งไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุจึงเกิดขึ้นโดยเป็นตทารมณ์ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุ-
วิญญาณโดยปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดย
ปุเรชาตปัจจัย


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๙๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖.นเหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มี
เหตุโดยปุเรชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มี
เหตุโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะ และวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับแล้ว จิตตุปบาทที่เป็น
วิบากซึ่งไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุจึงเกิดขึ้นโดยเป็นตทารมณ์ บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ
ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุโดย
ปุเรชาตปัจจัย (๒)

ปัจฉาชาตปัจจัย
[๑๘๔] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
และไม่มีเหตุโดยปัจฉาชาตปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุซึ่งเกิดภายหลัง
เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดยปัจฉาชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและ
ไม่มีเหตุโดยปัจฉาชาตปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุซึ่งเกิดภายหลังเป็น
ปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดยปัจฉาชาตปัจจัย (๑)

อาเสวนปัจจัย
[๑๘๕] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
แต่มีเหตุโดยอาเสวนปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอาเสวนปัจจัย อนุโลมเป็น
ปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โวทาน ฯลฯ โคตรภูเป็นปัจจัยแก่มรรค
ฯลฯ โวทานเป็นปัจจัยแก่มรรคโดยอาเสวนปัจจัย (๑)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๐๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖.นเหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและ
ไม่มีเหตุโดยอาเสวนปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอาเสวนปัจจัย (๑)

กัมมปัจจัย
[๑๘๖] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
แต่มีเหตุโดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดย
กัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบาก
ซึ่งไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุโดยกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มี
เหตุโดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดย
กัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบาก
ซึ่งไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุและกฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุ
และที่ไม่เป็นเหตุไม่มีเหตุโดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบาก
ซึ่งไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและกฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่
มีเหตุโดยกัมมปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่เป็นเหตุและไม่


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๐๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖.นเหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ
เจตนาที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปโดยกัมม-
ปัจจัย (๑)

วิปากปัจจัย
[๑๘๗] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
แต่มีเหตุโดยวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและ
ไม่มีเหตุโดยวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ

อาหารปัจจัย
[๑๘๘] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
แต่มีเหตุโดยอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและ
ไม่มีเหตุโดยอาหารปัจจัย ได้แก่ อาหารที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอาหารปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
กวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้โดยอาหารปัจจัย (๑)

อินทรียปัจจัย
[๑๘๙] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
แต่มีเหตุโดยอินทรียปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่
มีเหตุโดยอินทรียปัจจัย ได้แก่ อินทรีย์ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอินทรียปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
รูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยอินทรียปัจจัย


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๐๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖.นเหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
ฌานปัจจัยเป็นต้น
[๑๙๐] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
แต่มีเหตุโดยฌานปัจจัย ฯลฯ (พึงเพิ่มแม้ทั้ง ๔ วาระ) เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี
๓ วาระ

สัมปยุตตปัจจัย
[๑๙๑] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
แต่มีเหตุโดยสัมปยุตตปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่
ขันธ์ ๓ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและ
ไม่มีเหตุโดยสัมปยุตตปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัย
แก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)

วิปปยุตตปัจจัย
[๑๙๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
และไม่มีเหตุโดยวิปปยุตตปัจจัยมี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดย
วิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน
โดยวิปปยุตตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและ
ไม่มีเหตุโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป
โดยวิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์เป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุโดยวิปปยุตต-
ปัจจัย หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์โดยวิปปยุตตปัจจัย


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๐๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖.นเหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุโดย
วิปปยุตตปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิด
ก่อนโดยวิปปยุตตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุ
โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มี
เหตุโดยวิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุโดยวิปป-
ยุตตปัจจัย (๒)

อัตถิปัจจัย
[๑๙๓] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
แต่มีเหตุโดยอัตถิปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓
ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มี
เหตุโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มี
เหตุและที่ไม่เป็นเหตุไม่มีเหตุโดยอัตถิปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุ
เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและ
ไม่มีเหตุโดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ
และอินทรียะ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๐๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖.นเหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม)
ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง
ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับแล้ว จิตตุปบาทที่เป็นวิบากซึ่งไม่เป็น
เหตุและไม่มีเหตุจึงเกิดขึ้นโดยเป็นตทารมณ์ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ
ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุโดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อน
ฯลฯ กวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้ ฯลฯ รูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูป
โดยอัตถิปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มี
เหตุโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มี
เหตุโดยอัตถิปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง
ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น เมื่อกุศลและอกุศลดับแล้ว จิตตุปบาทที่เป็นวิบากซึ่งไม่เป็น
เหตุแต่มีเหตุจึงเกิดขึ้นโดยเป็นตทารมณ์ บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วย
ทิพพโสตธาตุ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุโดย
อัตถิปัจจัย (๒)
[๑๙๔] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและที่ไม่เป็นเหตุไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและ
ปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่
ขันธ์ ๓ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและหทัย
วัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ (๑)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๐๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖.นเหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและที่ไม่เป็นเหตุไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุโดยอัตถิปัจจัย มี ๔ อย่าง คือ สหชาตะ ปัจฉาชาตะ
อาหาระ และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและมหาภูตรูปเป็นปัจจัยแก่จิตต-
สมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและกวฬิงกาหารเป็นปัจจัยแก่
กายนี้โดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและรูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่
กฏัตตารูปโดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ (๒)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๙๕] อารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๗ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๔ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๔ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๐๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖.นเหตุสเหตุกทุกะ ๗.ปัญหาวาร

อินทรียปัจจัย มี ๔ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๔ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๔ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

อนุโลม จบ

๒. ปัจจนียุทธาร
[๑๙๖] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
แต่มีเหตุโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มี
เหตุโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย และ
กัมมปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุ
และที่ไม่เป็นเหตุไม่มีเหตุโดยสหชาตปัจจัยและกัมมปัจจัย (๓)
[๑๙๗] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็น
เหตุและไม่มีเหตุโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย
ปัจฉาชาตปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุ
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย (๒)
[๑๙๘] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและที่ไม่เป็นเหตุไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุโดยสหชาตปัจจัยและปุเรชาตปัจจัย (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๐๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๗.สัปปัจจยทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุและที่ไม่เป็นเหตุไม่มีเหตุเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุโดยสหชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย อาหารปัจจัย และ
อินทรียปัจจัย (๒)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๙๙] นเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ

(ย่อ ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๗ วาระ)

นสหชาตปัจจัย มี ๖ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๗ วาระ)

นสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
โนอัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ
โนอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

ปัจจนียะ จบ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ
อารัมมณทุกนัย

[๒๐๐] นเหตุปัจจัย กับอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๔ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๐๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๗.สัปปัจจยทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
นอนันตรปัจจัย กับอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ
(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๔ วาระ)

โนนัตถิปัจจัย ” มี ๔ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๔ วาระ
โนอวิคตปัจจัย ” มี ๔ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

อนุโลมปัจจนียะ จบ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม
นเหตุทุกนัย

[๒๐๑] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ
อธิปติปัจจัย ” มี ๔ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี ๗ วาระ

ปัจจยานุโลม จบ นเหตุสเหตุกทุกะ จบ
เหตุโคจฉกะ จบ

๒. จูฬันตรทุกะ
๗. สัปปัจจยทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑-๔. ปัจจยานุโลมเป็นต้น
[๑] สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งอาศัยสภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่มีปัจจัยปรุงแต่ง
เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทัยวัตถุอาศัยขันธ์เกิดขึ้น
ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปและ
กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๐๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๗.สัปปัจจยทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งอาศัยสภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

[๒] เหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ

อนุโลม จบ
[๓] สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งอาศัยสภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้น
เพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่ง
มีปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ
(พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคต
ด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (ย่อ)

[๔] นเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ
โนวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ

ปัจจนียะ จบ

[๕] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๑ วาระ ฯลฯ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๑ วาระ

อนุโลมปัจจนียะ จบ

[๖] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๑ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี ๑ วาระ

ปัจจนียานุโลม จบ
(สหชาตวารเหมือนกับปฏิจจวาร)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๑๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๗.สัปปัจจยทุกะ ๗.ปัญหาวาร
๗. สัปปัจจยทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
[๗] สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งทำสภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ ๑ ที่มีปัจจัย
ปรุงแต่งให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทัยวัตถุทำขันธ์ให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ
ขันธ์ที่มีปัจจัยปรุงแต่งทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งทำสภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย (ย่อ)
(พึงขยายปัจจยวาร นิสสยวาร สังสัฏฐวาร และสัมปยุตตวารให้พิสดารอย่างนี้
ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๑ วาระเท่านั้น)

๗. สัปปัจจยทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๘] สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งโดย
เหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่มีปัจจัยปรุงแต่งเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตต-
สมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

อารัมมณปัจจัย
[๙] สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่ง
โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว
พิจารณากุศลนั้น พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออกจากฌานแล้ว ฯลฯ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๑๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๗.สัปปัจจยทุกะ ๗.ปัญหาวาร
พระอริยะออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค พิจารณาผล พิจารณากิเลสที่ละได้
แล้ว พิจารณากิเลสที่ข่มได้แล้ว รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ
หทัยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ที่มีปัจจัยปรุงแต่งโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิด
ขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ รู้จิตของบุคคลผู้มีความ
พรั่งพร้อมด้วยจิตที่มีปัจจัยปรุงแต่งด้วยเจโตปริยญาณ อากาสานัญจายตนะเป็น
ปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ อากิญจัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญา-
นาสัญญายตนะ ฯลฯ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ที่มีปัจจัยปรุงแต่งเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ
เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ยถากัมมูปคญาณ อนาคตังสญาณ
และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ พระอริยะพิจารณานิพพาน นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู
โวทาน มรรค ผล และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๑)

อธิปติปัจจัย
[๑๐] สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่ง
โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว
พิจารณากุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว
ออกจากฌาน ฯลฯ พระอริยะออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น พิจารณาผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ บุคคลยินดีเพลิดเพลิน
จักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ที่มีปัจจัยปรุงแต่งให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
เพราะทำความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะ
จึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๑)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๑๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๗.สัปปัจจยทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่งเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งโดย
อธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ พระอริยะพิจารณา
นิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค
และผลโดยอธิปติปัจจัย (๑)

อนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๑๑] สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งโดย
อนันตรปัจจัย ฯลฯ เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย ฯลฯ (บทที่มีอุปนิสสยปัจจัย
เป็นมูล มี ๒ วาระ) เป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ เป็นปัจจัยโดยอวิคตปัจจัย
(ทุกปัจจัย มีปัจจัยละ ๑ วาระเท่านั้น)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๒] เหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๑ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๑ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

อนุโลม จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๑๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๗.สัปปัจจยทุกะ ๗.ปัญหาวาร
๒. ปัจจนียุทธาร
[๑๓] สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่ง
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย
กัมมปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่งเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งโดย
อารัมมณปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย (๑)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร

[๑๔] นเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ
โนวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ
โนอวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

ปัจจนียะ จบ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ
เหตุทุกนัย

[๑๕] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๑ วาระ
นอนันตรปัจจัย ” มี ๑ วาระ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๑ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๑ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๑๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘.สังขตทุกะ ๑.ปฏิจจวาร

นอุปนิสสยปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๑ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๑ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

อนุโลมปัจจนียะ จบ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม
นเหตุทุกนัย

[๑๖] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ
อธิปติปัจจัย ” มี ๒ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๑ วาระ ฯลฯ
อุปนิสสยปัจจัย ” มี ๒ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย ” มี ๑ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี ๑ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

ปัจจนียานุโลม จบ สัปปัจจยทุกะ จบ

๘. สังขตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
เหตุปัจจัย
[๑๗] สภาวธรรมที่ปัจจัยปรุงแต่งอาศัยสภาวธรรมที่ปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้น
ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทัยวัตถุอาศัยขันธ์เกิดขึ้น ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น
... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปอาศัย
มหาภูตรูปเกิดขึ้น (พึงนับทุกะนี้ให้เหมือนกับสัปปัจจยทุกะ ไม่มีข้อแตกต่างกัน)
สังขตทุกะ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๑๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙.สนิทัสสนทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
๙. สนิทัสสนทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๑๘] สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปที่เห็นไม่ได้อาศัยขันธ์ ๑ ที่เห็นไม่ได้เกิดขึ้น ฯลฯ
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูปที่เห็นไม่ได้อาศัย
ขันธ์ ๑ ที่เห็นไม่ได้เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ หทัยวัตถุอาศัยขันธ์เกิดขึ้น
ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปและ
กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งเห็นไม่ได้อาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เห็นได้อาศัยสภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
จิตตสมุฏฐานรูปที่เห็นได้อาศัยขันธ์ที่เห็นไม่ได้เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ จิตต-
สมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งเห็นได้อาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เห็นได้และที่เห็นไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเหตุ-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปที่เห็นได้และที่เห็นไม่ได้อาศัยขันธ์ ๑ ที่
เห็นไม่ได้เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป
และกฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งเห็นได้และเห็นไม่ได้อาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๓)

อารัมมณปัจจัย
[๑๙] สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เห็นไม่ได้เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๑)

อธิปติปัจจัย
[๒๐] สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะอธิปติ-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปที่เห็นไม่ได้อาศัยขันธ์ ๑ ที่เห็นไม่ได้เกิดขึ้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๑๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙.สนิทัสสนทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ เกิดขึ้น ฯลฯ
อาศัยมหาภูตรูป ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งเห็นไม่ได้อาศัย
มหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เห็นได้อาศัยสภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะอธิปติปัจจัย ได้แก่
จิตตสมุฏฐานรูปที่เห็นได้อาศัยขันธ์ที่เห็นไม่ได้เกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็น
อุปาทายรูปซึ่งเห็นได้อาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เห็นได้และที่เห็นไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะ
อธิปติปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปที่เห็นได้และที่เห็นไม่ได้อาศัยขันธ์
๑ ที่เห็นไม่ได้เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทายรูป
ซึ่งเห็นได้และเห็นไม่ได้อาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๓) (ย่อ พึงเพิ่มทุกปัจจัย)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๒๑] เหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๓ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๓ วาระ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๑๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙.สนิทัสสนทุกะ ๑.ปฏิจจวาร

มัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๑ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

อนุโลม จบ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๒๒] สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปที่เห็นไม่ได้อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งเห็นไม่ได้
เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ หทัยวัตถุ
อาศัยขันธ์เกิดขึ้น ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตต-
สมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งเห็นไม่ได้อาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ...
ที่เป็นภายนอก ฯลฯ ที่มีอาหารเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ ที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ
สำหรับเหล่าอสัญญสัตตพรหม ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เห็นได้อาศัยสภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่
จิตตสมุฏฐานรูปที่เห็นได้อาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งเห็นไม่ได้เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งเห็นได้อาศัยมหาภูตรูป
เกิดขึ้น ... ที่เป็นภายนอก ฯลฯ ที่มีอาหารเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ ที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน
ฯลฯ สำหรับเหล่าอสัญญสัตตพรหม กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งเห็นได้อาศัย
มหาภูตรูปเกิดขึ้น (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๑๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙.สนิทัสสนทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่เห็นได้และที่เห็นไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะ
นเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปที่เห็นได้และที่เห็นไม่ได้อาศัยขันธ์
๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งเห็นไม่ได้เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
อาศัยมหาภูตรูป ฯลฯ ที่เป็นภายนอก ฯลฯ ที่มีอาหารเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ ที่มี
อุตุเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ สำหรับเหล่าอสัญญสัตตพรหม กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูป
ซึ่งเห็นได้และเห็นไม่ได้อาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๓) (พึงเพิ่มทุกปัจจัยอย่างนี้)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๒๓] นเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๓ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๓ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๑๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙.สนิทัสสนทุกะ ๑.ปฏิจจวาร

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

ปัจจนียะ จบ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ
เหตุทุกนัย

[๒๔] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๓ วาระ

(ทุกปัจจัย มีปัจจัยละ ๓ วาระ)

นกัมมปัจจัย ” มี ๑ วาระ
นวิปากปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ

อนุโลมปัจจนียะ จบ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม
นเหตุทุกนัย

[๒๕] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๑ วาระ
สมนันตรปัจจัย ” มี ๑ วาระ
สหชาตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย ” มี ๑ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๒๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙.สนิทัสสนทุกะ ๓.ปัจจยวาร

นิสสยปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย ” มี ๑ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
อาเสวนปัจจัย ” มี ๑ วาระ
กัมมปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯ
ฌานปัจจัย ” มี ๓ วาระ
มัคคปัจจัย ” มี ๑ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
อัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นัตถิปัจจัย ” มี ๑ วาระ
วิคตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
อวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ

ปัจจนียานุโลม จบ
(สหชาตวารเหมือนกับปฏิจจวาร)

๙. สนิทัสสนทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม
เหตุปัจจัย
[๒๖] สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้ทำสภาวธรรมที่เห็นไม่ได้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปที่เห็นไม่ได้ทำขันธ์ ๑ ที่เห็นไม่
ได้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทัยวัตถุทำ
ขันธ์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำมหาภูตรูป ๑
ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งเห็นไม่ได้ทำมหาภูตรูปให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่เห็นไม่ได้ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (พึงเพิ่ม ๒ วาระ
แม้นอกนี้)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๒๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙.สนิทัสสนทุกะ ๓.ปัจจยวาร
อารัมมณปัจจัย
[๒๗] สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้ทำสภาวธรรมที่เห็นไม่ได้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ ... ทำขันธ์ ๑ ที่เห็นไม่ได้ ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จักขุวิญญาณทำ
จักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ขันธ์ที่เห็นไม่ได้ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ย่อ)

[๒๘] เหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

อนุโลม จบ

๒. ปัจจยปัจจนียะ
นเหตุปัจจัย
[๒๙] สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้ทำสภาวธรรมที่เห็นไม่ได้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ
นเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปที่เห็นไม่ได้ทำขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุ
ซึ่งเห็นไม่ได้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็น
อเหตุกะ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) จักขุวิญญาณทำจักขา-
ยตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งเห็นไม่ได้ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น โมหะที่สหรคตด้วย
วิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะทำขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ
และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (พึงเพิ่ม ๒ วาระนอกนี้ ย่อ)

[๓๐] นเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

ปัจจนียะ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๒๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙.สนิทัสสนทุกะ ๕.สังสัฏฐวาร
๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๓๑] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ
นกัมมปัจจัย ” มี ๑ วาระ ฯลฯ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ

อนุโลมปัจจนียะ จบ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๓๒] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ
มัคคปัจจัย ” มี ๑ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ

ปัจจนียานุโลม จบ
(พึงเพิ่มนิสสยวารอย่างนี้)

๙. สนิทัสสนทุกะ ๕. สังสัฎฐวาร
๑. ปัจจยานุโลม
[๓๓] สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เกิดระคนกับสภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๓ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่เห็นไม่ได้ ฯลฯ เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เกิดระคนกับสภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เพราะอารัมมณปัจจัย
(พึงเพิ่มบททั้งหมดกับการนับสภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งอย่างนี้)
(สัมปยุตตวารเหมือนกับสังสัฏฐวาร)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๒๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙.สนิทัสสนทุกะ ๗.ปัญหาวาร
๙. สนิทัสสนทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๓๔] สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้โดยเหตุปัจจัย
ได้แก่ เหตุที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปที่เห็นไม่ได้โดย
เหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นได้โดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุ
ที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่เห็นได้โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นได้และที่เห็นไม่ได้โดยเหตุ-
ปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปที่เห็นได้
และที่เห็นไม่ได้โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)

อารัมมณปัจจัย
[๓๕] สภาวธรรมที่เห็นได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้โดยอารัมมณปัจจัย
ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งรูปที่เห็นได้โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น
บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณโดยอารัมมณปัจจัย
ขันธ์ที่เห็นได้เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อนาคตังสญาณ
และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้โดยอารัมมณปัจจัย
ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้วพิจารณากุศลนั้น พิจารณา
กุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ออกจากฌานแล้วพิจารณาฌาน พระอริยะออกจากมรรค
แล้วพิจารณามรรค พิจารณาผล พิจารณานิพพาน นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู
โวทาน มรรค ผล และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย พระอริยะพิจารณากิเลส
ที่ละได้แล้ว พิจารณากิเลสที่ข่มได้แล้ว รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๒๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙.สนิทัสสนทุกะ ๗.ปัญหาวาร
กาย ฯลฯ เสียง ฯลฯ หทัยวัตถุและขันธ์ที่เห็นไม่ได้โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ
โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ รู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่ง
พร้อมด้วยจิตที่เห็นไม่ได้ด้วยเจโตปริยญาณ อากาสานัญจายตนะเป็นปัจจัยแก่
วิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ อากิญจัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญา-
ยตนะ ฯลฯ สัททายตนะเป็นปัจจัยแก่โสตวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ
เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ยถากัมมูปคญาณ อนาคตังสญาณ
และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๑)

อธิปติปัจจัย
[๓๖] สภาวธรรมที่เห็นได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้โดยอธิปติปัจจัย
มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลยินดีเพลิดเพลินรูปที่เห็นได้ให้เป็น
อารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทำความยินดีเพลิดเพลินรูปนั้นให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้โดยอธิปติปัจจัย มี
๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้วพิจารณา
กุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออก
จากฌาน ฯลฯ พระอริยะออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น พิจารณาผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พิจารณานิพพานให้เป็น
อารมณ์อย่างหนักแน่น นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค และผลโดย
อธิปติปัจจัย บุคคลยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุและขันธ์ที่เห็นไม่ได้ให้
เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทำความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็น
อารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปที่เห็นไม่ได้โดยอธิปติปัจจัย (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๒๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙.สนิทัสสนทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นได้โดยอธิปติปัจจัย มี
อย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่จิตต-
สมุฏฐานรูปที่เห็นได้โดยอธิปติปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นได้และที่เห็นไม่ได้โดยอธิปติ-
ปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัย
แก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปที่เห็นได้และที่เห็นไม่ได้โดยอธิปติปัจจัย (๓)

อนันตรปัจจัย
[๓๗] สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้โดยอนันตรปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ที่เห็นไม่ได้ซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เห็นไม่ได้ซึ่งเกิดหลัง ๆ โดย
อนันตรปัจจัย อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ โคตรภูเป็นปัจจัยแก่มรรค ฯลฯ
เนวสัญญานาสัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติโดยอนันตรปัจจัย (๑)

สมนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๓๘] สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้โดยสมนันตร-
ปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ เป็นปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย
มี ๑ วาระ เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

อุปนิสสยปัจจัย
[๓๙] สภาวธรรมที่เห็นได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้โดยอุปนิสสยปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะและปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเมื่อปรารถนาวรรณสมบัติจึงให้ทาน สมาทานศีล
รักษาอุโบสถ วรรณสมบัติเป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนา สุขทางกาย
ทุกข์ทางกาย มรรค และผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้โดยอุปนิสสยปัจจัย มี
๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันนตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๒๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙.สนิทัสสนทุกะ ๗.ปัญหาวาร
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ ทำสมาบัติ
ให้เกิดขึ้น มีมานะ ถือทิฏฐิ ... อาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้วให้ทาน ฯลฯ
ทำลายสงฆ์ ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะเป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ ผลสมาบัติโดย
อุปนิสสยปัจจัย (๑)

ปุเรชาตปัจจัย
[๔๐] สภาวธรรมที่เห็นได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้โดยปุเรชาตปัจจัย
ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งรูปที่เห็นได้โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคล
เห็นรูปด้วยทิพพจักขุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณโดยปุเรชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้โดยปุเรชาตปัจจัย มี
๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะ
ไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ สัททายตนะ
เป็นปัจจัยแก่โสตวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดย
ปุเรชาตปัจจัย
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายา-
ยตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เห็นไม่ได้โดย
ปุเรชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เห็นได้และที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้โดย
ปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ รูปายตนะและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เห็นไม่ได้โดย
ปุเรชาตปัจจัย รูปายตนะและจักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณโดยปุเรชาต-
ปัจจัย (๑)

ปัจฉาชาตปัจจัย
[๔๑] สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้โดยปัจฉาชาต-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่เห็นไม่ได้ซึ่งเกิดภายหลังเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งเห็นไม่
ได้โดยปัจฉาชาตปัจจัย (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๒๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙.สนิทัสสนทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นได้โดยปัจฉาชาตปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ที่เห็นไม่ได้ซึ่งเกิดภายหลังเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งเห็นได้โดยปัจฉาชาต-
ปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นได้และที่เห็นไม่ได้โดย
ปัจฉาชาตปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่เห็นไม่ได้ซึ่งเกิดภายหลังเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิด
ก่อนซึ่งเห็นได้และเห็นไม่ได้โดยปัจฉาชาตปัจจัย (๓)

อาเสวนปัจจัย
[๔๒] สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้โดยอาเสวน-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่เห็นไม่ได้ซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เห็นไม่ได้ซึ่งเกิด
หลัง ๆ ฯลฯ อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โวทาน โคตรภูเป็น
ปัจจัยแก่มรรค โวทานเป็นปัจจัยแก่มรรคโดยอาเสวนปัจจัย (๑)

กัมมปัจจัย
[๔๓] สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้โดยกัมมปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตต-
สมุฏฐานรูปที่เห็นไม่ได้โดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบากและ
กฏัตตารูปที่เห็นไม่ได้โดยกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นได้โดยกัมมปัจจัย มี ๒
อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ (พึงขยายให้พิสดาร) (๒)
สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นได้และที่เห็นไม่ได้โดย
กัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ (พึงขยายให้พิสดาร) (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๒๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙.สนิทัสสนทุกะ ๗.ปัญหาวาร
วิปากปัจจัยเป็นต้น
[๔๔] สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้โดยวิปากปัจจัย
มี ๓ วาระ เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย มี ๓ วาระ (พึงเพิ่มกวฬิงการาหารทั้ง ๓
วาระ) เป็นปัจจัยโดยอินทรียปัจจัย มี ๓ วาระ (พึงเพิ่มรูปชีวิตินทรีย์ทั้ง ๓ วาระ)
เป็นปัจจัยโดยฌานปัจจัย มี ๓ วาระ เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
เป็นปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ

วิปปยุตตปัจจัย
[๔๕] สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้โดยวิปปยุตต-
ปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่เห็นไม่ได้โดย
วิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปที่เห็นไม่
ได้โดยวิปปยุตตปัจจัย ขันธ์เป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุโดยวิปปยุตตปัจจัย หทัยวัตถุ
เป็นปัจจัยแก่ขันธ์โดยวิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เห็นไม่ได้โดย
วิปปยุตตปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งเห็นไม่ได้
โดยวิปปยุตตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นได้โดยวิปปยุตตปัจจัย มี
๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่เห็นได้โดย
วิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งเห็นได้โดย
วิปปยุตตปัจจัย (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๒๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙.สนิทัสสนทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นได้และที่เห็นไม่ได้โดย
วิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่เห็นได้และที่
เห็นไม่ได้โดยวิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งเห็นได้และ
เห็นไม่ได้โดยวิปปยุตตปัจจัย (๓)

อัตถิปัจจัยเป็นต้น
[๔๖] สภาวธรรมที่เห็นได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้โดยอัตถิปัจจัย
ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งรูปที่เห็นได้โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น
บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณโดยอัตถิปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้โดยอัตถิปัจจัย มี ๕
อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐาน-
รูปที่เห็นไม่ได้โดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (ย่อ พึงเพิ่มข้อความ
จนถึงอสัญญสัตตพรหม)
ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง
ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ สัททายตนะเป็นปัจจัยแก่
โสตวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ จักขายตนะ
เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ
หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เห็นไม่ได้โดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งเห็นไม่ได้
โดยอัตถิปัจจัย
กวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เห็นไม่ได้โดยอัตถิปัจจัย รูปชีวิตินทรีย์เป็น
ปัจจัยแก่กฏัตตารูปที่เห็นไม่ได้โดยอัตถิปัจจัย (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๓๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙.สนิทัสสนทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นได้โดยอัตถิปัจจัย มี ๔
อย่าง คือ สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่เห็นได้โดย
อัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ มหาภูตรูปเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปและ
กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งเห็นได้โดยอัตถิปัจจัย ... ที่เป็นภายนอก ฯลฯ ที่มี
อาหารเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ ที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ สำหรับเหล่าอสัญญสัตต-
พรหม มหาภูตรูปเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งเห็นได้โดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งเห็นได้โดย
อัตถิปัจจัย
กวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เห็นได้โดยอัตถิปัจจัย รูปชีวิตินทรีย์เป็น
ปัจจัยแก่กฏัตตารูปที่เห็นได้โดยอัตถิปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นได้และที่เห็นไม่ได้โดย
อัตถิปัจจัย มี ๔ อย่าง คือ สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-
สมุฏฐานรูปที่เห็นได้และที่เห็นไม่ได้โดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ มหาภูตรูปเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่เป็น
อุปาทายรูปซึ่งเห็นได้และเห็นไม่ได้โดยอัตถิปัจจัย ... ที่เป็นภายนอก ฯลฯ ที่มี
อาหารเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ ที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ สำหรับเหล่าอสัญญสัตต-
พรหม มหาภูตรูปเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งเห็นได้และเห็นไม่ได้
โดยอัตถิปัจจัย (๓)
[๔๗] สภาวธรรมที่เห็นได้และที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้
โดยอัตถิปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปุเรชาตะ ได้แก่ รูปายตนะและหทัยวัตถุเป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ที่เห็นไม่ได้โดยอัตถิปัจจัย รูปายตนะและจักขายตนะเป็นปัจจัยแก่
จักขุวิญญาณโดยอัตถิปัจจัย เป็นปัจจัยโดยนัตถิปัจจัย เป็นปัจจัยโดยวิคตปัจจัย
เป็นปัจจัยโดยอวิคตปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๓๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙.สนิทัสสนทุกะ ๗.ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๔๘] เหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๑ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๓ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๓ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๓ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๑ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

อนุโลม จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๓๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙.สนิทัสสนทุกะ ๗.ปัญหาวาร
๒. ปัจจนียุทธาร
[๔๙] สภาวธรรมที่เห็นได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้โดยอารัมมณปัจจัย
และอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้โดยอารัมมณปัจจัย
สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย กัมมปัจจัย
อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นได้โดยสหชาตปัจจัย
ปัจฉาชาตปัจจัย กัมมปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นได้และที่เห็นไม่ได้โดย
สหชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย กัมมปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่เห็นได้และที่เห็นไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เห็นไม่ได้โดยปุเร-
ชาตปัจจัย (๑)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๕๐] นเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๕ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๕ วาระ
นสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ
นนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ

(ทุกปัจจัย มีปัจจัยละ ๕ วาระ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๓๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙.สนิทัสสนทุกะ ๗.ปัญหาวาร

นสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ
โนอัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ
โนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ

ปัจจนียะ จบ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ
เหตุทุกนัย

[๕๑] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอนันตรปัจจย ” มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ

อนุโลมปัจจนียะ จบ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม
นเหตุทุกนัย

[๕๒] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ
อธิปติปัจจัย ” มี ๔ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๑ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๓๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐.สัปปฏิฆทุกะ ๑.ปฏิจจวาร

สมนันตรปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
สหชาตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย ” มี ๑ วาระ
นิสสยปัจจัย ” มี ๓ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย ” มี ๒ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
อาเสวนปัจจัย ” มี ๑ วาระ
กัมมปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯ
มัคคปัจจัย ” มี ๓ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
อัตถิปัจจัย ” มี ๕ วาระ
นัตถิปัจจัย ” มี ๑ วาระ
วิคตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
อวิคตปัจจัย ” มี ๕ วาระ

ปัจจนียานุโลม จบ สนิทัสสนทุกะ จบ

๑๐. สัปปฏิฆทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๕๓] สภาวธรรมที่กระทบได้อาศัยสภาวธรรมที่กระทบได้เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่กระทบได้เกิดขึ้น มหาภูตรูป ๑
อาศัยมหาภูตรูป ๒ เกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่ง
กระทบได้อาศัยมหาภูตรูปที่กระทบได้เกิดขึ้น จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะอาศัย
โผฏฐัพพายตนะเกิดขึ้น (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๓๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐.สัปปฏิฆทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่กระทบได้เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ อาโปธาตุอาศัยมหาภูตรูปที่กระทบได้เกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูป
ที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งกระทบไม่ได้อาศัยมหาภูตรูปที่กระทบได้เกิดขึ้น อาโปธาตุ
อิตถินทรีย์ ฯลฯ กวฬิงการาหารอาศัยโผฏฐัพพายตนะเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่กระทบได้เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ มหาภูตรูป ๒ และอาโปธาตุอาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่กระทบ
ได้เกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่เป็น
อุปาทายรูปซึ่งกระทบได้และกระทบไม่ได้อาศัยมหาภูตรูปที่กระทบได้เกิดขึ้น จักขา-
ยตนะ ฯลฯ รสายตนะ อาโปธาตุ อิตถินทรีย์ ฯลฯ กวฬิงการาหารอาศัย
โผฏฐัพพายตนะเกิดขึ้น (๓)
[๕๔] สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปที่กระทบไม่ได้อาศัยขันธ์ ๑ ที่กระทบ
ไม่ได้เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทัยวัตถุอาศัย
ขันธ์เกิดขึ้น ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่เป็น
อุปาทายรูปซึ่งกระทบไม่ได้อาศัยอาโปธาตุเกิดขึ้น อิตถินทรีย์ ฯลฯ กวฬิงการาหาร
อาศัยอาโปธาตุเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่กระทบได้อาศัยสภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปที่กระทบได้อาศัยขันธ์ที่กระทบไม่ได้เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ มหาภูตรูปที่กระทบได้อาศัยอาโปธาตุเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูป
ที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งกระทบได้อาศัยอาโปธาตุเกิดขึ้น จักขายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพา-
ยตนะอาศัยอาโปธาตุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปที่กระทบได้และที่กระทบไม่
ได้อาศัยขันธ์ ๑ ที่กระทบไม่ได้เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งกระทบได้และกระทบไม่ได้
อาศัยอาโปธาตุเกิดขึ้น จักขายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ อิตถินทรีย์ ฯลฯ
กวฬิงการาหารอาศัยอาโปธาตุเกิดขึ้น (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๓๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐.สัปปฏิฆทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
[๕๕] สภาวธรรมที่กระทบได้อาศัยสภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้เกิด
ขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปที่กระทบได้อาศัยขันธ์ที่กระทบไม่ได้และ
อาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑
ที่กระทบได้และอาศัยอาโปธาตุเกิดขึ้น ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่
เป็นอุปาทายรูปซึ่งกระทบได้อาศัยมหาภูตรูปที่กระทบได้และอาศัยอาโปธาตุเกิดขึ้น
จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะอาศัยโผฏฐัพพายตนะและอาโปธาตุเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปที่กระทบไม่ได้อาศัยขันธ์ที่กระทบได้และ
อาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปที่กระทบไม่ได้อาศัยขันธ์ที่
กระทบไม่ได้และอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่เป็น
อุปาทายรูปซึ่งกระทบไม่ได้อาศัยโผฏฐัพพายตนะและอาโปธาตุเกิดขึ้น อิตถินทรีย์
ฯลฯ กวฬิงการาหารอาศัยโผฏฐัพพายตนะและอาโปธาตุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่กระทบได้และที่
กระทบไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปที่กระทบได้และที่กระทบ
ไม่ได้อาศัยขันธ์ที่กระทบไม่ได้ และอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
กฏัตตารูปที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้อาศัยขันธ์ที่กระทบไม่ได้ และอาศัยมหา-
ภูตรูปเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งกระทบได้และ
กระทบไม่ได้อาศัยโผฏฐัพพายตนะและอาโปธาตุเกิดขึ้น จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ
อิตถินทรีย์ ฯลฯ กวฬิงการาหารอาศัยโผฏฐัพพายตนะและอาโปธาตุเกิดขึ้น (๓)

อารัมมณปัจจัยเป็นต้น
[๕๖] สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่กระทบไม่ได้เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น

อธิปติปัจจัยเป็นต้น
[๕๗] สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่กระทบได้เกิดขึ้นเพราะ
อธิปติปัจจัย (พึงเว้นปฏิสนธิและกฏัตตารูป) เพราะอนันตรปัจจัย ฯลฯ เพราะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๓๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐.สัปปฏิฆทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
สมนันตรปัจจัย ฯลฯ เพราะสหชาตปัจจัย ฯลฯ (พึงเพิ่มมหาภูตรูปทั้งหมด)
เพราะอัญญมัญญปัจจัย ฯลฯ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่กระทบได้
เกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๒ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่กระทบได้เกิดขึ้นเพราะอัญญมัญญ-
ปัจจัย ได้แก่ อาโปธาตุ ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูปที่กระทบได้เกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่กระทบได้เกิดขึ้น
เพราะอัญญมัญญปัจจัย ได้แก่ มหาภูตรูป ๒ และอาโปธาตุอาศัยมหาภูตรูป ๑
ที่กระทบได้เกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๒ ฯลฯ (๓)
[๕๘] สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เกิดขึ้นเพราะ
อัญญมัญญปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่กระทบไม่ได้เกิดขึ้น ฯลฯ
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทัยวัตถุอาศัยขันธ์เกิดขึ้น ขันธ์
อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่กระทบได้อาศัยสภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เกิดขึ้นเพราะอัญญมัญญ-
ปัจจัย ได้แก่ มหาภูตรูปที่กระทบได้อาศัยอาโปธาตุเกิดขึ้น (พึงเพิ่มมหาภูตรูปที่
เป็นภายในและภายนอกเหล่านี้เข้าด้วย) (๒)
สภาวธรรมที่กระทบได้อาศัยสภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้เกิดขึ้น
เพราะอัญญมัญญปัจจัย ได้แก่ มหาภูตรูป ๒ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่กระทบได้
และอาศัยอาโปธาตุเกิดขึ้น ฯลฯ เพราะนิสสยปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๕๙] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๓๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐.สัปปฏิฆทุกะ ๑.ปฏิจจวาร

สมนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๑ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๙ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๑ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

อนุโลม จบ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๖๐] สภาวธรรมที่กระทบได้อาศัยสภาวธรรมที่กระทบได้เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปที่กระทบไม่ได้อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอเหตุกะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๓๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐.สัปปฏิฆทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
ซึ่งกระทบไม่ได้เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ
ฯลฯ หทัยวัตถุอาศัยขันธ์เกิดขึ้น ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูป
และกฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งกระทบไม่ได้ อาศัยอาโปธาตุเกิดขึ้น อิตถินทรีย์
ฯลฯ กวฬิงการาหารอาศัยอาโปธาตุเกิดขึ้น ... ที่เป็นภายนอก ฯลฯ ที่มีอาหาร
เป็นสมุฏฐาน ฯลฯ ที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ สำหรับเหล่าอสัญญสัตตพรหม ฯลฯ
กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งกระทบไม่ได้อาศัยอาโปธาตุเกิดขึ้น โมหะที่สหรคต
ด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคต
ด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๑)
(สำหรับบทที่มีสภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นมูล พึงเพิ่ม ๒ วาระนอกนี้ แม้
ในฆฏนาก็พึงเพิ่ม ๓ วาระ ทราบแล้วพึงเพิ่มมหาภูตรูปที่เป็นภายในและภายนอก
ทั้งหมด)

นอารัมมณปัจจัยเป็นต้น
[๖๑] สภาวธรรมที่กระทบได้อาศัยสภาวธรรมที่กระทบได้เกิดขึ้นเพราะ
นอารัมมณปัจจัย (ย่อไว้ทั้งหมด) เพราะโนวิคตปัจจัย

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๖๒] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๔๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐.สัปปฏิฆทุกะ ๑.ปฏิจจวาร

นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

ปัจจนียะ จบ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ
เหตุทุกนัย

[๖๓] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย ” มี ๑ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๔๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐.สัปปฏิฆทุกะ ๑.ปฏิจจวาร

นวิปากปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๙ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ

อนุโลมปัจจนียะ จบ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม
นเหตุทุกนัย

[๖๔] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๑ วาระ
สมนันตรปัจจัย ” มี ๑ วาระ
สหชาตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย ” มี ๖ วาระ
นิสสยปัจจัย ” มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย ” มี ๑ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
อาเสวนปัจจัย ” มี ๑ วาระ
กัมมปัจจัย ” มี ๙ วาระ ฯลฯ
มัคคปัจจัย ” มี ๑ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
อัตถิปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย ” มี ๑ วาระ
วิคตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
อวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ

ปัจจนียานุโลม จบ
(สหชาตวารเหมือนกับปฏิจจวาร)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๔๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐.สัปปฏิฆทุกะ ๓.ปัจจยวาร
๑๐. สัปปฏิฆทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๖๕] สภาวธรรมที่กระทบได้ทำสภาวธรรมที่กระทบได้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้ทำสภาวธรรมที่กระทบไม่ได้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปที่กระทบไม่ได้ทำขันธ์ ๑ ที่
กระทบไม่ได้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งกระทบไม่ได้ทำอาโปธาตุให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น อิตถินทรีย์ ฯลฯ กวฬิงการาหารทำอาโปธาตุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ขันธ์ที่กระทบไม่ได้ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑)
(ห้าวาระที่เหลือเหมือนกับปฏิจจวาร)

อารัมมณปัจจัยเป็นต้น
[๖๖] สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้ทำสภาวธรรมที่กระทบได้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ
กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้ทำสภาวธรรมที่กระทบไม่ได้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่กระทบไม่ได้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ
ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ที่กระทบไม่ได้ทำหทัยวัตถุให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้ทำสภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้ให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุ-
วิญญาณและทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่สหรคต
ด้วยกายวิญญาณและทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย
(ย่อ) เพราะอวิคตปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๔๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐.สัปปฏิฆทุกะ ๗.ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๖๗] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

(พึงทำการนับปัจจนียะอย่างนี้ นิสสยวารเหมือนกับปัจจยวาร)
(แม้ในสังสัฏฐวาร ทุกปัจจัย มีปัจจัยละ ๑ วาระ ย่อ เพราะอวิคตปัจจัย
มีเพียง ๑ วาระ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ)

๑๐. สัปปฏิฆทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๖๘] สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดย
เหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูป
ที่กระทบไม่ได้โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๔๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐.สัปปฏิฆทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบได้โดยเหตุปัจจัย ได้แก่
เหตุที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่กระทบได้โดยเหตุปัจจัย ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้
โดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตต-
สมุฏฐานรูปที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)

อารัมมณปัจจัย
[๖๙] สภาวธรรมที่กระทบได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ โผฏฐัพพะ ฯลฯ โดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วย
ทิพพโสตธาตุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัย
แก่กายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ที่กระทบได้เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ ปุพเพนิวาสา-
นุสสติญาณ อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดยอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้วพิจารณากุศลนั้น
พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ออกจากฌานแล้วพิจารณาฌาน พระอริยะออก
จากมรรคแล้วพิจารณามรรค พิจารณาผล พิจารณานิพพาน นิพพานเป็นปัจจัย
แก่โคตรภู โวทาน มรรค ผล และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย พระอริยะ
พิจารณากิเลสที่ละได้แล้ว พิจารณากิเลสที่ข่มได้แล้ว รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น เห็นแจ้ง
หทัยวัตถุ ฯลฯ อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์ ฯลฯ ชีวิตินทรีย์ ฯลฯ อาโปธาตุ
และกวฬิงการาหารโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลรู้จิตของ
บุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่กระทบไม่ได้ด้วยเจโตปริยญาณ อากาสานัญจา-
ยตนะเป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ อากิญจัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่
เนวสัญญานาสัญญายตนะ ฯลฯ ขันธ์ที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ
เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ยถากัมมูปคญาณ อนาคตังสญาณ และ
อาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๔๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐.สัปปฏิฆทุกะ ๗.ปัญหาวาร
อธิปติปัจจัย
[๗๐] สภาวธรรมที่กระทบได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดยอธิปติ-
ปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ
โผฏฐัพพะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทำความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้น
นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดยอธิปติปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว
พิจารณากุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้วให้
เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ออกจากฌานแล้วพิจารณาฌานให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น พระอริยะออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรคให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
พิจารณาผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พิจารณานิพพานให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค และผลโดยอธิปติปัจจัย
บุคคลยินดีเพลิดเพลินหทัยวัตถุ ฯลฯ อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์ ฯลฯ ชีวิตินทรีย์
ฯลฯ อาโปธาตุ และกวฬิงการาหารให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทำความ
ยินดีเพลิดเพลินหทัยวัตถุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น
ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
และจิตตสมุฏฐานรูปที่กระทบไม่ได้โดยอธิปติปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบได้โดยอธิปติปัจจัย
มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่
จิตตสมุฏฐานรูปที่กระทบได้โดยอธิปติปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้
โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่กระทบไม่ได้
เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้โดย
อธิปติปัจจัย (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๔๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐.สัปปฏิฆทุกะ ๗.ปัญหาวาร
อนันตรปัจจัย
[๗๑] สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดย
อนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่กระทบไม่ได้ซึ่งเกิดก่อน ๆ ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ
โดยอนันตรปัจจัย

สมนันตรปัจจัย
[๗๒] สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดย
สมนันตรปัจจัย ฯลฯ

สหชาตปัจจัยเป็นต้น
[๗๓] สภาวธรรมที่กระทบได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบได้โดยสหชาต-
ปัจจัย มี ๙ วาระ เป็นปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ เป็นปัจจัยโดย
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

อุปนิสสยปัจจัย
[๗๔] สภาวธรรมที่กระทบได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดยอุป-
นิสสยปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะและปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยอุตุและเสนาสนะแล้วให้ทาน ฯลฯ ทำลาย
สงฆ์ อุตุและเสนาสนะเป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ ผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดยอุปนิสสย-
ปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ
ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ ถือทิฏฐิ อาศัย
ศีล ฯลฯ สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย และโภชนะแล้วให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์
ศรัทธา ฯลฯ โภชนะเป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ ผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๔๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐.สัปปฏิฆทุกะ ๗.ปัญหาวาร
ปุเรชาตปัจจัย
[๗๕] สภาวธรรมที่กระทบได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดยปุเรชาต-
ปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ โผฏฐัพพะโดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วย
ทิพพโสตธาตุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็น
ปัจจัยแก่กายวิญญาณโดยปุเรชาตปัจจัย
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายา-
ยตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดยปุเรชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดยปุเรชาตปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งหทัยวัตถุ ฯลฯ อิตถินทรีย์
ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ อาโปธาตุ และกวฬิงการาหารโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ
โทมนัสจึงเกิดขึ้น
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่กระทบไม่ได้โดยปุเรชาต-
ปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้
โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ ได้แก่
จักขายตนะและหทัยวัตถุ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่
กระทบไม่ได้โดยปุเรชาตปัจจัย (๑)

ปัจฉาชาตปัจจัย
[๗๖] สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดย
ปัจฉาชาตปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่กระทบไม่ได้ซึ่งเกิดภายหลังเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิด
ก่อนซึ่งกระทบไม่ได้โดยปัจฉาชาตปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่กระทบไม่ได้
ซึ่งเกิดภายหลังเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งกระทบได้โดยปัจฉาชาตปัจจัย (พึง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๔๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐.สัปปฏิฆทุกะ ๗.ปัญหาวาร
เพิ่มบทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่กระทบไม่ได้ซึ่งเกิดภายหลังเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่ง
กระทบได้และกระทบไม่ได้โดยปัจฉาชาตปัจจัย (สำหรับปัจจัยทั้ง ๒ พึงเพิ่มบท
ที่เป็นมูล) (๓)

อาเสวนปัจจัย
[๗๗] สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดย
อาเสวนปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่กระทบไม่ได้ซึ่งเกิดก่อน ๆ ฯลฯ โวทานเป็นปัจจัยแก่
มรรคโดยอาเสวนปัจจัย (๑)

กัมมปัจจัย
[๗๘] สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดย
กัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตต-
สมุฏฐานรูปที่กระทบไม่ได้โดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบากและ
กฏัตตารูปที่กระทบไม่ได้โดยกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบได้โดยกัมมปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่กระทบ
ได้โดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปที่กระทบได้
โดยกัมมปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้
โดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตต-
สมุฏฐานรูปที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้โดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๔๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐.สัปปฏิฆทุกะ ๗.ปัญหาวาร
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบากและ
กฏัตตารูปที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้โดยกัมมปัจจัย (๓)

วิปากปัจจัย
[๗๙] สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดย
วิปากปัจจัย ได้แก่ สภาวธรรมที่เป็นวิบากซึ่งกระทบไม่ได้ ฯลฯ มี ๓ วาระ

อาหารปัจจัย
[๘๐] สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดย
อาหารปัจจัย ได้แก่ อาหารที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตต-
สมุฏฐานรูปที่กระทบไม่ได้โดยอาหารปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ กวฬิงการาหาร
เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่กระทบไม่ได้โดยอาหารปัจจัย (พึงเพิ่ม ๒ วาระที่เหลือ แม้
ในวาระทั้ง ๒ ก็พึงเพิ่มปฏิสนธิและกวฬิงการาหาร ไว้ในตอนท้ายด้วย) (๓)

อินทรียปัจจัยเป็นต้น
[๘๑] สภาวธรรมที่กระทบได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดยอินทรีย-
ปัจจัย ได้แก่ จักขุนทรีย์เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์เป็นปัจจัยแก่
กายวิญญาณโดยอินทรียปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดยอินทรียปัจจัย
มี ๓ วาระ (แม้ในวาระทั้ง ๓ ก็พึงเพิ่มชีวิตินทรีย์ไว้ในตอนท้ายด้วย) (๓)
สภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้
โดยอินทรียปัจจัย ได้แก่ จักขุนทรีย์และจักขุวิญญาณเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคต
ด้วยจักขุวิญญาณโดยอินทรียปัจจัย ฯลฯ กายินทรีย์และกายวิญญาณเป็นปัจจัย
แก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณโดยอินทรียปัจจัย เป็นปัจจัยโดยฌานปัจจัย มี
๓ วาระ เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ เป็นปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย มี
๑ วาระ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๕๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐.สัปปฏิฆทุกะ ๗.ปัญหาวาร
วิปปยุตตปัจจัย
[๘๒] สภาวธรรมที่กระทบได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดย
วิปปยุตตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่
จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดยวิปปยุตตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดยวิปปยุตต-
ปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่กระทบ
ไม่ได้โดยวิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์เป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุโดย
วิปปยุตตปัจจัย หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์โดยวิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่กระทบไม่ได้โดยวิปปยุตตปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่ง
กระทบไม่ได้โดยวิปปยุตตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบได้โดยวิปปยุตตปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่กระทบ
ได้โดยวิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่ง
กระทบได้โดยวิปปยุตตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่
ได้โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่กระทบ
ได้และที่กระทบไม่ได้โดยวิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่ง
กระทบได้และกระทบไม่ได้โดยวิปปยุตตปัจจัย (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๕๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐.สัปปฏิฆทุกะ ๗.ปัญหาวาร
อัตถิปัจจัย
[๘๓] สภาวธรรมที่กระทบได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบได้โดยอัตถิปัจจัย
มี ๑ วาระ (วาระที่ ๑ เหมือนกับปฏิจวาร) (๑)
สภาวธรรมที่กระทบได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดยอัตถิปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ มหาภูตรูปที่กระทบได้เป็นปัจจัยแก่อาโปธาตุโดยอัตถิปัจจัย
มหาภูตรูปที่กระทบได้เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูป
ซึ่งกระทบไม่ได้โดยอัตถิปัจจัย โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่อิตถินทรีย์ ฯลฯ
กวฬิงการาหารโดยอัตถิปัจจัย ... ที่เป็นภายนอก ... ที่มีอาหารเป็นสมุฏฐาน ... ที่มี
อุตุเป็นสมุฏฐาน ... สำหรับเหล่าอสัญญสัตตพรหม ฯลฯ
ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ โผฏฐัพพะโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง
ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
รูปายตนะและจักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะและ
กายายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดยอัตถิปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่กระทบได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้
โดยอัตถิปัจจัย ได้แก่ มหาภูตรูป ๑ ที่กระทบได้เป็นปัจจัยแก่มหาภูตรูป ๒ และ
อาโปธาตุโดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ (เหมือนกับปฏิจจวาร พึงเพิ่มข้อความจนถึง
อสัญญสัตตพรหม) (๓)
[๘๔] สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดย
อัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ (พึง
เพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม)
ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งหทัยวัตถุ ฯลฯ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์
ชีวิตินทรีย์ อาโปธาตุ และกวฬิงการาหารโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส
จึงเกิดขึ้น หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่กระทบไม่ได้โดยอัตถิปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๕๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐.สัปปฏิฆทุกะ ๗.ปัญหาวาร
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งกระทบ
ไม่ได้โดยอัตถิปัจจัย
กวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่กระทบไม่ได้โดยอัตถิปัจจัย รูปชีวิตินทรีย์
เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปที่กระทบไม่ได้โดยอัตถิปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบได้โดยอัตถิปัจจัย
มี ๔ อย่าง คือ สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่กระทบได้
โดยอัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ อาโปธาตุเป็นปัจจัยแก่มหาภูตรูปที่กระทบ
ได้โดยอัตถิปัจจัย อาโปธาตุเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่เป็น
อุปาทายรูปซึ่งกระทบได้โดยอัตถิปัจจัย อาโปธาตุเป็นปัจจัยแก่จักขายตนะ ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะโดยอัตถิปัจจัย ... ที่เป็นภายนอก ... ที่มีอาหารเป็นสมุฏฐาน ...
ที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน ... สำหรับเหล่าอสัญญสัตตพรหม ฯลฯ
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งกระทบ
ได้โดยอัตถิปัจจัย กวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่กระทบได้โดยอัตถิปัจจัย
รูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปที่กระทบได้โดยอัตถิปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้
โดยอัตถิปัจจัย มี ๔ อย่าง คือ สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูป
ที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้ ฯลฯ (เหมือนกับปฏิจจวาร พึงเพิ่มข้อความจนถึง
อสัญญสัตตพรหม)
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งกระทบ
ได้และกระทบไม่ได้โดยอัตถิปัจจัย
กวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้โดยอัตถิปัจจัย
รูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้โดยอัตถิปัจจัย (๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๕๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐.สัปปฏิฆทุกะ ๗.ปัญหาวาร
[๘๕] สภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบ
ได้โดยอัตถิปัจจัย (เหมือนกับปฏิจจวาร พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) (๑)
สภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่
ได้โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่กระทบไม่ได้และมหาภูตรูปเป็นปัจจัยแก่จิตต-
สมุฏฐานรูปที่กระทบไม่ได้ ฯลฯ (เหมือนกับปฏิจจวาร พึงเพิ่มข้อความจนถึง
อสัญญสัตตพรหม)
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะเป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณและ
กายายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบได้
และที่กระทบไม่ได้โดยอัตถิปัจจัย (เหมือนกับปฏิจจวาร) (๓)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๘๖] เหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๕๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐.สัปปฏิฆทุกะ ๗.ปัญหาวาร

อาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๓ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๓ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๕ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๑ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ (พึงนับอย่างนี้)

อนุโลม จบ

๒. ปัจจนียุทธาร
[๘๗] สภาวธรรมที่กระทบได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบได้โดยสหชาต-
ปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่กระทบได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดยอารัมมณปัจจัย
สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่กระทบได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้
โดยสหชาตปัจจัย (๓)
[๘๘] สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้โดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย
กัมมปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบได้โดยสหชาตปัจจัย
ปัจฉาชาตปัจจัย กัมมปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๕๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐.สัปปฏิฆทุกะ ๗.ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้
โดยสหชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย กัมมปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๓)
[๘๙] สภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
กระทบได้โดยสหชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบไม่
ได้โดยสหชาตปัจจัยและปุเรชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่กระทบได้และที่กระทบไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่กระทบได้
และที่กระทบไม่ได้โดยสหชาตปัจจัย (๓)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๙๐] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ
นอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
นสหชาตปัจจัย มี ๔ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
นนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
โนอัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
โนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ

ปัจจนียะ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๕๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐.สัปปฏิฆทุกะ ๗.ปัญหาวาร
๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ
เหตุทุกนัย

[๙๑] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ
นอนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ

อนุโลมปัจจนียะ จบ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม
นเหตุทุกนัย

[๙๒] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ
อธิปติปัจจัย ” มี ๔ วาระ

(พึงนับอนุโลมมาติกา)
อวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
ปัจจนียานุโลม จบ
สัปปฏิฆทุกะ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๕๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๑.รูปีทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
๑๑. รูปีทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๙๓] สภาวธรรมที่เป็นรูปอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๒ ฯลฯ
จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่ไม่เป็นรูปอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นรูปและที่ไม่เป็นรูปอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่ไม่เป็นรูปอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น กฏัตตารูป
อาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๓)
[๙๔] สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นรูปเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่เป็นรูปอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่เป็นรูปและที่ไม่เป็นรูปอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นรูปเกิดขึ้น
ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
[๙๕] สภาวธรรมที่เป็นรูปอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปและที่ไม่เป็นรูปเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นรูปและอาศัยมหาภูตรูป
เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปและที่ไม่เป็นรูปเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นรูปและอาศัย
หทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๕๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๑.รูปีทุกะ ๑.ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่เป็นรูปและที่ไม่เป็นรูปอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปและที่ไม่เป็นรูป
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นรูป
และอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่ไม่
เป็นรูปและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (ย่อ) (๓)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๙๖] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๙ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๕๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๑.รูปีทุกะ ๑.ปฏิจจวาร

นัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๓ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

อนุโลม จบ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๙๗] สภาวธรรมที่เป็นรูปอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย
มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งไม่เป็นรูปเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒
ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่
สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น
(เพราะนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ พึงกำหนดว่า ไม่มีเหตุ)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๙๘] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า :๑๖๐ }


>>>>> หน้าต่อไป >>>>>





eXTReMe Tracker