ค้นว่าอยู่เล่มใด แล้วกด [ctrl]+f หรือใช้คำสั่งของเครื่องหาตำแหน่งในเล่มอีกทีนะครับ



จัดรูปหน้าใหม่
เพื่อความสะดวก และสวยงาม
(เฉพาะหน้าจอใหญ่ เช่น คอมพิวเตอร์)
กรุณาคลิก จัดรูปหน้าใหม่
เพื่อให้กรอบ
ค้นข้อความ ปรากฎที่ด้านซ้ายของหน้า

พระไตรปิฎกภาษาไทย
ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ๔๕ เล่ม (ปกสีฟ้า)
ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
ที่มาของข้อมูล : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับ มจร.
MCUTRAI Version 1.0

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๓-๑ อภิธรรมปิฎกที่ ๑๐ ปัฏฐาน ภาค ๔

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

พระอภิธรรมปิฎก
ธัมมานุโลม ทุกปัฏฐาน
_____________
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

๑๐. มหันตรทุกะ
๕๕. สารัมมณทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย

[๑] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่รับรู้อารมณ์ได้เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่รับรู้อารมณ์ได้เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้
อารมณ์ได้เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑
ที่รับรู้อารมณ์ได้เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
[๒] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูป
ที่เป็นอุปาทายรูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่รับรู้อารมณ์ได้อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้
อารมณ์ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่รับรู้อารมณ์ได้
อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น กฏัตตารูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๓)
[๓] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้
อารมณ์ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑
ที่รับรู้อารมณ์ได้และอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้อารมณ์
ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่รับรู้อารมณ์ได้และ
อาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์
ได้และที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓
อาศัยขันธ์ ๑ ที่รับรู้อารมณ์ได้และอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่รับรู้อารมณ์ได้และอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๓)

อารัมมณปัจจัย
[๔] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่รับรู้อารมณ์ได้เกิดขึ้น
ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่รับรู้อารมณ์ได้อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้อารมณ์
ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑
ที่รับรู้อารมณ์ได้และอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (ย่อ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๕] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๙ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๓ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๖] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เกิดขึ้น
เพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งรับรู้อารมณ์ได้เกิดขึ้น
ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วย
วิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคต
ด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เกิดขึ้นเพราะ
นเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งรับรู้อารมณ์ได้เกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์
ได้เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่
มีเหตุซึ่งรับรู้อารมณ์ได้เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็น
อเหตุกะ ฯลฯ (๓)
[๗] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เกิดขึ้น
เพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ สําหรับเหล่าอสัญญสัตตพรหม
... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะ
นเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ที่รับรู้อารมณ์ได้อาศัย
หทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์
ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ที่รับรู้
อารมณ์ได้อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น กฏัตตารูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
[๘] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้
อารมณ์ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ ๓
อาศัยขันธ์ ๑ ที่รับรู้อารมณ์ได้และอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒
ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้อารมณ์
ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งรับรู้
อารมณ์ได้และอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์
ได้และที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะที่เป็น
อเหตุกะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่รับรู้อารมณ์ได้และอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่รับรู้อารมณ์ได้และอาศัยมหาภูตรูป
เกิดขึ้น (๓)

นอารัมมณปัจจัย
[๙] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เกิดขึ้น
เพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่รับรู้อารมณ์ได้เกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะ
นอารัมมณปัจจัย (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้อาศัยสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้อารมณ์
ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่รับรู้อารมณ์
ได้และอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (ย่อ) (๑)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๐] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๒ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๑๑] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ ฯลฯ
นกัมมปัจจัย ” มี ๑ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ (ย่อ)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๑๒] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ
สหชาตปัจจัย ” มี ๙ วาระ ฯลฯ
มัคคปัจจัย ” มี ๑ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ

(สหชาตวารเหมือนกับปฏิจจวาร)

๕๕. สารัมมณทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๑๓] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้ทำสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้ให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
[๑๔] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้ทำสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้ให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ... ทำมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป
และกฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้ทำสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่รับรู้อารมณ์ได้ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่รับรู้อารมณ์ได้ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้ทำสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์
ไม่ได้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่รับรู้อารมณ์ได้ทำหทัยวัตถุให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิ-
ขณะ ฯลฯ (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๓. ปัจจยวาร
[๑๕] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้ทำสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้
อารมณ์ไม่ได้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑
ที่รับรู้อารมณ์ได้และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้ทำสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้อารมณ์
ไม่ได้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่รับรู้อารมณ์
ได้และทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้ทำสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์
ได้และที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓
ทำขันธ์ ๑ ที่รับรู้อารมณ์ได้และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒
ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่รับรู้อารมณ์ได้และทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)

อารัมมณปัจจัย
[๑๖] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้ทำสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้ให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่รับรู้อารมณ์ได้ให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้ทำสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ
กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่รับรู้อารมณ์ได้ทำหทัยวัตถุ
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้ทำสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้อารมณ์
ไม่ได้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่สหรคต
ด้วยจักขุวิญญาณและทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ที่
สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่รับรู้อารมณ์ได้และทำหทัยวัตถุ
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (ย่อ) (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๗] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๙ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๓ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๑๘] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้ทำสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้ให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้ทำสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้ให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ... ทำมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ สําหรับเหล่าอสัญญ-
สัตตพรหม ... ทำมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้ทำสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้ให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ฯลฯ กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งรับรู้อารมณ์
ได้ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วย
วิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้ทำสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์
ไม่ได้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งรับรู้อารมณ์ได้
ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
[๑๙] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้ทำสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้
อารมณ์ไม่ได้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑
ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒
ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่ง
รับรู้อารมณ์ได้ และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะทำขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และทำหทัยวัตถุให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๓. ปัจจยวาร
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้ทำสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้อารมณ์
ไม่ได้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่
ไม่มีเหตุซึ่งรับรู้อารมณ์ได้ และทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิ-
ขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้ทำสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์
ได้และที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำ
ขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งรับรู้อารมณ์ได้และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำ
ขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งรับรู้อารมณ์ได้และทำมหาภูตรูป
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุ
ซึ่งรับรู้อารมณ์ได้และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
กฏัตตารูปทำขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งรับรู้อารมณ์ได้และทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ
(ย่อ) (๓)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๒๐] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๓. ปัจจยวาร

นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๔ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๒๑] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ ฯลฯ
นกัมมปัจจัย ” มี ๑ วาระ ฯลฯ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ (ย่อ)

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๒๒] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
สมนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
สหชาตปัจจัย ” มี ๙ วาระ ฯลฯ
มัคคปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ

(นิสสยวารเหมือนกับปัจจยวาร)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๕๕. สารัมมณทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๑. ปัจจยานุโลมเป็นต้น
[๒๓] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เกิดระคนกับสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่รับรู้อารมณ์ได้ ฯลฯ
ขันธ์ ๒ เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

[๒๔] เหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๑ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ

อนุโลม จบ
[๒๕] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เกิดระคนกับสภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้
เพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งรับรู้อารมณ์ได้
ฯลฯ เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะเกิดระคนกับขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ (ย่อ)

[๒๖] นเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๑ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๗. ปัญหาวาร

นมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ l/r
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระl/r

ปัจจนียะ จบ
(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และสัมปยุตตวาร พึงทําอย่างนี้)

๕๕. สารัมมณทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๗] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้
โดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยเหตุปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้โดย
เหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้
อารมณ์ไม่ได้โดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)

อารัมมณปัจจัย
[๒๘] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้
โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้วพิจารณา
กุศลนั้น ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้น ฯลฯ โทมนัส
จึงเกิดขึ้น บุคคลพิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออกจากฌาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๗. ปัญหาวาร
พระอริยะพิจารณาโคตรภูและโวทาน พระอริยะออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรค
พิจารณาผล พิจารณากิเลสที่ละได้แล้ว ฯลฯ พิจารณากิเลสที่ข่มได้แล้ว ฯลฯ
รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น บุคคลเห็นแจ้งขันธ์ที่รับรู้อารมณ์ได้โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ
โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่รับรู้อารมณ์ได้
ด้วยเจโตปริยญาณ อากาสานัญจายตนะเป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ
อากิญจัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ ฯลฯ ขันธ์ที่รับรู้
อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
ยถากัมมูปคญาณ อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๑)
[๒๙] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้
โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ พระอริยะพิจารณานิพพาน นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู
โวทาน มรรค ผล และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ
หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพ-
จักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เป็นปัจจัย
แก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ยถากัมมูปคญาณ
อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๑)

อธิปติปัจจัย
[๓๐] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้
โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้วพิจารณา
กุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ยินดีเพลิดเพลิน เพราะทําความยินดีเพลิดเพลิน
กุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น ฯลฯ บุคคล
พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออกจากฌานแล้วพิจารณาฌาน ฯลฯ
พระอริยะออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรคให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พิจารณา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ บุคคลยินดีเพลิดเพลินขันธ์ที่รับรู้อารมณ์
ได้ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทําความยินดีเพลิดเพลินขันธ์นั้นให้เป็น
อารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น ฯลฯ
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
โดยอธิปติปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้โดย
อธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้
เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้
อารมณ์ไม่ได้โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรม
ที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๓)
[๓๑] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้
โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ พระอริยะพิจารณา
นิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค
และผลโดยอธิปติปัจจัย บุคคลยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุให้เป็น
อารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทําความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็น
อารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น ฯลฯ (๑)

อนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๓๒] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้
โดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ... ที่รับรู้อารมณ์ได้ซึ่งเกิดก่อน ๆ ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่
ผลสมาบัติโดยอนันตรปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ เป็นปัจจัย
โดยสหชาตปัจจัย มี ๗ วาระ (ปัจจัยเหล่านี้เหมือนกับสหชาตปัจจัยในปฏิจจวาร)
เป็นปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ (ปัจจัยเหล่านี้เหมือนกับอัญญมัญญ-
ปัจจัยในปฏิจจวาร) เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ (ปัจจัยนี้เหมือนกับ
นิสสยปัจจัยในปัจจยวาร)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อุปนิสสยปัจจัย
[๓๓] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้
โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะและ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ มีมานะ ถือทิฏฐิ
อาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ สุขทางกาย ฯลฯ
ทุกข์ทางกายแล้วให้ทาน ฯลฯ ทําสมาบัติให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทําลายสงฆ์
ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ สุขทางกาย ฯลฯ
ทุกข์ทางกายเป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา
ฯลฯ สุขทางกาย ฯลฯ ทุกข์ทางกาย ฯลฯ มรรคและผลสมาบัติโดย
อุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้โดย
อุปนิสสยปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะและปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยอุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะแล้วให้
ทาน ฯลฯ ทําสมาบัติให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทําลายสงฆ์ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ
เสนาสนะเป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ สุขทางกาย ฯลฯ
ทุกข์ทางกาย ฯลฯ มรรคและผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)

ปุเรชาตปัจจัย
[๓๔] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้
โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วย
ทิพพโสตธาตุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็น
ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๗. ปัญหาวาร
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่รับรู้อารมณ์ได้โดย
ปุเรชาตปัจจัย (๑)

ปัจฉาชาตปัจจัยและอาเสวนปัจจัย
[๓๕] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์
ไม่ได้โดยปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้โดย
อาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ

กัมมปัจจัย
[๓๖] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้
โดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยกัมม-
ปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบากโดย
กัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้โดย
กัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดย
กัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดย
กัมมปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้
อารมณ์ไม่ได้โดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบากและ
กฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๓)

วิปากปัจจัยและอาหารปัจจัย
[๓๗] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้
โดยวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้โดย
อาหารปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้โดย
อาหารปัจจัย ได้แก่ กวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้โดยอาหารปัจจัย (๑)

อินทรียปัจจัย
[๓๘] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้
โดยอินทรียปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้โดย
อินทรียปัจจัย ได้แก่ รูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยอินทรียปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้โดย
อินทรียปัจจัย ได้แก่ จักขุนทรีย์เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์เป็น
ปัจจัยแก่กายวิญญาณโดยอินทรียปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
รับรู้อารมณ์ได้โดยอินทรียปัจจัย ได้แก่ จักขุนทรีย์และจักขุวิญญาณเป็นปัจจัยแก่
ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณโดยอินทรียปัจจัย ฯลฯ กายินทรีย์และกายวิญญาณ
เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณโดยอินทรียปัจจัย (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ฌานปัจจัยเป็นต้น
[๓๙] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้
โดยฌานปัจจัย มี ๓ วาระ เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ เป็นปัจจัยโดย
สัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ

วิปปยุตตปัจจัย
[๔๐] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้
โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้โดย
วิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่รับรู้อารมณ์ได้
โดยวิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดยวิปปยุตตปัจจัย หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่รับรู้
อารมณ์ได้โดยวิปปยุตตปัจจัย (๑)

อัตถิปัจจัย
[๔๑] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้
โดยอัตถิปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โดยอัตถิปัจจัย
ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้โดย
อัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๒)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้
อารมณ์ไม่ได้โดยอัตถิปัจจัย (เหมือนกับปฏิจจวาร) (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๗. ปัญหาวาร
[๔๒] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์
ไม่ได้โดยอัตถิปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ อาหาระ และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตต-
พรหม) (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้โดย
อัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่รับรู้อารมณ์ได้
โดยอัตถิปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง
ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ
ฯลฯ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่กาย-
วิญญาณ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่รับรู้อารมณ์ได้โดยอัตถิปัจจัย (๒)
[๔๓] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาว-
ธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะเป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย
กายวิญญาณและกายายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ
ขันธ์ ๑ ที่รับรู้อารมณ์ได้และหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
รับรู้อารมณ์ไม่ได้โดยอัตถิปัจจัย มี ๔ อย่าง คือ สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ
และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่รับรู้อารมณ์ได้และมหาภูตรูปเป็นปัจจัยแก่จิตต-
สมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่รับรู้อารมณ์ได้และกวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่
กายนี้โดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่รับรู้อารมณ์ได้และรูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่
กฏัตตารูปโดยอัตถิปัจจัย (๒)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๔๔] เหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๗ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๓ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๔ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๖ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๓ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๗. ปัญหาวาร

สัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๑ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ

๒. ปัจจนียุทธาร
[๔๕] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้โดย
สหชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย และกัมมปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้
อารมณ์ไม่ได้โดยสหชาตปัจจัยและกัมมปัจจัย (๓)
[๔๖] สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์
ไม่ได้โดยสหชาตปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้โดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่รับรู้อารมณ์ได้โดยสหชาตปัจจัยและปุเรชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่รับรู้อารมณ์ได้และที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่รับรู้อารมณ์ไม่ได้โดยสหชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรีย-
ปัจจัย (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๕. สารัมมณทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๔๗] นเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ l/r
นอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ ฯลฯl/r
นสมนันตรปัจจัย มี ๗ วาระl/r
นสหชาตปัจจัย มี ๖ วาระl/r
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระl/r
นนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ l/r
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระl/r
นปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระl/r
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ฯลฯl/r
นมัคคปัจจัย มี ๗ วาระl/r
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระl/r
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระl/r
โนอัตถิปัจจัย มี ๔ วาระl/r
โนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระl/r
โนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระl/r
โนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระl/r

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๔๘] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ l/r
นอธิปติปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯl/r
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระl/r
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๑ วาระl/r
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯl/r


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

นมัคคปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๔๙] อารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ l/r
อธิปติปัจจัย ” มี ๔ วาระl/r
อนันตรปัจจัย ” มี ๑ วาระl/r

(พึงเพิ่มบทอนุโลมมาติกา) ฯลฯ

อวิคตปัจจัย ” มี ๗ วาระ l/r

สารัมมณทุกะ จบ

๕๖. จิตตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๕๐] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะเหตุ-
ปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปอาศัยจิตเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้น ขันธ์ ๑ และจิตต-
สมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๒ เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทัยวัตถุอาศัยขันธ์เกิดขึ้น
ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
จิตอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ จิตอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ จิตอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ จิตและจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้น
... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ จิตและกฏัตตารูปอาศัยขันธ์ ๑
ที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้น ขันธ์ ๑ จิตและกฏัตตารูปอาศัยขันธ์ ๒ เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
จิตและสัมปยุตตขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นจิต และอาศัย
จิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตและมหาภูตรูปเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ และกฏัตตารูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นจิตและอาศัยจิต
เกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตอาศัยจิตและ
หทัยวัตถุเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยจิตและมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑))

อารัมมณปัจจัย
[๕๑] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์อาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย
ได้แก่ จิตอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ จิตอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นจิต
เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ จิตอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้น ... อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ และจิตอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นจิต
เกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ จิตและสัมปยุตตขันธ์อาศัยหทัยวัตถุ
เกิดขึ้น (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นจิตและอาศัยจิตเกิดขึ้น ...
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตอาศัย
จิตและหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๑) (ย่อ)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๕๒] เหตุปัจจัย มี ๕ วาระ l/r
อารัมมณปัจจัย มี ๕ วาระl/r
อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระl/r
อนันตรปัจจัย มี ๕ วาระl/r
สมนันตรปัจจัย มี ๕ วาระl/r
สหชาตปัจจัย มี ๕ วาระl/r
อัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระl/r
นิสสยปัจจัย มี ๕ วาระl/r
อุปนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระl/r
ปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระl/r
อาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระl/r
กัมมปัจจัย มี ๕ วาระl/r


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

วิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๕ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๕ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๕ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๕ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๕ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๕๓] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะ
นเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตที่เป็นอเหตุกะเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ... อาศัยจิต ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา
และที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัยจิตที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ
เกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งไม่เป็นจิตเกิดขึ้น ...
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึง
อสัญญสัตตพรหม) โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์
ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่
จิตอาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งไม่เป็นจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ จิตอาศัย
ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ จิตอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะ
นเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ จิต และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุ
ซึ่งไม่เป็นจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ จิตและสัมปยุตตขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะ
นเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งไม่
เป็นจิตและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ
ขันธ์ ๒ และกฏัตตารูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นจิตและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตอาศัยจิตและหทัย-
วัตถุเกิดขึ้น โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัยจิตที่
สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และอาศัยสัมปยุตตขันธ์เกิดขึ้น (๑)

นอารัมมณปัจจัย
[๕๔] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะ
นอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัย
ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่ม
ข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะ
นอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตและสัมปยุตตขันธ์เกิดขึ้น จิตต-
สมุฏฐานรูปอาศัยจิตและมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยจิตและ
สัมปยุตตขันธ์เกิดขึ้น กฏัตตารูปอาศัยจิตและมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
นอธิปติปัจจัยเป็นต้น
[๕๕] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะนอธิปติ-
ปัจจัย มี ๕ วาระ เพราะนอนันตรปัจจัย ฯลฯ เพราะนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

นปุเรชาตปัจจัยเป็นต้น
[๕๖] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะ
นปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ สัมปยุตตขันธ์อาศัยจิตเกิดขึ้น จิตต-
สมุฏฐานรูปอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปอาศัยจิต
เกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะนปุเรชาตปัจจัย
ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้น ... อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
(พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) (๑)
สภาวธรรมที่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะนปุเรชาตปัจจัย
ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ จิตอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
จิตอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะ
นปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ ขันธ์ ๒ และจิตอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็น
จิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ จิตและสัมปยุตตขันธ์อาศัย
หทัยวัตถุเกิดขึ้น (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะ
นปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นจิตและ
อาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นจิต
และอาศัยจิตเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตและมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๓๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตอาศัยจิตและหทัยวัตถุเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยจิต
และสัมปยุตตขันธ์เกิดขึ้น กฏัตตารูปอาศัยจิตและมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑)
... เพราะนปัจฉาชาตปัจจัย
... เพราะนอาเสวนปัจจัย

นกัมมปัจจัย
[๕๗] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะนกัมม-
ปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตเจตนาอาศัยจิตเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้นเพราะนกัมมปัจจัย
ได้แก่ สัมปยุตตเจตนาอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้น ... ที่เป็นภายนอก ฯลฯ ที่มี
อาหารเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ ที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตอาศัยสภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตเกิดขึ้น
เพราะนกัมมปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตเจตนาอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นจิตและอาศัยจิตเกิดขึ้น
(ย่อ) (๑)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๕๘] นเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๓๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

นปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๕ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๕๙] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๕ วาระ (ย่อ)

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๖๐] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๕ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๕ วาระ)

มัคคปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี ๕ วาระ

(สหชาตวารเหมือนกับปฏิจจวาร)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๓๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๕๖. จิตตทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๖๑] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตทำสภาวธรรมที่เป็นจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นจิตให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงมหาภูตรูป)
ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นจิตทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ จิตทำขันธ์ที่ไม่เป็นจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ จิตทำขันธ์ที่ไม่เป็นจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ จิตทำ
หทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ จิตและจิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็น
จิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตและสัมปยุตตขันธ์ทำหทัยวัตถุ
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ จิตและกฏัตตารูปทำขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็น
จิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ จิตและสัมปยุตตขันธ์
ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตทำสภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นจิตและ
ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปทำจิตและมหาภูตรูป
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตทำจิตและหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๓๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๓. ปัจจยวาร
ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ และกฏัตตารูปทำขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นจิตและทำจิตให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปทำจิตและมหาภูตรูป
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตทำจิตและหทัยวัตถุให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น (๑)

อารัมมณปัจจัย
[๖๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตทำสภาวธรรมที่เป็นจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำ
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตทำหทัยวัตถุ
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้น ฯลฯ ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นจิตทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตทำขันธ์ที่ไม่เป็นจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตทำหทัยวัตถุ
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ จิตทำขันธ์ที่ไม่เป็นจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ จิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จักขุวิญญาณทำจักขายตนะ
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตทำขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นจิตให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตและสัมปยุตตขันธ์ทำหทัยวัตถุให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ จิตและสัมปยุตตขันธ์ทำ
หทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์ทำจักขายตนะให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ กายวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์ทำกายายตนะให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้น (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๓๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๓. ปัจจยวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตทำสภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นจิตและทำจิตให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตทำจิตและหทัยวัตถุให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตทำจิต
และหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณทำจักขายตนะ
และจักขุวิญญาณให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำกายายตนะ ฯลฯ (ย่อ) (๑)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร

[๖๓] เหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๕ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ
(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๕ วาระ)
อวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๖๔] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตทำสภาวธรรมที่เป็นจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปทำจิตที่เป็นอเหตุกะ
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา
และที่สหรคตด้วยอุทธัจจะทำจิตที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑)
[๖๕] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่ง
ไม่เป็นจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๓๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๓. ปัจจยวาร
ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณทำ
จักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณทำกายายตนะ
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งไม่เป็นจิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะทำขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา
ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นจิตทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ
นเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตทำขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งไม่เป็นจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตทำ
หทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ที่เป็นอเหตุกะ จิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จักขุวิญญาณทำจักขายตนะ
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตให้เป็นปัจจัยเกิด
ขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ จิต และจิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ ๑ ที่ไม่
มีเหตุซึ่งไม่เป็นจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตและสัมปยุตตขันธ์ทำ
หทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ที่เป็นอเหตุกะ จิตและสัมปยุตตขันธ์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จักขุวิญญาณ
ทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้น (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตทำสภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ ๑ ที่ไม่มี
เหตุซึ่งไม่เป็นจิตและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่
เป็นจิตทำจิตและหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตทำจิตและหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้น ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณทำจักขายตนะและจักขุวิญญาณให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้น ฯลฯ ทำกายายตนะ ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะทำขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและทำจิตให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้น (๑) (ย่อ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๓๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๖๖] นเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๕ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๖๗] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๕ วาระ (ย่อ)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๓๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๖๘] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๕ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๕ วาระ)

มัคคปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี ๕ วาระ

(นิสสยวารเหมือนกับปัจจยวาร)

๕๖. จิตตทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๑. ปัจจยานุโลมเป็นต้น
เหตุปัจจัย
[๖๙] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเกิดระคนกับสภาวธรรมที่เป็นจิตเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์เกิดระคนกับจิต ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเกิดระคนกับสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๒ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นจิต ขันธ์ ๑ เกิดระคนกับขันธ์ ๒
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่เป็นจิตเกิดระคนกับสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
จิตเกิดระคนกับขันธ์ที่ไม่เป็นจิต ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตเกิดระคนกับสภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตเกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นจิต ... เกิดระคน
กับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเกิดระคนกับสภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นจิตและเกิดระคนกับจิต ...
เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (ย่อ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๓๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

เหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๕ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัย ละ ๕ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ (ย่อ)
นเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๕ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และสัมปยุตตวาร พึงทําอย่างนี้ทั้งหมด)

๕๖. จิตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๗๐] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดย
เหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดย
เหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดยเหตุปัจจัย ได้แก่
เหตุที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่จิตโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๓๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตโดย
เหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ จิต และจิตต-
สมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)

อารัมมณปัจจัย
[๗๑] สภาวธรรมที่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดยอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภจิต จิตจึงเกิดขึ้น (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เพราะปรารภ
จิต ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตจึงเกิดขึ้น (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เพราะปรารภจิต จิตและ
สัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น (๓)
[๗๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้วพิจารณา
กุศลนั้นยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้น ราคะจึงเกิดขึ้น
ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลพิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออกจาก
ฌานแล้วพิจารณาฌาน ฯลฯ พระอริยะออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรค พิจารณาผล
พิจารณานิพพาน นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค ผล และอาวัชชนจิต
โดยอารัมมณปัจจัย พระอริยะพิจารณากิเลสที่ไม่เป็นจิตซึ่งละได้แล้ว พิจารณากิเลส
ที่ข่มได้แล้ว รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ และขันธ์ที่
ไม่เป็นจิตโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ
ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ รู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยสภาวธรรมที่ไม่
เป็นจิตด้วยเจโตปริยญาณ อากาสานัญจายตนะ ฯลฯ อากิญจัญญายตนะ ฯลฯ
รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ
เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่
อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ยถากัมมูปคญาณ
อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่
บุคคลให้ทาน ฯลฯ (เหมือนกับข้อความตอนต้น ไม่มีข้อแตกต่างกัน ส่วนที่ต่างกัน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
มีดังนี้) รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่
กายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ ฯลฯ อาวัชชนจิต
โดยอารัมมณปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน ฯลฯ (เหมือนกับข้อความตอนต้น ไม่มีข้อแตก
ต่างกัน ส่วนที่ต่างกันมีดังนี้) รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและสัมปยุตต ขันธ์
ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่
เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ ฯลฯ อาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภจิตและสัมปยุตตขันธ์ จิตจึงเกิดขึ้น มี ๓ วาระ

อธิปติปัจจัย
[๗๓] สภาวธรรมที่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดยอธิปติปัจจัย
มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทําจิตให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
จิตจึงเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดยอธิปติปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทําจิตให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ที่ไม่
เป็นจิตจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตโดย
อธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทําจิตให้เป็นอารมณ์
อย่างหนักแน่น จิตและสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น (๓)
[๗๔] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดยอธิปติ-
ปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว
พิจารณากุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ยินดีเพลิดเพลิน เพราะทําความ
ยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
บุคคลพิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออกจากฌาน ฯลฯ พระอริยะ
ออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรคให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พิจารณาผล ฯลฯ
พิจารณานิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน
มรรค และผลโดยอธิปติปัจจัย บุคคลยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ และ
ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทําความยินดีเพลิดเพลินจักษุ
เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดยอธิปติปัจจัย
(ข้อความแห่งปัจจัยทั้ง ๒ อย่าง เหมือนกับตอนต้น ไม่มีข้อแตกต่างกัน พึงเพิ่ม
อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ) (๒)
สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดย
อธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ (พึงเพิ่มคำว่า ทำให้เป็นอารมณ์
อย่างหนักแน่นทั้ง ๓ วาระ มีเฉพาะอารัมมณาธิปติเท่านั้น)

อนันตรปัจจัย
[๗๕] สภาวธรรมที่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดยอนันตรปัจจัย
ได้แก่ จิตที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่จิตที่เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่
จิตที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย
จิตเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะโดยอนันตรปัจจัย (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตโดย
อนันตรปัจจัย ได้แก่ จิตที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่จิตและสัมปยุตตขันธ์ที่เกิด
หลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (๓)
[๗๖] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดยอนันตร-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตซึ่งเกิดก่อน ๆ ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติโดย
อนันตรปัจจัย (ผู้ประสงค์จะทําทั้ง ๒ วาระนี้ให้บริบูรณ์ พึงเพิ่มข้อความเข้ามา
เหมือนกับข้อความที่มีมาก่อน)
สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดย
อนันตรปัจจัย ได้แก่ จิตและสัมปยุตตขันธ์ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่จิตที่เกิด
หลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (พึงอ้างบทที่เป็นมูล) จิตและสัมปยุตตขันธ์ที่เกิด
ก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย จิตและ
สัมปยุตตขันธ์เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะโดยอนันตรปัจจัย (พึงอ้างบทที่เป็นมูล)
จิตและสัมปยุตตขันธ์ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่จิตและสัมปยุตตขันธ์ที่เกิดหลัง ๆ
โดยอนันตรปัจจัย (๓)
... เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
(เหมือนกับปฏิจจวาร) เป็นปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ (เหมือนกับ
ปฏิจจวาร) เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ (เหมือนกับปัจจยวาร)

อุปนิสสยปัจจัย
[๗๗] สภาวธรรมที่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดยอุปนิสสย-
ปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ
ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ จิตเป็นปัจจัยแก่จิตโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดยอุปนิสสยปัจจัย
มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ มีมานะ ถือทิฏฐิ
อาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้วให้ทาน ฯลฯ ทําลายสงฆ์ ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ
เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ มรรคและผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดยอุปนิสสยปัจจัย
(ผู้ประสงค์จะทําทั้ง ๒ วาระนี้ให้บริบูรณ์ พึงเพิ่มข้อความเข้ามาทุกปัจจัย เหมือนกับ
ข้อความตอนต้น ไม่มีข้อแตกต่างกัน)
สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดย
อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ จิตและสัมปยุตตขันธ์เป็นปัจจัยแก่จิตโดยอุปนิสสยปัจจัย
มี ๓ วาระ

ปุเรชาตปัจจัย
[๗๘] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดยปุเรชาต-
ปัจจัย มี ๒ อย่างคือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียง
ด้วยทิพพโสตธาตุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณโดยปุเรชาตปัจจัย
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ
ฯลฯ กายายตนะ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตโดยปุเรชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดยปุเรชาตปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วย
ทิพพโสตธาตุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็น
ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดยปุเรชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตโดย
ปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะ
ไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสต-
ธาตุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ
ฯลฯ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์
โดยปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์
ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตและสัมปยุตตขันธ์โดยปุเรชาตปัจจัย (๓)

ปัจฉาชาตปัจจัยและอาเสวนปัจจัย
[๗๙] สภาวธรรมที่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดย
ปัจฉาชาตปัจจัย (ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดยปัจฉาชาตปัจจัย
(ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดย
ปัจฉาชาตปัจจัย (ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดยอาเสวนปัจจัย
มี ๙ วาระ

กัมมปัจจัย
[๘๐] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดย
กัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือสหชาตะและนานาขณิกะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบากและ
กฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดยกัมมปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่จิตโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิ-
ขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่จิตที่เป็นวิบากโดย
กัมมปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตโดย
กัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์จิตและ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบากจิตและ
กฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๓)

วิปากปัจจัยเป็นต้น
[๘๑] สภาวธรรมที่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดยวิปากปัจจัย
มี ๕ วาระ เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย มี ๕ วาระ เป็นปัจจัยโดยอินทรียปัจจัย
มี ๕ วาระ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดยฌานปัจจัย
มี ๓ วาระ เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ เป็นปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย
มี ๕ วาระ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
วิปปยุตตปัจจัย
[๘๒] สภาวธรรมที่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดยวิปปยุตต-
ปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย
มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะและปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยวิปปยุตต-
ปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูป ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่
เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุโดยวิปปยุตตปัจจัย หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์โดย
วิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ
ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดย
วิปปยุตตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดยวิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดยวิปปยุตตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตโดย
วิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตและสัมปยุตตขันธ์
โดยวิปปยุตตปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์โดย
วิปปยุตตปัจจัย ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์ ฯลฯ
หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตและสัมปยุตตขันธ์โดยวิปปยุตตปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดย
วิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๑)

อัตถิปัจจัย
[๘๓] สภาวธรรมที่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดยอัตถิปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดยอัตถิปัจจัย
มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และอินทรียะ (ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดยอัตถิปัจจัย มี ๒
อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่จิตโดยอัตถิปัจจัย ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดยอัตถิปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง
ฯลฯ (ปัจจัยนี้เหมือนกับปุเรชาตปัจจัย ย่อ) (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตโดย
อัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ จิต และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นจิต ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตและสัมปยุตตขันธ์โดยอัตถิปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ (ปัจจัยนี้
เหมือนกับปุเรชาตปัจจัย ย่อ) (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
[๘๔] สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็น
จิตโดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ
และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นจิตและจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ ๒ ฯลฯ
สหชาตะ ได้แก่ จิตและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นจิตโดยอัตถิปัจจัย
(แม้ในปฏิสนธิขณะ ก็มี ๒ วาระ)
สหชาตะ ได้แก่ จิตและสัมปยุตตขันธ์เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดย
อัตถิปัจจัย
สหชาตะ ได้แก่ จิตและมหาภูตรูปเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิ-
ปัจจัย (แม้ในปฏิสนธิขณะ ก็มี ๒ วาระ)
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ จิตและสัมปยุตตขันธ์เป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดย
อัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ จิต สัมปยุตตขันธ์ และกวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่
กายนี้โดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ จิต สัมปยุตตขันธ์ และรูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่
กฏัตตารูปโดยอัตถิปัจจัย (๑)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๘๕] เหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

สมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๕ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๕ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ

๒. ปัจจนียุทธาร
[๘๖] สภาวธรรมที่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดยอารัมมณ-
ปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดยอารัมมณปัจจัย
สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปัจฉาชาตปัจจัย (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๖. จิตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตโดย
อารัมมณปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย (๓)
[๘๗] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย
กัมมปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตโดยอารัมมณปัจจัย
สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย และกัมมปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย และกัมมปัจจัย (๓)
[๘๘] สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิต
โดยอารัมมณปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปัจฉาชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่ไม่เป็นจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นจิตและที่
ไม่เป็นจิตโดยอารัมมณปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย (๓)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร

[๘๙] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัย มีปัจจัยละ ๙ วาระ)

โนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๙๐] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

นอัญญมัญญปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๓ วาระ

(ทุกปัจจัย มีปัจจัยละ ๓ วาระ)

นมัคคปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๙๑] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ

(พึงเพิ่มบทอนุโลมปฏิโลมมาติกา)
จิตตทุกะ จบ

๕๗. เจตสิกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๙๒] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกเกิดขึ้น ขันธ์ ๑ อาศัย
ขันธ์ ๒ เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ จิตและจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นเจตสิกเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ จิต
และกฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่เป็นเจตสิกเกิดขึ้น (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ จิตและจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น
เจตสิกเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
[๙๓] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป
อาศัยจิตเกิดขึ้น หทัยวัตถุอาศัยจิตเกิดขึ้น จิตอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัย
มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปอาศัย
มหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์อาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ... อาศัยจิต ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่เป็นเจตสิกอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิก
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ... อาศัยจิต ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ จิตและสัมปยุตตขันธ์อาศัย
หทัยวัตถุเกิดขึ้น (๓)
[๙๔] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็น
เจตสิกเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกและ
อาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑
ที่เป็นเจตสิกและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒
อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิก อาศัยจิตและหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒
ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิก
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นเจตสิกและอาศัยจิต
เกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นเจตสิกและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่เป็นเจตสิกและอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิ-
ขณะ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่เป็นเจตสิกและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
จิตอาศัยขันธ์ที่เป็นเจตสิกและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและ
ที่ไม่เป็นเจตสิกเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัย
ขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ขันธ์ ๒ และกฏัตตารูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ และจิตอาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกและ
อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ขันธ์ ๑ และจิตอาศัยขันธ์ ๒ และหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๓)

อารัมมณปัจจัย
[๙๕] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกเกิดขึ้น ... อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตอาศัยขันธ์ที่เป็นเจตสิกเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเจตสิก
เกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตอาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิก
เกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
[๙๖] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ จิตอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์อาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ สัมปยุตต-
ขันธ์อาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่เป็นเจตสิกอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิก
เกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ จิตและสัมปยุตตขันธ์อาศัย
หทัยวัตถุเกิดขึ้น (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิก
เกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกและ
อาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑
ที่เป็นเจตสิกและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒
อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิก
เกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ จิตอาศัยขันธ์ที่เป็นเจตสิก
และอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและ
ที่ไม่เป็นเจตสิกเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ และ
จิตอาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)

อธิปติปัจจัย

[๙๗] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเกิดขึ้นเพราะ
อธิปติปัจจัย (ย่อ)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๙๘] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

อัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๙๙] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเกิดขึ้นเพราะ
นเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งเป็นเจตสิกเกิดขึ้น ... อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา
และที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย
ได้แก่ จิตและจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งเป็นเจตสิกเกิดขึ้น ใน
ปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเจตสิก
เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ จิต และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑
ที่ไม่มีเหตุซึ่งเป็นเจตสิกเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ
ฯลฯ (๓)
[๑๐๐] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเกิดขึ้นเพราะ
นเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตที่เป็นอเหตุกะเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
ที่เป็นอเหตุกะ กฏัตตารูปอาศัยจิตเกิดขึ้น หทัยวัตถุอาศัยจิตเกิดขึ้น จิตอาศัย
หทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ สําหรับเหล่าอสัญญสัตตพรหม ...
อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย
ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์อาศัยจิตที่เป็นอเหตุกะเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ
สัมปยุตตขันธ์อาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ที่เป็นเจตสิกอาศัย
หทัยวัตถุเกิดขึ้น โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัยจิตที่
สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิก
เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตที่เป็น
อเหตุกะเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปอาศัย
จิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ จิตและสัมปยุตตขันธ์อาศัยหทัยวัตถุ
เกิดขึ้น (๓)
[๑๐๑] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็น
เจตสิกเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งเป็น
เจตสิกและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ
ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกและอาศัย
หทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคต
ด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและอาศัยจิต
เกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิก
เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งเป็นเจตสิก
และอาศัยจิตเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งเป็นเจตสิกและอาศัย
มหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่เป็นเจตสิก
และอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่เป็นเจตสิก
และอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ จิตอาศัยขันธ์ที่เป็น
เจตสิกและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและ
ที่ไม่เป็นเจตสิกเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูป
อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งเป็นเจตสิกและอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็น
อเหตุกะ ขันธ์ ๒ และกฏัตตารูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกและอาศัยจิตเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ ๒ และจิตอาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกและ
อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)

นอารัมมณปัจจัย
[๑๐๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเกิดขึ้น
เพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นเจตสิกเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเกิดขึ้นเพราะ
นอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
(พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิก
เกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นเจตสิกและ
อาศัยจิตเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นเจตสิกและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น
(ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเข้าทั้ง ๒ วาระ ย่อ)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๐๓] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ l/r
นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระl/r
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระl/r
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระl/r
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระl/r
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระl/r
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระl/r
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระl/r
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระl/r
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระl/r
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระl/r
นฌานปัจจัย มี ๖ วาระl/r
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระl/r
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระl/r
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระl/r
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระl/r
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระl/r

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๑๐๔] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระl/r
นอธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ (ย่อ)l/r

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๑๐๕] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระl/r
อนันตรปัจจัย ” มี ๙ วาระ ฯลฯl/r
ปุเรชาตปัจจัย ” มี ๕ วาระl/r


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๓. ปัจจยวาร

อาเสวนปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
กัมมปัจจัย ” มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

มัคคปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ

(สหชาตวารเหมือนกับปฏิจจวาร)

๕๗. เจตสิกทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๑๐๖] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตทำหทัยวัตถุ
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น หทัยวัตถุ
ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำมหาภูตรูป ๑
ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่เป็นเจตสิก
ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเข้าทั้ง ๒ วาระ) (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปทำจิต
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตและสัมปยุตตขันธ์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ใน
ปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเข้าทั้ง ๒ วาระ) (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๓. ปัจจยวาร
[๑๐๗] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิก
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกและ
ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิก
และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่ม
เข้าทั้ง ๒ วาระ) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่เป็นเจตสิกและ
ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่เป็นเจตสิกและทำมหาภูตรูป
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตทำขันธ์ที่เป็นเจตสิกและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
(ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเข้าทั้ง ๓ วาระ) (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่
ไม่เป็นเจตสิกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐาน-
รูปทำขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
ขันธ์ ๒ และจิตทำขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ...
ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเข้าทั้ง ๒ วาระ) (๓)

อารัมมณปัจจัย
[๑๐๘] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ
กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๓. ปัจจยวาร
ปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำกายายตนะ ฯลฯ สัมปยุตตขันธ์ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ขันธ์ที่เป็นเจตสิกทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเข้า
ทั้ง ๒ วาระ) (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์ทำ
จักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำกายายตนะ ฯลฯ จิตและสัมปยุตตขันธ์
ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ มี ๑ วาระ) (๓)
[๑๐๙] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิก
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่สหรคต
ด้วยจักขุวิญญาณและทำจักขุวิญญาณให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่
เป็นเจตสิกและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑
ที่เป็นเจตสิกและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ใน
ปฏิสนธิขณะ มี ๒ วาระ) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณทำขันธ์ที่สหรคตด้วย
จักขุวิญญาณและทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ
ฯลฯ จิตทำขันธ์ที่เป็นเจตสิกและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ
มี ๑ วาระ) (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและ
ที่ไม่เป็นเจตสิกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และ
จักขุวิญญาณทำขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ และจิตทำขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกและทำ
หทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ มี ๑ วาระ
ย่อ) (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร

[๑๑๐] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

ปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๑๑๑] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ... ทำขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งเป็นเจตสิก ย่อ)
(มี ๙ วาระ พึงเพิ่มปัญจวิญญาณเหมือนอารัมมณปัจจัย เฉพาะใน ๓ วาระ
เท่านั้นมีโมหะ ผู้รู้พึงจัดวาระทั้งหมดไว้ในปวัตติกาลและปฏิสนธิกาล)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๑๒] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๓. ปัจจยวาร

นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๑๑๓] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ (ย่อ)

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๑๑๔] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ l/r
อนันตรปัจจัย ” มี ๙ วาระl/r

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

มัคคปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ

(นิสสยวารเหมือนกับปัจจยวาร)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๕๗. เจตสิกทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๑๑๕] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเกิดระคนกับสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิก ... เกิดระคนกับ
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเกิดระคนกับสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ จิตเกิดระคนกับขันธ์ที่เป็นเจตสิก ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกเกิดระคนกับสภาวธรรมที่เป็นเจตสิก
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตเกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิก ...
เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเกิดระคนกับสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์เกิดระคนกับจิต ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเกิดระคนกับสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิก
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกและเกิดระคน
กับจิต ... เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑) (ย่อ)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร

[๑๑๖] เหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๕ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๕ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
[๑๑๗] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเกิดระคนกับสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเพราะ
นเหตุปัจจัย (โดยนัยนี้ พึงเพิ่มเข้าทั้ง ๕ วาระ เฉพาะ ๓ วาระมีโมหะ ย่อ)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร

[๑๑๘] นเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๕ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และสัมปยุตตวาร พึงเพิ่มอย่างนี้)

๕๗. เจตสิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๑๑๙] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกโดย
เหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยเหตุปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกโดยเหตุปัจจัย
ได้แก่ เหตุที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่จิตและจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็น
เจตสิกโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ จิต และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)

อารัมมณปัจจัย
[๑๒๐] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภขันธ์ที่เป็นเจตสิก ขันธ์ที่เป็นเจตสิกจึงเกิดขึ้น
(พึงอ้างบทที่เป็นมูล) เพราะปรารภขันธ์ที่เป็นเจตสิก จิตจึงเกิดขึ้น (พึงอ้างบทที่
เป็นมูล) เพราะปรารภขันธ์ที่เป็นเจตสิก ขันธ์ที่เป็นเจตสิกและจิตจึงเกิดขึ้น (๓)
[๑๒๑] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิก
โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ พระอริยะออกจากมรรค ฯลฯ พิจารณาผล พิจารณา
นิพพาน นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค ผล และอาวัชชนจิตโดย
อารัมมณปัจจัย บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ และขันธ์ที่ไม่เป็นเจตสิก
โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลิน
จักษุเป็นต้นนั้น จิตจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสต-
ธาตุ รู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่ไม่เป็นเจตสิกด้วยเจโตปริยญาณ
อากาสานัญจายตนะ ฯลฯ อากิญจัญญายตนะ ฯลฯ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่
จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่
เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกโดยอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ พระอริยะออกจากมรรค ฯลฯ พิจารณานิพพาน (เหมือนกับข้อความ
ตอนต้น) บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุและขันธ์ที่ไม่เป็นเจตสิกโดยเป็นสภาวะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพ-
โสตธาตุ รู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่ไม่เป็นเจตสิกด้วยเจโตปริยญาณ
อากาสานัญจายตนะ ฯลฯ อากิญจัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ
ฯลฯ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ
เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัย
แก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อนาคตังสญาณ และ
อาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็น
เจตสิกโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ พระอริยะออกจากมรรค ฯลฯ พิจารณานิพพาน
(เหมือนกับข้อความตอนต้น) บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ และขันธ์ที่ไม่เป็น
เจตสิกโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดี
เพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น จิตและสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วย
ทิพพจักขุ ฯลฯ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์โดย
อารัมมณปัจจัย ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณและสัมปยุตต-
ขันธ์ ฯลฯ ขันธ์ ที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ
ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๓)
[๑๒๒] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่เป็นเจตสิกโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภขันธ์ที่เป็นเจตสิกและจิต ขันธ์
ที่เป็นเจตสิกจึงเกิดขึ้น (พึงอ้างบทที่เป็นมูล) เพราะปรารภขันธ์ที่เป็นเจตสิกและจิต
จิตจึงเกิดขึ้น (พึงอ้างบทที่เป็นมูล) เพราะปรารภขันธ์ที่เป็นเจตสิกและจิต ขันธ์ที่เป็น
เจตสิกและจิตจึงเกิดขึ้น (๓)

อธิปติปัจจัย
[๑๒๓] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกโดย
อธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทําขันธ์ที่เป็นเจตสิกให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น ขันธ์ที่เป็นเจตสิกจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
โดยอธิปติปัจจัย (พึงอ้างบทที่เป็นมูล)
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทําขันธ์ที่เป็นเจตสิกให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น จิตจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่จิตและ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (พึงอ้างบทที่เป็นมูล)
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทําขันธ์ที่เป็นเจตสิกให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น ขันธ์ที่เป็นเจตสิกและจิตจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
จิต และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๓)
[๑๒๔] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิก
โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ พระอริยะออกจากมรรค ฯลฯ พิจารณานิพพาน
ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค และผล
โดยอธิปติปัจจัย บุคคลยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุและขันธ์ที่ไม่เป็น
เจตสิกให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทําความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้น
นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น จิตจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่จิตและจิตต-
สมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกโดยอธิปติปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ พระอริยะออกจากมรรค ฯลฯ พิจารณานิพพานให้
เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ (เหมือนกับข้อความตอนต้น) บุคคลยินดี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
เพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุและขันธ์ที่ไม่เป็นเจตสิกให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น เพราะทําความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
โดยอธิปติปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็น
เจตสิกโดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ พระอริยะออกจากมรรค ฯลฯ พิจารณานิพพาน ฯลฯ
(เหมือนกับข้อความตอนต้น) บุคคลยินดีเพลิดเพลินขันธ์ที่ไม่เป็นเจตสิกให้เป็น
อารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทําความยินดีเพลิดเพลินขันธ์นั้นให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น ขันธ์ที่เป็นเจตสิกและจิตจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิก
โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ มี ๓ วาระ (มีเฉพาะ
อารัมมณาธิปติปัจจัย)

อนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๑๒๕] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิก
โดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นเจตสิกซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็น
เจตสิกซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (พึงอ้างบทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่เป็นเจตสิกซึ่ง
เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่จิตที่เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (พึงอ้างบทที่เป็นมูล)
ขันธ์ที่เป็นเจตสิกซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นเจตสิกและจิตที่เกิดหลัง ๆ
โดยอนันตรปัจจัย (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๗๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
[๑๒๖] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิก
โดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ จิตที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่จิตที่เกิดหลัง ๆ โดย
อนันตรปัจจัย อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ ผลสมาบัติโดยอนันตรปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกโดยอนันตรปัจจัย
(โดยนัยนี้พึงเพิ่มเป็น ๓ วาระ เหมือนกับข้อความตอนต้น พึงเพิ่มให้บริบูรณ์ ไม่มี
ข้อแตกต่างกัน)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิก
โดยอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ (ไม่มีอาวัชชนจิตและวุฏฐานะ)
เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย
มี ๙ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) เป็นปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
(เหมือนกับปฏิจจวาร) เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ (เหมือนกับปัจจยวาร)

อุปนิสสยปัจจัย
[๑๒๗] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกโดย
อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นเจตสิกโดย
อุปนิสสยปัจจัย (พึงอ้างบทที่เป็นมูล อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ) ขันธ์ที่เป็น
เจตสิกเป็นปัจจัยแก่จิตโดยอุปนิสสยปัจจัย (พึงอ้างบทที่เป็นมูล อุปนิสสยปัจจัย
มี ๓ วาระ) ขันธ์ที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นเจตสิกและจิตโดย
อุปนิสสยปัจจัย (๓)
[๑๒๘] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิก
โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๗๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยอุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะและจิต
แล้วให้ทาน ฯลฯ ทําลายสงฆ์ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะและจิตเป็น
ปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ... ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา ... สุขทางกาย
... ทุกข์ทางกาย ... มรรคและผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกโดยอุปนิสสย-
ปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ
ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยอุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะและจิต
แล้วให้ทาน ฯลฯ (มี ๓ วาระ เหมือนกับข้อความตอนต้น ไม่มีข้อแตกต่างกัน)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิก
โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ปุเรชาตปัจจัย
[๑๒๙] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิก
โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็น
ต้นนั้น จิตจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่
กายวิญญาณ ฯลฯ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดยปุเรชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกโดยปุเรชาตปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๗๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะ
ไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสต-
ธาตุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ
เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ
ฯลฯ กายายตนะ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นเจตสิกโดยปุเรชาต-
ปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็น
เจตสิกโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินจักษุ
เป็นต้นนั้น จิตและสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียง
ด้วยทิพพโสตธาตุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์ ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์
ฯลฯ กายายตนะ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตและสัมปยุตตขันธ์โดยปุเรชาต-
ปัจจัย (๓)

ปัจฉาชาตปัจจัยและอาเสวนปัจจัย
[๑๓๐] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกโดย
ปัจฉาชาตปัจจัย (ย่อ)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกโดยปัจฉาชาต-
ปัจจัย (ย่อ)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็น
เจตสิกโดยปัจฉาชาตปัจจัย (ย่อ)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกโดยอาเสวน-
ปัจจัย (ย่อ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๗๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
กัมมปัจจัย
[๑๓๑] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกโดยกัมม-
ปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยกัมมปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบากโดย
กัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกโดยกัมมปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่จิตและจิตตสมุฏฐานรูปโดย
กัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่จิตที่เป็นวิบากและ
กฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิก
โดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ จิต และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบาก จิต
และกฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๓)

วิปากปัจจัยเป็นต้น
[๑๓๒] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกโดย
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ เป็นปัจจัย
โดยอินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ เป็นปัจจัยโดยฌานปัจจัย มี ๓ วาระ เป็น
ปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ เป็นปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๗๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
วิปปยุตตปัจจัย
[๑๓๓] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกโดย
วิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกโดยวิปปยุตต-
ปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ จิตเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยวิปปยุตตปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ จิตเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยวิปปยุตตปัจจัย จิตเป็นปัจจัยแก่
หทัยวัตถุโดยวิปปยุตตปัจจัย หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดยวิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณโดยวิปปยุตตปัจจัย
ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดย
วิปปยุตตปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ จิตเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดยวิปปยุตตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกโดยวิปปยุตต-
ปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นเจตสิกโดย
วิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ
ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ หทัยวัตถุ
เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นเจตสิกโดยวิปปยุตตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็น
เจตสิก โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่างคือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นเจตสิกและ
จิตโดยวิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์
ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์ ฯลฯ หทัยวัตถุ
เป็นปัจจัยแก่จิตและสัมปยุตตขันธ์โดยวิปปยุตตปัจจัย (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๗๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็น
เจตสิกโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ)

อัตถิปัจจัย
[๑๓๔] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกโดย
อัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกโดยอัตถิปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิก
โดยอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) (๓)
[๑๓๕] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิก
โดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ
และอินทรียะ (ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกโดยอัตถิปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ จิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นเจตสิกโดยอัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิ-
ขณะ จิต ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นเจตสิกโดย
อัตถิปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง
ฯลฯ (ปัจจัยนี้เหมือนกับปุเรชาตปัจจัย ไม่มีข้อแตกต่างกัน) (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็น
เจตสิกโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ จิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดย
อัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ จิต ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่
ขันธ์ที่เป็นเจตสิกและจิตโดยอัตถิปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๗๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง
ฯลฯ (ปัจจัยนี้เหมือนกับปุเรชาตปัจจัย ไม่มีข้อแตกต่างกัน) (๓)
[๑๓๖] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่เป็นเจตสิกโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะเป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิก
หทัยวัตถุ และจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ โดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ ๒ ฯลฯ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิก หทัยวัตถุ และจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์
๒ โดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเข้าทั้ง ๒ วาระ) (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็น
เจตสิกโดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ
และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะเป็นปัจจัยแก่
จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ที่เป็นเจตสิกและจิตเป็นปัจจัย
แก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ที่เป็นเจตสิก จิต และมหาภูตรูปเป็นปัจจัย
แก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นเจตสิกและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดยอัตถิปัจจัย
(ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเข้าทั้ง ๓ วาระ)
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นเจตสิกและจิตเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดย
อัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นเจตสิก จิต และกวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่
กายนี้โดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นเจตสิก จิต และรูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่
กฏัตตารูปโดยอัตถิปัจจัย (๒)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๗๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิก
และที่ไม่เป็นเจตสิกโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะเป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ และจักขุวิญญาณโดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย
กายวิญญาณและกายายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ และกายวิญญาณโดยอัตถิปัจจัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๒
และจิตโดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเข้าทั้ง ๒ วาระ) (๓)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๓๗] เหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๗๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร

อินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

อนุโลม จบ

๒. ปัจจนียุทธาร
[๑๓๘] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย และกัมมปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็น
เจตสิกโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และกัมมปัจจัย (๓)
[๑๓๙] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิก
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย
อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกโดยอารัมมณ-
ปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็น
เจตสิกโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๗๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๗. เจตสิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
[๑๔๐] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่เป็นเจตสิกโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็น
เจตสิกโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย และ
ปัจฉาชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเจตสิก
และที่ไม่เป็นเจตสิกโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย (๓)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร

[๑๔๑] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

โนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๑๔๒] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๑ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๓ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๓ วาระ)

นมัคคปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๘๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

นวิปปยุตตปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๑๔๓] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ

(พึงเพิ่มบทอนุโลมมาติกา) ฯลฯ

อวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ

เจตสิกทุกะ จบ

๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังคาร
เหตุปัจจัย
[๑๔๔] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตอาศัยสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สัมปยุตด้วยจิตเกิดขึ้น ขันธ์ ๑
อาศัยขันธ์ ๒ เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตอาศัยสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่วิปปยุตจากจิตอาศัยสภาวธรรมที่สัมปยุต
ด้วยจิตเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑
ที่สัมปยุตด้วยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๘๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
[๑๔๕] สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตอาศัยสภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัย
มหาภูตรูปเกิดขึ้น ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ
กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตอาศัยสภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิตอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่วิปปยุตจากจิตอาศัยสภาวธรรมที่วิปปยุต
จากจิตเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิตอาศัย
หทัยวัตถุเกิดขึ้น กฏัตตารูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๓)
[๑๔๖] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตอาศัยสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่
วิปปยุตจากจิตเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ อาศัย
ขันธ์ ๑ ที่สัมปยุตด้วยจิตและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตอาศัยสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่วิปปยุต
จากจิตเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
และอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่สัมปยุตด้วย
จิตและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่วิปปยุตจากจิตอาศัยสภาวธรรมที่สัมปยุต
ด้วยจิตและที่วิปปยุตจากจิตเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒
อาศัยขันธ์ ๑ ที่สัมปยุตด้วยจิตและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิตและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๓)

อารัมมณปัจจัย
[๑๔๗] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตอาศัยสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สัมปยุตด้วยจิตเกิดขึ้น ...
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๘๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตอาศัยสภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตเกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิตอาศัยหทัยวัตถุ
เกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตอาศัยสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่วิปปยุต
จากจิตเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑
ที่สัมปยุตด้วยจิตและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (ย่อ) (๑)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๔๘] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๙ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๘๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

ฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๓ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๑๔๙] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตอาศัยสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิต
เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งสัมปยุต
ด้วยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ
โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วย
วิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๑)
(โดยนัยนี้ พึงเพิ่มเข้าทั้ง ๙ วาระ พึงกําหนดคําว่า เป็นอเหตุกะทุก ๆ วาระ
พึงทําโมหมูลอย่างเดียวให้บริบูรณ์)

นอารัมมณปัจจัย
[๑๕๐] สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตอาศัยสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเกิดขึ้น
เพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๘๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตอาศัยสภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตเกิดขึ้นเพราะ
นอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึง
อสัญญสัตตพรหม) (๑)
สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตอาศัยสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่วิปปยุต
จากจิตเกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่สัมปยุต
ด้วยจิตและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ... อาศัยขันธ์ ๑ (ย่อ) (๑)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๕๑] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๒ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๘๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๑๕๒] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ ฯลฯ
นกัมมปัจจัย ” มี ๑ วาระ
นวิปากปัจจัย ” มี ๕ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๑๕๓] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
สมนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯ
อัญญมัญญปัจจัย ” มี ๖ วาระ ฯลฯ
ปุเรชาตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
อาเสวนปัจจัย ” มี ๑ วาระ
กัมมปัจจัย ” มี ๙ วาระ ฯลฯ
มัคคปัจจัย ” มี ๑ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ

(สหชาตวารเหมือนกับปฏิจจวาร)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๘๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๑๕๔] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตทำสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตทำสภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) (๑)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตทำสภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่วิปปยุตจากจิตทำสภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิต
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิตทำหทัยวัตถุให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๓)
[๑๕๕] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตทำสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่
วิปปยุตจากจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑
ที่สัมปยุตด้วยจิตและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตทำสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่วิปปยุตจาก
จิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่สัมปยุตด้วย
จิตและทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่วิปปยุตจากจิตทำสภาวธรรมที่สัมปยุต
ด้วยจิตและที่วิปปยุตจากจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๘๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๓. ปัจจยวาร
ทำขันธ์ ๑ ที่สัมปยุตด้วยจิตและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิตและทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)

อารัมมณปัจจัย
[๑๕๖] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตทำสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) (๑)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตทำสภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้น ฯลฯ ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตทำสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่วิปปยุตจาก
จิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่สหรคต
ด้วยจักขุวิญญาณและทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณและทำกายายตนะให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่สัมปยุตด้วยจิตและทำ
หทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (ย่อ) (๑)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๕๗] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๘๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๓. ปัจจยวาร

สมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๑๕๘] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตทำสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตทำสภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ... ทำมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึง
อสัญญสัตตพรหม) (๑)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตทำสภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำกายายตนะ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งสัมปยุตด้วยจิตทำ
หทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา
และที่สหรคตด้วยอุทธัจจะทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่วิปปยุตจากจิตทำสภาวธรรมที่วิปปยุตจาก
จิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งสัมปยุตด้วยจิต
ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๘๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๓. ปัจจยวาร
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตทำสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่วิปปยุตจาก
จิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่สหรคต
ด้วยจักขุวิญญาณและทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณและทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งสัมปยุตด้วยจิตและทำ
หทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ
ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะทำขันธ์ที่สหรคตด้วย
วิจิกิจฉาที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
(โดยนัยนี้ พึงเพิ่มทั้ง ๒ วาระ ให้เป็นปวัตติกาลและปฏิสนธิกาล ย่อ)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๕๙] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๔ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๙๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร

นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

๓ ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๑๖๐] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ
นกัมมปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๑๖๑] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ
มัคคปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ

(นิสสยวารเหมือนกับปัจจยวาร)

๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๑. ปัจจยานุโลมเป็นต้น
[๑๖๒] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเกิดระคนกับสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย
จิตเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่สัมปยุตด้วยจิต ...
เกิด ระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

เหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๑ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๙๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

อธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๑ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๑ วาระ
นเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๑ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ

(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และสัมปยุตตวาร พึงทําอย่างนี้)

๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๑๖๓] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุต
ด้วยจิตโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดย
เหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตโดย
เหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๙๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่
วิปปยุตจากจิตโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-
ขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)

อารัมมณปัจจัย
[๑๖๔] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย
จิตโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว
พิจารณากุศลนั้น ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้น
ราคะจึงเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลพิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้
ดีแล้ว ฯลฯ ออกจากฌานแล้วพิจารณาฌาน ฯลฯ พระอริยะออกจากมรรคแล้ว
พิจารณามรรค พิจารณาผล พิจารณากิเลสที่ละได้แล้ว พิจารณากิเลสที่ข่มได้แล้ว
รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น บุคคลเห็นแจ้งขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิตโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ
โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยสภาวธรรมที่สัมปยุต
ด้วยจิตด้วยเจโตปริยญาณ อากาสานัญจายตนะเป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ
อากิญจัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ ฯลฯ ขันธ์ที่สัมปยุต
ด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
ยถากัมมูปคญาณ อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๑)
[๑๖๕] สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย
จิตโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ พระอริยะพิจารณานิพพาน นิพพานเป็นปัจจัยแก่
โคตรภู โวทาน มรรค ผล และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย บุคคลเห็น
แจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ และขันธ์ที่วิปปยุตจากจิตโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ
โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ
ขันธ์ที่วิปปยุตจากจิตเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
ยถากัมมูปคญาณ อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๙๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อธิปติปัจจัย
[๑๖๖] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย
จิตโดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว
พิจารณากุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ยินดีเพลิดเพลิน เพราะทําความ
ยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
บุคคลพิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออกจากฌาน ฯลฯ พระอริยะ
ออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรคให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พิจารณาผลให้เป็น
อารมณ์อย่างหนักแน่น บุคคลยินดีเพลิดเพลินขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิตให้เป็นอารมณ์
อย่างหนักแน่น เพราะทําความยินดีเพลิดเพลินขันธ์นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ
์โดยอธิปติปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตโดย
อธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่สัมปยุตด้วยจิต
เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่
วิปปยุตจากจิตโดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่
อธิบดีธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดย
อธิปติปัจจัย (๓)
[๑๖๗] สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย
จิตโดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ พระอริยะพิจารณา
นิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน
มรรค และผลโดยอธิปติปัจจัย บุคคลยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ และ
ขันธ์ที่วิปปยุตจากจิตให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทําความยินดีเพลิดเพลิน
จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๙๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๑๖๘] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย
จิตโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิตซึ่งเกิดก่อน ๆ ฯลฯ เป็นปัจจัย
แก่ผลสมาบัติโดยอนันตรปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย เป็นปัจจัยโดย
สหชาตปัจจัย มี ๗ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร ไม่มีฆฏนาในปัญหาวาร) เป็น
ปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) เป็นปัจจัยโดย
นิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ (เหมือนกับปัจจยวาร ไม่มีฆฏนาในปัญหาวาร)

อุปนิสสยปัจจัย
[๑๖๙] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิต
โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ มีมานะ ถือทิฏฐิ
อาศัยศีล ฯลฯ ความปรารถนา สุขทางกาย ทุกข์ทางกายแล้วให้ทาน ฯลฯ ฆ่าสัตว์
ฯลฯ ทําลายสงฆ์ ศรัทธา ฯลฯ ทุกข์ทางกายเป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ มรรค
และผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตโดย
อุปนิสสยปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะและปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยอุตุ ฯลฯ โภชนะ และเสนาสนะแล้วให้ทาน
ฯลฯ ทําลายสงฆ์ อุตุ ฯลฯ โภชนะและเสนาสนะเป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ
ผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)

ปุเรชาตปัจจัย
[๑๗๐] สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย
จิตโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๙๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วย
ทิพพโสตธาตุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ
ฯลฯ กายายตนะ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิตโดย
ปุเรชาตปัจจัย (๑)

ปัจฉาชาตปัจจัยและอาเสวนปัจจัย
[๑๗๑] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจาก
จิตโดยปัจฉาชาตปัจจัย (ย่อ) มี ๑ วาระ เป็นปัจจัยโดยอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ

กัมมปัจจัย
[๑๗๒] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย
จิตโดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยกัมม-
ปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบากโดย
กัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตโดย
กัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดย
กัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดย
กัมมปัจจัย (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๙๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่
วิปปยุตจากจิตโดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบากและ
กฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๓)

วิปากปัจจัยและอาหารปัจจัย
[๑๗๓] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย
จิตโดยวิปากปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตโดย
อาหารปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตโดย
อาหารปัจจัย ได้แก่ กวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้โดยอาหารปัจจัย (๑)

อินทรียปัจจัยเป็นต้น
[๑๗๔] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย
จิตโดยอินทรียปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตโดย
อินทรียปัจจัย ได้แก่ รูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยอินทรียปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตโดย
อินทรียปัจจัย ได้แก่ จักขุนทรีย์เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณโดย
อินทรียปัจจัย ฯลฯ กายินทรีย์ ฯลฯ (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๙๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่วิปปยุตจากจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
สัมปยุตด้วยจิตโดยอินทรียปัจจัย ได้แก่ จักขุนทรีย์และอุเปกขินทรีย์เป็นปัจจัยแก่
ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณโดยอินทรียปัจจัย ฯลฯ กายินทรีย์และสุขินทรีย์
ฯลฯ กายินทรีย์และทุกขินทรีย์เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณโดย
อินทรียปัจจัย (๑)
... เป็นปัจจัยโดยฌานปัจจัย มี ๓ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ

วิปปยุตตปัจจัย
[๑๗๕] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจาก
จิตโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตโดย
วิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สัมปยุตด้วย
จิตโดยวิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณโดย
วิปปยุตตปัจจัย ฯลฯ กายายตนะ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สัมปยุต
ด้วยจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย (๑)

อัตถิปัจจัย
[๑๗๖] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย
จิตโดยอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) (๑)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตโดย
อัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๙๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่
วิปปยุตจากจิตโดยอัตถิปัจจัย (เหมือนกับปฏิจจวาร) (๓)
[๑๗๗] สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิต
โดยอัตถิปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ อาหาระ และอินทรียะ (ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตโดย
อัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
โดยอัตถิปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง
ฯลฯ (ปัจจัยนี้เหมือนกับปุเรชาตปัจจัย) (๒)
[๑๗๘] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่วิปปยุตจากจิตเป็นปัจจัยแก่สภาว-
ธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะเป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณและกายายตนะเป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๑ ที่สัมปยุตด้วยจิตและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๒
ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่วิปปยุตจากจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
วิปปยุตจากจิตโดยอัตถิปัจจัย มี ๔ อย่าง คือ สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ
และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิตและมหาภูตรูปเป็นปัจจัยแก่จิตต-
สมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิตและกวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่
กายนี้โดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิตและรูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่
กฏัตตารูปโดยอัตถิปัจจัย (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๙๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๗๙] เหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๑ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๗ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๑ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๓ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๔ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๖ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๑ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ

อนุโลม จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๐๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๒. ปัจจนียุทธาร
[๑๘๐] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย
จิตโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตโดย
สหชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย และกัมมปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่
วิปปยุตจากจิตโดยสหชาตปัจจัยและกัมมปัจจัย (๓)
[๑๘๑] สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิต
โดยสหชาตปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่วิปปยุตจากจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่วิปปยุตจากจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
สัมปยุตด้วยจิตโดยสหชาตปัจจัยและปุเรชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตและที่วิปปยุตจากจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
วิปปยุตจากจิตโดยสหชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรีย-
ปัจจัย (๒)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๘๒] นเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๗ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๐๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๕๘. จิตตสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

นสมนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ
นสหชาตปัจจัย มี ๖ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๗ วาระ)

นสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
โนอัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ
โนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๑๘๓] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๑ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๓ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๓ วาระ)

นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๐๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๑๘๔] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ
อธิปติปัจจัย ” มี ๔ วาระ

(พึงเพิ่มบทอนุโลมมาติกา) ฯลฯ

อวิคตปัจจัย ” มี ๗ วาระ

จิตตสัมปยุตตทุกะ จบ

๕๙. จิตตสังสัฏฐทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
[๑๘๕] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่ระคนกับจิตเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตเกิดขึ้น ... อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่ระคนกับจิตเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๒)
(พึ่งเพิ่มจิตตสังสัฏฐทุกะเหมือนจิตตสัมปยุตตทุกะ ไม่มีข้อแตกต่างกัน)
จิตตสังสัฏฐทุกะ จบ

๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๑๘๖] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่มีจิต

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๐๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
เป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ อาศัย
ขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑
ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทายรูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตอาศัยขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
จิตและกฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มี
จิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ จิตและจิตตสมุฏฐานรูป
ทำขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ขันธ์ ๒ จิตและกฏัตตารูปทำขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น ... อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)
[๑๘๗] สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็น
สมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยจิตเกิดขึ้น
หทัยวัตถุอาศัยจิตเกิดขึ้น จิตอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ
กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตเกิดขึ้น ใน
ปฏิสนธิขณะ สัมปยุตตขันธ์อาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่
ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ สัมปยุตตขันธ์
และกฏัตตารูปอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ จิตและสัมปยุตตขันธ์อาศัย
หทัยวัตถุเกิดขึ้น (๓)
[๑๘๘] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และ
จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๐๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและ
อาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑
ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่
ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป
อาศัยขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปที่
เป็นอุปาทายรูปอาศัยขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ใน
ปฏิสนธิขณะ จิตอาศัยขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มี
จิตเป็นสมุฏฐาน และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ และกฏัตตารูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและ
อาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ และจิตอาศัย
ขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)

อารัมมณปัจจัย
[๑๘๙] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
เกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัยได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น
... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
เกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตอาศัยขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มี
จิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตอาศัยขันธ์ ๑
ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
[๑๙๐] สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็น
สมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ จิตอาศัยหทัยวัตถุ
เกิดขึ้น (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๐๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์อาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
สัมปยุตตขันธ์อาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัย
หทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่
ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ จิตและ
สัมปยุตตขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๓)
[๑๙๑] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัย
ขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น ...
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่
ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ จิตอาศัย
ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มี
จิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ใน
ปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ และจิตอาศัยขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยหทัยวัตถุ
เกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๙๒] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๐๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ l/r
อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระl/r
สมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระl/r
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระl/r
อัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระl/r
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระl/r
อุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระl/r
ปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระl/r
อาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระl/r
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระl/r
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระl/r
อาหารปัจจัย มี ๙ วาระl/r
อินทรียปัจจัย มี ๙ วาระl/r
ฌานปัจจัย มี ๙ วาระl/r
มัคคปัจจัย มี ๙ วาระl/r
สัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระl/r

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ l/r

อนุโลม จบ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๑๙๓] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่
ไม่มีเหตุซึ่งมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็น
อเหตุกะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๐๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทายรูป
อาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ
อาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น
เพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตอาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น ใน
ปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ จิตและกฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรม
ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ จิตและจิตต-
สมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒
ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ (๓)
[๑๙๔] สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็น
สมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ กฏัตตารูป
อาศัยจิตเกิดขึ้น หทัยวัตถุอาศัยจิตเกิดขึ้น จิตอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัย
มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) (๑)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น
เพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตที่เป็นอเหตุกะ
เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ... อาศัยจิต ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็น
อเหตุกะ ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น โมหะที่สหรคตด้วย
วิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคต
ด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่
ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ
สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปอาศัยจิตเกิดขึ้น ในขณะปฏิสนธิที่เป็นอเหตุกะ
จิตและสัมปยุตตขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๐๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
[๑๙๕] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และ
จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น
... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑
ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น
... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ
อาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและอาศัยจิตเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่
ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ
กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็น
อเหตุกะ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ จิตอาศัยขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยหทัยวัตถุ
เกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มี
จิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่
ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ ๒ และกฏัตตารูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ
ขันธ์ ๒ และจิตอาศัยขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ...
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)

นอารัมมณปัจจัย
[๑๙๖] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
เกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป
ที่เป็นอุปาทายรูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๐๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น
เพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานเกิดขึ้น (๒)
[๑๙๗] สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็น
สมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัยได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยจิต
เกิดขึ้น หทัยวัตถุอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความ
จนถึงอสัญญสัตตพรหม) (๑)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น
เพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มี
จิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่
มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตและมหาภูตรูป
เกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่
ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ
กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (ย่อ) (๒)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๙๘] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๑๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

นสมนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๖ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๑๙๙] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ ฯลฯ
นกัมมปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย ” มี ๕ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๖ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๕ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๖ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๖ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๑๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๒๐๐] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย ” มี ๙ วาระ ฯลฯ
ปุเรชาตปัจจัย ” มี ๕ วาระ
อาเสวนปัจจัย ” มี ๕ วาระ ฯลฯ
ฌานปัจจัย ” มี ๓ วาระ
มัคคปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ

(สหชาตวารเหมือนกับปฏิจจวาร)

๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๐๑] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (เหมือนกับปฏิจจวาร) (๑)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปทำจิตให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิ-
ขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ) (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่มี
จิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตและสัมปยุตตขันธ์ทำ
หทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ มี ๒ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๑๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร
[๒๐๒] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและ
ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒
ทำขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ...
ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะพึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาร) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มี
จิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตทำขันธ์ที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๓ วาระ
เหมือนกับปฏิจจวาร) (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิต
เป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ ๒ และจิตทำขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระเหมือนกับปฏิจจวาร) (๓)

อารัมมณปัจจัย
[๒๐๓] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ จิตทำ
หทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณทำ
จักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณทำกายายตนะ
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น สัมปยุตตขันธ์ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ) (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๑๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่มี
จิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณและ
สัมปยุตตขันธ์ทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำกายายตนะ ฯลฯ จิตและ
สัมปยุตตขันธ์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
[๒๐๔] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและ
ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒
ทำขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ...
ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มี
จิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณทำ
ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์
ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ จิตทำขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มี
จิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจักขุวิญญาณทำขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและทำ
จักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ
ขันธ์ ๒ และจิตทำขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓) (ย่อ)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร

[๒๐๕] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๑๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๒๐๖] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย (พึงเพิ่มเป็น ๙ วาระทั้งหมดเหมือนกับ
ปฏิจจวาร พึงเพิ่มปัญจวิญญาณ ๓ วาระเท่านั้นที่มีโมหะ)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๒๐๗] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๑๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ

(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และนิสสยวารพึงทําอย่างนี้)

๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๑. ปัจจยานุโลมเป็นต้น
[๒๐๘] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดระคนกับสภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
... เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดระคนกับสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตเกิดระคนกับขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดระคนกับ
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตเกิดระคน
กับขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน ... เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๓)
[๒๐๙] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดระคนกับสภาวธรรมที่ไม่มีจิต
เป็นสมุฏฐานเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์เกิดระคนกับจิต ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดระคนกับสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ เกิดระคนกับขันธ์ ๑
ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและเกิดระคนกับจิต ... เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (ย่อ) (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๑๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร

เหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๕ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๕ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ

สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดระคนกับสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
เพราะนเหตุปัจจัย (พึงเพิ่มเป็น ๕ วาระ ๓ วาระ มีโมหะ)

นเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๕ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และสัมปยุตตวาร พึงทําอย่างนี้)

๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๑๐] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๑๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่จิตโดยเหตุปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ เหตุที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่จิต และกฏัตตารูปโดย
เหตุปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัย
แก่สัมปยุตตขันธ์ จิต และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)

อารัมมณปัจจัย
[๒๑๑] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน ขันธ์ที่
มีจิตเป็นสมุฏฐานจึงเกิดขึ้น (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เพราะปรารภขันธ์ที่มีจิตเป็น
สมุฏฐาน จิตจึงเกิดขึ้น (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เพราะปรารภขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและจิตจึงเกิดขึ้น (๓)
[๒๑๒] สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิต
เป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ พระอริยะออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรค
พิจารณาผล พิจารณานิพพาน นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค ผล
และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุและขันธ์
ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภ
ความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น จิตจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ
ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ รู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่ไม่มีจิตเป็น
สมุฏฐานด้วยเจโตปริยญาณ อากาสานัญจายตนะ ฯลฯ อากิญจัญญายตนะ ฯลฯ
รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่มีจิต
เป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
ยถากัมมูปคญาณ อนาคตังสญาณและ อาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๑๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ พระอริยะออกจากมรรค ฯลฯ พิจารณานิพพาน
(เหมือนกับข้อความตอนต้น) บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุและขันธ์ที่ไม่มี
จิตเป็นสมุฏฐานโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วย
ทิพพจักขุ ฯลฯ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ
เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดย
อารัมมณปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ พระอริยะออกจากมรรค ฯลฯ
พิจารณานิพพาน (เหมือนกับข้อความตอนต้น) บุคคลเห็นแจ้งขันธ์ที่ไม่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดี
เพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น จิตและสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วย
ทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและ
สัมปยุตตขันธ์ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัย
แก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อนาคตังสญาณ และ
อาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (พึงเพิ่มคําว่า เพราะปรารภ)

อธิปติปัจจัย
[๒๑๓] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทําขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานจึงเกิดขึ้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๑๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-
ขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (มี ๓ วาระ พึงเพิ่มทั้งอารัมมณาธิปติ
และสหชาตาธิปติ) (๓)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ พระอริยะ
ออกจากมรรค ฯลฯ พิจารณานิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ บุคคล
ยินดีเพลิดเพลินขันธ์ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทํา
ความยินดีเพลิดเพลินขันธ์นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น จิตจึงเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ และสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ พระอริยะออกจากมรรค ฯลฯ พิจารณานิพพานให้
เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ บุคคลยินดีเพลิดเพลินขันธ์ที่ไม่มีจิตเป็น
สมุฏฐานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทําความยินดีเพลิดเพลินขันธ์นั้นให้
เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ
ได้แก่ พระอริยะออกจากมรรค ฯลฯ พิจารณานิพพานให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น ฯลฯ บุคคลยินดีเพลิดเพลินขันธ์ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นอารมณ์
อย่างหนักแน่น ฯลฯ จิตและสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น (๓)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ
มี ๓ วาระ (มีเฉพาะอารัมมณาธิปติ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๒๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อนันตรปัจจัยและสมนันตรปัจจัย
[๒๑๔] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ (ไม่มีวุฏฐานะ)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ จิตที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่จิตที่เกิดหลัง ๆ
ฯลฯ เนวสัญญานาสัญญายตนะของท่านผู้ออกจากนิโรธเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ
โดยอนันตรปัจจัย (พึงทําการนับทั้ง ๒ อย่างนอกนี้ ให้เหมือนกับปัจจัยนี้นั่นเอง)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอนันตรปัจจัย (พึงเพิ่มเป็น ๓ วาระ ไม่มีวุฏฐานะ) เป็นปัจจัย
โดยสมนันตรปัจจัย

สหชาตปัจจัยเป็นต้น
[๒๑๕] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยสหชาตปัจจัย (เหมือนกับปฏิจจวาร) เป็นปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย
(เหมือนกับปฏิจจวาร) เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย (เหมือนกับปัจจยวาร)

อุปนิสสยปัจจัย
[๒๑๖] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ
และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ (พึงทําเป็น ๓ วาระ) (๓)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๒๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยอุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะและจิต
แล้วให้ทาน ฯลฯ ทําลายสงฆ์ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะและจิตเป็น
ปัจจัยแก่จิตโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยอุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะและจิต
แล้วให้ทาน ฯลฯ ทําลายสงฆ์ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะและจิตเป็น
ปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ มรรคและผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ
อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยอุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะและจิต
แล้วให้ทาน ฯลฯ ทําลายสงฆ์ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะและจิตเป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและจิตโดยอุปนิสสยปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาว-
ธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ
อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ มี ๓ วาระ

ปุเรชาตปัจจัย
[๒๑๗] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยปุเรชาตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคล
เห็นแจ้งจิตตสมุฏฐานรูป ฯลฯ โผฏฐัพพะโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๒๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่
ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณโดยปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณโดยปุเรชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยปุเรชาตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้ง
จิตตสมุฏฐานรูป ฯลฯ โผฏฐัพพะโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน
เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินรูปเป็นต้นนั้น จิตจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วย
ทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดยปุเรชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยปุเรชาตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณปุเรชาตะ
ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจิตตสมุฏฐานรูป ฯลฯ โผฏฐัพพะ โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ
ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินรูปเป็นต้นนั้น จิตและ
สัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์โดยปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ (๓)
[๒๑๘] สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิต
เป็นสมุฏฐานโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะ และวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ กาย รูป ฯลฯ โผฏฐัพพะ
และหทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินจักษุ
เป็นต้นนั้น จิตจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ
ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดยปุเรชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๒๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วย
ทิพพโสตธาตุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ
ฯลฯ กายายตนะ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยปุเรชาต-
ปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะ
และวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น จิตและ
สัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์
ฯลฯ กายายตนะ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตและสัมปยุตตขันธ์โดยปุเรชาต-
ปัจจัย (๓)
[๒๑๙] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัย
แก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณ-
ปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ รูปายตนะที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและจักขายตนะ
เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานและกายายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณโดยปุเรชาตปัจจัย
รูปายตนะที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดย
ปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและหทัยวัตถุ ฯลฯ (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๒๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณ-
ปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ รูปายตนะที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและจักขายตนะ
เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและกายายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดยปุเรชาตปัจจัย รูปายตนะที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและ
หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดยปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานและหทัยวัตถุ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒
อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะ และวัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ รูปายตนะที่มีจิตเป็น
สมุฏฐาน และจักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ และสัมปยุตตขันธ์โดย
ปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ รูปายตนะที่มีจิต
เป็นสมุฏฐานและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตและสัมปยุตตขันธ์โดยปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและหทัยวัตถุ ฯลฯ (๓)

ปัจฉาชาตปัจจัยและอาเสวนปัจจัย
[๒๒๐] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยปัจฉาชาตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีจิต
เป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยปัจฉาชาตปัจจัย
(พึงขยายปัจฉาชาตปัจจัยให้พิสดารโดยอาการนี้นั่นเอง) เป็นปัจจัยโดยอาเสวนปัจจัย
มี ๙ วาระ

กัมมปัจจัยและวิปากปัจจัย
[๒๒๑] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๒๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบาก
และจิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่จิตโดยกัมมปัจจัย ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่จิตที่เป็นวิบาก
และกฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ จิต
และจิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบาก
จิตและกฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

อาหารปัจจัย
[๒๒๒] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยอาหารปัจจัย ได้แก่ อาหารที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอาหารปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
(พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) อาหารที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่จิตโดยอาหารปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๒๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ กวฬิงการาหารที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่ไม่มี
จิตเป็นสมุฏฐานโดยอาหารปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) อาหารที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ จิต และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอาหารปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
[๒๒๓] สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิต
เป็นสมุฏฐานโดยอาหารปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ อาหารที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยอาหารปัจจัย กวฬิงการาหารที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็น
ปัจจัยแก่กายนี้ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอาหารปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) อาหาร
ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอาหารปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ในปฏิสนธิขณะ อาหารที่ไม่มีจิตเป็น
สมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปโดยอาหารปัจจัย (๓)
[๒๒๔] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัย
แก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอาหารปัจจัย ได้แก่ อาหารที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูป
โดยอาหารปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ในปฏิสนธิขณะ
อาหารที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูป
โดยอาหารปัจจัย กวฬิงการาหารที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็น
ปัจจัยแก่กายนี้ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอาหารปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ใน
ปฏิสนธิขณะ อาหารที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปโดยอาหารปัจจัย (๓)

อินทรียปัจจัยเป็นต้น
[๒๒๕] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยอินทรียปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยอินทรียปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ อินทรีย์ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยอินทรียปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ จักขุนทรีย์เป็น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๒๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ
รูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยอินทรียปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล)
อินทรีย์ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดย
อินทรียปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ จักขุนทรีย์เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วย
จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ ฯลฯ (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ในปฏิสนธิขณะ อินทรีย์
ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปโดยอินทรียปัจจัย
จักขุนทรีย์เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณโดยอินทรีย-
ปัจจัย กายินทรีย์ ฯลฯ (๓)
[๒๒๖] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัย
แก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอินทรียปัจจัย ได้แก่ อินทรีย์ที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูป
โดยอินทรียปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ จักขุนทรีย์และอุเบกขินทรีย์เป็นปัจจัยแก่
ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์และสุขินทรีย์ ฯลฯ กายินทรีย์
และทุกขินทรีย์เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณโดยอินทรียปัจจัย
(พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ในปฏิสนธิขณะ อินทรีย์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็น
สมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยอินทรียปัจจัย จักขุนทรีย์และอุเปกขินทรีย์เป็น
ปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ ฯลฯ (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ในปฏิสนธิขณะ
อินทรีย์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
และกฏัตตารูปโดยอินทรียปัจจัย จักขุนทรีย์และอุเปกขินทรีย์เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ
และสัมปยุตตขันธ์โดยอินทรียปัจจัย กายินทรีย์ ฯลฯ (๓)
... เป็นปัจจัยโดยฌานปัจจัย มี ๓ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ฯลฯ

วิปปยุตตปัจจัย
[๒๒๗] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๒๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ (ย่อ) (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยวิปปยุตตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปัจฉาชาตะ
(ย่อ) (๓)
[๒๒๘] สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเ
ป็นสมุฏฐานโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ จิตเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยวิปปยุตต-
ปัจจัย จิตเป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุโดยวิปปยุตตปัจจัย หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดย
วิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดยวิปปยุตตปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่ง
ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยวิปปยุตตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ
และปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๓)
[๒๒๙] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัย
แก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ
และปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๒๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ
(ย่อ) (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ
สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๓)

อัตถิปัจจัย
[๒๓๐] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
(ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยอัตถิปัจจัย มี ๔ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ และอาหาระ
(ย่อ) (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ และปัจฉาชาตะ
(ย่อ) (๓)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระและ
อินทรียะ (ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยอัตถิปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย มี ๔ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ
ปัจฉาชาตะ และอาหาระ (ย่อ) (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๓๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
[๒๓๑] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัย
แก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ
และปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ฯลฯ (ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ
อาหาระ และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะเป็นปัจจัยแก่
จักขุวิญญาณโดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ (สําหรับปัญหาวาระทั้งหมด
พึงเพิ่มทั้งปฏิสนธิกาลและปวัตติกาลให้เหมือนกับปัจจยวาร)
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและจิตเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิด
ก่อนซึ่งไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน จิต และกวฬิงการาหารเป็น
ปัจจัยแก่กายนี้ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน จิต และรูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัย
แก่กฏัตตารูปโดยอัตถิปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ
สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ฯลฯ (ย่อ) (๓)
(ปัจจยวารเหมือนกับสหชาตวาร พึงเพิ่มบทว่า สหชาตปัจจัยเข้าไว้ทั้งหมด)
... เป็นปัจจัยโดยนัตถิปัจจัย
... เป็นปัจจัยโดยวิคตปัจจัย
... เป็นปัจจัยโดยอวิคตปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๓๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๒๓๒] เหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

อินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

อนุโลม จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๓๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๒. ปัจจนียุทธาร
[๒๓๓] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย
ปัจฉาชาตปัจจัย และกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย
กัมมปัจจัย และอาหารปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย
ปุเรชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย และกัมมปัจจัย (๓)
[๒๓๔] สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเ
ป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย
ปัจฉาชาตปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย และปัจฉาชาต-
ปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย
ปุเรชาตปัจจัย และปัจฉาชาตปัจจัย (๓)
[๒๓๕] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัย
แก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย
ปุเรชาตปัจจัย และปัจฉาชาตปัจจัย (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๓๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาต-
ปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย
อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย และปัจฉาชาตปัจจัย (๓)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร

[๒๓๖] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

โนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๒๓๗] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๒ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯ
นมัคคปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๒ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๓๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๒๓๘] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ

(พึงเพิ่มการนับอนุโลม) ฯลฯ

อวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ

จิตตสมุฏฐานทุกะ จบ

๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๓๙] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัย
ขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตและจิตตสมุฏฐานรูปที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยขันธ์ที่
เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ จิตและกฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่เกิดพร้อม
กับจิตเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่
เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ จิตและจิตตสมุฏฐานรูป
ที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น
... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ จิตและกฏัตตารูปอาศัยขันธ์ ๑
ที่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๓๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
[๒๔๐] สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับ
จิตเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยจิต
เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยจิตเกิดขึ้น หทัยวัตถุอาศัยจิตเกิดขึ้น
จิตอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปและ
กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัย
จิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ สัมปยุตตขันธ์อาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่
เกิดพร้อมกับจิตอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งเกิด
พร้อมกับจิตอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่
เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูป
ที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ จิตและสัมปยุตต-
ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งเกิดพร้อมกับจิต
และที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๓)
[๒๔๑] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและ
ที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูป
ที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิตและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิตและ
อาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ อาศัย
ขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิตและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งเกิดพร้อมกับจิตอาศัยขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิต
และอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่
เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปที่ไม่เกิดพร้อมกับ
จิตอาศัยขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตและอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๓๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
อาศัยขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตและอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ จิตอาศัยขันธ์
ที่เกิดพร้อมกับจิตและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่เป็น
อุปาทายรูปซึ่งไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตและอาศัยมหาภูตรูป
เกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่
เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒
และจิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยขันธ์ ๑ ที่
เกิดพร้อมกับจิตและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ขันธ์ ๒ และกฏัตตารูปทำขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิตและอาศัยจิตเกิดขึ้น ...
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ และจิตอาศัยขันธ์ ๑ ที่
เกิดพร้อมกับจิตและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ กฏัตตารูปที่
เป็นอุปาทายรูปอาศัย ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (ย่อ) (๓)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร

[๒๔๒] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

(พึงยกอรูปทั้งหมดขึ้นแสดงเหมือนกับจิตตสมุฏฐานทุกะ)

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

(พึงเพิ่มมหาภูตรูปในวาระทั้ง ๖ อธิปติปัจจัย ไม่มีใน ๓ วาระ)

อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๓๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

อาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ l/r
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระl/r

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ l/r

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๒๔๓] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิต
เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิต
อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งเกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคต
ด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น
(พึงเพิ่มทั้ง ๙ วาระอย่างนี้ พึงกําหนดบทว่าเป็นอเหตุกะไว้ พึงเพิ่มเหมือนที่ได้
ในอนุโลม ๓ วาระ มีโมหะ พึงเพิ่มเหมือนในจิตตสมุฏฐานทุกะ)

นกัมมปัจจัย
[๒๔๔] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น
เพราะนกัมมปัจจัย ได้แก่ เจตนาที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิต
เกิดขึ้น
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น
เพราะนกัมมปัจจัย ได้แก่ ... ที่เป็นภายนอก ฯลฯ ที่มีอาหารเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ
ที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น
เพราะนกัมมปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตเจตนาอาศัยจิตเกิดขึ้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๓๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิด
พร้อมกับจิตเกิดขึ้นเพราะนกัมมปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตเจตนาอาศัยขันธ์ที่เกิดพร้อม
กับจิตและอาศัยจิตเกิดขึ้น

นฌานปัจจัย
[๒๔๕] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น
เพราะนฌานปัจจัย ได้แก่ ... ที่สหรคตด้วยปัญจวิญญาณ ฯลฯ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๒๔๖] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๖ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๓๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๓. ปัจจยวาร

นสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

(พึงทําการนับ ๒ อย่างนอกนี้อย่างนี้)
(สหชาตวารเหมือนกับปฏิจจวาร)

๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๔๗] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตทำสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตทำสภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตให้ปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูป
ที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (เหมือนกับ
ปฏิจจวาร พึงเพิ่มมหาภูตรูปทั้งหมด) (๑)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตทำสภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิต
ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่มมหาภูตรูปทั้งหมด เหมือนกับปฏิจจวาร) (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตทำสภาวธรรมที่ไม่
เกิดพร้อมกับจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
จิตและสัมปยุตตขันธ์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
(เหมือนกับปฏิจจวาร พึงเพิ่มมหาภูตรูปทั้งหมด) (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๔๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๓. ปัจจยวาร
[๒๔๘] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตทำสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่
ไม่เกิดพร้อมกับจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และ
จิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตทำขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิตและทำจิตให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิตและ
ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
(เหมือนกับปฏิจจวาร พึงเพิ่มมหาภูตรูปทั้งหมด) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตทำสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่
เกิดพร้อมกับจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปที่ไม่
เกิดพร้อมกับจิตทำขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตทำขันธ์
ที่เกิดพร้อมกับจิตและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปที่ไม่
เกิดพร้อมกับจิตทำขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตและทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (เหมือนกับปฏิจจวาร พึงเพิ่มมหาภูตรูปทั้งหมด) (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิต และที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตทำสภาวธรรมที่
เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตทำขันธ์ ๑
ที่เกิดพร้อมกับจิตและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ ๒ และจิตทำขันธ์ ๑
ที่เกิดพร้อมกับจิตและทำหทัยวัตถุให้เป็นป้จจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (เหมือนกับปฏิจจวาร พึงเพิ่มมหาภูตรูปทั้งหมด) (๓)

อารัมมณปัจจัย
[๒๔๙] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตทำสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตทำสภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ฯลฯ ทำกายายตนะ ฯลฯ (จิตตสมุฏฐานทุกะนี้ เหมือนกับอารัมมณปัจจัยใน
ปัจจยวาร สำหรับวาระทั้ง ๖ นี้พึงเพิ่มสภาวธรรมที่มีปัญจวิญญาณเป็นมูล ย่อ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๔๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร

[๒๕๐] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๒๕๑] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตทำสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ... ทำขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งเกิดพร้อมกับจิต
ฯลฯ (ย่อ พึงเพิ่มทั้งหมด สําหรับปัจจยวารมีปัญจวิญญาณ พึงทําให้เป็นมูล
ของวาระทั้ง ๖ มหาภูตรูปทั้งหมดมีเพียง ๓ วาระ เพิ่มโมหะเข้ามา ย่อ)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๒๕๒] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๔๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๓. ปัจจยวาร

นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๒๕๓] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

นกัมมปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๕ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๙ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๒๕๔] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

มัคคปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ

(นิสสยวารเหมือนกับปัจจยวาร)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๔๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๑. ปัจจยานุโลมเป็นต้น
[๒๕๕] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเกิดระคนกับสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับ
จิตเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิต ...
เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเกิดระคนกับสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ จิตเกิดระคนกับขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิต ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเกิดระคนกับสภาวธรรม
ที่เกิดพร้อมกับจิตเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตเกิดระคนกับขันธ์ ๑
ที่เกิดพร้อมกับจิต ... เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
[๒๕๖] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเกิดระคนกับสภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับ
จิตเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์เกิดระคนกับจิต ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเกิดระคนกับสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่
ไม่เกิดพร้อมกับจิตเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่เกิด
พร้อมกับจิตและเกิดระคนกับจิต ... เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
(ย่อ) (๒)

เหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๕ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๕ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ

อนุโลม จบ

นเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ (๓ วาระ มีโมหะ)
นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๔๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๗. ปัญหาวาร

นปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๕ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และสัมปยุตตวารพึงเพิ่มไว้ทั้งหมด)

๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๕๗] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับ
จิตโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิต
โดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่จิตและจิตตสมุฏฐานรูปที่
ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ เหตุที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัย
แก่จิตและกฏัตตารูปโดยเหตุปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่
ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตขันธ์ จิต และจิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิต
โดยเหตุปัจจัย (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๔๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อารัมมณปัจจัย
[๒๕๘] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิต
โดยอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ (เหมือนกับจิตตสมุฏฐานทุกะ ไม่มีข้อแตกต่างกัน)

อธิปติปัจจัย
[๒๕๙] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับ
จิตโดยอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ (พึงเพิ่มอารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิต
โดยอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ (สําหรับวาระทั้ง ๓ นี้ พึงเพิ่มอารัมมณาธิปติและ
สหชาตาธิปติ ทั้ง ๙ วาระก็เหมือนกับจิตตสมุฏฐานทุกะ ในที่สุด มี ๓ วาระ
มีเฉพาะอารัมมณาธิปติ)

อนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๒๖๐] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อม
กับจิตโดยอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ (เหมือนกับจิตตสมุฏฐานทุกะ ไม่มีข้อ
แตกต่างกัน) เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) เป็นปัจจัยโดย
อัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย
มี ๙ วาระ (เหมือนกับปัจจยวาร) เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
(เหมือนกับจิตตสมุฏฐานทุกะ)

ปุเรชาตปัจจัย
[๒๖๑] สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิด
พร้อมกับจิตโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่างคือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
มี ๓ วาระ (ได้เฉพาะมูล คือ สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเหมือนกับจิตต-
สมุฏฐานทุกะ มี ๓ วาระ ไม่มีข้อแตกต่างกัน)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๔๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปัจฉาชาตปัจจัยและอาเสวนปัจจัย
[๒๖๒] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับ
จิตโดยปัจฉาชาตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับ
จิตเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยปัจฉาชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิต
โดยปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยปัจฉาชาตปัจจัย (ย่อ) เป็นปัจจัยโดยอาเสวนปัจจัย
มี ๙ วาระ

กัมมปัจจัย
[๒๖๓] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับ
จิตโดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบากซึ่ง
เกิดพร้อมกับจิตโดยกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิต
โดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่จิตและจิตตสมุฏฐานรูป
ที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่จิตที่เป็นวิบากและ
กฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๔๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่
ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
จิตและจิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยกัมมปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบาก จิต
และกฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๓)

วิปากปัจจัยเป็นต้น
[๒๖๔] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อม
กับจิตโดยวิปากปัจจัย (เหมือนกับจิตตสมุฏฐานทุกะ) เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย
มี ๙ วาระ (เหมือนกับจิตตสมุฏฐานทุกะ แม้ทุกะนี้ก็มี ๑ วาระ เหมือนกับ
กวฬิงการาหาร)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตโดย
อินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ (เหมือนกับจิตตสมุฏฐานทุกะ ไม่มีข้อแตกต่างกัน)
เป็นปัจจัยโดยฌานปัจจัย มี ๓ วาระ เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
เป็นปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

วิปปยุตตปัจจัย
[๒๖๕] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อม
กับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับ
จิตเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิต
โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๔๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่ไม่
เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งไม่
เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่
ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่
เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อม
กับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย (๓)
[๒๖๖] สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อม
กับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ จิตเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดย
วิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ จิตเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยวิปปยุตตปัจจัย
จิตเป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุโดยวิปปยุตตปัจจัย หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดย
วิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณโดยวิปปยุตตปัจจัย
ฯลฯ กายายตนะ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดยวิปปยุตตปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ จิตเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งไม่เกิดพร้อมกับจิตโดย
วิปปยุตตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิต
โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ จิตเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตโดย
วิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณโดย
วิปปยุตตปัจจัย ฯลฯ กายายตนะ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เกิดพร้อม
กับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๔๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิต
และที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ จิตเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่
เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์
โดยวิปปยุตตปัจจัย ฯลฯ กายายตนะ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตและ
สัมปยุตตขันธ์โดยวิปปยุตตปัจจัย (๓)
[๒๖๗] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตะ
ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตและจิตเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับ
จิตโดยวิปปยุตตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตและจิตเป็นปัจจัย
แก่จิตตสมุฏฐานรูปที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตและจิตเป็น
ปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่
เกิดพร้อมกับจิตที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตและจิตเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อม
กับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย (๓)

อัตถิปัจจัย
[๒๖๘] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิต
โดยอัตถิปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิต ฯลฯ (เหมือนกับปฏิจจวาร) (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๕๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิต
โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่
ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอัตถิปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิต ฯลฯ
(เหมือนกับปฏิจจวาร) (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิต
โดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ
และอินทรียะ (ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิต
โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ (ย่อ) (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิต
และที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
(ย่อ) (๓)
[๒๖๙] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ จักขายตนะและ
จักขุวิญญาณเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ
พึงเพิ่มทั้งหมด คือทั้งสหชาตะและปุเรชาตะ) (๑)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ
อาหาระ และ อินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะเป็นปัจจัยแก่
จักขุวิญญาณโดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ที่
เกิดพร้อมกับจิตและจิตเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอัตถิปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๕๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดย
อัตถิปัจจัย
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตและมหาภูตรูปเป็นปัจจัยแก่จิตต-
สมุฏฐานรูปที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอัตถิปัจจัย (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่ม
เป็น ๓ วาระ)
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตและจิตเป็น
ปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตและกวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่
กายนี้ที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตและรูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่
กฏัตตารูปโดยอัตถิปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ
และปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะ ฯลฯ
(เหมือนกับปัจจยวาร) (๓)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๒๗๐] เหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๕๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๗. ปัญหาวาร

สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๙ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

อนุโลม จบ

๒. ปัจจนียุทธาร
[๒๗๑] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับ
จิตโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิต
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย และ
กัมมปัจจัย (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๕๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและ
ที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และ
กัมมปัจจัย (๓)
[๒๗๒] สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิด
พร้อมกับจิตโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย
ปัจฉาชาตปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิต
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิต
และที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย
และปุเรชาตปัจจัย (๓)
[๒๗๓] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัย
แก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสย-
ปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และ
ปัจฉาชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และ
อุปนิสสยปัจจัย (๓)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร

[๒๗๔] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

โนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๕๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๒. จิตตานุปริวัตติทุกะ ๑. ปฎิจจวาร
๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๒๗๕] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๓ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๓ วาระ)

นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๒๗๖] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ

(พึงเพิ่มบทอนุโลมมาติกา)
จิตตสหภูทุกะ จบ

๖๒. จิตตานุปริวัตติทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
[๒๗๗] สภาวธรรมที่เป็นไปตามจิตอาศัยสภาวธรรมที่เป็นไปตามจิตเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นไปตามจิตอาศัยขันธ์ ๑
ที่เป็นไปตามจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงทํา
ทุกะนี้ให้เหมือนกับจิตตสหภูทุกะ ไม่มีข้อแตกต่างกัน)
จิตตานุปริวัตติทุกะ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๕๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๗๘] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรม
ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัย
ขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น ขันธ์ ๑ อาศัยขันธ์ ๒ เกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ระคนกับ
จิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตและจิตตสมุฏฐานรูป
อาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะจิตและ
กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
อาศัยสภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ ๒ จิต และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็น
สมุฏฐานเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
[๒๗๙] สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่
ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูป
อาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยจิตเกิดขึ้น หทัยวัตถุอาศัยจิต
เกิดขึ้น จิตอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป
และกฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ไม่ระคนกับ
จิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์อาศัยจิต
เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ สัมปยุตตขันธ์อาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่
ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๕๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
อาศัยสภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ สัมปยุตตขันธ์
และกฏัตตารูปอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ จิตและสัมปยุตตขันธ์อาศัย
หทัยวัตถุเกิดขึ้น (๓)
[๒๘๐] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรม
ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน และที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
และอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ อาศัย
ขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน และอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัย
หทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ระคนกับ
จิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน และที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น
จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัย
มหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ จิตอาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
และอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
อาศัยสภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน และที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็น
สมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัย
ขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ และกฏัตตารูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็น
สมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒
และจิตอาศัยขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น
... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (ย่อ) (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๕๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๒๘๑] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

อนุโลม จบ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๒๘๒] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรม
ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัย
ขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๕๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ระคนกับ
จิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตและจิตตสมุฏฐานรูป
อาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่
เป็นอเหตุกะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
อาศัยสภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ ๒ จิตและจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งระคนกับจิตและมีจิตเป็น
สมุฏฐานเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ (๓)
[๒๘๓] สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่
ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูป
อาศัยจิตที่เป็นอเหตุกะเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ กฏัตตารูปอาศัยจิต
เกิดขึ้น หทัยวัตถุอาศัยจิตเกิดขึ้น จิตอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑
ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) (๑)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ไม่ระคนกับ
จิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์อาศัยจิตที่
เป็นอเหตุกะเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ สัมปยุตตขันธ์อาศัยจิตเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยหทัยวัตถุ
เกิดขึ้น โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัยจิตที่สหรคต
ด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
อาศัยสภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่
สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตที่เป็นอเหตุกะเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่
เป็นอเหตุกะ สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็น
อเหตุกะ จิตและสัมปยุตตขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๓)
[๒๘๔] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่
ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน และที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะ
นเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งระคนกับจิตมีจิตเป็น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๕๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในขณะปฏิสนธิที่เป็น
อเหตุกะ ... อาศัยขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิต ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็น
สมุฏฐานและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วย
วิจิกิจฉาและที่สหรคต ด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะและอาศัยจิตเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ระคนกับ
จิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน และที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย
ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและ
อาศัยจิตเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งระคนกับจิตมีจิตเป็น
สมุฏฐานและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ กฏัตตารูป
อาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่
เป็นอเหตุกะ จิตอาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยหทัยวัตถุ
เกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
อาศัยสภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน และที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็น
สมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑
ที่ไม่มีเหตุซึ่งระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒
ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ) (๓)

นอารัมมณปัจจัย
[๒๘๕] สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรม
ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่
จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น ในปฏิสนธิ-
ขณะ ฯลฯ (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๖๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ไม่ระคน
กับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูป
อาศัยจิตเกิดขึ้นในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยจิตเกิดขึ้น หทัยวัตถุอาศัยจิต
เกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ระคน
กับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะ
นอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
และอาศัยจิตเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและ
อาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ ย่อ) (๑)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๒๘๖] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๖๑ }


>>>>> หน้าต่อไป >>>>>





eXTReMe Tracker