|
1) |
ไม่หมุน ( หรือ หมุนน้อยมาก ) |
No Spin |
|
|
|
2) |
ลูกหมุนไปข้างหน้า ( เคลื่อนที่ไปข้างหน้า โดย หมุนไปด้านหน้า ) |
Top Spin |
|
|
|
การสร้าง : สำหรับการจะตีลูก Top Spin นี้ หน้าไม้จะต้องลากขึ้นจากล่างขึ้นบน หากจะให้ลูกมีการหมุนที่มีประสิทธิภาพต้องออกแรงตีให้สัมพันธ์กับการสัมผัสลูกรวมถึงตำแหน่งต่างๆ บนลูกปิงปองอีกด้วย ยิ่งหากต้องการให้ลูกมีการหมุนมากที่สุด หน้าไม้จะต้องกระทบ ตำแหน่งของลูกในส่วนที่ใต้ลูกที่สุด
|
|
การตั้งรับ : หากลูกปิงปองที่หมุนแบบ Top Spin มากระทบหน้าไม้เรา จะมีความรู้สึกว่าลูกที่เราตีกลับไปจะ สูงกว่าปกติ การบังคับหน้าไม้สำหรับรับลูกปิงปองที่หมุนแบบ Top Spin เราจะต้อง ปิดหน้าไม้
|
|
ประโยชน์ ของการตีลูก Top Spin :
|
(1) |
เพื่อเปิดเกมส์บุกกลับไปหาคู่ต่อสู้ |
|
(2) |
เพื่อแก้การตีลูก Back Spin ( ลูกตัด ) ที่คู่ต่อสู้ตีมาหาเรา |
|
|
3) |
ลูกหมุนไปด้านหลัง ( เคลื่อนที่ไปข้างหน้า โดย หมุนไปด้านหลัง ) |
Back Spin |
|
|
|
การสร้าง : สำหรับการจะตีลูก Back Spin หรือ ลูกตัด ให้มีประสิทธิภาพนั้น ตำแหน่งที่จะตีบนลูก ควรจะตี ตำแหน่งใต้ลูกมากที่สุด โดยจะต้องออกแรงในจังหวะที่ลูกมากระทบหน้าไม้ มุมของหน้าไม้ที่จะกระทบลูกต้องตีลักษณะเสียดสีและเร็วให้มากที่สุด
|
|
การตั้งรับ : หากลูกปิงปองที่หมุนแบบ Back Spin มากระทบหน้าไม้เรา จะมีความรู้สึกว่าลูกที่เราตีกลับไปจะ ต่ำกว่าปกติ หรือ ติดเน็ท การบังคับหน้าไม้สำหรับรับลูกปิงปองที่หมุนแบบ Back Spin เราจะต้อง เปิดหน้าไม้
|
|
4) |
ลูกหมุนด้านข้าง ( เคลื่อนที่ไปข้างหน้า โดย หมุนไปด้านข้าง ) |
Side Spin |
|
หรือ
|
|
การตั้งรับ : หากลูกปิงปองที่หมุนแบบ Side Spin มากระทบหน้าไม้เรา จะมีความรู้สึกว่าลูกที่เราตีกลับไปจะ กระเด้งออกไปด้านซ้าย ( หรือ ขวา ) การบังคับหน้าไม้สำหรับรับลูกปิงปองที่หมุนแบบ Side Spin เราจะต้อง ต้องตีตรงข้ามกับทิศทางที่ลูกหมุนมาจึงจะทำให้ตีได้ง่ายขึ้น หรือ แต่หากเป็นมือระดับสูงแล้ว สามารถใช้เทคนิค ตีลูกตามทิศที่ลูกปิงปองหมุนมา ก็ได้เช่นกัน
|
|
5) |
การหมุนแบบผสม ( เคลื่อนที่ไปข้างหน้า โดย หมุนเอียงๆ ) |
Mix Spin |
|
|