ค้นว่าอยู่เล่มใด แล้วกด [ctrl]+f หรือใช้คำสั่งของเครื่องหาตำแหน่งในเล่มอีกทีนะครับ



จัดรูปหน้าใหม่
เพื่อความสะดวก และสวยงาม
(เฉพาะหน้าจอใหญ่ เช่น คอมพิวเตอร์)
กรุณาคลิก จัดรูปหน้าใหม่
เพื่อให้กรอบ
ค้นข้อความ ปรากฎที่ด้านซ้ายของหน้า

พระไตรปิฎกภาษาไทย
ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ๔๕ เล่ม (ปกสีฟ้า)
ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
ที่มาของข้อมูล : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับ มจร.
MCUTRAI Version 1.0

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๒-๓ สุตตันตปิฎกที่ ๒๔ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑

พระสุตตันตปิฎก
ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
_____________
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๙. กุฏชปุปผิยวรรค] ๗. เอกจินติกเถราปทาน
[๓๕] ท่านผู้เจริญ ท่านจากที่นี้ จงไปสู่สุคติ
อยู่ร่วมกับมนุษย์ เป็นมนุษย์แล้ว
จงได้ศรัทธาที่ยอดเยี่ยมในพระสัทธรรม
[๓๖] ศรัทธาของท่านผู้ตั้งมั่น
เป็นศรัทธาที่หยั่งรากลงลึกดำรงมั่น
ไม่คลอนแคลนในพระสัทธรรม
ที่พระอริยะประกาศดีแล้วจนตลอดชีวิต
[๓๗] ท่านจงทำกุศลที่ไม่เบียดเบียน ไม่มีอุปธิ
ทางกาย ทางวาจา ทางใจ ให้มากเถิด
[๓๘] แต่นั้น ท่านสั่งสมบุญแล้ว
จงทำบุญนั้นให้มากด้วยการให้ทาน
จงแนะนำแม้สัตว์เหล่าอื่นให้ตั้งอยู่
ในพรหมจรรย์ ในพระสัทธรรมเถิด
[๓๙] ด้วยความอนุเคราะห์นี้ ในกาลใด เหล่าเทวดาผู้รู้
จึงพลอยยินดีกับเทวดา ผู้ซึ่งกำลังจุติว่า
นี่แน่ะเทวะ ขอท่านจงมาบ่อย ๆ นะ
[๔๐] ในกาลนั้น เมื่อหมู่เทวดามาประชุมกัน
ข้าพเจ้าเกิดความสลดใจว่า ข้าพเจ้าจุติจากที่นี้แล้ว
จักไปสู่กำเนิดอะไรหนอ
[๔๑] ท่านสมณะผู้อบรมอินทรีย์แล้ว
รู้ความสลดใจของข้าพเจ้า
ประสงค์จะช่วยเหลือข้าพเจ้า
จึงมายังสำนักของข้าพเจ้า
[๔๒] ท่านมีนามว่าสุมนะเป็นสาวก
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
พร่ำสอนอรรถธรรม ให้ข้าพเจ้าสลดใจ ในครั้งนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๕๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๙. กุฏชปุปผิยวรรค] ๘. ติกัณณิปุปผิยเถราปทาน
[๔๓] ข้าพเจ้าได้ฟังคำของท่านแล้ว
ทำจิตให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า
ได้ถวายอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วได้สิ้นชีวิตลง ณ ที่นั้น
[๔๔] ข้าพเจ้านั้น ถูกกุศลมูลตักเตือนแล้ว
ได้อุบัติในเทวโลกนั้นเอง
ไม่ไปเกิดในทุคติเลยตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๔๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเอกจินติกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เอกจินติกเถราปทานที่ ๗ จบ

๘. ติกัณณิปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระติกัณณิปุปผิยเถระ
(พระติกัณณิปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๖] ข้าพเจ้าเป็นเทวดา มีเหล่านางเทพอัปสรห้อมล้อม
ระลึกถึงบุพกรรมแล้ว
จึงหวนระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
[๔๗] ข้าพเจ้าทำจิตของตนให้เลื่อมใส
ได้ประคองดอกอัญชัน ๓ ดอก
บูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ผู้องอาจกว่านรชน
[๔๘] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๕๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๙. กุฏชปุปผิยวรรค] ๙. เอกจาริยเถราปทาน
[๔๙] ในกัปที่ ๗๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๔ ชาติ พระนามว่ารมุตตมะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระติกัณณิปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ติกัณณิปุปผิยเถราปทานที่ ๘ จบ

๙. เอกจาริยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเอกจาริยเถระ
(พระเอกจาริยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕๑] ครั้งนั้น ได้มีเสียงประกาศกึกก้องในหมู่เทวดาชั้นดาวดึงส์ว่า
พระพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพานในโลก
แต่พวกเรายังมีราคะอยู่
[๕๒] บรรดาเทวดาผู้เกิดความสังเวช
ผู้มากไปด้วยความเศร้าโศกเหล่านั้น
ข้าพเจ้าถูกกำลังของตนอุปถัมภ์แล้ว
ได้ไปในสำนักของพระพุทธเจ้า
[๕๓] ข้าพเจ้าถือดอกมณฑารพที่เนรมิต
รวบรวมไว้ไปบูชาพระพุทธเจ้า
ในเวลาใกล้จะปรินิพพาน
[๕๔] ครั้งนั้น เทวดาและนางเทพอัปสรทั้งปวง
อนุโมทนาต่อข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจึงไม่ไปเกิดในทุคติเลยตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๕๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๙. กุฏชปุปผิยวรรค] ๑๐. ติวัณฏิปุปผิยเถราปทาน
[๕๕] ในกัปที่ ๖๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ
พระนามว่ามหามัลลชนะ มีพลานุภาพมาก
[๕๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเอกจาริยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เอกจาริยเถราปทานที่ ๙ จบ

๑๐. ติวัณฏิปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระติวัณฏิปุปผิยเถระ
(พระติวัณฏิปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕๗] พวกข้าพเจ้าทุกคนนั้นมาประชุมกัน
เพ่งโทษพระเถระชื่อว่าอภิภู
ความเร่าร้อนได้เกิดขึ้นแก่พวกข้าพเจ้า ผู้เพ่งโทษ
[๕๘] ครั้งนั้น พระเถระมีนามว่าสุนันทะ
เป็นสาวกของพระมุนีพุทธเจ้าพระนามว่าธัมมทัสสี
มาในสำนักของข้าพเจ้า
[๕๙] ครั้งนั้น ชนทั้งหลายที่เป็นคนรับใช้ของข้าพเจ้า
ได้ให้ดอกไม้แก่ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าได้ถือดอกไม้นั้นไปบูชาสาวก
[๖๐] ข้าพเจ้า ได้สิ้นชีวิตลง ณ ที่นั้นแล้ว ก็กลับมาเกิดอีก
ไม่ตกวินิบาตนรกเลยตลอด ๑๑๘ กัป

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๕๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๙. กุฏชปุปผิยวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
[๖๑] ในกัปที่ ๑๑๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๘ ชาติ
พระนามว่าธูมเกตุ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๖๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระติวัณฏิปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ติวัณฏิปุปผิยเถราปทานที่ ๑๐ จบ
กุฏชปุปผิยวรรคที่ ๑๙ จบบริบูรณ์

รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. กุฏชปุปผิยเถราปทาน ๒. พันธุชีวกเถราปทาน
๒. โกฏุมพริยเถราปทาน ๔. ปัญจหัตถิยเถราปทาน
๕. อิสิมุคคทายกเถราปทาน ๖. โพธิอุปัฏฐายกเถราปทาน
๗. เอกจินติกเถราปทาน ๘. ติกัณณิปุปผิยเถราปทาน
๙. เอกจาริยเถราปทาน ๑๐. ติวัณฏิปุปผิยเถราปทาน

ท่านประกาศคาถาไว้ ๖๒ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๕๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๐. ตมาลปุปผิยวรรค] ๑. ตมาลปุปผิยเถราปทาน
๒๐. ตมาลปุปผิยวรรค
หมวดว่าด้วยพระตมาลปุปผิยะเป็นต้น
๑. ตมาลปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระตมาลปุปผิยเถระ
(พระตมาลปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] วิมานของข้าพเจ้ามีเสาทองคำ ๘๔,๐๐๐ ต้น
เปรียบได้กับไม้เท้าเทวดา
บุญกรรมเนรมิตไว้ดีแล้ว
[๒] ข้าพเจ้ามีใจผ่องใส
ได้ประคองดอกคูนบูชาพระพุทธเจ้า พระนามว่าสิขี
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก
[๓] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๔] ในกัปที่ ๒๐ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าจันทติตตะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระตมาลปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ตมาลปุปผิยเถราปทานที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๕๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๐. ตมาลปุปผิยวรรค] ๒. ติณสันถารทายกเถราปทาน
๒. ติณสันถารทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระติณสันถารทายกเถระ
(พระติณสันถารทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๖] ในกาลที่ข้าพเจ้าเป็นฤๅษีอยู่ในป่า
เกี่ยวหญ้าถวายพระศาสดา
หญ้าทั้งหมดนั้นเวียนไปทางขวาแล้วตกลงที่แผ่นดิน
[๗] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าถือหญ้านั้นมาลาดที่เนินดิน
และนำใบตาลมา ๓ ใบ
[๘] มาทำเป็นหลังคาบนไม้ ๓ อัน
ได้ถวายพระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายในที่นั้น
ถือทรงไว้เพื่อพระศาสดาตลอด ๗ วัน
[๙] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายหญ้าไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายหญ้า
[๑๐] ในกัปที่ ๖๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๔ ชาติ พระนามว่ามหัทธนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระติณสันถารทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ติณสันถารทายกเถราปทานที่ ๒ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๕๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๐. ตมาลปุปผิยวรรค] ๓. ขัณฑผุลลิยเถราปทาน
๓. ขัณฑผุลลิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระขัณฑผุลลิยเถระ
(พระขัณฑผุลลิยเถระ เมื่อประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๒] พระสถูปของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าผุสสะ
ได้มีอยู่ในป่ามหาวัน
ในครั้งนั้น ต้นไม้ก็งอกขึ้น
โขลงช้างพากันมาหักราน
[๑๓] ข้าพเจ้าทำที่ขรุขระให้ราบเรียบแล้วได้ใส่ก้อนปูนขาว
ยินดีด้วยคุณของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น
ผู้เป็นที่เคารพของโลกทั้ง ๓
[๑๔] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการใส่ก้อนปูนขาว
[๑๕] ในกัปที่ ๗๗ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ พระนามว่าชิตเสนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระขัณฑผุลลิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ขัณฑผุลลิยเถราปทานที่ ๓ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๖๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๐. ตมาลปุปผิยวรรค] ๔. อโสกปูชกเถราปทาน
๔. อโสกปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอโสกปูชกเถระ
(พระอโสกปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๗] ครั้งนั้น ได้มีพระราชอุทยานอยู่ในนครติปุระ น่ารื่นรมย์
ข้าพเจ้าเป็นคนรักษาพระราชอุทยานอยู่ในนครนั้น
เป็นคนรับใช้ของพระราชา
[๑๘] ได้มีพระสยัมภูพุทธเจ้า ผู้มีพระรัศมี พระนามว่าปทุมะ
พระฉายาไม่ละพระองค์ผู้เป็นมุนี
ผู้ประทับนั่งอยู่บนดอกบัวขาว
[๑๙] ข้าพเจ้าเห็นต้นอโศกมีดอกบานเป็นพวง น่าดูนัก
จึงบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้ประเสริฐ
[๒๐] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๒๑] ในกัปที่ ๗๐ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ พระนามว่าอรณัญชหะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๒๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอโสกปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อโสกปูชกเถราปทานที่ ๔ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๖๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๐. ตมาลปุปผิยวรรค] ๖. กิสลยปูชกเถราปทาน
๕. อังโกลกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอังโกลกเถระ
(พระอังโกลกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๓] ข้าพเจ้าเห็นต้นปรู มีดอกบานสะพรั่ง
มีดอกสวยงามเป็นพวง
จึงได้เก็บดอกไม้นั้นไปยังสำนักของพระพุทธเจ้า
[๒๔] สมัยนั้น พระมหามุนีพระนามว่าสิทธัตถะ ทรงหลีกเร้นอยู่
ข้าพเจ้าจึงรอคอยชั่วครู่หนึ่งแล้ว โปรยดอกไม้ลงในถ้ำ
[๒๕] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๒๖] ในกัปที่ ๓๖ นับแต่ภัทรกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าเทวคัชชิตะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๒๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอังโกลกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อังโกลกเถราปทานที่ ๕ จบ

๖. กิสลยปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระกิสลยปูชกเถระ
(พระกิสลยปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๘] สวนดอกไม้ของข้าพเจ้าได้มีอยู่ในกรุงทวารวดี
ในสวนดอกไม้นั้นเอง มีบ่อน้ำและต้นไม้ขึ้นงอกงาม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๖๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๐. ตมาลปุปผิยวรรค] ๖. กิสลยปูชกเถราปทาน
[๒๙] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้กล้าแข็งด้วยกำลังของพระองค์ ไม่ทรงพ่ายแพ้
พระองค์เมื่อจะทรงอนุเคราะห์ข้าพเจ้า จึงเสด็จไปในอากาศ
[๓๐] ข้าพเจ้าไม่เห็นอะไร ๆ อื่นที่ควรจะบูชาพระองค์
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
เห็นแต่ใบอ่อนของต้นอโศก
จึงจับโยนขึ้นไปบนอากาศ
[๓๑] ใบอ่อนเหล่านั้น ตามไปเบื้องพระปฤษฎางค์
ของพระพุทธเจ้า ซึ่งกำลังเสด็จไป
ข้าพเจ้าเห็นดังนั้นแล้ว จึงตื่นเต้นว่า
ช่างน่าอัศจรรย์ ความโอฬารของพระพุทธเจ้า
[๓๒] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ใบไม้อ่อนบูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๓๓] ในกัปที่ ๒๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าเอกิสสระ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๓๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระกิสลยปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
กิสลยปูชกเถราปทานที่ ๖ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๖๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๐. ตมาลปุปผิยวรรค] ๗. ตินทุกทายกเถราปทาน
๗. ตินทุกทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระตินทุกทายกเถระ
(พระตินทุกทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๕] ข้าพเจ้าเป็นลิง มีกำลังแข็งแรง
เที่ยวไปตามซอกภูเขาและลำธาร
ได้เห็นต้นมะพลับออกผล
จึงหวนระลึกถึงพระพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐที่สุด
[๓๖] ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ออกค้นหาพระพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
ทรงถึงที่สุดภพทั้ง ๓ ตลอด ๒-๓ วัน
[๓๗] พระศาสดาผู้ยอดเยี่ยมในโลก
ทรงทราบความดำริของข้าพเจ้าแล้ว
จึงเสด็จมายังสำนักของข้าพเจ้า
พร้อมด้วยพระขีณาสพหลายพันรูป
[๓๘] ข้าพเจ้าเกิดความปราโมทย์แล้ว
ถือผลไม้เข้าไปถวาย พระผู้มีพระภาคผู้สัพพัญญู
ประเสริฐกว่าเจ้าลัทธิทั้งหลาย ทรงรับไว้แล้ว
[๓๙] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายผลไม้ไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้
[๔๐] ในกัปที่ ๕๗ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าอุปนันทะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๖๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๐. ตมาลปุปผิยวรรค] ๘. คิริเนลมุฏฐิปูชกเถราปทาน
[๔๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระตินทุกทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ตินทุกทายกเถราปทานที่ ๗ จบ

๘. คิริเนลมุฏฐิปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระคิริเนลมุฏฐิปูชกเถระ
(พระคิริเนลมุฏฐิปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๒] พระผู้มีพระภาคชินเจ้าพระนามว่าสุเมธะ ผู้เจริญที่สุดในโลก
ทรงองอาจกว่านรชน ทรงตั้งความเพียร
เพื่อทรงอนุเคราะห์หมู่ชนผู้เกิดในภายหลัง
[๔๓] ข้าพเจ้าจึงใช้ดอกอัญชันเขียวกำมือหนึ่ง
บูชาพระพุทธเจ้า พระองค์นั้น
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่
ซึ่งกำลังเสด็จจงกรมอยู่
[๔๔] ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น ข้าพเจ้าถูกกุศลมูลตักเตือนแล้ว
จึงไม่ไปเกิดในทุคติเลยตลอด ๓๐,๐๐๐ กัป
[๔๕] ในกัปที่ ๑๒๓ (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าสุเนละ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๔๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระคิริเนลมุฏฐิปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
คิริเนลมุฏฐิปูชกเถราปทานที่ ๘ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๖๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๐. ตมาลปุปผิยวรรค] ๙. ติกัณฑิปุปผิยเถราปทาน
๙. ติกัณฑิปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระติกัณฑิปุปผิยเถระ
(พระติกัณฑิปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๗] พระผู้มีพระภาคผู้สยัมภูชินเจ้า
ผู้ไม่ทรงพ่ายแพ้ พระนามว่าสุมังคละ
เสด็จออกจากป่าใหญ่ เข้าไปยังนคร
[๔๘] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นมุนีพระองค์นั้น
เสด็จเที่ยวบิณฑบาตแล้ว
เสด็จออกจากนคร ทรงทำภัตกิจเสร็จ
แล้วประทับอยู่ในราวป่า
[๔๙] ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ได้ประคองดอกคล้า ๓ ดอก บูชาพระพุทธเจ้า
ผู้เป็นสยัมภู ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
[๕๐] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๕๑] ในกัปที่ ๘๖ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าอปเสลา
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระติกัณฑิปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ติกัณฑิปุปผิยเถราปทานที่ ๙ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๖๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๐. ตมาลปุปผิยวรรค] ๑๐. ยูถิกปุปผิยเถราปทาน
๑๐. ยูถิกปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระยูถิกปุปผิยเถระ
(พระยูถิกปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕๓] พระชินเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้ควรรับเครื่องบูชา ทรงมีจักษุ
เสด็จออกจากป่าใหญ่ ดำเนินไปยังวิหาร
[๕๔] ข้าพเจ้าใช้มือทั้ง ๒ ประคองดอกคัดเค้าชั้นดี
บูชาพระพุทธเจ้า
ผู้มีพระหทัยประกอบด้วยเมตตา ผู้คงที่
[๕๕] ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น
ข้าพเจ้าเสวยสมบัติแล้ว
ไม่ไปเกิดในทุคติเลยตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๕๖] ในกัปที่ ๕๐ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าสมิตนันทนะ
เป็นใหญ่ในหมู่ชน มีพลานุภาพมาก
[๕๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระยูถิกปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ยูถิกปุปผิยเถราปทานที่ ๑๐ จบ
ตมาลปุปผิยวรรคที่ ๒๐ จบบริบูรณ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๖๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๐. ตมาลปุปผิยวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค รวมวรรคได้ ๑๐ วรรค
รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. ตมาลปุปผิยเถราปทาน ๒. ติณสันถารทายกเถราปทาน
๓. ขัณฑผุลลิยเถราปทาน ๔. อโสกปูชกเถราปทาน
๕. อังโกลกเถราปทาน ๖. กิสลยปูชกเถราปทาน
๗. ตินทุกทายกเถราปทาน ๘. คิริเนลมุฏฐิปูชกเถราปทาน
๙. ติกัณฑิปุปผิยเถราปทาน ๑๐. ยูถิกปุปผิยเถราปทาน

และมีคาถา ๕๘ คาถา
อนึ่ง รวมวรรคได้ ๑๐ วรรค คือ

๑. ภิกขทายิวรรค ๒. มหาปริวารวรรค
๓. เสเรยยวรรค ๔. โสภิตวรรค
๕. ฉัตตวรรค ๖. พันธุชีวกวรรค
๗. สุปาริจริยวรรค ๘. กุมุทวรรค
๙. กุฏชปุปผิยวรรค ๑๐. ตมาลปุปผิยวรรค

ท่านทำไว้ใน ๑๐ วรรคนี้มีคาถา ๖๖๖ คาถา
หมวด ๑๐ แห่งวรรคมีภิกขทายิวรรคเป็นต้น จบ
๑๐๐ เรื่อง หมวดที่ ๒ จบบริบูรณ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๖๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๑. กณิการปุปผิยวรรค] ๑. กณิการปุปผิยเถราปทาน
๒๑. กณิการปุปผิยวรรค
หมวดว่าด้วยพระกณิการปุปผิยะเป็นต้น
๑. กณิการปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระกณิการปุปผิยเถระ
(พระกณิการปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเห็นต้นกรรณิการ์
มีดอกบานสะพรั่ง
จึงเก็บมาบูชาพระผู้มีพระภาคพระนามว่าติสสะ
ผู้ข้ามโอฆะได้แล้ว ผู้คงที่
[๒] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๓] ในกัปที่ ๓๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิปรากฏพระนามว่าอรุณปาละ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระกณิการปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
กณิการปุปผิยเถราปทานที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๖๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๑. กณิการปุปผิยวรรค] ๒. มิเนลปุปผิยเถราปทาน
๒. มิเนลปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระมิเนลปุปผิยเถระ
(พระมิเนลปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิขี
มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
มีพระรัศมีเฉิดฉายดังดวงอาทิตย์
มีพระทัยประกอบด้วยเมตตา มีพระสติ เสด็จขึ้นที่จงกรม
[๖] ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ชมเชยพระญาณที่ล้ำเลิศแล้ว
จึงได้ประคองดอกเทียนขาวบูชาพระพุทธเจ้า
[๗] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๘] ในกัปที่ ๒๙ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มีพระนามว่าสุเมฆฆนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระมิเนลปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
มิเนลปุปผิยเถราปทานที่ ๒ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๗๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๑. กณิการปุปผิยวรรค] ๓. กิงกณิกปุปผิยเถราปทาน
๓. กิงกณิกปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระกิงกณิกปุปผิยเถระ
(พระกิงกณิกปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๐] พระผู้มีพระภาคผู้สัพพัญญู ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
ผู้เช่นกับทองคำมีค่า ทรงร้อนพระวรกาย
จึงเสด็จลงน้ำ สรงสนานอยู่
[๑๑] ข้าพเจ้ามีจิตเบิกบาน มีใจยินดี
จึงได้ประคองดอกกระดิ่งทองบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่
[๑๒] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๓] ในกัปที่ ๒๗ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าภีมรถ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระกิงกณิกปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
กิงกณิกปุปผิยเถราปทานที่ ๓ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๗๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๑. กณิการปุปผิยวรรค] ๔. ตรณิยเถราปทาน
๔. ตรณิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระตรณิยเถระ
(พระตรณิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๕] ก็พระผู้มีพระภาคพระนามว่าอัตถทัสสี
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ทรงองอาจกว่านรชน
มีหมู่พระสาวกแวดล้อม เสด็จไปยังฝั่งแม่น้ำคงคา
[๑๖] แม่น้ำคงคามีน้ำเต็มเปี่ยมเสมอขอบฝั่ง
กาดื่มกินได้ ข้ามได้ยาก
ข้าพเจ้าพาพระพุทธเจ้าผู้สูงสุดแห่งเทวดาและมนุษย์
และหมู่ภิกษุส่งข้าม
[๑๗] ในกัปที่ ๑๑๘ (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการพาพระพุทธเจ้าส่งข้าม(แม่น้ำ)
[๑๘] ในกัปที่ ๑๑๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕ ชาติ
พระนามว่าสัพโพภวะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๙] ในภพสุดท้าย ข้าพเจ้าเกิดในตระกูลพราหมณ์
ได้ออกบวชในศาสนาของพระศาสดา พร้อมกับสหาย ๓ คน
[๒๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระตรณิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ตรณิยเถราปทานที่ ๔ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๗๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๑. กณิการปุปผิยวรรค] ๖. อุทกทายกเถราปทาน
๕. นิคคุณฑิปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระนิคคุณฑิปุปผิยเถระ
(พระนิคคุณฑิปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๑] ข้าพเจ้าเป็นคนวัดได้ประคองดอกย่านทรายบูชา
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
[๒๒] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๒๓] ในกัปที่ ๓๕ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่ง มีพระนามว่ามหาปตาปะ
เป็นใหญ่ในหมู่ชน มีพลานุภาพมาก
[๒๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระนิคคุณฑิปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
นิคคุณฑิปุปผิยเถราปทานที่ ๕ จบ

๖. อุทกทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอุทกทายกเถระ
(พระอุทกทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๕] ข้าพเจ้าได้เห็นพระผู้มีพระภาคผู้สงบ ผ่องใส ไม่ขุ่นมัว เสวยอยู่
จึงได้ใช้หม้อตักน้ำถวายแด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๗๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๑. กณิการปุปผิยวรรค] ๗. สลฬมาลิยเถราปทาน
[๒๖] วันนี้ ข้าพเจ้าเป็นผู้ไม่เศร้าหมอง
ปราศจากมลทิน สิ้นความสงสัย
ผลย่อมเกิดแก่ข้าพเจ้าในภพที่เกิดอยู่
[๒๗] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายน้ำไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายน้ำ
[๒๘] ในกัปที่ ๖๑ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าวิมล
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๒๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอุทกทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อุทกทายกเถราปทานที่ ๖ จบ

๗. สลฬมาลิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสลฬมาลิยเถระ
(พระสลฬมาลิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๐] ข้าพเจ้าได้เห็นพระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้เป็นสารถีฝึกนรชน โชติช่วงดังดอกกรรณิการ์
ประทับนั่งในระหว่างภูเขา ทรงทำทิศทั้งปวงให้สว่างไสวอยู่
[๓๑] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้โก่งธนู พาดลูกศร
ยิงดอกไม้ตัดขั้วแล้วนำไปบูชาพระพุทธเจ้า
[๓๒] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๗๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๑. กณิการปุปผิยวรรค] ๘. โกรัณฑปุปผิยเถราปทาน
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๓๓] ในกัปที่ ๕๑ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าชุตินธระ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๓๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสลฬมาลิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สลฬมาลิยเถราปทานที่ ๗ จบ

๘. โกรัณฑปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระโกรัณฑปุปผิยเถระ
(พระโกรัณฑปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๕] ข้าพเจ้าได้เห็นรอยพระบาท
ซึ่งประดับด้วยเครื่องประดับคือจักร
ที่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ทรงเหยียบไว้
จึงเดินตามรอยพระบาทไป
[๓๖] ข้าพเจ้าได้เห็นต้นหงอนไก่ มีดอกบาน
จึงนำไปบูชาพร้อมทั้งราก มีจิตร่าเริงเบิกบาน
จึงได้ไหว้รอยพระบาทที่ล้ำเลิศ
[๓๗] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๗๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๑. กณิการปุปผิยวรรค] ๙. อาธารทายกเถราปทาน
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๓๘] ในกัปที่ ๕๗ (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าวีตมละ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๓๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระโกรัณฑปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
โกรัณฑปุปผิยเถราปทานที่ ๘ จบ

๙. อาธารทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอาธารทายกเถระ
(พระอาธารทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๐] ข้าพเจ้าถวายเชิงบาตรแด่พระผู้มีพระภาค
พระนามว่าสิขี ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก
ข้าพเจ้าได้ครองพื้นแผ่นดินนี้ไว้หมดทั้งสิ้น
[๔๑] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าทรงร่างกายอันมีในภพสุดท้าย
อยู่ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[๔๒] ในกัปที่ ๒๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๔ ชาติ
พระนามว่าสมันตวรณะ มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๗๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๑. กณิการปุปผิยวรรค] ๑๐. ปาปนิวาริยเถราปทาน
[๔๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอาธารทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อาธารทายกเถราปทานที่ ๙ จบ

๑๐. ปาปนิวาริยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปาปนิวาริยเถระ
(พระปาปนิวาริยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๔] ก็ข้าพเจ้ามีจิตผ่องใส ได้ถวายร่มคันหนึ่ง
แด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าติสสะ
ผู้เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ ผู้คงที่
[๔๕] ข้าพเจ้ากั้นบาปแล้ว สร้างกุศลให้ถึงพร้อมแล้ว
เทวดาทั้งหลายก็ได้กั้นร่มไว้ในอากาศ
นี้เป็นผลแห่งบุพกรรม
[๔๖] จิตดวงสุดท้ายของข้าพเจ้าย่อมแล่นไป
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าทรงร่างกายอันมีในภพสุดท้าย
อยู่ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[๔๗] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายร่มไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายร่ม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๗๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๑. กณิการปุปผิยวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
[๔๘] ในกัปที่ ๗๒ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๘ ชาติ
มีพระนามว่ามหานิทาน
ทรงเป็นใหญ่ในหมู่ชน
[๔๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปาปนิวาริยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปาปนิวาริยเถราปทานที่ ๑๐ จบ
กณิการปุปผิยวรรคที่ ๒๑ จบบริบูรณ์

รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. กณิการปุปผิยเถราปทาน ๒. มิเนลปุปผิยเถราปทาน
๓. กิงกณิกปุปผิยเถราปทาน ๔. ตรณิยเถราปทาน
๕. นิคคุณฑิปุปผิยเถราปทาน ๖. อุทกทายกเถราปทาน
๗. สลฬมาลิยเถราปทาน ๘. โกรัณฑปุปผิยเถราปทาน
๙. อาธารทายกเถราปทาน ๑๐. ปาปนิวาริยเถราปทาน

มีคาถา ๔๘ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๗๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๒. หัตถิวรรค] ๑. หัตถิทายกเถราปทาน
๒๒. หัตถิวรรค
หมวดว่าด้วยพระหัตถิเป็นต้น
๑. หัตถิทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระหัตถิทายกเถระ
(พระหัตถิทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ข้าพเจ้าได้ถวายช้างเชือกซึ่งประเสริฐ มีงางอนงาม
ควรเป็นราชพาหนะแด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่
[๒] ข้าพเจ้าบรรลุสันติบทอันเป็นประโยชน์สูงสุดซึ่งยอดเยี่ยม
เพราะข้าพเจ้าได้ถวายช้างแด่พระผู้มีพระภาค
ผู้แสวงหาประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลกทั้งปวง
[๓] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายช้างไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายช้าง
[๔] ในกัปที่ ๗๘ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ
พระนามว่าสมันตปาสาทิกะ มีพลานุภาพมาก
[๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระหัตถิทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
หัตถิทายกเถราปทานที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๗๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๒. หัตถิวรรค] ๒. ปานธิทายกเถราปทาน
๒. ปานธิทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปานธิทายกเถระ
(พระปานธิทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๖] ข้าพระองค์ได้ถวายรองเท้าแด่พระผู้มีพระภาค
ผู้ประทับอยู่ในป่า ทรงเข้าฌาน มีพระทัยประกอบด้วยเมตตา
มีเดช ทรงธรรม ทรงอบรมพระองค์แล้ว
[๗] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
ด้วยผลกรรมนั้น ข้าพระองค์จึงได้ใช้สอยยานทิพย์
นี้เป็นผลแห่งบุพกรรม
[๘] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพระองค์ได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายรองเท้าคู่หนึ่ง
[๙] ในกัปที่ ๗๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิ ๘ ชาติ
พระนามว่าสุยานะ มีพลานุภาพมาก
[๑๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปานธิทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปานธิทายกเถราปทานที่ ๒ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๘๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๒. หัตถิวรรค] ๓. สัจจสัญญกเถราปทาน
๓. สัจจสัญญกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสัจจสัญญกเถระ
(พระสัจจสัญญกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๑] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าเวสสภู
มีหมู่ภิกษุแวดล้อม ทรงแสดงอริยสัจช่วยมหาชนให้สงบเย็น
[๑๒] ข้าพเจ้าถึงความเป็นคนน่าสงสารอย่างยิ่ง
ได้ไปสู่ที่ประชุม นั่งฟังธรรมของพระศาสดา
[๑๓] ข้าพเจ้าครั้นฟังธรรมของพระศาสดานั้นแล้ว
(ตายแล้ว)ได้ไปเกิดยังเทวโลก อยู่ในเทพบุรีนั้นตลอด ๓๐ กัป
[๑๔] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ความทรงจำไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งสัจจสัญญา(การได้ความทรงจำในสัจจะ)
[๑๕] ในกัปที่ ๒๖ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่ง มีพระนามว่าเอกผุสสิตะ
ทรงเป็นใหญ่ในหมู่ชน มีพลานุภาพมาก
[๑๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสัจจสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สัจจสัญญกเถราปทานที่ ๓ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๘๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๒. หัตถิวรรค] ๕. รังสิสัญญกเถราปทาน
๔. เอกสัญญกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเอกสัญญกเถระ
(พระเอกสัญญกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๗] ข้าพเจ้าได้เห็นผ้าบังสุกุลของพระศาสดา
คล้องอยู่บนยอดไม้ จึงได้ประคองอัญชลีไหว้ผ้าบังสุกุล
[๑๘] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ความทรงจำไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๙] ในกัปที่ ๒๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่ง มีพระนามว่าอมิตาภะ
เป็นใหญ่ในหมู่ชน มีพลานุภาพมาก
[๒๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเอกสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เอกสัญญกเถราปทานที่ ๔ จบ

๕. รังสิสัญญกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระรังสิสัญญกเถระ
(พระรังสิสัญญกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๑] พระพุทธเจ้าผู้มีพระรัศมีรุ่งเรืองดุจดวงอาทิตย์อุทัยและดวงจันทร์
องอาจดังเสือโคร่ง มีชาติตระกูลประเสริฐ
ประทับอยู่ในระหว่างภูเขา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๘๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๒. หัตถิวรรค] ๖. สันธิตเถราปทาน
[๒๒] อานุภาพของพระพุทธเจ้านั้น
รุ่งเรืองอยู่ในระหว่างภูเขา
ข้าพเจ้าทำจิตให้เลื่อมใสในพระรัศมีแล้ว
บันเทิงอยู่ในสวรรค์ตลอดหนึ่งกัป
[๒๓] ในกัปที่เหลือ ข้าพเจ้าบำเพ็ญกุศลด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น
และด้วยการระลึกถึงพระพุทธเจ้า
[๒๔] ในกัปที่ ๓๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ความทรงจำไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการได้ความทรงจำในพระพุทธเจ้า
[๒๕] ในกัปที่ ๕๗ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่ง มีพระนามว่าสุชาตะ
เป็นใหญ่ในหมู่ชน มีพลานุภาพมาก
[๒๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระรังสิสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
รังสิสัญญกเถราปทานที่ ๕ จบ

๖. สันธิตเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสันธิตเถระ
(พระสันธิตเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๗] ข้าพเจ้าหวนระลึกขึ้น
ได้ความทรงจำอย่างหนึ่งซึ่งเป็นไปในพระพุทธเจ้า
ที่ต้นอัสสัตถพฤกษ์ มีประกายเขียวสด งอกงามดี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๘๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๒. หัตถิวรรค] ๗. ตาลวัณฏทายกเถราปทาน
[๒๘] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ความทรงจำไว้ในครั้งนั้น
เพราะอำนาจแห่งความทรงจำนั้น
ข้าพเจ้าจึงได้บรรลุความสิ้นอาสวะ
[๒๙] ในกัปที่ ๑๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าวนิทธะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๓๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสันธิตเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สันธิตเถราปทานที่ ๖ จบ

๗. ตาลวัณฏทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระตาลวัณฏทายกเถระ
(พระตาลวัณฏทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๑] ข้าพเจ้าได้ถวายพัดใบตาลแด่พระพุทธเจ้าพระนามว่าติสสะ
ผู้ทรงมีทิพยจักษุ เพื่อต้องการให้ดับความร้อนในฤดูร้อน
เพื่อให้ความเร่าร้อนสงบไป
[๓๒] ข้าพเจ้าได้ดับไฟคือราคะ ไฟคือโทสะ และไฟคือโมหะ
ที่ยิ่งกว่าความร้อนนั้นอย่างสนิท
นี้เป็นผลแห่งการถวายพัดใบตาล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๘๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๒. หัตถิวรรค] ๘. อักกันตสัญญกเถราปทาน
[๓๓] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าทรงร่างกายซึ่งมีในภพสุดท้าย
อยู่ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[๓๔] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายพัดใบตาล
[๓๕] ในกัปที่ ๖๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มีพระนามว่ามหาราม
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๓๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระตาลวัณฏทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ตาลวัณฏทายกเถราปทานที่ ๗ จบ

๘. อักกันตสัญญกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอักกันตสัญญกเถระ
(พระอักกันตสัญญกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๗] ข้าพเจ้าหยิบผ้าสาฎกผืนน้อย(ผ้าปิดแผล)
ในผ้าห่มของพระอุปัชฌาย์
กำลังพร่ำศึกษามนตร์ เพื่อบรรลุวิชาสูญฝี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๘๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๒. หัตถิวรรค] ๘. อักกันตสัญญกเถราปทาน
[๓๘] ได้เห็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าติสสะ ผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
ผู้สมควรรับเครื่องบูชา ผู้องอาจ ผู้ประเสริฐ ผู้ล้ำเลิศ
ผู้ตรัสรู้ดีแล้ว ดุจพญาคชสารตัวประเสริฐ
[๓๙] ผู้เป็นนรชนสูงสุด ผู้ล้ำเลิศ ทรงมีความเพียรมาก
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
ทรงเหยียบผ้าสาฎกผืนน้อยที่ข้าพเจ้าลาดไว้
[๔๐] ครั้นข้าพเจ้าได้เห็นพระองค์ผู้ส่องแสงสว่างในโลก
ปราศจากมลทิน ดังดวงจันทร์(ในวันเพ็ญ)
จึงได้ถวายอภิวาทพระบาทของพระศาสดาด้วยจิตที่ผ่องใส
[๔๑] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายผ้าสาฎกผืนน้อยไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผ้าสาฎกผืนน้อย
[๔๒] ในกัปที่ ๓๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่ง มีพระนามว่าสุนันทะ
เป็นใหญ่ในหมู่ชน มีพลานุภาพมาก
[๔๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอักกันตสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อักกันตสัญญกเถราปทานที่ ๘ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๘๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๒. หัตถิวรรค] ๙. สัปปิทายกเถราปทาน
๙. สัปปิทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสัปปิทายกเถระ
(พระสัปปิทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๔] ข้าพเจ้านั่งอยู่ในปราสาทหลังประเสริฐ มีหมู่นารีแวดล้อม
ได้เห็นพระผู้มีพระภาค ผู้สงบ ทรงพระประชวร จึงนิมนต์เข้าบ้าน
[๔๕] พระองค์ผู้มีความเพียรมาก ผู้เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ
ทรงองอาจกว่านรชน เสด็จเข้าไปแล้ว
ข้าพเจ้าได้ถวายเนยใสและน้ำมันแด่พระพุทธเจ้า
พระนามว่าสิทธัตถะ ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
[๔๖] ข้าพเจ้าได้เห็นพระองค์มีความกระวนกระวายสงบระงับ
มีอินทรีย์คือพระพักตร์ผ่องใส
จึงถวายอภิวาทพระบาทของพระศาสดา แล้วให้ประกาศไปในนคร
[๔๗] พระวีรเจ้าผู้ถึงที่สุดแห่งฤทธิ์ ทรงเห็นข้าพเจ้าผู้เลื่อมใส
จึงเสด็จเหาะขึ้นสู่นภากาศ ดังพญาหงส์ในท้องฟ้า
[๔๘] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายทานไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายเนยใสและน้ำมัน
[๔๙] ในกัปที่ ๑๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มีพระนามว่าทุติเทพ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสัปปิทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สัปปิทายกเถราปทานที่ ๙ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๘๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๒. หัตถิวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
๑๐. ปาปนิวาริยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปาปนิวาริยเถระ
(พระปาปนิวาริยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕๑] ข้าพเจ้าแผ้วถางสถานที่จงกรมของพระผู้มีพระภาค
พระนามว่าปิยทัสสี มุงบังด้วยไม้อ้อ ป้องกันลมและแดด
[๕๒] ข้าพเจ้าบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อมเพื่อต้องการเว้นบาป
ตั้งความเพียรในศาสนาของพระศาสดาเพื่อละกิเลสทั้งหลาย
[๕๓] ในกัปที่ ๑๑ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ปรากฏนามว่าอัคคิเตชะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปาปนิวาริยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปาปนิวาริยเถราปทานที่ ๑๐ จบ
หัตถิวรรคที่ ๒๒ จบบริบูรณ์

รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. หัตถิทายกเถราปทาน ๒. ปานธิทายกเถราปทาน
๓. สัจจสัญญกเถราปทาน ๔. เอกสัญญกเถราปทาน
๕. รังสิสัญญกเถราปทาน ๖. สันธิตเถราปทาน
๗. ตาลวัณฏทายกเถราปทาน ๘. อักกันตสัญญกเถราปทาน
๙. สัปปิทายกเถราปทาน ๑๐. ปาปนิวาริยเถราปทาน

มีคาถา ๕๔ คาถา ฉะนี้แล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๘๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๓. อาลัมพนทายกวรรค] ๑. อาลัมพนทายกเถราปทาน
๒๓. อาลัมพนทายกวรรค
หมวดว่าด้วยพระอาลัมพนทายกะเป็นต้น
๑. อาลัมพนทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอาลัมพนทายกเถระ
(พระอาลัมพนทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ข้าพเจ้าได้ถวายราวสะพานแด่พระผู้มีพระภาค
พระนามว่าอัตถทัสสี ผู้เจริญที่สุดในโลก
ผู้คงที่ ทรงเป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์
[๒] ข้าพเจ้าปกครองแผ่นดินอันกว้างขวางจรดฝั่งสาคร
แผ่ความยิ่งใหญ่ไปในสัตว์ทั้งหลายและในแผ่นดิน
[๓] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว
[๔] ในกัปที่ ๖๒ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓ ชาติ
พระนามว่าเอกาทัสสิตะ มีพลานุภาพมาก
[๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอาลัมพนทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อาลัมพนทายกเถราปทานที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๘๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๓. อาลัมพนทายกวรรค] ๒. อชินทายกเถราปทาน
๒. อชินทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอชินทายกเถระ
(พระอชินทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๖] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าเป็นคนคอยต้อนรับหมู่คณะ ได้เห็นพระพุทธเจ้า
ผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส ผู้สมควรรับเครื่องบูชา
[๗] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
ข้าพระองค์ได้ถวายแผ่นหนังแด่พระพุทธเจ้าพระนามว่าสิขี
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก ด้วยผลกรรมนั้น
[๘] ข้าพเจ้าจึงได้เสวยสมบัติ เผากิเลสทั้งหลายได้แล้ว
ทรงร่างกายอันมีในภพสุดท้าย
อยู่ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[๙] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายหนังสัตว์ไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายหนังสัตว์
[๑๐] ในกัปที่ ๕๐ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ พระนามว่าสุทายกะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอชินทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อชินทายกเถราปทานที่ ๒ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๙๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๓. อาลัมพนทายกวรรค] ๓. ทเวรตนิยเถราปทาน
๓. ทเวรตนิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระทเวรตนิยเถระ
(พระทเวรตนิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๒] เมื่อก่อน ข้าพเจ้าเป็นนายพรานเนื้อ
ได้เห็นพระพุทธเจ้า ผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
ผู้สมควรรับเครื่องบูชา ในป่าดงทึบ
[๑๓] ข้าพเจ้าจึงถวายชิ้นเนื้อแด่พระพุทธเจ้า
พระนามว่าวิปัสสี ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
ข้าพเจ้าได้เสวยอิสริยยศในโลก(นี้) พร้อมทั้งเทวโลก
[๑๔] ด้วยผลแห่งการถวายเนื้อนี้ รัตนะจึงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า
รัตนะ ๒ ประการในโลกเกิดแก่ข้าพเจ้า เพื่อบรรลุธรรมในปัจจุบัน
[๑๕] เพราะผลแห่งการถวายเนื้อ ข้าพเจ้าเสวยรัตนะทั้งหมดนั้น
คือตัวของข้าพเจ้าอ่อนนุ่มและปัญญาของข้าพเจ้าก็ละเอียดลึกซึ้ง
[๑๖] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายเนื้อไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายเนื้อ
[๑๗] ในกัปที่ ๔ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่ง มีพระนามว่ามหาโรหิต
เป็นใหญ่ในหมู่ชน มีพลานุภาพมาก
[๑๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระทเวรตนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ทเวรตนิยเถราปทานที่ ๓ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๙๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๓. อาลัมพนทายกวรรค] ๔. อารักขทายกเถราปทาน
๔. อารักขทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอารักขทายกเถระ
(พระอารักขทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๙] ข้าพเจ้าได้ให้สร้างแท่นไพที (ที่วางเครื่องสักการบูชา)
ถวายแด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
และได้ถวายอารักขาแด่พระสุคต ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
[๒๐] ด้วยผลกรรมพิเศษนั้น ข้าพเจ้าจึงไม่เห็นภัยที่น่าหวาดเสียวเลย
ความสะดุ้งกลัวก็ไม่มีแก่ข้าพเจ้าผู้เกิดแล้วในภพไหน ๆ
[๒๑] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าให้สร้างแท่นไพทีไว้ในกาลก่อน
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการสร้างแท่นไพทีถวาย
[๒๒] ในกัปที่ ๖ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มีพระนามว่าอปัสเสน
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๒๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอารักขทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อารักขทายกเถราปทานที่ ๔ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๙๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๓. อาลัมพนทายกวรรค] ๕. อัพยาธิกเถราปทาน
๕. อัพยาธิกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอัพยาธิกเถระ
(พระอัพยาธิกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๔] ข้าพเจ้าได้ถวายโรงไฟแด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
ได้ถวายที่อยู่และเครื่องรองรับน้ำร้อนแก่ภิกษุผู้อาพาธ
[๒๕] ผลกรรมนั้นได้เนรมิตอัตภาพของข้าพเจ้าไว้ดีแล้ว
ข้าพเจ้าจึงไม่รู้จักความเจ็บไข้เลย
นี้เป็นผลแห่งบุญกรรม
[๒๖] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายโรงไฟไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายโรงไฟ
[๒๗] ในกัปที่ ๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่ง ทรงเป็นใหญ่ในหมู่ชน
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๒๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอัพยาธิกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อัพยาธิกเถราปทานที่ ๕ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๙๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๓. อาลัมพนทายกวรรค] ๖. วกุลปุปผิยเถราปทาน
๖. วกุลปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระวกุลปุปผิยเถระ
(พระวกุลปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๙] ชนทั้งหลายรู้จักชื่อข้าพเจ้าว่านารทะ
รู้จักข้าพเจ้าว่ากัสสปะ โดยโคตร
ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
ผู้เลิศกว่าสมณะทั้งหลาย ซึ่งเทวดาสักการะแล้ว
[๓๐] ทรงไว้ซึ่งอนุพยัญชนะ ผู้สมควรรับเครื่องบูชา
ข้าพเจ้าจึงยกประคองดอกพิกุลขึ้นบูชาพระพุทธเจ้า
[๓๑] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๓๒] ในกัปที่ ๗๔ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์พระนามว่าโรมสะ
ทรงเครื่องประดอกไม้
มียาน กำลังพล และพาหนะพรั่งพร้อม
[๓๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระวกุลปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
วกุลปุปผิยเถราปทานที่ ๖ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๙๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๓. อาลัมพนทายกวรรค] ๗. โสวัณณวฏังสกิยเถราปทาน
๗. โสวัณณวฏังสกิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระโสวัณณวฏังสกิยเถระ
(พระโสวัณณวฏังสกิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าว
ว่า)
[๓๔] ข้าพเจ้าเดินอยู่ที่สวน ได้เห็นพระพุทธเจ้า
ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก จึงได้ถือมาลัยประดับศีรษะ
ที่ทำด้วยทองคำ ซึ่งประดิษฐ์อย่างงดงาม
[๓๕] ขึ้นขี่ช้างรีบไปบูชาพระพุทธเจ้า
พระนามว่าสิขี ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก
[๓๖] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๓๗] ในกัปที่ ๒๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่ง มีพระนามว่ามหาปตาปะ
เป็นใหญ่ในหมู่ชน มีพลานุภาพมาก
[๓๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระโสวัณณวฏังสกิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
โสวัณณวฏังสกิยเถราปทานที่ ๗ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๙๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๓. อาลัมพนทายกวรรค] ๙. สุกตาเวฬิยเถราปทาน
๘. มิญชวฏังสกิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระมิญชวฏังสกิยเถระ
(พระมิญชวฏังสกิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๙] เมื่อพระผู้มีพระภาคผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์โลกพระนามว่าสิขี
ผู้ประเสริฐกว่าเจ้าลัทธิทั้งหลาย เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
ข้าพเจ้าได้ทำการบูชาต้นโพธิ์ที่ห้อยระย้าด้วยมาลัยประดับศีรษะ
[๔๐] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำการบูชาไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาต้นโพธิ์
[๔๑] ในกัปที่ ๒๖ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มีพระนามว่าเมฆัพภะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๔๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระมิญชวฏังสกิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
มิญชวฏังสกิยเถราปทานที่ ๘ จบ

๙. สุกตาเวฬิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสุกตาเวฬิยเถระ
(พระสุกตาเวฬิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๓] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นช่างดอกไม้มีนามว่าอสิตะ
ได้ถือพวงมาลัยไปเพื่อน้อมเกล้าถวายแด่พระราชา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๙๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๓. อาลัมพนทายกวรรค] ๑๐. เอกวันทนิยเถราปทาน
[๔๔] ยังไม่ทันถึงพระราชา ก็ได้เห็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าสิขี
ผู้ทรงเป็นผู้นำ ข้าพเจ้ามีจิตร่าเริง เบิกบาน
ได้ยกขึ้นบูชาพระพุทธเจ้า
[๔๕] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๔๖] ในกัปที่ ๒๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าเวภาระ
มีกำลังมาก มีพลานุภาพมาก
[๔๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสุกตาเวฬิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สุกตาเวฬิยเถราปทานที่ ๙ จบ

๑๐. เอกวันทนิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเอกวันทนิยเถระ
(พระเอกวันทนิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๘] ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ได้ไหว้พระพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐที่สุดพระนามว่าเวสสภู
ผู้องอาจ สามารถ มีความเพียร ทรงชำนะวิเศษ
[๔๙] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๙๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๓. อาลัมพนทายกวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายอภิวาท
[๕๐] ในกัปที่ ๒๔ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มีพระนามว่าวิกตานันทะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเอกวันทนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เอกวันทนิยเถราปทานที่ ๑๐ จบ
อาลัมพนทายกวรรคที่ ๒๓ จบบริบูรณ์

รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. อาลัมพนทายกเถราปทาน ๒. อชินทายกเถราปทาน
๓. ทเวรัตนิยเถราปทาน ๔. อารักขทายกเถราปทาน
๕. อัพยาธิกเถราปทาน ๖. วกุลปุปผิยเถราปทาน
๗. โสวัณณวฏังสกิยเถราปทาน ๘. มิญชวฏังสกิยเถราปทาน
๙. สุกตาเวฬิยเถราปทาน ๑๐. เอกวันทนิยเถราปทาน

ท่านผู้เห็นประโยชน์ทั้งหลายคำนวณคาถาได้ ๕๕ คาถา ฉะนี้แล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๙๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๔. อุทกาสนทายกวรรค] ๑. อุทกาสนทายกเถราปทาน
๒๔. อุทกาสนทายกวรรค
หมวดว่าด้วยพระอุทกาสนทายกะเป็นต้น
๑. อุทกาสนทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอุทกาสนทายกเถระ
(พระอุทกาสนทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ข้าพเจ้าออกจากประตูอารามแล้ว
ได้ลาดแผ่นกระดานสำหรับนั่งไว้
และได้ตั้งน้ำฉันน้ำใช้ไว้ เพื่อบรรลุประโยชน์สูงสุด
[๒] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการลาดอาสนะและตั้งน้ำไว้
[๓] ในกัปที่ ๑๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าอภิสามะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอุทกาสนทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อุทกาสนทายกเถราปทานที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๙๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๔. อุทกาสนทายกวรรค] ๓. สาลปุปผิยเถราปทาน
๒. ภาชนทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระภาชนทายกเถระ
(พระภาชนทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นช่างหม้ออยู่ในกรุงพันธุมดี
ข้าพเจ้าได้แบ่งภาชนะถวายแด่ภิกษุสงฆ์ในกรุงนั้นเสมอ ๆ
[๖] ในกัปที่ ๙๑ (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพเจ้าได้แบ่งภาชนะถวายภิกษุสงฆ์ไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายภาชนะ
[๗] ในกัปที่ ๕๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มีพระนามว่าอนันตชลิ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระภาชนทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ภาชนทายกเถราปทานที่ ๒ จบ

๓. สาลปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสาลปุปผิยเถระ
(พระสาลปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๙] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นคนทำขนมขายอยู่ในกรุงอรุณวดี
ข้าพเจ้าได้เห็นพระชินเจ้าพระนามว่าสิขี
กำลังเสด็จไปทางประตู(เรือน)ของข้าพเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๐๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๔. อุทกาสนทายกวรรค] ๔. กิลัญชทายกเถราปทาน
[๑๐] ข้าพเจ้ามีใจผ่องใสจึงรับบาตรของพระพุทธเจ้า
ซึ่งเสด็จมาถึงพอดีแล้วได้ถวายดอกสาละแด่พระองค์
[๑๑] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายดอกไม้ไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายดอกสาละ
[๑๒] ในกัปที่ ๑๔ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าอมิตัญชละ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสาลปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สาลปุปผิยเถราปทานที่ ๓ จบ

๔. กิลัญชทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระกิลัญชทายกเถระ
(พระกิลัญชทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๔] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นช่างจักสานอยู่ในติวรานคร น่ารื่นรมย์
หมู่ชนในนครนั้นเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้ส่องโลกให้สว่าง
[๑๕] หมู่ชนเที่ยวแสวงหาเสื่อลำแพน
เพื่อบูชาพระผู้มีพระภาคผู้ทรงเป็นที่พึ่งของสัตว์โลก
ข้าพเจ้าได้ให้เสื่อลำแพนแก่หมู่ชนนั้นผู้ทำการบูชาพระพุทธเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๐๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๔. อุทกาสนทายกวรรค] ๕. เวทิทายกเถราปทาน
[๑๖] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายเสื่อลำแพน
[๑๗] ในกัปที่ ๗๗ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าชลันธระ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระกิลัญชทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
กิลัญชทายกเถราปทานที่ ๔ จบ

๕. เวทิทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเวทิทายกเถระ
(พระเวทิทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๙] ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ได้ให้ช่างสร้างแท่นไพทีไว้ที่ต้นโพธิ์
ซึ่งเป็นต้นไม้ประเสริฐของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
[๒๐] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ให้ช่างสร้างแท่นไพทีไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการสร้างแท่นไพที
[๒๑] ในกัปที่ ๑๑ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าสูริยสมะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๐๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๔. อุทกาสนทายกวรรค] ๖. วัณณการกเถราปทาน
[๒๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเวทิทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เวทิทายกเถราปทานที่ ๕ จบ

๖. วัณณการกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระวัณณการกเถระ
(พระวัณณการกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๓] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นช่างทาสีอยู่ในกรุงอรุณวดี
ได้ระบายสีผ้าที่พระเจดีย์ให้มีสีต่าง ๆ
[๒๔] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ระบายสีผ้าไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการระบายสี
[๒๕] ในกัปที่ ๒๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าจันทสมะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๒๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระวัณณการกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
วัณณการกเถราปทานที่ ๖ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๐๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๔. อุทกาสนทายกวรรค] ๘. อัมพยาคทายกเถราปทาน
๗. ปิยาลปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปิยาลปุปผิยเถระ
(พระปิยาลปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๗] เมื่อก่อน ข้าพเจ้าเป็นนายพรานเนื้อ
เที่ยวอยู่ในป่าดงทึบ เห็นต้นมะหาด
มีดอกบานสะพรั่ง จึงเก็บมาโปรยลงที่ทางเดิน
ข้าพเจ้ามีใจผ่องใส รับบาตรของพระพุทธเจ้า
ซึ่งกำลังเสด็จดำเนินอยู่ที่หนทาง
แล้วได้ถวายดอกมะหาดแด่พระองค์
[๒๘] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๒๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปิยาลปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปิยาลปุปผิยเถราปทานที่ ๗ จบ

๘. อัมพยาคทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอัมพยาคทายกเถระ
(พระอัมพยาคทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๐] ข้าพเจ้าเป็นผู้ฉลาดในศิลปะของตน ได้เข้าไปยังป่าดงทึบ
ได้เห็นพระพุทธเจ้ากำลังเสด็จดำเนินอยู่ จึงถวายผลมะม่วง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๐๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๔. อุทกาสนทายกวรรค] ๙. ชคติการกเถราปทาน
[๓๑] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายทานไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผลมะม่วง
[๓๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอัมพยาคทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อัมพยาคทายกเถราปทานที่ ๘ จบ

๙. ชคติการกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระชคติการกเถระ
(พระชคติการกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๓] เมื่อพระผู้มีพระภาคผู้เป็นที่พึ่งของโลก
พระนามว่าอัตถทัสสี ทรงเป็นนรชนผู้สูงสุด
เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
ข้าพเจ้าได้ให้สร้างชานรอบพระสถูป
อันประเสริฐของพระพุทธเจ้า
[๓๔] ในกัปที่ ๑๑๘ (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการสร้างชานรอบ
[๓๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระชคติการกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ชคติการกเถราปทานที่ ๙ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๐๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๔. อุทกาสนทายกวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
๑๐. วาสิทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระวาสิทายกเถระ
(พระวาสิทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๖] เมื่อก่อน ข้าพเจ้าเป็นช่างทองอยู่ในติวรานครที่ล้ำเลิศ
ข้าพเจ้าได้ถวายมีดเล่มหนึ่งแด่พระผู้มีพระภาค
ผู้เป็นพระสยัมภู ผู้ไม่ทรงพ่ายแพ้
[๓๗] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายมีดไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายมีด
[๓๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระวาสิทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
วาสิทายกเถราปทานที่ ๑๐ จบ
อุทกาสนทายกวรรคที่ ๒๔ จบบริบูรณ์

รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. อุทกาสนทายกเถราปทาน ๒. ภาชนทายกเถราปทาน
๓. สาลปุปผิยเถราปทาน ๔. กิลัญชทายกเถราปทาน
๕. เวทิทายกเถราปทาน ๖. วัณณการกเถราปทาน
๗. ปิยาลปุปผิยเถราปทาน ๘. อัมพยาคทายกเถราปทาน
๙. ชคติการกเถราปทาน ๑๐. วาสิทายกเถราปทาน

และมีคาถา ๓๘ คาถา ฉะนี้แล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๐๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๕. ตุวรทายิวรรค] ๒. นาคเกสริยเถราปทาน
๒๕. ตุวรทายิวรรค
หมวดว่าด้วยพระตุวรทายิเป็นต้น
๑. ตุวรัฏฐิทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระตุวรัฏฐิทายกเถระ
(พระตุวรัฏฐิทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] เมื่อก่อน ข้าพเจ้าเป็นนายพรานเนื้อ
อาศัยอยู่ในป่าดงทึบ ข้าพเจ้าเห็นถั่วแดงนั้นแล้ว
จึงได้นำมาถวายแด่พระสงฆ์
[๒] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายทานไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายก้อนถั่วแดง
[๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระตุวรัฏฐิทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ตุวรัฏฐิทายกเถราปทานที่ ๑ จบ

๒. นาคเกสริยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระนาคเกสริยเถระ
(พระนาคเกสริยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔] ข้าพเจ้าโก่งสายธนูแล้ว เข้าไปยังท่ามกลางป่า
ได้เห็นต้นบุนนาคมีดอกเป็นพวง ขึ้นอยู่ใกล้ทางเดิน
[๕] จึงใช้มือทั้ง ๒ ประคอง
กระทำอัญชลีไว้เหนือเศียรเกล้าแล้ว
ได้บูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่าติสสะ ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๐๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๕. ตุวรทายิวรรค] ๓. นฬินเกสริยเถราปทาน
[๖] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๗] ในกัปที่ ๗๗ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มีพระนามว่าสโมกขรณะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระนาคเกสริยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
นาคเกสริยเถราปทานที่ ๒ จบ

๓. นฬินเกสริยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระนฬินเกสริยเถระ
(พระนฬินเกสริยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๙] ข้าพเจ้าเป็นนกกาน้ำ เที่ยวอยู่ในท่ามกลางสระธรรมชาติ
ครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้า ผู้เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ
เสด็จเหาะไปในอากาศ
[๑๐] ข้าพเจ้ามีใจผ่องใส จึงใช้จะงอยปาก
คาบดอกบัวมาบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่าติสสะ
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก
[๑๑] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๐๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๕. ตุวรทายิวรรค] ๔. วิรวิปุปผิยเถราปทาน
[๑๒] ในกัปที่ ๗๓ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าสัตตปัตตะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระนฬินเกสริยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
นฬินเกสริยเถราปทานที่ ๓ จบ

๔. วิรวิปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระวิรวิปุปผิยเถระ
(พระวิรวิปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๔] พระผู้มีพระภาคผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
เสด็จดำเนินไปพร้อมด้วยพระขีณาสพหลายพันรูป
ข้าพเจ้าได้ประคองดอกท้าวยายม่อมบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๕] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระวิรวิปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
วิรวิปุปผิยเถราปทานที่ ๔ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๐๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๕. ตุวรทายิวรรค] ๖. ปัตตทายกเถราปทาน
๕. กุฏิธูปกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระกุฏิธูปกเถระ
(พระกุฏิธูปกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๗] ข้าพเจ้าเป็นคนรักษาพระคันธกุฎีของพระผู้มีพระภาค
พระนามว่าสิทธัตถะ ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส
อบพระคันธกุฎีให้หอมด้วยมือทั้ง ๒ ของตน ตามกาลอันสมควร
[๑๘] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการอบพระกุฎี
[๑๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระกุฏิธูปกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
กุฏิธูปกเถราปทานที่ ๕ จบ

๖. ปัตตทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปัตตทายกเถระ
(พระปัตตทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๐] ข้าพเจ้ามีการฝึกอย่างดีเยี่ยม
ได้ถวายบาตรแด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ผู้ซื่อตรง ผู้คงที่
[๒๑] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายทานไว้ในครั้งนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๑๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๕. ตุวรทายิวรรค] ๗. ธาตุปูชกเถราปทาน
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายบาตร
[๒๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปัตตทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปัตตทายกเถราปทานที่ ๖ จบ

๗. ธาตุปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระธาตุปูชกเถระ
(พระธาตุปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๓] เมื่อพระผู้มีพระภาคผู้ทรงเป็นที่พึ่งของโลก พระนามว่าสิทธัตถะ
ทรงเป็นนรชนผู้สูงสุด เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
ข้าพเจ้าได้พระธาตุองค์หนึ่งของพระผู้มีพระภาค
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่
[๒๔] ข้าพเจ้าได้เก็บพระธาตุของพระพุทธเจ้า
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งดวงอาทิตย์นั้นไว้บูชาตลอด ๕ ปี
เหมือนบำรุงพระองค์ผู้ทรงเป็นนรชนผู้สูงสุดซึ่งยังทรงพระชนม์อยู่
[๒๕] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้บูชาพระธาตุไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบำรุงพระธาตุ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๑๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๕. ตุวรทายิวรรค] ๘. สัตตสัตตลิปุปผปูชกเถราปทาน
[๒๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระธาตุปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ธาตุปูชกเถราปทานที่ ๗ จบ

๘. สัตตสัตตลิปุปผปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสัตตสัตตลิปุปผปูชกเถระ
(พระสัตตสัตตลิปุปผปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึง
กล่าวว่า)
[๒๗] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้วางดอกมะลิซ้อน ๗ ดอกไว้บนศีรษะแล้ว
บูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่าเวสสภู ทรงเป็นนรชนผู้สูงสุด
[๒๘] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาด้วยดอกไม้
[๒๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสัตตสัตตลิปุปผปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
สัตตสัตตลิปุปผปูชกเถราปทานที่ ๘ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๑๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๕. ตุวรทายิวรรค] ๑๐. อุททาลทายกเถราปทาน
๙. พิมพิชาลิปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระพิมพิชาลิปุปผิยเถระ
(พระพิมพิชาลิปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๐] พระชินเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้เป็นพระสยัมภู เป็นบุคคลผู้เลิศ
ทรงประกาศสัจจะ ๔ แสดงอมตบท
[๓๑] ครั้งนั้น ข้าพเจ้ารวบรวมดอกมะกล่ำหลวงไว้มากมายแล้ว
บูชาพระพุทธเจ้าผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่
[๓๒] ในกัปที่ ๖๘ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๔ ชาติพระนามเหมือนกันว่ากิญชเกสระ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๓๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระพิมพิชาลิปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
พิมพิชาลิปุปผิยเถราปทานที่ ๙ จบ

๑๐. อุททาลทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอุททาลทายกเถระ
(พระอุททาลทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๔] พระปัจเจกพุทธเจ้าพระนามว่ากุกกุธะ
ทรงเป็นพระสยัมภู ผู้ไม่ทรงพ่ายแพ้
เสด็จออกจากป่าใหญ่แล้ว ถึงแม่น้ำใหญ่ตามลำดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๑๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๕. ตุวรทายิวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
[๓๕] ครั้งนั้น ข้าพเจ้ามีใจเลื่อมใส
ได้ถือดอกราชพฤกษ์(คูน)มาถวายพระผู้มีพระภาค
ผู้เป็นพระสยัมภู ผู้สำรวมอินทรีย์เป็นอย่างดี ผู้ซื่อตรง
[๓๖] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายดอกไม้
[๓๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอุททาลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อุททาลทายกเถราปทานที่ ๑๐ จบ
ตุวรทายิวรรคที่ ๒๕ จบบริบูรณ์

รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. ตุวรัฏฐิทายกเถราปทาน ๒. นาคเกสริยเถราปทาน
๓. นฬินเกสริยเถราปทาน ๔. วิรวิปุปผิยเถราปทาน
๕. กุฏิธูปกเถราปทาน ๖. ปัตตทายกเถราปทาน
๗. ธาตุปูชกเถราปทาน ๘. สัตตสัตตลิปุปผปูชกเถราปทาน
๙. พิมพิชาลิปุปผิยเถราปทาน ๑๐. อุททาลทายกเถราปทาน

บัณฑิตทั้งหลายนับคาถาได้ ๓๗ คาถา ฉะนี้แล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๑๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๖. โถมกวรรค] ๑. โถมกเถราปทาน
๒๖. โถมกวรรค
หมวดว่าด้วยพระโถมกะเป็นต้น
๑. โถมกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระโถมกเถระ
(พระโถมกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ข้าพเจ้าอยู่ในเทวโลก
ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ แล้วเบิกบานใจ ได้กล่าวคำนี้ว่า
[๒] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นบุรุษอาชาไนย ขอนอบน้อมแด่พระองค์
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นบุรุษสูงสุด ขอนอบน้อมแด่พระองค์
พระองค์ทรงแสดงอมตบท
ทรงช่วยชนจำนวนมากให้ข้าม(วัฏสงสาร)ได้
[๓] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้กล่าววาจาไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการสรรเสริญ
[๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระโถมกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
โถมกเถราปทานที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๑๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๖. โถมกวรรค] ๓. จิตกปูชกเถราปทาน
๒. เอกาสนทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเอกาสนทายกเถระ
(พระเอกาสนทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕] ข้าพเจ้ากับภรรยาต้องการจะสร้างกุศลอันยิ่งใหญ่ไว้
ในศาสนาของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
จึงละเพศเทวดามาในมนุษยโลกนี้
[๖] ข้าพเจ้ามีใจผ่องใส ได้ถวายภิกษาแก่พระเถระนามว่าเทวละ
ผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
[๗] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายบิณฑบาต
[๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเอกาสนทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เอกาสนทายกเถราปทานที่ ๒ จบ

๓. จิตกปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระจิตกปูชกเถระ
(พระจิตกปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๙] พระสัมพุทธเจ้า๑พระนามว่าอานันทะ
ผู้เป็นพระสยัมภู ผู้ไม่ทรงพ่ายแพ้
เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วในป่าดงทึบที่ปราศจากมนุษย์

เชิงอรรถ :
๑ พระสัมพุทธเจ้า ในที่นี้หมายถึงพระปัจเจกพุทธเจ้า (ขุ.อป.อ. ๒/๙/๒๓๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๑๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๖. โถมกวรรค] ๔. จัมปกปุปผิยเถราปทาน
[๑๐] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าจากเทวโลกมาในมนุษยโลกนี้
ได้ทำจิตกาธานแล้วถวายเพลิงพระสรีระ ณ ที่นั้น และได้ทำสักการะ
[๑๑] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระจิตกปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
จิตกปูชกเถราปทานที่ ๓ จบ

๔. จัมปกปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระจัมปกปุปผิยเถระ
(พระจัมปกปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๓] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมพานต์ มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อวิกนะ
ณ ท่ามกลางภูเขาลูกนั้น
มีพระสมณะผู้อบรมอินทรีย์ดีแล้ว อาศัยอยู่
[๑๔] ข้าพเจ้าได้เห็นพระองค์ผู้สงบระงับ
จึงมีใจผ่องใส ได้ถือดอกจำปา ๓ ดอก โปรยลงบูชา
[๑๕] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๑๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๖. โถมกวรรค] ๕. สัตตปาฏลิยเถราปทาน
[๑๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระจัมปกปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
จัมปกปุปผิยเถราปทานที่ ๔ จบ

๕. สัตตปาฏลิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสัตตปาฏลิยเถระ
(พระสัตตปาฏลิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๗] ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้รุ่งเรืองดังดอกกรรณิการ์
ประทับนั่งอยู่ระหว่างภูเขา
จึงได้เก็บดอกแคฝอย ๗ ดอกมาบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๘] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสัตตปาฏลิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สัตตปาฏลิยเถราปทานที่ ๕ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๑๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๖. โถมกวรรค] ๗. มัญชริปูชกเถราปทาน
๖. อุปาหนทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอุปาหนทายกเถระ
(พระอุปาหนทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๐] ครั้งนั้น ข้าพเจ้ามีชื่อว่าจันทนะ เป็นบุตรของพระสัมพุทธเจ้า๑
ข้าพเจ้าได้ถวายรองเท้าคู่หนึ่ง ด้วยปรารถนาว่า
ขอท่านจงช่วยให้ข้าพเจ้าบรรลุพระโพธิญาณด้วยเถิด
[๒๑] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายรองเท้าไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายรองเท้า
[๒๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอุปาหนทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อุปาหนทายกเถราปทานที่ ๖ จบ

๗. มัญชริปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระมัญชริปูชกเถระ
(พระมัญชริปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๓] ข้าพเจ้าทำพุ่มดอกไม้แล้ว เดินไปบนถนน
ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้เลิศกว่าสมณะทั้งหลาย มีหมู่ภิกษุแวดล้อม
[๒๔] ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี และมีปีติอย่างยิ่ง
จึงประคองดอกไม้ด้วยมือทั้ง ๒ ยกขึ้นบูชาพระพุทธเจ้า

เชิงอรรถ :
๑ พระสัมพุทธเจ้า ในที่นี้หมายถึงพระปัจเจกพุทธเจ้า (ขุ.อป.อ. ๒/๙/๒๓๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๑๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๖. โถมกวรรค] ๘. ปัณณทายกเถราปทาน
[๒๕] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาด้วยดอกไม้
[๒๖] ในกัปที่ ๗๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าโชติยะ
เป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีพลานุภาพมาก
[๒๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระมัญชริปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
มัญชริปูชกเถราปทานที่ ๗ จบ

๘. ปัณณทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปัณณทายกเถระ
(พระปัณณทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๘] ข้าพเจ้านุ่งห่มผ้าเปลือกไม้
มีใบไม้ที่ไม่มีรสเค็มเป็นอาหาร
และสำรวมในพรตที่ประพฤติตามกาลนิยม๑
อาศัยอยู่ที่ภูเขาหิมพานต์
[๒๙] เมื่อถึงเวลาอาหารเช้า พระพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
เสด็จมาหาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเลื่อมใส
จึงได้ถวายอาหารนั้นแด่พระพุทธเจ้าด้วยมือทั้ง ๒ ของตน

เชิงอรรถ :
๑ นิยม หมายถึงพรตที่ประพฤติตามกาลนิยม คือศีล ๘ (อภิธานัปปทีปิกา หน้า ๑๒๔)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๒๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๖. โถมกวรรค] ๙. กุฏิทายกเถราปทาน
[๓๐] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายใบไม้ไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายใบไม้
[๓๑] ในกัปที่ ๒๗ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่ายทัตถิยะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๓๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปัณณทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปัณณทายกเถราปทานที่ ๘ จบ

๙. กุฏิทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระกุฏิทายกเถระ
(พระกุฏิทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๓] ครั้งนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จเที่ยวไปตามราวป่า
ประทับอยู่ที่โคนไม้
ข้าพเจ้าได้สร้างบรรณศาลา
ถวายแด่พระองค์ผู้ไม่ทรงพ่ายแพ้
[๓๔] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายกุฎีใบไม้ไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายกุฎี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๒๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๖. โถมกวรรค] ๑๐. อัคคปุปผิยเถราปทาน
[๓๕] ในกัปที่ ๓๘ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ
มหาชนพากันขนานพระนามว่าอภิวัสสี ทุก ๆ ชาติ
[๓๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระกุฏิทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
กุฏิทายกเถราปทานที่ ๙ จบ

๑๐. อัคคปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอัคคปุปผิยเถระ
(พระอัคคปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๗] ข้าพเจ้าได้เห็นพระสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสิขี
ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ ประทับนั่งอยู่ระหว่างภูเขา
ทรงรุ่งเรืองด้วยพระรัศมีดุจกองเพลิง
[๓๘] ข้าพเจ้าถือดอกบัว
เข้าไปเฝ้าพระองค์ผู้เป็นนรชนผู้สูงสุด
มีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี ได้บูชาพระพุทธเจ้า
[๓๙] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๔๐] ในกัปที่ ๒๕ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่ามิตตฆาตกะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๒๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๖. โถมกวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
[๔๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอัคคปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อัคคปุปผิยเถราปทานที่ ๑๐ จบ
โถมกวรรคที่ ๒๖ จบบริบูรณ์

รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. โถมกเถราปทาน ๒. เอกาสนทายกเถราปทาน
๓. จิตกปูชกเถราปทาน ๔. จัมปกปุปผิยเถราปทาน
๕. สัตตปาฏลิยเถราปทาน ๖. อุปาหนทายกเถราปทาน
๗. มัญชริปูชกเถราปทาน ๘. ปัณณทายกเถราปทาน
๙. กุฏิทายกเถราปทาน ๑๐. อัคคปุปผิยเถราปทาน

และในวรรคนี้ นับคาถาได้ ๔๑ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๒๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๗. ปทุมุกเขปวรรค] ๑. อากาสุกขิปิยเถราปทาน
๒๗. ปทุมุกเขปวรรค
หมวดว่าด้วยการวางดอกปทุมถวายเป็นต้น
๑. อากาสุกขิปิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอากาสุกขิปิยเถระ
(พระอากาสุกขิปิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ข้าพเจ้าถือดอกบัว ๒ ดอก เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
พระนามว่าสิทธัตถะ ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
ผู้องอาจกว่านรชน กำลังเสด็จไประหว่างร้านตลาด
[๒] ข้าพเจ้าวางดอกบัวดอกหนึ่งไว้
แทบพระบาทของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
อีกดอกหนึ่งข้าพเจ้าหยิบโยนขึ้นไปในอากาศ
[๓] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายดอกไม้
[๔] ในกัปที่ ๓๒ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าอันตลิกขกร
เป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีพลานุภาพมาก
[๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอากาสุกขิปิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อากาสุกขิปิยเถราปทานที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๒๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๗. ปทุมุกเขปวรรค] ๓. อัฑฒจันทิยเถราปทาน
๒. เตลมักขิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเตลมักขิยเถระ
(พระเตลมักขิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๖] เมื่อพระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้องอาจกว่านรชน เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
ครั้งนั้น ข้าพเจ้าใช้น้ำมันทาที่แท่นไพทีแห่งต้นโพธิ์
[๗] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทาน้ำมันไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการทาน้ำมัน
[๘] ในกัปที่ ๒๔ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าสุจฉวิ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเตลมักขิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เตลมักขิยเถราปทานที่ ๒ จบ

๓. อัฑฒจันทิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอัฑฒจันทิยเถระ
(พระอัฑฒจันทิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๐] ข้าพเจ้าได้ถวายอัฒจันทร์ไว้ที่ต้นโพธิ์อันประเสริฐ
ของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าติสสะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๒๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๗. ปทุมุกเขปวรรค] ๔. ทีปทายกเถราปทาน
[๑๑] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้บูชาด้วยอัฒจันทร์ไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาต้นโพธิ์
[๑๒] ในกัปที่ ๒๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าเทวละ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอัฑฒจันทิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อัฑฒจันทิยเถราปทานที่ ๓ จบ

๔. ทีปทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระทีปทายกเถระ
(พระทีปทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๔] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นเทพบุตร ลงมายังแผ่นดิน มีใจเลื่อมใส
ได้ถวายประทีป ๕ ดวง ด้วยมือทั้ง ๒ ของตน
[๑๕] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายประทีปไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายประทีป
[๑๖] ในกัปที่ ๕๕ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งมีนามว่าสมันตจักษุ
เป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๒๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๗. ปทุมุกเขปวรรค] ๕. วิฬาลิทายกเถราปทาน
[๑๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระทีปทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ทีปทายกเถราปทานที่ ๔ จบ

๕. วิฬาลิทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระวิฬาลิทายกเถระ
(พระวิฬาลิทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๘] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมพานต์มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อโรมสะ
พระผู้มีพระภาคผู้สงบ ผู้อบรมอินทรีย์แล้วประทับอยู่ที่เชิงภูเขานั้น
[๑๙] ข้าพเจ้าได้ถือมันมือเสือไปถวายแด่พระสมณะ
พระผู้มีพระภาค ทรงมีความเพียรมาก ทรงเป็นพระสยัมภู
ผู้ไม่ทรงพ่ายแพ้ ตรัสอนุโมทนาว่า
[๒๐] ท่านมีใจผ่องใส ถวายมันมือเสือแก่เรา
ผลจะบังเกิดแก่ท่านในภพที่ท่านเกิด
[๒๑] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายมันมือเสือไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายมันมือเสือ
[๒๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระวิฬาลิทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
วิฬาลิทายกเถราปทานที่ ๕ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๒๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๗. ปทุมุกเขปวรรค] ๗. ชวหังสกเถราปทาน
๖. มัจฉทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระมัจฉทายกเถระ
(พระมัจฉทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๓] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นนกออก๑
อาศัยอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา
ข้าพเจ้าได้คาบปลาตัวใหญ่มาถวาย
แด่พระมุนีพระนามว่าสิทธัตถะ
[๒๔] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายปลาไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายปลา
[๒๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระมัจฉทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
มัจฉทายกเถราปทานที่ ๖ จบ

๗. ชวหังสกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระชวหังสกเถระ
(พระชวหังสกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๖] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นพรานป่าอาศัยอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา
ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
เสด็จเหาะไปในอากาศ

เชิงอรรถ :
๑ กุกฺกุห = นกออก, นกเขา. กุกฺกุส = เหยี่ยวดำ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๒๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๗. ปทุมุกเขปวรรค] ๘. สลฬปุปผิยเถราปทาน
[๒๗] ข้าพเจ้าประคองอัญชลีแลดูพระมหามุนีอยู่
ทำจิตของตนให้เลื่อมใสแล้ว
ได้ถวายอภิวาทพระองค์ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
[๒๘] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายอภิวาทพระผู้องอาจกว่านรชน
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายอภิวาท
[๒๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระชวหังสกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ชวหังสกเถราปทานที่ ๗ จบ

๘. สลฬปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสลฬปุปผิยเถระ
(พระสลฬปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๐] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นกินนรอาศัยอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา
ได้เห็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
ผู้รุ่งเรืองผ่องใสด้วยพระรัศมี
[๓๑] ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี และมีปีติอย่างยิ่ง
จึงถือดอกช้างน้าวมาโปรยลงบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
[๓๒] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๒๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๗. ปทุมุกเขปวรรค] ๙. อุปาคตหาสนิยเถราปทาน
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๓๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสลฬปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สลฬปุปผิยเถราปทานที่ ๘ จบ

๙. อุปาคตหาสนิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอุปาคตหาสนิยเถระ
(พระอุปาคตหาสนิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๔] มีสระที่สร้างอย่างดีอยู่ท่ามกลางภูเขาหิมพานต์
ข้าพเจ้าเป็นผีเสื้อน้ำ มีนิสัยชอบอยู่ใต้(น้ำ) น่ากลัว อาศัยอยู่ในสระนั้น
[๓๕] พระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ผู้ทรงอนุเคราะห์
ประกอบด้วยพระกรุณา เป็นผู้นำสัตว์โลก
พระองค์ประสงค์จะช่วยเหลือข้าพเจ้า
จึงเสด็จมาในสำนักของข้าพเจ้า
[๓๖] ข้าพเจ้าได้เห็นพระผู้มีพระภาคผู้มีความเพียรมาก
ผู้เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ องอาจกว่านรชน เสด็จมาใกล้
จึงออกจากที่อยู่อาศัยแล้วได้ไหว้พระศาสดา
[๓๗] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ไหว้พระศาสดาผู้สูงสุดแห่งมนุษยชาติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๓๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๗. ปทุมุกเขปวรรค] ๑๐. ตรณิยเถราปทาน
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการไหว้
[๓๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอุปาคตหาสนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
อุปาคตหาสนิยเถราปทานที่ ๙ จบ

๑๐. ตรณิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระตรณิยเถระ
(พระตรณิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๙] พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ ทรงเป็นผู้นำ
มีหมู่ภิกษุแวดล้อมประทับยืนอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำ
[๔๐] เรือสำหรับข้ามในห้วงมหรรณพนั้นไม่มี
ข้าพเจ้าจึงขึ้นจากแม่น้ำ
พาพระศาสดาผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลกส่งข้าม
[๔๑] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าพาพระศาสดาผู้สูงสุดกว่านรชนส่งข้าม
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการพาส่งข้าม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๓๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๗. ปทุมุกเขปวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
[๔๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระตรณิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ตรณิยเถราปทานที่ ๑๐ จบ
ปทุมุกเขปวรรคที่ ๒๗ จบบริบูรณ์

รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. อากาสุกขิปิยเถราปทาน ๒. เตลมักขิยเถราปทาน
๓. อัฑฒจันทิยเถราปทาน ๔. ทีปทายกเถราปทาน
๕. วิฬาลิทายกเถราปทาน ๖. มัจฉทายกเถราปทาน
๗. ชวหังสกเถราปทาน ๘. สลฬปุปผิยเถราปทาน
๙. อุปาคตหาสนิยเถราปทาน ๑๐. ตรณิยเถราปทาน

และในวรรคนี้นับคาถาได้ ๔๒ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๓๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๘. สุวัณณพิพโพหนวรรค] ๑. สุวัณณพิพโพหนิยเถราปทาน
๒๘. สุวัณณพิพโพหนวรรค
หมวดว่าด้วยการถวายหมอนทองเป็นต้น
๑. สุวัณณพิพโพหนิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสุวัณณพิพโพหนิยเถระ
(พระสุวัณณพิพโพหนิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ข้าพเจ้าเลื่อมใส ได้ถวายอาสนะผืนหนึ่ง
และได้ถวายหมอนด้วยมือทั้ง ๒ ของตน
เพื่อบรรลุประโยชน์สูงสุด
[๒] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายหมอนไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายหมอน
[๓] ในกัปที่ ๖๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าอสมะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสุวัณณพิพโพหนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้
สุวัณณพิพโพหนิยเถราปทานที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๓๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๘. สุวัณณพิพโพหนวรรค] ๒. ติลมุฏฐิยเถราปทาน
๒. ติลมุฏฐิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระติลมุฏฐิยเถระ
(พระติลมุฏฐิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕] พระศาสดาผู้ทรงเป็นผู้นำชั้นเลิศของโลก
ทรงทราบความคิดของข้าพเจ้า
บันดาลกายเข้าไปด้วยมโนมยิทธิ
[๖] ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ไหว้พระศาสดาผู้เป็นบุรุษผู้สูงสุด
ซึ่งเสด็จเข้ามา แล้วได้ถวายงากำมือหนึ่ง
[๗] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายทานไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายงากำมือหนึ่ง
[๘] ในกัปที่ ๑๖ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าคันธิยะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระติลมุฏฐิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ติลมุฏฐิยเถราปทานที่ ๒ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๓๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๘. สุวัณณพิพโพหนวรรค] ๔. อัพภัญชนทายกเถราปทาน
๓. จังโกฏกิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระจังโกฏกิยเถระ
(พระจังโกฏกิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๐] พระศาสดาพระนามว่าสิทธัตถะ
ประทับอยู่ระหว่างภูเขาใกล้มหาสมุทร ข้าพเจ้าได้เข้าไปเฝ้าแล้ว
ทำบุญมีการกราบไหว้เป็นต้น ได้ถวายผอบดอกไม้
[๑๑] ครั้นข้าพเจ้าถวายผอบดอกไม้แด่พระผู้มีพระภาค
พระนามว่าสิทธัตถะ ผู้เป็นพระสยัมภู
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ทรงอนุเคราะห์แล้ว
จึงบันเทิงอยู่ในสวรรค์ตลอดหนึ่งกัป
[๑๒] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายผอบดอกไม้ไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผอบดอกไม้
[๑๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระจังโกฏกิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
จังโกฏกิยเถราปทานที่ ๓ จบ

๔. อัพภัญชนทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอัพภัญชนทายกเถระ
(พระอัพภัญชนทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๔] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าโกณฑัญญะ
ผู้ปราศจากราคะ ผู้คงที่ มีพระหฤทัยไม่หยาบ
ไม่มีธรรมเครื่องเนิ่นช้า มีปกติเพ่งฌาน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๓๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๘. สุวัณณพิพโพหนวรรค] ๕. เอกัญชลิยเถราปทาน
[๑๕] ข้าพเจ้าได้ถวายยาหยอดตาแด่พระองค์ผู้ล่วงเลยโมหะทั้งปวง
ทรงแสวงหาประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลกทั้งมวล
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่
[๑๖] ในกัปที่หาประมาณมิได้นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายยาหยอดตาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายยาหยอดตา
[๑๗] ในกัปที่ ๑๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าจิรัปปะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอัพภัญชนทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อัพภัญชนทายกเถราปทานที่ ๔ จบ

๕. เอกัญชลิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเอกัญชลิยเถระ
(พระเอกัญชลิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๙] ข้าพเจ้าได้ถวายโอกาสที่อยู่
แด่พระสมณะผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
ผู้ประทับนั่งบนเครื่องลาดใบไม้ที่ติดกันใกล้ต้นมะเดื่อ
[๒๐] ข้าพเจ้าประคองอัญชลีแล้ว
ลาดเครื่องลาดดอกไม้ถวายพระผู้มีพระภาคนามว่าติสสะ
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้เป็นที่พึ่งของโลก ผู้คงที่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๓๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๘. สุวัณณพิพโพหนวรรค] ๖. โปตถทายกเถราปทาน
[๒๑] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำเครื่องลาดดอกไม้ไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายเครื่องลาด
[๒๒] ในกัปที่ ๑๔ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าเอกอัญชลิกะ
เป็นใหญ่ในมนุษย์ มีพลานุภาพมาก
[๒๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเอกัญชลิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เอกัญชลิยเถราปทานที่ ๕ จบ

๖. โปตถทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระโปตถทายกเถระ
(พระโปตถทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๔] ข้าพเจ้าปรารภพระศาสดา ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
พระธรรม และพระสงฆ์
ได้ถวายผ้าเปลือกไม้ไว้ในพระรัตนตรัย
ผู้เป็นทักขิไณยบุคคลผู้เลิศ
[๒๕] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผ้าเปลือกไม้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๓๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๘. สุวัณณพิพโพหนวรรค] ๗. จิตกปูชกเถราปทาน
[๒๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระโปตถทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
โปตถทายกเถราปทานที่ ๖ จบ

๗. จิตกปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระจิตกปูชกเถระ
(พระจิตกปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๗] ข้าพเจ้าเที่ยวไปตามกระแสน้ำ ใกล้ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา
เก็บดอกย่านทราย ๗ ดอก มาบูชาจิตกาธาน
[๒๘] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้บูชาจิตกาธานไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาจิตกาธาน
[๒๙] ในกัปที่ ๖๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าปฏิชัคคะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๓๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระจิตกปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
จิตกปูชกเถราปทานที่ ๗ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๓๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๘. สุวัณณพิพโพหนวรรค] ๙. ปุณฑรีกเถราปทาน
๘. อาลุวทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอาลุวทายกเถระ
(พระอาลุวทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๑] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมพานต์มีแม่น้ำสายใหญ่น่าดู
ณ ที่ใกล้แม่น้ำนั้นข้าพเจ้าได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ปราศจากราคะ มีพระรัศมีสุกใสน่าดู
ผู้ประกอบในความสงบอย่างยิ่ง
[๓๒] ครั้นเห็นแล้ว ข้าพเจ้ามีความประหลาดใจ
เลื่อมใส จึงได้ถวายหัวมันแก่พระองค์ด้วยมือทั้ง ๒ ของตน
[๓๓] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายหัวมันไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายหัวมัน
[๓๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอาลุวทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อาลุวทายกเถราปทานที่ ๘ จบ

๙. ปุณฑรีกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปุณฑรีกเถระ
(พระปุณฑรีกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๕] ครั้งนั้น ได้มีพระผู้มีพระภาคพระนามว่าโรมสะ
ผู้เป็นพระสยัมภู มีพระรัศมีสุกใส
ข้าพเจ้ามีใจผ่องใส ได้ถวายดอกบัวขาวแด่พระองค์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๓๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๘. สุวัณณพิพโพหนวรรค] ๑๐. ตรณียเถราปทาน
[๓๖] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายดอกบัวขาวไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายดอกบัวขาว
[๓๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปุณฑรีกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปุณฑรีกเถราปทานที่ ๙ จบ

๑๐. ตรณียเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระตรณียเถระ
(พระตรณียเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๘] ข้าพเจ้ามีใจเลื่อมใส ได้ร่วมมือช่วยกันสร้างสะพาน
ที่ทางใหญ่ซึ่งไม่ราบเรียบ เพื่อต้องการให้ชาวโลกข้าม
[๓๙] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ร่วมสร้างสะพานไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการให้ร่วม(สร้าง)สะพาน
[๔๐] ในกัปที่ ๕๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าสโมคตะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๔๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๘. สุวัณณพิพโพหนวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
[๔๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระตรณียเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ตรณียเถราปทานที่ ๑๐ จบ
สุวัณณพิพโพหนวรรคที่ ๒๘ จบบริบูรณ์

รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. สุวัณณพิพโพหนิยเถราปทาน ๒. ติลมุฏฐิยเถราปทาน
๓. จังโกฏกิยเถราปทาน ๔. อัพภัญชนทายกเถราปทาน
๕. เอกัญชลิยเถราปทาน ๖. โปตถทายกเถราปทาน
๗. จิตกปูชกเถราปทาน ๘. อาลุวทายกเถราปทาน
๙. ปุณฑรีกเถราปทาน ๑๐. ตรณียเถราปทาน

และในวรรคนี้นับคาถาได้ ๔๒ คาถา
ภาณวารที่ ๑๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๔๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๙. ปัณณทายกวรรค] ๑. ปัณณทายกเถราปทาน
๒๙. ปัณณทายกวรรค
หมวดว่าด้วยผู้ถวายใบไม้เป็นต้น
๑. ปัณณทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปัณณทายกเถระ
(พระปัณณทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ข้าพเจ้านั่งอยู่ในบรรณศาลา บริโภคผักเป็นอาหาร
พระผู้มีพระภาค ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
ได้เสด็จเข้ามายังบรรณศาลา ใกล้ข้าพเจ้า
[๒] ข้าพเจ้าได้ถวายใบไม้แด่พระองค์มีนามว่าสิทธัตถะ
ผู้ส่องโลกให้สว่างไสว ทรงเยียวยาสัตว์โลกทั้งปวง
ประทับนั่งอยู่บนเครื่องลาดใบไม้
[๓] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายใบไม้ไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายใบไม้
[๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปัณณทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปัณณทายกเถราปทานที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๔๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๙. ปัณณทายกวรรค] ๒. ผลทายกเถราปทาน
๒. ผลทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระผลทายกเถระ
(พระผลทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
ทรงสันโดษเสมอด้วยภูเขาสิเนรุ ทรงไว้เช่นกับธรณี
เสด็จออกจากสมาธิแล้วเข้ามาหาข้าพเจ้าเพื่อภิกษา
[๖] ผลสมอ ผลมะขามป้อม
ผลมะม่วง ผลหว้า ผลสมอพิเภก ผลกระเบา
ผลกระบาก (รกฟ้า) ผลมะตูม และผลมะปราง
[๗] ข้าพเจ้ามีใจผ่องใสได้ถวายผลไม้นั้นทุกชนิด
แด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ทรงอนุเคราะห์สัตว์โลกทั้งปวง
[๘] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายผลไม้ไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้
[๙] ในกัปที่ ๕๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าเอกัชฌะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระผลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ผลทายกเถราปทานที่ ๒ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๔๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๙. ปัณณทายกวรรค] ๓. ปัจจุคคมนิยเถราปทาน
๓. ปัจจุคคมนิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปัจจุคคมนิยเถระ
(พระปัจจุคคมนิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๑] พระผู้มีพระภาค ผู้องอาจกว่านรชน
กำลังเสด็จมาเหมือนพญาราชสีห์ท่องเที่ยวไปในป่า
เหมือนม้าอาชาไนยตัวองอาจ เหมือนต้นรกฟ้าที่งอกงาม
[๑๒] ข้าพเจ้ามีใจผ่องใสได้กระทำการต้อนรับ
พระพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ ผู้ส่องโลกให้สว่างไสว
ทรงเยียวยาสัตว์โลกทั้งปวง
[๑๓] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ต้อนรับพระผู้มีพระภาค ผู้องอาจกว่านรชน
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการต้อนรับ
[๑๔] ในกัปที่ ๒๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งมีพระนามว่าปริวาระ
เป็นใหญ่ในหมู่ชน มีพลานุภาพมาก
[๑๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปัจจุคคมนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปัจจุคคมนิยเถราปทานที่ ๓ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๔๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๙. ปัณณทายกวรรค] ๔. เอกปุปผิยเถราปทาน
๔. เอกปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเอกปุปผิยเถระ
(พระเอกปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๖] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นปีศาจอยู่ที่ประตูเมืองด้านทิศใต้
ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
มีพระรัศมีรุ่งเรืองดังดวงจันทร์
[๑๗] ข้าพเจ้าจึงได้ถวายดอกไม้ดอกหนึ่งแด่พระพุทธเจ้า
พระนามว่าวิปัสสี ผู้เป็นนรชนผู้เลิศ
ทรงแสวงหาประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลกทั้งปวง
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่
[๑๘] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายดอกไม้ไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเอกปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เอกปุปผิยเถราปทานที่ ๔ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๔๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๙. ปัณณทายกวรรค] ๖. อุปัฏฐายิกเถราปทาน
๕. มฆวปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระมฆวปุปผิยเถระ
(พระมฆวปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๐] พระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระสยัมภู ผู้ไม่ทรงพ่ายแพ้
พระองค์มีอินทรีย์ผ่องใส ไม่ขุ่นมัว
เข้าสมาธิอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำนัมมทา
[๒๑] ในครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้เป็นพระสยัมภู ผู้ไม่ทรงพ่ายแพ้แล้ว เลื่อมใส มีใจยินดี
ได้บูชาพระองค์ด้วยดอกมฆวะ (ดอกแซ่ม้าพระอินทร์)
[๒๒] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๒๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระมฆวปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
มฆวปุปผิยเถราปทานที่ ๕ จบ

๖. อุปัฏฐายิกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอุปัฏฐายิกเถระ
(พระอุปัฏฐายิกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๔] พระพุทธเจ้าผู้มหานาค ผู้สมควรรับเครื่องบูชา
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๔๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๙. ปัณณทายกวรรค] ๖. อุปัฏฐายิกเถราปทาน
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
กำลังเสด็จดำเนินอยู่ที่ถนน
[๒๕] ข้าพเจ้าได้มอบให้ทูลนิมนต์แล้ว
จึงได้ถวายคนอุปัฏฐากแด่พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระนามว่าสิทธัตถะ ผู้แสวงหาประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลกทั้งปวง
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
[๒๖] พระมหามุนีสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรับแล้วทรงส่งมอบคืน
ได้เสด็จลุกจากอาสนะนั้นแล้ว
บ่ายพระพักตร์เสด็จหลีกไปทางทิศตะวันออก
[๒๗] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายคนอุปัฏฐากไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายคนอุปัฏฐาก
[๒๘] ในกัปที่ ๕๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าพลเสน
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๒๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอุปัฏฐายิกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อุปัฏฐายิกเถราปทานที่ ๖ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๔๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๙. ปัณณทายกวรรค] ๘. สัตตาหปัพพชิตเถราปทาน
๗. อปทานิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอปทานิยเถระ
(พระอปทานิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๐] ข้าพเจ้าเลื่อมใสแล้ว
ได้สรรเสริญประวัติในอดีตชาติของพระสุคตทั้งหลาย
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
และได้กราบพระยุคลบาทด้วยเศียรเกล้าด้วยมือทั้ง ๒ ของตน
[๓๑] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้สรรเสริญประวัติในอดีตชาติของพระสุคตไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการสรรเสริญ
[๓๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอปทานิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อปทานิยเถราปทานที่ ๗ จบ

๘. สัตตาหปัพพชิตเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสัตตาหปัพพชิตเถระ
(พระสัตตาหปัพพชิตเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๓] สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
ผู้ที่มหาชนสักการะนับถือแล้ว เมื่อก่อน
ข้าพเจ้าได้ถึงความวิบัติแตกจากญาติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๔๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๙. ปัณณทายกวรรค] ๙. พุทธุปัฏฐายิกเถราปทาน
[๓๔] ข้าพเจ้าเข้าบวช ก็เพื่อความสงบระงับความพินาศ
ยินดีในการบวชนั้นได้เพียง ๗ วัน
ก็เพราะความเป็นผู้ใคร่ในสัตถุศาสตร์
[๓๕] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้บวชไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบวช
[๓๖] ในกัปที่ ๖๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ ชาติ
ปรากฏนามว่าสุเนกขัมมะ
ทรงเป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีพลานุภาพมาก
[๓๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสัตตาหปัพพชิตเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สัตตาหปัพพชิตเถราปทานที่ ๘ จบ

๙. พุทธุปัฏฐายิกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระพุทธุปัฏฐายิกเถระ
(พระพุทธุปัฏฐายิกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๘] ครั้งนั้น ข้าพเจ้า (และ)
บิดาของข้าพเจ้า (ก็มีชื่อว่าเวธัมภินีด้วย)
บิดาจูงมือข้าพเจ้าพาไปมอบถวายแด่พระมหามุนี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๔๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๙. ปัณณทายกวรรค] ๑๐. ปุพพังคมนิยเถราปทาน
[๓๙] พระพุทธเจ้าทั้งหลายผู้ทรงเป็นผู้นำชั้นเลิศของโลกเหล่านี้
ทรงมุ่งหมายข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเลื่อมใส
ได้บำรุงพระพุทธเจ้าเหล่านั้นโดยเคารพด้วยมือทั้ง ๒ ของตน
[๔๐] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้บำรุงพระพุทธเจ้าทั้งหลายไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบำรุง
[๔๑] ในกัปที่ ๒๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิ ๔ ชาติ
พระนามว่าสมณุปัฏฐาก มีพลานุภาพมาก
[๔๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระพุทธุปัฏฐายิกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
พุทธุปัฏฐายิกเถราปทานที่ ๙ จบ

๑๐. ปุพพังคมนิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปุพพังคมนิยเถระ
(พระปุพพังคมนิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๓] พวกข้าพเจ้า ๘๔,๐๐๐ คน
ไม่มีความกังวลได้ออกบวชเพื่อบรรลุประโยชน์สูงสุด
ข้าพเจ้าเป็นหัวหน้าของคนเหล่านั้น
[๔๔] คนเหล่านั้นยังมีราคะ(โทสะ)และโมหะ
เลื่อมใส ไม่ขุ่นมัว บำรุงข้าพเจ้าผู้ผ่องใส โดยเคารพ
ด้วยมือทั้ง ๒ ของตน ๆ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๕๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๒๙. ปัณณทายกวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
[๔๕] พระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระสยัมภู ผู้ขีณาสพ
ทรงคลายโทสะได้แล้ว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ไม่มีอาสวะ
ไม่ทรงพ่ายแพ้ ทรงแผ่เมตตาจิตไป
[๔๖] พวกข้าพเจ้าบำรุงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหล่านั้น
เป็นผู้มีสติ สิ้นชีวิตแล้ว ได้ไปเกิดเป็นเทวดา
[๔๗] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้รักษาศีลไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการสำรวม
[๔๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปุพพังคมนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปุพพังคมนิยเถราปทานที่ ๑๐ จบ
ปัณณทายกวรรคที่ ๒๙ จบบริบูรณ์

รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. ปัณณทายกเถราปทาน ๒. ผลทายกเถราปทาน
๓. ปัจจุคคมนิยเถราปทาน ๔. เอกปุปผิยเถราปทาน
๕. มฆวปุปผิยเถราปทาน ๖. อุปัฏฐายิกเถราปทาน
๗. อปทานิยเถราปทาน ๘. สัตตาหปัพพชิตเถราปทาน
๙. พุทธุปัฏฐายิกเถราปทาน ๑๐. ปุพพังคมนิยเถราปทาน

และท่านได้กล่าวคาถาไว้ ๔๘ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๕๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๐. จิตกปูชกวรรค] ๑. จิตกปูชกเถราปทาน
๓๐. จิตกปูชกวรรค
หมวดว่าด้วยพระจิตกปูชกะเป็นต้น
๑. จิตกปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระจิตกปูชกเถระ
(พระจิตกปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นพราหมณ์มีนามว่าอชิตะ
ประสงค์จะทำการบูชา จึงรวบรวมดอกไม้ต่าง ๆ ไว้
[๒] ข้าพเจ้าได้เห็นจิตกาธานของพระพุทธเจ้าพระนามว่าสิขี
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก ที่กำลังลุกโพลงอยู่
จึงนำดอกไม้นั้นมาโปรยลงที่จิตกาธาน
[๓] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๔] ในกัปที่ ๒๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ ชาติ มีพระนามว่าสุปัชชลิตะ
เป็นใหญ่ในหมู่มนุษย์ มีพลานุภาพมาก
[๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระจิตกปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
จิตกปูชกเถราปทานที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๕๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๐. จิตกปูชกวรรค] ๒. ปุปผธารกเถราปทาน
๒. ปุปผธารกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปุปผธารกเถระ
(พระปุปผธารกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๖] ข้าพเจ้านุ่งผ้าเปลือกไม้ ห่มหนังสัตว์
อภิญญา ๕ บังเกิดแล้ว ลูบคลำดวงจันทร์ได้
[๗] ข้าพเจ้าได้เห็นพระศาสดาพระนามว่าวิปัสสี
ผู้ส่องโลกให้สว่าง ซึ่งเสด็จมาถึงสำนักข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจึงยกดอกแคฝอยขึ้นบูชาพระองค์
[๘] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการยกดอกไม้ขึ้นบูชา
[๙] ในกัปที่ ๘๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าสมันตธรณะ
เป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีพลานุภาพมาก
[๑๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปุปผธารกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปุปผธารกเถราปทานที่ ๒ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๕๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๐. จิตกปูชกวรรค] ๓. ฉัตตทายกเถราปทาน
๓. ฉัตตทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระฉัตตทายกเถระ
(พระฉัตตทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๑] ครั้งนั้น บุตรของข้าพเจ้าออกบวชแล้ว นุ่งห่มผ้ากาสายะ
เขาบรรลุความเป็นพระพุทธเจ้า อันชาวโลกบูชา
เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
[๑๒] ข้าพเจ้าค้นหาบุตรของตนไปทางเบื้องหลัง
ไปถึงจิตกาธานแห่งบุตรผู้ยิ่งใหญ่ปรินิพพานแล้ว
[๑๓] ข้าพเจ้าประคองอัญชลีไหว้จิตกาธานที่ป่าช้านั้น
และยกฉัตรขาวขึ้นบูชาในครั้งนั้น
[๑๔] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายฉัตร
[๑๕] ในกัปที่ ๒๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ ชาติ มีพระนามว่ามหารหะ
เป็นใหญ่ในหมู่ชน มีพลานุภาพมาก
[๑๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระฉัตตทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ฉัตตทายกเถราปทานที่ ๓ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๕๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๐. จิตกปูชกวรรค] ๕. โคสีสนิกเขปกเถราปทาน
๔. สัททสัญญกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสัททสัญญกเถระ
(พระสัททสัญญกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๗] เมื่อดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้น
ข้าพเจ้าได้มีความเลื่อมใสอย่างเหลือล้นว่า
พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ มีปรากฏในโลก
[๑๘] ข้าพเจ้าได้ฟังแต่เสียงในความปรากฏนั้น
แต่ไม่ได้เห็นพระชินเจ้าพระองค์นั้น ถึงคราวจะสิ้นชีวิต
ได้ระลึกถึงความทรงจำในพระพุทธเจ้า
[๑๙] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ความทรงจำไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๒๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสัททสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สัททสัญญกเถราปทานที่ ๔ จบ

๕. โคสีสนิกเขปกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระโคสีสนิกเขปกเถระ
(พระโคสีสนิกเขปกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๑] ข้าพเจ้าออกจากประตูอารามแล้ว
ได้ลาด(ทอด)ไม้จันทน์เหลืองไว้ (เพื่อให้สงฆ์เดิน)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๕๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๐. จิตกปูชกวรรค] ๕. โคสีสนิกเขปกเถราปทาน
ข้าพเจ้าได้เสวยกรรมของตน
นี้เป็นผลแห่งบุพกรรม
[๒๒] ม้าสินธพอาชาไนย เป็นพาหนะวิ่งเร็วไวปานลม
ข้าพเจ้าได้เสวยผลนั้นทั้งหมด
นี้เป็นผลแห่งการลาดไม้จันทน์เหลือง
[๒๓] โอ ! กุศลสมภารเล็กน้อยที่ข้าพเจ้าทำไว้ในบุญเขตที่ดี
(กลับ) ให้ผลมาก
กุศลสมภารอื่นไม่ถึงเสี้ยวแห่งกุศลสมภาร
ที่ข้าพเจ้าทำไว้ในพระสงฆ์เลย
[๒๔] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ลาดไม้จันทน์เหลืองไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการลาดไม้จันทน์เหลือง
[๒๕] ในกัปที่ ๗๕ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าสุปติฏฐิตะ
มีเดชมาก มีพลานุภาพมาก
[๒๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระโคสีสนิกเขปกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
โคสีสนิกเขปกเถราปทานที่ ๕ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๕๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๐. จิตกปูชกวรรค] ๗. เทสกิตตกเถราปทาน
๖. ปทปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปทปูชกเถระ
(พระปทปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๗] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นกินนรอาศัยอยู่ที่ภูเขาหิมพานต์
ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
มีพระรัศมีรุ่งเรืองดุจดวงจันทร์
[๒๘] เวลานั้น ข้าพเจ้าได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลกแล้วได้ใช้(น้ำ)
แก่นจันทน์และกฤษณารดลงที่พระบาท
[๒๙] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้บูชาพระบาทไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระบาท
[๓๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปทปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปทปูชกเถราปทานที่ ๖ จบ

๗. เทสกิตตกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเทสกิตตกเถระ
(พระเทสกิตตกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๑] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นพราหมณ์มีนามว่าอุปสาลหกะ
เข้าไปยังป่าดงทึบ ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์โลก
ทรงองอาจกว่านรชน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๕๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๐. จิตกปูชกวรรค] ๘. สรณคมนิยเถราปทาน
[๓๒] ผู้สมควรรับเครื่องบูชาของชาวโลก
แล้วจึงกราบแทบพระยุคลบาท
พระพุทธเจ้าทรงทราบว่า ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใสแล้ว ก็ทรงหายไป
[๓๓] ข้าพเจ้าออกจากป่าดงทึบแล้ว
หวนระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
สรรเสริญภูมิภาคนั้นแล้ว
บันเทิงอยู่ในสวรรค์ตลอดหนึ่งกัป
[๓๔] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้สรรเสริญภูมิภาคไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการสรรเสริญ
[๓๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเทสกิตตกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เทสกิตตกเถราปทานที่ ๗ จบ

๘. สรณคมนิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสรณคมนิยเถระ
(พระสรณคมนิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๖] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นนายพรานเนื้ออาศัยอยู่ใกล้ภูเขาหิมพานต์
ได้เห็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๕๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๐. จิตกปูชกวรรค] ๙. อัมพปิณฑิยเถราปทาน
[๓๗] เข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
ทำการขวนขวายช่วยเหลือ
ได้ถึงพระองค์ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์
ผู้คงที่ว่า เป็นสรณะ
[๓๘] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งสรณะ
[๓๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสรณคมนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สรณคมนิยเถราปทานที่ ๘ จบ

๙. อัมพปิณฑิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอัมพปิณฑิยเถระ
(พระอัมพปิณฑิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๐] ข้าพเจ้าเป็นทานพ(อสูร) มีนามปรากฏว่าโรมสะ
ข้าพเจ้าได้ถวายผลมะม่วงแด่พระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
[๔๑] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายผลมะม่วงไว้ในครั้งนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๕๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๐. จิตกปูชกวรรค] ๑๐. อนุสังสาวกเถราปทาน
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผลมะม่วง
[๔๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอัมพปิณฑิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อัมพปิณฑิยเถราปทานที่ ๙ จบ

๑๐. อนุสังสาวกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอนุสังสาวกเถระ
(พระอนุสังสาวกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๓] ข้าพเจ้าได้เห็นพระผู้มีพระภาคชินเจ้า
พระนามว่าวิปัสสี กำลังเสด็จเที่ยวบิณฑบาต
จึงได้ถวายภิกษาทัพพีหนึ่งแด่พระองค์
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่
[๔๔] ครั้งนั้น ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี ได้ถวายอภิวาท
(และ) ได้ประกาศพระพุทธเจ้าให้มหาชนทราบ
เพื่อบรรลุประโยชน์สูงสุด
[๔๕] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ประกาศให้มหาชนทราบไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการประกาศ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๖๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๐. จิตกปูชกวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค รวมวรรคได้ ๑๐ วรรค
[๔๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอนุสังสาวกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อนุสังสาวกเถราปทานที่ ๑๐ จบ
จิตกปูชกวรรคที่ ๓๐ จบบริบูรณ์

รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. จิตกปูชกเถราปทาน ๒. ปุปผธารกเถราปทาน
๓. ฉัตตทายกเถราปทาน ๔. สัททสัญญกเถราปทาน
๕. โคสีสนิกเขปกเถราปทาน ๖. ปทปูชกเถราปทาน
๗. เทสกิตติกเถราปทาน ๘. สรณคมนิยเถราปทาน
๙. อัมพปิณฑิยเถราปทาน ๑๐. อนุสังสาวกเถราปทาน

บัณฑิตคำนวณคาถาได้ ๔๗ คาถา

อนึ่ง รวมวรรคได้ ๑๐ วรรค คือ

๑. กณิการปุปผิยวรรค ๒. หัตถิวรรค
๓. อาลัมพนทายกวรรค ๔. อุทกาสนทายกวรรค
๕. ตุวรทายิวรรค ๖. โถมกวรรค
๗. ปทุมุกเขปวรรค ๘. สุวัณณพิพโพหนวรรค
๙. ปัณณทายกวรรค ๑๐. จิตกปูชกวรรค

คาถาทั้งหมดมี ๔๕๑ คาถา
บัณฑิตผู้แสดงอรรถ คำนวณบททั้งหมดได้ ๕,๕๗๒ บท
หมวด ๑๐ แห่งวรรคมีกณิการปุปผิยวรรคเป็นต้น จบ
๑๐๐ เรื่อง หมวดที่ ๓ จบบริบูรณ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๖๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๑. ปทุมเกสริยวรรค] ๑. ปทุมเกสริยเถราปทาน
๓๑. ปทุมเกสริยวรรค
หมวดว่าด้วยพระปทุมเกสริยะเป็นต้น
๑. ปทุมเกสริยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปทุมเกสริยเถระ
(พระปทุมเกสริยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] เมื่อก่อน ข้าพเจ้าเป็นช้างพลายตระกูลมาตังคะ
อาศัยอยู่ใกล้ที่พักหมู่ฤๅษี(คือพระปัจเจกพุทธเจ้า)
ข้าพเจ้ามีความเลื่อมใสในพระปัจเจกพุทธเจ้า
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ จึงได้โปรยเกสรดอกบัวลงบูชา
[๒] ข้าพเจ้าทำจิตให้เลื่อมใสในพระปัจเจกชินเจ้า
ผู้ประเสริฐที่สุด ผู้กำจัดราคะแล้ว ผู้คงที่เหล่านั้น
แล้วบันเทิงอยู่ในสวรรค์ตลอดกัปหนึ่ง
[๓] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้โปรยเกสรดอกบัวบูชาพระพุทธเจ้าไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปทุมเกสริยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปทุมเกสริยเถราปทานที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๖๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๑. ปทุมเกสริยวรรค] ๓. ปรมันนทายกเถราปทาน
๒. สัพพคันธิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสัพพคันธิยเถระเป็นต้น
(พระสัพพคันธิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕] ข้าพเจ้าได้ถวายของหอมและดอกไม้แด่พระพุทธเจ้า
พระนามว่าวิปัสสี ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
ได้ถวายผ้าไหมอย่างดีแด่พระองค์ผู้ซื่อตรง
[๖] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายของหอมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายของหอม
[๗] ในกัปที่ ๑๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าสุเจฬะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสัพพคันธิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สัพพคันธิยเถราปทานที่ ๒ จบ

๓. ปรมันนทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปรมันนทายกเถระ
(พระปรมันนทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๙] ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
ผู้โชติช่วงดังดอกกรรณิการ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๖๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๑. ปทุมเกสริยวรรค] ๔. ธัมมสัญญกเถราปทาน
มีพระรัศมีรุ่งเรืองดังดวงอาทิตย์อุทัย
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
[๑๐] ข้าพเจ้าประนมมือ นำเสด็จมายังเรือนของตน
ครั้นนำเสด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาถึงแล้ว ได้ถวายข้าวอย่างดีเยี่ยม
[๑๑] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายข้าวอย่างดีเยี่ยมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายข้าวอย่างดีเยี่ยม
[๑๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปรมันนทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
ปรมันนทายกเถราปทานที่ ๓ จบ

๔. ธัมมสัญญกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระธรรมสัญญกเถระ
(พระธรรมสัญญกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๓] ได้มีการฉลองต้นมหาโพธิ์แห่งพระผู้มีพระภาค
พระนามว่าวิปัสสี พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เจริญที่สุดในโลก
ทรงองอาจกว่านรชน ปรากฏเหมือนว่าประทับอยู่ที่ต้นโพธิ์
[๑๔] สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคมีหมู่ภิกษุแวดล้อม
ทรงเปล่งอาสภิวาจา ประกาศสัจจะ ๔

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๖๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๑. ปทุมเกสริยวรรค] ๕. ผลทายกเถราปทาน
[๑๕] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทำลายกิเลสดุจหลังคาได้แล้ว
ทรงแสดงโดยย่อ และทรงแสดงโดยพิสดาร
ทรงช่วยมหาชนให้สงบเย็น
[๑๖] ข้าพเจ้าได้ฟังธรรมของพระองค์ ผู้เจริญที่สุดในโลก ผู้คงที่
ถวายอภิวาทแทบพระบาทของพระศาสดาแล้ว
บ่ายหน้าหลีกไปทางทิศเหนือ
[๑๗] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ฟังธรรมในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการฟังธรรม
[๑๘] ในกัปที่ ๓๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งมีพระนามว่าสุตวา
เป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีพลานุภาพมาก
[๑๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระธรรมสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ธัมมสัญญกเถราปทานที่ ๔ จบ

๕. ผลทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระผลทายกเถระ
(พระผลทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๐] ครั้งนั้น มีอาศรมอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำภาคีรถี
ข้าพเจ้าถือผลไม้เดินมาสู่อาศรมนั้นช้า ๆ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๖๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๑. ปทุมเกสริยวรรค] ๖. สัมปสาทิกเถราปทาน
[๒๑] ณ ที่นั้น ข้าพเจ้าได้พบพระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
ผู้มีพระรัศมีรุ่งเรืองดังดวงจันทร์
จึงได้ถวายผลไม้ของข้าพเจ้าที่มีอยู่ทั้งหมดแด่พระศาสดา
[๒๒] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายผลไม้ไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้
[๒๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระผลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ผลทายกเถราปทานที่ ๕ จบ

๖. สัมปสาทิกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสัมปสาทิกเถระ
(พระสัมปสาทิกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๔] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นพุทธวีรเจ้า ขอนอบน้อมแด่พระองค์
พระองค์หลุดพ้นแล้วในที่ทั้งปวง
ข้าพระองค์เป็นผู้ถึงความวิบัติ
ขอพระองค์ได้โปรดเป็นที่พึ่งของข้าพระองค์ด้วยเถิด
[๒๕] พระพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
หาบุคคลเปรียบมิได้ในโลก
ทรงพยากรณ์ข้าพระองค์ว่า
พระสงฆ์ผู้เสมอด้วยมหาสมุทร ผู้ยอดเยี่ยม หาประมาณมิได้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๖๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๑. ปทุมเกสริยวรรค] ๖. สัมปสาทิกเถราปทาน
[๒๖] ท่านจงทำจิตให้เลื่อมใสในพระสงฆ์แล้ว
จงหว่านปลูกพืชชนิดดีไว้ในพระสงฆ์นั้น
ผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
เป็นเนื้อนาบุญที่ให้ผลไม่สิ้นสุด
[๒๗] พระองค์เป็นพระสัพพัญญูผู้เจริญที่สุดในโลก
ทรงองอาจกว่านรชน ครั้นตรัสดังนี้
ทรงพร่ำสอนข้าพเจ้าอย่างนี้แล้ว เสด็จเหาะขึ้นสู่อากาศ
[๒๘] เมื่อพระสัพพัญญูผู้องอาจกว่านรชน
พอเสด็จไปได้ไม่นาน ข้าพเจ้าก็สิ้นชีวิต
แล้วได้ไปเกิดยังสวรรค์ชั้นดุสิต
[๒๙] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าทำจิตให้เลื่อมใส
ในพระสงฆ์ผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
เป็นเนื้อนาบุญที่ให้ผลไม่สิ้นสุด
แล้วบันเทิงอยู่ในสวรรค์ตลอดกัปหนึ่ง
[๓๐] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ความเลื่อมใสในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งความเลื่อมใส
[๓๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสัมปสาทิกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สัมปสาทิกเถราปทานที่ ๖ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๖๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๑. ปทุมเกสริยวรรค] ๗. อารามทายกเถราปทาน
๗. อารามทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอารามทายกเถระ
(พระอารามทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๒] ข้าพเจ้าได้สร้างอารามถวาย
แด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
ใกล้หมู่ไม้มีเงาร่มเย็น มีฝูงนกเข้าอยู่อาศัย
[๓๓] ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
ผู้สมควรรับเครื่องบูชา จึงน้อมถวายอารามแด่พระองค์
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
[๓๔] ข้าพเจ้ามีจิตร่าเริง เบิกบาน
ได้ถวายผลไม้และดอกไม้
ต่อจากนั้น ข้าพเจ้าก็เกิดความเลื่อมใสน้อมถวายทานนั้น
[๓๕] ข้าพเจ้ามีใจผ่องใสได้ถวายทานแด่พระพุทธเจ้า
ผลทานนั้นบังเกิดแก่ข้าพเจ้าในเมื่อข้าพเจ้าเกิดอยู่ในภพ
[๓๖] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายอารามไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายอาราม
[๓๗] ในกัปที่ ๓๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ ชาติ มีพระนามว่ามุทุสีตละ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๖๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๑. ปทุมเกสริยวรรค] ๘. อนุเลปทายกเถราปทาน
[๓๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอารามทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อารามทายกเถราปทานที่ ๗ จบ

๘. อนุเลปทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอนุเลปทายกเถระ
(พระอนุเลปทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๙] ข้าพเจ้าได้เห็นสาวกของพระพุทธเจ้าพระนามว่าอัตถทัสสี
ผู้เป็นมุนี จึงได้เข้าไปหาท่าน
ซึ่งกำลังทำการก่อสร้างอยู่ที่สีมา
[๔๐] และเมื่อการก่อสร้างสำเร็จแล้ว
ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดีในหมู่พระสาวก
ผู้เป็นเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยม จึงได้ถวายการฉาบทา
[๔๑] ในกัปที่ ๑๑๘ (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการฉาบทา
[๔๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอนุเลปทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อนุเลปทายกเถราปทานที่ ๘ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๖๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๑. ปทุมเกสริยวรรค] ๑๐. ปัพภารทายกเถราปทาน
๙. พุทธสัญญิกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระพุทธสัญญิกเถระ
(พระพุทธสัญญิกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๓] พระพุทธเจ้าผู้เจริญที่สุดในโลก
ผู้องอาจกว่านรชน
ผู้มีพระรัศมีรุ่งเรืองดังดวงอาทิตย์อุทัย
และดังดวงจันทร์ เสด็จไปตามราวป่า
[๔๔] ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก พระนามว่าสิทธัตถะ
ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก ข้าพเจ้าได้ฝันเห็นจึงทำจิตให้เลื่อมใส
ในพระองค์แล้ว(หลังจากตายไป)ได้เข้าถึงสุคติภพ
[๔๕] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ความทรงจำไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งความทรงจำในพระพุทธเจ้า
[๔๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระพุทธสัญญิกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
พุทธสัญญิกเถราปทานที่ ๙ จบ

๑๐. ปัพภารทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปัพภารทายกเถระ
(พระปัพภารทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๗] ข้าพเจ้าได้ชำระ(กวาด ล้าง ถู) ถ้ำ
ของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าปิยทัสสี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๗๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๑. ปทุมเกสริยวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
และได้ตั้งหม้อน้ำสำหรับฉันไว้ถวายแด่พระองค์ผู้คงที่
[๔๘] พระพุทธเจ้าผู้มหามุนีพระนามว่าปิยทัสสี
ทรงพยากรณ์เรื่องนั้นแก่ข้าพเจ้าว่า
จักมีปราสาท ๗ ชั้น สูงพันชั่วลูกธนู
สะพรั่งไปด้วยธง พราวไปด้วยแก้วมณีสีเขียว
[๔๙] ปราสาทและแก้วนับประมาณมิได้ จักบังเกิดขึ้น
ครั้นข้าพเจ้าถวายทานคือการชำระถ้ำแล้ว
บันเทิงอยู่ในสวรรค์ตลอด ๑ กัป
[๕๐] ในกัปที่ ๓๒ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าสุพุทธะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปัพภารทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปัพภารทายกเถราปทานที่ ๑๐ จบ
ปทุมเกสริยวรรคที่ ๓๑ จบบริบูรณ์

รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. ปทุมเกสริยเถราปทาน ๒. สัพพคันธิยเถราปทาน
๓. ปรมันนทายกเถราปทาน ๔. ธัมมสัญญกเถราปทาน
๕. ผลทายกเถราปทาน ๖. สัมปสาทิกเถราปทาน
๗. อารามทายกเถราปทาน ๘. อนุเลปทายกเถราปทาน
๙. พุทธสัญญิกเถราปทาน ๑๐. ปัพภารทายกเถราปทาน

และท่านกล่าวคาถาไว้ ๕๑ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๗๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๒. อารักขาทายกวรรค] ๒. โภชนทายกเถราปทาน
๓๒. อารักขทายกวรรค
หมวดว่าด้วยพระอารักขทายกะเป็นต้น
๑. อารักขทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอารักขทายกเถระ
(พระอารักขทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ข้าพเจ้าให้สร้างรั้ว และได้ถวายอารักขา
แด่พระมุนีพระนามว่าธัมมทัสสี
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่
[๒] ในกัปที่ ๑๑๘ (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงได้บรรลุความสิ้นอาสวะ เพราะผลกรรมวิเศษนั้น
[๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอารักขทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อารักขทายกเถราปทานที่ ๑ จบ

๒. โภชนทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระโภชนทายกเถระ
(พระโภชนทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔] พระชินเจ้าย่อมรุ่งโรจน์ทุกเมื่อ ดังหน่อต้นรังที่เกิดดี
ดุจไม้อัญชันที่กำลังขึ้นงาม (และ) เหมือนสายรุ้งในอากาศ
[๕] ข้าพเจ้ามีใจผ่องใส
ได้ถวายโภชนะแด่พระองค์ผู้เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ
พระนามว่าเวสสภู ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๗๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๒. อารักขาทายกวรรค] ๓. คตสัญญกเถราปทาน
[๖] พระสยัมภูพุทธเจ้าผู้ไม่ทรงพ่ายแพ้
ทรงอนุโมทนาทานของข้าพเจ้านั้นว่า
ผลจงบังเกิดแก่ท่านในภพที่เกิดเถิด
[๗] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายทานไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายโภชนะ
[๘] ในกัปที่ ๒๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าอมิตตกะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระโภชนทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
โภชนทายกเถราปทานที่ ๒ จบ

๓. คตสัญญกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระคตสัญญกเถระ
(พระคตสัญญกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๐] ในอากาศไม่ปรากฏรอยเท้า ข้าพเจ้าได้เห็นพระชินเจ้า
พระนามว่าสิทธัตถะเสด็จเหาะไป
ยังหมู่เทวดาชั้นดาวดึงส์ทางอากาศในท้องฟ้า
[๑๑] ขณะนั้น ข้าพเจ้าได้เห็นชายจีวร
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สะบัดพลิ้วไปตามลม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๗๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๒. อารักขาทายกวรรค] ๔. สัตตปทุมิยเถราปทาน
จึงมีความปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมาก
เพราะได้เห็นพระมุนีเสด็จไป
[๑๒] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ความทรงจำไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งความทรงจำในพระพุทธเจ้า
[๑๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระคตสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
คตสัญญกเถราปทานที่ ๓ จบ

๔. สัตตปทุมิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสัตตปทุมิยเถระ
(พระสัตตปทุมิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๔] ข้าพเจ้าเป็นพราหมณ์มีนามว่าเนสาทะ
ใช้ดอกไม้ร้อยกลีบกวาดอาศรม อาศัยอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำ
[๑๕] ความชื่นชมเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้า
เพราะได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก กำลังเสด็จไปทางป่า
[๑๖] ข้าพเจ้าต้อนรับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เจริญที่สุดในโลก
ทรงองอาจกว่านรชน
จึงนำเสด็จพระองค์มายังอาศรมแล้ว
บูชาด้วยดอกบัวงาม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๗๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๒. อารักขาทายกวรรค] ๕. ปุปผาสนทายกเถราปทาน
[๑๗] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๘] ในกัปที่ ๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๔ ชาติ พระนามว่าปาทปาวระ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสัตตปทุมิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สัตตปทุมิยเถราปทานที่ ๔ จบ

๕. ปุปผาสนทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปุปผาสนทายกเถระ
(พระปุปผาสนทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๐] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้ไม่ทรงพ่ายแพ้ ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
มีพระรัศมีรุ่งเรืองดังดวงอาทิตย์
เสด็จดำเนินอยู่ในที่ไม่ไกล
[๒๑] ข้าพเจ้ามีจิตผ่องใสต้อนรับพระองค์แล้ว
ทูลนิมนต์เสด็จเข้ามายังอาศรมแล้ว
ได้ถวายอาสนะดอกไม้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๗๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๒. อารักขาทายกวรรค] ๖. อาสนสันถวิกเถราปทาน
[๒๒] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าประนมมือแล้ว
เกิดความปลื้มใจ ทำจิตให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า
น้อมนึกถึงกรรมนั้นด้วยความปรารถนาว่า
[๒๓] บุญกุศลใด ที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ในพระสยัมภู
ผู้ไม่ทรงพ่ายแพ้
ด้วยบุญกุศลทั้งปวงนั้น
ขอข้าพเจ้าจงเป็นผู้ปราศจากมลทินในศาสนาเถิด
[๒๔] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายอาสนะดอกไม้ไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายอาสนะดอกไม้
[๒๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปุปผาสนทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
ปุปผาสนทายกเถราปทานที่ ๕ จบ

๖. อาสนสันถวิกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอาสนสันถวิกเถระ
(พระอาสนสันถวิกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๖] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นผู้บอด เที่ยวค้นหาพระเจดีย์ชื่อว่าอุตตมะ
ของพระพุทธเจ้าพระนามว่าสิขี
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก ในไพรวันซึ่งเป็นป่าใหญ่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๗๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๒. อารักขาทายกวรรค] ๖. อาสนสันถวิกเถราปทาน
[๒๗] ข้าพเจ้าออกจากป่าใหญ่ ได้พบพระแท่นสีหาสน์
จึงทำหนังสัตว์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง
ประนมมือสรรเสริญพระพุทธเจ้า ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
[๒๘] ครั้นสรรเสริญพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นผู้นำชั้นเลิศของโลก
ในส่วนกลางวันแล้ว ก็มีจิตร่าเริง เบิกบาน ได้เปล่งวาจานี้ว่า
[๒๙] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นบุรุษอาชาไนย ขอนอบน้อมแด่พระองค์
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นบุรุษผู้สูงสุด ขอนอบน้อมแด่พระองค์
ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้มีความเพียรมาก
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
พระองค์เป็นพระสัพพัญญู
[๓๐] ข้าพเจ้าได้สรรเสริญพระพุทธเจ้า
พระนามว่าสิขี ด้วยการทำนิมิตอภิวาทอาสนะแล้ว
บ่ายหน้าหลีกไปทางทิศเหนือ
[๓๑] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้สรรเสริญพระพุทธเจ้า
ผู้ประเสริญกว่าเจ้าลัทธิทั้งหลายไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการสรรเสริญ
[๓๒] ในกัปที่ ๒๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ ชาติ พระนามว่าอตุลยะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๓๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอาสนสันถวิกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อาสนสันถวิกเถราปทานที่ ๖ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๗๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๒. อารักขาทายกวรรค] ๗. สัททสัญญกเถราปทาน
๗. สัททสัญญกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสัททสัญญกเถระ
(พระสัททสัญญกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๔] พระผู้มีพระภาคมหาวีรเจ้าผู้มีพระรูปงาม
น่าดู ทรงแสดงอมตบทอยู่
มีหมู่สาวกแวดล้อม ประทับอยู่ในวิหารชั้นเลิศ
[๓๕] ทรงสงเคราะห์มหาชนด้วยพระวาจาที่ไพเราะ
ได้มีเสียงกังวานแผ่ไปกว้างขวาง ทั่วทั้งเทวดาและมนุษย์
[๓๖] ข้าพเจ้าได้ฟังเสียงกึกก้องแล้ว
ทำจิตให้เลื่อมใสในพระสุรเสียง
ของพระพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
แล้วได้ไหว้พระองค์ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
[๓๗] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ความทรงจำไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งความทรงจำในพระพุทธเจ้า
[๓๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสัททสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สัททสัญญกเถราปทานที่ ๗ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๗๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๒. อารักขาทายกวรรค] ๘. ติรังสิยเถราปทาน
๘. ติรังสิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระติรังสิยเถระ
(พระติรังสิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๙] ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
ประทับนั่งอยู่ระหว่างภูเขา ดุจราชสีห์ผู้มีชาติสูง
ทรงทำทิศให้สว่างไสวดังกองไฟบนภูเขา
[๔๐] และได้เห็นแสงสว่างของดวงอาทิตย์
แสงสว่างของดวงจันทร์
และแสงสว่างของพระพุทธเจ้า จึงเกิดปีติซาบซ่าน
[๔๑] ครั้นข้าพเจ้าได้เห็นแสงสว่าง ๓ ประการแล้ว
จึงทำหนังสัตว์เฉวียงบ่า
กล่าวสรรเสริญพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลกว่า
[๔๒] ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์
และพระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
สิ่งทั้ง ๓ นี้แล ส่องแสงสว่างในโลก
บรรเทาความมืดในโลก
[๔๓] ข้าพเจ้ายกข้ออุปมาขึ้นสรรเสริญพระมหามุนี
ครั้นข้าพเจ้าสรรเสริญพระคุณของพระพุทธเจ้าแล้ว
ไปบันเทิงอยู่ในสวรรค์ตลอดกัปหนึ่ง
[๔๔] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้สรรเสริญพระพุทธเจ้าไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการสรรเสริญ
[๔๕] ในกัปที่ ๖๑ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าญาณธระ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๗๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๒. อารักขาทายกวรรค] ๙. นาลิปุปผิยเถราปทาน
[๔๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระติรังสิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ติรังสิยเถราปทานที่ ๘ จบ

๙. นาลิปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระนาลิปุปผิยเถระ
(พระนาลิปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๗] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นชาวนาอาศัยอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำสินธุ
ขวนขวายในการงานของผู้อื่น
อาศัยอาหารของผู้อื่นเลี้ยงชีวิต
[๔๘] ข้าพเจ้าเที่ยวไปตามแม่น้ำสินธุ
ได้เห็นพระผู้มีพระภาคชินเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
กำลังประทับนั่งเข้าสมาธิอยู่ ดังดอกบัวบาน
[๔๙] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้เด็ดดอกบัวพร้อมทั้งก้าน ๗ ดอกที่ขั้ว
โปรยบูชาเหนือพระเศียรของพระพุทธเจ้า
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของพระอาทิตย์
[๕๐] พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
มีพระหฤทัยมั่นคงในการเกื้อกูล
กระทบกระทั่งได้ยาก
ดุจช้างมาตังคะตกมัน ๓ แห่ง
[๕๑] มีปัญญารักษาพระองค์ ทรงอบรมอินทรีย์แล้ว
ข้าพเจ้าได้ประคองอัญชลีกราบไหว้พระศาสดา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๘๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๒. อารักขาทายกวรรค] ๑๐. กุมุทมาลิยเถราปทาน
[๕๒] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๕๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระนาลิปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
นาลิปุปผิยเถราปทานที่ ๙ จบ

๑๐. กุมุทมาลิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระกุมุทมาลิยเถระ
(พระกุมุทมาลิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕๔] พระผู้มีพระภาคผู้ทรงมีความเพียรมาก
พระนามว่าวิปัสสี ผู้องอาจ ประเสริฐ แกล้วกล้า
ทรงชนะวิเศษ แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
ดุจพญาราชสีห์ผู้มีชาติสูง
[๕๕] ผู้สมควรรับเครื่องบูชา กำลังเสด็จดำเนินอยู่ที่ถนน
จึงถือพวงดอกโกมุทไปโปรยลงบูชาพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
[๕๖] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๘๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๒. อารักขาทายกวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
[๕๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระกุมุทมาลิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
กุมุทมาลิยเถราปทานที่ ๑๐ จบ
อารักขทายกวรรคที่ ๓๒ จบบริบูรณ์

รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. อารักขทายกเถราปทาน ๒. โภชนทายกเถราปทาน
๓. คตสัญญกเถราปทาน ๔. สัตตปทุมิยเถราปทาน
๕. ปุปผาสนทายกเถราปทาน ๖. อาสนสันถวิกเถราปทาน
๗. สัททสัญญกเถราปทาน ๘. ติรังสิยเถราปทาน
๙. นาลิปุปผิยเถราปทาน ๑๐. กุมุทมาลิยเถราปทาน

มีคาถา ๕๗ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๘๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๓. อุมาปุปผิยวรรค] ๑. อุมาปุปผิยเถราปทาน
๓๓. อุมาปุปผิยวรรค
หมวดว่าด้วยพระอุมาปุปผิยะเป็นต้น
๑. อุมาปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอุมาปุปผิยเถระ
(พระอุมาปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้ไม่ทรงพ่ายแพ้ ผู้เป็นนรชนผู้สูงสุด
มีพระหฤทัยมั่นคง ไม่หวั่นไหว กำลังเข้าสมาธิแล้ว
[๒] จึงได้ถือดอกสามหาวไปบูชาพระพุทธเจ้า
ดอกสามหาวทั้งหมดมียอดรวมกัน
ขั้วชี้ขึ้นข้างบน ดอกย้อยลงข้างล่าง
[๓] เป็นเครื่องลาดดอกไม้ประดิษฐานอยู่ในอากาศ
เป็นเหมือนมีจิตดี ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น
ข้าพเจ้าจึงได้ไปเกิดยังสวรรค์ชั้นดุสิต
[๔] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๕] ในกัปที่ ๕๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าสมันตฉทนะ
ทรงเป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีพลานุภาพมาก
[๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอุมาปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อุมาปุปผิยเถราปทานที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๘๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๓. อุมาปุปผิยวรรค] ๒. ปุฬินปูชกเถราปทาน
๒. ปุฬินปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปุฬินปูชกเถระ
(พระปุฬินปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๗] พระศาสดาผู้องอาจกว่านรชน สว่างไสวเหมือนดอกรกฟ้า
สง่างามอยู่เหมือนม้าอาชาไนย ผู้องอาจ
ดุจดาวประกายพรึกรุ่งโรจน์อยู่
[๘] ข้าพเจ้าจึงได้ประคองอัญชลี กราบไหว้พระศาสดา
สรรเสริญพระศาสดา พอใจการกระทำของตน
[๙] ข้าพเจ้าหยิบทรายขาวบริสุทธิ์กำมือหนึ่ง
ใส่ห่อพกมาโปรยลงที่ทางเสด็จดำเนิน
ของพระศาสดาพระนามว่าวิปัสสี
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
[๑๐] แต่นั้น ข้าพเจ้ามีใจผ่องใสแบ่งทรายครึ่งหนึ่ง
โปรยลงในที่พักกลางวันของพระองค์
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่
[๑๑] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้โปรยทรายไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการโปรยทราย
[๑๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปุฬินปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปุฬินปูชกเถราปทานที่ ๒ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๘๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๓. อุมาปุปผิยวรรค] ๔. ยัญญสามิกเถราปทาน
๓. หาสชนกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระหาสชนกเถระ
(พระหาสชนกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๓] ข้าพเจ้าได้เห็นผ้าบังสุกุลของพระศาสดาคล้องอยู่ที่ยอดไม้
จึงประนมมือ แล้วเปล่งวาจาขึ้นอย่างดัง
[๑๔] ความยินดีเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้าเพราะได้เห็นแต่ไกล
ข้าพเจ้าประนมมือแล้ว ทำจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง
[๑๕] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ความทรงจำไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งความทรงจำในพระพุทธเจ้า
[๑๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระหาสชนกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
หาสชนกเถราปทานที่ ๓ จบ

๔. ยัญญสามิกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระยัญญสามิกเถระ
(พระยัญญสามิกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๗] ข้าพเจ้ามีอายุ ๗ ขวบ เป็นผู้จบมนตร์
ได้ดำรงวงศ์ตระกูล ได้ตระเตรียมพิธีบูชายัญ
[๑๘] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าจะฆ่าสัตว์เลี้ยง ๘๔,๐๐๐ ตัว
จึงให้คนจับผูกไว้ที่หลักไม้แก่น ตระเตรียมเพื่อจะบูชายัญ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๘๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๓. อุมาปุปผิยวรรค] ๔. ยัญญสามิกเถราปทาน
[๑๙] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้มีพระรัศมีเรืองรองดุจถ่านไม้ตะเคียน กระทบที่ปากเบ้า
เหมือนดวงอาทิตย์อุทัย (และ) เหมือนดวงจันทร์ในวันเพ็ญ
[๒๐] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้ให้สำเร็จประโยชน์ทุกอย่าง
ผู้มีประโยชน์เกื้อกูลอันไตรโลกบูชา
เสด็จเข้ามาหาแล้ว ได้ตรัสพระดำรัสนี้ว่า
[๒๑] กุมาร เราพอใจการไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งปวง
การงดเว้นจากการลักขโมย
จากการประพฤตินอกใจ
และจากการดื่มน้ำเมา
[๒๒] คือความยินดีในการประพฤติสม่ำเสมอ
ความเป็นพหูสูต และความเป็นผู้กตัญญู
ธรรมเหล่านี้บัณฑิตก็สรรเสริญทั้งในปัจจุบันและอนาคต
[๒๓] ท่านเจริญธรรมเหล่านี้
ยินดีในความเกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งปวง
ทำจิตให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าแล้ว
จงเจริญมรรคที่สูงสุดเถิด
[๒๔] พระสัพพัญญูผู้เจริญที่สุดในโลก
ทรงองอาจกว่านรชน ครั้นตรัสดังนี้
ทรงพร่ำสอนข้าพเจ้าอย่างนี้แล้ว เสด็จเหาะขึ้นสู่อากาศ
[๒๕] ข้าพเจ้าชำระจิตให้บริสุทธิ์ก่อนแล้ว
ทำจิตให้เลื่อมใสในภายหลัง
ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น
ข้าพเจ้าจึงได้ไปเกิดยังสวรรค์ชั้นดุสิต

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๘๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๓. อุมาปุปผิยวรรค] ๕. นิมิตตสัญญกเถราปทาน
[๒๖] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าทำจิตให้เลื่อมใสไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งความทรงจำในพระพุทธเจ้า
[๒๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระยัญญสามิกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ยัญญสามิกเถราปทานที่ ๔ จบ

๕. นิมิตตสัญญกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระนิมิตตสัญญกเถระ
(พระนิมิตตสัญญกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๘] ข้าพเจ้าอาศัยอยู่ในอาศรมใกล้ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา
ได้เห็นกวางทองกำลังเดินอยู่ในป่า
[๒๙] จึงทำจิตให้เลื่อมใส(ชื่นชม)ในกวางทอง
แล้วระลึกถึงพระพุทธเจ้า ผู้เจริญที่สุดในโลก
ข้าพเจ้าหวนระลึกถึงพระพุทธเจ้าเหล่าอื่น
[๓๐] คือพระพุทธเจ้าในอดีต
พระพุทธเจ้าในปัจจุบัน และพระพุทธเจ้าในอนาคต
พระพุทธเจ้า ๓ จำพวกนั้น
ย่อมไพโรจน์ดุจพญาเนื้อ
[๓๑] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ความทรงจำไว้ในครั้งนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๘๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๓. อุมาปุปผิยวรรค] ๖. อันนสังสาวกเถราปทาน
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งความทรงจำในพระพุทธเจ้า
[๓๒] ในกัปที่ ๒๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งมีพระนามว่าอรัญญสัตตะ
เป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีพลานุภาพมาก
[๓๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระนิมิตตสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
นิมิตตสัญญกเถราปทานที่ ๕ จบ

๖. อันนสังสาวกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอันนสังสาวกเถระ
(พระอันนสังสาวกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๔] พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
ผู้เสด็จไประหว่างร้านตลาด ผู้เช่นกับทองคำมีค่า
มีพระลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ ประการ
[๓๕] พระนามว่าสิทธัตถะ ผู้ให้ประโยชน์ทุกอย่างสำเร็จ
ผู้ไม่ทรงหวั่นไหว ผู้ไม่ทรงพ่ายแพ้
ข้าพเจ้าน้อมนมัสการแล้ว
ทูลนิมนต์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้มหามุนีให้เสวยแล้ว
[๓๖] ครั้งนั้น พระมุนีผู้ประกอบด้วยพระกรุณาในโลก
ได้ทำให้ข้าพเจ้าแจ่มใส
ข้าพเจ้าทำจิตให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าแล้ว
ไปบันเทิงอยู่ในสวรรค์ตลอดหนึ่งกัป

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๘๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๓. อุมาปุปผิยวรรค] ๗. นิคคุณฑิปุปผิยเถราปทาน
[๓๗] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายทานไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายภิกษา
[๓๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอันนสังสาวกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อันนสังสาวกเถราปทานที่ ๖ จบ

๗. นิคคุณฑิปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระนิคคุณฑิปุปผิยเถระ
(พระนิคคุณฑิปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๙] ในกาลใด เทวดาจะจุติจากหมู่เทพเพราะสิ้นอายุ
ในกาลนั้น เทวดาทั้งหลายผู้พลอยยินดี
ย่อมเปล่งเสียง ๓ ประการว่า
[๔๐] ท่านผู้เจริญ ท่านจากที่นี้จงไปสู่สุคติ
สู่ความเป็นผู้อยู่ร่วมกับมนุษย์ เป็นมนุษย์แล้ว
จงได้ศรัทธาอย่างยอดเยี่ยมในพระสัทธรรม
[๔๑] ศรัทธาของท่านพึงตั้งมั่นดำรงอยู่ เป็นมูลไว้ เป็นที่พึ่ง
อย่าคลอนแคลนในพระสัทธรรม
ที่พระอริยะประกาศไว้ดีแล้วจนตลอดชีวิต
[๔๒] จงทำกุศลที่ไม่มีความเบียดเบียน
ไม่มีอุปธิทางกาย ทางวาจา ทางใจ ให้มากเถิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๘๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๓. อุมาปุปผิยวรรค] ๗. นิคคุณฑิปุปผิยเถราปทาน
[๔๓] จงทำบุญให้ยิ่งไปกว่านั้นให้มากด้วยการให้ทาน
จงชักชวนผู้อื่นให้ตั้งมั่นในพรหมจรรย์
ซึ่งเป็นพระสัทธรรมอย่างประเสริฐ
[๔๔] ด้วยความอนุเคราะห์นี้
ในกาลใด เหล่าเทวดาผู้รู้แจ้ง
พลอยยินดีกับท่านผู้ประเสริฐซึ่งกำลังจุติว่า
ท่านเทวดา ขอท่านจงมาบ่อย ๆ นะ
[๔๕] ในกาลนั้น เมื่อหมู่เทวดามาประชุมกัน
ข้าพเจ้าเกิดความสลดใจว่า
เราจุติจากที่นี้แล้วจักไปเกิดยังกำเนิดอะไรหนอ
[๔๖] พระสมณะผู้อบรมอินทรีย์แล้ว
รู้ความสังเวชของข้าพเจ้า
ท่านประสงค์จะช่วยเหลือข้าพเจ้า
จึงมายังสำนักของข้าพเจ้า
[๔๗] ท่านมีนามว่าสุมนะ เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า
พระนามว่าปทุมุตตระ พร่ำสอนอรรถธรรม
ให้ข้าพเจ้าสลดใจ ในครั้งนั้น
ภาณวารที่ ๑๒ จบ

[๔๘] ข้าพเจ้าได้ฟังคำของท่านแล้ว
ทำจิตให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า
อภิวาทท่านผู้เป็นนักปราชญ์แล้ว
ก็สิ้นชีวิตลงในที่นั้น
[๔๙] ข้าพเจ้านั้น อันกุศลมูลตักเตือนแล้ว
ได้อุบัติ ณ ที่นั้นเอง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๙๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๓. อุมาปุปผิยวรรค] ๗. นิคคุณฑิปุปผิยเถราปทาน
ตนเมื่ออยู่ในครรภ์มารดา
ก็อยู่ในครรภ์ของมารดาคนเดิม
[๕๐] ข้าพเจ้าจุติจากกายนั้นแล้ว
ได้เกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ในระหว่างนี้
ข้าพเจ้าไม่เห็นความโทมนัสในครั้งนั้นเลย
[๕๑] ข้าพเจ้าจุติจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้ว
ลงสู่ครรภ์มารดา ออกจากครรภ์มารดา(คลอด)แล้ว
ไม่รู้จักทุกข์อะไร ๆ เลย
[๕๒] ข้าพเจ้ามีอายุ ๗ ขวบ ได้เข้าไปยังอาราม
ของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าโคดมศากยบุตร ผู้คงที่
[๕๓] ได้เห็นภิกษุทั้งหลายผู้ทำตามคำสอนของพระศาสดา
ในปาพจน์อย่างกว้างขวาง
ในศาสนาที่ชนจำนวนมากนับถือ
[๕๔] กรุงชื่อว่าสาวัตถี พระเจ้าโกศลทรงเป็นใหญ่ในกรุงนั้น
พระองค์เสด็จไปยังต้นโพธิ์ที่ประเสริฐด้วยรถซึ่งเทียมด้วยม้า
[๕๕] ข้าพเจ้าเห็นพาหนะประเสริฐของพระเจ้าโกศลนั้นแล้ว
ระลึกถึงบุพกรรม จึงได้ประนมมือไปยังที่ประชุม
[๕๖] ข้าพเจ้ามีอายุ ๗ ขวบ ก็ได้บวชเป็นบรรพชิต
พระสาวกชื่ออานนท์ เป็นอุปัฏฐากพระพุทธเจ้า
[๕๗] ท่านมีคติ มีธิติ มีสติ เป็นพหูสูต๑ มีความรุ่งเรืองมาก
ได้ถวายพระธรรมเทศนาทำพระหฤทัยของพระราชาให้ทรงเลื่อมใส

เชิงอรรถ :
๑ มีคติ ในที่นี้หมายถึงมีหลักการทรงจำพุทธพจน์ได้หมดทุกบทที่พระองค์ทรงแสดงให้ฟังในแต่ละครั้งได้หมดทุกข์บท
มีธิติ ในที่นี้หมายถึงเพียรเรียน เพียรสาธยาย เพียรทรงจำ
มีสติ ในที่นี้หมายถึงสามารถจำพระพุทธพจน์ได้เป็นเลิศ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๙๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๓. อุมาปุปผิยวรรค] ๗. นิคคุณฑิปุปผิยเถราปทาน
[๕๘] ข้าพเจ้าได้ฟังธรรมของท่านพระอานนท์แล้ว
ระลึกถึงบุพกรรมยืนอยู่ในที่นั้นเอง ก็ได้บรรลุอรหัตตผล
[๕๙] ข้าพเจ้าห่มจีวรเฉวียงบ่า
ประคองอัญชลีไว้เหนือเศียรเกล้า
ถวายอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ได้เปล่งวาจานี้
[๖๐] ข้าพเจ้าถือดอกย่านทรายไปวางที่พระแท่นสีหาสน์
ของพระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่
[๖๑] ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
ด้วยผลแห่งกรรมนั้น
ข้าพระองค์ละความชนะและความพ่ายแพ้ได้แล้ว
บรรลุฐานะที่ไม่หวั่นไหว
[๖๒] ในกัปที่ ๒๕,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ
มีอายุมากมายหลายอัพพุทะและนิรัพพุทะ
[๖๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระนิคคุณฑิปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
นิคคุณฑิปุปผิยเถราปทานที่ ๗ จบ

เชิงอรรถ :
เป็นพหูสูต ในที่นี้หมายถึงได้เรียนพุทธพจน์โดยตรงจากพระผู้มีพระภาค ตั้งอยู่ในฐานะ “ขุนคลังปริยัติ”
ในศาสนาของพระทศพล (องฺ.เอกก.อ. ๑/๒๒๓/๒๕๖)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๙๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๓. อุมาปุปผิยวรรค] ๘. สุมนาเวฬิยเถราปทาน
๘. สุมนาเวฬิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสุมนาเวฬิยเถระ
(พระสุมนาเวฬิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๖๔] ชนทั้งปวงมาประชุมกันทำการบูชาใหญ่แด่พระผู้มีพระภาค
พระนามว่าเวสสภู ผู้เจริญที่สุดในโลก ผู้คงที่
[๖๕] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าใส่ก้อนปูนขาวแล้ววางพวงมาลัยดอกมะลิไว้
บูชาข้างหน้าพระแท่นสีหาสน์
[๖๖] ชนทั้งปวงมามุงดูดอกไม้ชั้นดีเยี่ยมด้วยคิดว่า
ดอกไม้นี้ใครบูชาพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด ผู้คงที่
[๖๗] ข้าพเจ้าได้เข้าถึงสวรรค์ชั้นนิมมานรดี
เพราะจิตที่เลื่อมใสนั้น
ได้เสวยผลกรรมของตนที่ทำไว้ดีแล้วในครั้งก่อน
[๖๘] ข้าพเจ้าเกิดในกำเนิดใด ๆ
คือจะเกิดเป็นเทวดาหรือมนุษย์ก็ตาม
ย่อมเป็นที่รักของปวงชน
นี้เป็นผลแห่งการบูชาด้วยดอกไม้
[๖๙] ข้าพเจ้าไม่รู้ถึงการด่าทางกาย ทางวาจา หรือทางใจ
ที่ข้าพเจ้าทำแล้วแก่ภิกษุทั้งหลายผู้สำรวม ผู้มีตบะ
[๗๐] ด้วยความประพฤติชอบนั้น
และด้วยการตั้งเจตจำนงไว้
ข้าพเจ้าจึงเป็นผู้ที่ปวงชนบูชา
นี้เป็นผลแห่งการไม่ด่า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๙๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๓. อุมาปุปผิยวรรค] ๙. ปุปผฉัตติยเถราปทาน
[๗๑] ในกัปที่ ๑๑ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าสหัสสาระ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๗๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสุมนาเวฬิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สุมนาเวฬิยเถราปทานที่ ๘ จบ

๙. ปุปผฉัตติยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปุปผฉัตติยเถระ
(พระปุปผฉัตติยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๗๓] เมื่อพระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้เจริญที่สุดในโลก ผู้คงที่
ทรงประกาศสัจจะ ทำสัตว์ทั้งหลายให้สงบเย็นอยู่
[๗๔] ข้าพเจ้าได้นำดอกบัว ๑๐๐ กลีบ ที่รื่นรมย์ใจ
มาทำเป็นฉัตรดอกไม้ยกขึ้นบูชาพระพุทธเจ้า
[๗๕] พระศาสดาพระนามว่าสิทธัตถะ ผู้ทรงรู้แจ้งโลก
ผู้สมควรรับเครื่องบูชา ประทับยืนอยู่ในท่ามกลางหมู่ภิกษุ
ได้ตรัสพระคาถานี้ว่า
[๗๖] ผู้ใดทำจิตให้เลื่อมใส ได้กั้นฉัตรดอกไม้ให้เรา
ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น
ผู้นั้นจะไม่ไปเกิดยังทุคติเลย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๙๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๓. อุมาปุปผิยวรรค] ๑๐. สปริวารฉัตตทายกเถราปทาน
[๗๗] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก ครั้นตรัสดังนี้แล้ว
ทรงส่งบริษัทไปแล้วเสด็จเหาะขึ้นสู่ท้องฟ้าเวหาส
[๗๘] เมื่อพระพุทธเจ้าผู้เป็นนรชนผู้ประเสริฐเสด็จลุกขึ้น
แม้ฉัตรขาวก็ลอยขึ้นด้วย
ฉัตรที่งามเลิศลอยไปข้างหน้าของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
[๗๙] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาด้วยฉัตรดอกไม้
[๘๐] ในกัปที่ ๗๔ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๘ ชาติ มีพระนามเหมือนกันว่าชลสิขะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๘๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปุปผฉัตติยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปุปผฉัตติยเถราปทานที่ ๙ จบ

๑๐. สปริวารฉัตตทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสปริวารฉัตตทายกเถระ
(พระสปริวารฉัตตทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึง
กล่าวว่า)
[๘๒] พระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้ทรงรู้แจ้งโลก
ผู้สมควรรับเครื่องบูชา
ทรงโปรยฝนคือธรรมให้ตกอยู่ เหมือนน้ำฝนในอากาศ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๙๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๓. อุมาปุปผิยวรรค] ๑๐. สปริวารฉัตตทายกเถราปทาน
[๘๓] ข้าพเจ้าได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระองค์นั้นทรงแสดงอมตบทอยู่
จึงทำจิตของตนให้เลื่อมใสแล้วได้กลับไปยังเรือนของตน
[๘๔] ข้าพเจ้าถือฉัตรที่ประดับแล้ว
เข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นนรชนผู้สูงสุด
ข้าพเจ้ามีจิตร่าเริงเบิกบาน ได้โยนฉัตรขึ้นไปในอากาศ
[๘๕] สาวกผู้ล้ำเลิศ ฝึกตนดุจยานที่ควบคุมดีแล้ว
เข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
กั้นฉัตรไว้เหนือเศียรเกล้า
[๘๖] พระพุทธเจ้าผู้อนุเคราะห์ ประกอบด้วยพระกรุณา
ทรงเป็นผู้นำชั้นเลิศของโลก
ประทับนั่งในท่ามกลางหมู่ภิกษุแล้ว
ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
[๘๗] ผู้ใดถวายฉัตรที่ประดับแล้วเป็นที่รื่นรมย์ใจนี้
ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น
ผู้นั้นจะไม่ไปเกิดยังทุคติเลย
[๘๘] จักได้ครองเทวสมบัติในหมู่เทวดาตลอด ๗ ชาติ
และจักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๒ ชาติ
[๘๙] ต่อจากนี้ไปอีก ๑๐๐,๐๐๐ กัป
พระศาสดาพระนามว่าโคดม ตามพระโคตร
จักทรงสมภพในราชสกุลโอกกากราช จักอุบัติขึ้นในโลก
[๙๐] ผู้นั้นจักเป็นธรรมทายาทของพระศาสดา
พระองค์เป็นโอรสที่ธรรมเนรมิต
จักกำหนดรู้อาสวะทั้งปวง เป็นผู้ไม่มีอาสวะแล้วนิพพาน
[๙๑] ข้าพเจ้าทราบพระพุทธดำรัสที่ทรงเปล่งออกมา
เป็นอาสภิวาจาแล้วก็มีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
จึงเกิดความร่าเริงอย่างยิ่ง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๙๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๓. อุมาปุปผิยวรรค] ๑๐. สปริวารฉัตตทายกเถราปทาน
[๙๒] ข้าพเจ้าละกำเนิดมนุษย์แล้วได้ไปเกิดในกำเนิดเทวดา
วิมานของข้าพเจ้าสวยงาม สูงตระหง่าน เป็นที่รื่นรมย์ใจ
[๙๓] เมื่อข้าพเจ้าออกจากวิมาน
เทวดาทั้งหลายย่อมกั้นฉัตรขาวให้
ข้าพเจ้ากลับได้ความทรงจำในครั้งนั้น
นี้เป็นผลแห่งบุพกรรม
[๙๔] ข้าพเจ้าจุติจากเทวโลกแล้ว ได้มาเกิดเป็นมนุษย์
ในกัปที่ ๑๐๗ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๖ ชาติ
[๙๕] จุติจากกายนั้นแล้วได้ไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ท่องเที่ยวไปโดยลำดับแล้ว ได้มาเกิดเป็นมนุษย์อีก
[๙๖] ชนทั้งหลายได้กั้นฉัตรขาวให้ข้าพเจ้า
ผู้ลงมาปฏิสนธิในครรภ์มารดา
ข้าพเจ้ามีอายุ ๗ ขวบ ก็ได้ออกบวชเป็นบรรพชิต
[๙๗] พราหมณ์มีนามว่าสุนันทะ จบมนตร์
เขาได้ถือฉัตรมีสีดังแก้วผลึกมาถวายพระอัครสาวก
[๙๘] พระสารีบุตรผู้มีความเพียรมาก
ผู้มีวาจาน่าบูชา อนุโมทนาแล้ว
ข้าพเจ้าฟังอนุโมทนาของท่านแล้ว ระลึกถึงบุพกรรมได้
[๙๙] จึงประนมมือ ทำจิตของตนให้เลื่อมใส
ระลึกถึงกรรมเก่าแล้วได้บรรลุอรหัตตผล
[๑๐๐] ลุกจากอาสนะนั้นแล้วประนมมือไว้เหนือเศียรเกล้า
ถวายอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เปล่งวาจานี้ว่า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๙๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๓. อุมาปุปผิยวรรค] ๑๐. สปริวารฉัตตทายกเถราปทาน
[๑๐๑] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป
พระพุทธเจ้าผู้ยอดเยี่ยมในโลกพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้ทรงรู้แจ้งโลก ผู้สมควรรับเครื่องบูชา
[๑๐๒] ข้าพเจ้าถวายไตรจีวรที่สวยงามตกแต่งดีแล้วแด่พระองค์
พระสยัมภูพุทธเจ้า ผู้เป็นบุคคลผู้เลิศ
ทรงรับด้วยพระหัตถ์ทั้ง ๒
[๑๐๓] ช่างน่าอัศจรรย์ พระพุทธเจ้า
ช่างน่าอัศจรรย์ พระธรรม
ช่างน่าอัศจรรย์ การที่ข้าพเจ้าได้มาประจวบกับพระศาสดา
ด้วยผลแห่งการถวายฉัตรคันหนึ่ง
ข้าพเจ้าจึงไม่เข้าถึงทุคติเลย
[๑๐๔] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้ากำหนดรู้อาสวะทั้งปวงได้แล้ว
[๑๐๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสปริวารฉัตตทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้
สปริวารฉัตตทายกเถราปทานที่ ๑๐ จบ
อุมาปุปผิยวรรคที่ ๓๓ จบบริบูรณ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๙๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๓. อุมาปุปผิยวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. อุมาปุปผิยเถราปทาน ๒. ปุฬินปูชกเถราปทาน
๓. หาสชนกเถราปทาน ๔. ยัญญสามิกเถราปทาน
๕. นิมิตตสัญญกเถราปทาน ๖. อันนสังสาวกเถราปทาน
๗. นิคคุณฑิปุปผิยเถราปทาน ๘. สุมนาเวฬิยเถราปทาน
๙. ปุปผฉัตติยเถราปทาน ๑๐. สปริวารฉัตตทายกเถราปทาน

มีคาถา ๑๐๗ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๔๙๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๔. คันโธทกวรรค] ๑. คันธธูปิยเถราปทาน
๓๔. คันโธทกวรรค
หมวดว่าด้วยพระคันโธทกะเป็นต้น
๑. คันธธูปิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระคันธธูปิยเถระ
(พระคันธธูปิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ข้าพเจ้าได้ถวายธูปหอมซึ่งอบด้วยดอกมะลิ
สมควรแด่พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
[๒] ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้า ผู้เช่นกับทองที่ล้ำค่า
ทรงเป็นผู้นำชั้นเลิศของโลก รุ่งเรืองดังดอกอุบลเขียว
โชติช่วงเหมือนดวงไฟใหญ่
[๓] ผู้ประเสริฐดุจเสือโคร่งและโคอุสภะ
ดุจพญาไกรสรซึ่งมีชาติสูง
เลิศกว่าสมณะทั้งหลาย
ประทับนั่งมีหมู่ภิกษุแวดล้อม
[๔] ครั้นเห็นแล้วจึงทำจิตให้เลื่อมใส
ประนมมือถวายอภิวาทพระบาทของพระศาสดา
แล้วบ่ายหน้าหลีกไปทางทิศเหนือ
[๕] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายธูปหอมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาด้วยธูปหอม
[๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระคันธธูปิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
คันธธูปิยเถราปทานที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๐๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๔. คันโธทกวรรค] ๒. อุทกปูชกเถราปทาน
๒. อุทกปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอุทกปูชกเถระ
(พระอุทกปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๗] พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
รุ่งเรืองดังดวงไฟ โชติช่วงดังดวงไฟใหญ่เสด็จเหาะไปในอากาศ
[๘] ข้าพเจ้าจึงใช้ฝ่ามือกอบน้ำแล้วซัดขึ้นไปบนอากาศ
พระพุทธเจ้าผู้มีความเพียรมาก
ทรงประกอบด้วยพระกรุณา เป็นพระฤๅษี ทรงรับแล้ว
[๙] พระศาสดาพระนามว่าปทุมุตตระ
ประทับยืนอยู่ในอากาศ
ทรงทราบความคิดของข้าพระองค์
จึงได้ตรัสพระคาถานี้ว่า
[๑๐] ด้วยผลแห่งการถวายน้ำ
และด้วยผลแห่งการทำปีติให้เกิดขึ้นนี้
ท่านจะไม่ไปเกิดในทุคติเลยแม้ตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๑๑] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
ด้วยกรรมนั้น ข้าพระองค์ละความชนะและความพ่ายแพ้ได้แล้ว
บรรลุถึงฐานะที่ไม่หวั่นไหว
[๑๒] ในกัปที่ ๑๖๕ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓ ชาติ
มีนามว่าสหัสสราช
เป็นใหญ่ในหมู่ชน มีมหาสมุทรทั้ง ๔ เป็นขอบเขต

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๐๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๔. คันโธทกวรรค] ๓. ปุนนาคปุปผิยเถราปทาน
[๑๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอุทกปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อุทกปูชกเถราปทานที่ ๒ จบ

๓. ปุนนาคปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปุนนาคปุปผิยเถระ
(พระปุนนาคปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๔] ข้าพเจ้าเป็นนายพราน เข้าไปอยู่ในป่าใหญ่
ได้พบต้นบุนนาคมีดอกบานสะพรั่ง
จึงระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
[๑๕] ข้าพเจ้าได้เลือกเก็บดอกบุนนาคนั้น
เฉพาะที่มีกลิ่นหอม
สวยงามแล้วก่อสถูปบนเนินทราย
ยกขึ้นบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๖] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๗] ในกัปที่ ๙๑ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งนามว่าตโมนุทะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๐๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๔. คันโธทกวรรค] ๔. เอกทุสสทายกเถราปทาน
[๑๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปุนนาคปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปุนนาคปุปผิยเถราปทานที่ ๓ จบ

๔. เอกทุสสทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเอกทุสสทายกเถระ
(พระเอกทุสสทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๙] ข้าพเจ้าเป็นคนเกี่ยวหญ้าขายอยู่ในกรุงหงสวดี
เลี้ยงชีวิตและเลี้ยงภรรยาด้วยการเกี่ยวหญ้าขายนั้น
[๒๐] พระชินเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
ทรงถึงความสำเร็จแห่งธรรมทั้งปวง
เป็นผู้นำสัตว์โลก เสด็จอุบัติขึ้นทำลายความมืดให้พินาศไป
[๒๑] ครั้งนั้น ข้าพเจ้านั่งอยู่ในเรือนของตนคิดอย่างนี้ว่า
พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลกแล้ว
แต่ไทยธรรมของเราไม่มีเลย
[๒๒] เรามีแต่ผ้าสาฎกผืนเดียวนี้ ไม่มีใครให้(อะไร)แก่เรา
การสัมผัสถูกต้องนรก(ตกนรก) เป็นทุกข์
เราจักปลูกฝังทักษิณาทานไว้
[๒๓] ครั้นคิดอย่างนี้แล้ว จึงทำจิตของตนให้เลื่อมใส
ได้ถือผ้าผืนหนึ่งไปถวายพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๐๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๔. คันโธทกวรรค] ๔. เอกทุสสทายกเถราปทาน
[๒๔] ครั้นถวายผ้าผืนนั้นแล้วได้ประกาศก้องขึ้นว่า
ข้าแต่พระมหามุนีวีรเจ้า ถ้าพระองค์เป็นพระพุทธเจ้า
ขอได้ทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้ข้าม(วัฏสงสาร) ด้วยเถิด
[๒๕] พระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
ทรงรู้แจ้งโลก ผู้สมควรรับเครื่องบูชา
เมื่อจะทรงสรรเสริญทานของข้าพเจ้า
ได้ทรงทำอนุโมทนาแก่ข้าพเจ้าว่า
[๒๖] ด้วยผลแห่งการถวายผ้าผืนเดียวนี้
และด้วยการตั้งเจตจำนงไว้
ผู้นี้จะไม่ตกวินิบาตนรกเลยตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๒๗] จักเกิดเป็นจอมเทพครองเทวสมบัติ ๓๖ ชาติ
จักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๓ ชาติ
จักเป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์ นับชาติไม่ถ้วน
[๒๘] ท่านเมื่อเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในเทวโลกหรือในมนุษยโลก
จักเป็นผู้มีรูปงาม สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ
มีกายน่าใคร่ยิ่งนัก ผ้านับไม่ได้ ประมาณมิได้
จักเกิดมีตามความปรารถนา
[๒๙] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้เป็นนักปราชญ์ ครั้นตรัสดังนี้แล้ว
เสด็จเหาะขึ้นสู่อากาศ ดุจพญาหงส์ในท้องฟ้า
[๓๐] ข้าพเจ้าเกิดในกำเนิดใด ๆ
คือจะเกิดเป็นเทวดาหรือมนุษย์ก็ตาม
ในกำเนิดนั้น ๆ ความพร่องในโภคสมบัติไม่มีแก่ข้าพเจ้าเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผ้าผืนหนึ่ง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๐๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๔. คันโธทกวรรค] ๔. เอกทุสสทายกเถราปทาน
[๓๑] ผ้าย่อมบังเกิดแก่ข้าพเจ้าทุก ๆ ย่างเท้า
เบื้องล่างข้าพเจ้ายืนอยู่บนผ้า
เบื้องบนข้าพเจ้ามีผ้าเป็นหลังคา
[๓๒] วันนี้ ถ้าข้าพเจ้าปรารถนา ก็จะพึงใช้ผ้าปกปิด
กระทั่งจักรวาลพร้อมทั้งป่า พร้อมทั้งภูเขาได้
[๓๓] ด้วยผลแห่งการถวายผ้าผืนเดียวนั้นนั่นแล
เมื่อข้าพเจ้าเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่
เป็นผู้มีผิวพรรณดังทองคำ
จะเวียนว่ายตายเกิดในภพน้อยภพใหญ่
[๓๔] ผลแห่งการถวายผ้าผืนเดียวไม่ถึงความสิ้นไปในที่ไหน ๆ
ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของข้าพเจ้า
ผ้าย่อมให้ผลแก่ข้าพเจ้าแม้ในชาตินี้
[๓๕] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายผ้าไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผ้าผืนเดียว
[๓๖] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างไม่มีอาสวะ
ดุจช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[๓๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเอกทุสสทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
เอกทุสสทายกเถราปทานที่ ๔ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๐๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๔. คันโธทกวรรค] ๕. ผุสิตกัมมิยเถราปทาน
๕. ผุสิตกัมมิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระผุสิตกัมมิยเถระ
(พระผุสิตกัมมิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๘] ครั้งนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
พร้อมด้วยพระขีณาสพทั้งหลาย ประทับอยู่ ณ สังฆาราม
[๓๙] พระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสีนั้น
ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
เสด็จออกจากประตูอาราม ได้ประทับยืน
พร้อมด้วยพระขีณาสพ ๑๐๐,๐๐๐ องค์
[๔๐] ข้าพเจ้านุ่งหนังสัตว์และห่มผ้าเปลือกไม้
ถือน้ำเจือดอกโกสุม เข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[๔๑] ทำจิตของตนให้เลื่อมใส เกิดโสมนัส ประคองอัญชลี
ถือน้ำเจือดอกโกสุมไปประพรมพระพุทธเจ้า
[๔๒] ด้วยกรรมนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
ทรงสรรเสริญกรรมของข้าพเจ้าแล้ว
ได้เสด็จไปตามพระประสงค์
[๔๓] ข้าพเจ้าได้บูชาพระชินเจ้าด้วยน้ำซึ่งกำหนดได้ ๕,๐๐๐ หยด
ได้ครองเทวสมบัติเพราะน้ำ ๒,๕๐๐ หยด
[๔๔] ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิเพราะน้ำ ๒,๕๐๐ หยด
ได้บรรลุอรหัตตผลด้วยกรรมที่เหลือ
[๔๕] ในกาลที่ข้าพเจ้าเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
ก็มีนามว่าผุสิตะ ในกาลที่ข้าพเจ้าเป็นท้าวเทวราช
คำว่า ผุสิตะ นั้นแล เป็นชื่อของข้าพเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๐๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๔. คันโธทกวรรค] ๕. ผุสิตกัมมิยเถราปทาน
[๔๖] เมื่อข้าพเจ้าเกิดเป็นเทวดาหรือมนุษย์ก็ตาม
หยดน้ำย่อมตกโดยรอบข้าพเจ้าข้างละหนึ่งวา
[๔๗] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าเป็นผู้สิ้นอาสวะทั้งปวงแล้ว
นี้เป็นผลแห่งหยดน้ำ
[๔๘] กายของข้าพเจ้ามีกลิ่นหอมฟุ้งไปเหมือนกลิ่นจันทน์
กลิ่นหอมที่ออกจากร่างกายของข้าพเจ้า
ฟุ้งไป ๒๕๐ ชั่วธนู
[๔๙] ชนทั้งหลายสูดกลิ่นหอมอบอวล
ที่ประกอบด้วยบุญกรรมแล้ว
ย่อมรู้ได้ทันทีว่า พระเจ้าผุสิตะ เสด็จมา ณ ที่นี้
[๕๐] กิ่งไม้ ใบไม้ ท่อนไม้ และแม้กระทั่งหญ้า
ทุกชนิด (ดังจะ) รู้ความดำริของข้าพเจ้า
ย่อมสำเร็จเป็นกลิ่นหอมทันที
[๕๑] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ไม้จันทน์บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาด้วยหยดน้ำ
[๕๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระผุสิตกัมมิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ผุสิตกัมมิยเถราปทานที่ ๕ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๐๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๔. คันโธทกวรรค] ๖. ปภังกรเถราปทาน
๖. ปภังกรเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปภังกรเถระ
(พระปภังกรเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕๓] พระเจดีย์ของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้เจริญที่สุดในโลก ผู้คงที่
มีอยู่ในป่าใหญ่ซึ่งพลุกพล่านด้วยเนื้อร้าย
[๕๔] ใคร ๆ ไม่อาจจะไปกราบไหว้พระเจดีย์ได้
พระเจดีย์ถูกหญ้า ต้นไม้ และเถาวัลย์ปกคลุม จึงหักพังลง
[๕๕] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นคนทำการงานในป่า พร้อมบิดาและปู่
จึงได้เห็นพระสถูปหักพัง
รกไปด้วยหญ้าและเถาวัลย์ ในป่าใหญ่
[๕๖] ครั้นได้เห็นพระสถูปของพระพุทธเจ้าแล้ว
ตั้งจิตเคารพไว้ว่า
พระสถูปนี้ของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด หักพังอยู่ในป่า
[๕๗] พระสถูปไม่มีอะไรบังแดดฝน
ไม่(อยู่ในที่)เหมาะสมแก่คนที่รู้คุณและมิใช่คุณ
เรายังไม่ได้ทำความสะอาดพระสถูปของพระพุทธเจ้า
จะไม่ประกอบการงานอย่างอื่น
[๕๘] ข้าพเจ้าแผ้วถางหญ้า ต้นไม้ และเถาวัลย์ที่พระเจดีย์เสร็จแล้ว
คุกเข่าไหว้ครบ ๘ ครั้งแล้วก็กลับไป
[๕๙] ด้วยกุศลกรรมที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้แล้วนั้น
และด้วยการตั้งเจตจำนงไว้
ข้าพเจ้าละร่างกายมนุษย์แล้ว
ได้ไปเกิดยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๐๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๔. คันโธทกวรรค] ๖. ปภังกรเถราปทาน
[๖๐] วิมานทองที่บุญกรรมสร้างไว้อย่างดีในภพดาวดึงส์นั้น
สวยงาม สีเลื่อมประภัสสร สูง ๖๐ โยชน์ กว้าง ๓๐ โยชน์
[๖๑] ข้าพเจ้าได้ครองเทวสมบัติ ๓๐๐ ชาติ
และได้เกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๒๕ ชาติ
[๖๒] เมื่อข้าพเจ้าเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่
ย่อมได้โภคสมบัติมาก
ข้าพเจ้าไม่มีความบกพร่องในโภคสมบัติ
นี้เป็นผลแห่งการแผ้วถาง
[๖๓] เมื่อข้าพเจ้านั่งคานหามหรือขี่คอช้าง
ไปในป่าใหญ่ ไปยังทิศใด ๆ
ในทิศนั้น ๆ ป่าย่อมสำเร็จเป็นที่พึ่งได้
[๖๔] ข้าพเจ้าประกอบด้วยบุญกรรมไม่พบเห็นตอหรือหนามเลย
บุญกรรมนำ(ตอหรือหนาม) ออกไปเอง
[๖๕] โรคเรื้อน ฝี กลาก โรคลมบ้าหมู คุดทะราด
หิดเปื่อย และหิดด้าน ไม่มีแก่ข้าพเจ้า
นี้เป็นผลแห่งการแผ้วถาง
[๖๖] เพราะข้าพเจ้าแผ้วถางพระสถูปของพระพุทธเจ้า
ความอัศจรรย์อย่างอื่นยังมีอีก
ข้าพเจ้าไม่รู้สึกว่าจะมีต่อมฝี
หยาดน้ำเหลือง เกิดที่กายของข้าพเจ้าเลย
[๖๗] เพราะข้าพเจ้าแผ้วถางพระสถูปของพระพุทธเจ้า
ความอัศจรรย์อย่างอื่นยังมีอีก
ข้าพเจ้าได้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ใน ๒ ภพ
คือในภพเทวดาหรือภพมนุษย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๐๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๔. คันโธทกวรรค] ๖. ปภังกรเถราปทาน
[๖๘] เพราะข้าพเจ้าแผ้วถางพระสถูปของพระพุทธเจ้า
ความอัศจรรย์อย่างอื่นยังมีอีก
ข้าพเจ้าเป็นผู้มีผิวพรรณดังทองคำ
เป็นผู้มีรัศมีในที่ทั้งปวง
[๖๙] เพราะข้าพเจ้าแผ้วถางพระสถูปของพระพุทธเจ้า
ความอัศจรรย์อย่างอื่นยังมีอีก
สิ่งที่ไม่น่าชอบใจย่อมไม่มี
สิ่งที่น่าชอบใจย่อมผุดขึ้นรออยู่
[๗๐] เพราะข้าพเจ้าแผ้วถางพระสถูปของพระพุทธเจ้า
ความอัศจรรย์อย่างอื่นยังมีอีก
จิตของข้าพเจ้าเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์
มีอารมณ์เดียวตั้งมั่นด้วยดี
[๗๑] เพราะข้าพเจ้าแผ้วถางพระสถูปของพระพุทธเจ้า
ความอัศจรรย์อย่างอื่นยังมีอีก
ข้าพเจ้านั่งบนอาสนะเดียวก็ได้บรรลุอรหัตตผล
[๗๒] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการแผ้วถาง
[๗๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปภังกรเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปภังกรเถราปทานที่ ๖ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๑๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๔. คันโธทกวรรค] ๗. ติณกุฏิทายกเถราปทาน
๗. ติณกุฏิทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระติณกุฏิทายกเถระ
(พระติณกุฏิทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๗๔] ข้าพเจ้าเป็นคนรับจ้างทำงานของผู้อื่น
ขวนขวายในการงานของผู้อื่น
อาศัยอาหารของผู้อื่นเลี้ยงชีพ อยู่ในกรุงพันธุมดี
[๗๕] ในครั้งนั้น ข้าพเจ้านั่งอยู่ในที่เร้นแล้ว คิดอย่างนี้ว่า
พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลกแล้ว
แต่การสร้างบุญกุศลของเรายังไม่มี
[๗๖] บัดนี้ เป็นเวลาสมควรที่เราจะชำระคติ
ถึงเวลาของเราแล้ว การสัมผัสถูกต้องนรกเป็นทุกข์
แก่สัตว์ทั้งหลายผู้ไม่มีบุญเป็นแน่แท้
[๗๗] ครั้นข้าพเจ้าคิดอย่างนี้แล้ว
จึงเข้าไปหาเจ้าของงาน
ขอหยุดงาน ๑ วันแล้วเข้าไปยังป่าใหญ่
[๗๘] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าขนหญ้า ไม้ และเถาวัลย์มาแล้ว
ตั้งไม้เป็น ๓ เส้า ได้สร้างเป็นกุฎีหญ้า
[๗๙] ข้าพเจ้าได้มอบถวายกุฎีนั้นเพื่อประโยชน์แก่สงฆ์
แล้วกลับมาหาเจ้าของงานในวันนั้นนั่นเอง
[๘๐] ด้วยกุศลกรรมที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้แล้วนั้น
ข้าพเจ้าจึงได้ไปเกิดยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
วิมานที่บุญกรรมเนรมิตสร้างไว้อย่างดี
เพื่อข้าพเจ้าในภพดาวดึงส์นั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๑๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๔. คันโธทกวรรค] ๗. ติณกุฏิทายกเถราปทาน
[๘๑] ปราสาท ๑๐๐ ชั้น สูง ๑,๐๐๐ ชั่วลูกธนู
สะพรั่งไปด้วยธง พราวไปด้วยแก้วมณีสีเขียว
และป้อม ๑๐๐,๐๐๐ ป้อม
ปรากฏในวิมานของข้าพเจ้า๑
[๘๒] ข้าพเจ้าเกิดในกำเนิดใด ๆ
คือจะเกิดเป็นเทวดาหรือมนุษย์ก็ตาม
ในกำเนิดนั้น ๆ ปราสาท(ดังจะ)
รู้ความดำริของข้าพเจ้าผุดขึ้น
[๘๓] ความกลัว ความครั่นคร้าม หรือขนลุกชูชัน
ย่อมไม่มีแก่ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าไม่รู้สึกสะดุ้งหวาดเสียวเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายกุฎีหญ้า
[๘๔] ราชสีห์ เสือโคร่ง เสือเหลือง หมี หมาใน
และเสือดาว ทั้งหมดก็ละเว้นข้าพเจ้า
นี้เป็นผลแห่งการถวายกุฎีหญ้า
[๘๕] สัตว์เลื้อยคลาน ภูตผีปีศาจ งู กุมภัณฑ์
และผีเสื้อน้ำ แม้เหล่านั้น ก็ละเว้นข้าพเจ้า
นี้เป็นผลแห่งการถวายกุฎีหญ้า
[๘๖] ข้าพเจ้าระลึกไม่ได้ว่าจะได้เห็นความฝันอันชั่วช้า
สติของข้าพเจ้าตั้งมั่น
นี้เป็นผลแห่งการถวายกุฎีหญ้า
[๘๗] เพราะการถวายกุฎีหญ้านั้นแล
ข้าพเจ้าจึงได้เสวยสมบัติ
ได้กระทำให้แจ้งซึ่งธรรม
ของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าโคดม

เชิงอรรถ :
๑ ดูเทียบ ขุ.เถร.อ. ๑/๑๔๓/๑๖๔, ขุ.ชา.อ. ๔/๔๑/๖๗, มงฺคลตฺถ. ๑/๑๓๙/๑๕๘

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๑๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๔. คันโธทกวรรค] ๘. อุตตเรยยทายกเถราปทาน
[๘๘] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายกุฎีหญ้า
[๘๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระติณกุฏิทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ติณกุฏิทายกเถราปทานที่ ๗ จบ

๘. อุตตเรยยทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอุตตเรยยทายกเถระ
(พระอุตตเรยยทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๙๐] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นพราหมณ์ผู้คงแก่เรียน
ทรงจำมนตร์ จบไตรเพท อยู่ในกรุงหงสวดี
[๙๑] เวลานั้น ข้าพเจ้ามีพวกศิษย์ของตนแวดล้อม
เป็นคนมีตระกูล ศึกษาดี
ออกไปจากกรุงเพื่อต้องการจะรดน้ำ
[๙๒] พระชินเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้ทรงรู้แจ้งโลก
ทรงถึงความสำเร็จแห่งธรรมทั้งปวง
เสด็จเข้ามายังกรุงพร้อมกับพระขีณาสพหลายพันองค์
[๙๓] ข้าพเจ้าเห็นพระองค์มีพระรูปงามยิ่งนัก
ไม่หวั่นไหวเหมือนรูปที่เขาหล่อไว้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๑๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๔. คันโธทกวรรค] ๘. อุตตเรยยทายกเถราปทาน
มีพระอรหันต์ทั้งหลายแวดล้อม
ครั้นแล้วได้ทำจิตให้เลื่อมใส
[๙๔] ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ประนมมือไว้เหนือเศียรเกล้า
นมัสการพระองค์ผู้มีวัตรงามแล้ว ได้ถวายผ้าห่ม
[๙๕] ข้าพเจ้าประคองผ้าสาฎกด้วยมือทั้ง ๒ แล้วยกขึ้น
ผ้าสาฎกปกปิด(บังแดดฝน)ตลอดทั่วพุทธบริษัท
[๙๖] เมื่อหมู่ภิกษุเป็นต้นจำนวนมาก
เที่ยวจาริกไปบิณฑบาตในเวลานั้น
ผ้าสาฎกได้กั้นเป็นหลังคา ยังข้าพเจ้าให้ร่าเริง
[๙๗] เมื่อหมู่ภิกษุเป็นต้นจะออกจากเรือน
พระศาสดาผู้เป็นพระสยัมภู ทรงเป็นบุคคลผู้เลิศ
ประทับยืนอยู่ที่ถนนได้ทรงทำอนุโมทนาว่า
[๙๘] เราจักพยากรณ์ผู้ที่มีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ได้ถวายผ้าสาฎกแก่เรา
ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าวเถิด
[๙๙] ผู้นั้นจักรื่นรมย์ในเทวโลก ๓๐,๐๐๐ กัป
จักเป็นจอมเทพครองเทวราชสมบัติในเทวโลก ๕๐ ชาติ
[๑๐๐] เมื่อเขาผู้พรั่งพร้อมด้วยบุญกรรมอยู่ในเทวโลก
จักมีผ้าเป็นหลังคาบังแดดฝนตลอด ๑๐๐ โยชน์โดยรอบ
[๑๐๑] และจักเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๖ ชาติ
จักเป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์นับชาติไม่ถ้วน
[๑๐๒] เมื่อเขาผู้พรั่งพร้อมด้วยบุญกรรม
เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพ
สิ่งที่เขาปรารถนาด้วยใจทุกอย่างจักบังเกิดขึ้นทันที

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๑๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๔. คันโธทกวรรค] ๘. อุตตเรยยทายกเถราปทาน
[๑๐๓] คนผู้นี้จักได้ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ ผ้าเปลือกไม้
ผ้าฝ้าย และผ้าทั้งหลาย ซึ่งมีค่ามาก
[๑๐๔] คนผู้นี้จักได้สิ่งที่ตนปรารถนาด้วยใจทุกอย่าง
จักเสวยวิบากแห่งผ้าผืนเดียว ในกาลทุกเมื่อ
[๑๐๕] ภายหลังเขาอันกุศลมูลตักเตือนแล้วจักออกบวช
จักกระทำให้แจ้งซึ่งธรรมของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าโคดม
[๑๐๖] น่าปลื้มใจ ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ดีแล้ว
แด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
จึงได้บรรลุอมตบทเพราะถวายผ้าสาฎกผืนเดียว
[๑๐๗] ผ้าเป็นหลังคาบังแดดฝนให้แก่ข้าพเจ้าผู้อยู่ในมณฑป
ที่โคนไม้หรือในเรือนว่าง โดยรอบ ข้างละ ๑ วา
[๑๐๘] ข้าพเจ้านุ่งห่มจีวรและใช้สอยปัจจัย
ซึ่งไม่ได้ทำวิญญัติ(ไม่ได้ออกปากขอมา)ได้ข้าวและน้ำ
นี้เป็นผลแห่งการถวายผ้าห่มผืนเดียว
[๑๐๙] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผ้า
[๑๑๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอุตตเรยยทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
อุตตเรยยทายกเถราปทานที่ ๘ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๑๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๔. คันโธทกวรรค] ๙. ธัมมัสสวินิยเถราปทาน
๙. ธัมมัสสวนิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระธัมมสวนิยเถระ
(พระธัมมัสสวนิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๑๑] พระชินเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
ทรงถึงความสำเร็จแห่งธรรมทั้งปวง
ทรงประกาศสัจจะ ๔
ทรงช่วยชนจำนวนมากให้ข้ามพ้น(วัฏสงสาร)
[๑๑๒] สมัยนั้น ข้าพเจ้าเป็นชฎิลมีตบะแก่กล้า
สลัดผ้าเปลือกไม้ เหาะไปในท้องฟ้า ในครั้งนั้น
[๑๑๓] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าไม่อาจจะไปในเบื้องบน
แห่งพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุดได้
เวลานั้นข้าพเจ้าเป็นเหมือนนกชนหน้าผา(หิน)บินไปไม่ได้
[๑๑๔] ความเป็นไปที่ผิดแปลกเช่นนี้ไม่เคยมีแก่ข้าพเจ้าเลย
ข้าพเจ้าเหาะไปในท้องฟ้า เหมือนลืมตาไปในน้ำ
[๑๑๕] (ครั้งนั้น ข้าพเจ้ามีความคิดว่า)ก็มนุษย์ซึ่งเป็นผู้ประเสริฐ
จักมีอยู่ภายใต้นี้กระมังหนอ
ถ้าเช่นนั้นเราจักค้นหาเขา บางทีจะพึงได้ประโยชน์บ้าง
[๑๑๖] เมื่อข้าพเจ้าลงจากอากาศ
ได้ฟังพระสุรเสียงของพระศาสดาซึ่งกำลังตรัสเรื่องอนิจจตาอยู่
ข้าพเจ้าจึงเรียนเรื่องอนิจจตานั้นในขณะนั้น
[๑๑๗] ครั้นเรียนอนิจจสัญญาแล้วได้กลับไปสู่อาศรมของตน
ข้าพเจ้าอยู่จนตลอดกำหนดอายุแล้วได้สิ้นชีวิตลง ณ ที่นั้น
[๑๑๘] เมื่อภพสุดท้ายกำลังเป็นไปอยู่
ข้าพเจ้าระลึกถึงการฟังธรรมนั้นได้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๑๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๔. คันโธทกวรรค] ๙. ธัมมัสสวินิยเถราปทาน
ด้วยกุศลกรรมที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ดีแล้วนั้น
จึงได้ไปเกิดยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
[๑๑๙] ข้าพเจ้ารื่นรมย์อยู่ในเทวโลกตลอด ๓๐,๐๐๐ กัป
ได้ครองเทวสมบัติ ๕๑ ชาติ
[๑๒๐] ได้เกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗๑ ชาติ
และเป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์นับชาติไม่ถ้วน
[๑๒๑] พระสมณะผู้อบรมอินทรีย์แล้ว นั่งบนเรือนของบิดา
เปล่งวาจาถึงเรื่องไม่เที่ยง แสดงเป็นคาถา
[๑๒๒] ข้าพเจ้าระลึกถึงสัญญานั้นได้
เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่
ยังไม่ได้รู้แจ้งที่สุดคือพระนิพพาน ซึ่งเป็นหนทางไม่จุติว่า
[๑๒๓] สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ
มีความเกิดขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา เกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป
ความสงบระงับสังขารเหล่านั้นเป็นเหตุนำความสุขมาให้
[๑๒๔] ข้าพเจ้าระลึกถึงบุพกรรมได้ พร้อมกับได้ฟังคาถา
นั่งอยู่บนอาสนะเดียวนั่นเองก็ได้บรรลุอรหัตตผลแล้ว
[๑๒๕] ข้าพเจ้ามีอายุ ๗ ขวบ ก็ได้บรรลุอรหัตตผล
พระพุทธเจ้าผู้มีจักษุ ทรงรู้คุณสมบัติของข้าพเจ้าแล้ว
จึงประทานอุปสมบทให้
[๑๒๖] ข้าพเจ้ายังเป็นเด็กอยู่ ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว
วันนี้ ข้าพเจ้าจะทำกิจอะไร
ในศาสนาของพระศากยบุตรอีกเล่า
[๑๒๗] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๑๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๔. คันโธทกวรรค] ๑๐. อุกขิตตปทุมิยเถราปทาน
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการฟังธรรม
[๑๒๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระธัมมสวนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ธัมมัสสวนิยเถราปทานที่ ๙ จบ

๑๐. อุกขิตตปทุมิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอุกขิตตปทุมิยเถระ
(พระอุกขิตตปทุมิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๒๙] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นช่างดอกไม้อยู่ในกรุงหงสวดี
ข้าพเจ้าลงสู่สระปทุมเลือกเก็บดอกบัวอยู่
[๑๓๐] พระชินเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
ทรงถึงความสำเร็จแห่งธรรมทั้งปวง
พร้อมด้วยพระขีณาสพประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ รูป
ผู้จิตสงบ ผู้คงที่
[๑๓๑] ผู้สิ้นอาสวะ บริสุทธิ์ ได้อภิญญา ๖ ผู้เข้าฌาน
พระองค์ผู้เป็นบุรุษสูงสุด ทรงแสวงหาความเจริญ
แก่ข้าพเจ้า เสด็จมาแล้ว
[๑๓๒] ข้าพเจ้าได้เห็นพระสยัมภูผู้เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ
ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก จึงเด็ดดอกบัวที่ก้าน
แล้วโยนขึ้นไป (บูชา) ในอากาศในกาลนั้น
[๑๓๓] (ด้วยเปล่งวาจาว่า) ข้าแต่พระธีรเจ้า
ถ้าพระองค์เป็นพระพุทธเจ้าผู้เจริญที่สุดในโลก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๑๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๔. คันโธทกวรรค] ๑๐. อุกขิตตปทุมิยเถราปทาน
องอาจกว่านรชน ขอดอกบัวจงลอยไปเอง
กั้นอยู่เหนือพระเศียรของพระองค์เองเถิด
[๑๓๔] พระมหาวีรเจ้าผู้เจริญที่สุดในโลก
องอาจกว่านรชน ทรงอธิษฐานแล้ว
ดอกบัวเหล่านั้นได้ลอยกั้นอยู่
เหนือพระเศียรด้วยพุทธานุภาพ
[๑๓๕] ด้วยกรรมที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ดีแล้วนั้น
และด้วยการตั้งเจตนาไว้มั่น
ข้าพเจ้าละกายมนุษย์แล้ว
ได้ไปเกิดยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
[๑๓๖] ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั้น
วิมานของข้าพเจ้าที่บุญกรรมสร้างไว้
อย่างสวยงาม เรียกชื่อว่าสัตตปัตตะ
สูง ๖๐ โยชน์ กว้าง ๓๐ โยชน์
[๑๓๗] ข้าพเจ้าได้เกิดเป็นจอมเทพครองเทวสมบัติ ๑,๐๐๐ ชาติ
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗๕ ชาติ
[๑๓๘] และได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์นับชาติไม่ถ้วน
ข้าพเจ้าเสวยกรรมของตนที่ทำไว้ดีแล้วในปางก่อน
[๑๓๙] ด้วยผลแห่งดอกปทุมดอกเดียวนั้นแล
ข้าพเจ้าได้เสวยสมบัติแล้ว
ได้ทำให้แจ้งธรรมของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าโคดม
[๑๔๐] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างไม่มีอาสวะ
ดุจช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๑๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๔. คันโธทกวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
[๑๔๑] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งดอกปทุมดอกเดียว
[๑๔๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอุกขิตตปทุมิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
อุกขิตตปทุมิยเถราปทานที่ ๑๐ จบ
คันโธทกวรรคที่ ๓๔ จบบริบูรณ์

รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. คันธธูปิยเถราปทาน ๒. อุทกปูชกเถราปทาน
๓. ปุนนาคปุปผิยเถราปทาน ๔. เอกทุสสทายกเถราปทาน
๕. ผุสิตกัมมิยเถราปทาน ๖. ปภังกรเถราปทาน
๗. ติณกุฏิทายกเถราปทาน ๘. อุตตเรยยทายกเถราปทาน
๙. ธัมมสวนิยเถราปทาน ๑๐. อุกขิตตปทุมิยเถราปทาน

ท่านรวบรวมคาถาทั้งหมดได้ ๑๔๔ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๒๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๕. เอกปทุมวรรค] ๑. เอกปทุมิยเถราปทาน
๓๕. เอกปทุมวรรค
หมวดว่าด้วยพระเอกปทุมะเป็นต้น
๑. เอกปทุมิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเอกปทุมิยเถระ
(พระเอกปทุมิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] พระชินเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
ทรงถึงความสำเร็จแห่งธรรมทั้งปวง
ทรงทำให้แจ้งภพน้อยภพใหญ่
ทรงช่วยประชุมชนจำนวนมากให้ข้ามพ้น(วัฏสงสาร)
[๒] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นพญาหงส์
ประเสริฐกว่านกทั้งหลาย
บินโผลงยังสระน้ำแล้วเล่นอยู่อย่างสำราญใจ
[๓] ขณะนั้น พระชินเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้ทรงรู้แจ้งโลก ผู้สมควรรับเครื่องบูชา
เสด็จเหาะมาเหนือสระน้ำ
[๔] ข้าพเจ้าได้เห็นพระผู้มีพระภาคผู้สยัมภู
ผู้เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
จึงหักดอกบัวหลวงซึ่งน่ารื่นรมย์ใจที่ก้านแล้ว
[๕] ข้าพเจ้ามีใจผ่องใสใช้จะงอยปากคาบโยนขึ้นไปในท้องฟ้า
ได้บูชาพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
[๖] พระศาสดาพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้ทรงรู้แจ้งโลก
ผู้สมควรรับเครื่องบูชา ประทับยืนอยู่ในอากาศ
ได้ทรงทำอนุโมทนาว่า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๒๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๕. เอกปทุมวรรค] ๒. ตีณุปปลมาลิยเถราปทาน
[๗] ด้วยดอกปทุมดอกเดียวนี้
และด้วยการตั้งเจตนาไว้มั่น
ท่านจะไม่ตกวินิบาตนรกเลยตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๘] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
ครั้นตรัสอย่างนี้ ทรงสรรเสริญกรรมของข้าพเจ้าแล้ว
ได้เสด็จไปตามพระประสงค์
[๙] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเอกปทุมิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เอกปทุมิยเถราปทานที่ ๑ จบ

๒. ตีณุปปลมาลิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระตีณุปปลมาลิยเถระ
(พระตีณุปปลมาลิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๑] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นวานรอาศัยอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา
ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
ประทับนั่งอยู่ระหว่างภูเขา
[๑๒] ทรงทำทิศทั้งปวงให้สว่างไสว
ดังต้นพญาไม้สาละมีดอกบานสะพรั่ง
ทรงประกอบด้วยพระลักษณะและอนุพยัญชนะ
ครั้นได้เห็นแล้วก็มีความปลื้มใจ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๒๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๕. เอกปทุมวรรค] ๒. ตีณุปปลมาลิยเถราปทาน
[๑๓] ข้าพเจ้ามีจิตเบิกบาน มีใจยินดีร่าเริงด้วยปีติ
ได้ใช้ดอกอุบล ๓ ดอกขึ้นบูชาเหนือเศียรเกล้า
[๑๔] ครั้นใช้ดอกไม้บูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่แล้ว
เคารพนบนอบแล้วบ่ายหน้าหลีกไปทางทิศเหนือ
[๑๕] เมื่อข้าพเจ้ากำลังเดินกระโหย่งกลับด้วยใจที่ผ่องใส
จึงพลัดตกไปในระหว่างภูเขาหิน
ถึงความสิ้นชีวิตแล้ว
[๑๖] ด้วยกรรมที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ดีแล้วนั้น
และด้วยการตั้งเจตนาไว้มั่น
ข้าพเจ้าละกายมนุษย์แล้ว
ได้ไปเกิดยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
[๑๗] ข้าพเจ้าได้ครองเทวสมบัติตลอด ๓๐๐ ชาติ
และได้เกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ ชาติ
[๑๘] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระตีณุปปลมาลิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
ตีณุปปลมาลิยเถราปทานที่ ๒ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๒๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๕. เอกปทุมวรรค] ๓. ธชทายกเถราปทาน
๓. ธชทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระธชทายกเถราปทาน
(พระธชทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๐] ข้าพเจ้าเห็นความสิ้นไปแห่งอุปธิกิเลสทั้ง ๓
จึงให้ยกธงขึ้นบูชาพระศาสดาพระนามว่าติสสะ
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
[๒๑] ด้วยกุศลกรรมที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้นั้น
และด้วยการตั้งเจตนาไว้มั่น
ข้าพเจ้าละกายมนุษย์แล้ว
ได้ไปเกิดยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
[๒๒] ข้าพเจ้าได้ครองเทวสมบัติตลอด ๓๐๐ ชาติ
และได้เกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ ชาติ
[๒๓] และได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์นับชาติไม่ถ้วน
ข้าพเจ้าได้เสวยกรรมของตนที่ทำไว้ดีแล้วในครั้งก่อน
[๒๔] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายธง
[๒๕] วันนี้ ถ้าข้าพเจ้าปรารถนาก็จะพึงใช้ผ้าโขมะ
ปกปิดแผ่นดินพร้อมทั้งป่าและภูเขาได้
นี้เป็นผลแห่งกรรมที่ข้าพเจ้าทำไว้ในครั้งนั้น
[๒๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระธชทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ธชทายกเถราปทานที่ ๓ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๒๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๕. เอกปทุมวรรค] ๕. นฬาคาริกเถราปทาน
๔. ตีณิกิงกณิปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระตีณิกิงกณิปูชกเถระ
(พระตีณิกิงกณิปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๗] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมพานต์
มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อภูตคณะ
ข้าพเจ้าได้เห็นผ้าบังสุกุลคล้องอยู่บนยอดไม้ที่ภูเขานั้น
[๒๘] ขณะนั้น ข้าพเจ้าร่าเริง มีจิตเบิกบาน
ได้เลือกเก็บดอกหงอนไก่ ๓ ดอกมาบูชาผ้าบังสุกุล
[๒๙] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายดอกไม้ ๓ ดอก
[๓๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระตีณิกิงกณิปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
ตีณิกิงกณิปูชกเถราปทานที่ ๔ จบ

๕. นฬาคาริกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระนฬาคาริกเถระ
(พระนฬาคาริกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๑] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมพานต์
มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อหาริกะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๒๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๕. เอกปทุมวรรค] ๕. นฬาคาริกเถราปทาน
พระสยัมภูปัจเจกพุทธเจ้าพระนามว่านารทะ
ประทับอยู่ที่โคนไม้ ในครั้งนั้น
[๓๒] ข้าพเจ้าได้สร้างเรือนไม้อ้อ มุงด้วยหญ้า
แผ้วถางที่จงกรมแล้ว ได้ถวายแด่พระสยัมภู
[๓๓] ในกัปที่ ๑๔ ข้าพเจ้ารื่นรมย์อยู่ในเทวโลก
ได้ครองเทวสมบัติตลอด ๗๔ ชาติ
[๓๔] ได้เกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗๗ ชาติ
และได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์ นับชาติไม่ถ้วน
[๓๕] วิมานของข้าพเจ้าสูงลอยเด่น เหมือนสายรุ้ง
วิมานของข้าพเจ้ามีเสา ๑,๐๐๐ ต้น
มีสีเลื่อมประภัสสร (ไม่มีวิมานอื่นเสมอเหมือน)
[๓๖] ข้าพเจ้าเสวยสมบัติทั้ง ๒ แล้ว อันกุศลมูลตักเตือน
จึงออกบวชในศาสนาของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าโคดม
[๓๗] ข้าพเจ้าเป็นผู้มีจิตเด็ดเดี่ยวเพื่อบำเพ็ญเพียร
สงบระงับ ไม่มีอุปธิ
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างไม่มีอาสวะ
ดุจช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[๓๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระนฬาคาริกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
นฬาคาริกเถราปทานที่ ๕ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๒๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๕. เอกปทุมวรรค] ๖. จัมปกปุปผิยเถราปทาน
๖. จัมปกปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระจัมปกปุปผิยเถระ
(พระจัมปกปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๙] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมพานต์
มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อฉาปละ
พระพุทธเจ้าพระนามว่าสุทัสสนะ
ประทับอยู่ระหว่างภูเขา
[๔๐] ข้าพเจ้าถือดอกจำปาเหาะไปทางอากาศ
ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
ผู้ข้ามโอฆกิเลสได้แล้ว ไม่มีอาสวะ
[๔๑] ขณะนั้น ข้าพเจ้าได้ยกดอกจำปา ๗ ดอกขึ้นไว้เหนือศีรษะ
บูชาพระพุทธเจ้าผู้เป็นพระสยัมภู
ทรงแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
[๔๒] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๔๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระจัมปกปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
จัมปกปุปผิยเถราปทานที่ ๖ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๒๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๕. เอกปทุมวรรค] ๘. ติณมุฏฐิทายกเถราปทาน
๗. ปทุมปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปทุมปูชกเถระ
(พระปทุมปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๔] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมพานต์
มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อโรมสะ
ก็เวลานั้นพระพุทธเจ้าพระนามว่าโสภิตะ
ประทับอยู่ ณ ที่กลางแจ้ง
[๔๕] ข้าพเจ้าออกจากที่อยู่มากั้นดอกบัวหลวง(บังแดด)ถวาย
ครั้นกั้นอยู่ตลอดหนึ่งวันแล้ว
จึงกลับมายังที่อยู่ตามเดิม
[๔๖] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๔๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปทุมปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปทุมปูชกเถราปทานที่ ๗ จบ
ภาณวารที่ ๑๓ จบ

๘. ติณมุฏฐิทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระติณมุฏฐิทายกเถระ
(พระติณมุฏฐิทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๘] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมพานต์
มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อลัมพกะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๒๘ }


>>>>> หน้าต่อไป >>>>>





eXTReMe Tracker