ค้นว่าอยู่เล่มใด แล้วกด [ctrl]+f หรือใช้คำสั่งของเครื่องหาตำแหน่งในเล่มอีกทีนะครับ



จัดรูปหน้าใหม่
เพื่อความสะดวก และสวยงาม
(เฉพาะหน้าจอใหญ่ เช่น คอมพิวเตอร์)
กรุณาคลิก จัดรูปหน้าใหม่
เพื่อให้กรอบ
ค้นข้อความ ปรากฎที่ด้านซ้ายของหน้า

พระไตรปิฎกภาษาไทย
ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ๔๕ เล่ม (ปกสีฟ้า)
ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
ที่มาของข้อมูล : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับ มจร.
MCUTRAI Version 1.0

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๒-๒ สุตตันตปิฎกที่ ๒๔ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑

พระสุตตันตปิฎก
ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
_____________
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๕. อุปาลิวรรค] ๕. ปัญจหัตถิยเถราปทาน
[๗๓] ข้าพเจ้าเป็นผู้มีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ได้ถวายผลแฟงและน้ำฉันแด่พระผู้มีพระภาค
ผู้ซื่อตรงด้วยทั้งจิตที่ผ่องใส
[๗๔] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายทานไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผลแฟง
[๗๕] ในกัปที่ ๔๑ (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าอรินทมะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๗๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสันนิฏฐาปกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สันนิฏฐาปกเถราปทานที่ ๔ จบ

๕. ปัญจหัตถิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปัญจหัตถิยเถระ
(พระปัญจหัตถิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๗๗] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสุเมธะ
ผู้มีจักษุทอดลง ตรัสพอประมาณ มีสติ
ทรงสำรวมอินทรีย์ เสด็จไปในระหว่างร้านตลาด
[๗๘] ชนทั้งหลายได้ใช้ดอกบัว ๕ กำ ทำเป็นพวงมาลัยให้แก่ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าเลื่อมใสจึงได้ใช้ดอกบัวนั้นบูชาพระพุทธเจ้าด้วยมือของตน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๑๗๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๕. อุปาลิวรรค] ๖. ปทุมฉทนิยเถราปทาน
[๗๙] ข้าพเจ้ายกดอกไม้เหล่านั้นขึ้นเป็นหลังคา
เพื่อพระศาสดาพระองค์นั้น
ดอกไม้ทั้งหลายตั้งแวดล้อมพระผู้มีพระภาคผู้มหานาค
ดังศิษย์ทั้งหลายแวดล้อมอาจารย์ ฉะนั้น
[๘๐] ในกัปที่ ๓๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๘๑] ในกัปที่ ๒,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕ ชาติ
มีพระนามว่าหัตถิยะ มีพลานุภาพมาก
[๘๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปัญจหัตถิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปัญจหัตถิยเถราปทานที่ ๕ จบ

๖. ปทุมฉทนิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปทุมฉทนิยเถระ
(พระปทุมฉทนิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๘๓] เมื่อพระผู้มีพระภาคผู้ทรงเป็นที่พึ่งของสัตว์โลกพระนามว่าวิปัสสี
เป็นบุคคลผู้เลิศ เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
ข้าพเจ้าถือดอกปทุมที่บานดีแล้ว บูชาที่จิตกาธาน
[๘๔] เมื่อมหาชนยกพระพุทธสรีระขึ้นบนจิตกาธาน
จิตกาธานสูงขึ้นไปจรดนภากาศ
ข้าพเจ้าได้ทำหลังคากั้นไว้ในอากาศเหนือจิตกาธาน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๑๗๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๕. อุปาลิวรรค] ๗. สยนทายกเถราปทาน
[๘๕] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๘๖] ในกัปที่ ๔๗ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าปทุมิสสระ
ทรงเป็นใหญ่มีชัยชนะในทวีปทั้ง ๔ มีพลานุภาพมาก
[๘๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปทุมฉทนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปทุมฉทนิยเถราปทานที่ ๖ จบ

๗. สยนทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสยนทายกเถระ
(พระสยนทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๘๘] ข้าพเจ้าได้ถวายที่นอนอันเลิศ
ปูลาดด้วยผ้าแด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้มีพระทัยประกอบด้วยเมตตา ผู้คงที่
[๘๙] พระผู้มีพระภาคชินเจ้า ทรงรับที่นอน
และที่นั่งอันเป็นกัปปิยะแล้ว
เสด็จลุกจากที่นอนนั้น เหาะขึ้นสู่เวหาส
[๙๐] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายที่นอนไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายที่นอน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๑๗๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๕. อุปาลิวรรค] ๘. จังกมทายกเถราปทาน
[๙๑] ในกัปที่ ๕๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าวรุณเทพ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๙๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสยนทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สยนทายกเถราปทานที่ ๗ จบ

๘. จังกมทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระจังกมทายกเถระ
(พระจังกมทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๙๓] ข้าพเจ้าให้สร้างที่จงกรมก่อด้วยอิฐ
ถวายพระมุนีพระนามว่าอัตถทัสสี
ผู้เจริญที่สุดในโลก ผู้คงที่
[๙๔] ที่จงกรมสร้างสำเร็จดีแล้ว สูง ๕ ศอก ยาว ๑๐๐ ศอก
ควรเป็นที่เจริญภาวนา น่ารื่นรมย์ใจ
[๙๕] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าอัตถทัสสี
ทรงเป็นผู้สูงสุดแห่งนรชน ทรงรับแล้ว
ทรงใช้พระหัตถ์กอบทรายแล้วได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
[๙๖] ด้วยการถวายทรายนี้ และด้วยการสร้างที่จงกรมถวายดีแล้ว
ผู้นั้นจักได้ครองทรายที่สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ
[๙๗] เขาจักครองเทวสมบัติ มีเหล่านางเทพอัปสรแวดล้อม
เสวยสมบัติในเทวดาทั้งหลายถึง ๓ กัป

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๑๘๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๕. อุปาลิวรรค] ๙. สุภัททเถราปทาน
[๙๘] เขามาเกิดยังมนุษยโลกแล้ว
จักเป็นพระราชาในแว่นแคว้น
และจักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิในแผ่นดิน ๓ ชาติ
[๙๙] ในกัปที่ ๑๑๘ (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายที่จงกรม
[๑๐๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระจังกมทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
จังกมทายกเถราปทานที่ ๘ จบ

๙. สุภัททเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสุภัททเถระ
(พระสุภัททเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๐๑] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้ทรงรู้แจ้งโลก ผู้สมควรรับเครื่องบูชา ทรงพระยศยิ่งใหญ่
รื้อถอนหมู่ชน(ออกจากสังสารวัฏ) แล้วเสด็จดับขันธปรินิพพาน
[๑๐๒] ก็เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จดับขันธปรินิพพาน
โลกธาตุมีหมื่นจักรวาลหวั่นไหวแล้ว
หมู่ชนและเทวดาจำนวนมากประชุมกันแล้ว ในครั้งนั้น
[๑๐๓] ข้าพเจ้าบรรจุกฤษณาและดอกมะลิ
จนเต็มผอบไม้จันทน์ แล้วมีจิตร่าเริงเบิกบาน
บูชาพระผู้มีพระภาค ทรงเป็นผู้สูงสุดแห่งนรชน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๑๘๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๕. อุปาลิวรรค] ๙. สุภัททเถราปทาน
[๑๐๔] พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ยอดเยี่ยมในโลก
ทรงทราบความดำริของข้าพเจ้าแล้ว
บรรทมอยู่นั่นแลได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
[๑๐๕] เราจักพยากรณ์ผู้ที่ใช้มาลัยของหอม
บังร่มให้เราในกาลสุดท้าย
ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าวเถิด
[๑๐๖] บุคคลผู้นี้จุติจากโลกนี้แล้ว จักไปเกิดยังหมู่เทวดาชั้นดุสิต
ได้ครองราชสมบัติในสวรรค์ชั้นดุสิตนั้นแล้ว
จักไปเกิดยังสวรรค์ชั้นนิมมานรดี
[๑๐๗] เขาถวายมาลัยที่ประเสริฐด้วยอุบายนี้นั่นเอง
จักพอใจกรรมของตน เสวยสมบัติ
[๑๐๘] บุคคลผู้นี้จักเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตนั้นอีก
จุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตนั้นแล้วจักไปเกิดเป็นมนุษย์
[๑๐๙] พระผู้มีพระภาคผู้มหานาคศากยบุตร
ผู้เลิศในโลกพร้อมทั้งเทวโลก ทรงมีพระจักษุ
ทรงให้หมู่สัตว์จำนวนมากตรัสรู้แล้วจักเสด็จดับขันธปรินิพพาน
[๑๑๐] ครั้งนั้น เขาถูกกุศลมูลตักเตือนแล้วจักเข้าเฝ้า
ครั้นเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วจักทูลถามปัญหาในครั้งนั้น
[๑๑๑] พระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
ทรงให้เขาร่าเริงแล้ว ทรงทราบบุพกรรม
จักทรงเปิดเผยสัจจะทั้งหลาย
[๑๑๒] ปัญหานี้เขาพอใจแล้ว เขายินดี มีใจแน่วแน่
จักถวายอภิวาทพระศาสดาแล้วทูลขอบวช
[๑๑๓] พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทรงฉลาดในธรรมอันเลิศ ทรงเห็นเขามีใจเลื่อมใส
ยินดีด้วยกรรมของตน จึงยอมให้บวช

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๑๘๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๕. อุปาลิวรรค] ๙. สุภัททเถราปทาน
[๑๑๔] บุคคลผู้นี้เพียรพยายามในศาสนา
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงเป็นผู้ไม่มีอาสวะแล้วนิพพาน
ภาณวารที่ ๕ จบ

[๑๑๕] เราประกอบด้วยบุพกรรม
มีใจแน่วแน่ มีจิตตั้งมั่น เป็นโอรสของพระพุทธเจ้า
เป็นบุตรผู้เกิดแต่ธรรมซึ่งธรรมเนรมิตไว้ดีแล้ว
[๑๑๖] ข้าพเจ้าเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
ผู้เป็นธรรมราชาแล้วได้ทูลถามปัญหาสูงสุด
และพระผู้มีพระภาคเมื่อจะทรงพยากรณ์ปัญหาของข้าพเจ้า
จึงทรงนำเข้าไปสู่กระแสธรรม
[๑๑๗] ข้าพเจ้ารู้ทั่วถึงธรรมของพระองค์แล้ว
ยินดีในศาสนาอยู่
กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
[๑๑๘] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป
พระผู้มีพระภาคผู้ทรงเป็นผู้นำซึ่งรุ่งเรืองสูงสุด
ผู้ไม่มีอุปาทาน เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
ดังประทีปดับไปเพราะหมดน้ำมัน ฉะนั้น
[๑๑๙] พระสถูปแก้วของพระผู้มีพระภาค สูงประมาณ ๗ โยชน์
ข้าพเจ้าได้นำธงที่สวยงามกว่าธงทั้งปวง
น่ารื่นรมย์ใจ บูชาไว้ที่พระสถูปนั้น
[๑๒๐] อัครสาวกชื่อว่าติสสะ ของพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ
เป็นบุตรเป็นโอรสของข้าพเจ้า เป็นทายาทในศาสนาของพระชินเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๑๘๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๕. อุปาลิวรรค] ๑๐. จุนทเถราปทาน
[๑๒๑] ข้าพเจ้ามีใจเลวทราม กล่าววาจาไม่ไพเราะแก่อัครสาวกนั้น
ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น
ความเจริญจึงได้มีแก่ข้าพเจ้าในภายหลัง
[๑๒๒] พระชินมุนีผู้ทรงมีความเพียรมาก
ทรงเกื้อกูลประกอบด้วยพระกรุณา
ทรงประทานบรรพชาแก่ข้าพเจ้าบนที่บรรทมครั้งสุดท้าย ณ สาลวัน
ซึ่งเป็นที่แวะเวียนมาแห่งมัลลกษัตริย์ทั้งหลาย
[๑๒๓] บัดนี้ การบรรพชาอุปสมบท มีแก่ข้าพเจ้า ในวันนี้
การปรินิพพานของพระพุทธชินเจ้าผู้สูงสุด
กว่าเทวดาและมนุษย์ได้มีเฉพาะหน้า
[๑๒๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสุภัททเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สุภัททเถราปทานที่ ๙ จบ

๑๐. จุนทเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระจุนทเถระ
(พระจุนทเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๒๕] ข้าพเจ้าให้ทำวัตถุควรบูชา
แด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้เจริญที่สุดในโลก ผู้คงที่ แล้วใช้ดอกมะลิปกปิดไว้
[๑๒๖] ข้าพเจ้าให้ทำดอกไม้นั้นเสร็จแล้ว
น้อมเข้าไปถวายพระพุทธเจ้า
และได้ประคองดอกไม้ที่เหลือบูชาพระพุทธเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๑๘๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๕. อุปาลิวรรค] ๑๐. จุนทเถราปทาน
[๑๒๗] ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
นำดอกไม้ซึ่งเป็นวัตถุควรบูชา
ไปบูชาพระพุทธเจ้าผู้เช่นกับทองคำมีค่า
ผู้ทรงเป็นผู้นำชั้นเลิศของโลก
[๑๒๘] พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงข้ามความสงสัยได้แล้ว
มีพระขีณาสพแวดล้อม
ผู้ข้ามโอฆะได้แล้ว๑ ประทับนั่งในท่ามกลางหมู่ภิกษุแล้ว
ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
[๑๒๙] เราจักพยากรณ์ผู้ที่ถวายดอกไม้ซึ่งเป็นวัตถุควรบูชา
ส่งกลิ่นทิพย์หอมฟุ้งแก่เรา ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าวเถิด
[๑๓๐] บุคคลผู้นี้จุติจากโลกนี้แล้วจักไปเกิดยังเทวโลก
มีหมู่เทวดาแวดล้อม มีดอกมะลิโปรยปราย
[๑๓๑] เขาจักมีภพที่สูงและวิมาน
ที่สำเร็จด้วยทองคำและแก้วมณี
ที่เกิดด้วยบุญกรรมปรากฏขึ้น
[๑๓๒] เขาจักครองเทวสมบัติ มีเหล่านางเทพอัปสรแวดล้อม
ได้เสวยสมบัติอยู่ ๗๔ ชาติ
[๑๓๓] เขาจักเป็นพระเจ้าแผ่นดินครองแผ่นดิน ๓๐๐ ชาติ
และจักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗๕ ชาติ
[๑๓๔] จักเป็นใหญ่กว่ามนุษย์มีนามว่าทุชชัย
เสวยบุญนั้น ประกอบด้วยกรรมของตน

เชิงอรรถ :
๑ โอฆะ หมายถึงกิเลสดุจห้วงน้ำท่วมทับสัตว์ให้พินาศมี ๔ คือ กาม ภพ ทิฏฐิ และอวิชชา (ขุ.อป.อ.
๒/๑๒๘/๙๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๑๘๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๕. อุปาลิวรรค] ๑๐. จุนทเถราปทาน
[๑๓๕] จักไม่ตกวินิบาตนรก ไปเกิดเป็นมนุษย์
เขามีเงินที่สั่งสมไว้ตั้งร้อยโกฏิมิใช่น้อย
[๑๓๖] เขาจักบังเกิดในกำเนิด(มนุษย์)เป็นพราหมณ์
มีการศึกษามีปัญญาเป็นบุตรสุดที่รักของวังคันตพราหมณ์
กับนางสารีพราหมณี
[๑๓๗] และภายหลังเขาจักบวช
ในศาสนาของพระอังคีรสพุทธเจ้า
มีนามว่าจุนทะ เป็นสาวกของพระศาสดา
[๑๓๘] เขาจักได้เป็นพระขีณาสพ(สิ้นอาสวกิเลส)
ขณะเป็นสามเณรทีเดียว
กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงเป็นผู้ไม่มีอาสวะแล้วนิพพาน
[๑๓๙] ข้าพเจ้าได้บำรุงพระผู้มีพระภาคผู้ทรงมีความเพียรมาก
และสาวกอื่น ๆ ผู้มีศีลเป็นที่รักจำนวนมาก
และบำรุงพระเถระ(สารีบุตร)ผู้เป็นพี่ชายของข้าพเจ้า
เพื่อบรรลุประโยชน์สูงสุด
[๑๔๐] ข้าพเจ้าครั้นบำรุงพี่ชายของข้าพเจ้าแล้ว
ได้เก็บพระธาตุใส่ไว้ในบาตร
น้อมเข้าไปถวายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้เจริญที่สุดในโลก ผู้องอาจกว่านรชน
[๑๔๑] พระพุทธเจ้าทรงประคองพระธาตุด้วยพระหัตถ์ทั้ง ๒
เมื่อจะทรงทำพระธาตุนั้นให้ปรากฏในโลกพร้อมทั้งเทวโลก
จึงทรงประกาศว่าเป็นพระธาตุอัครสาวก(พระสารีบุตรเถระ)
[๑๔๒] จิตของข้าพเจ้าหลุดพ้นอย่างวิเศษแล้ว
และศรัทธาของข้าพเจ้าก็มั่นคงแล้ว
ข้าพเจ้ากำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๑๘๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๕. อุปาลิวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
[๑๔๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระจุนทเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
จุนทเถราปทานที่ ๑๐ จบ
อุปาลิวรรคที่ ๕ จบบริบูรณ์

รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. อุปาลีเถราปทาน ๒. โสณโกฬิวิสเถราปทาน
๓. ภัททิยกาฬิโคธายปุตตเถราปทาน ๔. สันนิฏฐาปกเถราปทาน
๕. ปัญจหัตถิยเถราปทาน ๖. ปทุมฉทนิยเถราปทาน
๗. สยนทายกเถราปทาน ๘. จังกมทายกเถราปทาน
๙. สุภัททเถราปทาน ๑๐. จุนทเถราปทาน

และมีคาถา ๑๔๔ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๑๘๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๖. วีชนีวรรค] ๑. วิธูปนทายกเถราปทาน
๖. วีชนีวรรค
หมวดว่าด้วยพัดวีชนีเป็นต้น
๑. วิธูปนทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระวิธูปนทายกเถระ
(พระวิธูปนทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ข้าพเจ้าได้ถวายพัดวีชนีเล่มหนึ่งแด่พระพุทธเจ้า
พระนามว่าปทุมุตตระ ผู้เจริญที่สุดในโลก
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่เช่นนั้น
[๒] ข้าพเจ้าทำจิตของตนให้เลื่อมใส
ประนมมืออภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
มุ่งหน้าหลีกไปทางทิศเหนือ
[๓] พระศาสดาผู้ทรงเป็นผู้นำชั้นเลิศของโลก
ทรงจับพัดวีชนีแล้ว ประทับยืนอยู่ในท่ามกลางหมู่ภิกษุ
ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
[๔] ด้วยการถวายพัดวีชนีเล่มนี้และด้วยการตั้งจิตไว้มั่น
ผู้นี้จักไม่ตกวินิบาตนรกถึง ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๕] ข้าพเจ้าบำเพ็ญเพียร มีจิตเด็ดเดี่ยว
มีใจตั้งมั่นในเจโตคุณ มีอายุ ๗ ขวบ ก็ได้บรรลุอรหัตตผล
[๖] ในกัปที่ ๖๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ
มีพระนามว่าพีชมานะ มีพลานุภาพมาก
[๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระวิธูปนทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
วิธูปนทายกเถราปทานที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๑๘๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๖. วีชนีวรรค] ๒. สตรังสิยเถราปทาน
๒. สตรังสิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสตรังสิยเถระ
(พระสตรังสิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๘] พระผู้มีพระภาคผู้เป็นผู้สูงสุดแห่งบุรุษ
เสด็จขึ้นภูเขาสูงแล้วประทับนั่งอยู่
ข้าพเจ้าเป็นพราหมณ์ผู้จบมนตร์
อยู่ในที่ไม่ไกลจากภูเขา
[๙] ข้าพเจ้าได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ผู้มีความเพียรมาก ผู้เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ
ผู้องอาจกว่านรชน ประนมมือแล้ว
ชมเชยพระองค์ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลกว่า
[๑๐] พระมหาวีรพุทธเจ้าพระองค์นี้
ทรงประกาศธรรมอันประเสริฐ
มีหมู่ภิกษุแวดล้อม รุ่งเรืองดังกองไฟ
[๑๑] พระผู้มีพระภาคทรงเป็นดุจมหาสมุทรที่หวั่นไหวได้ยาก
ทรงเป็นดุจห้วงน้ำที่ข้ามได้ยาก
ทรงเป็นดุจราชสีห์ที่ไม่ครั่นคร้าม
มีพระจักษุแสดงธรรมอยู่
[๑๒] พระศาสดาพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้ทรงเป็นผู้นำ
ทรงทราบความดำริของข้าพเจ้าแล้ว
ประทับยืนอยู่ในท่ามกลางหมู่ภิกษุ
ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
[๑๓] ผู้ใดได้ถวายอัญชลีและชมเชยพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
ผู้นั้นจักได้ครองเทวสมบัติ ๓๐,๐๐๐ กัป
[๑๔] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าอังคีรส
ผู้ทรงทำลายกิเลสเครื่องห่อหุ้มได้แล้ว
จักเสด็จอุบัติขึ้นในครั้งนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๑๘๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๖. วีชนีวรรค] ๓. สยนทายกเถราปทาน
[๑๕] ผู้นั้นจักเป็นธรรมทายาทของพระองค์
เป็นโอรสที่ธรรมเนรมิต
จักเป็นพระอรหันต์มีนามว่าสตรังสี
[๑๖] ข้าพเจ้ามีอายุ ๗ ขวบ ก็ได้บวชเป็นบรรพชิต
มีนามว่าสตรังสี ข้าพเจ้ามีรัศมีแผ่ออกไป
[๑๗] ข้าพเจ้ามีปกติเข้าฌาน ยินดีในฌาน
อยู่ที่มณฑปหรือโคนต้นไม้
ทรงร่างกายอันมีในภพสุดท้าย
อยู่ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[๑๘] ตลอด ๖๐,๐๐๐ กัป ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๔ ชาติ
มีนามเหมือนกันว่าราม
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสตรังสิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สตรังสิยเถราปทานที่ ๒ จบ

๓. สยนทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสยนทายกเถระ
(พระสยนทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๐] ข้าพเจ้ามีจิตผ่องใส
ได้ถวายที่นอนแด่พระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้ทรงอนุเคราะห์สัตว์โลกทั้งปวงพระองค์นั้น
[๒๑] ด้วยผลแห่งการถวายที่นอนนั้น
โภคสมบัติจึงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๑๙๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๖. วีชนีวรรค] ๔. คันโธทกทายกเถราปทาน
เปรียบเหมือนพืชที่มีความสมบูรณ์ในนาดี
นี้เป็นผลแห่งการถวายที่นอนนั้น
[๒๒] ข้าพเจ้านอนในอากาศได้
ทรงแผ่นดินนี้ไว้ได้ เป็นใหญ่ในสัตว์ทั้งหลาย
นี้เป็นผลแห่งการถวายที่นอน
[๒๓] ในกัปที่ ๕,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๘ ชาติ มีความเพียรมาก
ในกัปที่ ๓,๔๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๔ ชาติ มีพลานุภาพมาก
[๒๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสยนทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สยนทายกเถราปทานที่ ๓ จบ

๔. คันโธทกทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระคันโธทกทายกเถระ
(พระคันโธทกทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๕] ครั้งนั้น ได้มีการฉลองต้นมหาโพธิ์ของพระพุทธเจ้า
พระนามว่าปทุมุตตระ ข้าพเจ้าได้ถือหม้อน้ำอันวิจิตร
ได้ถวายน้ำหอมรดต้นมหาโพธิ์
[๒๖] ก็ในเวลาที่รดต้นมหาโพธิ์
เมฆฝนเป็นอันมากได้ตกลงมาและได้มีเสียงบันลือดังลั่น
ในเมื่อสายฟ้าฟาดลงมา
[๒๗] ด้วยกำลังแห่งสายฟ้าฟาดลงมานั้นแล
ข้าพเจ้าได้สิ้นชีวิต ณ ที่นั้น
ไปเกิดบนเทวโลก ได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๑๙๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๖. วีชนีวรรค] ๕. โอปวุยหเถราปทาน
[๒๘] ช่างน่าอัศจรรย์ พระพุทธเจ้า
ช่างน่าอัศจรรย์ พระธรรม
ช่างน่าอัศจรรย์ การที่ข้าพเจ้าได้ประจวบกับพระศาสดา
ร่างกายของข้าพเจ้าล้มตายลงไปแล้ว
ข้าพเจ้าได้รื่นรมย์ในเทวโลก
[๒๙] วิมานของข้าพเจ้ามี ๗ ชั้น สูงตระหง่าน
นางเทพกัญญา ๑๐๐,๐๐๐ นาง แวดล้อมข้าพเจ้าทุกเมื่อ
[๓๐] ข้าพเจ้าไม่มีความเจ็บไข้
ไม่มีความเศร้าโศก ไม่ประสบความเร่าร้อนเลย
นี้เป็นผลแห่งบุญกรรม
[๓๑] ในกัปที่ ๒,๘๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าสังวสิตะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๓๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระคันโธทกทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
คันโธทกทายกเถราปทานที่ ๔ จบ

๕. โอปวุยหเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระโอปวุยหเถระ
(พระโอปวุยหเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๓] ข้าพเจ้าได้ถวายม้าอาชาไนยแด่พระพุทธเจ้า
พระนามว่าปทุมุตตระ ครั้นมอบถวายแด่พระสัมพุทธเจ้าแล้ว
ได้กลับไปยังเรือนของตน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๑๙๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๖. วีชนีวรรค] ๕. โอปวุยหเถราปทาน
[๓๔] พระอัครสาวกมีนามว่าเทวิละ ของพระศาสดา
ผู้เป็นธรรมทายาทที่ล้ำเลิศ ได้มายังสำนักของข้าพเจ้า(กล่าวว่า)
[๓๕] พระผู้มีพระภาค ผู้นำประโยชน์ทั้งปวง
ม้าอาชาไนยไม่สมควรแก่พระองค์ พระองค์ผู้มีพระจักษุ
ทรงทราบความดำริของท่านแล้ว จึงทรงรับไว้แล้ว
[๓๖] ข้าพเจ้าจึงตีราคาม้าสินธพ ซึ่งมีกำลังวิ่งเร็วดังลม
เป็นพาหนะที่รวดเร็วแล้วได้ถวายของที่ควร
แด่พระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
[๓๗] ข้าพเจ้าเกิดในกำเนิดใด ๆ
คือจะเกิดเป็นเทวดาหรือมนุษย์ก็ตาม
ในกำเนิดนั้น ๆ ม้าอาชาไนยมีกำลังวิ่งเร็วดังลม
เป็นทรัพย์เครื่องปลื้มใจ ย่อมบังเกิดแก่ข้าพเจ้า
[๓๘] ชนเหล่าใดได้อุปสมบท ชนเหล่านั้นได้ลาภดีแล้ว
ถ้าว่าพระพุทธเจ้าจะพึงมีในโลก ข้าพเจ้าก็จะพึงเข้าไปเฝ้าบ่อย ๆ
[๓๙] ข้าพเจ้าได้เป็นพระราชาผู้มีพลานุภาพมาก
เป็นใหญ่มีชัยชนะในทวีปทั้ง ๔
เป็นใหญ่แห่งชนชาวชมพูทวีป ๒๘ ชาติ
[๔๐] อัตภาพนี้เป็นอัตภาพสุดท้ายของข้าพเจ้า
ภพสุดท้ายกำลังเป็นไปอยู่
ข้าพเจ้าละความชนะและความแพ้ได้แล้ว๑
บรรลุฐานะที่ไม่หวั่นไหว๒
[๔๑] ในกัปที่ ๓๔,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มีเดชมาก
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก

เชิงอรรถ :
๑-๒ ดูเชิงอรรถข้อ ๙ หน้า ๒๐๓ ในเล่มนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๑๙๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๖. วีชนีวรรค] ๖. สปริวาราสนเถราปทาน
[๔๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระโอปวุยหเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
โอปวุยหเถราปทานที่ ๕ จบ

๖. สปริวาราสนเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสปริวาราสนเถระ
(พระสปริวาราสนเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๓] ข้าพเจ้าไปยังสถานที่ทรุดโทรมแห่งหนึ่ง
ที่ข้าพเจ้าประดับด้วยดอกมะลิซ้อน
ได้ถวายบิณฑบาตแด่พระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
[๔๔] พระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นผู้นำชั้นเลิศของโลก
ทรงเป็นผู้ตรง มีพระหฤทัยตั้งมั่น
ประทับนั่งบนอาสนะนั้นแล้ว
ได้ทรงประกาศอานิสงส์บิณฑบาตว่า
[๔๕] พืชแม้จะมีประมาณน้อยที่ชาวนาปลูกลงในนาดี
เมฆฝนเป็นอันมากโปรยลงมาอย่างพอเหมาะ
ผลย่อมให้ชาวนายินดีได้ ฉันใด
[๔๖] บิณฑบาตนี้ก็ฉันนั้น ท่านปลูกแล้วในนาดี
ผลจักให้ท่านยินดีในภพที่ท่านเกิด
[๔๗] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
ครั้นตรัสดังนี้แล้ว ทรงรับบิณฑบาต
บ่ายพระพักตร์เสด็จหลีกไปทางทิศเหนือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๑๙๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๖. วีชนีวรรค] ๗. ปัญจทีปกเถราปทาน
[๔๘] ข้าพเจ้าสำรวมในพระปาติโมกข์และในอินทรีย์ ๕
หมั่นประกอบวิเวกอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
[๔๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสปริวาราสนเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สปริวาราสนเถราปทานที่ ๖ จบ

๗. ปัญจทีปกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปัญจทีปกเถระ
(พระปัญจทีปกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕๐] ข้าพเจ้าเชื่อสนิทในพระสัทธรรมของพระพุทธเจ้า
พระนามว่าปทุมุตตระ ผู้ทรงอนุเคราะห์สัตว์ทั้งปวง
จึงได้เป็นผู้มีความเห็นตรง
[๕๑] ข้าพเจ้าได้ถวายประทีป แวดล้อมไว้ที่ต้นโพธิ์
ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเชื่ออยู่ จึงทำการบูชาด้วยประทีปไว้
[๕๒] ข้าพเจ้าเกิดในกำเนิดใด ๆ
คือจะเกิดเป็นเทวดาหรือมนุษย์ก็ตาม
ในกำเนิดนั้น ๆ เทวดาย่อมถือดวงไฟไว้ในอากาศ
นี้เป็นผลแห่งการบูชาด้วยประทีป
[๕๓] ข้าพเจ้าสามารถมองเห็นได้ทะลุฝา ทะลุกำแพงศิลา
ทะลุภูเขาได้ร้อยโยชน์โดยรอบ
[๕๔] ด้วยผลกรรมที่เหลืออยู่นั้น
ข้าพเจ้าเป็นผู้บรรลุความสิ้นอาสวะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๑๙๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๖. วีชนีวรรค] ๘. ธชทายกเถราปทาน
ข้าพเจ้าทรงร่างกายอันมีในภพสุดท้าย
อยู่ในศาสนาของพระผู้มีพระภาค
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์
[๕๕] ในกัปที่ ๓,๔๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าสตจักษุ
มีเดชมาก มีพลานุภาพมาก
[๕๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปัญจทีปกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปัญจทีปกเถราปทานที่ ๗ จบ

๘. ธชทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระธชทายกเถระ
(พระธชทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕๗] ข้าพเจ้ามีจิตร่าเริง เบิกบาน
ได้ยกธงขึ้นปักไว้ที่โคนต้นโพธิ์
ซึ่งเป็นต้นไม้ประเสริฐของพระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
[๕๘] ข้าพเจ้าเก็บใบโพธิ์ที่หล่นนำไปทิ้งภายนอก
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้หมดจดทั้งภายในทั้งภายนอก
ผู้หลุดพ้นดีแล้ว หาอาสวะมิได้
[๕๙] ข้าพเจ้าได้ไหว้ต้นโพธิ์ที่ประเสริฐ
เหมือนได้อภิวาท พระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
ทรงรู้แจ้งโลก ผู้สมควรรับเครื่องบูชา เฉพาะพระพักตร์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๑๙๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๖. วีชนีวรรค] ๘. ธชทายกเถราปทาน
[๖๐] ผู้เป็นพระศาสดาประทับยืนในท่ามกลางหมู่ภิกษุ
ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
ด้วยการถวายธงและด้วยการบำรุงทั้ง ๒ อย่างนี้
[๖๑] เขาจะไม่ไปเกิดยังทุคติตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
จักเสวยทิพยสมบัติมิใช่น้อยในหมู่เทวดา
[๖๒] และเขาจักได้เป็นพระราชาในแว่นแคว้นหลายร้อยชาติ
จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าอุคคตะ
[๖๓] เขาครั้นเสวยสมบัติแล้ว ถูกกุศลมูลตักเตือน
จักยินดียิ่งในศาสนาของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าโคดม
[๖๔] ข้าพเจ้ามีจิตเด็ดเดี่ยวเพื่อบำเพ็ญเพียร
สงบระงับ ไม่มีอุปธิ ทรงร่างกายอันมีในภพสุดท้าย
อยู่ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[๖๕] ในกัปที่ ๑,๐๕๑ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นกษัตริย์หลายพระองค์ มีพระนามว่าอุคคตะ
ในกัปที่ ๑,๑๕๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นกษัตริย์หลายชาติมีพระนามว่าเขมะ
[๖๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระธชทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ธชทายกเถราปทานที่ ๘ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๑๙๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๖. วีชนีวรรค] ๙. ปทุมเถราปทาน
๙. ปทุมเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปทุมเถระ
(พระปทุมเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๖๗] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมุตตระ
ทรงประกาศสัจจะ ๔ ทรงประกาศธรรมอันประเสริฐให้เป็นไป
ทรงโปรยปรายหยาดฝนคืออมตธรรม ให้มหาชนสงบเย็น
[๖๘] ข้าพเจ้ายืนถือดอกปทุมพร้อมทั้งธงอยู่ในที่ไกล ๒๕๐ ชั่วคันธนู
มีใจร่าเริง ได้โยนดอกปทุมพร้อมด้วยธงขึ้นไปในอากาศ
เพื่อบูชาพระมุนีพระนามว่าปทุมุตตระ
[๖๙] และเมื่อดอกปทุมกำลังลอยมา
ความอัศจรรย์ก็เกิดมีในขณะนั้น
พระผู้มีพระภาค ผู้ประเสริฐกว่าเจ้าลัทธิทั้งหลาย
ทรงทราบความดำริของข้าพเจ้า ทรงรับไว้แล้ว
[๗๐] พระศาสดาทรงรับดอกปทุมชั้นดีเยี่ยมไว้
ด้วยพระหัตถ์ที่ประเสริฐ
ประทับยืนอยู่ในท่ามกลางหมู่ภิกษุ
ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
[๗๑] เราจักพยากรณ์ผู้ที่โยนดอกปทุมนี้
มาใกล้พระสัพพัญญูซึ่งเป็นผู้นำสูงสุด
ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าวเถิด
[๗๒] เขาจักเป็นจอมเทพครองเทวสมบัติ ๓๐ กัป
จักเป็นพระเจ้าแผ่นดินครองแผ่นดิน ๗๐๐ กัป
[๗๓] จักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เพราะถือเอากลีบบัวในดอกบัวนั้น
สายฝนดอกไม้จักตกลงมาจากอากาศในครั้งนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๑๙๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๖. วีชนีวรรค] ๑๐. อสนโพธิยเถราปทาน
[๗๔] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
พระศาสดาพระนามว่าโคดม ตามพระโคตร
ทรงสมภพในราชสกุลโอกกากราช จักอุบัติขึ้นในโลก
[๗๕] ผู้นั้นจักเป็นธรรมทายาทของพระศาสดาพระองค์นั้น
เป็นโอรสที่ธรรมเนรมิต
กำหนดรู้อาสวะทั้งปวง จักเป็นผู้ไม่มีอาสวะแล้วนิพพาน
[๗๖] ข้าพเจ้าคลอดจากครรภ์แล้ว มีสติสัมปชัญญะ
มีอายุได้ ๕ ขวบ ก็ได้บรรลุอรหัตตผล
[๗๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปทุมเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปทุมเถราปทานที่ ๙ จบ

๑๐. อสนโพธิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอสนโพธิยเถระ
(พระอสนโพธิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๗๘] ข้าพเจ้ามีอายุ ๗ ขวบ ก็ได้พบพระผู้มีพระภาค
ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส
มีใจยินดี ได้เข้าไปเฝ้าพระองค์ผู้เป็นนรผู้สูงสุด
[๗๙] ข้าพเจ้ามีจิตร่าเริง เบิกบาน ได้ปลูกต้นโพธิ์อันอุดม
ถวายพระผู้มีพระภาคพระนามว่าติสสะ
ผู้เจริญที่สุดในโลก ผู้คงที่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๑๙๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๖. วีชนีวรรค] ๑๐. อสนโพธิยเถราปทาน
[๘๐] ต้นไม้งอกขึ้นบนแผ่นดิน โดยนามบัญญัติว่าอสนะ
ข้าพเจ้าบำรุงต้นโพธิ์ชื่ออสนะอันอุดมนี้ตลอด ๕ ปี
[๘๑] ข้าพเจ้าได้เห็นต้นไม้มีดอกบานสะพรั่งน่าอัศจรรย์
เป็นเหตุให้ขนพองสยองเกล้า เมื่อจะประกาศกรรมของตน
จึงเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
[๘๒] ครั้งนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าติสสะ พระองค์นั้น
ทรงเป็นพระสยัมภู ผู้เป็นบุคคลผู้เลิศ
ประทับนั่งอยู่ในท่ามกลางหมู่ภิกษุแล้ว
ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
[๘๓] เราจักพยากรณ์ผู้ที่ปลูกต้นโพธิ์นี้
และทำการบูชาพระพุทธเจ้าโดยเคารพ
ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าวเถิด
[๘๔] เขาจักครองเทวสมบัติในหมู่เทวดา ๓๐ กัป
และจักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๖๔ ชาติ
[๘๕] เขาถูกกุศลมูลตักเตือนจุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตแล้ว
เสวยสมบัติทั้ง ๒ จักรื่นรมย์อยู่ในความเป็นมนุษย์
[๘๖] เขามีจิตเด็ดเดี่ยวเพื่อบำเพ็ญเพียร
สงบระงับ ไม่มีอุปธิ
กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงจักเป็นผู้ไม่มีอาสวะแล้วนิพพาน
[๘๗] ข้าพเจ้าหมั่นประกอบวิเวก เป็นผู้สงบระงับ ไม่มีอุปธิ
ตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[๘๘] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ปลูกต้นโพธิ์ไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการปลูกต้นโพธิ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๐๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๖. วีชนีวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
[๘๙] ในกัปที่ ๗๔ นับจากกัปนี้ไป
ในครั้งนั้น ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ปรากฏพระนามว่าทัณฑเสน
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ
[๙๐] ในกัปที่ ๗๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ๗ ชาติ
มีพระนามว่าสมันตเนมิ
[๙๑] ในกัปที่ ๒๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าปุณณกะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๙๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอสนโพธิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อสนโพธิยเถราปทานที่ ๑๐ จบ
วีชนีวรรคที่ ๖ จบบริบูรณ์

รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. วิธูปนทายกเถราปทาน ๒. สตรังสิยเถราปทาน
๓. สยนทายกเถราปทาน ๔. คันโธทกทายกเถราปทาน
๕. โอปวุยหเถราปทาน ๖. สปริวาราสนเถราปทาน
๗. ปัญจทีปกเถราปทาน ๘. ธชทายกเถราปทาน
๙. ปทุมเถราปทาน ๑๐. อาสนโพธิยเถราปทาน

และมีคาถา ๙๒ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๐๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๗. สกจิตตนิยวรรค] ๑. สกจิตตนิยเถราปทาน
๗. สกจิตตนิยวรรค
หมวดว่าด้วยพระสกจิตตนิยะเป็นต้น
๑. สกจิตตนิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสกจิตตนิยเถระ
(พระสกจิตตนิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ข้าพเจ้าได้เห็นป่าใหญ่ดงทึบ
สงัดเงียบปราศจากอันตราย
เป็นที่อยู่ของพวกฤๅษี ผู้สมควรรับเครื่องบูชา
[๒] ข้าพเจ้าจึงนำไม้ไผ่มาทำเป็นสถูปแล้ว
โปรยดอกไม้ต่าง ๆ ลง
ได้ไหว้พระสถูปที่ข้าพเจ้าสร้างแล้ว
เหมือนได้อภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเฉพาะพระพักตร์
[๓] ข้าพเจ้าได้เป็นพระราชาสมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ
เป็นใหญ่ในแว่นแคว้น พอใจกรรมของตน
นี้เป็นผลแห่งการบูชาด้วยดอกไม้
[๔] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๕] ในกัปที่ ๘๐ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าอนันตยสะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ เป็นใหญ่ในทวีปทั้ง ๔

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๐๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๗. สกจิตตนิยวรรค] ๒. อาโปปุปผิยเถราปทาน
[๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสกจิตตนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สกจิตตนิยเถราปทานที่ ๑ จบ

๒. อาโปปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอาโปปุปผิยเถระ
(พระอาโปปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๗] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิขี
เสด็จออกจากวิหาร แล้วเสด็จขึ้นที่จงกรม
เมื่อประกาศสัจจะ ๔ ทรงแสดงอมตบท
[๘] ข้าพเจ้ารู้พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
พระนามว่าสิขี ผู้คงที่แล้ว
จึงจับดอกไม้ต่าง ๆ โยนขึ้นไปในอากาศ
[๙] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
ด้วยผลกรรมนั้น ข้าพระองค์ละความชนะและความแพ้ได้แล้ว๑
บรรลุฐานะที่ไม่หวั่นไหว๒
[๑๐] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาด้วยดอกไม้

เชิงอรรถ :
๑ ความชนะ ในที่นี้หมายถึงทิพยสมบัติและมนุษยสมบัติ (ขุ.อป.อ. ๒/๙/๑๐๗)
ความแพ้ ในที่นี้หมายถึงทุกข์ในอบาย ๔ (ขุ.อป.อ. ๒/๙/๑๐๗)
๒ ฐานะที่ไม่หวั่นไหว ในที่นี้หมายถึงพระนิพพาน (ขุ.อป.อ. ๒/๙/๑๐๗)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๐๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๗. สกจิตตนิยวรรค] ๓. ปัจจาคมนิยเถราปทาน
[๑๑] ในกัปที่ ๒๐ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าสุเมธะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอาโปปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อาโปปุปผิยเถราปทานที่ ๒ จบ

๓. ปัจจาคมนิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปัจจาคมนิยเถระ
(พระปัจจาคมนิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๓] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นนกจักรพาก อยู่ที่ฝั่งแม่น้ำสินธุ
ข้าพเจ้ากินสาหร่ายล้วน ๆ
และระมัดระวังอย่างดีในกรรมชั่วทั้งหลาย
[๑๔] ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้า ผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
เสด็จไปในอากาศ จึงคาบดอกสาละ
บูชาพระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
[๑๕] ผู้มีศรัทธาตั้งมั่นด้วยดีไม่หวั่นไหวไว้ในพระตถาคต
จะไม่ไปเกิดยังทุคติเลย ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น
[๑๖] การที่ข้าพเจ้าได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
เป็นการมาดีแล้วโดยแท้
ข้าพเจ้าเป็นนกได้ปลูกพืช(กุศล)ที่ดีไว้แล้ว
[๑๗] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๐๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๗. สกจิตตนิยวรรค] ๔. ปรัปปสาทกเถราปทาน
[๑๘] ในกัปที่ ๑๗ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๘ ชาติ
พระนามว่าสุจารุทัสสนะ มีพลานุภาพมาก
[๑๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปัจจาคมนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปัจจาคมนิยเถราปทานที่ ๓ จบ

๔. ปรัปปสาทกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปรัปปสาทกเถระ
(พระปรัปปสาทกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๐] พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้องอาจ ประเสริฐที่สุด
มีความเพียร แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ทรงชนะวิเศษ
มีพระฉวีวรรณดังทอง ใครเล่าเห็นแล้ว จะไม่เลื่อมใส
[๒๑] พระพุทธเจ้า ทรงมีพระคุณหาผู้เปรียบมิได้
เปรียบดังภูเขาหิมพานต์ (และ) เปรียบดังสาครที่ข้ามได้ยาก
ฌานของพระพุทธเจ้า ก็ฉันนั้น
ใครเล่าเห็นแล้วจะไม่เลื่อมใส
[๒๒] แผ่นดินที่หาประมาณมิได้
มาลัยประดับศีรษะอย่างวิจิตรฉันใด
ศีลของพระพุทธเจ้า ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
ใครเล่าเห็นแล้วจะไม่เลื่อมใส
[๒๓] ลมที่ใคร ๆ ทำให้ปั่นป่วนไม่ได้
อากาศที่ใคร ๆ นับไม่ได้ ฉันใด
พระญาณของพระพุทธเจ้าก็ฉันนั้น
ใครเล่าเห็นแล้วจะไม่เลื่อมใส

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๐๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๗. สกจิตตนิยวรรค] ๕. ภิสทายกเถราปทาน
[๒๔] พราหมณ์ชื่อว่าโสณะ ได้สรรเสริญพระพุทธเจ้า
ผู้ประเสริฐที่สุด พระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้ไม่ทรงพ่ายแพ้ ด้วย ๔ คาถาเหล่านี้
[๒๕] ข้าพเจ้าไม่ไปเกิดยังทุคติ ๙๔ กัป
ได้เสวยสมบัติที่ดีงามมิใช่น้อย ในสุคติทั้งหลาย
[๒๖] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้สรรเสริญพระพุทธเจ้า ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลกไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการสรรเสริญ
[๒๗] ในกัปที่ ๑๔ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๔ ชาติ ผู้สูงศักดิ์
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๒๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปรัปปสาทกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปรัปปสาทกเถราปทานที่ ๔ จบ

๕. ภิสทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระภิสทายกเถระ
(พระภิสทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๙] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าเวสสภู
เป็นองค์ที่ ๓ แห่งพระผู้มีพระภาคผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
พระองค์เป็นผู้สูงสุดแห่งบุรุษ เสด็จเข้าป่าดงทึบ แล้วประทับอยู่
[๓๐] ข้าพเจ้าได้ถือเหง้าบัวและรากบัวไปในสำนักของพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเลื่อมใสแล้วได้ถวายเหง้าบัวและรากบัวนั้น
แด่พระพุทธเจ้า ด้วยมือของตน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๐๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๗. สกจิตตนิยวรรค] ๖. สุจินติตเถราปทาน
[๓๑] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าเวสสภู ผู้มีปัญญาประเสริฐ
ทรงแตะเหง้าบัวและรากบัวด้วยพระหัตถ์
ข้าพเจ้าไม่รู้จักความสุขที่เสมอด้วยความสุขนั้น
และความสุขที่ยิ่งไปกว่าความสุขนั้น แต่ที่ไหนเลย
[๓๒] อัตภาพสุดท้ายของข้าพเจ้ากำลังเป็นไปอยู่
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[๓๓] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายเหง้าบัวและรากบัว
[๓๔] ในกัปที่ ๑๓ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ
เป็นใหญ่ในหมู่มนุษย์ มีพลานุภาพมาก
[๓๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระภิสทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ภิสทายกเถราปทานที่ ๕ จบ

๖. สุจินติตเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสุจินติตเถระ
(พระสุจินติตเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๖] ข้าพเจ้าเป็นนายพรานผู้ท่องเที่ยวอยู่ที่ซอกภูเขา
ดุจพญาไกรสรมีชาติสูง
ฆ่าหมู่เนื้อเลี้ยงชีวิตอยู่ในระหว่างภูเขา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๐๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๗. สกจิตตนิยวรรค] ๖. สุจินติตเถราปทาน
[๓๗] ส่วนพระผู้มีพระภาคพระนามว่าอัตถทัสสี
ทรงเป็นสัพพัญญู ประเสริฐกว่าเจ้าลัทธิทั้งหลาย
พระองค์ประสงค์จะช่วยเหลือข้าพเจ้า จึงเสด็จมายังภูเขาที่อุดม
[๓๘] ข้าพเจ้าฆ่าเนื้อฟานแล้วนำมากิน
สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จภิกขาจารใกล้เข้ามา
[๓๙] ข้าพเจ้าได้เลือกหยิบเนื้ออย่างดีถวายพระศาสดาพระองค์นั้น
ในครั้งนั้น พระมหาวีรเจ้าทรงอนุโมทนาช่วยทำให้ข้าพเจ้าสงบเย็น
[๔๐] ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น ข้าพเจ้าเข้าไปในซอกเขา
ยังปีติให้เกิดขึ้นแล้ว ได้สิ้นชีวิต ณ ที่นั้น
[๔๑] ด้วยการถวายเนื้อนั้นและด้วยการตั้งจิตไว้มั่น
ข้าพเจ้าได้รื่นรมย์อยู่ในเทวโลก ๑๑๕ กัป
[๔๒] ในกัปทั้งหลายที่เหลือ
ข้าพเจ้าทำกุศลไว้ ด้วยการถวายเนื้อนั่นเอง
และด้วยการระลึกถึงพระพุทธเจ้า
[๔๓] ในกัปที่ ๓๘ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๘ ชาติ มีพระนามว่าทีฆายุ
ในกัปที่ ๑๖๐ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๒ ชาติ มีพระนามว่าสรณะ
[๔๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสุจินติตเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สุจินติตเถราปทานที่ ๖ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๐๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๗. สกจิตตนิยวรรค] ๗. วัตถทายกเถราปทาน
๗. วัตถทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระวัตถทายกเถระ
(พระวัตถทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๕] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเกิดเป็นพญาครุฑชาติปักษี มีปีกงาม
ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
เสด็จไปยังภูเขาคันธมาทน์
[๔๖] ข้าพเจ้าละเพศครุฑแล้ว แปลงร่างเป็นมาณพ
ถวายผ้าผืนหนึ่งแด่พระพุทธเจ้า
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่
[๔๗] พระพุทธเจ้าผู้ศาสดาทรงเป็นผู้นำชั้นเลิศของโลก
ทรงรับผ้าผืนนั้นแล้ว ประทับยืนอยู่ในอากาศ
ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
[๔๘] ด้วยการถวายผ้านี้และด้วยการตั้งจิตไว้มั่น
ผู้นี้ละกำเนิดครุฑแล้ว จักรื่นรมย์อยู่ในเทวโลก
[๔๙] ส่วนพระผู้มีพระภาคพระนามว่าอัตถทัสสี
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
ทรงสรรเสริญการถวายผ้าเป็นทานแล้ว
บ่ายพระพักตร์เสด็จหลีกไปทางทิศเหนือ
[๕๐] ในภพที่ข้าพเจ้าเกิด ข้าพเจ้ามีผ้าสมบูรณ์
ผ้าเป็นหลังคาอยู่ในอากาศ
นี้เป็นผลแห่งการถวายผ้า
[๕๑] ในกัปที่ ๓๖ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ ชาติ พระนามว่าอรุณสะ
มีพลานุภาพมาก เป็นใหญ่ในหมู่มนุษย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๐๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๗. สกจิตตนิยวรรค] ๘. อัมพทายกเถราปทาน
[๕๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระวัตถทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
วัตถทายกเถราปทานที่ ๗ จบ

๘. อัมพทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอัมพทายกเถระ
(พระอัมพทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕๓] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าอโนมทัสสี
ผู้ไม่มีอุปธิ ประทับนั่งอยู่ระหว่างภูเขา
ได้ทรงแผ่เมตตาไปในสัตว์โลกหาประมาณมิได้
[๕๔] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นวานร อยู่ที่ภูเขาหิมพานต์ที่สูงสุด
ได้เห็นพระพุทธเจ้า ผู้มีพระคุณอันยิ่งไม่ต่ำทราม
จึงทำจิตให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า
[๕๕] เวลานั้น ต้นมะม่วงกำลังเผล็ดผล
มีอยู่ไม่ไกลภูเขาหิมพานต์
ข้าพเจ้าได้ไปเก็บผลมะม่วงสุกจากต้นมะม่วงนั้นมาถวายพร้อมน้ำผึ้ง
[๕๖] พระพุทธเจ้าผู้มหามุนีพระนามว่าอโนมทัสสี
ทรงพยากรณ์การถวายนั้นของข้าพเจ้าว่า
ด้วยการถวายน้ำผึ้งและน้ำมะม่วงทั้ง ๒ นี้
[๕๗] ผู้นี้จักรื่นรมย์อยู่ในเทวโลก ๕๗ กัป
ในกัปทั้งหลายที่เหลือ จักเวียนว่ายตายเกิดสลับกันไป
[๕๘] เมื่อความเจริญเต็มที่แล้ว เขาทำบาปกรรมให้สิ้นไปแล้ว
จักไม่ไปตกวินิบาตนรก เผากิเลสให้มอดไหม้ไปได้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๑๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๗. สกจิตตนิยวรรค] ๙. สุมนเถราปทาน
[๕๙] ข้าพเจ้าเป็นผู้ที่พระผู้มีพระภาค
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ทรงฝึกแล้ว
ด้วยการฝึกอย่างสูงสุด ข้าพเจ้าผู้ละความชนะ๑
และความแพ้ได้แล้ว๒บรรลุฐานะที่ไม่หวั่นไหว
[๖๐] ในกัปที่ ๑๗๗ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๔ ชาติ
มีพระนามว่าอัมพัฏฐชัย มีพลานุภาพมาก
[๖๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอัมพทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อัมพทายกเถราปทานที่ ๘ จบ

๙. สุมนเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสุมนเถระ
(พระสุมนเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๖๒] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นช่างดอกไม้ มีนามว่าสุมนะ
ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
ผู้สมควรรับเครื่องบูชาของชาวโลก
[๖๓] จึงใช้มือทั้ง ๒ ประคองดอกมะลิชั้นดี
บูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่าสิขี ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก
[๖๔] ด้วยการบูชาด้วยดอกไม้นี้
และด้วยการตั้งเจตนาไว้มั่น

เชิงอรรถ :
๑ ดูเชิงอรรถข้อ ๙ หน้า ๒๐๓ ในเล่มนี้
๒ ดูเชิงอรรถข้อ ๙ หน้า ๒๐๓ ในเล่มนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๑๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๗. สกจิตตนิยวรรค] ๑๐. ปุปผจังโกฏิยเถราปทาน
ข้าพเจ้าจึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๖๕] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๖๖] ในกัปที่ ๒๖ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๔ ชาติ
มียศยิ่งใหญ่สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ
[๖๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสุมนเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สุมนเถราปทานที่ ๙ จบ

๑๐. ปุปผจังโกฏิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปุปผจังโกฏิยเถระ
(พระปุปผจังโกฏิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๖๘] พระพุทธเจ้าพระนามว่าสิขี ผู้ประเสริฐ
ทรงเป็นดุจราชสีห์ ตัวไม่ครั่นคร้าม
ดุจพญาครุฑเลิศกว่านกทั้งหลาย
ดุจพญาเสือโคร่งตัวองอาจ ดุจพญาไกรสรมีชาติสูง
[๖๙] พระองค์ผู้เป็นที่พึ่งของทั้ง ๓ โลก ไม่ทรงหวั่นไหว
ไม่ทรงพ่ายแพ้เลิศกว่าบรรดาสมณะ
ประทับนั่งมีหมู่ภิกษุห้อมล้อม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๑๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๗. สกจิตตนิยวรรค] ๑๐. ปุปผจังโกฏิยเถราปทาน
[๗๐] ข้าพระองค์นำดอกอังกาบชั้นดีใส่ไว้ในผอบ
ได้บูชาพระพุทธเจ้าประเสริฐที่สุดด้วยทั้งผอบใหญ่นั่นเอง
[๗๑] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์
ทรงองอาจกว่านรชน
ข้าพระองค์ละความชนะและความแพ้ได้แล้ว๑
บรรลุฐานะที่ไม่หวั่นไหว๒ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น
[๗๒] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๗๓] ในกัปที่ ๓๐ ถ้วน (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕ ชาติ
มีพระนามว่าเทวภูติ สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ
[๗๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปุปผจังโกฏิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปุปผจังโกฏิยเถราปทานที่ ๑๐ จบ
สกจิตตนิยวรรคที่ ๗ จบบริบูรณ์

เชิงอรรถ :
๑ ดูเชิงอรรถข้อ ๙ หน้า ๒๐๓ ในเล่มนี้
๒ ดูเชิงอรรถข้อ ๙ หน้า ๒๐๓ ในเล่มนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๑๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๗. สกจิตตนิยวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. สกจิตตนิยเถราปทาน ๒. อาโปปุปผิยเถราปทาน
๓. ปัจจาคมนิยเถราปทาน ๔. ปรัปปสาทกเถราปทาน
๕. ภิสทายกเถราปทาน ๖. สุจินติตเถราปทาน
๗. วัตถทายกเถราปทาน ๘. อัมพทายกเถราปทาน
๙. สุมนเถราปทาน ๑๐. ปุปผจังโกฏิยเถราปทาน

คาถาอันแสดงอรรถที่ท่านกล่าวไว้แล้วนับได้ ๗๑ คาถา ฉะนี้แล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๑๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๘. นาคสมาลวรรค] ๑. นาคสมาลเถราปทาน
๘. นาคสมาลวรรค
หมวดว่าด้วยพระนาคสมาละเป็นต้น
๑. นาคสมาลเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระนาคสมาลเถระ
(พระนาคสมาลเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ข้าพเจ้าเก็บดอกแคฝอยไปบูชาที่พระสถูป
ของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิขี
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก
ซึ่งมหาชนสร้างไว้ที่หนทางใหญ่ โดยเอื้อเฟื้อ
[๒] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระสถูป
[๓] ในกัปที่ ๑๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าปุปผิยะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระนาคสมาลเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
นาคสมาลเถราปทานที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๑๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๘. นาคสมาลวรรค] ๓. สุสัญญกเถราปทาน
๒. ปทสัญญกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปทสัญญกเถระ
(พระปทสัญญกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕] ข้าพเจ้าได้เห็นรอยพระบาทที่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าติสสะ
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระอาทิตย์ ทรงประทับไว้แล้ว
จึงเป็นผู้มีจิตร่าเริงเบิกบาน ทำจิตให้เลื่อมใสในรอยพระบาท
[๖] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ความทรงจำในรอยพระบาทในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งความทรงจำในรอยพระบาท
[๗] ในกัปที่ ๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าสุเมธะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปทสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปทสัญญกเถราปทานที่ ๒ จบ

๓. สุสัญญกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสุสัญญกเถระ
(พระสุสัญญกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๙] ข้าพเจ้าได้เห็นผ้าบังสุกุลจีวรของพระศาสดา
แขวนอยู่บนยอดไม้ จึงได้ประนมมือไปทางนั้น
ไหว้ผ้าบังสุกุลจีวร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๑๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๘. นาคสมาลวรรค] ๔. ภิสาลุวทายกเถราปทาน
[๑๐] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งความทรงจำในผ้าบังสุกุลจีวร
[๑๑] ในกัปที่ ๔ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์จักรพรรดิพระนามว่าทุมหระ
ทรงเป็นใหญ่ มีชัยชนะในทวีปทั้ง ๔ มีพลานุภาพมาก
[๑๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสุสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สุสัญญกเถราปทานที่ ๓ จบ

๔. ภิสาลุวทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระภิสาลุวทายกเถระ
(พระภิสาลุวทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๓] ข้าพเจ้าเข้าไปยังป่าใหญ่ดงทึบ อยู่ในป่า
ได้พบพระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ผู้สมควรรับเครื่องบูชา
[๑๔] ข้าพเจ้าจึงได้ถวายเหง้าบัว หัวมัน
และน้ำสำหรับล้างพระหัตถ์
ถวายอภิวาทพระยุคลบาทด้วยเศียรเกล้าแล้ว
บ่ายหน้าหลีกไปทางทิศเหนือ
[๑๕] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายเหง้าบัวและหัวมันไว้ในครั้งนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๑๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๘. นาคสมาลวรรค] ๕. เอกสัญญกเถราปทาน
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งบุญกรรม
[๑๖] และในกัปที่ ๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าภิสสัมมตะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระภิสาลุวทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ภิสาลุวทายกเถราปทานที่ ๔ จบ
ภาณวาร ที่ ๖ จบ

๕. เอกสัญญกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเอกสัญญกเถระ
(พระเอกสัญญกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๘] ได้มีอัครสาวกนามว่าขัณฑะ ของพระวิปัสสีพุทธเจ้า
ผู้สมควรรับเครื่องบูชาของชาวโลก
ข้าพเจ้าถวายภิกษาทัพพีหนึ่งแก่ท่าน
[๑๙] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์
ผู้องอาจกว่านรชน ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายภิกษาทัพพีหนึ่ง
[๒๐] ในกัปที่ ๔๐ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าวรุณ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๑๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๘. นาคสมาลวรรค] ๖. ติณสันถารทายกเถราปทาน
[๒๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเอกสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เอกสัญญกเถราปทานที่ ๕ จบ

๖. ติณสันถารทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระติณสันถารทายกเถระ
(พระติณสันถารทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๒] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมพานต์
มีสระธรรมชาติสระใหญ่อยู่สระหนึ่ง
ดารดาษไปด้วยดอกบัวสตบงกช
เป็นที่อาศัยของนกต่าง ๆ
[๒๓] ข้าพเจ้าอาบและดื่มน้ำในสระนั้นแล้ว พักอยู่ไม่ไกล
ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้เลิศกว่าสมณะ เสด็จเหาะไปในอากาศ
[๒๔] พระศาสดาผู้ยอดเยี่ยมในโลก
ทรงทราบความดำริของข้าพเจ้าแล้ว เสด็จลงจากอากาศ
ประทับยืนอยู่บนแผ่นดินในขณะนั้น
[๒๕] ข้าพเจ้าได้ใช้เคียวเกี่ยวหญ้ามาถวายทำเป็นที่ประทับนั่ง
พระผู้มีพระภาคผู้เป็นใหญ่ในโลกทั้ง ๓
ทรงเป็นผู้นำ ได้ประทับนั่ง ณ ที่นั้น
[๒๖] ข้าพเจ้าทำจิตของตนให้เลื่อมใส
ได้กราบไหว้พระองค์ ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
ย่อลงนั่งกระโหย่งเพ่งดูพระมหามุนี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๑๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๘. นาคสมาลวรรค] ๗. สูจิทายกเถราปทาน
[๒๗] ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น
ข้าพเจ้าจึงได้ไปเกิดยังสวรรค์ชั้นนิมมานรดี
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายเครื่องลาดหญ้า
[๒๘] ในกัปที่ ๒ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่ามิตตสัมมตะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๒๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระติณสันถารทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ติณสันถารทายกเถราปทานที่ ๖ จบ

๗. สูจิทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสูจิทายกเถระ
(พระสูจิทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๐] ในกัปที่ ๓๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
พระนามว่าสุเมธะ ตามพระโคตร
มีพระลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ ประการ๑
[๓๑] ข้าพเจ้าได้ถวายเข็ม ๕ เล่ม เพื่อประโยชน์แก่การเย็บจีวร
แด่พระองค์ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่

เชิงอรรถ :
๑ ดูเชิงอรรถหน้า ๑๔๒ ในเล่มนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๒๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๘. นาคสมาลวรรค] ๘. ปาฏลิปุปผิยเถราปทาน
[๓๒] ด้วยการถวายเข็มนั้นนั่นแล
ญาณเป็นเครื่องเห็นแจ้งอรรถที่ละเอียดคมกล้า
เกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้ารวดเร็วและโดยง่าย
[๓๓] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าทรงร่างกายอันมีในภพสุดท้ายอยู่
ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[๓๔] ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๔ ชาติ
พระนามว่าทิปทาธิบดี
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๓๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสูจิทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สูจิทายกเถราปทานที่ ๗ จบ

๘. ปาฏลิปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปาฏลิปุปผิยเถระ
(พระปาฏลิปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๖] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
ผู้เช่นกับทองคำมีค่า มีพระลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ ประการ
ซึ่งกำลังเสด็จไปในระหว่างร้านตลาด
[๓๗] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นบุตรเศรษฐีสุขุมาลชาติ
ดำรงอยู่ในความสุข ได้นำดอกแคฝอยที่ห่อใส่พก
ออกบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๒๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๘. นาคสมาลวรรค] ๙. ฐิตัญชลิยเถราปทาน
[๓๘] ข้าพเจ้ามีจิตร่าเริงเบิกบาน บูชาพระองค์ด้วยดอกไม้
นอบน้อมพระพุทธเจ้าพระนามว่าติสสะ ผู้รู้แจ้งโลก
ทรงเป็นที่พึ่ง เป็นเทพของนรชน
[๓๙] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาด้วยดอกไม้
[๔๐] ในกัปที่ ๖๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าอภิสัมมตะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๔๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปาฏลิปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปาฏลิปุปผิยเถราปทานที่ ๘ จบ

๙. ฐิตัญชลิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระฐิตัญชลิยเถระ
(พระฐิตัญชลิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๒] เมื่อก่อน ข้าพเจ้าเป็นพรานเนื้ออยู่ในป่าดงทึบ
ได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้มีพระลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ ประการ ในป่านั้น
[๔๓] ณ ที่นั้น ข้าพเจ้ากระทำอัญชลีแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ประทับนั่งอยู่บนเครื่องลาดใบไม้ประจำ ในที่ไม่ไกล
แล้วบ่ายหน้าหลีกไปทางทิศตะวันออก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๒๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๘. นาคสมาลวรรค] ๑๐. ติปทุมิยเถราปทาน
[๔๔] ลำดับนั้น อสนีบาตได้ตกลงบนกระหม่อมของข้าพเจ้า
ในครั้งนั้น เวลาใกล้ตาย ข้าพเจ้านั้นได้กระทำอัญชลีอีกครั้งหนึ่ง
[๔๕] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้กระทำอัญชลีไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการกระทำอัญชลี
[๔๖] ในกัปที่ ๕๔ (นัปจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่ามิคเกตุ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๔๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระฐิตัญชลียเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ฐิตัญชลิยเถราปทานที่ ๙ จบ

๑๐. ติปทุมิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระติปทุมิยเถระ
(พระติปทุมิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๘] ครั้งนั้น พระชินเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
ทรงถึงความสำเร็จแห่งธรรมทั้งปวง๑ ทรงฝึกพระองค์แล้ว
มีสาวกผู้ฝึกตนแวดล้อมแล้ว เสด็จออกจากนคร
[๔๙] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้เป็นช่างดอกไม้ อยู่ในกรุงหงสวดี
ได้ถือดอกปทุม ๓ ดอก ซึ่งเป็นดอกไม้ชั้นดีเยี่ยมในกรุงนั้น

เชิงอรรถ :
๑ ธรรมทั้งปวง หมายถึงโลกุตตรธรรม ๙ (ขุ.อป.อ. ๒/๔๘/๑๒๗)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๒๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๘. นาคสมาลวรรค] ๑๐. ติปทุมิยเถราปทาน
[๕๐] ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
กำลังเสด็จสวนทางมาในระหว่างร้านตลาด
พร้อมกับการได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
จึงคิดอย่างนี้ในเวลานั้นว่า
[๕๑] ประโยชน์อะไรของเรากับดอกไม้เหล่านี้
ที่เราใช้บำรุงพระราชา
เราพึงได้บ้าน คามเขต หรือทรัพย์พันหนึ่งเท่านั้น
[๕๒] เราบูชาพระพุทธเจ้า ผู้ฝึกคนที่มิได้ฝึกตน
ผู้มีความเพียร ทรงนำสุขมาให้แก่สัตว์ทั้งปวง
ทรงเป็นที่พึ่งของสัตว์โลกแล้ว จักได้ทรัพย์อันเป็นอมตะ
[๕๓] ข้าพเจ้าครั้นคิดอย่างนี้แล้ว จึงทำจิตของตนให้เลื่อมใส
จับดอกบัวแดง ๓ ดอกโยนขึ้นไปในอากาศ ในครั้งนั้น
[๕๔] พอข้าพเจ้าโยนขึ้นไป
ดอกบัวแดงเหล่านั้นก็แผ่(ขยายกลีบ)อยู่ในอากาศ
ขั้วชี้ขึ้นข้างบน ดอกย้อยลงข้างล่าง
กั้นอยู่เหนือพระเศียรในอากาศ
[๕๕] หมู่มนุษย์ที่เห็นแล้วพากันโห่ร้องเกรียวกราว
ทั้งเทวดาในอากาศก็พากันแซ่ซ้องสาธุการว่า
[๕๖] ความอัศจรรย์เกิดขึ้นแล้วในโลก
เพราะอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
เราทั้งหมดจักฟังธรรม อานุภาพแห่งดอกไม้
[๕๗] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมุตตระ
ทรงรู้แจ้งโลก ผู้สมควรรับเครื่องบูชา
ประทับยืนอยู่ที่ถนนนั่นเอง ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
[๕๘] เราจักพยากรณ์มาณพผู้ที่ได้บูชาพระพุทธเจ้าด้วยดอกบัวแดง
ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าวเถิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๒๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๘. นาคสมาลวรรค] ๑๐. ติปทุมิยเถราปทาน
[๕๙] มาณพนั้น จักรื่นรมย์ในเทวโลกตลอด ๓๐,๐๐๐ กัป
และจักเป็นจอมเทพครองเทวสมบัติ ๓๐ ชาติ
[๖๐] ครั้งนั้น จักมีวิมานชื่อมหาวิตถาริกะ
สูง ๓๐๐ โยชน์ กว้าง ๑๕๐ โยชน์
[๖๑] ป้อม ๔๐๐,๐๐๐ ป้อม ประกอบด้วยเรือนยอดชั้นดี
ประดับด้วยที่นอนใหญ่ ที่บุญกรรมสร้างไว้ดีแล้ว
[๖๒] นางเทพอัปสร ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
ฉลาดในการฟ้อนรำ การขับร้อง
และชำนาญในการประโคม จักแวดล้อมเขา
[๖๓] ครั้งนั้น ฝนดอกไม้ทิพย์สีแดง จักตกลงในวิมานที่ประเสริฐ
ซึ่งคับคั่งด้วยหมู่เทพนารี เช่นนั้น
[๖๔] ดอกบัวแดงโตประมาณเท่าล้อ จักแขวนอยู่
ที่ตะปูฝา ที่ไม้ฟันนาค ที่บานประตู
และที่เสาระเนียด ในครั้งนั้น
[๖๕] นางเทพอัปสรทั้งหลายใช้กลีบบัวปูลาดวิมานนี้แล้ว
จักนุ่งห่มกลีบบัว
นอนกลิ้งเกลือกอยู่ภายในวิมานที่ประเสริฐซึ่งลาดด้วยกลีบบัว
[๖๖] ดอกบัวแดงล้วนเหล่านั้น แวดล้อมวิมาน
ส่งกลิ่นหอมอบอวลคล้ายกลิ่นทิพย์ฟุ้งไป
ในที่ประมาณ ๑๐๐ โยชน์โดยรอบ
[๖๗] มาณพนี้ จักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗๕ ชาติ
จักเป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์นับชาติไม่ถ้วน
[๖๘] เขาได้เสวยสมบัติทั้ง ๒ แล้ว มีความสวัสดี ไม่มีอุปัทวะ
เมื่อภพสุดท้ายมาถึงแล้วจักบรรลุนิพพาน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๒๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๘. นาคสมาลวรรค] ๑๐. ติปทุมิยเถราปทาน
[๖๙] พระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าได้เห็นดีแล้วหนอ
พาณิชยกรรม ข้าพเจ้าก็ประกอบแล้ว
ข้าพเจ้าใช้ดอกบัว ๓ ดอกบูชาแล้ว ได้เสวยสมบัติ ๓ ประการ
[๗๐] ดอกบัวแดงบานงดงาม จักกั้นอยู่เหนือศีรษะของข้าพเจ้า
ผู้ได้บรรลุธรรมแล้ว หลุดพ้นแล้วโดยประการทั้งปวง ในวันนี้
[๗๑] เมื่อพระศาสดาพระนามว่าปทุมุตตระ
ทรงแสดงผลกรรมของข้าพเจ้า
เหล่าสัตว์หลายร้อย หลายพันได้บรรลุธรรมแล้ว
[๗๒] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้บูชาพระพุทธเจ้าไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาด้วยดอกบัว ๓ ดอก
[๗๓] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
อาสวะทั้งปวงสิ้นไปแล้ว
บัดนี้ ภพใหม่ไม่มีอีก
[๗๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระติปทุมิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ติปทุมิยเถราปทานที่ ๑๐ จบ
นาคสมาลวรรคที่ ๘ จบบริบูรณ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๒๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๘. นาคสมาลวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. นาคสมาลเถราปทาน ๒. ปทสัญญกเถราปทาน
๓. สุสัญญกเถราปทาน ๔. ภิสาลุวทายกเถราปทาน
๕. เอกสัญญกเถราปทาน ๖. ติณสันถารทายกเถราปทาน
๗. สูจิทายกเถราปทาน ๘. ปาฏลิปุปผิยเถราปทาน
๙. ฐิตัญชลิยเถราปทาน ๑๐. ติปทุมิยเถราปทาน

และมีคาถา ๗๕ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๒๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๙. ติมิรปุปผิยวรรค] ๑. ติมิรปุปผิยเถราปทาน
๙. ติมิรปุปผิยวรรค
หมวดว่าด้วยพระติมิรปุปผิยะเป็นต้น
๑. ติมิรปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระติมิรปุปผิยเถระ
(พระติมิรปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ข้าพเจ้าเที่ยวไปตามกระแสน้ำ ใกล้ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา
ได้เห็นพระสมณะ ผู้ผ่องใสไม่ขุ่นมัว ประทับนั่งอยู่
[๒] ข้าพเจ้าจึงทำจิตให้เลื่อมใสในพระสมณะนั้นแล้ว
จึงได้คิดอย่างนี้ในครั้งนั้นว่า พระผู้มีพระภาคนี้
ทรงข้ามเองแล้ว จักช่วยสรรพสัตว์ให้ข้าม(วัฏสงสาร)
ทรงฝึกตนเองแล้ว จักทรงฝึกสรรพสัตว์
[๓] ทรงเบาพระทัยเองแล้ว จักทรงช่วยสรรพสัตว์ให้เบาใจ
ทรงสงบเองแล้ว จักทรงช่วยสรรพสัตว์ให้สงบ
ทรงพ้นเองแล้ว จักทรงช่วยสรรพสัตว์ให้พ้น
ทรงสงบเย็นเองแล้ว จักทรงช่วยสรรพสัตว์ให้สงบเย็น
[๔] ข้าพเจ้าครั้นคิดอย่างนี้แล้ว ได้ถือดอกดีหมี
มาโปรยเหนือพระเศียรของพระพุทธเจ้า
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่พระนามว่าสิทธัตถะ ในครั้งนั้น
[๕] ข้าพเจ้าประคองอัญชลีและทำประทักษิณพระองค์
กราบพระยุคลบาทของพระศาสดาแล้ว จึงหลีกไปยังทิศอื่น
[๖] พญาเนื้อได้เบียดเบียนข้าพเจ้า ผู้พอไปแล้วไม่นาน
ข้าพเจ้าเดินไปตามริมเหว ได้ตกลงไป(ตาย)ในเหวนั้นนั่นเอง
[๗] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๒๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๙. ติมิรปุปผิยวรรค] ๒. คตสัญญกเถราปทาน
[๘] ในกัปที่ ๕๖ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ ชาติ พระนามว่ามหายสะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระติมิรปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ติมิรปุปผิยเถราปทานที่ ๑ จบ

๒. คตสัญญกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระคตสัญญกเถระ
(พระคตสัญญกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๐] ข้าพเจ้ามีอายุไว้ ๗ ขวบ ก็ได้ออกบวชเป็นบรรพชิต
มีจิตผ่องใส ได้กราบพระยุคลบาทของพระศาสดา
[๑๑] ข้าพเจ้าได้โยนดอกดิน๑ ๗ ดอกไปในอากาศ
อุทิศเฉพาะพระพุทธเจ้าพระนามว่าติสสะ
ผู้ทรงพระคุณหาที่สุดมิได้ดังสาคร
[๑๒] ข้าพเจ้ามีใจร่าเริง เลื่อมใสแล้ว
บูชาหนทางที่พระสุคตเสด็จดำเนินไป
ได้ประนมมือทั้ง ๒ ของตนไหว้พระสุคต
[๑๓] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า

เชิงอรรถ :
๑ ดอกดิน หมายถึงดอกไม้ที่เกิดในพื้นที่นา (ขุ.อป.อ. ๒/๑๐/๑๒๙)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๒๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๙. ติมิรปุปผิยวรรค] ๓. นิปันนัญชลิกเถราปทาน
[๑๔] ในกัปที่ ๘ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓ ชาติ พระนามว่าอัคคิสิขะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระคตสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
คตสัญญกเถราปทานที่ ๒ จบ

๓. นิปันนัญชลิกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระนิปันนัญชลิกเถระ
(พระนิปันนัญชลิกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๖] ข้าพเจ้าเป็นไข้หนัก นั่งพักอยู่ที่โคนต้นไม้
ถึงอาการน่าสงสารอย่างยิ่ง อยู่ในป่าใหญ่ดงทึบ
[๑๗] พระศาสดาพระนามว่าติสสะ ทรงอาศัยความอนุเคราะห์
จึงเสด็จมาหาข้าพเจ้า ข้าพเจ้านั้นนอนอยู่
ได้ประนมมือไว้เหนือเศียรเกล้า
[๑๘] ข้าพเจ้าเป็นผู้มีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ได้ถวายอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้สูงสุดแห่งสรรพสัตว์
แล้วได้สิ้นชีวิตในที่นั้น
[๑๙] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้กราบไหว้พระพุทธเจ้า ทรงเป็นบุรุษผู้สูงสุด
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการกราบไหว้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๓๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๙. ติมิรปุปผิยวรรค] ๔. อโธปุปผิยเถราปทาน
[๒๐] ในกัปที่ ๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕ ชาติ พระนามว่ามหาสิขะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๒๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระนิปันนัญชลิกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
นิปันนัญชลิกเถราปทานที่ ๓ จบ

๔. อโธปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอโธปุปผิยเถระ
(พระอโธปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๒] ภิกษุชื่ออภิภูนั้น ได้วิชชา ๓ มีอานุภาพมาก
เป็นอัครสาวกของพระพุทธเจ้าพระนามว่าสิขี
เข้าไปยังภูเขาหิมพานต์
[๒๓] ครั้งนั้น แม้ข้าพเจ้าก็บวชเป็นฤๅษี
เป็นผู้ชำนาญในอัปปมัญญาและฤทธิ์
อาศัยอยู่ในอาศรมที่น่ารื่นรมย์ ใกล้ภูเขาหิมพานต์
[๒๔] ข้าพเจ้าปรารถนาภูเขาอย่างยิ่ง
เปรียบเหมือนนกในอากาศปรารถนาอากาศฉะนั้น
ข้าพเจ้าเก็บดอกไม้ที่เชิงภูเขาแล้วจึงมายังภูเขา
[๒๕] ข้าพเจ้าหยิบดอกไม้ ๗ ดอก
มาโปรยลงเหนือศีรษะ(ของพระเถระ)
ผู้อันพระภิกษุผู้มีความแกล้วกล้าแลดู
ก็บ่ายหน้าหลีกไปทางทิศตะวันออก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๓๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๙. ติมิรปุปผิยวรรค] ๕. รังสิสัญญกเถราปทาน
[๒๖] ข้าพเจ้าถึงอาศรมแล้ว จัดแจงที่อยู่
คอนสาแหรกบริขาร เดินไปตามระหว่างภูเขา
[๒๗] งูเหลือมเป็นสัตว์ร้ายกาจ มีกำลังมาก ได้รัดข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าระลึกถึงบุพกรรม แล้วได้สิ้นชีวิตในที่นั้นเอง
[๒๘] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาด้วยดอกไม้
[๒๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอโธปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อโธปุปผิยเถราปทานที่ ๔ จบ

๕. รังสิสัญญกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระรังสิสัญญกเถระ
(พระรังสิสัญญกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๐] เมื่อก่อน ข้าพเจ้าอาศัยอยู่ที่ภูเขาหิมพานต์
นุ่งห่มหนังสัตว์อยู่ในซอกภูเขา
[๓๑] ข้าพเจ้าได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
มีพระรัศมีรุ่งเรืองดุจดวงอาทิตย์ เสด็จเข้าแนวป่า
งดงามเหมือนต้นพญาไม้สาละมีดอกบานสะพรั่ง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๓๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๙. ติมิรปุปผิยวรรค] ๖. ทุติยรังสิสัญญกเถราปทาน
[๓๒] ข้าพเจ้าจึงทำจิตให้เลื่อมใสในพระรัศมี
ของพระวิปัสสีพุทธเจ้าผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่แล้ว
นั่งกระโหย่งประคองอัญชลีเหนือศีรษะไหว้แล้ว
[๓๓] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งความทรงจำในรัศมี
[๓๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระรังสิสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
รังสิสัญญกเถราปทานที่ ๕ จบ

๖. ทุติยรังสิสัญญกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระทุติยรังสิสัญญกเถระ
(พระทุติยรังสิสัญญกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๕] ข้าพเจ้านุ่งผ้าเปลือกไม้ อาศัยอยู่ที่ภูเขาหิมพานต์
ขึ้นสู่ที่จงกรมแล้ว นั่งผินหน้าไปทางทิศตะวันออก
[๓๖] ข้าพเจ้าได้เห็นพระสุคตพระนามว่าผุสสะ
ผู้ยินดีในฌานทุกเมื่อ บนภูเขา
จึงประนมมือแล้วทำจิตให้เลื่อมใสในพระรัศมี
[๓๗] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งความทรงจำในรัศมี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๓๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๙. ติมิรปุปผิยวรรค] ๗. ผลทายกเถราปทาน
[๓๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระทุติยรังสิสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
ทุติยรังสิสัญญกเถราปทานที่ ๖ จบ

๗. ผลทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระผลทายกเถระ
(พระผลทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๙] ข้าพเจ้านุ่งห่มหนังสัตว์ขรุขระ อาศัยอยู่ที่ภูเขาหิมพานต์
ได้เห็นพระชินเจ้าผู้ประเสริฐพระนามว่าผุสสะ
จึงได้ถือผลไม้ไปถวาย
[๔๐] ข้าพเจ้ามีจิตผ่องใส ได้ถวายผลไม้ใดไว้
ผลไม้นั้นก็บังเกิดแก่ข้าพเจ้า ในภพที่ข้าพเจ้าบังเกิดแล้ว
[๔๑] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายผลไม้ไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้
[๔๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระผลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ผลทายกเถราปทานที่ ๗ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๓๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๙. ติมิรปุปผิยวรรค] ๙. โพธิสิญจกเถราปทาน
๘. สัททสัญญกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสัททสัญญกเถระ
(พระสัททสัญญกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๓] ข้าพเจ้าอยู่ ณ ที่ลาดด้วยใบไม้ ที่ภูเขาหิมพานต์
ข้าพเจ้าทำจิตให้เลื่อมใสในพระสุรเสียงของพระผู้มีพระภาค
พระนามว่าผุสสะ ซึ่งกำลังตรัสธรรมอยู่
[๔๔] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งบุญกรรม
[๔๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสัททสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สัททสัญญกเถราปทานที่ ๘ จบ

๙. โพธิสิญจกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระโพธิสิญจกเถระ
(พระโพธิสิญจกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๖] ได้มีการฉลองต้นมหาโพธิ์
แห่งพระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
ในครั้งนั้น ข้าพเจ้าบวชอยู่ จึงเข้าไปใกล้ ๆ
[๔๗] ข้าพเจ้าได้ถือดอกโกสุมและน้ำไปโปรยและรดที่ต้นโพธิ์
ด้วยกล่าวว่า พระผู้มีพระภาคทรงหลุดพ้นแล้ว

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๓๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๙. ติมิรปุปผิยวรรค] ๑๐. ปทุมปุปผิยเถราปทาน
จักทรงช่วยพวกเราให้หลุดพ้น
ทรงสงบเย็นแล้ว จักทรงช่วยพวกเราให้สงบเย็น
[๔๘] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้รดน้ำต้นโพธิ์ไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการรดน้ำต้นโพธิ์
[๔๙] เมื่อกัปที่ ๓๓ กำลังเป็นไปอยู่
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๘ ชาติ
พระนามว่าอุทกเสจนะ ทรงเป็นใหญ่ในหมู่ชน
[๕๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระโพธิสิญจกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
โพธิสิญจกเถราปทานที่ ๙ จบ

๑๐. ปทุมปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปทุมปุปผิยเถระ
(พระปทุมปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕๑] ข้าพเจ้าเข้าไปยังสระบัว หักดอกบัวอยู่
ได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าผุสสะ
ผู้มีพระลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ ประการ
[๕๒] ข้าพเจ้าจับดอกปทุมโยนขึ้นไปในอากาศ (เพื่อบูชา)
ข้าพเจ้าระลึกถึงกรรมชั่วแล้ว จึงบวชเป็นบรรพชิต
[๕๓] ข้าพเจ้าครั้นบวชแล้ว มีกายและใจอันสำรวมดี
ละวจีทุจริต ชำระอาชีวะให้หมดจด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๓๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๙. ติมิรปุปผิยวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
[๕๔] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๕๕] ในกัปที่ ๑๘ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๘ ชาติ
พระนามว่าปทุมาภาส
และได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ๔๘ ชาติ
[๕๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปทุมปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปทุมปุปผิยเถราปทานที่ ๑๐ จบ
ติมิรปุปผิยวรรคที่ ๙ จบบริบูรณ์

รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. ติมิรปุปผิยเถราปทาน ๒. คตสัญญกเถราปทาน
๓. นิปันนัญชลิกเถราปทาน ๔. อโธปุปผิยเถราปทาน
๕. รังสิสัญญกเถราปทาน ๖. ทุติยรังสิสัญญกเถราปทาน
๗. ผลทายกเถราปทาน ๘. สัททสัญญกเถราปทาน
๙. โพธิสิญจกเถราปทาน ๑๐. ปทุมปุปผิยเถราปทาน

และท่านประกาศคาถาไว้ ๕๖ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๓๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๐. สุธาวรรค] ๑. สุธาปิณฑิยเถราปทาน
๑๐. สุธาวรรค
หมวดว่าด้วยพระสุธาปิณฑิยะเป็นต้น
๑. สุธาปิณฑิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสุธาปิณฑิยเถระ
(พระสุธาปิณฑิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] สำหรับบุคคลผู้บูชาพระพุทธเจ้า
พระปัจเจกพุทธเจ้า หรือสาวกของพระพุทธเจ้า ผู้ควรบูชา
ผู้ล่วงพ้นกิเลสเป็นเหตุเนิ่นช้า๑
ข้ามความเศร้าโศกและความร่ำไรได้แล้ว
[๒] (และ)สำหรับบุคคลผู้บูชาผู้ควรบูชาเหล่านั้น ผู้เช่นนั้น
ผู้ไม่มีภัยแต่ที่ไหน ๆ ซึ่งนิพพานแล้ว
ใคร ๆ ไม่อาจนับบุญได้ว่า บุญนี้มีประมาณเท่านี้
[๓] การที่บุคคลในโลกนี้ พึงครองความเป็นใหญ่แห่งทวีปทั้ง ๔๒
นั้นก็ยังไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งการบูชานี้เลย
[๔] ข้าพเจ้ามีใจผ่องใส
ได้ใส่ก้อนปูนขาวไว้ในระหว่างแผ่นอิฐที่พระเจดีย์
แห่งพระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ ผู้เป็นนระผู้เลิศ
[๕] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการปฏิสังขรณ์

เชิงอรรถ :
๑ กิเลสเป็นเหตุเนิ่นช้าหมายถึง ตัณหา มานะ ทิฏฐิ (ที.ม.อ. ๒/๓๓๖)
๒ ทวีปทั้ง ๔ หมายถึง ชมพูทวีป อปรโคยานทวีป อุตตรกุรุทวีป ปุพพวิเทหทวีป (ขุ.อป.อ. ๒/๓/๑๓๘)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๓๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๐. สุธาวรรค] ๒. สุปีฐิยเถราปทาน
[๖] ในกัปที่ ๓๐ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๓ ชาติ
พระนามว่าปฏิสังขาระ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ
[๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสุธาปิณฑิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สุธาปิณฑิยเถราปทานที่ ๑ จบ

๒. สุปีฐิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสุปีฐิยเถระ
(พระสุปีฐิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๘] ข้าพเจ้ามีจิตร่าเริง เบิกบานได้ถวายตั่งที่สะอาดหมดจด
แด่พระพุทธเจ้าพระนามว่าติสสะ ผู้โลกนาถ
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งดวงอาทิตย์
[๙] ในกัปที่ ๓๘ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระราชาพระนามว่ามหารุจิ
มีโภคะไพบูลย์ และที่นอนมีค่ามิใช่น้อย
[๑๐] ข้าพเจ้ามีใจผ่องใส ได้ถวายตั่งแด่พระพุทธเจ้าแล้ว
เสวยผลกรรมของตน ที่ตนได้ทำไว้ดีแล้ว ในครั้งก่อน
[๑๑] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายตั่งไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายตั่ง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๓๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๐. สุธาวรรค] ๓. อัฑฒเจลกเถราปทาน
[๑๒] ในกัปที่ ๓๘ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓ ชาติ
ชาติที่ ๑ พระนามว่ารุจิ ชาติที่ ๒ พระนามว่าอุปรุจิ
และชาติที่ ๓ พระนามว่ามหารุจิ
[๑๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสุปีฐิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สุปีฐิยเถราปทานที่ ๒ จบ

๓. อัฑฒเจลกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอัฑฒเจลกเถระ
(พระอัฑฒเจลกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๔] ข้าพเจ้าเป็นคนเข็ญใจ ถึงอาการน่าสงสารอย่างยิ่ง
ได้ถวายผ้าครึ่งผืนแด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าติสสะ
[๑๕] ข้าพเจ้าครั้นถวายผ้าครึ่งผืนแล้ว
บันเทิงอยู่ในสวรรค์ตลอด ๑ กัป
และในกัปทั้งหลายที่เหลือ ข้าพเจ้าได้ทำกุศลไว้แล้ว
[๑๖] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายผ้าไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผ้า
[๑๗] ในกัปที่ ๕๑ (นัปจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิ
พระนามว่าสมันตาโอทนะ เป็นใหญ่ในหมู่ชน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๔๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๐. สุธาวรรค] ๔. สูจิทายกเถราปทาน
[๑๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอัฑฒเจลกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อัฑฒเจลกเถราปทานที่ ๓ จบ

๔. สูจิทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสูจิทายกเถระ
(พระสูจิทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๙] เมื่อก่อนข้าพเจ้าได้เป็นช่างทองอยู่ในกรุงพันธุมา
ซึ่งเป็นกรุงที่ล้ำเลิศ ข้าพเจ้าได้ถวายเข็ม
แด่พระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
[๒๐] ญาณของข้าพเจ้าเสมอด้วยเพชรล้ำค่า เป็นเช่นนั้นเพราะกรรม
ข้าพเจ้าเป็นผู้ปราศจากราคะ
หลุดพ้นอย่างวิเศษ บรรลุความสิ้นอาสวะ
[๒๑] ข้าพเจ้าค้นคว้าภพทั้งที่เป็นอดีต ปัจจุบัน
และอนาคตทั้งปวงได้ด้วยญาณ
นี้เป็นผลแห่งการถวายเข็ม
[๒๒] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ ชาติ พระนามว่าวชิระ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๒๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสูจิทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สูจิทายกเถราปทานที่ ๔ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๔๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๐. สุธาวรรค] ๕. คันธมาลิยเถราปทาน
๕. คันธมาลิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระคันธมาลิยเถระ
(พระคันธมาลิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๔] ข้าพเจ้าได้ทำสถูปไม้หอมปกคลุมด้วยดอกมะลิ
ทำให้สมควรแด่พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
[๒๕] พระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นผู้นำชั้นเลิศของโลก
เช่นกับทองคำที่ล้ำค่า ทรงรุ่งเรืองดุจต้นราชพฤกษ์
ดุจแท่นบูชาไฟอันสว่างเจิดจ้า
[๒๖] ผู้ประเสริฐดุจพญาเสือโคร่งตัวองอาจ
ดุจพญาไกรสรผู้มีชาติสูง
ผู้เลิศกว่าสมณะทั้งหลาย ผู้ประทับนั่งมีหมู่ภิกษุห้อมล้อม
[๒๗] ข้าพเจ้ากราบพระยุคลบาทของพระศาสดาแล้ว
บ่ายหน้าหลีกไปทางทิศเหนือ
ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายของหอมและดอกไม้ไว้
[๒๘] ด้วยผลแห่งสักการะที่ทำไว้ในพระพุทธเจ้าโดยพิเศษ
ข้าพเจ้าจึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๒๙] ในกัปที่ ๓๙ (นัปจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ
มีนามเหมือนกันว่าเทพคันธะ
[๓๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระคันธมาลิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
คันธมาลิยเถราปทานที่ ๕ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๔๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๐. สุธาวรรค] ๖. ติปุปผิยเถราปทาน
๖. ติปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระติปุปผิยเถระ
(พระติปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๑] เมื่อก่อน ข้าพเจ้าเป็นพรานเนื้ออาศัยอยู่ในป่าใหญ่ดงทึบ
เห็นต้นแคฝอยมีใบเขียวสด จึงโปรยดอกไม้ ๓ ดอกบูชา
(ซึ่งเป็นต้นไม้เป็นที่ตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี)
[๓๒] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเก็บใบแคฝอยแห้งไปทิ้งในภายนอกแล้ว
อภิวาทต้นแคฝอย เหมือนอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้หมดจดทั้งภายในและภายนอก ผู้หลุดพ้นแล้วไม่มีอาสวะ
[๓๓] ทรงเป็นผู้นำของโลกพระนามว่าวิปัสสี
เฉพาะพระพักตร์แล้ว ก็สิ้นชีวิต ณ ที่นั้น
[๓๔] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้บูชาต้นโพธิ์ไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาต้นโพธิ์
[๓๕] ในกัปที่ ๓๐ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๓ ชาติ
พระนามว่าสมันตปาสาทิกะ มีพลานุภาพมาก
[๓๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระติปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ติปุปผิยเถราปทานที่ ๖ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๔๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๐. สุธาวรรค] ๗. มธุปิณฑิกเถราปทาน
๗. มธุปิณฑิกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระมธุปิณฑิกเถระ
(พระมธุปิณฑิกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๗] ในป่าใหญ่ดงทึบที่เงียบสงัดไม่มีเสียงอื้ออึง
ข้าพเจ้าเห็นพระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้ประเสริฐกว่าฤๅษีทั้งหลาย ผู้สมควรรับเครื่องบูชา
[๓๘] ผู้ดับกิเลสแล้ว ทรงเป็นมหานาค องอาจดุจม้าอาชาไนย
รุ่งโรจน์ดังดาวประกายพรึก ซึ่งหมู่เทวดาและมนุษย์นมัสการแล้ว
[๓๙] ข้าพเจ้ามีความปลื้มใจเป็นอันมาก
ญาณได้เกิดขึ้นในขณะนั้น ข้าพเจ้าได้ถวายน้ำผึ้ง
แด่พระศาสดาผู้เสด็จออกจากสมาธิแล้ว
[๔๐] มีจิตผ่องใสจึงหมอบกราบพระยุคลบาทของพระผู้มีพระภาค
พระนามว่าสิทธัตถะแล้ว บ่ายหน้าหลีกไปทางทิศตะวันออก
ในกัปที่ ๓๔ (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพเจ้าได้เป็นพระราชามีนามว่าสุทัสสนะ
[๔๑] ครั้งนั้น น้ำผึ้งไหลออกจากเหง้าบัวลงในโภชนาหารของข้าพเจ้า
ฝนน้ำผึ้งตกลงแล้ว
นี้เป็นผลแห่งบุพกรรม
[๔๒] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายน้ำผึ้งไว้ครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายน้ำผึ้ง
[๔๓] ในกัปที่ ๓๔ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๔ ชาติ
มีนามเหมือนกันว่าสุทัสสนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๔๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๐. สุธาวรรค] ๘. เสนาสนทายกเถราปทาน
[๔๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระมธุปิณฑิกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
มธุปิณฑิกเถราปทานที่ ๗ จบ

๘. เสนาสนทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเสนาสนทายกเถระ
(พระเสนาสนทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๕] ข้าพเจ้าได้ถวายเครื่องลาดใบไม้
แด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
และได้โปรยดอกโกสุมกระทำให้เป็นอุปการะ(ฝา)โดยรอบ
[๔๖] ข้าพเจ้าได้ใช้สอยห้องที่น่ารื่นรมย์มีค่ามากในปราสาท
ดอกไม้มีค่ามากได้ตกลงบนที่นอนของข้าพเจ้า
[๔๗] ข้าพเจ้านอนบนที่นอนอันวิจิตรซึ่งลาดด้วยดอกไม้
และฝนดอกไม้ตกลงบนที่นอนของข้าพเจ้าในขณะนั้น
[๔๘] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายเครื่องลาดใบไม้ไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายเครื่องลาด
[๔๙] ในกัปที่ ๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ พระองค์
พระนามว่าฐิตาสันถารกะ
ทรงเป็นใหญ่ในหมู่ชน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๔๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๐. สุธาวรรค] ๙. เวยยาวัจจกเถราปทาน
[๕๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเสนาสนทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
เสนาสนทายกเถราปทานที่ ๘ จบ

๙. เวยยาวัจจกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเวยยาวัจจกเถระ
(พระเวยยาวัจจกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕๑] ได้มีการประชุมใหญ่แห่งพระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
ข้าพเจ้าได้เป็นไวยาวัจกร ขวนขวายในกิจทุกอย่าง
[๕๒] ข้าพเจ้าไม่มีไทยธรรมที่จะถวาย
แด่พระสุคตผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
มีจิตผ่องใส ได้อภิวาทพระยุคลบาทของพระศาสดา
[๕๓] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำความขวนขวายไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งความขวนขวาย
[๕๔] ในกัปที่ ๘ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าสุจินติยะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเวยยาวัจจกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เวยยาวัจจกเถราปทานที่ ๙ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๔๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๐. สุธาวรรค] ๑๐. พุทธุปัฏฐากเถราปทาน
๑๐. พุทธุปัฏฐากเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระพุทธุปัฏฐากเถระ
(พระพุทธุปัฏฐากเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕๖] ข้าพเจ้าได้เป่าสังข์บูชาพระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
เป็นผู้ขวนขวายบำรุงพระสุคต
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ เป็นนิตย์
[๕๗] ท่านจงดูผลการบำรุงพระผู้มีพระภาค
ผู้ทรงเป็นที่พึ่งของสัตว์โลก ผู้คงที่
เครื่องดนตรี ๖๐,๐๐๐ ชิ้นแวดล้อมข้าพเจ้าทุกเมื่อ
[๕๘] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้บำรุงพระผู้มีพระภาค
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบำรุง
[๕๙] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ
มีพระนามว่ามหานิโฆษ มีพลานุภาพมาก
[๖๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระพุทธุปัฏฐากเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
พุทธุปัฏฐากเถราปทานที่ ๑๐ จบ
สุธาวรรคที่ ๑๐ จบบริบูรณ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๔๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๐. สุธาวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค รวมวรรคได้ ๑๐ วรรค
รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. สุธาปิณฑิยเถราปทาน ๒. สุปีฐิยเถราปทาน
๓. อัฑฒเจลกเถราปทาน ๔. สูจิทายกเถราปทาน
๕. คันธมาลิยเถราปทาน ๖. ติปุปผิยเถราปทาน
๗. มธุปิณฑิกเถราปทาน ๘. เสนาสนทายกเถราปทาน
๙. เวยยาวัจจกเถราปทาน ๑๐. พุทธุปัฏฐากเถราปทาน

ในวรรคนี้ท่านประกาศคาถาไว้ ๖๐ คาถาบริบูรณ์

อนึ่ง รวมวรรคได้ ๑๐ วรรค คือ

๑. พุทธวรรค ๒. สีหาสนิยวรรค
๓. สุภูติวรรค ๔. กุณฑธานวรรค
๕. อุปาลิวรรค ๖. วีชนีวรรค
๗. สกจิตตนิยวรรค ๘. นาคสมาลวรรค
๙. ติมิรปุปผิยวรรค ๑๐. สุธาวรรค

รวมคาถาได้ ๑,๔๕๕ คาถา
หมวด ๑๐ แห่งวรรคมีพุทธวรรคเป็นต้น จบ
๑๐๐ เรื่อง หมวดที่ ๑ จบบริบูรณ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๔๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] ๑. ภิกขทายกเถราปทาน
๑๑. ภิกขทายิวรรค
หมวดว่าด้วยพระภิกขทายิเป็นต้น
๑. ภิกขทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระภิกขทายกเถระ
(พระภิกขทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
ผู้สมควรรับเครื่องบูชา เสด็จออกจากป่าใหญ่
คือตัณหาเครื่องร้อยรัดมาสู่ความดับ(นิพพาน)
[๒] ข้าพเจ้าได้เห็นแล้วจึงได้มอบถวายภิกษาทัพพีหนึ่ง
แด่พระพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
สงบระงับด้วยปัญญา มีความเพียรมาก เป็นผู้คงที่
[๓] ข้าพเจ้าเกิดความปลื้มใจเป็นอย่างมากในพระพุทธเจ้า
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระอาทิตย์
ทรงช่วยมหาชนผู้ตามเสด็จพระยุคลบาทให้สงบเย็น
[๔] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายทานไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายภิกษา
[๕] ในกัปที่ ๘๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ ชาติ
มีพระนามว่ามหาเรณุ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๔๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] ๒. ญาณสัญญิกเถราปทาน
[๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระภิกขทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ภิกขทายกเถราปทานที่ ๑ จบ

๒. ญาณสัญญิกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระญาณสัญญิกเถระ
(พระญาณสัญญิกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๗] พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
ดุจม้าอาชาไนยตัวองอาจ ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
ดุจช้างมาตังคะตกมัน ๓ แห่ง
[๘] ทรงทำทิศทั้งปวงให้สว่างไสว ดุจดวงจันทร์ในวันเพ็ญ
เป็นผู้เจริญที่สุดในโลก กำลังเสด็จดำเนินอยู่บนถนน
[๙] ข้าพเจ้าได้เห็นแล้วจึงทำจิตให้เลื่อมใสในพระญาณแล้ว
ประคองอัญชลี มีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ถวายอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
[๑๐] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งความทรงจำในพระญาณ
[๑๑] ในกัปที่ ๗๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ พระนามว่านรุตตมะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๕๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] ๓. อุปปลหัตถิยเถราปทาน
[๑๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระญาณสัญญิกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ญาณสัญญิกเถราปทานที่ ๒ จบ

๓. อุปปลหัตถิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอุปปลหัตถิยเถระ
(พระอุปปลหัตถิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๓] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นช่างดอกไม้อาศัยอยู่ในติวรานคร
ได้เห็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส ที่ชาวโลกบูชาแล้ว
[๑๔] จึงมีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ได้ถวายดอกไม้(ดอกอุบล)กำหนึ่ง
เพราะอำนาจแห่งกรรมนั้น ข้าพเจ้าอุบัติในภพใด ๆ
[๑๕] ในภพนั้น ๆ ข้าพเจ้าเสวยผลที่น่าปรารถนา
ที่ตนทำไว้ดีแล้วในปางก่อน แวดล้อมด้วยดอกไม้อย่างดี
นี้เป็นผลแห่งการถวายดอกไม้
[๑๖] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๗] เว้นกัปปัจจุบัน นับถอยหลังไป ๙๔ กัป ในครั้งนั้น
ได้เป็นพระราชา ๕๐๐ ชาติ มีพระนามว่านัชชุปมะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๕๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] ๔. ปทปูชกเถราปทาน
[๑๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอุปปลหัตถิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อุปปลหัตถิยเถราปทานที่ ๓ จบ

๔. ปทปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปทปูชกเถระ
(พระปทปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๙] ข้าพเจ้าได้ถวายดอกมะลิแด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
และข้าพเจ้ามีจิตร่าเริง จึงโปรยดอกมะลิ ๗ ดอก
ลงที่พระยุคลบาท ด้วยความยินดี
[๒๐] ด้วยผลกรรมนั้น ในวันนี้
ข้าพเจ้าจึงใหญ่เหนือนรชนและเทวดา
ทรงร่างกายอันมีในภพสุดท้ายอยู่
ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[๒๑] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาด้วยดอกไม้
[๒๒] ในกัปที่ ๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๓ ชาติ
มีพระนามว่าสมันตคันธะ
ครองแผ่นดิน มีทวีปทั้ง ๔ เป็นขอบเขต เป็นใหญ่ในหมู่ชน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๕๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] ๕. มุฏฐิปุปผิยเถราปทาน
[๒๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปทปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปทปูชกเถราปทานที่ ๔ จบ

๕. มุฏฐิปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระมุฏฐิปุปผิยเถระ
(พระมุฏฐิปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๔] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นช่างดอกไม้ มีชื่อว่าสุทัสสนะ
ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
[๒๕] ข้าพเจ้ามีใจยินดี ถือดอกมะลิไปบูชา
พระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้มีพระจักษุบริสุทธิ์ ทรงบรรลุทิพยจักษุ
[๒๖] ด้วยการบูชาพระพุทธเจ้านี้ และด้วยการตั้งจิตไว้มั่น
ข้าพเจ้าจึงไม่ไปเกิดยังทุคติเลยตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๒๗] ในกัปที่ ๓๖ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ
มีพระนามว่าเทพอุตตระ มีพลานุภาพมาก
[๒๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระมุฏฐิปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
มุฏฐิปุปผิยเถราปทานที่ ๕ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๕๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] ๖. อุทกปูชกเถราปทาน
๖. อุทกปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอุทกปูชกเถระ
(พระอุทกปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๙] พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
รุ่งเรืองดังเปลวไฟ
ดังถ่านบูชาไฟอันสว่างเจิดจ้า
กำลังเสด็จเหาะไปในอากาศ
[๓๐] ข้าพเจ้าได้เห็นแล้วจึงใช้ฝ่ามือกอบน้ำ แล้วซัดขึ้นไปในอากาศ
พระพุทธเจ้าผู้ทรงมีความเพียรมาก
มีพระกรุณาในข้าพเจ้า ทรงรับไว้แล้ว
[๓๑] พระศาสดาพระนามว่าปทุมุตตระ ประทับยืนอยู่ในอากาศ
ทรงทราบความดำริของข้าพเจ้าแล้ว
ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
[๓๒] ด้วยผลแห่งการถวายน้ำ และด้วยการเกิดปีตินี้
ใน ๑๐๐,๐๐๐ กัป เขาจะไม่ไปเกิดยังทุคติเลย
[๓๓] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
ด้วยผลกรรมนั้น ข้าพระองค์ละความชนะและความแพ้ได้แล้ว๑
บรรลุฐานะที่ไม่หวั่นไหว๒
[๓๔] ในกัปที่ ๑๖๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓ ชาติ มีพระนามว่าสหัสสราช
ครอบครองแผ่นดิน มีทวีปทั้ง ๔ เป็นขอบเขต เป็นใหญ่ในหมู่ชน

เชิงอรรถ :
๑ ดูเชิงอรรถข้อ ๙ หน้า ๒๐๓ ในเล่มนี้
๒ ดูเชิงอรรถข้อ ๙ หน้า ๒๐๓ ในเล่มนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๕๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] ๗. นฬมาลิยเถราปทาน
[๓๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอุทกปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อุทกปูชกเถราปทานที่ ๖ จบ

๗. นฬมาลิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระนฬมาลิยเถระ
(พระนฬมาลิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๖] เมื่อพระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้เจริญที่สุดในโลก
ผู้คงที่ ผู้สงบระงับ ประทับนั่งบนเครื่องลาดหญ้า
[๓๗] ข้าพเจ้านำดอกอ้อมาผูกเป็นพัดแล้ว
เข้าไปถวายงานพัดพระพุทธเจ้า
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่
[๓๘] พระสัพพัญญูพุทธเจ้า ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
ทรงรับพัดแล้ว ทรงทราบความคิดของข้าพเจ้า
ได้ตรัสพระคาถานี้ว่า
[๓๙] กายของเราสงบเย็น ความเร่าร้อนก็ไม่มี ฉันใด
จิตของท่านจงหลุดพ้นจากไฟทั้ง ๓ กอง ฉันนั้น
[๔๐] เทวดาบางเหล่าที่อาศัยต้นไม้อยู่
ก็มาประชุมกันทั้งหมด ด้วยหวังว่า
พวกเราจักได้ฟังพระพุทธพจน์ที่จะทำผู้ถวายงานพัดให้ร่าเริง
[๔๑] พระผู้มีพระภาค ประทับนั่งอยู่ ณ ที่นั้น
มีหมู่เทวดาห้อมล้อม เมื่อจะให้ผู้ถวายงานพัดร่าเริง
จึงได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๕๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] ๘. อาสนุปัฏฐายกเถราปทาน
[๔๒] ด้วยการถวายงานพัดนี้และด้วยการตั้งจิตไว้มั่น
ผู้นี้จักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าสุพพตะ ตามพระโคตร
[๔๓] ด้วยผลกรรมที่เหลือนั้น ผู้นี้ถูกกุศลมูลตักเตือนแล้ว
จักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่ามาลุตะ ตามพระโคตร
[๔๔] ด้วยการถวายงานพัดนี้และด้วยความยกย่องนับถืออย่างไพบูลย์
ใน ๑๐๐,๐๐๐ กัป ผู้นี้จะไม่ไปเกิดยังทุคติเลย
[๔๕] ในกัปที่ ๓๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
จักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๘ ชาติ พระนามว่าสุพพตะ
ในกัปที่ ๑,๐๒๙ (นับจากกัปนี้ไป)
จักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๘ พระองค์ พระนามว่ามาลุตะ
[๔๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระนฬมาลิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
นฬมาลิยเถราปทานที่ ๗ จบ
ภาณวารที่ ๗ จบ

๘. อาสนุปัฏฐายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอาสนุปัฏฐายกเถระ
(พระอาสนุปัฏฐายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๗] ข้าพเจ้าเข้าป่าดงทึบที่เงียบสงัดไม่มีเสียงอื้ออึง
ได้ถวายพระแท่นสีหาสน์
แด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าอัตถทัสสี ผู้คงที่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๕๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] ๙. พิฬาลิทายกเถราปทาน
[๔๘] ข้าพเจ้าถือดอกไม้กำหนึ่ง แล้วทำประทักษิณพระองค์
เข้าไปเฝ้าพระศาสดาแล้ว บ่ายหน้าหลีกไปทางทิศเหนือ
[๔๙] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
ด้วยผลกรรมนั้น ข้าพระองค์ทำตนให้ดับสนิทได้
ภพทั้งปวงข้าพระองค์ก็ถอนได้แล้ว
[๕๐] ในกัป ๑๑๘ (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพระองค์ได้ถวายทานไว้ครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายพระแท่นสีหาสน์
[๕๑] ในกัปที่ ๑๐๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าสันนิพพาปกะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอาสนุปัฏฐายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
อาสนุปัฏฐายกเถราปทานที่ ๘ จบ

๙. พิฬาลิทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระพิฬาลิทายกเถระ
(พระพิฬาลิทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕๓] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าอยู่ ณ ที่อยู่ซึ่งมุงบังด้วยใบไม้
ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมพานต์
ข้าพเจ้าหิวอาหารแต่ก็นอนเสีย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๕๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] ๙. พิฬาลิทายกเถราปทาน
[๕๔] ข้าพเจ้าขุดหัวมัน มันอ้อน มันมือเสือ หอม กระเทียม
เก็บผลกระเบา ผลรกฟ้า มะตูม นำมาตระเตรียมไว้
[๕๕] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้ทรงรู้แจ้งโลก ผู้สมควรรับเครื่องบูชา
ทรงทราบความดำริของข้าพเจ้า
จึงเสด็จมายังสำนักของข้าพเจ้า
[๕๖] ข้าพเจ้าได้เห็นพระองค์ผู้มหานาค ผู้เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ
ทรงองอาจกว่านรชน เสด็จมาใกล้แล้ว
จึงหยิบมันมือเสือมาใส่ลงในบาตร
[๕๗] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคผู้สัพพัญญู ทรงมีความเพียรมาก
เมื่อจะทรงให้ข้าพเจ้ายินดี จึงเสวยมันมือเสือนั้น
ครั้นเสวยเสร็จแล้ว ได้ตรัสพระคาถานี้ว่า
[๕๘] ท่านทำจิตของตนให้เลื่อมใสแล้ว ได้ถวายมันมือเสือแก่เรา
ท่านจะไม่ไปเกิดยังทุคติเลยตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๕๙] จิตดวงสุดท้ายของข้าพเจ้ากำลังเป็นไป
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าทรงร่างกายอันมีในภพสุดท้ายอยู่
ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[๖๐] ในกัปที่ ๕๔ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าสุเมขลิมะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๖๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระพิฬาลิทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
พิฬาลิทายกเถราปทานที่ ๙ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๕๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] ๑๐. เรณุปูชกเถราปทาน
๑๐. เรณุปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเรณุปูชกเถระ
(พระเรณุปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๖๒] พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
มีพระรัศมีรุ่งเรือง ดุจดวงอาทิตย์ทำทิศทั้งปวงให้สว่างไสว
ดุจดวงจันทร์วันเพ็ญ
[๖๓] มีสาวกทั้งหลายห้อมล้อม ดุจแผ่นดินมีสาครห้อมล้อม
ข้าพเจ้าได้เห็นแล้ว จึงถือดอกกากะทิง
พร้อมทั้งเกสรไปบูชาพระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
[๖๔] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกกากะทิงพร้อมเกสรบูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๖๕] ในกัปที่ ๔๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าเรณุ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๖๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเรณุปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เรณุปูชกเถราปทานที่ ๑๐ จบ
ภิกขทายิวรรคที่ ๑๑ จบบริบูรณ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๕๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. ภิกขทายกเถราปทาน ๒. ญาณสัญญิกเถราปทาน
๓. อุปปลหัตถิยเถราปทาน ๔. ปทปูชกเถราปทาน
๕. มุฏฐิปุปผิยเถราปทาน ๖. อุทกปูชกเถราปทาน
๗. นฬมาลิยเถราปทาน ๘. อาสนุปัฏฐายกเถราปทาน
๙. พิฬาลิทายกเถราปทาน ๑๐. เรณุปูชกเถราปทาน

มีคาถา ๖๖ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๖๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๑. มหาปริวารเถราปทาน
๑๒. มหาปริวารวรรค
หมวดว่าด้วยพระมหาปริวาระเป็นต้น
๑. มหาปริวารเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระมหาปริวารเถระ
(พระมหาปริวารเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
กับภิกษุสงฆ์ ๖๘,๐๐๐ รูป เสด็จเข้าไปยังพันธุมวิหาร
[๒] ข้าพเจ้าออกจากนครแล้วได้ไปที่ทีปเจดีย์
ได้เห็นพระพุทธเจ้า ผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
ผู้สมควรรับเครื่องบูชา
[๓] พวกยักษ์ในสำนักของข้าพเจ้า มีประมาณ ๘๔,๐๐๐ ตน
บำรุงข้าพเจ้าโดยเคารพ ดังหมู่เทวดาชั้นดาวดึงส์
บำรุงพระอินทร์โดยเคารพฉะนั้น
[๔] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าถือผ้าทิพย์ออกจากที่อยู่ไป
ถวายอภิวาทด้วยเศียรเกล้า
และได้ถวายผ้าทิพย์นั้นแด่พระพุทธเจ้า
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
[๕] ช่างน่าอัศจรรย์ พระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ช่างน่าอัศจรรย์ พระธรรมทั้งหลาย
ช่างน่าอัศจรรย์ การที่ข้าพเจ้าได้มาประจวบพระศาสดา
ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า แผ่นดินนี้จึงไหว
[๖] ข้าพเจ้าได้เห็นความอัศจรรย์ซึ่งไม่เคยมี
น่าขนพองสยองเกล้านั้นแล้ว

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๖๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๒. สุมังคลเถราปทาน
จึงทำจิตให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่
[๗] ข้าพเจ้านั้นครั้นทำจิตให้เลื่อมใสแล้ว
ได้ถวายผ้าทิพย์แด่พระศาสดา
จึงพร้อมทั้งอำมาตย์และบริวารชน
ถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นสรณะ อย่างมั่นคง
[๘] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๙] ในกัปที่ ๑๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ พระนามว่าวาหนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระมหาปริวารเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้
มหาปริวารเถราปทานที่ ๑ จบ

๒. สุมังคลเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสุมังคลเถระ
(พระสุมังคลเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๑] พระผู้มีพระภาค ผู้ทรงชนะอย่างประเสริฐ
พระนามว่าอัตถทัสสี
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
เสด็จออกจากพระวิหารแล้วเสด็จเข้าไปยังสระน้ำ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๖๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๒. สุมังคลเถราปทาน
[๑๒] พระผู้มีพระภาคสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงสรงสนานและดื่มแล้ว เสด็จขึ้นทรงผ้าผืนเดียว
ประทับยืนเหลียวดูทิศน้อยใหญ่อยู่ ณ ที่นั้น
[๑๓] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเข้าไปในที่อยู่
ได้เห็นพระผู้มีพระภาค ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
มีจิตร่าเริงเบิกบาน ได้ปรบมือ
[๑๔] ข้าพเจ้าประกอบการฟ้อนรำ
การขับร้องและการประโคมดนตรีมีองค์ ๕
ถวายพระองค์ ผู้รุ่งเรืองดุจดวงอาทิตย์
ส่องแสงเรืองรองดังทองคำ
[๑๕] ข้าพเจ้าเกิดในกำเนิดใด ๆ
คือจะเกิดเป็นเทวดาหรือมนุษย์ก็ตาม
ในกำเนิดนั้น ๆ ข้าพเจ้าเป็นใหญ่เหนือสัตว์ทั้งปวง
ยศของข้าพเจ้าก็ไพบูลย์
[๑๖] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นบุรุษอาชาไนย ข้าพระองค์
ขอนอบน้อมพระองค์ ข้าแต่พระองค์ผู้สูงสุดแห่งบุรุษ
ข้าพระองค์ขอนอบน้อมพระองค์ พระองค์ผู้เป็นพระมุนี
ทรงทำพระองค์ให้ยินดีแล้ว จึงทรงทำผู้อื่นให้ยินดีตาม
[๑๗] ข้าพเจ้าผู้มีวัตรดีงามกำหนดแล้ว นั่งลง ทำความร่าเริง
เข้าไปบำรุงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว จึงได้ไปเกิดยังสวรรค์ชั้นดุสิต
[๑๘] ในกัปที่ ๑๑๖ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๘ ชาติ พระนามว่าเอกจินติตะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๖๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๓. สรณคมนิยเถราปทาน
[๑๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสุมังคลเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สุมังคลเถราปทานที่ ๒ จบ

๓. สรณคมนิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสรณคมนิยเถระ
(พระสรณคมนิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๐] สงครามของท้าวเทวราชทั้ง ๒ ฝ่าย
ได้ปรากฏประชิดติดกัน เสียงดังกึกก้องได้เป็นไป
[๒๑] พระศาสดาพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้ทรงรู้แจ้งโลก
ผู้สมควรรับเครื่องบูชา ประทับยืนอยู่ในอากาศ
ทรงทำมหาชนให้สังเวชแล้ว
[๒๒] เทวดาทั้งปวงมีใจเบิกบาน ต่างวางเกราะและอาวุธ
พร้อมใจกันถวายอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในขณะนั้น
[๒๓] พระศาสดาผู้ทรงอนุเคราะห์ ทรงรู้แจ้งโลก
ทรงทราบความคิดของข้าพเจ้าแล้ว
ทรงเปล่งอาสภิวาจา๑ ทำมหาชนให้เย็นใจว่า
[๒๔] บุคคลผู้เกิดเป็นมนุษย์ มีจิตประทุษร้าย
เบียดเบียนสัตว์เพียงตัวเดียว
จะต้องเกิดยังอบายภูมิ เพราะจิตประทุษร้ายนั้น

เชิงอรรถ :
๑ อาสภิวาจา หมายถึงวาจาแสดงความเป็นผู้องอาจ วาขาองอาจคือคำประกาศพระองค์ว่าเป็นเอกในโลก
(ที.ม. (แปล) ๑๐/๓๑/๑๔)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๖๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๓. สรณคมนิยเถราปทาน
[๒๕] เปรียบเหมือนช้างในสนามรบ
เบียดเบียนสัตว์จำนวนมาก
ท่านทั้งหลายจงทำจิตของตนให้เย็นเถิด
อย่าเบียดเบียนกันนักเลย
[๒๖] แม้พวกเสนาของพญายักษ์ทั้ง ๒ ได้สงบสงคราม
และพากันถึงพระผู้มีพระภาคผู้เจริญที่สุดในโลก
ผู้คงที่เป็นอันดี ว่าเป็นสรณะ อย่างมั่นคง
[๒๗] ส่วนพระศาสดา ผู้มีพระจักษุ ทรงให้หมู่ชนยินยอมแล้ว
อันหมู่เทวดาเพ่งดูอยู่ ทรงก้าวย่างพระบาท
ทรงบ่ายพระพักตร์เสด็จหลีกไปทางทิศเหนือ
[๒๘] ข้าพเจ้าได้ถึงพระองค์ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์
ผู้คงที่ ว่าเป็นสรณะเป็นคนแรก
ข้าพเจ้าไม่ไปเกิดยังทุคติเลยตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๒๙] ในกัปที่ ๓๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ
มีพระนามว่ามหาทุนทุภิและพระนามว่ารเถสภะ
[๓๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสรณคมนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สรณคมนิยเถราปทานที่ ๓ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๖๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๔. เอกาสนิยเถราปทาน
๔. เอกาสนิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเอกาสนิยเถระ
(พระเอกาสนิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๑] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้เกิดเป็นท้าวเทวราชมีนามว่าวรุณ
พร้อมด้วยยาน พลทหารและพาหนะ
เข้าไปบำรุงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[๓๒] เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นที่พึ่ง
ของสัตว์โลก พระนามว่าอัตถทัสสี
ผู้สูงสุดแห่งเทวดาและมนุษย์
เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
ข้าพเจ้าได้นำดนตรีทั้งปวงไปยังต้นโพธิ์อันอุดม
[๓๓] ข้าพเจ้าประกอบการประโคม
การฟ้อนรำและกังสดาลทุกอย่าง บำรุงต้นโพธิ์อันอุดม
ดุจบำรุงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเฉพาะพระพักตร์
[๓๔] ข้าพเจ้าครั้นบำรุงต้นโพธิ์ซึ่งงอกขึ้นบนพื้นดินนั้นแล้ว
จึงนั่งขัดสมาธิ แล้วได้สิ้นชีวิตลง ณ ที่นั้นเอง
[๓๕] ข้าพเจ้าปรารภกรรมของตน เลื่อมใสในต้นโพธิ์อันอุดม
ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น ข้าพเจ้าจึงไปเกิดในสวรรค์ชั้นนิมมานรดี
[๓๖] เครื่องดนตรี ๖๐,๐๐๐ ชิ้น แวดล้อมข้าพเจ้า
ผู้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่
ทั้งในเทวดาและมนุษย์ อยู่ทุกเมื่อ
[๓๗] ไฟ ๓ กอง ข้าพเจ้าดับได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าทรงร่างกายอันมีในภพสุดท้าย
อยู่ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๖๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๕. สุวัณณปุปผิยเถราปทาน
[๓๘] ในกัปที่ ๑๐๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๔ ชาติ
มีพระนามว่าสุพาหุ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ
[๓๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเอกาสนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เอกาสนิยเถราปทานที่ ๔ จบ

๕. สุวัณณปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสุวรรณปุปผิยเถระ
(พระสุวรรณปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๐] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี ผู้เจริญที่สุดในโลก
ทรงองอาจกว่านรชน ประทับนั่งแสดงอมตบทแก่หมู่ชน
[๔๑] ข้าพเจ้าฟังธรรมของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่
ได้ใช้ดอกไม้ทองคำ ๔ ดอก บูชาพระพุทธเจ้า
[๔๒] ดอกไม้ทองคำนั้นกลายเป็นหลังคาทองคำ มุงบังตลอดชุมชน
ในครั้งนั้น รัศมีของพระพุทธเจ้าและรัศมีของทองคำ
รวมกันเป็นแสงสว่างอย่างเจิดจ้า
[๔๓] ข้าพเจ้ามีจิตเบิกบาน มีใจยินดี เกิดโสมนัส
ประนมมือให้ชนเหล่านั้นเกิดปีติ
นำความสุขในปัจจุบันมาให้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๖๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๖. จิตกปูชกเถราปทาน
[๔๔] ข้าพเจ้าทูลวิงวอนและถวายอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้มีวัตรดีงาม ทำความปราโมทย์ให้เกิดขึ้นแล้ว
กลับเข้าสู่ที่อยู่ของตน
[๔๕] ข้าพเจ้ากลับเข้าสู่ที่อยู่แล้ว
ยังระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุดอยู่
ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น ข้าพเจ้าจึงได้ไปเกิดยังสวรรค์ชั้นดุสิต
[๔๖] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๔๗] ในกัปที่ ๔๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ
มีพระนามว่าเนมิสัมมตะ มีพลานุภาพมาก
[๔๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสุวรรณปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สุวัณณปุปผิยเถราปทานที่ ๕ จบ

๖. จิตกปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระจิตกปูชกเถระ
(พระจิตกปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๙] ข้าพเจ้า๑พร้อมทั้งอำมาตย์และบริวารชนสิงสถิตอยู่ที่ต้นเกด
เมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว

เชิงอรรถ :
๑ เกิดเป็นรุกขเทวดา (ขุ.อป.อ. ๒/๔๙/๑๖๐)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๖๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๖. จิตกปูชกเถราปทาน
[๕๐] ข้าพเจ้าเป็นผู้มีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี ได้ไปยังจิตกาธาน
ของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิขี ผู้ทรงเป็นเผ่าพันธุ์ของโลก
ประโคมดนตรี ณ ที่นั้น
โปรยของหอมและดอกไม้ให้ทั่วถึง
[๕๑] ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี ทำการบูชาที่จิตกาธาน
ไหว้จิตกาธานแล้ว กลับมาวิมานของตน
[๕๒] ข้าพเจ้าเข้าไปในวิมานแล้ว ยังระลึกถึงการบูชาจิตกาธานอยู่
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้เจริญที่สุดในโลก
ทรงองอาจกว่านรชน ด้วยผลกรรมนั้น
[๕๓] ข้าพเจ้าจึงเสวยสมบัติทั้งในเทวดาและในมนุษย์แล้ว
ละความชนะและความพ่ายแพ้ได้แล้ว๑ บรรลุฐานะที่ไม่หวั่นไหว๒
[๕๔] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาจิตกาธาน
[๕๕] ในกัปที่ ๒๙ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ
มีพระนามว่าอุคคตะ มีพลานุภาพมาก
[๕๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระจิตกปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
จิตกปูชกเถราปทานที่ ๖ จบ

เชิงอรรถ :
๑-๒ ดูเชิงอรรถข้อ ๙ หน้า ๒๐๕ ในเล่มนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๖๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๗. พุทธสัญญกเถราปทาน
๗. พุทธสัญญกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระพุทธสัญญกเถระ
(พระพุทธสัญญกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕๗] เมื่อครั้งพระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
ผู้เลิศในโลก ทรงปลงพระชนมายุสังขาร
แผ่นดินหมื่นจักรวาลทั้งสมุทรสาครก็ไหวแล้ว
[๕๘] แม้วิมานของข้าพเจ้า๑ สูง กว้าง ยาว
สะอาดและงดงาม มีพวงมาลัยเป็นที่ ๕ ก็ยังไหว
เพราะการที่พระพุทธเจ้าทรงปลงพระชนมายุสังขาร
[๕๙] เมื่อวิมานไหวแล้ว ข้าพเจ้าเกิดความสะดุ้งว่า
เกิดเหตุอะไรหนอ แสงสว่างเจิดจ้าได้มีแล้วเพื่อประโยชน์อะไร
[๖๐] ท้าวเวสวัณมา ณ ที่นี้แล้ว ทำมหาชนให้เย็นใจว่า
ภัยที่จะเกิดแก่สัตว์ไม่มี
ท่านทั้งหลายจงมีความตั้งใจเคารพเถิด
[๖๑] ช่างน่าอัศจรรย์ พระพุทธเจ้า
ช่างน่าอัศจรรย์ พระธรรม
ช่างน่าอัศจรรย์ การที่ข้าพเจ้าได้มาประจวบกับพระศาสดา
เมื่อพระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้น แผ่นดินก็ไหว
[๖๒] ข้าพเจ้าประกาศพุทธานุภาพแล้ว
จึงบันเทิงอยู่ในสวรรค์ตลอดหนึ่งกัป
ในกัปที่เหลือ ข้าพเจ้าได้ทำกุศลไว้แล้ว
[๖๓] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ความทรงจำไว้ในครั้งนั้น

เชิงอรรถ :
๑ เกิดเป็นภุมมเทวดา (ขุ.อป.อ. ๒/๕๗/๑๖๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๗๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๘. มัคคสัญญกเถราปทาน
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งความทรงจำในพระพุทธเจ้า
[๖๔] ในกัปที่ ๑๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าสมิตะ
ผู้มีความเพียร มีพลานุภาพมาก
[๖๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระพุทธสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
พุทธสัญญกเถราปทานที่ ๗ จบ

๘. มัคคสัญญกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระมัคคสัญญกเถระ
(พระมัคคสัญญกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๖๖] สาวกทั้งหลายของพระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
เที่ยวไปในป่า หลงทางจึงเที่ยวไปในป่าใหญ่เหมือนคนตาบอด
[๖๗] บุตรของพระมุนีเหล่านั้นระลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระนามว่าปทุมุตตระ ทรงเป็นผู้นำ หลงทางอยู่ในป่าใหญ่
[๖๘] ข้าพเจ้า๑ ลงจากวิมานแล้ว ได้ไปยังสำนักของภิกษุ
บอกทางให้และได้ถวายโภชนาหารแก่ภิกษุเหล่านั้น
[๖๙] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
ด้วยกรรมนั้น ข้าพระองค์มีอายุ ๗ ขวบ ก็ได้บรรลุอรหัตตผล

เชิงอรรถ :
๑ เกิดเป็นปัพพตเทวดา (ขุ.อป.อ. ๒/๖๖/๑๖๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๗๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๙. ปัจจุปัฏฐานสัญญกเถราปทาน
[๗๐] ในกัปที่ ๑๐๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๒ ชาติ
มีพระนามว่าสจักขุ สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ
[๗๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระมัคคสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
มัคคสัญญกเถราปทานที่ ๘ จบ

๙. ปัจจุปัฏฐานสัญญกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปัจจุปัฏฐานสัญญกเถระ
(พระปัจจุปัฏฐานสัญญกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึง
กล่าวว่า)
[๗๒] เมื่อพระสุคตพระนามว่าอัตถทัสสี
เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
ครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้เกิดยังกำเนิดยักษ์และได้รับยศตามลำดับ
[๗๓] (ข้าพเจ้าคิดว่า)ยศที่เราได้แล้ว เป็นของได้ยากหนอ
เป็นของที่รุ่งเรืองยาก เกิดขึ้นได้ยาก เมื่อโภคะของเรามีอยู่
พระสุคต ผู้มีพระจักษุก็เสด็จดับขันธปรินิพพานเสียแล้ว
[๗๔] สาวกนามว่าสาคร รู้ความดำริของข้าพเจ้าแล้ว
ท่านประสงค์จะช่วยเหลือข้าพเจ้า
จึงมายังสำนักของข้าพเจ้า
[๗๕] ท่านกล่าวว่า ท่านจะเศร้าโศกไปทำไมหนอ
อย่ากลัวเลย ท่านจงประพฤติธรรมเถิด ท่านผู้มีปัญญาดี
พระพุทธเจ้าทรงประทานวิชชาสมบัติแก่ชนทั้งปวงเนือง ๆ ว่า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๗๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๙. ปัจจุปัฏฐานสัญญกเถราปทาน
[๗๖] หากผู้ใด พึงบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก ยังดำรงพระชนม์อยู่ก็ดี
พึงบูชาพระธาตุแม้ประมาณเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาดของพระพุทธเจ้า
แม้เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วก็ดี
[๗๗] เมื่อจิตที่เลื่อมใสของผู้นั้นเสมอกัน
บุญก็มีผลมากเสมอกัน
เพราะฉะนั้น ท่านจงสร้างสถูป
บูชาพระธาตุของพระชินเจ้าเถิด
[๗๘] ข้าพเจ้าได้ฟังคำพูดของท่านสาครแล้ว
ได้สร้างพุทธสถูป บำรุงพระสถูปชั้นเลิศของพระมุนีอยู่ ๕ ปี
[๗๙] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
ด้วยผลกรรมนั้น ข้าพระองค์จึงเสวยสมบัติ
ได้บรรลุอรหัตตผลแล้ว
[๘๐] ในกัปที่ ๑๐๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๔ ชาติ พระนามว่าภูริปัญญา
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๘๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปัจจุปัฏฐานสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้
ปัจจุปัฏฐานสัญญกเถราปทานที่ ๙ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๗๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๑๐. ชาติปูชกเถราปทาน
๑๐. ชาติปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระชาติปูชกเถระ
(พระชาติปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๘๒] เมื่อพระวิปัสสีโพธิสัตว์ประสูติ ได้มีแสงสว่างเจิดจ้า
แผ่นดินพร้อมทั้งสมุทรสาครและภูเขาก็ไหวแล้ว
[๘๓] อนึ่ง พวกโหราจารย์พยากรณ์ว่า
ผู้นี้จักเป็นพระพุทธเจ้าในโลก
จักเป็นผู้เลิศกว่าสรรพสัตว์ จักรื้อถอนหมู่ชน
[๘๔] ข้าพเจ้าได้ฟังคำของพวกโหราจารย์แล้ว
ได้ทำการบูชาพระชาติกำเนิด๑
ด้วยความดำริว่า การบูชาเช่นกับการบูชาพระชาติกำเนิดไม่มี
[๘๕] ข้าพเจ้าสร้างกุศลแล้ว จึงทำจิตของตนให้เลื่อมใส
ครั้นทำการบูชาพระชาติกำเนิดแล้ว ก็สิ้นชีวิตลง ณ ที่นั้น
[๘๖] ข้าพเจ้าเกิดในกำเนิดใด ๆ
คือจะเกิดเป็นเทวดาหรือมนุษย์ก็ตาม
ในกำเนิดนั้น ๆ ข้าพเจ้าเป็นใหญ่เหนือสรรพสัตว์
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระชาติกำเนิด
[๘๗] แม่นมทั้งหลายย่อมบำรุงข้าพเจ้า
อยู่ในอำนาจจิตของข้าพเจ้า
แม่นมเหล่านั้นไม่อาจเพื่อทำข้าพเจ้าให้โกรธเคือง
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระชาติกำเนิด
[๘๘] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำการบูชาไว้ในครั้งนั้น

เชิงอรรถ :
๑ พระชาติกำเนิด หมายถึงพระชาติของพระพุทธเจ้า (ขุ.อป.อ. ๒/๑๖๔)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๗๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระชาติกำเนิด
[๘๙] ในกัปที่ ๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๔ ชาติ
พระนามว่าสุปาริจริยะ
เป็นใหญ่ในหมู่ชน มีพลานุภาพมาก
[๙๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระชาติปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ชาติปูชกเถราปทานที่ ๑๐ จบ
มหาปริวารวรรคที่ ๑๒ จบบริบูรณ์

รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. มหาปริวารเถราปทาน ๒. สุมังคลเถราปทาน
๓. สรณคมนิยเถราปทาน ๔. เอกาสนิยเถราปทาน
๕. สุวัณณปุปผิยเถราปทาน ๖. จิตกปูชกเถราปทาน
๗. พุทธสัญญกเถราปทาน ๘. มัคคสัญญกเถราปทาน
๙. ปัจจุปัฏฐานสัญญกเถราปทาน ๑๐. ชาติปูชกเถราปทาน

ท่านกล่าวรวมคาถาไว้ ๙๐ คาถา ฉะนี้แล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๗๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๑. เสเรยยกเถราปทาน
๑๓. เสเรยยกวรรค
หมวดว่าด้วยพระเสเรยยกะเป็นต้น
๑. เสเรยยกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเสเรยยกเถระ
(พระเสเรยยกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ข้าพเจ้าเป็นผู้คงแก่เรียน ทรงมนตร์
จบไตรเพท ยืนอยู่ในที่กลางแจ้ง
ได้เห็นพระผู้มีพระภาคทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
[๒] เสด็จเที่ยวอยู่ในป่าดุจราชสีห์
ไม่สะดุ้งกลัวดุจพญาเสือโคร่ง ทรงแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
ดุจช้างมาตังคะตกมัน ๓ แห่ง
[๓] ข้าพเจ้าหยิบดอกไม้ซึก
โยนขึ้นไป(บูชา)ในอากาศ ด้วยพุทธานุภาพ
ดอกไม้ซึกทั้งหลายห้อมล้อมอยู่โดยประการทั้งปวง
[๔] พระผู้มีพระภาคผู้สัพพัญญู ทรงมีความเพียรมาก
ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก ทรงอธิษฐานแล้ว
ดอกไม้ทั้งหลายก็กระจายเป็นเครื่องมุงบังดอกไม้
บูชาพระนราสภะโดยรอบ
[๕] ลำดับนั้น แผ่นดอกไม้นั้นมีขั้วอยู่ข้างใน มีหน้าอยู่ข้างนอก
ทำการมุงบังตลอด ๗ วัน
ต่อแต่นั้นก็อันตรธานไป
[๖] ข้าพเจ้าได้เห็นความอัศจรรย์ซึ่งไม่เคยมี
น่าขนพองสยองเกล้านั้นแล้ว
จึงทำจิตให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าผู้สุคต ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๗๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๒. ปุปผถูปิยเถราปทาน
[๗] ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น ข้าพเจ้าถูกกุศลมูลตักเตือนแล้ว
จึงไม่ไปเกิดยังทุคติเลย ตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๘] ในกัปที่ ๑,๐๑๕ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๒๕ ชาติ
มีพระนามว่าวิลามาลา มีพลานุภาพมาก
[๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเสเรยยกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เสเรยยกเถราปทานที่ ๑ จบ

๒. ปุปผถูปิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปุปผถูปิยเถระ
(พระปุปผถูปิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๐] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมพานต์ มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อกุกกุระ
พราหมณ์ผู้จบมนตร์ อยู่ในท่ามกลางภูเขานั้น
[๑๑] ศิษย์ ๑,๐๑๕ คน แวดล้อมข้าพเจ้าอยู่ทุกเมื่อ
และศิษย์เหล่านั้นเป็นผู้ลุกขึ้นก่อน(ตื่นก่อน) (และนอนทีหลัง)
แกล้วกล้าในมนตร์ทั้งหลาย(มาแจ้งแก่ข้าพเจ้าว่า)
[๑๒] พระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นแล้วในโลก
ขอท่านจงทราบเถิดว่า
พระองค์ทรงเจริญกว่าพวกเรา
พระองค์มีอนุพยัญชนะ ๘๐
มีพระลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ ประการ
[๑๓] พระชินวร มีพระรัศมีแผ่ไปข้างละหนึ่งวา
รุ่งโรจน์ดังดวงอาทิตย์
พราหมณ์ผู้จบมนตร์ ฟังคำของพวกศิษย์ดังนี้แล้ว

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๗๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๓. ปายาสทายกเถราปทาน
[๑๔] จึงออกจากอาศรม ถามถึงทิศกับศิษย์ทั้งหลายว่า
พระผู้มีพระภาคผู้มีความเพียรมาก
ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก ประทับอยู่ ณ ภูมิภาคใด
[๑๕] ข้าพเจ้าเห็นภูมิภาคนั้นแล้ว
จักนมัสการพระชินเจ้า ผู้ที่หาบุคคลเปรียบมิได้
ข้าพเจ้ามีจิตเบิกบาน มีใจยินดี
จึงบูชาพระตถาคตนั้น
[๑๖] มาเถิดศิษย์ทั้งหลาย พวกเราจักไปเฝ้าพระตถาคต
จักกราบไหว้พระยุคลบาทของพระศาสดาแล้ว
จักฟังคำสั่งสอนของพระชินเจ้า
[๑๗] ข้าพเจ้า ออกไปได้วันเดียวก็เกิดเจ็บไข้
ถูกความเจ็บไข้เบียดเบียน จึงเข้าไปนอนที่ศาลา
[๑๘] ข้าพเจ้าประชุมศิษย์ทั้งหมดแล้ว
ได้ถามพวกเขาถึงพระตถาคตว่า
พระคุณของพระผู้ทรงเป็นที่พึ่งของสัตว์โลก
ผู้มีปัญญาเครื่องตรัสรู้อย่างยอดเยี่ยม เป็นเช่นไร
[๑๙] ศิษย์เหล่านั้นถูกข้าพเจ้าถามแล้วได้ตอบตามที่ตนเห็นมา
แสดงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุดนั้น
เฉพาะหน้าของข้าพเจ้าโดยเคารพ
[๒๐] ข้าพเจ้าฟังคำของศิษย์เหล่านั้นแล้ว
จึงทำจิตของตนให้เลื่อมใส
ใช้ดอกไม้สร้างเป็นพระสถูปแล้ว ได้สิ้นชีวิตลง ณ ที่นั้น
[๒๑] ศิษย์เหล่านั้น เผาร่างกายของข้าพเจ้าแล้ว
ได้ไปในสำนักของพระพุทธเจ้า
ประคองอัญชลี ถวายอภิวาทพระศาสดา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๗๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๓. ปายาสทายกเถราปทาน
[๒๒] ข้าพเจ้าใช้ดอกไม้สร้างเป็นพระสถูปเพื่อพระสุคต
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
จึงไม่ไปเกิดยังทุคติเลยตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๒๓] ในกัปที่ ๔๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ
มีพระนามว่าอัคคิสมะ มีพลานุภาพมาก
[๒๔] ในกับที่ ๒๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๘ ชาติ
มีพระนามว่าฆฏาสนะ ทรงเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
[๒๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปุปผถูปิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปุปผถูปิยเถราปทานที่ ๒ จบ

๓. ปายาสทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปายาสทายกเถระ
(พระปายาสทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๖] พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
มีพระลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ ประการ
กำลังเสด็จออกจากป่า มีหมู่ภิกษุห้อมล้อม
[๒๗] ข้าพเจ้าประสงค์จะบูชายัญ
จึงคดข้าวปายาสใส่ถาดสำริด
แล้วน้อมนำเครื่องพลีกรรมเข้าไปด้วยมือตนเอง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๗๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๓. ปายาสทายกเถราปทาน
[๒๘] สมัยนั้น พระผู้มีพระภาค ผู้เจริญที่สุดในโลก
ทรงองอาจกว่านรชน เสด็จขึ้นสู่ที่จงกรมในอากาศซึ่งเป็นทางลม
[๒๙] ข้าพเจ้าได้เห็นความอัศจรรย์ซึ่งไม่เคยมี
น่าขนพองสยองเกล้านั้นแล้ว จึงวางถาดสำริดลง
ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
[๓๐] กราบทูลว่า ข้าแต่พระมหามุนี
พระองค์เป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้าในโลก
พร้อมทั้งเทวโลกและมนุษยโลก
ขอจงทรงอนุเคราะห์รับข้าวปายาสของข้าพระองค์เถิด
[๓๑] พระผู้มีพระภาคผู้สัพพัญญู ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
เป็นศาสดาผู้ยอดเยี่ยมในโลก
ทรงทราบความดำริของข้าพเจ้าแล้ว จึงทรงรับไว้
[๓๒] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายทานไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายข้าวปายาส
[๓๓] ในกัปที่ ๔๑ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าพุทธะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๓๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปายาสทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปายาสทายกเถราปทานที่ ๓ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๘๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๔. คันโธทกิยเถราปทาน
๔. คันโธทกิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระคันโธทกิยเถระ
(พระคันโธทกิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๕] ข้าพเจ้านั่งอยู่ในปราสาทที่ประเสริฐ
ได้เห็นพระชินเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
ทรงเหมือนต้นรกฟ้าที่งดงาม
เป็นพระสัพพัญญู ทรงเป็นผู้นำสูงสุด
[๓๖] พระองค์ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
เสด็จดำเนินไปในที่ไม่ไกลปราสาท
รัศมีของพระองค์สว่างไสว ในเมื่อดวงอาทิตย์อัสดงคตแล้ว
[๓๗] ข้าพเจ้าประคองน้ำหอม
ประพรม(บูชา)พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
แล้วสิ้นชีวิตลง ณ ที่นั้น ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น
[๓๘] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ประพรมน้ำหอมไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๓๙] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าสุคันธะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๔๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระคันโธทกิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
คันโธทกิยเถราปทานที่ ๔ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๘๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๕. สัมมุขาถวิกเถราปทาน
๕. สัมมุขาถวิกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสัมมุขาถวิกเถระ
(พระสัมมุขาถวิกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๑] เมื่อพระวิปัสสีโพธิสัตว์ประสูติ
ข้าพเจ้าพยากรณ์นิมิตและทำหมู่ชนให้เย็นใจว่า
พระโพธิสัตว์นี้จักเป็นพระพุทธเจ้าในโลก
[๔๒] อนึ่ง เมื่อพระผู้มีพระภาคพระองค์ใดประสูติ
หมื่นจักรวาลย่อมหวั่นไหว
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นศาสดา
ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่
[๔๓] อนึ่ง พระผู้มีพระภาคพระองค์ใดประสูติ
ได้มีแสงสว่างเจิดจ้า
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นศาสดา
ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่
[๔๔] อนึ่ง พระผู้มีพระภาคพระองค์ใดประสูติ
แม่น้ำทั้งหลายไม่ไหล
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นศาสดา
ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่
[๔๕] อนึ่ง พระผู้มีพระภาคพระองค์ใดประสูติ
ไฟในอเวจีนรกไม่ลุกโพลง
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นศาสดา
ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่
[๔๖] อนึ่ง พระผู้มีพระภาคพระองค์ใดประสูติ
หมู่นกไม่สัญจรไปมา
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เป็นศาสดา
ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๘๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๕. สัมมุขาถวิกเถราปทาน
[๔๗] อนึ่ง พระผู้มีพระภาคพระองค์ใดประสูติ
กองลมไม่พัด
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เป็นศาสดา
ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่
[๔๘] อนึ่ง พระผู้มีพระภาคพระองค์ใดประสูติ
รัตนะทุกชนิดส่องแสงโชติช่วง
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นศาสดา
ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่
[๔๙] อนึ่ง พระผู้มีพระภาคพระองค์ใดประสูติ
ทรงย่างพระบาทไปได้ ๗ ก้าว
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นศาสดา
ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่
[๕๐] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพอประสูติแล้วเท่านั้น
ก็ทรงเหลียวดูทิศทั้งปวง แล้วทรงเปล่งอาสภิวาจา๑
นี้เป็นธรรมดาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
[๕๑] ข้าพเจ้าทำหมู่ชนให้เกิดสังเวชแล้ว ชมเชย
พระผู้มีพระภาคผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
ถวายอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แล้วบ่ายหน้าหลีกไปทางทิศตะวันออก
[๕๒] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าชมเชยพระพุทธเจ้าไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการชมเชย

เชิงอรรถ :
๑ ดูเชิงอรรถข้อ ๒๓ หน้า ๒๖๔ ในเล่มนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๘๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๕. สัมมุขาถวิกเถราปทาน
[๕๓] ในกัปที่ ๙๐ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าสัมมุขาถวิกะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๔] ในกัปที่ ๘๙ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าปฐวีทุนทุภิ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๕] ในกัปที่ ๘๘ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าโอภาส
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๖] ในกัปที่ ๘๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าสริตัจเฉทนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๗] ในกัปที่ ๘๖ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าอัคคินิพพาปนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๘] ในกัปที่ ๘๕ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าวาตสมะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๙] ในกัปที่ ๘๔ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าคติปัจเฉทนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๖๐] ในกัปที่ ๘๓ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่ารัตนปัชชละ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๘๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๖. กุสุมาสนิยเถราปทาน
[๖๑] ในกัปที่ ๘๒ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าปทวิกกมนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๖๒] ในกัปที่ ๘๑ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าวิโลกนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๖๓] ในกัปที่ ๘๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าคิริสาระ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๖๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสัมมุขาถวิกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สัมมุขาถวิกเถราปทานที่ ๕ จบ

๖. กุสุมาสนิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระกุสุมาสนิยเถระ
(พระกุสุมาสนิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๖๕] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเกิดเป็นพราหมณ์อยู่ในกรุงธัญญวดี
เป็นผู้เชี่ยวชาญในคัมภีร์พยากรณ์ลักษณะ
คัมภีร์อิติหาสะ และไตรเพทพร้อมด้วยคัมภีร์นิฆัณฑุศาสตร์
และคัมภีร์เกฏุภศาสตร์๑
[๖๖] ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าใจตัวบท เข้าใจไวยากรณ์ ฉลาดในนิมิต
จบไตรเพทบอกมนตร์ให้ศิษย์ทั้งหลาย

เชิงอรรถ :
๑ ดูเชิงอรรถข้อ ๑๗๖ หน้า ๓๑ ในเล่มนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๘๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๗. ผลทายกเถราปทาน
[๖๗] ข้าพเจ้าวางดอกอุบล ๕ กำไว้บนหลังของข้าพเจ้า
ประสงค์จะบูชายัญ ในสมาคมบิดามารดา
[๖๘] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
ทรงองอาจกว่านรชน
มีหมู่ภิกษุห้อมล้อมเสด็จมาทำทิศทั้งปวงให้สว่างไสว
[๖๙] ข้าพเจ้าปูลาดอาสนะแล้วลาดดอกอุบลนั้น
นิมนต์พระมหามุนี นำเสด็จไปยังเรือนของตน
[๗๐] อามิสใดที่ข้าพเจ้าตระเตรียมไว้ มีอยู่ในเรือนของตน
ข้าพเจ้าเลื่อมใสได้ถวายอามิสนั้นแด่พระพุทธเจ้า
ด้วยมือทั้ง ๒ ของตน
[๗๑] ข้าพเจ้าทราบเวลาว่า พระผู้มีพระภาคเสวยเสร็จแล้ว
จึงได้ถวายดอกอุบลกำหนึ่ง
พระผู้มีพระภาคผู้สัพพัญญูทรงอนุโมทนาแล้ว
บ่ายพระพักตร์เสด็จหลีกไปทางทิศเหนือ
[๗๒] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายดอกไม้ไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายดอกไม้
[๗๓] ในกัปที่ต่อจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าวรทัสสนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๗๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระกุสุมาสนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
กุสุมาสนิยเถราปทานที่ ๖ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๘๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๗. ผลทายกเถราปทาน
๗. ผลทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระผลทายกเถระ
(พระผลทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๗๕] ข้าพเจ้าเป็นผู้คงแก่เรียน ทรงมนตร์ จบไตรเพท
อยู่ในอาศรมที่ไม่ไกลภูเขาหิมพานต์
[๗๖] เครื่องบูชาไฟและเมล็ดบัวขาวของข้าพเจ้ามีอยู่
ของทั้งหมดข้าพเจ้าใส่ไว้ในกระจาดแล้ว คล้องไว้ที่ยอดไม้
[๗๗] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้ทรงรู้แจ้งโลก
ผู้สมควรรับเครื่องบูชา พระองค์ประสงค์จะช่วยข้าพเจ้า
เมื่อจะเสด็จเที่ยวบิณฑบาต จึงเสด็จเข้ามาหาข้าพเจ้า
[๗๘] ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ได้ถวายเมล็ดบัวแด่พระพุทธเจ้า
พระองค์ทรงทำปีติให้เกิดแก่ข้าพเจ้า
ทรงนำความสุขมาให้ในปัจจุบัน
[๗๙] พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
ผู้สมควรรับเครื่องบูชา
ประทับยืนอยู่ในอากาศ ได้ตรัสพระคาถานี้ว่า
[๘๐] ด้วยการถวายเมล็ดบัวนี้ และด้วยการตั้งเจตนาไว้มั่น
ผู้นี้จะไม่ไปเกิดยังทุคติเลย ตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๘๑] ด้วยกุศลมูลนั้นนั่นแล ข้าพเจ้าได้เสวยสมบัติแล้ว
ละความชนะและความแพ้ได้แล้ว๑ บรรลุฐานะที่ไม่หวั่นไหว๒

เชิงอรรถ :
๑-๒ ดูเชิงอรรถข้อ ๙ หน้า ๒๐๓ ในเล่มนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๘๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๘. ญาณสัญญิกเถราปทาน
[๘๒] ในกัปที่ ๑๐๗ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าสุมังคละ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๘๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระผลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ผลทายกเถราปทานที่ ๗ จบ

๘. ญาณสัญญิกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระญาณสัญญิกเถระ
(พระญาณสัญญิกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๘๔] ข้าพเจ้าอยู่ในระหว่างภูเขา ที่ภูเขาหิมพานต์
ได้เห็นกองทรายงดงามแล้ว
หวนระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
[๘๕] การเปรียบเทียบในพระญาณไม่มี
สงคราม(คือการปรุงแต่ง)ไม่มีแก่พระศาสดา
พระศาสดาทรงรู้ธรรมทั้งปวงแล้ว ตัดสินใจด้วยพระญาณ
[๘๖] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นบุรุษอาชาไนย
ข้าพระองค์ขอนอบน้อมพระองค์
ข้าแต่พระองค์ทรงเป็นผู้สูงสุดแห่งบุรุษ ขอนอบน้อมพระองค์
ผู้ที่จะเสมอด้วยพระญาณของพระองค์ไม่มี
ตราบเท่าที่พระญาณสูงสุดของพระองค์ยังมีอยู่
[๘๗] ข้าพเจ้าทำจิตให้เลื่อมใสในพระญาณแล้ว
บันเทิงอยู่ในสวรรค์ตลอดกัปหนึ่ง
ในกัปทั้งหลายที่เหลือ ข้าพเจ้าทำกุศลไว้แล้ว

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๘๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๙. คัณฐิปุปผิยเถราปทาน
[๘๘] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ความทรงจำไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งความทรงจำในพระญาณ
[๘๙] ในกัปที่ ๗๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าปุฬินปุปผิยะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๙๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระญาณสัญญิกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ญาณสัญญิกเถราปทานที่ ๘ จบ

๙. คัณฐิปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระคัณฐิปุปผิยเถระ
(พระคัณฐิปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๙๑] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ ผู้สมควรแก่ทักษิณา
มีหมู่สาวกห้อมล้อม เสด็จออกจากอาราม
[๙๒] ข้าพเจ้าได้เห็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้า
ผู้ประเสริฐที่สุด หาอาสวะมิได้
จึงมีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี ได้ใช้พวงดอกไม้บูชา
[๙๓] ด้วยจิตที่เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาค
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่
ข้าพเจ้ามีจิตร่าเริง เบิกบาน ถวายอภิวาทพระตถาคตอีก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๘๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๑๐. ปทุมปูชกเถราปทาน
[๙๔] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๙๕] ในกัปที่ ๔๑ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าวรุณะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๙๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระคัณฐิปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
คัณฐิปุปผิยเถราปทานที่ ๙ จบ

๑๐. ปทุมปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปทุมปูชกเถระ
(พระปทุมปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๙๗] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมพานต์
มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อว่าโคตมะ
ดาษดื่นไปด้วยต้นไม้นานาชนิด
เป็นที่อยู่ของหมู่มหาภูต (คือยักษ์)
[๙๘] อาศรมได้สร้างไว้ในท่ามกลางภูเขานั้น
ข้าพเจ้ามีศิษย์ของตนห้อมล้อม
อยู่ในอาศรม (ได้กล่าวกับศิษย์ว่า)
[๙๙] มาเถิดคณะศิษย์ของเรา จงนำดอกปทุมมาให้เรา
เราจักทำการบูชาพระพุทธเจ้า แด่พระผู้มีพระภาค
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๙๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๑๐. ปทุมปูชกเถราปทาน
[๑๐๐] ศิษย์เหล่านั้นรับคำที่ข้าพเจ้าสั่งอย่างนี้แล้ว
จึงนำดอกปทุมมาให้ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าทำเครื่องหมายอย่างนั้นแล้ว จึงบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๐๑] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าประชุมศิษย์ทั้งหลายแล้ว
พร่ำสอนเป็นอย่างดีว่า
เธอทั้งหลายอย่าได้ประมาทเลย
ความไม่ประมาทเป็นเหตุนำความสุขมาให้
[๑๐๒] ข้าพเจ้าครั้นพร่ำสอนศิษย์ทั้งหลายของตน
ผู้อดทนต่อคำสอนอย่างนี้
ประกอบตนในคุณคือความไม่ประมาท
แล้วได้สิ้นชีวิตลงในครั้งนั้น
[๑๐๓] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๐๔] ในกัปที่ ๕๑ (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าชลุตตมะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๐๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปทุมปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปทุมปูชกเถราปทานที่ ๑๐ จบ
เสเรยยวรรคที่ ๑๓ จบบริบูรณ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๙๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. เสเรยยกเถราปทาน ๒. ปุปผถูปิยเถราปทาน
๓. ปายาสทายกเถราปทาน ๔. คันโธทกิยเถราปทาน
๕. สัมมุขาถวิกเถราปทาน ๖. กุสุมาสนิยเถราปทาน
๗. ผลทายกเถราปทาน ๘. ญาณสัญญิกเถราปทาน
๙. คัณฐิปุปผิยเถราปทาน ๑๐. ปทุมปูชกเถราปทาน

บัณฑิตผู้เห็นแจ้งอรรถรวบรวมคาถาไว้ ๑๐๕ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๙๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๔. โสภิตวรรค] ๑. โสภิตเถราปทาน
๑๔. โสภิตวรรค
หมวดว่าด้วยพระโสภิตะเป็นต้น
๑. โสภิตเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระโสภิตเถระ
(พระโสภิตเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] พระชินเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้เจริญที่สุดในโลก
ทรงองอาจกว่านรชน ทรงแสดงอมตบทแก่หมู่ชนจำนวนมากอยู่
[๒] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้ฟังพระดำรัสของพระองค์
ที่เปล่งออกด้วยอาสภิวาจา๑ แล้วจึงประคองอัญชลี
เป็นผู้มีจิตมีอารมณ์เดียว (กล่าวว่า)
[๓] สมุทรล้ำเลิศกว่าทะเลทั้งหลาย
ภูเขาสิเนรุประเสริฐกว่าภูเขาทั้งหลาย ฉันใด
ชนเหล่าใดเป็นไปตามอำนาจจิต
ชนเหล่านั้นไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งแห่งพุทธญาณ ฉันนั้น
[๔] พระพุทธเจ้าทรงเป็นฤๅษี
ทรงประกอบด้วยพระกรุณา ทรงพักการแสดงธรรมแล้ว
ประทับนั่งอยู่ในท่ามกลางหมู่ภิกษุ
ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
[๕] ผู้ใดสรรเสริญพระญาณในพระพุทธเจ้า ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
ผู้นั้นจะไม่ไปเกิดยังทุคติเลยตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๖] ผู้นั้นจักเผากิเลสทั้งหลายได้แล้ว
เป็นผู้มีจิตมีอารมณ์เดียว มีใจตั้งมั่น มีนามว่าโสภิตะ
เป็นสาวกของพระศาสดา

เชิงอรรถ :
๑ ดูเชิงอรรถข้อ ๒๓ หน้า ๒๖๔ ในเล่มนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๙๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๔. โสภิตวรรค] ๒. สุทัสสนเถราปทาน
[๗] ในกัปที่ ๑,๐๕๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ ชาติ
พระนามว่าสมุคคตะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๘] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้ว โดยลำดับ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว
[๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระโสภิตเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
โสภิตเถราปทานที่ ๑ จบ

๒. สุทัสสนเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสุทัสสนเถระ
(พระสุทัสสนเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๐] ที่ใกล้ฝั่งแม่น้ำอันกว้างใหญ่
มีต้นเลียบกำลังผลิผลอยู่มากมาย
เมื่อข้าพเจ้าแสวงหาต้นไม้นั้น
จึงได้เห็นพระผู้มีพระภาค ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
[๑๑] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเห็นต้นการะเกดมีดอกบานสะพรั่ง
จึงตัดที่ขั้วแล้ว บูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่าสิขี
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก (ด้วยกราบทูลว่า)
[๑๒] ข้าแต่พระมหามุนีพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐที่สุด
พระองค์ทรงบรรลุอมตบทที่ไม่จุติด้วยพระญาณใด
ข้าพระองค์ขอบูชาพระญาณนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๙๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๔. โสภิตวรรค] ๓. จันทนปูชกเถราปทาน
[๑๓] ครั้นข้าพเจ้าบูชาพระญาณแล้ว
จึงได้เห็นต้นเลียบ ข้าพเจ้าได้ปัญญานั้น
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระญาณ
[๑๔] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระญาณ
[๑๕] ในกัปที่ ๑๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๒ ชาติ
มีนามเหมือนกันว่าพลุคคตะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสุทัสสนเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สุทัสสนเถราปทานที่ ๒ จบ

๓. จันทนปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระจันทนปูชกเถระ
(พระจันทนปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๗] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นกินนร
อาศัยอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา
มีดอกไม้เป็นภักษา นุ่งห่มดอกไม้
[๑๘] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าอัตถทัสสี
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
เสด็จเหาะไปตามชายป่า ดังพญาหงส์ในท้องฟ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๙๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๔. โสภิตวรรค] ๓. จันทนปูชกเถราปทาน
[๑๙] (ข้าพเจ้ากราบทูลว่า) ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นบุรุษอาชาไนย
ข้าพระองค์ขอนอบน้อมพระองค์ จิตพระองค์บริสุทธิ์ดี
พระองค์มีสีพระพักตร์ผ่องใส มีพระทัยผ่องแผ้ว
[๒๐] พระผู้มีพระภาค ผู้มีปัญญาดังแผ่นดิน มีปัญญาดี
เสด็จลงจากอากาศ ทรงปูลาดผ้าสังฆาฏิแล้ว ประทับนั่งขัดสมาธิ
[๒๑] ข้าพเจ้าถือแก่นจันทน์หอมอย่างละเอียด
ได้ไปยังสำนักพระชินเจ้า
ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี ได้บูชาพระพุทธเจ้า
[๒๒] ข้าพเจ้าถวายอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
ทำความปราโมทย์ให้เกิดขึ้นแล้ว
บ่ายหน้าหลีกไปทางทิศเหนือ
[๒๓] ในกัปที่ ๑๑๘ (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพเจ้าได้ใช้แก่นจันทน์บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๒๔] ในกัปที่ ๑๑๔ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓ ชาติ
พระนามว่าโรหิณี มีพลานุภาพมาก
[๒๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระจันทนปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
จันทนปูชกเถราปทานที่ ๓ จบ
ภาณวารที่ ๘ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๙๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๔. โสภิตวรรค] ๔. ปุปผฉทนิยเถราปทาน
๔. ปุปผฉทนิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปุปผฉทนิยเถระ
(พระปุปผฉทนิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๖] พราหมณ์มีนามว่าสุนันทะ
เป็นผู้คงแก่เรียน จบมนตร์ เป็นผู้ควรแก่การขอ
ได้บูชายัญชื่อว่าวาชเปยยะ (กล่าวคำอ่อนหวาน)
[๒๗] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมุตตระ
ทรงรู้แจ้งโลก ทรงเป็นผู้เลิศ ทรงเป็นฤๅษี
ประกอบด้วยพระกรุณา ทรงอนุเคราะห์หมู่ชน
เสด็จจงกรมในอากาศ
[๒๘] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้สัพพัญญู
ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก ไม่มีอุปธิ
ครั้นเสด็จจงกรมแล้ว
ทรงแผ่เมตตาไปในหมู่สัตว์หาประมาณมิได้
[๒๙] พราหมณ์ผู้จบมนตร์ เด็ดดอกไม้ที่ขั้วแล้ว
ประชุมศิษย์ทั้งหมด ให้ช่วยกันโยนดอกไม้ขึ้นไปในอากาศ
[๓๐] ครั้งนั้น หลังคาดอกไม้ได้มีทั่วนคร
ไม่หายไปตลอด ๗ วัน ด้วยพุทธานุภาพ
[๓๑] ด้วยกุศลมูลนั้นนั่นเอง (ข้าพเจ้า) ได้เสวยสมบัติ
กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว
ข้ามกระแสตัณหาที่ซ่านไปในโลกได้แล้ว
[๓๒] ในกัปที่ ๑๑๑ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิ ๓๕ ชาติ
มีพระนามว่าอัมพรังสะ มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๙๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๔. โสภิตวรรค] ๕. รโหสัญญิกเถราปทาน
[๓๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปุปผฉทนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปุปผฉทนิยเถราปทานที่ ๔ จบ

๕. รโหสัญญิกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระรโหสัญญิกเถระ
(พระรโหสัญญิกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๔] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมพานต์
มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อว่าวสภะ
เขาได้สร้างอาศรมไว้สำหรับข้าพเจ้าที่เชิงภูเขานั้น
[๓๕] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นพราหมณ์
บอกมนตร์แก่ศิษย์ ๓๐,๐๐๐ คน
รวบรวมศิษย์เหล่านั้นแล้ว เข้าไปอยู่ ณ ที่สมควรแห่งหนึ่ง
[๓๖] ข้าพเจ้าเป็นพราหมณ์ผู้จบมนตร์ นั่ง ณ ที่สมควรแล้ว
แสวงหาพุทธเวท ทำจิตให้เลื่อมใสในพระญาณ
[๓๗] ข้าพเจ้าครั้นทำจิตให้เลื่อมใสในพระญาณนั้นแล้ว
นั่งขัดสมาธิอยู่บนเครื่องลาดใบไม้ ได้สิ้นชีวิตลง ณ ที่นั้น
[๓๘] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ความทรงจำไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งความทรงจำในพระญาณ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๙๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๔. โสภิตวรรค] ๖. จัมปกปุปผิยเถราปทาน
[๓๙] ในกัปที่ ๒๗ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดินามว่าสิรีธระ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๔๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระรโหสัญญิกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
รโหสัญญิกเถราปทานที่ ๕ จบ

๖. จัมปกปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระจัมปกปุปผิยเถระ
(พระจัมปกปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๑] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าเวสสภู
ผู้โชติช่วงดังดอกกรรณิการ์ ประทับนั่งอยู่ระหว่างภูเขา
ทรงทำทิศทั้งปวงให้สว่าง ดังดาวประกายพรึก
[๔๒] ได้มีมาณพ ๓ คน เป็นผู้ศึกษาดีแล้วในศิลปะของตน
คอนสาแหรกบริขารเดินตามหลังข้าพเจ้าไป
[๔๓] ข้าพเจ้าผู้มีตบะ ได้เก็บดอกจำปา ๗ ดอกใส่ไว้ในกระจาด
ข้าพเจ้าถือดอกไม้เหล่านั้นไปบูชาพระญาณ
ของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าเวสสภู
[๔๔] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระญาณ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๙๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๔. โสภิตวรรค] ๗. อัตถสันทัสสกเถราปทาน
[๔๕] ในกัปที่ ๒๙ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดินามว่าวิหตาภาส
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๔๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระจัมปกปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
จัมปกปุปผิยเถราปทานที่ ๖ จบ

๗. อัตถสันทัสสกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอัตถสันทัสสกเถระ
(พระอัตถสันทัสสกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๗] ข้าพเจ้านั่งอยู่ในโรงกว้างใหญ่
ได้เห็นพระผู้มีพระภาคทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
สิ้นอาสวะแล้ว บรรลุพลธรรม๑ มีหมู่ภิกษุห้อมล้อม
[๔๘] ภิกษุสงฆ์ประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ รูป
บรรลุวิชชา ๓ ได้อภิญญา ๖ มีฤทธิ์มาก
แวดล้อมพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ใครเล่าเห็นแล้วจะไม่เลื่อมใส
[๔๙] การเปรียบเทียบในพระญาณ
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใด
ไม่มีในโลกพร้อมทั้งเทวโลก
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้มีพระญาณไม่สิ้นสุด
ใครเล่าเห็นแล้วจะไม่เลื่อมใส

เชิงอรรถ :
๑ พลธรรม ได้แก่ วิริยพละ สติพละ สมาธิพละ ปัญญาพละ (ที.ปา. ๑๑/๓๑๑/๒๐๔)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๐๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๔. โสภิตวรรค] ๘. เอกรังสนิยเถราปทาน
[๕๐] อนึ่ง พระพุทธเจ้า ผู้ทรงแสดงธรรมกาย
ซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งรัตนะทั้งสิ้น
ชนทั้งหลายไม่สามารถจะให้กำเริบได้
ใครเล่าเห็นแล้วจะไม่เลื่อมใส
[๕๑] นารทพราหมณ์นั้น ชมเชยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระนามว่าปทุมุตตระ ผู้ไม่ทรงพ่ายแพ้
ด้วย ๓ คาถาเหล่านี้แล้ว ได้เดินไปข้างหน้า
[๕๒] ด้วยจิตที่เลื่อมใสและด้วยการชมเชยพระพุทธเจ้านั้น
ข้าพเจ้าจึงไม่ไปเกิดในทุคติเลย ตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๕๓] ในกัปที่ ๑๓๐ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าสุมิตตะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอัตถสันทัสสกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อัตถสันทัสสกเถราปทานที่ ๗ จบ

๘. เอกรังสนิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเอกรังสนิยเถระ
(พระเอกรังสนิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕๕] ชนทั้งหลายรู้จักข้าพเจ้าว่าเกสวะ โดยชื่อว่านารทะ
ข้าพเจ้าแสวงหากุศลและอกุศลอยู่
ได้ไปยังสำนักของพระพุทธเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๐๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๔. โสภิตวรรค] ๙. สาลทายกเถราปทาน
[๕๖] พระมหามุนีพระนามว่าอัตถทัสสี
มีพระทัยประกอบด้วยเมตตา
ประกอบด้วยพระกรุณามีพระจักษุพระองค์นั้น
เมื่อจะทรงปลอบโยนสัตว์ทั้งหลายให้เบาใจ จึงทรงแสดงธรรม
[๕๗] ข้าพเจ้าทำจิตของตนให้เลื่อมใสแล้ว
ประนมมือไว้เหนือเศียรเกล้า
ถวายอภิวาทพระศาสดาแล้ว
บ่ายหน้าหลีกไปทางทิศตะวันออก
[๕๘] ในกัปที่ ๑๑๗ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าอมิตตตาปนะ
ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีพลานุภาพมาก
[๕๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเอกรังสนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เอกรังสนิยเถราปทานที่ ๘ จบ

๙. สาลทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสาลทายกเถระ
(พระสาลทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๖๐] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเกิดเป็นพญาไกรสรพญาเนื้อมีชาติสูง
แสวงหาบ่อน้ำบนภูเขาอยู่
ได้เห็นพระผู้มีพระภาค ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
[๖๑] ข้าพเจ้าจึงคิดว่า พระมหาวีรเจ้าพระองค์นี้
ย่อมทำมหาชนให้สงบเย็นได้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๐๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๔. โสภิตวรรค] ๑๐. ผลทายกเถราปทาน
ทางที่ดีเราพึงเข้าไปเฝ้าพระองค์
ผู้เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ ทรงองอาจกว่านรชน
[๖๒] ข้าพเจ้าจึงหักกิ่งไม้สาละแล้วนำดอกมาพร้อมทั้งช่อ
เข้าไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ได้ถวายดอกไม้ชั้นดีเยี่ยม
[๖๓] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายดอกไม้
[๖๔] และในกัปที่ ๙ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓ ชาติ
มีพระนามว่าวิโรจนะ มีพลานุภาพมาก
[๖๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสาลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สาลทายกเถราปทานที่ ๙ จบ

๑๐. ผลทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระผลทายกเถระ
(พระผลทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๖๖] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นนายพรานเที่ยวฆ่าสัตว์อื่นมากมาย
นอนอยู่ที่เงื้อมเขา ไม่ไกลพระศาสดาพระนามว่าสิขี
[๖๗] ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้า
ผู้ทรงเป็นผู้นำชั้นเลิศของโลก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๐๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๔. โสภิตวรรค] ๑๐. ผลทายกเถราปทาน
ทั้งเวลาเย็น และเวลาเช้า
แต่ข้าพเจ้าไม่มีไทยธรรมที่จะถวาย
พระศาสดาผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่
[๖๘] จึงได้ถือผลมะหาด ไปยังสำนักพระพุทธเจ้า
พระผู้มีพระภาค ผู้เจริญที่สุดในโลก
ทรงองอาจกว่านรชน ทรงรับ (ผลมะหาด) ไว้แล้ว
[๖๙] ต่อจากนั้น ข้าพเจ้าได้ถือผลมะหาด
ไปปรนนิบัติพระองค์ผู้ทรงเป็นผู้นำวิเศษ
ข้าพเจ้าได้สิ้นชีวิตลง ณ ที่นั้นเอง ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น
[๗๐] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายผลมะหาดไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้
[๗๑] ในกัปที่ ๑๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓ ชาติ พระนามว่าปิยาลินะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๗๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระผลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ผลทายกเถราปทานที่ ๑๐ จบ
โสภิตวรรคที่ ๑๔ จบบริบูรณ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๐๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๔. โสภิตวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. โสภิตเถราปทาน ๒. สุทัสสนเถราปทาน
๓. จันทนปูชกเถราปทาน ๔. ปุปผฉทนิยเถราปทาน
๕. รโหสัญญิกเถราปทาน ๖. จัมปกปุปผิยเถราปทาน
๗. อัตถสันทัสสกเถราปทาน ๘. เอกรังสนิยเถราปทาน
๙. สาลทายกเถราปทาน ๑๐. ผลทายกเถราปทาน

บัณฑิตทั้งหลายรวบรวมคาถาไว้ ๗๒ คาถา ดังนี้แล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๐๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๕.ฉัตตวรรค] ๑. อธิฉัตติยเถราปทาน
๑๕. ฉัตตวรรค
หมวดว่าด้วยพระฉัตตะเป็นต้น
๑. อธิฉัตติยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอธิฉัตติยเถระ
(พระอธิฉัตติยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] เมื่อพระผู้มีพระภาคพระนามว่าอัตถทัสสี
ผู้สูงสุดแห่งนรชน เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
ข้าพเจ้าให้ช่างทำฉัตรเป็นชั้น ๆ บูชาไว้ที่พระสถูป
[๒] ข้าพเจ้าได้มานมัสการพระพุทธเจ้า
ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก ตามกาลอันสมควร
ได้ทำหลังคาดอกไม้บูชาไว้เหนือฉัตร
[๓] ในกัปที่ ๑๑๗ (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพเจ้าได้ครอบครองเทวสมบัติ
ไม่ไปเกิดเป็นมนุษย์เลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระสถูป
[๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอธิฉัตติยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อธิฉัตติยเถราปทานที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๐๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๕. ฉัตตวรรค] ๒. ถัมภาโรปกเถราปทาน
๒. ถัมภาโรปกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระถัมภาโรปกเถระ
(พระถัมภาโรปกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕] เมื่อพระผู้มีพระภาคผู้ทรงเป็นที่พึ่ง
ของสัตว์โลกพระนามว่าธัมมทัสสี
ทรงองอาจกว่านรชน เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
ข้าพเจ้าได้ยกเสาธงขึ้นไว้
ที่เจดีย์ของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
[๖] ข้าพเจ้าให้นายช่างสร้างบันได
แล้วขึ้นสู่พระสถูปที่ประเสริฐ
ได้ถือดอกมะลิไปบูชาที่พระสถูป
[๗] ช่างน่าอัศจรรย์ พระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ช่างน่าอัศจรรย์ พระธรรมทั้งหลาย
ช่างน่าอัศจรรย์ การที่ข้าพเจ้าได้มาประจวบพระศาสดา
ข้าพเจ้าจึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระสถูป
[๘] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ
มีพระนามว่าถูปสิขะ มีพลานุภาพมาก
[๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระถัมภาโรปกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ถัมภาโรปกเถราปทานที่ ๒ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๐๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๕. ฉัตตวรรค] ๓. เวทิการกเถราปทาน
๓. เวทิการกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเวทิการกเถระ
(พระเวทิการกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๐] เมื่อพระผู้มีพระภาค ผู้ทรงเป็นที่พึ่งของสัตว์โลก
พระนามว่าปิยทัสสี ทรงเป็นผู้สูงสุดแห่งนรชน
เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ได้กระทำแท่นสำหรับบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๑] ข้าพเจ้าให้ประดับล้อมไว้ด้วยแก้วมณีแล้ว
ได้กล่าวสรรเสริญพระพุทธเจ้าผู้สูงสุด
ทำการฉลองแท่นสำหรับบูชาแล้ว
ก็ได้สิ้นชีวิตลง ณ ที่นั้นเอง
[๑๒] ข้าพเจ้าเกิดในกำเนิดใด ๆ
คือจะเกิดเป็นเทวดาหรือมนุษย์ก็ตาม
ในกำเนิดนั้น ๆ เทวดาทั้งหลายย่อมทรงแก้วมณีไว้ในอากาศ
นี้เป็นผลแห่งบุญกรรม
[๑๓] ในกัปที่ ๑๑๖ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๒ ชาติ
มีพระนามว่ามณีปภา มีพลานุภาพมาก
[๑๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเวทิการกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เวทิการกเถราปทานที่ ๓ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๐๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๕. ฉัตตวรรค] ๔. สปริวาริยเถราปทาน
๔. สปริวาริยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสปริวาริยเถระ
(พระสปริวาริยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๕] พระชินสัมพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
รุ่งเรืองดังกองไฟ เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
[๑๖] ก็เมื่อพระมหาวีรเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
ได้มีพระสถูปที่กว้างใหญ่
ชนทั้งหลายบำรุงรักษาสิ่งของที่จะพึงถวายพระสถูป
ในห้องพระธาตุซึ่งประเสริฐที่สุด
[๑๗] ครั้งนั้น ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ได้ทำแท่นบูชาด้วยไม้จันทน์
ถวายธูปและของหอมที่สมควรแก่พระสถูป
[๑๘] ข้าพเจ้าเมื่อเกิดในภพใด ๆ
คือจะเกิดเป็นเทวดาหรือมนุษย์ก็ตาม
ในภพนั้น ๆ ไม่เห็นความต่ำต้อยของตนเลย
นี้เป็นผลแห่งบุพกรรม
[๑๙] ในกัปที่ ๑๑๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๘ ชาติ
มีพระนามว่าสมัตตะ มีพลานุภาพมาก
[๒๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสปริวาริยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สปริวาริยเถราปทานที่ ๔ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๐๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๕. ฉัตตวรรค] ๕. อุมาปุปผิยเถราปทาน
๕. อุมาปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอุมาปุปผิยเถระ
(พระอุมาปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๑] เมื่อพระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้อันชาวโลกบูชา ผู้สมควรรับเครื่องบูชา
เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
ได้มีการฉลองพระมหาสถูป
[๒๒] เมื่องานฉลองพระสถูป
ของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ กำลังดำเนินไปอยู่
ข้าพเจ้าได้ถือดอกฝ้ายไปบูชาที่พระสถูป
[๒๓] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาด้วยดอกไม้
[๒๔] ในกัปที่ ๙ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๘๕ ชาติ
มีพระนามว่าโสมเทพ มีพลานุภาพมาก
[๒๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอุมาปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อุมาปุปผิยเถราปทานที่ ๕ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๑๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๕. ฉัตตวรรค] ๖. อนุโลมทายกเถราปทาน
๖. อนุโลมทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอนุโลมทายกเถระ
(พระอนุโลมทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๖] ข้าพเจ้าได้ทำแท่นบูชาที่ต้นโพธิ์ของพระมุนีพระนามว่าอโนมทัสสี
ข้าพเจ้าใส่ก้อนปูนขาวแล้ว ปาดให้เกลี้ยงด้วยเกรียง (ของตนเอง)
[๒๗] พระศาสดาพระนามว่าอโนมทัสสีผู้สูงสุดแห่งนรชน
ทอดพระเนตรเห็นกรรมที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ดีนั้น
ประทับยืนอยู่ในท่ามกลางหมู่ภิกษุ ได้ตรัสพระคาถานี้ว่า
[๒๘] ด้วยผลกรรมคือการฉาบด้วยปูนขาวนี้
และด้วยการตั้งเจตนาไว้มั่น
ผู้นี้จักได้เสวยสมบัติแล้วทำที่สุดทุกข์ได้
[๒๙] ข้าพเจ้าเป็นผู้มีสีหน้าผ่องใส
เป็นผู้มีจิตมีอารมณ์เดียว มีใจตั้งมั่นด้วยดี
ทรงร่างกายอันมีในภพสุดท้ายอยู่
ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[๓๐] ในกัปที่ ๑๐๐ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าสัมปัสสนะ
บริบูรณ์ ไม่บกพร่อง มีพลานุภาพมาก
[๓๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอนุโลมทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อนุโลมทายกเถราปทานที่ ๖ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๑๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๕. ฉัตตวรรค] ๗. มัคคทายกเถราปทาน
๗. มัคคทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระมัคคทายกเถระ
(พระมัคคทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๒] พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระจักษุ
เสด็จข้ามแม่น้ำแล้วดำเนินไปสู่ป่า
ข้าพเจ้าได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
มีพระลักษณะอันประเสริฐพระองค์นั้น
[๓๓] ข้าพเจ้าจึงถือจอบและปุ้งกี๋มา
ปรับหนทางนั้นให้ราบเรียบ
ถวายอภิวาทพระศาสดาแล้ว ทำจิตของตนให้เลื่อมใส
[๓๔] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการทำทางถวาย
[๓๕] ในกัปที่ ๕๗ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งมีพระนามว่าสุปปพุทธะ
ผู้เป็นใหญ่ในหมู่ชน เป็นผู้นำ
[๓๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระมัคคทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
มัคคทายกเถราปทานที่ ๗ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๑๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๕. ฉัตตวรรค] ๘. ผลกทายกเถราปทาน
๘. ผลกทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระผลกทายกเถระ
(พระผลกทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๗] เมื่อก่อนข้าพเจ้าเป็นนายช่างทำยานพาหนะ
เป็นผู้ศึกษาดีในการงานของช่างไม้
ได้ใช้ไม้จันทน์ทำเป็นแผ่นกระดาน
แล้วถวายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก
[๓๘] วิมานทองคำที่บุญกรรมเนรมิตดีแล้วนี้ ส่องแสงสว่างไสว
ยานคือช้าง ยานคือม้า ซึ่งเป็นยานทิพย์ ได้ปรากฏแก่ข้าพเจ้า
[๓๙] ปราสาท วอ และแก้ว ประมาณมิได้
บังเกิดแก่ข้าพเจ้าตามปรารถนา
นี้เป็นผลแห่งการถวายแผ่นกระดาน
[๔๐] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายแผ่นกระดานไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายแผ่นกระดาน
[๔๑] ในกัปที่ ๕๗ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๔ ชาติ
พระนามว่าภวนิมมิตะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๔๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระผลกทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ผลกทายกเถราปทานที่ ๘ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๑๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๕. ฉัตตวรรค] ๙. วฏังสกิยเถราปทาน
๙. วฏังสกิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระวฏังสกิยเถระ
(พระวฏังสกิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๓] พระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระสยัมภู
ผู้ไม่ทรงพ่ายแพ้ พระนามว่าสุเมธะ
เมื่อจะทรงพอกพูนวิเวก๑จึงเสด็จเข้าป่าใหญ่
[๔๔] ข้าพเจ้าเห็นดอกช้างน้าวบานสะพรั่ง
จึงนำมาร้อยเป็นพวงมาลัย
บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก เฉพาะพระพักตร์ของพุทธเจ้า
[๔๕] ในกัปที่ ๓๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๔๖] ในกัปที่ ๑๑๙ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ
พระนามว่านิมมิตะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๔๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระวฏังสกิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
วฏังสกิยเถราปทานที่ ๙ จบ

เชิงอรรถ :
๑ วิเวก หมายถึงกายวิเวกและจิตตวิเวก (ขุ.อป.อ. ๒/๔๓/๑๙๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๑๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๕. ฉัตตวรรค] ๑๐. ปัลลังกทายกเถราปทาน
๑๐. ปัลลังกทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปัลลังกทายกเถระ
(พระปัลลังกทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๘] ข้าพเจ้าได้ถวายบัลลังก์พร้อมทั้งเพดานและผ้าคลุมอาสน์
แด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสุเมธะ
ผู้เจริญที่สุดในโลก ผู้คงที่
[๔๙] ครั้งนั้น บัลลังก์นั้นสมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ
ดังจะรู้ความคิดของข้าพเจ้า
จึงได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อ
[๕๐] ในกัปที่ ๓๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพเจ้าได้ถวายบัลลังก์ไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายบัลลังก์
[๕๑] ในกัปที่ ๒๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓ ชาติ
พระนามว่าสุวรรณาภะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปัลลังกทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปัลลังกทายกเถราปทานที่ ๑๐ จบ
ฉัตตวรรคที่ ๑๕ จบบริบูรณ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๑๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๕. ฉัตตวรรค] รวมอปาทานที่มีในวรรค
รวมอปาทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. อธิฉัตติยเถราปทาน ๒. ถัมภาโรปกเถราปทาน
๓. เวทิการกเถราปทาน ๔. สปริวาริยเถราปทาน
๕. อุมาปุปผิยเถราปทาน ๖. อนุโลมทายกเถราปทาน
๗. มัคคทายกเถราปทาน ๘. ผลกทายกเถราปทาน
๙. วฏังสกิยเถราปทาน ๑๐. ปัลลังกทายกเถราปทาน

บัณฑิตประกาศคาถาไว้ ๕๒ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๑๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๖. พันธุชีวกวรรค] ๑. พันธุชีวกเถราปทาน
๑๖. พันธุชีวกวรรค
หมวดว่าด้วยพระพันธุชีวกะเป็นต้น
๑. พันธุชีวกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระพันธุชีวกเถระ
(พระพันธุชีวกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ปราศจากมลทิน
บริสุทธิ์ ผ่องใส ไม่ขุ่นมัวดังดวงจันทร์
สิ้นความเพลิดเพลินในภพแล้ว
ทรงข้ามตัณหาที่ซ่านไปในโลกได้แล้ว
[๒] ทรงช่วยหมู่ชนให้สงบเย็น ทรงข้ามเองแล้ว
พาหมู่ชนให้ข้าม ทรงเป็นพระมุนี เข้าฌานอยู่ในป่า
เป็นผู้ มีจิตมีอารมณ์เดียว
มีพระหฤทัยตั้งมั่นด้วยดี
[๓] ข้าพเจ้าใช้ด้ายร้อยดอกชบาแล้วบูชา
พระพุทธเจ้าพระนามว่าสิขี พระองค์นั้น
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก
[๔] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๕] ในกัปที่ ๗ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าสมันตจักษุ
เป็นจอมมนุษย์ มียศใหญ่ มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๑๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๖. พันธุชีวกวรรค] ๒. ตัมพปุปผิยเถราปทาน
[๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระพันธุชีวกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
พันธุชีวกเถราปทานที่ ๑ จบ

๒. ตัมพปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระตัมพปุปผิยเถระ
(พระตัมพปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๗] ข้าพเจ้าเป็นผู้ขวนขวายในการงานของบุคคลอื่น
ได้ทำความผิดไว้แล้ว ประสบภัยเวร จึงวิ่งหนีไปตามราวป่า
[๘] ข้าพเจ้าได้เห็นต้นไม้มีดอกเป็นพวง
บานสะพรั่งที่ธรรมชาติสร้างไว้
จึงถือดอกแดง ๆ ไปเกลี่ยลงที่ต้นโพธิ์
[๙] ข้าพเจ้าได้กวาดต้นแคฝอย
ซึ่งเป็นต้นไม้เป็นที่ตรัสรู้ที่ประเสริฐนั้นแล้ว
เข้าไปนั่งขัดสมาธิที่โคนต้นโพธิ์
[๑๐] ชนทั้งหลายแสวงหาทางไปอยู่ ได้มายังสำนักของข้าพเจ้า
และข้าพเจ้าเห็นชนเหล่านั้น ณ ที่นั้นแล้ว
ระลึกถึงต้นโพธิ์ที่ประเสริฐ
[๑๑] ข้าพเจ้ามีจิตผ่องใส ไหว้ต้นโพธิ์แล้ว
ตกลงไปในเหวที่น่ากลัว ลึกหลายชั่วลำตาล
[๑๒] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๑๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๖. พันธุชีวกวรรค] ๓. วีถิสัมมัชชกเถราปทาน
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาต้นโพธิ์
[๑๓] ในกัปที่ ๓ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าสุสัญญตะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระตัมพปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ตัมพปุปผิยเถราปทานที่ ๒ จบ

๓. วีถิสัมมัชชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระวีถิสัมมัชชกเถระ
(พระวีถิสัมมัชชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๕] พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
มีพระรัศมีรุ่งเรืองดังดวงอาทิตย์อุทัย และดุจดวงจันทร์
เสด็จดำเนินไปดังดวงจันทร์ในวันเพ็ญ
[๑๖] ภิกษุสงฆ์ประมาณ ๖๘,๐๐๐ รูป
ล้วนเป็นพระขีณาสพ แวดล้อมพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระองค์นั้นผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์
ทรงองอาจกว่านรชน
[๑๗] เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก เสด็จดำเนินไป
ข้าพเจ้ามีจิตผ่องใส จึงกวาดถนนนั้น
แล้วได้ยกธงขึ้นที่ถนนนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๑๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๖. พันธุชีวกวรรค] ๔. กักการุปุปผปูชกเถราปทาน
[๑๘] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ธงบูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการยกธง(ถวายบูชา)
[๑๙] ในกัปที่ ๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระราชาปรากฏพระนามว่าสุธชะ
สมบูรณ์ด้วยอาการทุกอย่าง มีพลานุภาพมาก
[๒๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระวีถิสัมมัชชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
วีถิสัมมัชชกเถราปทานที่ ๓ จบ

๔. กักการุปุปผปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระกักการุปุปผปูชกเถระ
(พระกักการุปุปผปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๑] ข้าพเจ้าเป็นเทพบุตร บูชาพระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิขี
ผู้ทรงเป็นผู้นำ ได้ประคองดอกฟักทิพย์
บูชาพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น
[๒๒] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๒๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๖. พันธุชีวกวรรค] ๕. มันทารวปุปผปูชกเถราปทาน
[๒๓] และในกัปที่ ๙ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าสัตตุตตมะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๒๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระกักการุปุปผปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
กักการุปุปผปูชกเถราปทานที่ ๔ จบ

๕. มันทารวปุปผปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระมันทารวปุปผปูชกเถระ
(พระมันทารวปุปผปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๕] ข้าพเจ้าเป็นเทพบุตร บูชาพระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิขี
ผู้ทรงเป็นผู้นำ ได้บูชาพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ด้วยดอกมณฑารพ
[๒๖] พวงมาลัยทิพย์ได้เป็นหลังคา
อยู่เหนือพระตถาคตตลอด ๗ วัน
ประชาชนทั้งปวงมาประชุมกันนมัสการพระตถาคต
[๒๗] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๒๘] และในกัปที่ ๑๐ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าชุตินธระ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๒๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๖. พันธุชีวกวรรค] ๗. ติณสูลกเถราปทาน
[๒๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระมันทารวปุปผปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้
มันทารวปุปผปูชกเถราปทานที่ ๕ จบ

๖. กทัมพปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระกทัมพปุปผิยเถระ
(พระกทัมพปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๐] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมพานต์ มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อว่ากุกกุฏะ
มีพุทธะ๑ ๗ พระองค์อาศัยอยู่ที่เชิงภูเขานั้น
[๓๑] ข้าพเจ้าเห็นต้นกระทุ่มมีดอกบานสะพรั่ง
ดังดวงจันทร์ลอยเด่น (ในท้องฟ้า)
จึงใช้มือทั้ง ๒ ประคอง โปรยบูชาพุทธะทั้ง ๗ องค์
[๓๒] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพุทธะ
[๓๓] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ พระองค์
มีนามเหมือนกันว่าปุปผะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก

เชิงอรรถ :
๑ พุทธะ ในที่นี้หมายถึงพระปัจเจกพุทธเจ้า (ขุ.อป.อ. ๒/๓๐/๑๙๙)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๒๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๖. พันธุชีวกวรรค] ๗. ติณสูลกเถราปทาน
[๓๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระกทัมพปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
กทัมพปุปผิยเถราปทานที่ ๖ จบ

๗. ติณสูลกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระติณสูลกเถระ
(พระติณสูลกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๕] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมพานต์ มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อว่าภูตคณะ
พระสยัมภูชินเจ้าองค์หนึ่ง
ผู้สละโลกแล้ว อาศัยอยู่ที่ภูเขานั้น
[๓๖] ข้าพเจ้าถือดอกมะลิซ้อนไปบูชาพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้าพเจ้าจึงไม่ตกวินิบาตนรกตลอด ๙๐,๐๐๐ กัป
[๓๗] ในกัปที่ ๑๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าธรณีรุหะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๓๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระติณสูลกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ติณสูลกเถราปทานที่ ๗ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๒๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๖. พันธุชีวกวรรค] ๘. นาคปุปผิยเถราปทาน
๘. นาคปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระนาคปุปผิยเถระ
(พระนาคปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๙] (ข้าพเจ้าเป็น) พราหมณ์มีนามว่าสุวัจฉะ ผู้จบมนตร์
มีพวกศิษย์ของตนห้อมล้อม อาศัยอยู่ระหว่างภูเขา
[๔๐] พระชินเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้สมควรรับเครื่องบูชา
พระองค์ทรงประสงค์จะช่วยข้าพเจ้า(จากสังสารวัฏ)
จึงเสด็จมายังสำนักของข้าพเจ้า
[๔๑] พระองค์เสด็จจงกรมอยู่ในอากาศ
เหมือนประทีปที่กำลังลุกโพลง
ทรงทราบความร่าเริงของข้าพเจ้าแล้ว
บ่ายพระพักตร์เสด็จหลีกไปทางทิศตะวันออก
[๔๒] ข้าพเจ้าได้เห็นความอัศจรรย์ซึ่งไม่เคยมี
น่าขนพองสยองเกล้านั้นแล้ว
จึงเก็บเอาดอกกากะทิงไปโปรยลงที่ทางเสด็จไป
[๔๓] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้โปรยดอกไม้ไว้ ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น
ข้าพเจ้าจึงไม่ไปเกิดยังทุคติเลย
[๔๔] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่ามหารถ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๔๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระนาคปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
นาคปุปผิยเถราปทานที่ ๘ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๒๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๖. พันธุชีวกวรรค] ๙. ปุนนาคปุปผิยเถราปทาน
๙. ปุนนาคปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปุนนาคปุปผิยเถระ
(พระปุนนาคปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๖] ข้าพเจ้าเป็นนายพราน เข้าไปยังป่าดงทึบอาศัยอยู่
ได้เห็นดอกบุนนาคบานสะพรั่ง
จึงหวนระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
[๔๗] จึงเลือกเก็บดอกบุนนาคนั้น ซึ่งมีกลิ่นหอมยิ่งนักแล้ว
ก่อสถูปที่กองทราย บูชาพระพุทธเจ้า
[๔๘] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๔๙] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าตโมนุทะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปุนนาคปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
ปุนนาคปุปผิยเถราปทานที่ ๙ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๒๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๖. พันธุชีวกวรรค] ๑๐. กุมุททายกเถราปทาน
๑๐. กุมุททายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระกุมุททายกเถระ
(พระกุมุททายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕๑] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมพานต์
ได้มีสระธรรมชาติ (สระเกิดเอง) สระใหญ่
ดารดาษด้วยดอกปทุมและดอกอุบล
สะพรั่งไปด้วยดอกบุณฑริก
[๕๒] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเกิดเป็นนกมีนามว่ากุกกุฏะ เป็นสัตว์มีศีล
สมบูรณ์ด้วยวัตร ฉลาดในบุญและมิใช่บุญอาศัยอยู่ใกล้สระนั้น
[๕๓] พระมหามุนีพระนามว่าปทุมุตตระ ทรงรู้แจ้งโลก
ผู้สมควรรับเครื่องบูชา เสด็จจาริกไปในที่ไม่ไกลสระนั้น
[๕๔] ข้าพเจ้าหักดอกโกมุทซึ่งเกิดในน้ำแล้ว น้อมเข้าไปถวาย
พระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
ผู้พระมหามุนี ทรงทราบความดำริของข้าพเจ้าแล้ว จึงทรงรับไว้
[๕๕] ข้าพเจ้าครั้นถวายทานนั้นแล้ว ถูกกุศลมูลตักเตือนแล้ว
จึงไม่ไปเกิดยังทุคติเลยตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๕๖] ในกัปที่ ๑๑๖ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๘ ชาติ
มีพระนามว่าวรุณ มีพลานุภาพมาก
[๕๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระกุมุททายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
กุมุททายกเถราปทานที่ ๑๐ จบ
พันธุชีวกวรรคที่ ๑๖ จบบริบูรณ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๒๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๖. พันธุชีวกวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. พันธุชีวกเถราปทาน ๒. ตัมพปุปผิยเถราปทาน
๓. วีถิสัมมัชชกเถราปทาน ๔. กักการุปุปผปูชกเถราปทาน
๕. มันทารวปุปผปูชกเถราปทาน ๖. กทัมพปุปผิยเถราปทาน
๗. ติณสูลกเถราปทาน ๘. นาคปุปผิยเถราปทาน
๙. ปุนนาคปุปผิยเถราปทาน ๑๐. กุมุททายกเถราปทาน

บัณฑิตกล่าวคาถาไว้ ๕๖ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๒๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๗. สุปาริจริยวรรค] ๑. สุปาริจริยเถราปทาน
๑๗. สุปาริจริยวรรค
หมวดว่าด้วยพระสุปาริจริยะเป็นต้น
๑. สุปาริจริยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสุปาริจริยเถระ
(พระสุปาริจริยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมะ
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ทรงองอาจกว่านรชน
ทรงมีพระจักษุ เสด็จออกจากป่าใหญ่แล้ว ทรงแสดงธรรมอยู่
[๒] เทวดาได้ประชุมกันในที่ไม่ไกลพระผู้มีพระภาค
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
ในขณะนั้น เทวดาทั้งหลายมาประชุมกัน
ด้วยกิจบางอย่าง ได้เพ่งมองดู
[๓] ก็ข้าพเจ้าได้ทราบพระดำรัส ที่แสดงอมตธรรมของพระพุทธเจ้า
ก็มีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี ปรบมือแล้วจึงเข้าไปบำรุง
[๔] ข้าพเจ้าเห็นผลแห่งการบำรุงพระศาสดา
ที่ข้าพเจ้าประพฤติดีแล้ว ใน ๓๐,๐๐๐ กัป
ข้าพเจ้าจึงไม่ไปเกิดในทุคติเลย
[๕] ในกัปที่ ๑๒๙ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าสมลังกตะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสุปาริจริยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สุปาริจริยเถราปทานที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๒๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๗. สุปาริจริยวรรค] ๒. กณเวรปุปผิยเถราปทาน
๒. กณเวรปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระกณเวรปุปผิยเถระ
(พระกณเวรปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๗] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ ผู้เจริญที่สุดในโลก
ทรงองอาจกว่านรชน มีหมู่สาวกห้อมล้อม
เสด็จดำเนินไปยังนคร
[๘] ข้าพเจ้าได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้คุ้มครองภายในพระราชวัง
จึงเข้าไปในปราสาท ได้เห็นพระผู้มีพระภาค
ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
[๙] ข้าพเจ้าจึงถือดอกยี่โถไปโปรยลงในท่ามกลางหมู่ภิกษุ
แบ่งโปรยลงสำหรับพระพุทธเจ้ายิ่งกว่านั้น
[๑๐] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๑] ในกัปที่ ๘๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๔ ชาติ พระนามว่ามหิทธิกะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระกณเวรปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
กณเวรปุปผิยเถราปทานที่ ๒ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๒๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๗. สุปาริจริยวรรค] ๓. ขัชชกทายกเถราปทาน
๓. ขัชชกทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระขัชชกทายกเถระ
(พระขัชชกทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๓] เมื่อก่อน ข้าพเจ้าได้ถวายผลไม้
แด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าติสสะ
และได้ถวายผลมะพร้าวและของควรเคี้ยวที่รู้กันดี
[๑๔] ข้าพเจ้าครั้นถวายผลไม้นั้นแด่พระพุทธเจ้าพระนามว่าติสสะ
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่แล้ว
ย่อมบันเทิง มีความประสงค์สิ่งที่น่าปรารถนา
ก็บรรลุได้ตามปรารถนา
[๑๕] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายทานไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้
[๑๖] ในกัปที่ ๑๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าอินทสมะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระขัชชกทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ขัชชกทายกเถราปทานที่ ๓ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๓๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๗. สุปาริจริยวรรค] ๕. กณิการฉัตติยเถราปทาน
๔. เทสปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเทสปูชกเถระ
(พระเทสปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๘] ก็พระผู้มีพระภาคพระนามว่าอัตถทัสสี
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
เสด็จเหาะขึ้นสู่ท้องฟ้าไปในอากาศ
[๑๙] พระศาสดามหามุนี ประทับอยู่ในภูมิภาคใดแล้วเสด็จเหาะขึ้นไป
ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส ได้บูชาภูมิภาคนั้นด้วยมือทั้งสองของตน
[๒๐] ในกัปที่ ๑๑๘ (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพเจ้าได้เห็นพระมหามุนี
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาภูมิภาค(ที่พระองค์ประทับ)
[๒๑] ในกัปที่ ๑๑๑ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าโคสุชาตะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๒๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเทสปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เทสปูชกเถราปทานที่ ๔ จบ

๕. กณิการฉัตติยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระกณิการฉัตติยเถระ
(พระกณิการฉัตติยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๓] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าเวสสภู
ผู้เจริญที่สุดในโลก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๓๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๗. สุปาริจริยวรรค] ๖. สัปปิทายกเถราปทาน
ทรงองอาจกว่านรชน เป็นมุนี
เสด็จเข้าป่าใหญ่ เพื่อทรงพักกลางวัน
[๒๔] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้เก็บดอกกรรณิการ์มาทำเป็นร่ม
ได้ทำเพดานดอกไม้บูชาพระพุทธเจ้า
[๒๕] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๒๖] ในกัปที่ ๒๐ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๘ ชาติ พระนามว่าโสณณาภะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๒๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระกณิการฉัตติยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
กณิการฉัตติยเถราปทานที่ ๕ จบ

๖. สัปปิทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสัปปิทายกเถระ
(พระสัปปิทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๘] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าผุสสะ
ผู้สมควรรับเครื่องบูชา ผู้แกล้วกล้า
ทรงช่วยมหาชนให้สงบเย็น เสด็จดำเนินไปตามถนน
[๒๙] พระผู้มีพระภาค เสด็จมาถึงสำนักของข้าพเจ้าโดยลำดับ
ขณะนั้น ข้าพเจ้ารับบาตรแล้ว ได้ถวายเนยใสและน้ำมัน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๓๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๗. สุปาริจริยวรรค] ๗. ยุธิกปุปผิยเถราปทาน
[๓๐] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายเนยใสและน้ำมันไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายเนยใสและน้ำมัน
[๓๑] ในกัปที่ ๕๖ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าสโมทกะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๓๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสัปปิทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สัปปิทายกเถราปทานที่ ๖ จบ

๗. ยุธิกปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระยุธิกปุปผิยเถระ
(พระยุธิกปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๓] ข้าพเจ้าเที่ยวไปตามกระแสน้ำ ใกล้ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา
ณ ที่นั้น ข้าพเจ้าได้เห็นพระสยัมภูพุทธเจ้า
ผู้ดังต้นพญาไม้สาละมีดอกบานสะพรั่ง
[๓๔] ข้าพเจ้าได้ถือดอกเข็มเข้าเฝ้าพระมหามุนี
มีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี ได้บูชาพระพุทธเจ้า
[๓๕] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๓๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๗. สุปาริจริยวรรค] ๘. ทุสสทายกเถราปทาน
[๓๖] ในกัปที่ ๖๗ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าสามุทธระ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๓๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระยุธิกปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ยุธิกปุปผิยเถราปทานที่ ๗ จบ

๘. ทุสสทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระทุสสทายกเถระ
(พระทุสสทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๘] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นราชโอรสอยู่ในติวรานครที่น่ารื่นรมย์
ได้เครื่องบรรณาการแล้ว จึงได้ถวายพระผู้มีพระภาค ผู้สงบระงับ
[๓๙] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
ทรงรับ(เครื่องบรรณาการ)แล้วใช้พระหัตถ์ลูบผ้า
ครั้นทรงรับแล้ว ได้เสด็จเหาะขึ้นสู่นภากาศ
[๔๐] เมื่อพระพุทธเจ้ากำลังเสด็จไป
ผ้าปลิวตามไปเบื้องพระปฤษฎางค์
ข้าพเจ้าทำจิตให้เลื่อมใสในพระองค์ว่า
พระพุทธเจ้าของพวกเราทรงเป็นบุคคลผู้เลิศ
[๔๑] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายผ้าไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๓๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๗. สุปาริจริยวรรค] ๙. สมาทปกเถราปทาน
[๔๒] ในกัปที่ ๖๗ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าปริสุทธะ
เป็นจอมมนุษย์ มีพลานุภาพมาก
[๔๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระทุสสทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ทุสสทายกเถราปทานที่ ๘ จบ

๙. สมาทปกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสมาทปกเถระ
(พระสมาทปกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๔] ได้มีการประชุมอุบาสกจำนวนมากในกรุงพันธุมดี
ข้าพเจ้าเป็นหัวหน้าอุบาสกเหล่านั้น
อุบาสกเหล่านั้นเป็นคนรับใช้ข้าพเจ้า
[๔๕] ข้าพเจ้าเรียกประชุมอุบาสกเหล่านั้นทั้งหมด
แล้วชักชวนในการทำบุญว่า
เราทั้งหลายจักทำปะรำถวายแด่พระสงฆ์
ผู้เป็นเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยม
[๔๖] อุบาสกเหล่านั้นรับคำว่า ดีละ
แล้วดำเนินไปตามความพอใจของข้าพเจ้า
พวกเราทั้งหลายสร้างปะรำให้เสร็จแล้ว
ได้ถวายพระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
[๔๗] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้สร้างปะรำถวายไว้ในครั้งนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๓๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๗. สุปาริจริยวรรค] ๑๐. ปัญจังคุลิยเถราปทาน
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการสร้างปะรำถวาย
[๔๘] ในกัปที่ ๕๙ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าอาเทยยะ
ผู้เป็นใหญ่ในหมู่ชน มีพลานุภาพมาก
[๔๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสมาทปกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สมาทปกเถราปทานที่ ๙ จบ

๑๐. ปัญจังคุลิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปัญจังคุลิยเถระ
(พระปัญจังคุลิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕๐] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าติสสะ
ผู้ทรงเป็นที่พึ่งของสัตว์โลก ทรงองอาจกว่านรชน
เป็นพระมุนี ทรงฉลาดในวิหารธรรม
กำลังเสด็จเข้าไปยังพระคันธกุฎี
[๕๑] ข้าพเจ้าได้ถือของหอมและพวงมาลัยไปยังสำนักพระชินเจ้า
แต่ข้าพเจ้ามีศรัทธาน้อยในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
จึงได้ถวายเครื่องลูบไล้ด้วยนิ้วทั้ง ๕๑
[๕๒] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ของหอมบูชาไว้

เชิงอรรถ :
๑ หมายถึงแตะด้วยนิ้วมือทั้ง ๕ นิ้ว เป็นการแสดงความเคารพอย่างหนึ่ง (ขุ.อป.อ. ๒/๔๙/๒๑๔)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๓๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๗. สุปาริจริยวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งเครื่องลูบไล้ด้วยนิ้วทั้ง ๕
[๕๓] ในกัปที่ ๗๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าสยัมปภะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปัญจังคุลิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปัญจังคุลิยเถราปทานที่ ๑๐ จบ
สุปาริจริยวรรคที่ ๑๗ จบบริบูรณ์

รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. สุปาริจริยเถราปทาน ๒. กณเวรปุปผิยเถราปทาน
๓. ขัชชกทายกเถราปทาน ๔. เทสปูชกเถราปทาน
๕. กณิการฉัตติยเถราปทาน ๖. สัปปิทายกเถราปทาน
๗. ยุธิกปุปผิยเถราปทาน ๘. ทุสสทายกเถราปทาน
๙. สมาทปกเถราปทาน ๑๐. ปัญจังคุลิยเถราปทาน

มีคาถา ๕๔ คาถา ฉะนี้แล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๓๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๘. กุมุทวรรค] ๑. กุมุทมาลิยเถราปทาน
๑๘. กุมุทวรรค
หมวดว่าด้วยพระกุมุทะเป็นต้น
๑. กุมุทมาลิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระกุมุทมาลิยเถระ
(พระกุมุทมาลิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมพานต์
ได้มีสระธรรมชาติสระใหญ่
ข้าพเจ้าเป็นผีเสื้อน้ำดุร้าย มีกำลังมาก เกิดอยู่ใกล้สระนั้น
[๒] ดอกโกมุทบานโตประมาณเท่าล้อ เกิดอยู่ในสระนั้น
และในครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้เก็บดอกโกมุทที่มีฝักไว้
[๓] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าอัตถทัสสี
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ องอาจกว่านรชน
ทอดพระเนตรเห็นดอกโกมุทที่หุบแล้ว
จึงเสด็จมายังสำนักของข้าพเจ้า
[๔] ข้าพเจ้าได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ
ทรงองอาจกว่านรชน เสด็จเข้ามา
จึงหยิบดอกโกมุททั้งหมดบูชาพระพุทธเจ้า
[๕] ครั้งนั้น ดอกไม้ที่ภูเขาหิมพานต์มีอยู่ประมาณเท่าใด
พระตถาคตมีดอกไม้ประมาณเท่านั้นเป็นหลังคาเสด็จไป
[๖] ในกัปที่ ๑๑๘ (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๗] ในกัปที่ ๑๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ ชาติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๓๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๘. กุมุทวรรค] ๒. นิสเสณิทายกเถราปทาน
มีพระนามว่าสหัสสรถ
ผู้เป็นใหญ่ในหมู่ชน มีพลานุภาพมาก
[๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระกุมุทมาลิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
กุมุทมาลิยเถราปทานที่ ๑ จบ

๒. นิสเสณิทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระนิสเสณิทายกเถระ
(พระนิสเสณิทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๙] ข้าพเจ้าให้สร้างบันไดสำหรับเสด็จขึ้นปราสาท
ถวายพระผู้มีพระภาคพระนามว่าโกณฑัญญะ
ผู้ทรงเป็นที่พึ่งของสัตว์โลก ผู้คงที่
[๑๐] ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น ข้าพเจ้าเสวยสมบัติแล้ว
ทรงร่างกายอันมีในภพสุดท้ายอยู่
ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[๑๑] ในกัปที่ ๓๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓ ชาติ
พระนามว่าสัมพหุละ มีพลานุภาพมาก
[๑๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระนิสเสณิทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
นิสเสณิทายกเถราปทานที่ ๒ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๓๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๘. กุมุทวรรค] ๓. รัตติปุปผิยเถราปทาน
๓. รัตติปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระรัตติปุปผิยเถระ
(พระรัตติปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๓] เมื่อก่อน ข้าพเจ้าเป็นพรานเนื้ออยู่ในป่าดงทึบ
ได้เห็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
ผู้เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ ทรงองอาจกว่านรชน
[๑๔] ข้าพเจ้าเห็นต้นมวกเหล็กขึ้นบนแผ่นดิน
มีดอกบานสะพรั่งอยู่กลางคืนจึงเก็บมาพร้อมทั้งขั้ว
น้อมเข้าไปถวายแด่พระพุทธเจ้า
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
[๑๕] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายดอกไม้
[๑๖] และในกัปที่ ๘ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าสุปปสันนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระรัตติปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
รัตติปุปผิยเถราปทานที่ ๓ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๔๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๘. กุมุทวรรค] ๕. สีหาสนทายกเถราปทาน
๔. อุทปานทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอุทปานทายกเถระ
(พระอุทปานทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๘] ข้าพเจ้าได้ขุดบ่อน้ำ ถวายพระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
และในครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้นำบิณฑบาตไปถวาย
[๑๙] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการขุดบ่อน้ำถวาย
[๒๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอุทปานทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อุทปานทายกเถราปทานที่ ๔ จบ

๕. สีหาสนทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสีหาสนทายกเถระ
(พระสีหาสนทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๑] เมื่อพระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้ทรงเป็นที่พึ่งของสัตว์โลก ทรงเป็นผู้นำ
เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี ได้ถวายพระแท่นสีหาสน์
[๒๒] ชนจำนวนมาก ทำการบูชาด้วยของหอมและดอกไม้มากมาย
ที่พระแท่นสีหาสน์อันนำความสุขมาให้ในปัจจุบัน แล้วสงบเย็น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๔๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๘. กุมุทวรรค] ๖. มัคคทัตติกเถราปทาน
[๒๓] ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี ไหว้ต้นโพธิ์ที่ประเสริฐแล้ว
ไม่ไปเกิดในทุคติเลยตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๒๔] ในกัปที่ ๑,๐๑๕ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๘ ชาติ
มีพระนามว่าสิลุจจยะ
[๒๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสีหาสนทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สีหาสนทายกเถราปทานที่ ๕ จบ

๖. มัคคทัตติกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระมัคคทัตติกเถระ
(พระมัคคทัตติกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๖] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าอโนมทัสสี
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์
ทรงองอาจกว่านรชน เสด็จจงกรมอยู่ในที่แจ้ง
เพื่อประโยชน์สุขในปัจจุบัน
[๒๗] เมื่อพระผู้มีพระภาคยกพระบาทขึ้น
ดอกไม้งดงามลอยอยู่เหนือพระเศียร
ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ถวายอภิวาทแล้ว จึงโปรยดอกไม้
[๒๘] ในกัปที่ ๒๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕ ชาติ
พระนามว่าปุปผฉทนิยะ มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๔๒ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๘. กุมุทวรรค] ๗. เอกทีปิยเถราปทาน
[๒๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระมัคคทัตติกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
มัคคทัตติกเถราปทานที่ ๖ จบ

๗. เอกทีปิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเอกทีปิยเถระ
(พระเอกทีปิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๐] ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ได้ถวายประทีปดวงหนึ่งไว้ที่ต้นช้างน้าว
ซึ่งเป็นต้นไม้เป็นที่ตรัสรู้ที่ประเสริฐ
ของพระมุนีพระนามว่าปทุมุตตระ
[๓๑] เมื่อข้าพเจ้าเกิดอยู่ในภพ ที่มีการสั่งสมบุญเกิดขึ้น
ข้าพเจ้าจึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายประทีป
[๓๒] ในกัปที่ ๑๖,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๔ ชาติ
มีพระนามว่าจันทาภะ มีพลานุภาพมาก
[๓๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเอกทีปิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เอกทีปิยเถราปทานที่ ๗ จบ
ภาณวารที่ ๙ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๔๓ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๘. กุมุทวรรค] ๙. ติกิจฉกเถราปทาน
๘. มณิปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระมณิปูชกเถระ
(พระมณิปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๔] แม่น้ำสายหนึ่งไหลผ่านไปภายในภูเขาหิมพานต์
ครั้งนั้น พระสยัมภูพุทธเจ้าประทับอยู่ริมฝั่งแม่น้ำนั้น
[๓๕] ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ได้ประคองบัลลังก์แก้วอันวิจิตรด้วยดี
เป็นที่น่ารื่นรมย์ใจ บูชาพระพุทธเจ้า
[๓๖] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้แก้วมณีบูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๓๗] และในกัปที่ ๑๒ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๘ ชาติ
มีพระนามว่าสตรังสี มีพลานุภาพมาก
[๓๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระมณิปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
มณิปูชกเถราปทานที่ ๘ จบ

๙. ติกิจฉกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระติกิจฉกเถระ
(พระติกิจฉกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๙] ข้าพเจ้าเป็นหมอ ศึกษาดีแล้ว อยู่ในกรุงพันธุมดี
เป็นผู้นำความสุขมาให้แก่มหาชนผู้มีโรคภัย มีทุกข์สาหัส

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๔๔ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๘. กุมุทวรรค] ๑๐. สังฆุปัฏฐากเถราปทาน
[๔๐] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเห็นพระสมณะผู้มีศีล รุ่งเรืองมาก เจ็บไข้
มีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี จึงได้ถวายยา (บำบัดไข้)
[๔๑] พระสมณะผู้สำรวมอินทรีย์มีนามว่าอโศก
ผู้เป็นอุปัฏฐากของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
หายจากโรคด้วยยานั้นนั่นแล
[๔๒] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายยาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายยา
[๔๓] ในกัปที่ ๘ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีนามว่าสัพโพสธะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๔๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระติกิจฉกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ติกิจฉกเถราปทานที่ ๙ จบ

๑๐. สังฆุปัฏฐากเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสังฆุปัฏฐากเถระ
(พระสังฆุปัฏฐากเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๕] ในสมัยพระผู้มีพระภาคนามว่าเวสสภู
ข้าพเจ้าเป็นคนวัดมีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ได้อุปัฏฐากพระสงฆ์ผู้ประเสริฐสุด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๔๕ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๘. กุมุทวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
[๔๖] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการอุปัฏฐาก
[๔๗] ในกัปที่ ๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ ชาติ พระนามว่าสโมตถกะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๔๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสังฆุปัฏฐากเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สังฆุปัฏฐากเถราปทานที่ ๑๐ จบ
กุมุทวรรคที่ ๑๘ จบบริบูรณ์

รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. กุมุทมาลิยเถราปทาน ๒. นิสเสณิทายกเถราปทาน
๓. รัตติปุปผิยเถราปทาน ๔. อุทปานทายกเถราปทาน
๕. สีหาสนทายกเถราปทาน ๖. มัคคทัตติกเถราปทาน
๗. เอกทีปิยเถราปทาน ๘. มณิปูชกเถราปทาน
๙. ติกิจฉกเถราปทาน ๑๐. สังฆุปัฏฐากเถราปทาน

มีคาถา ๔๙ คาถา ฉะนี้แล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๔๖ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๙. กุฏชปุปผิยวรรค] ๑. กุฏชปุปผิยเถราปทาน
๑๙. กุฏชปุปผิยวรรค
หมวดว่าด้วยพระกุฏชปุปผิยะเป็นต้น
๑. กุฏชปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระกุฏชปุปผิยเถระ
(พระกุฏชปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
ดังดวงอาทิตย์อุทัย ทรงเหลียวดูทิศ เสด็จเหาะไปในอากาศ
[๒] ข้าพเจ้าเห็นดอกโมกมันบานสะพรั่ง
ทั้งดอกใหญ่และดอกเล็ก จึงเก็บมาจากต้น
แล้วบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าผุสสะ
[๓] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๔] ในกัปที่ ๑๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓ ชาติ พระนามว่าสุปุปผิตะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระกุฏชปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
กุฏชปุปผิยเถราปทานที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๔๗ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๙. กุฏชปุปผิยวรรค] ๒. พันธุชีวกเถราปทาน
๒. พันธุชีวกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระพันธุชีวกเถระ
(พระพันธุชีวกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๖] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าโสภิตะ
ผู้ซึ่งสัตบุรุษสรรเสริญแล้ว
พระองค์ประทับนั่งเข้าสมาธิอยู่ในระหว่างภูเขา
[๗] ข้าพเจ้าแสวงหาดอกบัวงามในสระธรรมชาติ
แต่ได้เห็นดอกชบาในที่ใกล้
[๘] ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ใช้มือทั้ง ๒ ประคองแล้ว
เข้าเฝ้าพระมหามุนี แล้วบูชาพระโสภิตพุทธเจ้า
[๙] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๐] ในกัปที่ ๑๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งมีพระนามว่าสมุททกัปปะ
ผู้เป็นใหญ่ในหมู่ชน มีพลานุภาพมาก
[๑๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระพันธุชีวกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
พันธุชีวกเถราปทานที่ ๒ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๔๘ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๙. กุฏชปุปผิยวรรค] ๓. โกฏุมพริยเถราปทาน
๓. โกฏุมพริยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระโกฏุมพริยเถระ
(พระโกฏุมพริยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๒] พระผู้มีพระภาค ผู้รุ่งเรืองดังดอกกรรณิการ์
มีพระคุณหาประมาณมิได้ดุจทะเล แผ่กว้างดังแผ่นดิน
ประทับนั่งอยู่ในระหว่างภูเขา
[๑๓] อันหมู่เทวดาบูชาแล้ว ดุจม้าอาชาไนยตัวองอาจ
ผู้สูงสุดแห่งนรชน
ข้าพเจ้ามีจิตร่าเริง เบิกบาน จึงเข้าเฝ้าพระองค์
[๑๔] ข้าพเจ้าได้ประคองดอกไม้ และผ้าขนสัตว์เนื้อดี
บูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่าสิขี ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก
[๑๕] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๖] ในกัปที่ ๒๐ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งมีพระนามว่ามหาเนละ
มีเดชมาก มีพลานุภาพมาก
[๑๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระโกฏุมพริยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
โกฏุมพริยเถราปทานที่ ๓ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๔๙ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๙. กุฏชปุปผิยวรรค] ๔. ปัญจหัตถิยเถราปทาน
๔. ปัญจหัตถิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปัญจหัตถิยเถระ
(พระปัญจหัตถิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๘] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าติสสะ ผู้เจริญที่สุดในโลก
ทรงองอาจกว่านรชน มีหมู่สาวกห้อมล้อม
เสด็จดำเนินไปตามถนน
[๑๙] ข้าพเจ้าเป็นบุตร
ประสงค์จะถวายเครื่องบูชาเพื่อให้สำเร็จประโยชน์
จึงวางดอกอุบล ๕ กำ และ ๔ กำ (ไว้ที่ใกล้เท้า)
[๒๐] ข้าพเจ้าสัมผัสพระพุทธรัศมีแล้ว
จึงบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้สูงสุดแห่งเทวดาและมนุษย์ มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
กำลังเสด็จดำเนินอยู่ในระหว่างร้านตลาด
[๒๑] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๒๒] ในกัปที่ ๑๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕ ชาติ
พระนามว่าสุลภสัมมตะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๒๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปัญจหัตถิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปัญจหัตถิยเถราปทานที่ ๔ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๕๐ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๙. กุฏชปุปผิยวรรค] ๕. อิสิมุคคทายกเถราปทาน
๕. อิสิมุคคทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอิสิมุคคทายกเถระ
(พระอิสิมุคคทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๔] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้ทรงเป็นผู้นำ มีพระรัศมีรุ่งเรืองดุจดวงอาทิตย์อุทัย
ดุจดวงจันทร์ ดุจต้นรกฟ้าที่งดงาม
[๒๕] ข้าพเจ้าแม้ยืนอยู่ในปราสาท
ก็นิมนต์พระฤๅษีผู้ยิ่งใหญ่
แล้วได้ถวายรวงผึ้งเล็กที่ไม่มีตัวอ่อนแด่พระองค์
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก
[๒๖] ข้าพเจ้าได้ถวายน้ำผึ้งจนเต็มบาตรสาวกของพระพุทธเจ้า
ประมาณ ๘๐๐,๐๐๐ รูป หรือมากกว่านั้น
[๒๗] ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น
ข้าพเจ้าถูกกุศลมูลตักเตือนแล้ว
จึงไม่ไปเกิดในทุคติเลยตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๒๘] ในกัปที่ ๔๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๘ ชาติ
มีพระนามว่ามหิสมันตะ มีพลานุภาพมาก
[๒๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอิสิมุคคทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อิสิมุคคทายกเถราปทานที่ ๕ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๕๑ }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๙. กุฏชปุปผิยวรรค] ๗. เอกจินติกเถราปทาน
๖. โพธิอุปัฏฐายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระโพธิอุปัฏฐายกเถระ
(พระโพธิอุปัฏฐายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๐] ข้าพเจ้าเป็นคนตีตะโพนอยู่ในกรุงรัมมวดี
จึงไปยังต้นโพธิ์ที่ประเสริฐ
ประกอบทำการบำรุงเป็นนิตย์
[๓๑] ข้าพเจ้าบำรุงทั้งเวลาเย็นและเวลาเช้า
ถูกกุศลมูลตักเตือนแล้ว
จึงไม่ไปเกิดในทุคติเลยตลอด ๑๑๘ กัป
[๓๒] ในกัปที่ ๑๑๕ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าทมถะ
เป็นใหญ่ในหมู่ชน มีพลานุภาพมาก
[๓๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระโพธิอุปัฏฐายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
โพธิอุปัฏฐายกเถราปทานที่ ๖ จบ

๗. เอกจินติกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเอกจินติกเถระ
(พระเอกจินติกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๔] ในกาลใด เทวดาจะจุติจากหมู่เทวดาเพราะสิ้นอายุ
ในกาลนั้น เทวดาผู้พลอยยินดีย่อมเปล่งเสียง ๓ ประการว่า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๓๕๒ }


>>>>> หน้าต่อไป >>>>>





eXTReMe Tracker