ค้นว่าอยู่เล่มใด แล้วกด [ctrl]+f หรือใช้คำสั่งของเครื่องหาตำแหน่งในเล่มอีกทีนะครับ



จัดรูปหน้าใหม่
เพื่อความสะดวก และสวยงาม
(เฉพาะหน้าจอใหญ่ เช่น คอมพิวเตอร์)
กรุณาคลิก จัดรูปหน้าใหม่
เพื่อให้กรอบ
ค้นข้อความ ปรากฎที่ด้านซ้ายของหน้า

พระไตรปิฎกภาษาไทย
ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ๔๕ เล่ม (ปกสีฟ้า)
ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
ที่มาของข้อมูล : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับ มจร.
MCUTRAI Version 1.0

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๘-๒ วินัยปิฎกที่ ๐๘ ปริวาร

พระวินัยปิฎก
ปริวาร
_____________
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑาทิ
๒. กายสังสัคคสิกขาบท
ถาม : ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสเพราะการถูกต้องกายกับมาตุคามเป็นปัจจัย ณ
ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุทายี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีถูกต้องกายกับมาตุคาม
ในกายสังสัคคสิกขาบทนั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทาง
วาจา
๓. ทุฏฐุลลวาจาสิกขาบท
ถาม : ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสเพราะการพูดเกี้ยวมาตุคามด้วยวาจาชั่วหยาบ
เป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุทายี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีพูดเกี้ยวมาตุคามด้วยวาจาชั่วหยาบ
ในทุฏฐุลลวาจาสิกขาบทนั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิด
ทางวาจา (๒) เกิดทางวาจากับจิต มิใช่เกิดทางกาย (๓) เกิดทางกายวาจากับจิต

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๘๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑาทิ
๔. อัตตกามปาริจริยสิกขาบท
ถาม : ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสเพราะการกล่าวสรรเสริญการบำเรอความใคร่
ของตน ต่อหน้ามาตุคามเป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุทายี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีกล่าวสรรเสริญการบำเรอความใคร่ของ
ตนต่อหน้ามาตุคาม
ในอัตตกามปาริจริยสิกขาบทนั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๕. สัญจริตตสิกขาบท
ถาม : ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสเพราะการทำหน้าที่ชักสื่อเป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุทายี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีทำหน้าที่ชักสื่อ
ในสัญจริตตสิกขาบทนั้นมี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วย ๖ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกาย มิใช่เกิด
ทางวาจา มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางวาจา มิใช่เกิดทางกาย มิใช่เกิดทางจิต
(๓) เกิดทางกายกับวาจา มิใช่เกิดทางจิต (๔) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
(๕) เกิดทางวาจากับจิต มิใช่เกิดทางกาย (๖) เกิดทางกายวาจากับจิต

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๘๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑาทิ
๖. กุฏิการสิกขาบท
ถาม : ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสเพราะการสร้างกุฎีด้วยเครื่องอุปกรณ์ที่ขอมา
เองเป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ เมืองอาฬวี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุชาวเมืองอาฬวี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุชาวเมืองอาฬวีสร้างกุฎีด้วยเครื่องอุปกรณ์ที่ขอมาเอง
ในกุฏิการสิกขาบทมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๗. วิหารการสิกขาบท
ถาม : ทรงบัญญัติสังฆาทิเสส เพราะการสร้างวิหารใหญ่เป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงโกสัมพี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระฉันนะ
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระฉันนะแผ้วถางพื้นที่สร้างวิหาร ได้สั่งให้ตัดไม้รุกข
เจดีย์ต้นหนึ่ง
ในวิหารการสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๘. ปฐมทุฏฐโทสสิกขาบท
ถาม : ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสเพราะการใส่ความภิกษุด้วยอาบัติปาราชิกไม่มีมูล
เป็นปัจจัย ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๘๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑาทิ
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพระเมตติยะและพระภุมมชกะ
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พระเมตติยะและพระภุมมชกะใส่ความท่านพระทัพพมัลลบุตร
ด้วยอาบัติปาราชิกไม่มีมูล
ในปฐมทุฏฐโทสสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๙. ทุติยทุฏฐโทสสิกขาบท
ถาม : ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสเพราะการอ้างเอาบางส่วนแห่งอธิกรณ์เรื่องอื่น
เป็นเลสใส่ความภิกษุด้วยอาบัติปาราชิกเป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพระเมตติยะและพระภุมมชกะ
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พระเมตติยะและพระภุมมชกะอ้างเอาบางส่วนแห่งอธิกรณ์
เรื่องอื่นเป็นเลศใส่ความท่านพระทัพพมัลลบุตรด้วยอาบัติปาราชิก
ในทุติยทุฏฐโทสสิกขาบทนั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๑๐. สังฆเภทสิกขาบท
ถาม : ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสเพราะการไม่สละกรรม จนกระทั่งสงฆ์สวด
สมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้งเป็นปัจจัยแก่ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๘๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑาทิ
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพระเทวทัต
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พระเทวทัตพยายามเพื่อทำลายสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกัน
ในสังฆเภทสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

๑๑. สังฆเภทานุวัตตกสิกขาบท
ถาม : ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสเพราะการไม่สละกรรมจนกระทั่งสงฆ์สวด
สมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้งเป็นปัจจัยแก่ภิกษุที่ประพฤติตามสนับสนุนแก่ภิกษุผู้
พยายามทำลายสงฆ์ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปประพฤติตามสนับสนุนพระเทวทัตผู้พยายาม
ทำลายสงฆ์
ในสังฆเภทานุวัตตกสิกขาบทนั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

๑๒. ทุพพจสิกขาบท
ถาม : ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสเพราะการไม่สละกรรมจนกระทั่งสงฆ์สวด
สมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้งเป็นปัจจัยแก่ภิกษุผู้ว่ายาก ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงโกสัมพี
ถาม : ทรงปรารภใคร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๘๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑาทิ
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระฉันนะ
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระฉันนะถูกภิกษุทั้งหลายว่ากล่าวตักเตือนโดยชอบ
ธรรม กลับทำตนให้เป็นที่ว่ากล่าวตักเตือนไม่ได้
ในทุพพจสิกขาบทนั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

๑๓. กุลทูสกสิกขาบท
ถาม : ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสเพราะการไม่สละกรรมจนกระทั่งสงฆ์สวด
สมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้งเป็นปัจจัยแก่ภิกษุผู้ประทุษร้ายตระกูล ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุพวกพระอัสสชิและพระปุนัพพสุกะ
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุพวกพระอัสสชิและพระปุนัพพสุกะถูกสงฆ์ลงปัพพาชนีย
กรรมแล้วกลับกล่าวหาว่าพวกภิกษุลำเอียงเพราะชอบ ลำเอียงเพราะชัง ลำเอียง
เพราะหลง ลำเอียงเพราะกลัว
ในกุลทูสกสิกขาบทนั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๘๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์
๗. เสขิยกัณฑ์
คำถาม - คำตอบในเสขิยกัณฑ์
ฯลฯ
๗. ปาทุกวรรค
ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๕
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติทุกกฏเพราะภิกษุไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลายลง
ในน้ำเป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ ถ่ายอุจจาระบ้าง ปัสสาวะบ้าง
บ้วนน้ำลายบ้างลงในน้ำ
ในสิกขาบทที่ ๑๕ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต
มิใช่เกิดทางวาจา
กัตถปัญญัตติวารที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๘๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
๒. กตาปัตติวาร
วาระว่าด้วยต้องอาบัติเท่าไร
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบจำนวนอาบัติในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑
[๑๙๓] ถาม : เพราะการเสพเมถุนธรรมเป็นปัจจัย ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : เพราะการเสพเมถุนธรรมเป็นปัจจัย ต้องอาบัติ ๔ อย่าง คือ
๑. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในซากศพที่ยังมิได้ถูกสัตว์กัดกิน ต้องอาบัติ
ปาราชิก
๒. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในซากศพที่ถูกสัตว์กัดกินโดยมาก ต้องอาบัติ
ถุลลัจจัย
๓. ภิกษุสอดองคชาตเข้าในปากที่อ้าแต่มิได้ถูกต้อง ต้องอาบัติทุกกฏ
๔. ภิกษุณีต้องอาบัติปาจิตตีย์ เพราะใช้ท่อนยาง
เพราะการเสพเมถุนธรรมเป็นปัจจัย ต้องอาบัติ ๔ อย่างเหล่านี้

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๒
ถาม : เพราะการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้เป็นปัจจัย ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : เพราะการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้เป็นปัจจัย ต้องอาบัติ ๓
อย่าง คือ
๑. ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้ โดยส่วนแห่งจิตคิดจะลัก มีราคา ๕
มาสก หรือเกินกว่า ๕ มาสก ต้องอาบัติปาราชิก
๒. ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้ โดยส่วนแห่งจิตคิดจะลัก มีราคาเกิน
กว่า ๑ มาสก หรือน้อยกว่า ๕ มาสก ต้องอาบัติถุลลัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๘๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
๓. ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้ โดยส่วนแห่งจิตคิดจะลัก มีราคา ๑
มาสก หรือน้อยกว่า ๑ มาสก ต้องอาบัติทุกกฏ
เพราะการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้เป็นปัจจัย ต้องอาบัติ ๓ อย่างเหล่านี้

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๓
ถาม : เพราะความจงใจพรากกายมนุษย์จากชีวิตเป็นปัจจัย ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : เพราะความจงใจพรากกายมนุษย์จากชีวิตเป็นปัจจัย ต้องอาบัติ ๓
อย่าง คือ
๑. ขุดหลุมพรางไว้เจาะจงมนุษย์ว่า “บุคคลชื่อนี้จะตกลงไปตาย” ต้อง
อาบัติทุกกฏ
๒. เมื่อบุคคลชื่อนั้นตกไปได้รับทุกขเวทนา ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. เขาตาย ต้องอาบัติปาราชิก
เพราะความจงใจพรากกายมนุษย์จากชีวิตเป็นปัจจัย ต้องอาบัติ ๓ อย่าง
เหล่านี้
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๔
ถาม : เพราะการกล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรมที่ไม่มีอยู่ ไม่เป็นจริงเป็นปัจจัย
ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : เพราะการกล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรมที่ไม่มีอยู่ ไม่เป็นจริงเป็นปัจจัย
ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. ภิกษุมีความปรารถนาชั่ว ถูกความอยากครอบงำ กล่าวอวดอุตตริ-
มนุสสธรรมที่ไม่มีอยู่ ไม่เป็นจริง ต้องอาบัติปาราชิก
๒. ภิกษุกล่าวว่า “ภิกษุรูปใดอยู่ในวิหารของท่าน ภิกษุรูปนั้นเป็นพระ
อรหันต์” เมื่อผู้อื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๘๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑาทิ
เพราะการกล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรมที่ไม่มีอยู่ไม่เป็นจริงเป็นปัจจัย ต้อง
อาบัติ ๓ อย่างเหล่านี้
ปาราชิก ๔ สิกขาบท จบ

๒. สังฆาทิเสสกัณฑาทิ
คำถาม - คำตอบจำนวนอาบัติในสังฆาทิเสสกัณฑ์เป็นต้น
๑. สุกกวิสัฏฐิสิกขาบท
[๑๙๔] ถาม : เพราะการพยายามทำน้ำอสุจิให้เคลื่อนเป็นปัจจัย ภิกษุต้อง
อาบัติเท่าไร
ตอบ : เพราะการพยายามทำน้ำอสุจิให้เคลื่อนเป็นปัจจัย ภิกษุต้องอาบัติ ๓
อย่าง คือ
๑. จงใจ พยายาม น้ำอสุจิเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
๒. จงใจ พยายาม น้ำอสุจิไม่เคลื่อน ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
เพราะการพยายามทำน้ำอสุจิให้เคลื่อนเป็นปัจจัย ภิกษุต้องอาบัติ ๓ อย่าง
เหล่านี้
๒. กายสังสัคคสิกขาบท
ถาม : เพราะการถูกต้องกายเป็นปัจจัย ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : เพราะการถูกต้องกายเป็นปัจจัย ต้องอาบัติ ๕ อย่าง คือ
๑. ภิกษุณีมีความกำหนัด ยินดีการจับต้องกายของชายผู้กำหนัด
บริเวณใต้รากขวัญลงมา เหนือหัวเข่าขึ้นไป ต้องอาบัติปาราชิก
๒. ภิกษุใช้กายจับต้องกาย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
๓. ใช้กายจับต้องของที่เนื่องด้วยกาย ต้องอาบัติถุลลัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๙๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑาทิ
๔. ใช้ของที่เนื่องด้วยกายจับต้องของที่เนื่องด้วยกาย ต้องอาบัติทุกกฏ
๕. ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เพราะจี้ด้วยนิ้วมือ
เพราะการถูกต้องกายเป็นปัจจัย ต้องอาบัติ ๕ อย่างเหล่านี้

๓. ทุฏฐุลลวาจาสิกขาบท
เพราะการพูดเกี้ยวมาตุคามด้วยวาจาชั่วหยาบเป็นปัจจัย ภิกษุต้องอาบัติ ๓
อย่าง คือ
๑. พูดชมบ้าง พูดติบ้าง พาดพิงถึงทวารหนัก ทวารเบา ต้อง อาบัติ
สังฆาทิเสส
๒. พูดชมบ้าง พูดติบ้าง พาดพิงถึงบริเวณใต้รากขวัญลงมา เหนือเข่า
ขึ้นไป เว้นทวารหนัก ทวารเบา ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. พูดชมบ้าง พูดติบ้าง พาดพิงถึงของเนื่องด้วยกาย ต้องอาบัติทุกกฏ

๔. อัตตกามปาริจริยสิกขาบท
เพราะการกล่าวสรรเสริญการบำเรอความใคร่ของตนเป็นปัจจัย ภิกษุต้อง
อาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. กล่าวสรรเสริญการบำเรอความใคร่ของตนต่อหน้ามาตุคาม ต้อง
อาบัติสังฆาทิเสส
๒. กล่าวสรรเสริญการบำเรอความใคร่ของตนต่อหน้าบัณเฑาะก์ ต้อง
อาบัติถุลลัจจัย
๓. กล่าวสรรเสริญการบำเรอความใคร่ของตนต่อหน้าสัตว์ดิรัจฉาน ต้อง
อาบัติทุกกฏ

๕. สัญจริตตสิกขาบท
เพราะการทำหน้าที่ชักสื่อเป็นปัจจัย ภิกษุต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. รับคำ ไปบอก กลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
๒. รับคำ ไปบอก ไม่กลับมาบอก ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. รับคำ ไม่ไปบอก ไม่กลับมาบอก ต้องอาบัติทุกกฏ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๙๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑาทิ
๖. กุฏิการสิกขาบท
เพราะการสร้างกุฎีด้วยการขอเอาเองเป็นปัจจัย ภิกษุต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. กำลังใช้ให้สร้าง ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. ยังเหลืออิฐอีกก้อนหนึ่งจะเสร็จ ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. อิฐก้อนสุดท้ายเสร็จแล้ว ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

๗. วิหารการสิกขาบท
เพราะการสร้างวิหารใหญ่เป็นปัจจัย ภิกษุต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. กำลังใช้ให้สร้าง ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. ยังเหลืออิฐอีกก้อนหนึ่งจึงจะเสร็จ ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. อิฐก้อนสุดท้ายเสร็จแล้ว ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

๘. ปฐมทุฏฐโทสสิกขาบท
เพราะการใส่ความภิกษุด้วยอาบัติปาราชิกที่ไม่มีมูลเป็นปัจจัย ภิกษุต้องอาบัติ
๓ อย่าง คือ
๑. ไม่ขอโอกาสก่อน มีความประสงค์จะให้พ้นจากพรหมจรรย์ จึงโจท
ต้องอาบัติทุกกฏกับสังฆาทิเสส
๒. ขอโอกาสก่อน มีความประสงค์จะด่า จึงโจท ต้องอาบัติ เพราะ
กล่าวเสียดสี

๙. ทุติยทุฏฐโทสสิกขาบท
เพราะการอ้างเอาบางส่วนแห่งอธิกรณ์เรื่องอื่นเป็นเลศใส่ความภิกษุด้วยปาราชิก
เป็นปัจจัย ภิกษุต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. ไม่ขอโอกาสก่อน มีความประสงค์จะให้พ้นจากพรหมจรรย์ จึงโจท
ต้องอาบัติทุกกฏกับสังฆาทิเสส
๒. ขอโอกาสก่อน มีความประสงค์จะด่า จึงโจท ต้องอาบัติ เพราะ
กล่าวเสียดสี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๙๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๒. สังฆาทิเสสกัณฑาทิ
๑๐. สังฆเภทสิกขาบท
เพราะการไม่สละ(เรื่องนั้น)จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้งเป็นปัจจัย
ภิกษุผู้ทำสงฆ์ให้แตกกัน ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

๑๑. สังฆเภทานุวัตตกสิกขาบท
เพราะการไม่สละ(เรื่องนั้น)จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้งเป็นปัจจัย
ภิกษุที่ประพฤติตามสนับสนุนภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

๑๒. ทุพพจสิกขาบท
เพราะการไม่สละ(เรื่องนั้น)จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้งเป็นปัจจัย
ภิกษุผู้ว่ายาก ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

๑๓. กุลทูสกสิกขาบท
เพราะการไม่สละ(เรื่องนั้น)จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้งเป็นปัจจัย
ภิกษุผู้ประทุษร้ายตระกูล ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
สังฆาทิเสส ๑๓ สิกขาบท จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๙๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๓. วิปัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
๗. เสขิยกัณฑ์
คำถาม - คำตอบจำนวนอาบัติในเสขิยกัณฑ์
ฯลฯ
๗. ปาทุกวรรค
ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๕
ถาม : เพราะการถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลายลงในน้ำเป็นปัจจัย
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : เพราะการถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลายลงในน้ำเป็นปัจจัย
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
เพราะการถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะหรือบ้วนน้ำลายลงในน้ำเป็นปัจจัย ภิกษุผู้ไม่
เอื้อเฟื้อ ต้องอาบัติ ๑ อย่างนี้
กตาปัตติวารที่ ๒ จบ

๓. วิปัตติวาร
วาระว่าด้วยเป็นวิบัติ
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบวิบัติในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑
[๑๙๕] ถาม : อาบัติเพราะการเสพเมถุนธรรมเป็นปัจจัย บรรดาวิบัติ ๔
อย่าง จัดเป็นวิบัติเท่าไร
ตอบ : อาบัติเพราะการเสพเมถุนธรรมเป็นปัจจัย บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง จัดเป็น
วิบัติ ๒ อย่าง คือ (๑) สีลวิบัติ (๒) อาจารวิบัติ
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๙๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๔. สังคหิตวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
๗. เสขิยกัณฑ์
คำถาม - คำตอบวิบัติในเสขิยกัณฑ์
ฯลฯ
๗. ปาทุกวรรค
ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๕
ถาม : อาบัติเพราะความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลาย
ลงในน้ำเป็นปัจจัย บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติเท่าไร
ตอบ : อาบัติเพราะความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลาย
ลงในน้ำเป็นปัจจัย บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติ ๑ อย่าง คือ อาจารวิบัติ
วิปัตติวารที่ ๓ จบ

๔. สังคหิตวาร
วาระว่าด้วยจัดเข้ากองอาบัติ
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบจัดกองอาบัติในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑
[๑๙๖] ถาม : อาบัติเพราะการเสพเมถุนธรรมเป็นปัจจัย บรรดากองอาบัติ
๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติเท่าไร
ตอบ : อาบัติเพราะการเสพเมถุนธรรมเป็นปัจจัย บรรดากองอาบัติ ๗ กอง
จัดเข้ากองอาบัติ ๔ กอง คือ (๑) กองอาบัติปาราชิก (๒) กองอาบัติถุลลัจจัย
(๓) กองอาบัติปาจิตตีย์ (๔) กองอาบัติทุกกฏ
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๙๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๕. สมุฏฐานวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
๗. เสขิยกัณฑ์
คำถาม - คำตอบจัดกองอาบัติในเสขิยกัณฑ์
ฯลฯ
๗. ปาทุกวรรค
ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๕
ถาม : อาบัติเพราะความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลาย
ลงในน้ำเป็นปัจจัย บรรดากองอาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติเท่าไร
ตอบ : อาบัติเพราะความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลาย
ลงในน้ำเป็นปัจจัย บรรดากองอาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติ ๑ กอง คือ กอง
อาบัติทุกกฏ
สังคหิตวารที่ ๔ จบ

๕. สมุฏฐานวาร
วาระว่าด้วยสมุฏฐาน
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสมุฏฐานอาบัติในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑
[๑๙๗] ถาม : อาบัติเพราะการเสพเมถุนธรรมเป็นปัจจัย บรรดาสมุฏฐานแห่ง
อาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
ตอบ : อาบัติเพราะการเสพเมถุนธรรมเป็นปัจจัย บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิด
ทางวาจา
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๙๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๖. อธิกรณวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
๗. เสขิยกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสมุฏฐานอาบัติในเสขิยกัณฑ์
ฯลฯ
๗. ปาทุกวรรค
ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๕
ถาม : อาบัติเพราะความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลาย
ลงในน้ำเป็นปัจจัย บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
ตอบ : อาบัติเพราะความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลาย
ลงในน้ำเป็นปัจจัย บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑
สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ
สมุฏฐานวารที่ ๕ จบ

๖. อธิกรณวาร
วาระว่าด้วยจัดเป็นอธิกรณ์
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบอธิกรณ์ในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑
[๑๙๘] ถาม : อาบัติเพราะการเสพเมถุนธรรมเป็นปัจจัย บรรดาอธิกรณ์ ๔
อย่าง จัดเป็นอธิกรณ์ไหน
ตอบ : อาบัติเพราะการเสพเมถุนธรรมเป็นปัจจัย บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง
จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๙๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๗. สมถวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
๗. เสขิยกัณฑ์
คำถาม - คำตอบอธิกรณ์ในเสขิยกัณฑ์
ฯลฯ
๗. ปาทุกวรรค
ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๕
ถาม : อาบัติเพราะความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลาย
ลงในน้ำเป็นปัจจัย บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง จัดเป็นอธิกรณ์ไหน
ตอบ : อาบัติเพราะความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลาย
ลงในน้ำเป็นปัจจัย บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์
อธิกรณวารที่ ๖ จบ

๗. สมถวาร
วาระว่าด้วยระงับด้วยสมถะ
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสมถะในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑
[๑๙๙] ถาม : อาบัติเพราะการเสพเมถุนธรรมเป็นปัจจัย บรรดาสมถะ ๗
อย่าง ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ตอบ : อาบัติเพราะการเสพเมถุนธรรมเป็นปัจจัย บรรดาสมถะ ๗ อย่าง
ระงับด้วยสมถะ ๓ อย่าง คือ (๑) สัมมุขาวินัย (๒) ปฏิญญาตกรณะ (๓) สัมมุขา
วินัยกับติณวัตถารกะ
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๙๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๘. สมุจจยวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
๗. เสขิยกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสมถะในเสขิยกัณฑ์
ฯลฯ
๗. ปาทุกวรรค
ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๕
ถาม : อาบัติเพราะความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลาย
ลงในน้ำเป็นปัจจัย บรรดาสมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ตอบ : อาบัติเพราะความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลาย
ลงในน้ำเป็นปัจจัย บรรดาสมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะ ๓ อย่าง คือ (๑) สัมมุขา
วินัย (๒) ปฏิญญาตกรณะ (๓) สัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ
สมถวารที่ ๗ จบ

๘. สมุจจยวาร
วาระว่าด้วยการสรุปรวม
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสรุปรวมอาบัติในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑
[๒๐๐] ถาม : เพราะการเสพเมถุนธรรมเป็นปัจจัย ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : เพราะการเสพเมถุนธรรมเป็นปัจจัย ต้องอาบัติ ๔ อย่าง คือ
๑. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในซากศพที่ยังไม่ถูกสัตว์กัดกิน ต้องอาบัติ
ปาราชิก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๙๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๘. สมุจจยวาร ๗. เสขิยกัณฑ์
๒. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในซากศพที่ถูกสัตว์กัดกินโดยมาก ต้องอาบัติ
ถุลลัจจัย
๓. ภิกษุสอดองคชาตเข้าไปในปากที่อ้า แต่มิได้ถูกต้อง ต้องอาบัติ
ทุกกฏ
๔. ภิกษุณีต้องอาบัติปาจิตตีย์ เพราะใช้ท่อนยาง
เพราะการเสพเมถุนธรรมเป็นปัจจัย ต้องอาบัติ ๔ อย่างเหล่านี้
ถาม : อาบัติเหล่านั้น บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดากอง
อาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติเท่าไร บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง เป็นอธิกรณ์ไหน บรรดาสมถะ
๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ตอบ : อาบัติเหล่านั้น บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติ ๒ อย่าง คือ
(๑) สีลวิบัติ (๒) อาจารวิบัติ
บรรดากองอาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติ ๔ กอง คือ (๑) กองอาบัติ
ปาราชิก (๒) กองอาบัติถุลลัจจัย (๓) กองอาบัติปาจิตตีย์ (๓) กองอาบัติทุกกฏ
บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ
เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง เป็นอาปัตตาธิกรณ์
บรรดาสมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะ ๓ อย่าง คือ (๑) สัมมุขาวินัย
(๒) ปฏิญญาตกรณะ (๓) สัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๐๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๘. สมุจจยวาร ๗. เสขิยกัณฑ์
๗. เสขิยกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสรุปรวมอาบัติในเสขิยกัณฑ์
ฯลฯ
๗. ปาทุกวรรค
ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๕
ถาม : เพราะความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลายลงใน
น้ำเป็นปัจจัย ภิกษุต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : เพราะความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลายลงในน้ำ
เป็นปัจจัย ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
เพราะความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระปัสสาวะหรือบ้วนน้ำลายลงในน้ำเป็นปัจจัย
ต้องอาบัติ ๑ อย่างนี้
ถาม : อาบัตินั้น บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดากองอาบัติ
๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติเท่าไร บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วย
สมุฏฐานเท่าไร บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง เป็นอธิกรณ์ไหน บรรดาสมถะ ๗ อย่าง
ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ตอบ : อาบัตินั้น บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติ ๑ อย่าง คือ อาจารวิบัติ
บรรดากองอาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติ ๑ กอง คือ กองอาบัติทุกกฏ
บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ
เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง เป็นอาปัตตาธิกรณ์
บรรดาสมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะ ๓ อย่าง คือ (๑) สัมมุขาวินัย
(๒) ปฏิญญาตกรณะ (๓) สัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ
สมุจจยวารที่ ๘ จบ ปัจจยวาร ๘ จบ
โสฬสมหาวารในมหาวิภังค์ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๐๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
๒. ภิกขุนีวิภังค์
โสฬสมหาวาร ตอน ๒
๑. กัตถปัญญัตติวาร
วาระว่าด้วยบัญญัติ ณ ที่ไหน
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสถานที่บัญญัติเป็นต้นในปาราชิกกัณฑ์
[๒๐๑] พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ แก่ภิกษุณีทั้งหลาย ณ ที่ไหน ทรงปรารภใคร
เพราะเรื่องอะไร
ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้น มีพระบัญญัติ พระอนุบัญญัติ อนุปปันนบัญญัติ
สัพพัตถบัญญัติ ปเทสบัญญัติ สาธารณบัญญัติ อสาธารณบัญญัติ เอกโตบัญญัติ
อุภโตบัญญัติอยู่หรือ
บรรดาปาติโมกขุทเทส ๔ อุทเทส ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ จัดเข้าในอุทเทสไหน
นับเนื่องในอุทเทสไหน มาสู่อุทเทสโดยอุทเทสไหน
บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง เป็นวิบัติอย่างไหน
บรรดากองอาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติไหน
บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง เป็นอธิกรณ์อย่างไหน
บรรดาสมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้น อะไรเป็นพระวินัย อะไรเป็นอภิวินัย อะไรเป็น
พระปาติโมกข์ อะไรเป็นอธิปาติโมกข์ อะไรเป็นวิบัติ อะไรเป็นสมบัติ อะไรเป็นข้อ
ปฏิบัติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๐๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ แก่ภิกษุณีทั้งหลาย ทรง
อาศัยอำนาจประโยชน์เท่าไร ใครศึกษาอยู่ ใครศึกษาสิกขาเรียบร้อยแล้ว สิกขาบทนี้
ตั้งอยู่ในใคร ใครทรงเอาไว้ เป็นถ้อยคำของใคร ใครนำมา

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕
[๒๐๒] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๕๑ แก่ภิกษุณีทั้งหลาย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีสุนทรีนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีสุนทรีนันทามีความกำหนัดยินดีการถูกต้องกาย
กับชายผู้กำหนัด
ถาม : ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้นมีพระบัญญัติ พระอนุบัญญัติ อนุป-
ปันนบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ
ไม่มีอนุปปันนบัญญัติ
ถาม : มีสัพพัตถบัญญัติ ปเทสบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีสัพพัตถบัญญัติ
ถาม : มีสาธารณบัญญัติ อสาธารณบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีอสาธารณบัญญัติ
ถาม : มีเอกโตบัญญัติ อุภโตบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีเอกโตบัญญัติ

เชิงอรรถ :
๑ ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑-๔ ของภิกษุณีอนุโลมตามของภิกษุ ดู วิ.มหา. (แปล) ๑/๔๔/๓๒,๙๑/๘๐,๑๗๑/
๑๔๐-๑๔๑,๑๙๗/๑๘๓

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๐๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
ถาม : บรรดาพระปาติโมกขุทเทส ๔ อุทเทส ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ จัด
เข้าในอุทเทสไหน นับเนื่องในอุทเทสไหน
ตอบ : จัดเข้าในนิทานุทเทส นับเนื่องในนิทานุทเทส
ถาม : มาสู่อุทเทส โดยอุทเทสไหน
ตอบ : มาสู่อุทเทส โดยอุทเทสที่ ๒
ถาม : บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง เป็นวิบัติอย่างไหน
ตอบ : เป็นสีลวิบัติ
ถาม : บรรดากองอาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติไหน
ตอบ : จัดเข้ากองอาบัติปาราชิก
ถาม : บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
ตอบ : เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทาง
วาจา
ถาม : บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง เป็นอธิกรณ์อย่างไหน
ตอบ : เป็นอาปัตตาธิกรณ์
ถาม : บรรดาสมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ตอบ : ระงับด้วยสมถะ ๒ อย่าง คือ (๑) สัมมุขาวินัย (๒) ปฏิญญาตกรณะ
ถาม : ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้นอะไรเป็นพระวินัย อะไรเป็นอภิวินัย
ตอบ : พระบัญญัติเป็นพระวินัย การจำแนกเป็นอภิวินัย
ถาม : ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้น อะไรเป็นพระปาติโมกข์ อะไรเป็นอธิ-
ปาติโมกข์
ตอบ : พระบัญญัติเป็นพระปาติโมกข์ การจำแนกเป็นอธิปาติโมกข์
ถาม : อะไรเป็นวิบัติ
ตอบ : ความไม่สำรวมเป็นวิบัติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๐๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
ถาม : อะไรเป็นสมบัติ
ตอบ : ความสำรวมเป็นสมบัติ
ถาม : อะไรเป็นข้อปฏิบัติ
ตอบ : การที่ภิกษุณีสมาทานอาปาณโกฏิกศีลตลอดชีวิตว่า “เราจะไม่ทำกรรม
อย่างนี้อีก” แล้วศึกษาในสิกขาบททั้งหลายเป็นข้อปฏิบัติ
ถาม : พระผู้มีพระภาค ทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ แก่ภิกษุณีทั้งหลาย
ทรงอาศัยอำนาจประโยชน์เท่าไร
ตอบ : ทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ แก่ภิกษุณีทั้งหลาย ทรงอาศัย
อำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ
๑. เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์
๒. เพื่อความผาสุกแห่งสงฆ์
๓. เพื่อข่มภิกษุณีผู้เก้อยาก
๔. เพื่อความอยู่ผาสุกแห่งเหล่าภิกษุณีผู้มีศีลดีงาม
๕. เพื่อปิดกั้นอาสวะทั้งหลายอันจะบังเกิดในปัจจุบัน
๖. เพื่อกำจัดอาสวะทั้งหลายอันจะบังเกิดในอนาคต
๗. เพื่อความเลื่อมใสของคนที่ยังไม่เลื่อมใส
๘. เพื่อความเลื่อมใสยิ่งขึ้นไปของคนที่เลื่อมใสแล้ว
๙. เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม
๑๐. เพื่อเอื้อเฟื้อพระวินัย
ถาม : ใครศึกษาอยู่
ตอบ : ภิกษุณีผู้เป็นพระเสขะและเป็นกัลยาณปุถุชนศึกษาอยู่
ถาม : ใครศึกษาสิกขาเรียบร้อยแล้ว
ตอบ : ภิกษุณีผู้เป็นพระอรหันต์เป็นผู้ศึกษาสิกขาเรียบร้อยแล้ว
ถาม : สิกขาบทนี้ตั้งอยู่ในใคร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๐๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
ตอบ : ตั้งอยู่ในสิกขากามบุคคล(ผู้ใคร่ศึกษา)
ถาม : ใครทรงเอาไว้
ตอบ : ภิกษุณีทั้งหลายผู้ทรงจำปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ ได้ทรงเอาไว้
ถาม : เป็นถ้อยคำของใคร
ตอบ : เป็นพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ถาม : ใครนำมา
ตอบ : พระเถระทั้งหลายนำสืบ ๆ กันมา
รายนามพระเถระผู้ทรงจำพระวินัยสืบกันมา
พระเถระเหล่านี้ คือ พระอุบาลี พระทาสกะ พระโสณกะ
พระสิคควะ และพระโมคคัลลีบุตร รวมเป็น ๕ รูป
เป็นผู้นำพระวินัยสืบ ๆ กันมาในชมพูทวีปอันมีสิริ
จากนั้น พระเถระผู้ประเสริฐมีปัญญามากเหล่านี้ คือ
พระมหินทะ พระอิฏฏิยะ พระอุตติยะ พระสัมพละ ฯลฯ
พระเถระผู้ประเสริฐมีปัญญามากเหล่านี้ รู้พระวินัย
ฉลาดในมรรค ได้ประกาศพระวินัยปิฎกไว้ในเกาะตามพปัณณิ

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๖
[๒๐๓] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๖ แก่ภิกษุณีทั้งหลาย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๐๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทารู้อยู่ ไม่ทักท้วงภิกษุณีผู้ต้องธรรมคือ
ปาราชิกด้วยตนเอง ไม่บอกแก่คณะ
ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๖ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๗
[๒๐๔] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๗ แก่ภิกษุณีทั้งหลาย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาประพฤติตามภิกษุชื่ออริฏฐะผู้มีบรรพ-
บุรุษเป็นนายพรานฆ่านกแร้งที่สงฆ์พร้อมเพรียงกันลงอุกเขปนียกรรม
ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๗ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน๑ ฯลฯ

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๘
[๒๐๕] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๘ แก่ภิกษุณีทั้งหลาย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร

เชิงอรรถ :
๑ ธุรนิกเขปสมุฏฐาน คือเกิดจากการทอดธุระในการแสดงอาการทางกายหรือทางวาจาว่า “เราสละเรื่องนั้น”
(ดู วิ.อ. ๒/๔๑๕/๑๑๒) เกิดโดยสมุฏฐานที่ ๖ คือ กายวาจากับจิต ธุรนิกเขปสมุฏฐาน คือสมนุภาน-
สมุฏฐานนั่นเอง (วิ.อ. ๒/๖๖๙-๗๐/๔๖๗, สารตฺถ.ฏีกา ๒/๖๖/๑๑๖, วิมติ.ฏีกา ๑/๖๖/๑๙๐)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๐๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร รวมสิกขาบทที่มีในปาราชิกกัณฑ์
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์ ทำวัตถุครบทั้ง ๘ ประการ๑
ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๘ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ
ปาราชิก ๘ สิกขาบท จบ

รวมสิกขาบทที่มีในปาราชิกกัณฑ์
พระมหาวีระทรงบัญญัติปาราชิกซึ่งเป็นมูลเหตุแห่งการขาดอย่างไม่ต้องสงสัย คือ
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ ว่าด้วยการเสพเมถุนธรรม
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๒ ว่าด้วยการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๓ ว่าด้วยการพรากกายมนุษย์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๔ ว่าด้วยการกล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรม
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ ว่าด้วยการยินดีการจับต้องที่บริเวณเหนือเข่าขึ้นไป
ของชาย
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๖ ว่าด้วยการปกปิดโทษ
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๗ ว่าด้วยการประพฤติตามภิกษุที่ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนีย
กรรม
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๘ ว่าด้วยวัตถุ ๘ มีการยินดีการจับมือของชายเป็นต้น
ปาราชิก ๘ สิกขาบทนี้เป็นมูลแห่งการตัดขาดอย่างไม่ต้องสงสัย

เชิงอรรถ :
๑ ทำวัตถุครบทั้ง ๘ ประการ ดูรายละเอียดในเชิงอรรถ วิ.ภิกฺขุนี. (แปล) ๓/๖๗๕/๒๑

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๐๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑ์
๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสถานที่บัญญัติเป็นต้นในสังฆาทิเสสกัณฑ์
[๒๐๖] พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุณีผู้ก่อคดีพิพาท ณ ที่ไหน ทรงปรารภใคร เพราะ
เรื่องอะไร ฯลฯ ใครนำมา
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑
[๒๐๗] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุณีผู้ก่อคดีพิพาท ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาก่อคดีพิพาท
ถาม : ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑ นั้นมีพระบัญญัติ พระอนุบัญญัติ
อนุปปันนบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ ไม่มีพระ
อนุบัญญัติและอนุปปันนบัญญัติ
ถาม : มีสัพพัตถบัญญัติ ปเทสบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีสัพพัตถบัญญัติ
ถาม : มีสาธารณบัญญัติ อสาธารณบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีอสาธารณบัญญัติ
ถาม : มีเอกโตบัญญัติ อุภโตบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีเอกโตบัญญัติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๐๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑ์
ถาม : บรรดาปาติโมกขุทเทส ๔ อุทเทส สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑ นี้จัดเข้า
ในอุทเทสไหน นับเนื่องในอุทเทสไหน
ตอบ : จัดเข้าในนิทานุทเทส นับเนื่องในนิทานุทเทส
ถาม : มาสู่อุทเทส โดยอุทเทสไหน
ตอบ : มาสู่อุทเทส โดยอุทเทสที่ ๓
ถาม : บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง เป็นวิบัติอย่างไหน
ตอบ : เป็นสีลวิบัติ
ถาม : บรรดากองอาบัติ ๗ กอง เป็นกองอาบัติไหน
ตอบ : เป็นกองอาบัติสังฆาทิเสส
ถาม : บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
ตอบ : เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกายกับวาจา มิใช่
เกิดทางจิต (๒) เกิดทางกายวาจากับจิต
ถาม : ใครนำมา
ตอบ : พระเถระทั้งหลายนำสืบ ๆ กันมา
รายนามพระเถระผู้ทรงจำพระวินัยสืบกันมา
พระเถระเหล่านี้ คือ พระอุบาลี พระทาสกะ พระโสณกะ
พระสิคควะ และพระโมคคัลลีบุตร รวมเป็น ๕ รูป
เป็นผู้นำพระวินัยสืบ ๆ กันมาในชมพูทวีปอันมีสิริ
จากนั้น พระเถระผู้ประเสริฐมีปัญญามากเหล่านี้ คือ
พระมหินทะ พระอิฏฏิยะ พระอุตติยะ พระสัมพละ ฯลฯ
พระเถระผู้ประเสริฐมีปัญญามากเหล่านี้ รู้พระวินัย
ฉลาดในมรรค ได้ประกาศพระวินัยปิฎกไว้ในเกาะตามพปัณณิ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๑๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑ์
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๒
[๒๐๘] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุณีที่บวชให้สตรีผู้เป็นโจร ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาบวชให้สตรีผู้เป็นโจร
ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๒ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางวาจากับจิต มิใช่เกิด
ทางกาย (๒) เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๓
[๒๐๙] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุณีผู้ไปสู่ละแวกหมู่บ้านรูปเดียว ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีรูปหนึ่งไปสู่ละแวกหมู่บ้านรูปเดียว
ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๓ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ ๓ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นปฐมปาราชิก
สมุฏฐาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๑๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑ์
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๔
[๒๑๐] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุณีผู้เรียกภิกษุณีที่สงฆ์พร้อมเพรียงกันลง
อุกเขปนียกรรม โดยธรรม โดยวินัย โดยสัตถุศาสน์ให้กลับเข้าหมู่ โดยไม่บอกการกสงฆ์
ทั้งไม่รับรู้ฉันทะของคณะ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาเรียกภิกษุณีที่สงฆ์พร้อมเพรียงกันลง
อุกเขปนียกรรม โดยธรรม โดยวินัย โดยสัตถุศาสน์ให้กลับเข้าหมู่ โดยไม่บอกการกสงฆ์
ทั้งไม่รับรู้ฉันทะของคณะ
ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๔ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๕
[๒๑๑] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุณีผู้กำหนัดรับของเคี้ยวหรือของฉันจากมือชาย
ผู้กำหนัดด้วยมือของตนแล้วฉัน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีสุนทรีนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีสุนทรีนันทากำหนัดรับอามิสจากมือชายผู้กำหนัด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๑๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑ์
ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๕ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่ง
อาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นปฐมปาราชิกสมุฏฐาน
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๖
[๒๑๒] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุณีผู้ส่งเสริมกล่าวชักชวนว่า “แม่เจ้า ชายผู้นั้น
จะกำหนัดหรือไม่กำหนัดก็ตาม ก็ทำอะไรท่านไม่ได้ เพราะท่านไม่กำหนัด นิมนต์เถิด
แม่เจ้า ชายผู้นั้นจะถวายสิ่งใดจะเป็นของเคี้ยวหรือของฉันก็ตามแก่ท่าน ท่านจงรับ
ประเคนของนั้นด้วยมือของตนเอง แล้วเคี้ยวหรือฉันเถิด” ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีรูปหนึ่งส่งเสริมกล่าวชักชวนว่า “แม่เจ้า ชายผู้นั้น
จะกำหนัดหรือไม่กำหนัดก็ตาม ก็ทำอะไรท่านไม่ได้ เพราะท่านไม่กำหนัด นิมนต์เถิด
แม่เจ้า ชายผู้นั้นจะถวายสิ่งใดจะเป็นของเคี้ยวหรือของฉันก็ตามแก่ท่าน ท่านจงรับ
ประเคนของนั้นด้วยมือของตนเอง แล้วเคี้ยวหรือฉันเถิด”
ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๖ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๗
[๒๑๓] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุณีผู้โกรธ ไม่พอใจ ไม่ยอมสละกรรม จน
กระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๑๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑ์
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีจัณฑกาลี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีจัณฑกาลีโกรธไม่พอใจ กล่าวอย่างนี้ว่า “ดิฉันขอ
บอกคืนพระพุทธ บอกคืนพระธรรม บอกคืนพระสงฆ์ บอกคืนสิกขา”
ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๗ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๘
[๒๑๔] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุณี ผู้ถูกตัดสินให้แพ้คดีในอธิกรณ์บางเรื่อง
โกรธไม่ยอมสละกรรม จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีจัณฑกาลี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีจัณฑกาลีถูกตัดสินให้แพ้คดีในอธิกรณ์บางเรื่อง
โกรธไม่พอใจกล่าวอย่างนี้ว่า “พวกภิกษุณีลำเอียงเพราะชอบ พวกภิกษุณีลำเอียง
เพราะชัง พวกภิกษุณีลำเอียงเพราะหลง พวกภิกษุณีลำเอียงเพราะกลัว”
ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๘ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๑๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑ์
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๙
[๒๑๕] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุณีทั้งหลายผู้อยู่คลุกคลีกัน ไม่ยอมสละ จน
กระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปอยู่คลุกคลีกัน
ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๙ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑๐
[๒๑๖] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุณีผู้ส่งเสริมกล่าวชักชวนว่า “แม่เจ้าทั้งหลาย
ท่านทั้งหลายจงอยู่คลุกคลีกัน อย่าแยกกันอยู่” ไม่ยอมสละกรรม จนกระทั่งสงฆ์สวด
สมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาส่งเสริมกล่าวชักชวนว่า “แม่เจ้าทั้งหลาย
ท่านทั้งหลายจงอยู่คลุกคลีกัน อย่าแยกกันอยู่”

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๑๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๓. นิสสัคคิยกัณฑ์
ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑๐ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ
สังฆาทิเสส ๑๐ สิกขาบท จบ

รวมสิกขาบทที่มีในสังฆาทิเสสกัณฑ์

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑ ว่าด้วยการก่อคดีพิพาท
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๒ ว่าด้วยการบวชให้สตรีผู้เป็นโจร
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๓ ว่าด้วยการเข้าละแวกหมู่บ้านตามลำพังเป็นต้น
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๔ ว่าด้วยการเรียกภิกษุณีที่ถูกสงฆ์
ลงอุกเขปนียกรรมเข้าหมู่
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๕ ว่าด้วยการรับโภชนะจากมือชายผู้กำหนัด
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๖ ว่าด้วยการส่งเสริมภิกษุณีให้รับโภชนะ
จากมือชายผู้กำหนัด
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๗ ว่าด้วยการบอกคืนพระรัตนตรัย
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๘ ว่าด้วยภิกษุณีโกรธเพราะถูกตัดสิน
ให้แพ้คดีในอธิกรณ์
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๙ ว่าด้วยภิกษุณีมีความประพฤติเลวทราม
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑๐ ว่าด้วยการยุยงส่งเสริมให้ภิกษุณีประพฤติเลวทราม
รวมอาบัติสังฆาทิเสส ๑๐ สิกขาบท

ฯลฯ

๓. นิสสัคคิยกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสถานที่บัญญัติเป็นต้นในนิสสัคคิยกัณฑ์
สิกขาบทที่ ๑
[๒๑๗] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ทำการสะสมบาตร ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๑๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๓. นิสสัคคิยกัณฑ์
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์ทำการสะสมบาตร
ในนิสสัคคิยปาจิตตีย์สิกขาบทที่ ๑ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่ง
อาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นกฐินสมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๒
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้อธิษฐานอกาลจีวรเป็นกาลจีวรแล้วให้แจกกัน
ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาอธิษฐานอกาลจีวรเป็นกาลจีวร แล้วให้
แจกกัน
ในนิสสัคคิยปาจิตตีย์สิกขาบทที่ ๒ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๓
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้แลกเปลี่ยนจีวรกับภิกษุณีแล้วชิงเอาคืน
ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๑๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๓. นิสสัคคิยกัณฑ์
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาแลกเปลี่ยนจีวรกับภิกษุณีแล้วชิงเอาคืน
ในนิสสัคคิยปาจิตตีย์สิกขาบทที่ ๓ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่ง
อาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๔
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ออกปากขอของอย่างหนึ่งแล้วกลับออก
ปากขอของอีกอย่าง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาออกปากขอของอย่างหนึ่งแล้วกลับ
ออกปากขอของอีกอย่างหนึ่ง
ในนิสสัคคิยปาจิตตีย์สิกขาบทที่ ๔ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่ง
อาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๕
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้สั่งให้ซื้อของอย่างหนึ่งแล้วกลับให้ซื้อของ
อีกอย่างหนึ่ง ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๑๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๓. นิสสัคคิยกัณฑ์
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาสั่งให้ซื้อของอย่างหนึ่งแล้วกลับให้ซื้อ
ของอีกอย่างหนึ่ง
ในนิสสัคคิยปาจิตตีย์สิกขาบทที่ ๕ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่ง
อาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๖
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ให้เอาบริขารที่เขาถวายเพื่อประโยชน์แก่
ปัจจัยอย่างหนึ่ง ที่เขาถวายอุทิศของอย่างหนึ่ง ที่เขาบริจาคแก่สงฆ์ แลกเปลี่ยนของ
อย่างอื่น ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปให้เอาบริขารที่เขาถวายเพื่อประโยชน์แก่
ปัจจัยอย่างหนึ่ง ที่เขาถวายอุทิศของอย่างหนึ่ง ที่เขาบริจาคแก่สงฆ์ แลกเปลี่ยน
ของอย่างอื่น
ในนิสสัคคิยปาจิตตีย์สิกขาบทที่ ๖ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่ง
อาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๑๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๓. นิสสัคคิยกัณฑ์
สิกขาบทที่ ๗
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ให้เอาบริขารที่เขาถวายเพื่อประโยชน์แก่
ปัจจัยอย่างหนึ่ง ที่เขาถวายอุทิศของอย่างหนึ่ง ที่เขาบริจาคแก่สงฆ์ ที่ขอมาเอง แลก
เปลี่ยนของอย่างอื่น ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปให้เอาบริขารที่เขาถวายเพื่อประโยชน์แก่
ปัจจัยอย่างหนึ่ง ที่เขาถวายอุทิศของอย่างหนึ่ง ที่เขาบริจาคแก่สงฆ์ ที่ขอมาเอง แลก
เปลี่ยนของอย่างอื่น
ในนิสสัคคิยปาจิตตีย์สิกขาบทที่ ๗ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่ง
อาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๘
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ให้เอาบริขารที่เขาถวายเพื่อประโยชน์แก่
ปัจจัยอย่างหนึ่ง ที่เขาถวายอุทิศของอย่างหนึ่ง ที่เขาบริจาคแก่ภิกษุณีจำนวนมาก
แลกเปลี่ยนของอย่างอื่น ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๒๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๓. นิสสัคคิยกัณฑ์
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปให้เอาบริขารที่เขาถวายเพื่อประโยชน์แก่
ปัจจัยอย่างหนึ่ง ที่เขาถวายอุทิศของอย่างหนึ่ง ที่เขาบริจาคแก่ภิกษุณีจำนวนมาก
แลกเปลี่ยนของอย่างอื่น
ในนิสสัคคิยปาจิตตีย์สิกขาบทที่ ๘ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่ง
อาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๙
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุณี ผู้ให้เอาบริขารที่เขาถวายเพื่อประโยชน์แก่
ปัจจัยอย่างหนึ่ง ที่เขาถวายอุทิศของอย่างหนึ่ง ที่เขาบริจาคแก่ภิกษุณีจำนวนมาก
ที่ขอมาเอง แลกเปลี่ยนของอย่างอื่น ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปให้เอาบริขารที่เขาถวายเพื่อประโยชน์แก่
ปัจจัยอย่างหนึ่ง ที่เขาถวายอุทิศของอย่างหนึ่ง ที่เขาบริจาคแก่ภิกษุณีจำนวนมาก
ที่ขอมาเอง แลกเปลี่ยนของอย่างอื่น
ในนิสสัคคิยปาจิตตีย์สิกขาบทที่ ๙ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่ง
อาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๐
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุณี ผู้ให้เอาบริขารที่เขาถวายเพื่อประโยชน์แก่
ปัจจัยอย่างหนึ่ง ที่เขาถวายอุทิศของอย่างหนึ่ง ที่เขาบริจาคแก่บุคคล ที่ขอมาเอง
แลกเปลี่ยนของอย่างอื่น ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๒๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๓. นิสสัคคิยกัณฑ์
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาให้เอาบริขารที่เขาถวายเพื่อประโยชน์
แก่ปัจจัยอย่างหนึ่ง ที่เขาถวายอุทิศของอย่างหนึ่ง ที่เขาบริจาคแก่บุคคล ที่ขอมาเอง
แลกเปลี่ยนของอย่างอื่น
ในนิสสัคคิยปาจิตตีย์สิกขาบทที่ ๑๐ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๑
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ขอผ้าห่มหนา เกินราคา ๔ กังสะ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาออกปากทูลขอผ้ากัมพล๑จากพระราชา
ในนิสสัคคิยปาจิตตีย์สิกขาบทที่ ๑๑ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

เชิงอรรถ :
๑ ผ้าทอด้วยขนสัตว์ เช่น สักหลาด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๒๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร รวมสิกขาบทที่มีในนิสสัคคิยกัณฑ์
สิกขาบทที่ ๑๒
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ขอผ้าห่มบาง เกินราคา ๒ กังสะครึ่ง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาออกปากทูลขอผ้าเปลือกไม้จากพระราชา
ในนิสสัคคิยปาจิตตีย์สิกขาบทที่ ๑๒ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ
นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๑๒ สิกขาบท จบ

รวมสิกขาบทที่มีในนิสสัคคิยกัณฑ์
สิกขาบทที่ ๑ ว่าด้วยการสะสมบาตร
สิกขาบทที่ ๒ ว่าด้วยการแจกอกาลจีวร
สิกขาบทที่ ๓ ว่าด้วยการแลกเปลี่ยนจีวร
สิกขาบทที่ ๔ ว่าด้วยการออกปากขอของอย่างหนึ่งแล้วออกปาก
ขอของอย่างอื่น
สิกขาบทที่ ๕ ว่าด้วยการให้ซื้อของอย่างหนึ่งแล้วให้ซื้อของอย่างอื่น
สิกขาบทที่ ๖ ว่าด้วยการแลกเปลี่ยนบริขารที่เขาถวายสงฆ์ข้อที่ ๑
สิกขาบทที่ ๗ ว่าด้วยการแลกเปลี่ยนบริขารที่เขาถวายสงฆ์ข้อที่ ๒
สิกขาบทที่ ๘ ว่าด้วยการแลกเปลี่ยนบริขารที่เขาถวายคณะข้อที่ ๑
สิกขาบทที่ ๙ ว่าด้วยการแลกเปลี่ยนบริขารที่เขาถวายคณะข้อที่ ๒

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๒๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๑. ลสุณวรรค
สิกขาบทที่ ๑๐ ว่าด้วยการแลกเปลี่ยนบริขารที่เขาถวายบุคคล
สิกขาบทที่ ๑๑ ว่าด้วยการขอผ้าห่มหนาในฤดูหนาว
สิกขาบทที่ ๑๒ ว่าด้วยการขอผ้าห่มบางในฤดูร้อน

๔. ปาจิตติยกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสถานที่บัญญัติเป็นต้นในปาจิตติยกัณฑ์
๑. ลสุณวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๒๑๘] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ฉันกระเทียม ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาให้นำกระเทียมไปโดยไม่รู้จักประมาณ
ในสิกขาบทที่ ๑ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๒
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ให้ถอนขนในที่แคบ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๒๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๑. ลสุณวรรค
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์ให้ถอนขนในที่แคบ
ในสิกขาบทที่ ๒ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ สมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๓
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์เพราะใช้ฝ่ามือตบองค์กำเนิด ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณี ๒ รูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณี ๒ รูปใช้ฝ่ามือตบองค์กำเนิดกัน
ในสิกขาบทที่ ๓ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นปฐมปาราชิกสมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๔
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์เพราะใช้ท่อนยาง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๒๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๑. ลสุณวรรค
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีรูปหนึ่งใช้ท่อนยาง
ในสิกขาบทที่ ๔ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นปฐมปาราชิกสมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๕
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ใช้น้ำชำระลึกเกิน ๒ องคุลี ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ แคว้นสักกะ
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีรูปหนึ่งใช้น้ำชำระลึกเกินไป
ในสิกขาบทที่ ๕ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นปฐมปาราชิกสมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๖
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ปรนนิบัติภิกษุผู้กำลังฉันด้วยน้ำดื่มและด้วยการพัด
ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีรูปหนึ่ง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๒๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๑. ลสุณวรรค
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีรูปหนึ่งปรนนิบัติภิกษุผู้กำลังฉันด้วยน้ำดื่มหรือ
ด้วยการพัด
ในสิกขาบทที่ ๖ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๗
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ออกปากขอข้าวเปลือกดิบมาฉัน๑ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปออกปากขอข้าวเปลือกดิบมาฉัน
ในสิกขาบทที่ ๗ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ สมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๘
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้เทอุจจาระ หรือปัสสาวะ น้ำลาย หยากเยื่อหรือของ
เป็นเดนภายนอกฝา ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี

เชิงอรรถ :
๑ คือออกปากขอมาคั่วหรือตำหุงแล้วฉัน (วิ.ภิกฺขุนี. (แปล) ๓/๘๒๑/๑๔๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๒๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๑. ลสุณวรรค
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีรูปหนึ่งเทอุจจาระบ้าง ปัสสาวะบ้าง น้ำลายบ้าง
หยากเยื่อบ้าง ของเป็นเดนบ้างที่ภายนอกฝา
ในสิกขาบทที่ ๘ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๙
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้เทอุจจาระ หรือปัสสาวะ น้ำลาย หยากเยื่อ หรือ
ของเป็นเดนบนของเขียว ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปเทอุจจาระบ้าง ปัสสาวะบ้าง น้ำลายบ้าง
หยากเยื่อบ้าง ของเป็นเดนบ้างบนของเขียว
ในสิกขาบทที่ ๙ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๐
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ไปดูการฟ้อนรำ การขับร้อง การประโคมดนตรี ณ
ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๒๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๒. รัตตันธการวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์ไปดูการฟ้อนรำ การขับร้อง การ
ประโคมดนตรี
ในสิกขาบทที่ ๑๐ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ
ลสุณวรรคที่ ๑ จบ

๒. รัตตันธการวรรค(อันธการวรรค)
สิกขาบทที่ ๑
[๒๑๙] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ยืนเคียงคู่กันสองต่อสองกับชายในเวลาค่ำคืน
ไม่มีประทีป ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีรูปหนึ่งยืนเคียงคู่กันสองต่อสองกับชายในเวลาค่ำคืน
ไม่มีประทีป
ในสิกขาบทที่ ๑ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเถยยสัตถสมุฏฐาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๒๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๒. รัตตันธการวรรค
สิกขาบทที่ ๒
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ยืนเคียงคู่กันสองต่อสองกับชายในโอกาสที่กำบัง ณ
ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีรูปหนึ่งยืนเคียงคู่สองต่อสองกับชายในโอกาสที่กำบัง
ในสิกขาบทที่ ๒ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเถยยสัตถสมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๓
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ยืนเคียงคู่กันสองต่อสองกับชายในที่แจ้ง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีรูปหนึ่งยืนเคียงคู่กันสองต่อสองกับชายในที่แจ้ง
ในสิกขาบทที่ ๓ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเถยยสัตถสมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๔
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ยืนเคียงคู่กันสองต่อสองกับชายในถนน ในตรอกตัน
หรือในทางสามแพร่ง ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๓๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๒. รัตตันธการวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทายืนเคียงคู่กันสองต่อสองกับชายในถนนบ้าง
ในตรอกตันบ้าง ในทางสามแพร่งบ้าง
ในสิกขาบทที่ ๔ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเถยยสัตถสมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๕
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้เข้าไปสู่ตระกูลในเวลาก่อนฉันภัตตาหารแล้วนั่งบน
อาสนะจากไปโดยไม่บอกเจ้าของบ้าน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีรูปหนึ่งเข้าไปสู่ตระกูลในเวลาก่อนภัตตาหารแล้ว
นั่งบนอาสนะจากไปโดยไม่บอกเจ้าของบ้าน
ในสิกขาบทที่ ๕ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นกฐินสมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๖
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้เข้าไปสู่ตระกูลในเวลาหลังภัตตาหารนั่งบนอาสนะ
โดยไม่บอกเจ้าของบ้าน ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๓๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๒. รัตตันธการวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาเข้าไปสู่ตระกูลในเวลาหลังภัตตาหาร
นั่งบนอาสนะจากไปโดยไม่บอกเจ้าของบ้าน
ในสิกขาบทที่ ๖ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นกฐินสมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๗
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้เข้าไปสู่ตระกูลในเวลาวิกาล๑ แล้วปูเองหรือใช้ให้ปูที่นอน
โดยไม่บอกเจ้าของบ้านแล้วนั่ง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปเข้าไปสู่ตระกูลในเวลาวิกาล ปูหรือใช้ให้
ปูที่นอน โดยไม่บอกเจ้าของบ้านแล้วนั่ง
ในสิกขาบทที่ ๗ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นกฐินสมุฏฐาน ฯลฯ

เชิงอรรถ :
๑ เวลาวิกาล ในที่นี้ประสงค์ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ตกไปจนถึงอรุณขึ้น (วิ.ภิกฺขุนี. (แปล) ๓/๘๖๖/๑๗๔)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๓๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๒. รัตตันธการวรรค
สิกขาบทที่ ๘
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้เข้าใจผิดให้ผู้อื่นโพนทะนา ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีรูปหนึ่งให้ผู้อื่นโพนทะนาเพราะเข้าใจผิด เพราะ
ใคร่ครวญผิด
ในสิกขาบทที่ ๘ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๙
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้สาปแช่งตนหรือผู้อื่น ด้วยนรกหรือพรหมจรรย์ ณ
ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีจัณฑกาลี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีจัณฑกาลีสาปแช่งตนเองบ้าง ผู้อื่นบ้าง ด้วยนรกบ้าง
ด้วยพรหมจรรย์บ้าง
ในสิกขาบทที่ ๙ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๓๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๓. นหานวรรค
สิกขาบทที่ ๑๐
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ร้องไห้ทุบตีตนเอง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีจัณฑกาลี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีจัณฑกาลีร้องไห้ทุบตีตนเอง
ในสิกขาบทที่ ๑๐ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ
รัตตันธการวรรคที่ ๒ จบ

๓. นหานวรรค(นัคควรรค)
สิกขาบทที่ ๑
[๒๒๐] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้เปลือยกายอาบน้ำ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปเปลือยกายอาบน้ำ
ในสิกขาบทที่ ๑ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๓๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๓. นหานวรรค
สิกขาบทที่ ๒
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ให้ทำผ้าอาบน้ำเกินขนาด ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์ใช้ผ้าอาบน้ำไม่ได้ขนาด
ในสิกขาบทที่ ๒ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๓
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้เลาะหรือใช้ให้เลาะจีวรแล้วไม่เย็บ ไม่ขวนขวายให้เย็บ
ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาให้เลาะจีวรของภิกษุณีแล้วไม่เย็บให้ ทั้งไม่
ขวนขวายใช้ผู้อื่นให้เย็บ
ในสิกขาบทที่ ๓ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๔
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ให้วาระผลัดเปลี่ยนสังฆาฏิที่มีกำหนด ๕ วันล่วงเลยไป
ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๓๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๓. นหานวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปฝากจีวรไว้กับภิกษุณีทั้งหลายแล้วมีเพียง
อุตตราสงค์กับอันตรวาสกจาริกไปสู่ชนบท
ในสิกขาบทที่ ๔ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นกฐินสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๕
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ใช้จีวรสับเปลี่ยนกัน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีรูปหนึ่งห่มจีวรของภิกษุณีอื่นโดยไม่บอกก่อน
ในสิกขาบทที่ ๕ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นกฐินสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๖
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ทำอันตรายแก่จีวรที่คณะจะพึงได้ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๓๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๓. นหานวรรค
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาทำอันตรายแก่จีวรที่คณะจะพึงได้
ในสิกขาบทที่ ๖ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๗
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้คัดค้านการแจกจีวรที่ชอบธรรม ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาคัดค้านการแจกจีวรที่ชอบธรรม
ในสิกขาบทที่ ๗ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๘
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ให้สมณจีวรแก่ชาวบ้าน แก่ปริพาชกหรือแก่ปริพาชิกา
ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๓๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๓. นหานวรรค
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาให้สมณจีวรแก่ชาวบ้าน
ในสิกขาบทที่ ๘ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๙
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ให้สมัยแห่งจีวรกาลล่วงไปด้วยความหวังในจีวรที่
เลื่อนลอย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาให้สมัยแห่งจีวรกาลล่วงเลยไปด้วยความ
หวังในจีวรที่เลื่อนลอย
ในสิกขาบทที่ ๙ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๑๐
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้คัดค้านการเดาะกฐินที่ชอบธรรม ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๓๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๔. ตุวัฏฏวรรค
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาคัดค้านการเดาะกฐินที่ชอบธรรม
ในสิกขาบทที่ ๑๐ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ
นหานวรรคที่ ๓ จบ

๔. ตุวัฏฏวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๒๒๑] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณี ๒ รูป ผู้นอนบนเตียงเดียวกัน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปนอนบนเตียงเดียวกัน(เตียงละ) ๒ รูป
ในสิกขาบทที่ ๑ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๒
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณี ๒ รูป ผู้ใช้ผ้าผืนเดียวกันเป็นทั้งผ้าปูนอนและผ้าห่ม
นอนร่วมกัน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๓๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๔. ตุวัฏฏวรรค
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปใช้ผ้าผืนเดียวกันเป็นทั้งผ้าปูนอนและผ้า
ห่มนอนร่วมกัน ๒ รูป
ในสิกขาบทที่ ๒ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๓
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้จงใจก่อความไม่ผาสุกแก่ภิกษุณี ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาจงใจก่อความไม่ผาสุกแก่ภิกษุณี
ในสิกขาบทที่ ๓ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๔
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ไม่ดูแลช่วยเหลือ หรือไม่ใส่ใจมอบหมายให้ผู้อื่นดูแล
ช่วยเหลือสหชีวินี๑ผู้ได้รับความลำบาก ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร

เชิงอรรถ :
๑ สหชีวินี หมายถึงภิกษุณีผู้เป็นสัทธิวิหารินีที่ตนเป็นปวัตตินีคืออุปัชฌาย์บวชให้ (วิ.ภิกฺขุนี. (แปล) ๓/๙๔๘/
๒๒๑,๑๑๑๓/๓๑๙)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๔๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๔. ตุวัฏฏวรรค
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาไม่ดูแลช่วยเหลือหรือไม่ใส่ใจมอบหมาย
ให้ผู้อื่นดูแลช่วยเหลือสหชีวินีผู้ได้รับความลำบาก
ในสิกขาบทที่ ๔ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๕
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ให้ที่พักแก่ภิกษุณีแล้วโกรธไม่พอใจฉุดลากออกไป ณ
ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาให้ที่พักแก่ภิกษุณีแล้วโกรธไม่พอใจฉุด
ลากออกไป
ในสิกขาบทที่ ๕ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๖
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้คลุกคลี ไม่ยอมสละ จนกระทั่งสวดสมนุภาสน์ครบ
๓ ครั้ง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๔๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๔. ตุวัฏฏวรรค
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีจัณฑกาลี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีจัณฑกาลีอยู่คลุกคลี
ในสิกขาบทที่ ๖ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๗
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้เที่ยวจาริกไปไม่มีกองเกวียนเป็นเพื่อนในที่ที่รู้กันว่า
น่าหวาดระแวงมีภัยน่ากลัวภายในรัฐ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปเที่ยวจาริกไปไม่มีกองเกวียนเป็นเพื่อน
ในที่ที่รู้กันว่าน่าหวาดระแวงมีภัยน่ากลัวภายในรัฐ
ในสิกขาบทที่ ๗ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๘
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้เที่ยวจาริกไปไม่มีกองเกวียนเป็นเพื่อนในที่ที่รู้กันว่า
น่าหวาดระแวงมีภัยน่ากลัวภายนอกรัฐ ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๔๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๔. ตุวัฏฏวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปเที่ยวจาริกไปไม่มีกองเกวียนเป็นเพื่อนใน
ที่ที่รู้กันว่าน่าหวาดระแวงมีภัยน่ากลัวภายนอกรัฐ
ในสิกขาบทที่ ๘ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๙
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้เที่ยวจาริกไปภายในพรรษา ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปเที่ยวจาริกไปภายในพรรษา
ในสิกขาบทที่ ๙ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๑๐
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีหลังอยู่จำพรรษาแล้วไม่หลีกจาริกไป ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๔๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๕. จิตตาคารวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปเมื่ออยู่จำพรรษาแล้วไม่หลีกเที่ยวจาริกไป
ในสิกขาบทที่ ๑๐ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นปฐมปาราชิกสมุฏฐาน ฯลฯ
ตุวัฏฏวรรคที่ ๔ จบ

๕. จิตตาคารวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๒๒๒] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ไปดูโรงละครหลวง หอจิตรกรรม สวน
สาธารณะ อุทยาน หรือสระโบกขรณี ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีฉัพพัคคีย์ไปดูโรงละครหลวงบ้าง หอจิตรกรรมบ้าง
สวนสาธารณะบ้าง อุทยานบ้าง สระโบกขรณีบ้าง
ในสิกขาบทที่ ๑ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๔๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๕. จิตตาคารวรรค
สิกขาบทที่ ๒
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ใช้ตั่งยาวหรือแท่น ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปใช้ตั่งยาวบ้าง แท่นบ้าง
ในสิกขาบทที่ ๒ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๓
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้กรอด้าย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปกรอด้าย
ในสิกขาบทที่ ๓ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๔
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ช่วยทำการขวนขวายเพื่อคฤหัสถ์ ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๔๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๕. จิตตาคารวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปช่วยทำการขวนขวายเพื่อคฤหัสถ์
ในสิกขาบทที่ ๔ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๕
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้อันภิกษุณีขอร้องอยู่ว่า “แม่เจ้า โปรดมาช่วยระงับ
อธิกรณ์นี้ด้วยเถิด” รับปากแล้ว ไม่ช่วยระงับ ทั้งไม่ขวนขวายให้ผู้อื่นช่วยระงับ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาอันภิกษุณีขอร้องอยู่ว่า “แม่เจ้า โปรดมา
ช่วยระงับอธิกรณ์นี้ด้วยเถิด” รับปากแล้ว ไม่ช่วยระงับ ทั้งไม่ขวนขวายให้ผู้อื่นช่วยระงับ
ในสิกขาบทที่ ๕ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๖
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ให้ของเคี้ยวหรือของฉันด้วยมือของตนแก่ชาวบ้าน
แก่ปริพาชกหรือปริพาชิกา ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๔๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๕. จิตตาคารวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาให้ของเคี้ยวบ้าง ของฉันบ้าง ด้วยมือ
ของตนแก่ชาวบ้าน
ในสิกขาบทที่ ๖ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๗
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ใช้ผ้าซับระดูแล้วไม่ยอมสละ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาใช้ผ้าซับระดูแล้วไม่ยอมสละ
ในสิกขาบทที่ ๗ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นกฐินสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๘
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ไม่ยอมสละที่พักแล้วหลีกจาริกไป ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๔๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๕. จิตตาคารวรรค
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาไม่ยอมสละที่พักแล้วหลีกจาริกไป
ในสิกขาบทที่ ๘ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นกฐินสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๙
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้เรียนดิรัจฉานวิชา ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์เรียนดิรัจฉานวิชา
ในสิกขาบทที่ ๙ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นปทโสธัมมสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๑๐
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้สอนดิรัจฉานวิชา ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๔๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๖. อารามวรรค
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์สอนดิรัจฉานวิชา
ในสิกขาบทที่ ๑๐ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นปทโสธัมมสมุฏฐาน ฯลฯ
จิตตาคารวรรคที่ ๕ จบ

๖. อารามวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๒๒๓] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้รู้อยู่เข้าไปสู่อารามที่มีภิกษุโดยไม่บอก ณ
ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปเข้าไปสู่อารามโดยไม่บอก
ในสิกขาบทที่ ๑ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ ๒ อนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่ง
อาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๒
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ด่าบริภาษภิกษุ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงเวสาลี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๔๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๖. อารามวรรค
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์ด่าท่านพระอุบาลี
ในสิกขาบทที่ ๒ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๓
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ขึ้งเคียดบริภาษคณะ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาขึ้งเคียดบริภาษคณะ
ในสิกขาบทที่ ๓ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๔
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ได้รับนิมนต์แล้วบอกห้ามภัตตาหารแล้ว เคี้ยวของ
เคี้ยวหรือฉันของฉันอีก ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๕๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๖. อารามวรรค
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปฉันเสร็จแล้ว บอกห้ามภัตตาหารแล้ว ยัง
ฉันในที่อื่นอีก
ในสิกขาบทที่ ๔ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๕
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรง
เห็น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้หวงตระกูล ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีรูปหนึ่งหวงตระกูล
ในสิกขาบทที่ ๕ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๖
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรง
เห็น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้จำพรรษาในอาวาสที่ไม่มีภิกษุ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปจำพรรษาในอาวาสที่ไม่มีภิกษุ
ในสิกขาบทที่ ๖ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๕๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๖. อารามวรรค
สิกขาบทที่ ๗
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้จำพรรษาแล้วไม่ปวารณาในสงฆ์ ๒ ฝ่าย ด้วยฐานะ
๓ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปจำพรรษาแล้วไม่ปวารณาต่อภิกษุสงฆ์
ในสิกขาบทที่ ๗ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๘
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ไม่ไปรับโอวาทหรือธรรมเป็นเหตุอยู่ร่วมกัน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ แคว้นสักกะ
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์ไม่ไปรับโอวาท
ในสิกขาบทที่ ๘ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นปฐมปาราชิกสมุฏฐาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๕๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๖. อารามวรรค
สิกขาบทที่ ๙
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ไม่ถามอุโบสถ ไม่ขอโอวาท ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปไม่ถามอุโบสถ ไม่ขอโอวาท
ในสิกขาบทที่ ๙ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๑๐
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ไม่บอกสงฆ์หรือคณะใช้ให้บ่งฝีหรือบาดแผลที่เกิด
ในร่มผ้าอยู่กันสองต่อสองกับชาย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีรูปหนึ่งใช้ชายให้บ่งฝีที่เกิดในร่มผ้าอยู่กันสองต่อสอง
กับชาย
ในสิกขาบทที่ ๑๐ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นกฐินสมุฏฐาน ฯลฯ
อารามวรรคที่ ๖ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๕๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๗. คัพภินีวรรค
๗. คัพภินีวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๒๒๔] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้บวชให้สตรีมีครรภ์ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปบวชให้สตรีมีครรภ์
ในสิกขาบทที่ ๑ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๒
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้บวชให้สตรีมีลูกยังดื่มนม ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปบวชให้สตรีมีลูกยังดื่มนม
ในสิกขาบทที่ ๒ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๕๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๗. คัพภินีวรรค
สิกขาบทที่ ๓
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้บวชให้สิกขมานา๑ผู้ยังมิได้ศึกษาสิกขาในธรรม ๖ ข้อ
ครบ ๒ ปี ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปบวชให้สิกขมานาผู้ยังมิได้ศึกษาสิกขาใน
ธรรม ๖ ข้อ ครบ ๒ ปี
ในสิกขาบทที่ ๓ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๔
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้บวชให้สิกขมานาผู้ศึกษาสิกขาในธรรม ๖ ข้อ ตลอด
๒ ปีแล้ว แต่สงฆ์ยังมิได้สมมติ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปบวชให้สิกขมานาผู้ศึกษาสิกขาในธรรม ๖ ข้อ
ตลอด ๒ ปี แต่สงฆ์ยังมิได้สมมติ

เชิงอรรถ :
๑ สิกขมานา คือ มาตุคามบวชกำลังศึกษา, สามเณรีผู้มีอายุถึง ๑๘ ปีแล้ว อีก ๒ ปีจะครบบวชเป็นภิกษุณี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๕๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๗. คัพภินีวรรค
ในสิกขาบทที่ ๔ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๕
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้บวชให้หญิงที่มีครอบครัวมีอายุต่ำกว่า ๑๒ ปี ณ
ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปบวชให้หญิงที่มีครอบครัวมีอายุต่ำกว่า ๑๒ ปี
ในสิกขาบทที่ ๕ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๖
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้บวชให้หญิงที่มีครอบครัวมีอายุครบ ๑๒ ปี ยังไม่
ได้ศึกษาสิกขาในธรรม ๖ ข้อ ตลอด ๒ ปี ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปบวชให้หญิงที่มีครอบครัวมีอายุครบ ๑๒ ปี
ยังไม่ได้ศึกษาสิกขาในธรรม ๖ ข้อ ตลอด ๒ ปี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๕๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๗. คัพภินีวรรค
ในสิกขาบทที่ ๖ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๗
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้บวชให้หญิงที่มีครอบครัวมีอายุครบ ๑๒ ปี ผู้ได้
ศึกษาสิกขาในธรรม ๖ ข้อ ตลอด ๒ ปี แต่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปบวชให้หญิงที่มีครอบครัวมีอายุครบ ๑๒ ปี
ผู้ได้ศึกษาสิกขาในธรรม ๖ ข้อ ตลอด ๒ ปี แต่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติ
ในสิกขาบทที่ ๗ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๘
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้บวชให้สหชีวินีแล้วไม่อนุเคราะห์ ทั้งไม่ให้ผู้อื่น
อนุเคราะห์ตลอด ๒ ปี ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาบวชให้สหชีวินีแล้วไม่อนุเคราะห์ ทั้งไม่
ให้ผู้อื่นอนุเคราะห์ตลอด ๒ ปี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๕๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๗. คัพภินีวรรค
ในสิกขาบทที่ ๘ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๙
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ไม่ติดตามปวัตตินี(อุปัชฌาย์ในฝ่ายภิกษุณี)ผู้บวชให้
ตลอด ๒ ปี ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปไม่ติดตามปวัตตินีผู้บวชให้ตลอด ๒ ปี
ในสิกขาบทที่ ๙ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นปฐมปาราชิกสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๑๐
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้บวชให้สหชีวินีแล้วไม่พาหลีกไป ทั้งไม่ให้ผู้อื่นพาหลีกไป
ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาบวชให้สหชีวินีแล้วไม่พาหลีกไป ทั้งไม่
ให้ผู้อื่นพาหลีกไป

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๕๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๘. กุมารีภูตวรรค
ในสิกขาบทที่ ๑๐ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ
คัพภินีวรรคที่ ๗ จบ

๘. กุมารีภูตวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๒๒๕] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรง
รู้ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีบวชให้กุมารีอายุต่ำกว่า ๒๐ ปี ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปบวชให้กุมารีอายุต่ำกว่า ๒๐ ปี
ในสิกขาบทที่ ๑ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๒
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีบวชให้กุมารีมีอายุครบ ๒๐ ปี ผู้ยังไม่ได้ศึกษาสิกขา
ในธรรม ๖ ข้อ ตลอด ๒ ปี ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๕๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๘. กุมารีภูตวรรค
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปบวชให้กุมารีอายุครบ ๒๐ ปี แต่ยังไม่
ได้ศึกษาสิกขาในธรรม ๖ ข้อ ตลอด ๒ ปี
ในสิกขาบทที่ ๒ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๓
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีบวชให้กุมารีอายุครบ ๒๐ ปี ผู้ได้ศึกษาสิกขาในธรรม
๖ ข้อ ตลอด ๒ ปีแล้ว แต่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปบวชให้กุมารีอายุครบ ๒๐ ปี ผู้ได้ศึกษาสิกขา
ในธรรม ๖ ข้อ ตลอด ๒ ปี แต่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติ
ในสิกขาบทที่ ๓ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๔
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้มีพรรษาต่ำกว่า ๑๒ บวชให้กุลธิดา ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๖๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๘. กุมารีภูตวรรค
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปมีพรรษาต่ำกว่า ๑๒ บวชให้กุลธิดา
ในสิกขาบทที่ ๔ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๕
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้มีพรรษาครบ ๑๒ แล้ว แต่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติ
บวชให้กุลธิดา ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปมีพรรษาครบ ๑๒ แล้ว แต่สงฆ์ยังไม่
ได้สมมติ บวชให้กุลธิดา
ในสิกขาบทที่ ๕ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน เป็นทุติยปาราชิกสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๖
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้อันภิกษุณีสงฆ์กล่าวอยู่ว่า “แม่เจ้า ท่านยังไม่ควรบวช
ให้กุลธิดา” รับคำแล้ว ภายหลังกลับบ่นว่า ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีจัณฑกาลี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๖๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๘. กุมารีภูตวรรค
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีจัณฑกาลีอันภิกษุณีสงฆ์กล่าวอยู่ว่า “แม่เจ้า ท่าน
ยังไม่ควรบวชให้กุลธิดา” รับคำแล้ว ภายหลังกลับบ่นว่า
ในสิกขาบทที่ ๖ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๗
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้บอกสิกขมานาว่า “แม่คุณ ถ้าเธอจักให้จีวรแก่เรา
เราก็จะบวชให้เธอ” ภายหลังไม่บวชให้ ทั้งไม่ขวนขวายใช้ให้บวชให้ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาบอกสิกขมานาว่า “แม่คุณ ถ้าเธอจักให้
จีวรแก่เรา เราก็จะบวชให้เธอ” ภายหลังไม่บวชให้ ทั้งไม่ขวนขวายใช้ให้บวชให้
ในสิกขาบทที่ ๗ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๘
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ชักชวนสิกขมานาว่า “แม่คุณ ถ้าเธอจักติดตามเรา
ตลอด ๒ ปี เราก็จะบวชให้เธอ” ภายหลังไม่บวชให้ ทั้งไม่ขวนขวายใช้ให้บวชให้ ณ
ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๖๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๘. กุมารีภูตวรรค
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาชักชวนสิกขมานาว่า “แม่คุณ ถ้าเธอ
จักติดตามเราตลอด ๒ ปี เราก็จะบวชให้เธอ” ภายหลังไม่บวชให้ ทั้งไม่ขวนขวาย
ใช้ให้บวชให้
ในสิกขาบทที่ ๘ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๙
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้บวชให้สิกขมานาผู้ชอบคลุกคลีกับชาย คลุกคลีกับ
เด็กหนุ่ม ดุร้าย ชอบทำชายให้ระทมโศก ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาบวชให้สิกขมานาผู้ชอบคลุกคลีกับชาย
คลุกคลีกับเด็กหนุ่ม ดุร้าย ชอบทำชายให้ระทมโศก
ในสิกขาบทที่ ๙ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๑๐
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้บวชให้สิกขมานาที่มารดาบิดาหรือสามียังไม่ได้อนุญาต
ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๖๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๘. กุมารีภูตวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาบวชให้สิกขมานาที่มารดาบิดาหรือสามี
ยังไม่ได้อนุญาต
ในสิกขาบทที่ ๑๐ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางวาจา มิใช่เกิดทางกาย
มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางกายกับวาจา มิใช่เกิดทางจิต (๓) เกิดทางวาจากับจิต
มิใช่เกิดทางกาย (๔) เกิดทางกายวาจากับจิต

สิกขาบทที่ ๑๑
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้บวชให้สิกขมานาด้วยการให้ปาริวาสิกฉันทะ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาบวชให้สิกขมานาด้วยการให้ปาริวาสิก
ฉันทะ
ในสิกขาบทที่ ๑๑ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๑๒
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้บวชให้สิกขมานาทุก ๆ ปี ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๖๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๙. ฉัตตุปาหนวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปบวชให้สิกขมานาทุก ๆ ปี
ในสิกขาบทที่ ๑๒ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๑๓
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้บวชให้สิกขมานา ๒ รูปใน ๑ ปี ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปบวชให้สิกขมานาปีละ ๒ รูป
ในสิกขาบทที่ ๑๓ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ
กุมารีภูตวรรคที่ ๘ จบ

๙. ฉัตตุปาหนวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๒๒๖] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้กั้นร่มและสวมรองเท้า ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๖๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๙. ฉัตตุปาหนวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์กั้นร่มและสวมรองเท้า
ในสิกขาบทที่ ๑ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน
ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๒
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้โดยสารยานพาหนะ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์โดยสารยานพาหนะ
ในสิกขาบทที่ ๒ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน
ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๓
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ใช้เครื่องประดับเอว ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๖๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๙. ฉัตตุปาหนวรรค
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีรูปหนึ่งใช้เครื่องประดับเอว
ในสิกขาบทที่ ๓ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๔
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ใช้เครื่องประดับของสตรี ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์ใช้เครื่องประดับของสตรี
ในสิกขาบทที่ ๔ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๕
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้สรงสนานด้วยของหอมและเครื่องย้อมผิว ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๖๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๙. ฉัตตุปาหนวรรค
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์สรงสนานด้วยของหอมและเครื่องย้อมผิว
ในสิกขาบทที่ ๕ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๖
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้สรงสนานด้วยแป้งอบกลิ่น ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์สรงสนานด้วยแป้งที่อบกลิ่น
ในสิกขาบทที่ ๖ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๗
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ใช้ภิกษุณีให้บีบนวด ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปใช้ภิกษุณีให้บีบนวด
ในสิกขาบทที่ ๗ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๖๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๙. ฉัตตุปาหนวรรค
สิกขาบทที่ ๘
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ใช้สิกขมานาให้บีบนวด ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปใช้สิกขมานาให้บีบนวด
ในสิกขาบทที่ ๘ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๙
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ใช้สามเณรี๑ให้บีบนวด ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปใช้สามเณรีให้บีบนวด
ในสิกขาบทที่ ๙ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

เชิงอรรถ :
๑ สามเณรี คือ สามเณรผู้หญิง, หญิงผู้รับบรรพชาในสำนักภิกษุณี ถือสิกขาบท ๑๐ เหมือนสามเณร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๖๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๙. ฉัตตุปาหนวรรค
สิกขาบทที่ ๑๐
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ใช้หญิงคฤหัสถ์ให้บีบนวด ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปใช้หญิงคฤหัสถ์ให้บีบนวด
ในสิกขาบทที่ ๑๐ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๑๑
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ไม่ขออนุญาตก่อนนั่งบนอาสนะข้างหน้าภิกษุ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปไม่ขออนุญาตก่อนนั่งบนอาสนะข้างหน้าภิกษุ
ในสิกขาบทที่ ๑๑ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นกฐินสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๑๒
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ถามปัญหาภิกษุที่ตนยังมิได้ขอโอกาส ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๗๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๙. ฉัตตุปาหนวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปถามปัญหาภิกษุที่ตนยังมิได้ขอโอกาส
ในสิกขาบทที่ ๑๒ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นปทโสธัมมสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๑๓
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุณีผู้ไม่มีผ้ารัดถันเข้าหมู่บ้าน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีรูปหนึ่งไม่มีผ้ารัดถันเข้าหมู่บ้าน
ในสิกขาบทที่ ๑๓ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกาย มิใช่เกิดทางวาจา
มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ
ฉัตตุปาหนวรรคที่ ๙ จบ
ขุททกสิกขาบท ๙ วรรค จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๗๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ รวมปาจิตติยกัณฑ์
รวมปาจิตติยกัณฑ์ ๙๖ สิกขาบท
๑. ลสุณวรรค
สิกขาบทที่ ๑ ว่าด้วยการขอกระเทียม
สิกขาบทที่ ๒ ว่าด้วยการถอนขนในที่แคบ
สิกขาบทที่ ๓ ว่าด้วยการสัมผัสองค์กำเนิด
สิกขาบทที่ ๔ ว่าด้วยการใช้ท่อนยาง
สิกขาบทที่ ๕ ว่าด้วยการใช้น้ำชำระ
สิกขาบทที่ ๖ ว่าด้วยการปรนนิบัติ
สิกขาบทที่ ๗ ว่าด้วยการขอข้าวเปลือกดิบ
สิกขาบทที่ ๘ ว่าด้วยการทิ้งอุจจาระออกนอกฝา
สิกขาบทที่ ๙ ว่าด้วยการทิ้งอุจจาระออกนอกกำแพง
สิกขาบทที่ ๑๐ ว่าด้วยการดูการขับร้องฟ้อนรำ

๒. อันธการวรรค
สิกขาบทที่ ๑ ว่าด้วยการสนทนากับชายในที่มืด
สิกขาบทที่ ๒ ว่าด้วยการยืนกับชายในที่กำบัง
สิกขาบทที่ ๓ ว่าด้วยการสนทนากับชายในที่แจ้ง
สิกขาบทที่ ๔ ว่าด้วยการส่งเพื่อนภิกษุณีกลับ
สิกขาบทที่ ๕ ว่าด้วยการจากไปโดยไม่บอกเจ้าของ
สิกขาบทที่ ๖ ว่าด้วยการนั่งนอนบนอาสนะโดยไม่บอกเจ้าของ
สิกขาบทที่ ๗ ว่าด้วยการปูลาดโดยไม่บอก
สิกขาบทที่ ๘ ว่าด้วยการให้ผู้อื่นโพนทะนา
สิกขาบทที่ ๙ ว่าด้วยการสาปแช่งตนเองและผู้อื่น
สิกขาบทที่ ๑๐ ว่าด้วยการร้องไห้ทุบตีตนเอง

๓. นัคควรรค
สิกขาบทที่ ๑ ว่าด้วยการเปลือยกายอาบน้ำ
สิกขาบทที่ ๒ ว่าด้วยการใช้ผ้าอาบน้ำไม่ได้ขนาด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๗๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ รวมปาจิตติยกัณฑ์
สิกขาบทที่ ๓ ว่าด้วยการเลาะจีวรแล้วไม่เย็บ
สิกขาบทที่ ๔ ว่าด้วยการไม่ผลัดเปลี่ยนสังฆาฏิตามกำหนด
สิกขาบทที่ ๕ ว่าด้วยการห่มจีวรสับเปลี่ยนกัน
สิกขาบทที่ ๖ ว่าด้วยการทำอันตรายแก่จีวรลาภของคณะ
สิกขาบทที่ ๗ ว่าด้วยการคัดค้านการแจกจีวรที่ชอบธรรม
สิกขาบทที่ ๘ ว่าด้วยการให้สมณจีวรแก่ผู้ไม่ใช่ภิกษุณี
สิกขาบทที่ ๙ ว่าด้วยการให้ล่วงเลยสมัยแห่งจีวรกาล
สิกขาบทที่ ๑๐ ว่าด้วยการคัดค้านการเดาะกฐินที่ชอบธรรม

๔. ตุวัฏฏวรรค
สิกขาบทที่ ๑ ว่าด้วยการนอนบนเตียงเดียวกัน
สิกขาบทที่ ๒ ว่าด้วยการใช้ผ้าผืนเดียวเป็นทั้งผ้าปูนอนและผ้าห่ม
สิกขาบทที่ ๓ ว่าด้วยการจงใจก่อความรำคาญ
สิกขาบทที่ ๔ ว่าด้วยการไม่ใส่ใจดูแลเพื่อนภิกษุณี
สิกขาบทที่ ๕ ว่าด้วยการฉุดลากออก
สิกขาบทที่ ๖ ว่าด้วยการอยู่คลุกคลีกับคฤหัสถ์
สิกขาบทที่ ๗ ว่าด้วยการเที่ยวจาริกไปในที่ที่น่าหวาดระแวงภายในรัฐ
สิกขาบทที่ ๘ ว่าด้วยการเที่ยวจาริกไปในที่ที่น่าหวาดระแวงภายนอกรัฐ
สิกขาบทที่ ๙ ว่าด้วยการเที่ยวจาริกไปภายในพรรษา
สิกขาบทที่ ๑๐ ว่าด้วยการไม่หลีกจาริกไป

๕. จิตตาคารวรรค
สิกขาบทที่ ๑ ว่าด้วยการไปดูโรงละครหลวง
สิกขาบทที่ ๒ ว่าด้วยการใช้ตั่งหรือแท่น
สิกขาบทที่ ๓ ว่าด้วยการกรอด้าย
สิกขาบทที่ ๔ ว่าด้วยการช่วยทำการขวนขวายเพื่อคฤหัสถ์
สิกขาบทที่ ๕ ว่าด้วยการไม่ช่วยระงับอธิกรณ์
สิกขาบทที่ ๖ ว่าด้วยการให้ของเคี้ยวของฉันแก่นักฟ้อนเป็นต้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๗๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ รวมปาจิตติยกัณฑ์
สิกขาบทที่ ๗ ว่าด้วยการใช้ผ้าซับระดูแล้วไม่สละ
สิกขาบทที่ ๘ ว่าด้วยการไม่สละที่พัก
สิกขาบทที่ ๙ ว่าด้วยการเรียนดิรัจฉานวิชา
สิกขาบทที่ ๑๐ ว่าด้วยการสอนดิรัจฉานวิชา

๖. อารามวรรค
สิกขาบทที่ ๑ ว่าด้วยการเข้าอารามโดยไม่บอก
สิกขาบทที่ ๒ ว่าด้วยการด่าบริภาษภิกษุ
สิกขาบทที่ ๓ ว่าด้วยการบริภาษคณะ
สิกขาบทที่ ๔ ว่าด้วยการฉันของเคี้ยวของฉันเมื่อห้ามภัตตาหารแล้ว
สิกขาบทที่ ๕ ว่าด้วยความหวงตระกูล
สิกขาบทที่ ๖ ว่าด้วยการอยู่จำพรรษาในอาวาสที่ไม่มีภิกษุ
สิกขาบทที่ ๗ ว่าด้วยการไม่ปวารณาในสงฆ์ ๒ ฝ่าย
สิกขาบทที่ ๘ ว่าด้วยการไม่รับโอวาทเป็นต้น
สิกขาบทที่ ๙ ว่าด้วยการไม่ถามอุโบสถเป็นต้น
สิกขาบทที่ ๑๐ ว่าด้วยการให้บ่งฝีในร่มผ้า

๗. คัพภินีวรรค
สิกขาบทที่ ๑ ว่าด้วยการบวชให้สตรีมีครรภ์
สิกขาบทที่ ๒ ว่าด้วยการบวชให้สตรีมีลูกยังดื่มนม
สิกขาบทที่ ๓ ว่าด้วยการบวชให้สิกขมานาผู้ยังไม่ได้ศึกษาธรรม
๖ ข้อตลอด ๒ ปี
สิกขาบทที่ ๔ ว่าด้วยการบวชให้สิกขมานาที่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติ
สิกขาบทที่ ๕ ว่าด้วยการบวชให้หญิงที่มีครอบครัวอายุต่ำกว่า ๑๒ ปี
สิกขาบทที่ ๖ ว่าด้วยการบวชให้หญิงที่มีครอบครัวอายุครบ ๑๒ ปี
แต่ยังไม่ได้ศึกษาสิกขา
สิกขาบทที่ ๗ ว่าด้วยการบวชให้หญิงที่มีครอบครัวที่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๗๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ รวมปาจิตติยกัณฑ์
สิกขาบทที่ ๘ ว่าด้วยการไม่อนุเคราะห์สหชีวินีตลอด ๒ ปี
สิกขาบทที่ ๙ ว่าด้วยการไม่ติดตามปวัตตินีตลอด ๒ ปี
สิกขาบทที่ ๑๐ ว่าด้วยการไม่พาสหชีวินีหลีกไป

๘. กุมารีภูตวรรค
สิกขาบทที่ ๑ ว่าด้วยการบวชให้กุมารีอายุต่ำกว่า ๒๐ ปี
สิกขาบทที่ ๒ ว่าด้วยการบวชให้กุมารีที่ยังไม่ได้ศึกษาในธรรม ๖ ข้อ
สิกขาบทที่ ๓ ว่าด้วยการบวชให้กุมารีที่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติ
สิกขาบทที่ ๔ ว่าด้วยภิกษุณีมีพรรษาต่ำกว่า ๑๒ เป็นปวัตตินี
สิกขาบทที่ ๕ ว่าด้วยภิกษุณีมีพรรษาครบ ๑๒ เป็นปวัตตินี
แต่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติ
สิกขาบทที่ ๖ ว่าด้วยการบ่นว่าภายหลัง
สิกขาบทที่ ๗ ว่าด้วยการบอกสิกขมานาให้ถวายจีวรแล้วไม่บวชให้
สิกขาบทที่ ๘ ว่าด้วยการบอกสิกขมานาให้ติดตาม
ตลอด ๒ ปี แล้วไม่บวชให้
สิกขาบทที่ ๙ ว่าด้วยการบวชให้สิกขมานาผู้คลุกคลีกับชาย
สิกขาบทที่ ๑๐ ว่าด้วยการบวชให้สิกขมานาที่ยังไม่ได้รับอนุญาต
สิกขาบทที่ ๑๑ ว่าด้วยการบวชให้สิกขมานาด้วยการให้ปาริวาสิกฉันทะ
สิกขาบทที่ ๑๒ ว่าด้วยการบวชให้สิกขมานาทุก ๆ ปี
สิกขาบทที่ ๑๓ ว่าด้วยการบวชให้สิกขมานาปีละ ๒ รูป

๙. ฉัตตุปาหนวรรค
สิกขาบทที่ ๑ ว่าด้วยภิกษุณีผู้ไม่เป็นไข้กั้นร่มและสวมรองเท้า
สิกขาบทที่ ๒ ว่าด้วยการเดินทางด้วยยานพาหนะ
สิกขาบทที่ ๓ ว่าด้วยการใช้เครื่องประดับเอว
สิกขาบทที่ ๔ ว่าด้วยการใช้เครื่องประดับของสตรี
สิกขาบทที่ ๕ ว่าด้วยการใช้ของหอมเครื่องย้อมผิว
สิกขาบทที่ ๖ ว่าด้วยการใช้ผงแป้งอบกลิ่น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๗๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
สิกขาบทที่ ๗ ว่าด้วยการให้บีบนวด
สิกขาบทที่ ๘ ว่าด้วยการใช้สิกขมานาบีบนวด
สิกขาบทที่ ๙ ว่าด้วยการใช้สามเณรีให้บีบนวด
สิกขาบทที่ ๑๐ ว่าด้วยการใช้หญิงคฤหัสถ์ให้บีบนวด
สิกขาบทที่ ๑๑ ว่าด้วยการนั่งบนอาสนะโดยไม่ขอโอกาสก่อน
สิกขาบทที่ ๑๒ ว่าด้วยการถามปัญหาภิกษุโดยไม่ขอโอกาส
สิกขาบทที่ ๑๓ ว่าด้วยการเข้าหมู่บ้านโดยไม่มีผ้ารัดถัน

รวมวรรคที่มีในปาจิตติยกัณฑ์

๑. ลสุณวรรค ๒. รัตตันธการวรรค
๓. นหานวรรค ๔. ตุวัฏฏวรรค
๕. จิตตาคารวรรค ๖. อารามวรรค
๗. คัพภินีวรรค ๘. กุมารีภูตวรรค
๙. ฉัตตุปาหนวรรค

๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสถานที่บัญญัติเป็นต้นในปาฏิเทสนียกัณฑ์
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๑
[๒๒๗] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาฏิเทสนียะแก่ภิกษุณีผู้ออกปากขอเนยใสมาฉัน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์ออกปากขอเนยใสมาฉัน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๗๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
ในปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๑ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ
บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ สมุฏฐาน ฯลฯ

ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๒
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาฏิเทสนียะแก่ภิกษุณีผู้ออกปากขอน้ำมันมาฉัน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์ออกปากขอน้ำมันมาฉัน
ในปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๒ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ สมุฏฐาน ฯลฯ

ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๓
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาฏิเทสนียะแก่ภิกษุณีผู้ออกปากขอน้ำผึ้งมาฉัน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์ออกปากขอน้ำผึ้งมาฉัน
ในปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๓ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ สมุฏฐาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๗๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๔
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาฏิเทสนียะแก่ภิกษุณีผู้ออกปากขอน้ำอ้อยมาฉัน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์ออกปากขอน้ำอ้อยมาฉัน
ในปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๔ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ สมุฏฐาน ฯลฯ

ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๕
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาฏิเทสนียะแก่ภิกษุณีผู้ออกปากขอปลามาฉัน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์ออกปากขอปลามาฉัน
ในปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๕ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ สมุฏฐาน ฯลฯ

ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๖
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาฏิเทสนียะแก่ภิกษุณีผู้ออกปากขอเนื้อมาฉัน ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๗๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์ออกปากขอเนื้อมาฉัน
ในปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๖ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ สมุฏฐาน ฯลฯ

ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๗
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาฏิเทสนียะแก่ภิกษุณีผู้ออกปากขอนมสดมาฉัน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์ออกปากขอนมสดมาฉัน
ในปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๗ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ สมุฏฐาน ฯลฯ

ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๘
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาฏิเทสนียะแก่ภิกษุณีผู้ออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๗๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร รวมสิกขาบทที่มีในปาฏิเทสนียะกัณฑ์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์ออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน
ในปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๘ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิด
ทางกาย มิใช่เกิดทางวาจา มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางกายกับวาจา มิใช่เกิด
ทางจิต (๓) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา (๔) เกิดทางกายวาจากับจิต
ปาฏิเทสนียะ ๘ สิกขาบท จบ

รวมสิกขาบทที่มีในปาฏิเทสนียะกัณฑ์
พระพุทธเจ้าทรงแสดงปาฏิเทสนียะ ๘ สิกขาบท ด้วยพระองค์เอง คือ
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๑ ว่าด้วยการออกปากขอเนยใส
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๒ ว่าด้วยการออกปากขอน้ำมัน
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๓ ว่าด้วยการออกปากขอน้ำผึ้ง
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๔ ว่าด้วยการออกปากขอน้ำอ้อย
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๕ ว่าด้วยการออกปากขอปลา
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๖ ว่าด้วยการออกปากขอเนื้อ
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๗ ว่าด้วยการออกปากขอนมสด
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๘ ว่าด้วยการออกปากขอนมเปรี้ยว
สิกขาบทที่พิสดารในภิกขุวิภังค์ ย่อลงในภิกขุนีวิภังค์
กัตถปัญญัติวารที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๘๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
๒. กตาปัตติวาร
วาระว่าด้วยต้องอาบัติเท่าไร
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบจำนวนอาบัติในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕
[๒๒๘] ถาม : ภิกษุณีผู้กำหนัด ยินดีการถูกต้องกายของชายผู้กำหนัด ต้อง
อาบัติเท่าไร
ตอบ : ภิกษุณีผู้กำหนัด ยินดีการถูกต้องกายของชายผู้กำหนัด ต้องอาบัติ ๓
อย่าง คือ
๑. ยินดีการจับต้องบริเวณใต้รากขวัญลงมา เหนือหัวเข่าขึ้นไป ต้องอาบัติ
ปาราชิก
๒. ยินดีการจับต้องบริเวณเหนือรากขวัญขึ้นไป ใต้หัวเข่าลงมา ต้องอาบัติ
ถุลลัจจัย
๓. ยินดีการจับต้องของเนื่องด้วยกาย ต้องอาบัติทุกกฏ
ภิกษุณีผู้กำหนัด ยินดีการถูกต้องกายของชายผู้กำหนัด ต้องอาบัติ ๓ อย่าง
เหล่านี้

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๖
ถาม : ภิกษุณีผู้ปกปิดโทษ ปกปิดโทษไว้ ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : ภิกษุณีผู้ปกปิดโทษ ปกปิดโทษไว้ ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. รู้อยู่ปกปิดธรรมคือปาราชิก ต้องอาบัติปาราชิก
๒. สงสัยปกปิดไว้ ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. ปกปิดอาจารวิบัติ ต้องอาบัติทุกกฏ
ภิกษุณีผู้ปกปิดโทษ ปกปิดโทษไว้ ต้องอาบัติ ๓ อย่างเหล่านี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๘๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๗
ถาม : ภิกษุณีผู้ประพฤติตามภิกษุผู้ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรม๑ ไม่ยอมสละกรรม
จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : ภิกษุณีผู้ประพฤติตามภิกษุผู้ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรม ไม่ยอมสละกรรม
จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติปาราชิก
ภิกษุณีผู้ประพฤติตามภิกษุผู้ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรม ไม่ยอมสละกรรม
จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง ต้องอาบัติ ๓ อย่างเหล่านี้

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๘
ถาม : ภิกษุณีผู้ทำวัตถุครบทั้ง ๘ ประการ ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : ภิกษุณีผู้ทำวัตถุครบทั้ง ๘ ประการ ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. ที่ชายสั่งว่า “จงไปยังห้องชื่อนี้” แล้วเดินไป ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. พอย่างเข้าช่วงแขนของชาย๒ ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. เมื่อทำวัตถุครบทั้ง ๘ ประการ ต้องอาบัติปาราชิก
ภิกษุณีผู้ทำวัตถุครบทั้ง ๘ ประการ ต้องอาบัติ ๓ อย่างเหล่านี้
ปาราชิก ๘ สิกขาบท จบ

เชิงอรรถ :
๑ หมายถึงผู้ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรมตัดสิทธิชั่วคราวโดยยกออกจากหมู่ ห้ามสมโภคกับสงฆ์ คือไม่ให้
ฉันร่วม ไม่ให้อยู่ร่วม ไม่ให้มีสิทธิ์เสมอกับภิกษุทั้งหลาย จนกว่าสงฆ์จะยอมระงับกรรมนั้น
๒ ช่วงแขน คือหัตถบาส ได้แก่ระยะที่เหยียดแขนออกไปจับตัวอีกคนหนึ่งได้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๘๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑ์
๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
จำนวนอาบัติในสังฆาทิเสสกัณฑ์
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑
[๒๒๙] ภิกษุณีผู้ก่อคดีพิพาท ก่อคดีขึ้น ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. บอกเรื่องของคนหนึ่ง ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. บอกเรื่องของคนที่สอง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. เมื่อศาลตัดสินแล้ว ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๒
ภิกษุณีบวชให้สตรีผู้เป็นโจร ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๓
ภิกษุณีผู้เข้าไปสู่ละแวกหมู่บ้านรูปเดียว ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. กำลังเดินไป ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ย่างเท้าก้าวที่ ๑ เข้าสู่บริเวณรั้ว ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. ย่างเท้าก้าวที่ ๒ ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๔
ภิกษุณีเรียกภิกษุณีที่สงฆ์พร้อมเพรียงกันลงอุกเขปนียกรรมโดยธรรม โดยวินัย
โดยสัตถุศาสน์ให้กลับเข้าหมู่ โดยไม่บอกการกสงฆ์๑ ไม่รู้ฉันทะของคณะ ต้องอาบัติ
๓ อย่าง คือ

เชิงอรรถ :
๑ การกสงฆ์ หมายถึงสงฆ์หมู่หนึ่งผู้ดำเนินการในกิจสำคัญ เช่น การสังคายนาหรือสังฆกรรมต่าง ๆ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๘๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑ์
๑. จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๕
ภิกษุณีกำหนัด รับของเคี้ยวหรือของฉันจากมือชายผู้กำหนัดด้วยมือของตนแล้ว
ฉัน ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. รับประเคนไว้ด้วยตั้งใจว่า “จะเคี้ยวจะฉัน” ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๒. ฉัน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ทุก ๆ คำกลืน
๓. รับประเคนน้ำและไม้ชำระฟัน ต้องอาบัติทุกกฏ

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๖
ภิกษุณีส่งเสริมกล่าวชักชวนว่า “แม่เจ้า ชายผู้นี้จะกำหนัดหรือไม่กำหนัดก็ตาม
ก็ทำอะไรท่านไม่ได้ เพราะท่านไม่กำหนัด นิมนต์เถิดแม่เจ้า ชายผู้นี้จะถวายสิ่งใดจะ
เป็นของเคี้ยวหรือของฉันก็ตามแก่ท่าน ท่านจงรับประเคนของนั้นด้วยมือของตนแล้ว
เคี้ยวหรือฉันเถิด” ดังนี้ ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. รับประเคนตามคำของภิกษุณีนั้นด้วยตั้งใจว่า “จะเคี้ยวจะฉัน” ต้อง อาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติถุลลัจจัย ทุก ๆ คำกลืน
๓. ฉันเสร็จแล้ว ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๗
ภิกษุณีผู้โกรธ ไม่ยอมสละกรรม จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง
ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๘๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑ์
๒. จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๘
ภิกษุณีผู้ถูกตัดสินให้แพ้คดีในอธิกรณ์เรื่องหนึ่ง โกรธ ไม่ยอมสละกรรม จน
กระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๙
ภิกษุณีผู้อยู่คลุกคลีกัน ไม่ยอมสละกรรม จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์
ครบ ๓ ครั้ง ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑๐
ภิกษุณีผู้ส่งเสริมกล่าวชักชวนว่า “น้องหญิงทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงอยู่คลุกคลีกัน
อย่าแยกกันอยู่เลย” ไม่ยอมสละกรรม จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง
ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
สังฆาทิเสส ๑๐ สิกขาบท จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๘๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๓. นิสสัคคิยกัณฑ์
๓. นิสสัคคิยกัณฑ์
จำนวนอาบัติในนิสสัคคิยกัณฑ์
สิกขาบทที่ ๑
[๒๓๐] ภิกษุณีทำการสะสมบาตร ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ นิสสัคคิยปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๒
ภิกษุณีอธิษฐานอกาลจีวรเป็นกาลจีวร แล้วให้แจกกัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังให้แจกกัน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อให้แจกกันเสร็จแล้ว ต้องนิสสัคคิยปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๓
ภิกษุณีแลกเปลี่ยนจีวรกับภิกษุณีแล้วแย่งชิงเอาคืน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังชิงเอา ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อชิงเสร็จแล้ว ต้องนิสสัคคิยปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๔
ภิกษุณีผู้ออกปากขอสิ่งของอย่างหนึ่งแล้วออกปากขอสิ่งของอย่างอื่น ต้องอาบัติ
๒ อย่าง คือ
๑. กำลังขอ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. ขอเสร็จแล้ว ต้องนิสสัคคิยปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๕
ภิกษุณีผู้ให้ซื้อของอย่างหนึ่งแล้ว สั่งให้ซื้อของอย่างอื่น ต้องอาบัติ ๒ อย่าง
คือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๘๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๓. นิสสัคคิยกัณฑ์
๑. กำลังให้ซื้อ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. สั่งให้ซื้อแล้ว ต้องนิสสัคคิยปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๖
ภิกษุณีผู้ให้เอาบริขารที่เขาถวายเพื่อประโยชน์แก่ปัจจัยอย่างหนึ่ง ที่เขาถวาย
อุทิศของอย่างหนึ่ง ที่เขาบริจาคแก่สงฆ์ แลกเปลี่ยนของอย่างอื่น ต้องอาบัติ ๒
อย่าง คือ
๑. กำลังให้แลกเปลี่ยน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. ให้แลกเปลี่ยนแล้ว ต้องนิสสัคคิยปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๗
ภิกษุณีผู้ให้เอาบริขารที่เขาถวายเพื่อประโยชน์แก่ปัจจัยอย่างหนึ่ง ที่เขาถวาย
อุทิศของอย่างหนึ่ง ที่เขาบริจาคแก่สงฆ์ที่ขอมาเอง แลกเปลี่ยนของอย่างอื่น
ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังให้แลกเปลี่ยน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. ให้แลกเปลี่ยนแล้ว ต้องนิสสัคคิยปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๘
ภิกษุณีผู้ให้เอาบริขารที่เขาถวายเพื่อประโยชน์แก่ปัจจัยอย่างหนึ่ง ที่เขาถวาย
อุทิศของอย่างหนึ่ง ที่เขาบริจาคแก่ภิกษุณีจำนวนมาก แลกเปลี่ยนของอย่างหนึ่ง
ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังให้แลกเปลี่ยน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. ให้แลกเปลี่ยนแล้ว ต้องนิสสัคคิยปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๙
ภิกษุณีผู้ให้เอาบริขารที่เขาถวายเพื่อประโยชน์แก่ปัจจัยอย่างหนึ่ง ที่เขาถวาย
อุทิศของอย่างหนึ่ง ที่เขาบริจาคแก่ภิกษุณีจำนวนมากที่ขอมาเอง แลกเปลี่ยนของ
อย่างอื่น ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๘๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๓. นิสสัคคิยกัณฑ์
๑. กำลังให้แลกเปลี่ยน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. ให้แลกเปลี่ยนแล้ว ต้องนิสสัคคิยปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๑๐
ภิกษุณีผู้ให้เอาบริขารที่เขาถวายเพื่อประโยชน์แก่ปัจจัยอย่างหนึ่ง ที่เขาถวายอุทิศ
ของอย่างหนึ่ง ที่เขาบริจาคแก่บุคคลที่ขอมาเอง แลกเปลี่ยนของอย่างอื่น ต้องอาบัติ
๒ อย่าง คือ
๑. กำลังให้แลกเปลี่ยน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. ให้แลกเปลี่ยนแล้ว ต้องนิสสัคคิยปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๑๑
ภิกษุณีผู้ขอผ้าห่มหนาราคาเกินกว่า ๔ กังสะเป็นอย่างมาก ต้องอาบัติ
๒ อย่าง คือ
๑. กำลังให้ขอ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อขอเสร็จแล้ว ต้องนิสสัคคิยปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๑๒
ภิกษุณีผู้ขอผ้าห่มบางราคาเกินกว่า ๒ กังสะครึ่งเป็นอย่างมาก ต้องอาบัติ
๒ อย่าง คือ
๑. กำลังขอ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อขอเสร็จแล้ว ต้องนิสสัคคิยปาจิตตีย์
นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๑๒ สิกขาบท จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๘๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๑. ลสุณวรรค
๔. ปาจิตติยกัณฑ์
จำนวนอาบัติในปาจิตติยกัณฑ์
๑. ลสุณวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๒๓๑] ภิกษุณีฉันกระเทียม ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่าจะฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำกลืน

สิกขาบทที่ ๒
ภิกษุณีให้ถอนขนในที่แคบ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังให้ถอน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อถอนเสร็จแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๓
ภิกษุณีใช้ฝ่ามือตบองค์กำเนิด ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังตบ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อตบเสร็จแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๔
ภิกษุณีใช้ท่อนยาง ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังใช้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อใช้เสร็จแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๕
ภิกษุณีใช้น้ำชำระให้สะอาดลึกเกิน ๒ องคุลีเป็นอย่างมาก ต้องอาบัติ ๒ อย่าง
คือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๘๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๑. ลสุณวรรค
๑. กำลังใช้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อใช้เสร็จแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๖
ภิกษุณีปรนนิบัติภิกษุผู้กำลังฉันด้วยน้ำดื่มหรือด้วยการพัด ต้องอาบัติ ๒ อย่าง
คือ
๑. ยืนอยู่ในระยะหัตถบาส ต้องอาบัติปาจิตตีย์
๒. ยืนพ้นระยะหัตถบาส ต้องอาบัติทุกกฏ

สิกขาบทที่ ๗
ภิกษุณีออกปากขอข้าวเปลือกดิบมาฉัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่าจะฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำกลืน

สิกขาบทที่ ๘
ภิกษุณีเทอุจจาระ หรือปัสสาวะ น้ำลาย หยากเยื่อ หรือของเป็นเดนภาย
นอกฝา หรือภายนอกกำแพง ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังเท ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อเทแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๙
ภิกษุณีเทอุจจาระ หรือปัสสาวะ น้ำลาย หยากเยื่อ หรือของเป็นเดน
บนของเขียวสด ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังเท ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อเทแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๙๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๒. รัตตันธการวรรค
สิกขาบทที่ ๑๐
ภิกษุณีไปดูการฟ้อนรำ การขับร้อง หรือการประโคมดนตรี ต้องอาบัติ ๒ อย่าง
คือ
๑. กำลังไป ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ยืนอยู่ในที่ที่พอจะมองเห็นหรือได้ยิน ต้องอาบัติปาจิตตีย์
ลสุณวรรคที่ ๑ จบ

๒. รัตตันธการวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๒๓๒] ภิกษุณียืนเคียงคู่กันสองต่อสองกับชายในเวลาค่ำคืนไม่มีประทีป ต้อง
อาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. ยืนอยู่ในช่วงแขนชาย ต้องอาบัติปาจิตตีย์
๒. ยืนพ้นระยะช่วงแขน ต้องอาบัติทุกกฏ

สิกขาบทที่ ๒
ภิกษุณียืนเคียงคู่กันสองต่อสองกับชายในโอกาสที่กำบัง ต้องอาบัติ ๒ อย่าง
คือ
๑. ยืนอยู่ในช่วงแขนชาย ต้องอาบัติปาจิตตีย์
๒. ยืนพ้นระยะช่วงแขน ต้องอาบัติทุกกฏ

สิกขาบทที่ ๓
ภิกษุณียืนเคียงคู่กันสองต่อสองกับชายในที่แจ้ง ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. ยืนอยู่ในช่วงแขนชาย ต้องอาบัติปาจิตตีย์
๒. ยืนพ้นระยะช่วงแขน ต้องอาบัติทุกกฏ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๙๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๒. รัตตันธการวรรค
สิกขาบทที่ ๔
ภิกษุณียืนเคียงคู่กันสองต่อสองกับชายในถนน หรือตรอกตัน หรือทางสาม
แพร่ง ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. ยืนอยู่ในช่วงแขนชาย ต้องอาบัติปาจิตตีย์
๒. ยืนพ้นระยะช่วงแขน ต้องอาบัติทุกกฏ

สิกขาบทที่ ๕
ภิกษุณีเข้าไปสู่ตระกูลในเวลาก่อนฉันภัตตาหาร นั่งบนอาสนะแล้วจากไปโดยไม่
บอกเจ้าของบ้าน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. ย่างเท้าก้าวที่ ๑ เข้าสู่บริเวณชายคา ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ย่างเท้าก้าวที่ ๒ ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๖
ภิกษุณีเข้าไปสู่ตระกูลภายหลังฉันภัตตาหาร นั่งบนอาสนะโดยไม่บอกเจ้าของบ้าน
ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังนั่ง ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อนั่งแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๗
ภิกษุณีเข้าไปสู่ตระกูลในเวลาวิกาล ปู หรือใช้ให้ปูที่นอนโดยไม่บอกเจ้าของบ้าน
แล้วนั่ง ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังนั่ง ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อนั่งแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๘
ภิกษุณีเพราะเข้าใจผิด เพราะใคร่ครวญผิดให้ผู้อื่นโพนทะนา ต้องอาบัติ ๒ อย่าง
คือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๙๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๓. นหานวรรค
๑. กำลังให้โพนทะนา ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อให้โพนทะนาแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๙
ภิกษุณีสาปแช่งตนเอง หรือผู้อื่น ด้วยนรกหรือด้วยพรหมจรรย์ ต้องอาบัติ ๒
อย่าง คือ
๑. กำลังสาปแช่ง ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อสาปแช่งแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๑๐
ภิกษุณีร้องไห้ทุบตีตนเอง ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. ร้องไห้ทุบตีตนเอง ต้องอาบัติปาจิตตีย์
๒. ทุบตีตนแต่ไม่ร้องไห้ ต้องอาบัติทุกกฏ
รัตตันธการวรรคที่ ๒ จบ

๓. นหานวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๒๓๓] ภิกษุณีเปลือยกายอาบน้ำ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังอาบ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. อาบเสร็จแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๒
ภิกษุณีให้ทำผ้าอาบน้ำเกินขนาด ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังให้ทำ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อให้ทำเสร็จแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๙๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๓. นหานวรรค
สิกขาบทที่ ๓
ภิกษุณีเลาะ หรือใช้ให้เลาะจีวรของภิกษุณี แล้วไม่เย็บ ไม่ขวนขวายเพื่อให้เย็บ
ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๔
ภิกษุณีให้วาระผลัดเปลี่ยนสังฆาฏิที่มีกำหนดระยะเวลา ๕ วัน ล่วงเลยไป ต้อง
อาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๕
ภิกษุณีห่มจีวรสับเปลี่ยนกัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังห่ม ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อห่มแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๖
ภิกษุณีทำอันตรายแก่จีวรที่คณะจะพึงได้ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังทำ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อทำแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๗
ภิกษุณีคัดค้านการแจกจีวรที่ชอบธรรม ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังคัดค้าน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อคัดค้านแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๘
ภิกษุณีให้สมณจีวรแก่ชาวบ้าน แก่ปริพาชกหรือแก่ปริพาชิกา ต้องอาบัติ
๒ อย่าง คือ
๑. กำลังให้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อให้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๙๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๔. ตุวัฏฏวรรค
สิกขาบทที่ ๙
ภิกษุณีให้ล่วงเลยสมัยแห่งจีวรกาลด้วยความหวังในจีวรที่เลื่อนลอย ต้องอาบัติ
๒ อย่าง คือ
๑. กำลังให้ล่วงไป ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อให้ล่วงไปแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๑๐
ภิกษุณีคัดค้านการเดาะกฐินที่ชอบธรรม ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังคัดค้าน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อคัดค้านแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์
นหานวรรคที่ ๓ จบ

๔. ตุวัฏฏวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๒๓๔] ภิกษุณี ๒ รูป นอนบนเตียงเดียวกัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังนอน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อนอนแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๒
ภิกษุณี ๒ รูป ใช้ผ้าผืนเดียวเป็นทั้งผ้าปูนอนและผ้าห่มนอนร่วมกัน ต้องอาบัติ
๒ อย่าง คือ
๑. กำลังนอน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อนอนแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๙๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๔. ตุวัฏฏวรรค
สิกขาบทที่ ๓
ภิกษุณีจงใจก่อความไม่ผาสุกแก่ภิกษุณีด้วยกัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังก่อ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อก่อแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๔
ภิกษุณีไม่ดูแลช่วยเหลือ หรือไม่ใส่ใจมอบหมายให้ผู้อื่นดูแลช่วยเหลือสหชีวินี
ผู้ได้รับความลำบาก ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คืออาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๕
ภิกษุณีให้ที่พักแก่ภิกษุณีแล้วโกรธ ไม่พอใจ ฉุดลากออกไป ต้องอาบัติ ๒
อย่าง คือ
๑. กำลังฉุดลากออกไป ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อฉุดลากออกไปแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๖
ภิกษุณีผู้อยู่คลุกคลีไม่ยอมสละกรรม จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง
ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๗
ภิกษุณีเที่ยวจาริกไปไม่มีกองเกวียนเป็นเพื่อน ในที่ที่รู้กันว่าน่าหวาดระแวง มีภัย
น่ากลัวภายในรัฐ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังเดินไป ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อเดินไปแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๙๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๕. จิตตาคารวรรค
สิกขาบทที่ ๘
ภิกษุณีเที่ยวจาริกไปไม่มีกองเกวียนเป็นเพื่อน ในที่ที่รู้กันว่าน่าหวาดระแวง มีภัย
น่ากลัวภายนอกรัฐ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังเดินไป ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อเดินไปแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๙
ภิกษุณีเที่ยวจาริกไปภายในพรรษา ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังเดินไป ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อเดินไปแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๑๐
ภิกษุณีอยู่จำพรรษาแล้ว ไม่หลีกจาริกไป ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ปาจิตตีย์
ตุวัฏฏวรรคที่ ๔ จบ

๕. จิตตาคารวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๒๓๕] ภิกษุณีไปดูโรงละครหลวง หอจิตรกรรม สวนสาธารณะ อุทยาน หรือ
สระโบกขรณี ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังไป ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. ยืนในที่ที่มองเห็น ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๒
ภิกษุณีใช้ตั่งยาวหรือแท่น ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๙๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๕. จิตตาคารวรรค
๑. กำลังใช้สอย ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อใช้สอยแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๓
ภิกษุณีกรอด้าย ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังกรอ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อกรอแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๔
ภิกษุณีช่วยทำการขวนขวายเพื่อคฤหัสถ์ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังทำ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อทำแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๕
ภิกษุณีผู้อันภิกษุณีขอร้องอยู่ว่า “แม่เจ้า โปรดมาช่วยระงับอธิกรณ์นี้ด้วยเถิด”
รับปากแล้วไม่ช่วยระงับ ไม่ขวนขวายให้ผู้อื่นช่วยระงับ ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ
อาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๖
ภิกษุณีให้ของเคี้ยวหรือของฉันด้วยมือตนแก่ชาวบ้าน แก่ปริพาชก หรือแก่
ปริพาชิกา ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังให้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อให้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๗
ภิกษุณีใช้ผ้าซับระดูแล้วไม่ยอมสละ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๙๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๕. จิตตาคารวรรค
๑. กำลังใช้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อใช้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๘
ภิกษุณีไม่สละ๑ที่พักแล้วหลีกจาริกไป ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. ย่างเท้าก้าวที่ ๑ พ้นเขตไป ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ย่างเท้าก้าวที่ ๒ ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๙
ภิกษุณีเรียนดิรัจฉานวิชา ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังเรียน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ บท

สิกขาบทที่ ๑๐
ภิกษุณีสอนดิรัจฉานวิชา ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังสอน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ บท
จิตตาคารวรรคที่ ๕ จบ

เชิงอรรถ :
๑ ไม่สละ คือไม่บอกมอบหมายให้ผู้อื่นช่วยดูแลรักษาที่พัก (วิ.อ. ๒/๑๐๐๘/๕๑๐)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๙๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๖. อารามวรรค
๖. อารามวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๒๓๖] ภิกษุณีรู้อยู่เข้าไปสู่อารามที่มีภิกษุโดยไม่บอก ต้องอาบัติ ๒ อย่าง
คือ
๑. ย่างเท้าก้าวที่ ๑ เข้าเขต ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ย่างเท้าก้าวที่ ๒ ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๒
ภิกษุณีด่าบริภาษภิกษุ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังด่า ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อด่าแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๓
ภิกษุณีขึ้งเคียดบริภาษคณะ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังบริภาษ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบริภาษแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๔
ภิกษุณีผู้ได้รับนิมนต์แล้วบอกห้ามภัตตาหารแล้ว ฉันของเคี้ยวหรือของฉัน
ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่า “จะเคี้ยวจะฉัน” ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำกลืน

สิกขาบทที่ ๕
ภิกษุณีหวงตระกูล ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังหวง ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อหวงแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๐๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๖. อารามวรรค
สิกขาบทที่ ๖
ภิกษุณีจำพรรษาในอาวาสที่ไม่มีภิกษุ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. ตั้งใจว่าจะจำพรรษาแล้วจัดแจงเสนาสนะ ตั้งน้ำฉันน้ำใช้ กวาดบริเวณ
ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. พออรุณขึ้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๗
ภิกษุณีอยู่จำพรรษาแล้ว ไม่ปวารณาในสงฆ์ ๒ ฝ่าย ด้วยฐานะ ๓ ต้องอาบัติ
๑ อย่าง คือ อาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๘
ภิกษุณีไม่ไปรับโอวาท หรือธรรมเป็นเหตุอยู่ร่วมกัน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ
อาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๙
ภิกษุณีไม่ถามอุโบสถบ้าง ไม่ถามโอวาทบ้าง ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๑๐
ภิกษุณีไม่บอกสงฆ์หรือคณะ ใช้ให้บ่งฝีหรือบาดแผลที่เกิดในร่มผ้าอยู่กันสอง
ต่อสองกับชาย ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังให้บ่ง ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบ่งแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์
อารามวรรคที่ ๖ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๐๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๗. คัพภินีวรรค
๗. คัพภินีวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๒๓๗] ภิกษุณีบวชให้สตรีมีครรภ์ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังบวชให้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบวชให้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๒
ภิกษุณีบวชให้สตรีมีลูกยังดื่มนม ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังบวชให้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบวชให้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๓
ภิกษุณีบวชให้สิกขมานาผู้ยังไม่ได้ศึกษาสิกขาในธรรม ๖ ข้อ ตลอด ๒ ปี
ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังบวชให้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบวชให้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๔
ภิกษุณีบวชให้สิกขมานาผู้ได้ศึกษาสิกขาในธรรม ๖ ข้อ ตลอด ๒ ปีแล้ว
แต่สงฆ์ยังมิได้สมมติ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังบวชให้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบวชให้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๕
ภิกษุณีบวชให้หญิงที่มีครอบครัวมีอายุต่ำกว่า ๑๒ ปี ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังบวชให้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบวชให้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๐๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๗. คัพภินีวรรค
สิกขาบทที่ ๖
ภิกษุณีบวชให้หญิงที่มีครอบครัวอายุครบ ๑๒ ปี ยังไม่ได้ศึกษาสิกขาในธรรม
๖ ข้อ ตลอด ๒ ปี ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังบวชให้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบวชให้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๗
ภิกษุณีบวชให้หญิงที่มีครอบครัวอายุครบ ๑๒ ปี ได้ศึกษาสิกขาในธรรม ๖ ข้อ
ตลอด ๒ ปี แต่ยังมิได้สมมติ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังบวชให้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบวชให้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๘
ภิกษุณีบวชให้สหชีวินีแล้วไม่อนุเคราะห์ ไม่ให้อนุเคราะห์ตลอด ๒ ปี ต้อง
อาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๙
ภิกษุณีไม่ติดตามปวัตตินีผู้บวชให้ ตลอด ๒ ปี ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ
อาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๑๐
ภิกษุณีบวชให้สหชีวินีแล้ว ไม่พาหลีกไป ไม่ให้พาหลีกไป ต้องอาบัติ ๑ อย่าง
คือ อาบัติปาจิตตีย์
คัพภินีวรรคที่ ๗ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๐๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๘. กุมารีภูตวรรค
๘. กุมารีภูตวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๒๓๘] ภิกษุณีบวชให้กุมารีมีอายุต่ำกว่า ๒๐ ปี ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังบวชให้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบวชให้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๒
ภิกษุณีบวชให้กุมารีมีอายุครบ ๒๐ ปี แต่ยังไม่ได้ศึกษาสิกขาในธรรม ๖ ข้อ
ตลอด ๒ ปี ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังบวชให้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบวชให้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๓
ภิกษุณีบวชให้กุมารีมีอายุครบ ๒๐ ปี ผู้ได้ศึกษาสิกขาในธรรม ๖ ข้อ ตลอด
๒ ปี แต่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังบวชให้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบวชให้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๔
ภิกษุณีมีพรรษาต่ำกว่า ๑๒ บวชให้กุลธิดา ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังบวชให้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบวชให้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๕
ภิกษุณีมีพรรษาครบ ๑๒ แต่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติ บวชให้กุลธิดา ต้องอาบัติ
๒ อย่าง คือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๐๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๘. กุมารีภูตวรรค
๑. กำลังบวชให้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบวชให้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๖
ภิกษุณีผู้อันสงฆ์กล่าวอยู่ว่า “แม่เจ้า ท่านอย่าบวชให้กุลธิดาเลย” รับคำแล้ว
ภายหลังกลับบ่นว่า ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังบ่นว่า ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบ่นว่าแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๗
ภิกษุณีกล่าวกับสิกขมานาว่า “แม่คุณ ถ้าเธอจักให้จีวรแก่เรา เราก็จะบวช
ให้เธอ” แล้วไม่บวชให้ ไม่ขวนขวายใช้ให้บวชให้ ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ
อาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๘
ภิกษุณีกล่าวกับสิกขมานาว่า “แม่คุณ ถ้าเธอจักติดตามเราตลอด ๒ ปี
เราก็จะบวชให้เธอ” แล้วไม่บวชให้ ไม่ขวนขวายใช้ให้บวชให้ ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ
อาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๙
ภิกษุณีบวชให้สิกขมานาผู้คลุกคลีกับชาย คลุกคลีกับเด็กหนุ่ม ดุร้าย ผู้ทำชาย
ให้ระทมโศก ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังบวชให้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบวชให้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๐๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๘. กุมารีภูตวรรค
สิกขาบทที่ ๑๐
ภิกษุณีบวชให้สิกขมานา ที่มารดาบิดาหรือสามียังไม่ได้อนุญาต ต้องอาบัติ
๒ อย่าง คือ
๑. กำลังบวชให้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบวชให้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๑๑
ภิกษุณีบวชให้สิกขมานาด้วยการให้ปาริวาสิกฉันทะ๑ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังบวชให้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบวชให้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๑๒
ภิกษุณีบวชให้สิกขมานาทุก ๆ ปี ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังบวชให้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบวชให้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๑๓
ภิกษุณีบวชให้สิกขมานา ๒ รูป ใน ๑ ปี ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังบวชให้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบวชให้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์
กุมารีภูตวรรคที่ ๘ จบ

เชิงอรรถ :
๑ ดูรายละเอียดใน วิ.ภิกฺขุนี. (แปล) ๓/๑๑๖๖-๑๑๖๗/๓๕๑-๓๕๒(เชิงอรรถ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๐๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. ปาจิตติยกัณฑ์ ๙. ฉัตตุปาหนวรรค
๙. ฉัตตุปาหนวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๒๓๙] ภิกษุณีกั้นร่มและสวมรองเท้า ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังใช้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อใช้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๒
ภิกษุณีโดยสารยานพาหนะ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังโดยสารไป ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อโดยสารไปแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๓
ภิกษุณีใช้เครื่องประดับเอว ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังใช้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อใช้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๔
ภิกษุณีใช้เครื่องประดับของสตรี ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังใช้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อใช้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๕
ภิกษุณีสรงสนานด้วยของหอมและเครื่องย้อมผิว ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังสรงสนาน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อสรงสนานแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๐๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาฏิเทสนิยกัณฑ์ ๙. ฉัตตุปาหนวรรค
สิกขาบทที่ ๖
ภิกษุณีสรงสนานด้วยแป้งอบกลิ่น ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังสรงสนาน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อสรงสนานแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๗
ภิกษุณีใช้ภิกษุณีให้บีบนวด ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังให้บีบนวด ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบีบนวดแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๘
ภิกษุณีใช้สิกขมานาบีบนวด ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังให้บีบนวด ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบีบนวดแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๙
ภิกษุณีใช้สามเณรีบีบนวด ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังให้บีบนวด ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบีบนวดแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๑๐
ภิกษุณีใช้หญิงคฤหัสถ์บีบนวด ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังให้บีบนวด ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบีบนวดแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๑๑
ภิกษุณีไม่ขอโอกาสก่อนแล้วนั่งบนอาสนะข้างหน้าภิกษุ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง
คือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๐๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาฏิเทสนิยกัณฑ์
๑. กำลังนั่ง ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อนั่งแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๑๒
ภิกษุณีถามปัญหาภิกษุที่ตนยังไม่ได้ขอโอกาส ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังถาม ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อถามแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๑๓
ภิกษุณีไม่มีผ้ารัดถันเข้าไปสู่บ้าน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. ย่างเท้าก้าวที่ ๑ เข้าสู่เขตรั้ว ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ย่างเท้าก้าวที่ ๒ ต้องอาบัติปาจิตตีย์
ฉัตตุปาหนวรรคที่ ๙ จบ
ขุททกสิกขาบท จบ

๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
จำนวนอาบัติในปาฏิเทสนียกัณฑ์

ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๑
[๒๔๐] ภิกษุณีออกปากขอเนยใสมาฉัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่าจะฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ทุก ๆ คำกลืน

ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๒
ภิกษุณีออกปากขอน้ำมันมาฉัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่าจะฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ทุก ๆ คำกลืน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๐๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาฏิเทสนิยกัณฑ์
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๓
ภิกษุณีออกปากขอน้ำผึ้งมาฉัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่าจะฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ทุก ๆ คำกลืน

ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๔
ภิกษุณีออกปากขอน้ำอ้อยงบมาฉัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่าจะฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ทุก ๆ คำกลืน

ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๕
ภิกษุณีออกปากขอปลามาฉัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่าจะฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ทุก ๆ คำกลืน

ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๖
ภิกษุณีออกปากขอเนื้อมาฉัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่าจะฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ทุก ๆ คำกลืน

ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๗
ภิกษุณีออกปากขอนมสดมาฉัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่าจะฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ทุก ๆ คำกลืน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๑๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๓. วิปัตติวาร ๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๘
ภิกษุณีออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่าจะฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ทุก ๆ คำกลืน
ปาฏิเทสนียะ ๘ สิกขาบท จบ
กตาปัตติวารที่ ๒ จบ

๓. วิปัตติวาร
วาระว่าด้วยเป็นวิบัติ
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบวิบัติในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕
[๒๔๑] ถาม : อาบัติของภิกษุณีผู้กำหนัดยินดีการถูกต้องกายของชายผู้กำหนัด
บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติเท่าไร
ตอบ : อาบัติของภิกษุณีผู้กำหนัดยินดีการถูกต้องกายของชายผู้กำหนัด บรรดา
วิบัติ ๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติ ๒ อย่าง คือ (๑) สีลวิบัติ (๒) อาจารวิบัติ
ฯลฯ

๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
คำถาม - คำตอบวิบัติในปาฏิเทสนียกัณฑ์
ฯลฯ
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๘
ถาม : อาบัติของภิกษุณีผู้ออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง
จัดเป็นวิบัติเท่าไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๑๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๔. สังคหวาร ๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
ตอบ : อาบัติของภิกษุณีผู้ออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง
จัดเป็นวิบัติ ๑ อย่าง คือ อาจารวิบัติ
วิปัตติวารที่ ๓ จบ

๔. สังคหวาร
วาระว่าด้วยการจัดเข้ากองอาบัติ
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบจัดกองอาบัติในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕
[๒๔๒] ถาม : อาบัติของภิกษุณีผู้กำหนัดยินดีการถูกต้องกายของชายผู้กำหนัด
บรรดากองอาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติเท่าไร
ตอบ : อาบัติของภิกษุณีผู้กำหนัดยินดีการถูกต้องกายของชายผู้กำหนัด บรรดา
กองอาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติ ๓ กอง คือ (๑) กองอาบัติปาราชิก (๒) กอง
อาบัติถุลลัจจัย (๓) กองอาบัติทุกกฏ
ฯลฯ

๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
คำถาม - คำตอบจัดกองอาบัติในปาฏิเทสนียกัณฑ์
ฯลฯ
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๘
ถาม : อาบัติของภิกษุณีผู้ออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน บรรดากองอาบัติ ๗ กอง
จัดเข้ากองอาบัติเท่าไร
ตอบ : อาบัติของภิกษุณีผู้ออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน บรรดากองอาบัติ ๗ กอง
จัดเข้ากองอาบัติ ๒ กอง คือ (๑) กองอาบัติปาฏิเทสนียะ (๒) กองอาบัติทุกกฏ
สังคหวารที่ ๔ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๑๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๕. สมุฏฐานวาร ๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
๕. สมุฏฐานวาร
วาระว่าด้วยสมุฏฐาน
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสมุฏฐานอาบัติในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕
[๒๔๓] ถาม : อาบัติของภิกษุณีผู้กำหนัดยินดีการถูกต้องกายของชายผู้กำหนัด
บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
ตอบ : อาบัติของภิกษุณีผู้กำหนัดยินดีการถูกต้องกายของชายผู้กำหนัด บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกาย
กับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
ฯลฯ

๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสมุฏฐานอาบัติในปาฏิเทสนียกัณฑ์
ฯลฯ
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๘
ถาม : อาบัติของภิกษุณีผู้ออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน บรรดาสมุฏฐานแห่ง
อาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
ตอบ : อาบัติของภิกษุณีผู้ออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน บรรดาสมุฏฐานแห่ง
อาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกาย มิใช่เกิด
ทางวาจา มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางกายกับวาจา มิใช่เกิดทางจิต (๓) เกิดทาง
กายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา (๔) เกิดทางกายวาจากับจิต
สมุฏฐานวารที่ ๕ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๑๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๖. อธิกรณวาร ๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
๖. อธิกรณวาร
วาระว่าด้วยการจัดเป็นอธิกรณ์
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบอธิกรณ์ในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕
[๒๔๔] ถาม : อาบัติของภิกษุณีผู้กำหนัดยินดีการถูกต้องกายของชายผู้กำหนัด
บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง จัดเป็นอธิกรณ์ไหน
ตอบ : อาบัติของภิกษุณีผู้กำหนัดยินดีการถูกต้องกายของชายผู้กำหนัด บรรดา
อธิกรณ์ ๔ อย่าง จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์
ฯลฯ

๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
คำถาม - คำตอบอธิกรณ์ในปาฏิเทสนียกัณฑ์
ฯลฯ
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๘
ถาม : อาบัติของภิกษุณีผู้ออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน บรรดาอธิกรณ์ ๔
อย่าง จัดเป็นอธิกรณ์ไหน
ตอบ : อาบัติของภิกษุณีผู้ออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง
จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์
อธิกรณวารที่ ๖ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๑๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๗. สมถวาร ๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
๗. สมถวาร
วาระว่าด้วยการระงับด้วยสมถะ
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสมถะในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕
[๒๔๕] ถาม : อาบัติของภิกษุณีผู้กำหนัดยินดีการถูกต้องกายของชายผู้กำหนัด
บรรดาสมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ตอบ : อาบัติของภิกษุณีผู้กำหนัดยินดีการถูกต้องกายของชายผู้กำหนัด บรรดา
สมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะ ๓ อย่าง คือ (๑) สัมมุขาวินัย (๒) ปฏิญญาตกรณะ
(๓) สัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ
ฯลฯ

๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสมถะในปาฏิเทสนียกัณฑ์
ฯลฯ
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๘
ถาม : อาบัติของภิกษุณีผู้ออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน บรรดาสมถะ ๗ อย่าง
ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ตอบ : อาบัติของภิกษุณีผู้ออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน บรรดาสมถะ ๗
อย่าง ระงับด้วยสมถะ ๓ อย่าง คือ (๑) สัมมุขาวินัย (๒) ปฏิญญาตกรณะ
(๓) สัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ
สมถวารที่ ๗ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๑๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๘. สมุจจยวาร ๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
๘. สมุจจยวาร
วาระว่าด้วยการสรุปรวม
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสรุปรวมอาบัติในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕
[๒๔๖] ถาม : ภิกษุณีผู้กำหนัดยินดีการถูกต้องกายของชายผู้กำหนัด ต้องอาบัติ
เท่าไร
ตอบ : ภิกษุณีผู้กำหนัดยินดีการถูกต้องกายของชายผู้กำหนัด ต้องอาบัติ ๓
อย่าง คือ
๑. ยินดีการจับต้องบริเวณใต้รากขวัญลงมา เหนือหัวเข่าขึ้นไป ต้อง
อาบัติปาราชิก
๒. ยินดีการจับต้องบริเวณเหนือรากขวัญขึ้นไป ใต้หัวเข่าลงมา ต้อง
อาบัติถุลลัจจัย
๓. ยินดีการจับต้องของเนื่องด้วยกาย ต้องอาบัติทุกกฏ
ภิกษุณีผู้กำหนัดยินดีการถูกต้องกายของชายผู้กำหนัด ต้องอาบัติ ๓ อย่าง
เหล่านี้
ถาม : อาบัติเหล่านั้น บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดากอง
อาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติเท่าไร บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง จัดเป็นอธิกรณ์ไหน บรรดาสมถะ
๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ตอบ : อาบัติเหล่านั้น บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติ ๒ อย่าง คือ
(๑) สีลวิบัติ (๒) อาจารวิบัติ
บรรดากองอาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติ ๓ กอง คือ (๑) กองอาบัติ
ปาราชิก (๒) กองอาบัติถุลลัจจัย (๓) กองอาบัติทุกกฏ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๑๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๘. สมุจจยวาร ๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ
เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์
บรรดาสมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะ ๓ อย่าง คือ (๑) สัมมุขาวินัย
(๒) ปฏิญญาตกรณะ (๓) สัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ
ฯลฯ

๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสรุปรวมอาบัติในปาฏิเทสนียกัณฑ์
ฯลฯ
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๘
ถาม : ภิกษุณีออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : ภิกษุณีออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่าจะฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ทุก ๆ คำกลืน
ภิกษุณีออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน ต้องอาบัติ ๒ อย่างเหล่านี้
ถาม : อาบัติเหล่านั้น บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดากอง
อาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติเท่าไร บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง จัดเป็นอธิกรณ์ไหน บรรดาสมถะ
๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ตอบ : อาบัติเหล่านั้น บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติ ๑ อย่าง คือ
อาจารวิบัติ บรรดากองอาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติ ๒ กอง คือ (๑) กอง
อาบัติปาฏิเทสนียะ (๒) กองอาบัติทุกกฏ
บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ สมุฏฐาน คือ
(๑) เกิดทางกาย มิใช่เกิดทางวาจา มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางกายกับวาจา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๑๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
มิใช่เกิดทางจิต (๓) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา (๔) เกิดทางกาย
วาจากับจิต
บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์
บรรดาสมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะ ๓ อย่าง คือ (๑) สัมมุขาวินัย
(๒) ปฏิญญาตกรณะ (๓) สัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ
สมุจจยวารที่ ๘ จบ

๑. กัตถปัญญัตติวาร
วาระว่าด้วยบัญญัติ ณ ที่ไหน
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบในปาราชิกกัณฑ์
[๒๔๗] พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาราชิก เพราะความยินดีการถูกต้องกายเป็นปัจจัย ณ ที่ไหน ทรง
ปรารภใคร เพราะเรื่องอะไร ฯลฯ ใครนำมา

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาราชิก เพราะความยินดีการถูกต้องกายเป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีสุนทรีนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีสุนทรีนันทา กำหนัดยินดีการถูกต้องกายของ
ชายผู้กำหนัด
ถาม : ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้นมีพระบัญญัติ พระอนุบัญญัติ อนุป-
ปันนบัญญัติอยู่หรือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๑๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
ตอบ : ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ ไม่มีพระอนุบัญญัติ
และอนุปปันนบัญญัติ
ถาม : มีสัพพัตถบัญญัติ ปเทสบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีสัพพัตถบัญญัติ
ถาม : มีสาธารณบัญญัติ อสาธารณบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีอสาธารณบัญญัติ
ถาม : มีเอกโตบัญญัติ อุภโตบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีเอกโตบัญญัติ
ถาม : บรรดาพระปาติโมกขุทเทส ๔ อุทเทส ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้น
จัดเข้าในอุทเทสไหน นับเนื่องในอุทเทสไหน
ตอบ : จัดเข้าในนิทานุเทส นับเนื่องในนิทานุเทส
ถาม : มาสู่อุทเทส โดยอุเทสไหน
ตอบ : มาสู่อุทเทส โดยอุทเทสที่ ๒
ถาม : บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง เป็นวิบัติอย่างไหน
ตอบ : เป็นสีลวิบัติ
ถาม : บรรดากองอาบัติ ๗ กอง เป็นกองอาบัติไหน
ตอบ : เป็นกองอาบัติปาราชิก
ถาม : บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
ตอบ : เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิด
ทางวาจา ฯลฯ
ถาม : ใครนำมา
ตอบ : พระเถระทั้งหลายนำสืบ ๆ กันมา

รายนามพระเถระผู้ทรงจำพระวินัยสืบกันมา
พระเถระเหล่านี้ คือ พระอุบาลี พระทาสกะ พระโสณกะ
พระสิคควะ และพระโมคคัลลีบุตร รวมเป็น ๕ รูป
เป็นผู้นำพระวินัยสืบ ๆ กันมาในชมพูทวีปอันมีสิริ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๑๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
จากนั้น พระเถระผู้ประเสริฐมีปัญญามากเหล่านี้คือ
พระมหินทะ พระอิฏฏิยะ พระอุตติยะ พระสัมพละ ฯลฯ
พระเถระผู้ประเสริฐมีปัญญามากเหล่านี้ รู้พระวินัย
ฉลาดในมรรค ได้ประกาศพระวินัยปิฎกไว้ในเกาะตามพปัณณิ

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๖
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาราชิก เพราะการปกปิดโทษเป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทารู้อยู่ไม่ทักท้วงภิกษุณีผู้ต้องธรรมคือปาราชิก
ด้วยตนเอง ไม่บอกแก่คณะ
ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๖ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๗
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาราชิก เพราะไม่ยอมสละกรรม จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง
เป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๒๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาประพฤติตามภิกษุอริฏฐะผู้มีบรรพบุรุษ
เป็นพรานฆ่านกแร้ง ที่สงฆ์พร้อมเพรียงกันลงอุกเขปนียกรรม
ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๗ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๘
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาราชิก เพราะทำวัตถุครบทั้ง ๘ ประการเป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์ทำวัตถุครบทั้ง ๘ ประการ
ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๘ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ
ปาราชิก ๘ สิกขาบท จบ

๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
คำถาม - คำตอบในสังฆาทิเสสกัณฑ์
[๒๔๘] พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติสังฆาทิเสส เพราะภิกษุณีผู้ก่อคดีพิพาทเป็นปัจจัย ณ ที่ไหน ทรงปรารภใคร
เพราะเรื่องอะไร ฯลฯ ใครนำมา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๒๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติสังฆาทิเสส เพราะภิกษุณีผู้ก่อคดีพิพาทเป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาก่อคดีพิพาท
ถาม : ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑ นั้นมีพระบัญญัติ พระอนุบัญญัติ อนุป-
ปันนบัญญัติ อยู่หรือ
ตอบ : ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ ไม่มีพระอนุ-
บัญญัติและอนุปปันนบัญญัติ
ถาม : มีสัพพัตถบัญญัติ ปเทสบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีสัพพัตถบัญญัติ
ถาม : มีสาธารณบัญญัติ อสาธารณบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีอสาธารณบัญญัติ
ถาม : มีเอกโตบัญญัติ อุภโตบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีเอกโตบัญญัติ
ถาม : บรรดาพระปาติโมกขุทเทส ๔ อุทเทส สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑ นี้
จัดเข้าในอุทเทสไหน นับเนื่องในอุทเทสไหน
ตอบ : จัดเข้าในนิทานุทเทส นับเนื่องในนิทานุทเทส
ถาม : มาสู่อุทเทส โดยอุทเทสไหน
ตอบ : มาสู่อุทเทส โดยอุทเทสที่ ๓
ถาม : บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง เป็นวิบัติอย่างไหน
ตอบ : เป็นสีลวิบัติ
ถาม : บรรดากองอาบัติ ๗ กอง เป็นกองอาบัติไหน
ตอบ : เป็นกองอาบัติสังฆาทิเสส

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๒๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
ถาม : บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
ตอบ : เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกายกับวาจา มิใช่
เกิดทางจิต (๒) เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ
ถาม : ใครนำมา
ตอบ : พระเถระทั้งหลายนำสืบ ๆ กันมา

รายนามพระเถระผู้ทรงจำพระวินัยสืบกันมา
พระเถระเหล่านี้ คือ พระอุบาลี พระทาสกะ พระโสณกะ
พระสิคควะ และพระโมคคัลลีบุตร รวมเป็น ๕ รูป
เป็นผู้นำพระวินัยสืบ ๆ กันมาในชมพูทวีปอันมีสิริ
จากนั้น พระเถระผู้ประเสริฐมีปัญญามากเหล่านี้
คือ พระมหินทะ พระอิฏฏิยะ พระอุตติยะ พระสัมพละ ฯลฯ
พระเถระผู้ประเสริฐมีปัญญามากเหล่านี้ รู้พระวินัย
ฉลาดในมรรค ได้ประกาศพระวินัยปิฎกไว้ในเกาะตามพปัณณิ

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๒
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติสังฆาทิเสส เพราะการบวชให้สตรีผู้เป็นโจรเป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาบวชให้สตรีผู้เป็นโจร
ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๒ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วย ๒ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางวาจากับจิต มิใช่เกิดทางกาย
(๒) เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๒๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๓
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติสังฆาทิเสส เพราะภิกษุณีไปสู่ละแวกบ้านรูปเดียวเป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีรูปหนึ่งไปสู่ละแวกบ้านรูปเดียว
ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๓ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ ๓ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นปฐมปาราชิก
สมุฏฐาน ฯลฯ

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๔
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติสังฆาทิเสส เพราะภิกษุณีเรียกภิกษุณีที่สงฆ์พร้อมเพรียงกันลงอุกเขปนีย
กรรม โดยธรรม โดยวินัย โดยสัตถุศาสน์ให้กลับเข้าหมู่ โดยไม่บอกการกสงฆ์ ทั้ง
ไม่รับรู้ฉันทะของคณะเป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาเรียกภิกษุณีที่สงฆ์พร้อมเพรียงกันลง
อุกเขปนียกรรม โดยธรรม โดยวินัย โดยสัตถุศาสน์ให้กลับเข้าหมู่ โดยไม่บอก
การกสงฆ์ ทั้งไม่รับรู้ฉันทะของคณะ
ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๔ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๒๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๕
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติสังฆาทิเสส เพราะภิกษุณีมีความกำหนัด รับของเคี้ยว หรือของฉันจาก
มือของชายผู้กำหนัด ด้วยมือของตนแล้วฉันเป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีสุนทรีนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีสุนทรีนันทากำหนัดรับอามิสจากมือของชายผู้กำหนัด
ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๕ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นปฐมปาราชิกสมุฏฐาน ฯลฯ

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๖
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติสังฆาทิเสส เพราะภิกษุณีส่งเสริมกล่าวชักชวนว่า “แม่เจ้า ชายผู้นั้น
จะกำหนัดหรือไม่กำหนัดก็ตาม ทำอะไรท่านไม่ได้ เพราะท่านไม่กำหนัด นิมนต์เถิด
แม่เจ้า ชายผู้นั้นจะถวายสิ่งใดเป็นของเคี้ยวหรือของฉันก็ตามแก่ท่าน ท่านจงรับ
ประเคนของนั้นด้วยมือของตน แล้วเคี้ยวหรือฉันเถิด” ดังนี้ เป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีรูปหนึ่งส่งเสริมกล่าวชักชวนว่า “แม่เจ้า ชายผู้นั้น
จะกำหนัดหรือไม่กำหนัดก็ตาม ก็ทำอะไรท่านไม่ได้ เพราะท่านไม่กำหนัด
นิมนต์เถิด แม่เจ้า ชายผู้นั้นจะถวายสิ่งใดเป็นของเคี้ยวหรือของฉันก็ตามแก่ท่าน
ท่านจงรับประเคนของนั้นด้วยมือของตน แล้วเคี้ยวหรือฉันเถิด”

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๒๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๖ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๗
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติสังฆาทิเสส เพราะภิกษุณีผู้โกรธ ไม่พอใจ ไม่ยอมสละกรรม จนกระทั่ง
สงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้งเป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีจัณฑกาลี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีจัณฑกาลีโกรธไม่พอใจกล่าวอย่างนี้ว่า “ดิฉันขอบอก
คืนพระพุทธ บอกคืนพระธรรม บอกคืนพระสงฆ์ บอกคืนสิกขา”
ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๗ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๘
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติสังฆาทิเสส เพราะภิกษุณีผู้ถูกตัดสินให้แพ้คดีในอธิกรณ์บางเรื่องโกรธ ไม่
ยอมสละกรรม จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้งเป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีจัณฑกาลี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีจัณฑกาลีถูกตัดสินให้แพ้คดีในอธิกรณ์บางเรื่อง
โกรธไม่พอใจ กล่าวอย่างนี้ว่า “พวกภิกษุณีลำเอียงเพราะชอบ พวกภิกษุณีลำเอียง
เพราะชัง พวกภิกษุณีลำเอียงเพราะหลง พวกภิกษุณีลำเอียงเพราะกลัว”

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๒๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๘ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๙
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติสังฆาทิเสส เพราะภิกษุณีทั้งหลายคลุกคลีกัน ไม่ยอมสละกรรม จน
กระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้งเป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูป อยู่คลุกคลีกัน
ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๙ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน ฯลฯ

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑๐
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติสังฆาทิเสส เพราะภิกษุณีส่งเสริมกล่าวชักชวนว่า “แม่เจ้าทั้งหลาย ท่าน
ทั้งหลายจงอยู่คลุกคลีกัน อย่าแยกกันอยู่” ยังไม่ยอมสละกรรม จนกระทั่งสงฆ์สวด
สมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้งเป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๒๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาส่งเสริมกล่าวชักชวนว่า “แม่เจ้าทั้งหลาย
ขอท่านทั้งหลายจงอยู่คลุกคลีกัน อย่าแยกกันอยู่”
ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑๐ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน เป็นธุรนิกเขปสมุฏฐาน
ฯลฯ

๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
คำถาม - คำตอบในปาฏิเทสนียกัณฑ์
ฯลฯ
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๘
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาฏิเทสนียะ เพราะภิกษุณีออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉันเป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์ออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน
ในปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๘ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิด
ทางกาย มิใช่เกิดทางวาจา มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางกายกับวาจา มิใช่เกิดทางจิต
(๓) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา (๔) เกิดทางกายวาจากับจิต
ฯลฯ
กัตถปัญญัตติวารที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๒๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
๒. กตาปัตติวาร
วาระว่าด้วยต้องอาบัติเท่าไร
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบจำนวนอาบัติในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕
[๒๔๙] ถาม : เพราะยินดีการถูกต้องกายเป็นปัจจัย ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : เพราะยินดีการถูกต้องกายเป็นปัจจัย ต้องอาบัติ ๕ อย่าง คือ
๑. ภิกษุณีผู้กำหนัด ยินดีการถูกต้องบริเวณใต้รากขวัญลงมา เหนือ
หัวเข่าขึ้นไปของชายผู้กำหนัด ต้องอาบัติปาราชิก
๒. ภิกษุใช้กายจับต้องกาย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
๓. ภิกษุใช้กายจับต้องของที่เนื่องด้วยกาย ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๔. ภิกษุใช้ของที่เนื่องด้วยกายจับต้องของเนื่องด้วยกาย ต้องอาบัติทุกกฏ
๕. ภิกษุใช้นิ้วจี้กัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์
เพราะยินดีการถูกต้องกายเป็นปัจจัย ต้องอาบัติ ๕ อย่างเหล่านี้

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๖
ถาม : เพราะปกปิดโทษเป็นปัจจัย ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : เพราะปกปิดโทษเป็นปัจจัย ต้องอาบัติ ๔ อย่าง คือ
๑. ภิกษุณีรู้อยู่ว่าภิกษุณีต้องธรรมคือปาราชิกปกปิดไว้ ต้องอาบัติปาราชิก
๒. ภิกษุณีสงสัยปกปิดไว้ ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. ภิกษุปกปิดอาบัติสังฆาทิเสส ต้องอาบัติปาจิตตีย์
๔. ภิกษุปกปิดอาจารวิบัติ ต้องอาบัติทุกกฏ
เพราะปกปิดโทษเป็นปัจจัย ต้องอาบัติ ๔ อย่างเหล่านี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๒๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๗
ถาม : เพราะไม่ยอมสละกรรม จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง
เป็นปัจจัย ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : เพราะไม่ยอมสละกรรม จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง
เป็นปัจจัย ต้องอาบัติ ๕ อย่าง คือ
๑. ภิกษุณีประพฤติตามภิกษุผู้ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรม ไม่ยอมสละ
กรรม จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง จบญัตติ ต้อง
อาบัติทุกกฏ
๒. จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติปาราชิก
๔. ภิกษุณีประพฤติตามภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ไม่ยอมสละกรรม จนกระทั่ง
สงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
๕. ไม่ยอมสละทิฏฐิบาป จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง
ต้องอาบัติปาจิตตีย์
เพราะไม่ยอมสละกรรม จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้งเป็นปัจจัย
ต้องอาบัติ ๕ อย่างเหล่านี้

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๘
ถาม : เพราะทำวัตถุครบทั้ง ๘ ประการเป็นปัจจัย ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : เพราะทำวัตถุครบทั้ง ๘ ประการเป็นปัจจัย ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. ภิกษุณีที่ชายสั่งว่า “จงมายังที่ชื่อนี้” แล้วเดินไป ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. พอย่างเข้าสู่ช่วงแขนของชาย ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. ทำวัตถุครบทั้ง ๘ ประการ ต้องอาบัติปาราชิก
เพราะทำวัตถุครบทั้ง ๘ ประการเป็นปัจจัย ต้องอาบัติ ๓ อย่างเหล่านี้
ปาราชิก ๘ สิกขาบท จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๓๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
จำนวนอาบัติในสังฆาทิเสสกัณฑ์
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑
[๒๕๐] เพราะภิกษุณีผู้ก่อคดีพิพาทเป็นปัจจัย ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. บอกเรื่องของคนหนึ่ง ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. บอกเรื่องของคนที่สอง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. เมื่อศาลตัดสินแล้ว ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๒
เพราะบวชให้สตรีผู้เป็นโจร ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๓
เพราะภิกษุณีเข้าไปสู่ละแวกบ้านรูปเดียว ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. กำลังเดินไป ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ย่างเท้าก้าวที่ ๑ เข้าสู่บริเวณรั้ว ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. ย่างเท้าก้าวที่ ๒ ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๔
เพราะภิกษุณีเรียกภิกษุณีที่สงฆ์พร้อมเพรียงกันลงอุกเขปนียกรรม โดยธรรม
โดยวินัย โดยสัตถุศาสน์ให้กลับเข้าหมู่ ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๓๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
๒. จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๕
เพราะภิกษุณีกำหนัด รับของเคี้ยวหรือของฉัน จากมือชายผู้กำหนัดด้วยมือ
ของตนแล้วฉัน ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่า “จะเคี้ยว จะฉัน” ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๒. ฉัน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ทุก ๆ คำกลืน
๓. รับประเคนน้ำและไม้ชำระฟัน ต้องอาบัติทุกกฏ

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๖
เพราะภิกษุณีส่งเสริมกล่าวชักชวนว่า “แม่เจ้า ชายผู้นี้จะกำหนัดหรือไม่กำหนัด
ก็ตาม ก็ทำอะไรท่านไม่ได้ เพราะท่านไม่กำหนัด นิมนต์เถิดแม่เจ้า ชายผู้นี้จะถวาย
สิ่งใด จะเป็นของเคี้ยว หรือของฉันก็ดีแก่ท่าน ท่านจงรับประเคนของนั้นด้วยมือของ
ตนแล้วเคี้ยวหรือฉันเถิด” ดังนี้ ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. รับประเคนตามคำของภิกษุณีนั้นด้วยตั้งใจว่าจะเคี้ยวจะฉัน ต้องอาบัติ
ทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติถุลลัจจัย ทุก ๆ คำกลืน
๓. ฉันเสร็จแล้ว ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๗
เพราะภิกษุณีผู้โกรธ ไม่ยอมสละกรรม จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ
๓ ครั้ง ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๓๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๘
เพราะภิกษุณีผู้ถูกตัดสินให้แพ้คดีในอธิกรณ์บางเรื่อง โกรธ ไม่ยอมสละกรรม
จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๙
เพราะภิกษุณีอยู่คลุกคลีกัน ไม่ยอมสละกรรม จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์
ครบ ๓ ครั้ง ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑๐
เพราะภิกษุณีส่งเสริมกล่าวชักชวนว่า “น้องหญิงทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงอยู่
คลุกคลีกัน อย่าแยกกันอยู่” ไม่ยอมสละกรรม จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ
๓ ครั้ง ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
สังฆาทิเสส ๑๐ สิกขาบท จบ
ฯลฯ
(พึงขยายความเหมือนข้างต้น ปัจจัยเท่านั้นที่เป็นเหตุให้ต่างกัน)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๓๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๓. วิปัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
จำนวนอาบัติในปาฏิเทสนียกัณฑ์
ฯลฯ
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๘
ถาม : เพราะภิกษุณีออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : เพราะภิกษุณีออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่า “จะฉัน” ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ทุก ๆ คำกลืน
เพราะภิกษุณีออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน ต้องอาบัติ ๒ อย่างเหล่านี้
กตาปัตติวารที่ ๒ จบ

๓. วิปัตติวาร
วาระว่าด้วยเป็นวิบัติ
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบวิบัติในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕
[๒๕๑] ถาม : เพราะยินดีการถูกต้องกาย อาบัติทั้งหลาย บรรดาวิบัติ
๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติเท่าไร
ตอบ : เพราะยินดีการถูกต้องกาย อาบัติทั้งหลาย บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง
จัดเป็นวิบัติ ๒ อย่าง คือ (๑) สีลวิบัติ (๒) อาจารวิบัติ
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๓๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๔. สังคหวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
คำถาม - คำตอบวิบัติในปาฏิเทสนียกัณฑ์
ฯลฯ
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๘
ถาม : เพราะภิกษุณีออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน อาบัติทั้งหลาย บรรดาวิบัติ
๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติเท่าไร
ตอบ : เพราะภิกษุณีออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน อาบัติทั้งหลาย บรรดาวิบัติ
๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติ ๑ อย่าง คือ อาจารวิบัติ
วิปัตติวารที่ ๓ จบ

๔. สังคหวาร
วาระว่าด้วยการจัดเข้ากองอาบัติ
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบจัดกองอาบัติในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕
[๒๕๒] ถาม : เพราะยินดีการถูกต้องกาย อาบัติทั้งหลาย บรรดากองอาบัติ
๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติเท่าไร
ตอบ : เพราะยินดีการถูกต้องกาย อาบัติทั้งหลาย บรรดากองอาบัติ ๗ กอง
จัดเข้ากองอาบัติ ๕ กอง คือ (๑) กองอาบัติปาราชิก (๒) กองอาบัติสังฆาทิเสส
(๓) กองอาบัติถุลลัจจัย (๔) กองอาบัติปาจิตตีย์ (๕) กองอาบัติทุกกฏ
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๓๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๕. สมุฏฐานวารร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
คำถาม - คำตอบจัดกองอาบัติในปาฏิเทสนียกัณฑ์
ฯลฯ
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๘
ถาม : เพราะภิกษุณีออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน อาบัติทั้งหลาย บรรดากอง
อาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติเท่าไร
ตอบ : เพราะภิกษุณีออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน อาบัติทั้งหลาย บรรดา
กองอาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติ ๒ กอง คือ (๑) กองอาบัติปาฏิเทสนียะ
(๒) กองอาบัติทุกกฏ
สังคหวารที่ ๔ จบ

๕. สมุฏฐานวาร
วาระว่าด้วยสมุฏฐาน
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสมุฏฐานในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕
[๒๕๓] ถาม : เพราะภิกษุณียินดีการถูกต้องกาย อาบัติทั้งหลาย บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
ตอบ : เพราะภิกษุณียินดีการถูกต้องกาย อาบัติทั้งหลาย บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต
มิใช่เกิดทางวาจา
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๓๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๖. อธิกรณวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสมุฏฐานอาบัติในปาฏิเทสนียกัณฑ์
ฯลฯ
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๘
ถาม : เพราะภิกษุณีออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน อาบัติทั้งหลาย บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
ตอบ : เพราะภิกษุณีออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน อาบัติทั้งหลาย บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ อย่าง คือ (๑) เกิดทางกาย
มิใช่เกิดทางวาจา มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางกายกับวาจา มิใช่เกิดทางจิต
(๓) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา (๔) เกิดทางกายวาจากับจิต
สมุฏฐานวารที่ ๕ จบ

๖. อธิกรณวาร
วาระว่าด้วยการจัดเป็นอธิกรณ์
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบอธิกรณ์ในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕
[๒๕๔] ถาม : เพราะยินดีการถูกต้องกาย อาบัติทั้งหลาย บรรดาอธิกรณ์
๔ อย่าง จัดเป็นอธิกรณ์ไหน
ตอบ : เพราะยินดีการถูกต้องกาย อาบัติทั้งหลาย บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง
จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๓๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๗. สมถวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
คำถาม - คำตอบอธิกรณ์ในปาฏิเทสนียกัณฑ์
ฯลฯ
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๘
ถาม : เพราะภิกษุณีออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน อาบัติทั้งหลาย บรรดาอธิกรณ์
๔ อย่าง จัดเป็นอธิกรณ์ไหน
ตอบ : เพราะภิกษุณีออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน อาบัติทั้งหลาย บรรดาอธิกรณ์
๔ อย่าง จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์
อธิกรณวารที่ ๖ จบ

๗. สมถวาร
วาระว่าด้วยการระงับด้วยสมถะ
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสมถะในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕
[๒๕๕] ถาม : เพราะยินดีการถูกต้องกาย อาบัติทั้งหลาย บรรดาสมถะ
๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ตอบ : เพราะยินดีการถูกต้องกาย อาบัติทั้งหลาย บรรดาสมถะ ๗
อย่าง ระงับด้วยสมถะ ๓ อย่าง คือ (๑) สัมมุขาวินัย (๒) ปฏิญญาตกรณะ
(๓) สัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๓๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๘. สมุจจยวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสมถะในปาฏิเทสนียกัณฑ์
ฯลฯ
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๘
ถาม : เพราะภิกษุณีออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน อาบัติทั้งหลาย บรรดาสมถะ
๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ตอบ : เพราะภิกษุณีออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน อาบัติทั้งหลาย บรรดาสมถะ
๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะ ๓ อย่าง คือ (๑) สัมมุขาวินัย (๒) ปฏิญญาตกรณะ
(๓) สัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ
สมถวารที่ ๗ จบ

๘. สมุจจยวาร
วาระว่าด้วยการสรุปรวม
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสรุปรวมอาบัติในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕
[๒๕๖] ถาม : เพราะยินดีการถูกต้องกายเป็นปัจจัย ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : เพราะยินดีการถูกต้องกายเป็นปัจจัย ต้องอาบัติ ๕ อย่าง คือ
๑. ภิกษุณีผู้กำหนัด ยินดีการถูกต้องบริเวณใต้รากขวัญลงมา เหนือ
หัวเข่าขึ้นไป ของชายผู้กำหนัด ต้องอาบัติปาราชิก
๒. ภิกษุใช้กายจับต้องกาย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
๓. ภิกษุใช้กายจับต้องของเนื่องด้วยกาย ต้องอาบัติถุลลัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๓๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๘. สมุจจยวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
๔. ภิกษุใช้ของที่เนื่องด้วยกายจับต้องของเนื่องด้วยกาย ต้องอาบัติทุกกฏ
๕. ภิกษุใช้นิ้วจี้กัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์
เพราะยินดีการจับต้องกายเป็นปัจจัย ต้องอาบัติ ๕ อย่างเหล่านี้
ถาม : อาบัติเหล่านั้น บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดากอง
อาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติเท่าไร บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง เป็นอธิกรณ์ไหน บรรดาสมถะ
๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ตอบ : อาบัติเหล่านั้น บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติ ๒ อย่าง คือ
(๑) สีลวิบัติ (๒) อาจารวิบัติ
บรรดากองอาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติ ๕ กอง คือ (๑) กองอาบัติปาราชิก
(๒) กองอาบัติสังฆาทิเสส (๓) กองอาบัติถุลลัจจัย (๔) กองอาบัติปาจิตตีย์
(๕) กองอาบัติทุกกฏ
บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ
เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง เป็นอาปัตตาธิกรณ์
บรรดาสมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะ ๓ อย่าง คือ (๑) สัมมุขาวินัย
(๒) ปฏิญญาตกรณะ (๓) สัมมุขาวินัยและติณวัตถารกะ
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๔๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุนีวิภังค์] ๘. สมุจจยวาร ๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
๕. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสรุปรวมอาบัติในปาฏิเทสนียกัณฑ์
ฯลฯ
ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๘
ถาม : เพราะภิกษุณีออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : เพราะภิกษุณีออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่า “จะฉัน” ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ทุก ๆ คำกลืน
เพราะภิกษุณีออกปากขอนมเปรี้ยวมาฉัน ต้องอาบัติ ๒ อย่างเหล่านี้
ถาม : อาบัติเหล่านั้น บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดากอง
อาบัติ ๗ กองจัดเข้ากองอาบัติเท่าไร บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง เป็นอธิกรณ์อะไร บรรดาสมถะ
๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ตอบ : อาบัติเหล่านั้น บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติ ๑ อย่าง คือ
อาจารวิบัติ บรรดากองอาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติ ๒ กอง คือ (๑) กองอาบัติ
ปาฏิเทสนียะ (๒) กองอาบัติทุกกฏ
บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ สมุฏฐาน คือ
(๑) เกิดทางกาย มิใช่เกิดทางวาจา มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางกายกับวาจา มิใช่
เกิดทางจิต (๓) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา (๔) เกิดทางกายวาจากับจิต
บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง เป็นอาปัตตาธิกรณ์
บรรดาสมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะ ๓ อย่าง คือ (๑) สัมมุขาวินัย
(๒) ปฏิญญาตกรณะ (๓) สัมมุขาวินัยและติณวัตถารกะ
สมุจจยวารที่ ๘ จบ ๘ ปัจจยวาร จบ
โสฬสมหาวารในภิกขุนีวิภังค์ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๔๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [สมุฏฐานสีสสังเขป] สมุฏฐานสีสสังเขป
๓. สมุฏฐานสีสสังเขป
ว่าด้วยการย่อหัวข้อสมุฏฐาน
[๒๕๗] สังขารทั้งปวงที่ปัจจัยปรุงแต่ง ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
พระนิพพานและบัญญัติ ท่านวินิจฉัยว่าเป็นอนัตตา๑
เมื่อดวงจันทร์คือพระพุทธเจ้ายังไม่เกิดขึ้น
เมื่อดวงอาทิตย์คือพระพุทธเจ้ายังไม่อุทัยขึ้นมา
เพียงชื่อของสภาคธรรมเหล่านั้น ก็ยังไม่มีใครรู้จัก
พระมหาธีรเจ้าทั้งหลายผู้ทรงเป็นดวงตา
ทรงทำทุกกรกิริยาหลายอย่าง
บำเพ็ญพระบารมีแล้วเสด็จอุบัติขึ้นในโลกอันเป็นไปพร้อมทั้งพรหมโลก
พระองค์ทรงแสดงพระสัทธรรมอันกำจัดเสียซึ่งทุกข์นำมาซึ่งความสุข
พระอังคีรสศากยมุนีทรงเป็นผู้อนุเคราะห์แก่หมู่สัตว์ทุกถ้วนหน้า
พระองค์ผู้ทรงอุดมกว่าสรรพสัตว์ดุจราชสีห์
ทรงแสดงพระไตรปิฎก คือ พระสุตตันตะ
พระอภิธรรม พระวินัย ซึ่งมีคุณมาก
พระสัทธรรมจะเป็นไปได้ หากพระวินัยคืออุภโตวิภังค์
ขันธกะและมาติกายังดำรงอยู่
พระวินัยท่านร้อยกรองไว้ด้วยคัมภีร์ปริวาร
เหมือนดอกไม้ร้อยด้วยเส้นด้าย
สมุฏฐานแห่งคัมภีร์ปริวารนั่นแล ท่านจัดไว้แน่นอนแล้ว
ความเจือปน นิทานและสิ่งอื่น จะปรากฏในพระสูตรข้างหน้า
เพราะฉะนั้น ภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก
ต้องการศึกษาพระธรรมก็พึงศึกษาคัมภีร์ปริวารเถิด

เชิงอรรถ :
๑ ที่ท่านนำสิ่งที่เป็นบัญญัติมาวินิจฉัยว่า “เป็นอนัตตา” ร่วมกับพระนิพพานซึ่งเป็นปรมัตถธรรมนั้น เพราะ
ว่าต่างก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกปัจจัยปรุงแต่งเหมือนกัน (วิมติ.ฏีกา ๒/๒๕๗/๓๕๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๔๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [สมุฏฐานสีสสังเขป] ๑. ปฐมปาราชิกสมุฏฐาน
สมุฏฐาน ๑๓
ในวันอุโบสถ ภิกษุและภิกษุณีย่อมสวดสิกขาบท
ที่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ผู้ทรงรู้ ทรงเห็นทรงบัญญัติไว้ในวิภังค์ทั้ง ๒
ข้าพเจ้าจะกล่าวสมุฏฐานตามที่รู้มา
ขอท่านทั้งหลายจงฟังข้าพเจ้าเถิด
ปฐมปาราชิกสิกขาบท ทุติยปาราชิกสิกขาบท
ถัดจากนั้น สัญจริตสิกขาบท สมนุภาสนสิกขาบท
อติเรกจีวรสิกขาบท เอฬกโลมสิกขาบท
ปทโสธัมมสิกขาบท ภูตาโรจนสิกขาบท
สังวิธานสิกขาบท เถยยสัตถสิกขาบท
เทสนาสิกขาบท โจรีวุฏฐานปนสิกขาบท
รวมกับการบวชสตรีที่บิดามารดาหรือสามีไม่อนุญาต
รวมเป็นสมุฏฐาน ๑๓ ในอุภโตวิภังค์นี้
นัยแห่งสมุฏฐานทั้ง ๑๓ นี้วิญญูชนทั้งหลายคิดกันแล้ว
ย่อมปรากฏคล้ายคลึงกัน ในแต่ละสมุฏฐาน

๑. ปฐมปาราชิกสมุฏฐาน
[๒๕๘] สิกขาบทว่าด้วยการเสพเมถุนธรรม
สิกขาบทว่าด้วยการจงใจทำน้ำอสุจิให้เคลื่อน
สิกขาบทว่าด้วยการถูกต้องกายกับมาตุคาม
อนิยตสิกขาบทที่หนึ่ง
สิกขาบทว่าด้วยการเข้าไปแทรกแซงภิกษุผู้เข้าไปอยู่ก่อน
สิกขาบทว่าด้วยการฉันบิณฑบาตที่ภิกษุณีแนะนำให้จัดเตรียม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๔๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [สมุฏฐานสีสสังเขป] ๑. ปฐมปาราชิกสมุฏฐาน
สิกขาบทว่าด้วยการอยู่ในที่ลับกับภิกษุณี
สิกขาบทว่าด้วยการเข้าไปแทรกแซงในที่ที่มีคน ๒ คน
สิกขาบทว่าด้วยการอยู่ในที่ลับ ๒ สิกขาบท
สิกขาบทว่าด้วยการใช้นิ้วมือจี้กันและกัน
สิกขาบทว่าด้วยการเล่นน้ำ
สิกขาบทว่าด้วยการทำร้ายเพื่อนภิกษุ
สิกขาบทว่าด้วยการเงื้อหอกคือฝ่ามือขึ้นทำทีว่าจะทำร้าย
เสขิยวัตร ๕๓ สิกขาบท
สิกขาบทว่าด้วยการยินดีการที่ชายจับต้องที่บริเวณเหนือเข่าขึ้นไป
สิกขาบทว่าด้วยการเข้าละแวกหมู่บ้านตามลำพัง
สิกขาบทว่าด้วยภิกษุณีกำหนัดรับโภชนะจากมือชายผู้กำหนัด
สิกขาบทว่าด้วยการใช้ฝ่ามือตบองค์กำเนิด
สิกขาบทว่าด้วยการใช้ท่อนยาง
สิกขาบทว่าด้วยการใช้น้ำชำระ
สิกขาบทว่าด้วยภิกษุณีจำพรรษาแล้วไม่หลีกจาริกไป
สิกขาบทว่าด้วยการไม่ไปรับโอวาท
สิกขาบทว่าด้วยการไม่ติดตามปวัตตินี
รวมสิกขาบทเหล่านี้เป็น ๗๖ สิกขาบท
ท่านจัดไว้เป็นสิกขาบทมีกายกับจิตเป็นสมุฏฐาน
ทุกสิกขาบทมีสมุฏฐานอันหนึ่งเหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท ฉะนั้น
ปฐมปาราชิกสมุฏฐาน จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๔๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [สมุฏฐานสีสสังเขป] ๒. ทุติยปาราชิกสมุฏฐาน
๒. ทุติยปาราชิกสมุฏฐาน
[๒๕๙] สิกขาบทว่าด้วยการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้
สิกขาบทว่าด้วยการพรากกายมนุษย์
สิกขาบทว่าด้วยการกล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรม
สิกขาบทว่าด้วยการพูดเกี้ยวหญิง
สิกขาบทว่าด้วยการใช้บำเรอความใคร่ของตน
สิกขาบทว่าด้วยภิกษุขัดเคืองมีโทสะใส่ความภิกษุ
ด้วยอาบัติปาราชิกที่ไม่มีมูล
สิกขาบทว่าด้วยภิกษุขัดเคืองมีโทสะอ้างเอา
บางส่วนแห่งอธิกรณ์เรื่องอื่น
อนิยตสิกขาบทที่สอง
จีวรอัจฉินทนสิกขาบท ว่าด้วยการให้จีวรแล้วชิงเอาคืน
ปริณตสิกขาบท ว่าด้วยการน้อมลาภ
มุสาวาทสิกขาบท ว่าด้วยการกล่าวเท็จ
โอมสวาทสิกขาบท ว่าด้วยการกล่าวเสียดสี
เปสุญญสิกขาบท ว่าด้วยการกล่าวส่อเสียด
ทุฏฐุลลาโรจนสิกขาบท ว่าด้วยการบอกอาบัติชั่วหยาบ
ปฐวีขณนสิกขาบท ว่าด้วยการขุดดิน
ภูตคามสิกขาบท ว่าด้วยการพรากภูตคาม
อัญญวาทกสิกขาบท ว่าด้วยการกล่าวกลบเกลื่อน
อุชฌาปนสิกขาบท ว่าด้วยการกล่าวให้เพ่งโทษ
นิกกัฑฒนสิกขาบท ว่าด้วยการฉุดลากออก
สิญจนสิกขาบท ว่าด้วยการเอาน้ำรดหญ้าและดิน๑
อามิสสิกขาบท ว่าด้วยการสั่งสอนภิกษุณีเพราะเห็นแก่อามิส

เชิงอรรถ :
๑ คือสัปปาณกสิกขาบท ว่าด้วยสิ่งมีชีวิต วิ.มหา. (แปล) ๒/๑๓๙/๓๑๓

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๔๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [สมุฏฐานสีสสังเขป] ๒. ทุติยปาราชิกสมุฏฐาน
ภุตตาวีสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุฉันแล้ว๑
เอหิสิกขาบท ว่าด้วยการชักชวนว่ามาเถิด๒
อนาทริยสิกขาบท ว่าด้วยความไม่เอื้อเฟื้อต่อคำตักเตือน
ภิงสาปนสิกขาบท ว่าด้วยการทำให้ตกใจ
อปนิธานสิกขาบท ว่าด้วยการซ่อนบริขาร๓
ชีวิตสิกขาบท ว่าด้วยความจงใจปลงชีวิตสัตว์๔
ชานสัปปาณกสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุรู้อยู่บริโภคน้ำที่มีสัตว์มีชีวิต๕
กัมมสิกขาบท ว่าด้วยการรื้อกรรมขึ้นมาพิจารณาใหม่๖
อูนวีสติวัสสสิกขาบท ว่าด้วยการอุปสมบทให้บุคคลมี
อายุหย่อนกว่า ๒๐ ปี
สังวาสสิกขาบท ว่าด้วยการอยู่ร่วมกับภิกษุที่ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรม๗
นาสนสิกขาบท ว่าด้วยสมณุทเทสชื่อกัณฏกะถูกสงฆ์นาสนะ
สหธัมมิกสิกขาบท ว่าด้วยการกล่าวตักเตือนผู้ร่วมประพฤติธรรม
โดยชอบธรรม
วิเลขนสิกขาบท ว่าด้วยความยุ่งยากแห่งสิกขาบท
โมหนสิกขาบท ว่าด้วยการทำให้ผู้อื่นหลง
อมูลกสิกขาบท ว่าด้วยการใส่ความด้วยอาบัติสังฆาทิเสสที่ไม่มีมูล
กุกกุจจสิกขาบท ว่าด้วยการจงใจก่อความรำคาญ๘
ธัมมิกสิกขาบท ว่าด้วยการให้ฉันทะเพื่อกรรมที่ถูกต้อง๙

เชิงอรรถ :
๑ คือ ทุติยปวารณาสิกขาบท ว่าด้วยการบอกห้ามภัตตาหาร วิ.มหา. (แปล) ๒/๒๔๒/๓๙๙
๒ คือ อุยโยชนสิกขาบท ว่าด้วยการส่งกลับ วิ.มหา. (แปล) ๒/๒๗๔/๔๒๓
๓ คือ จีวรอปนิธานสิกขาบท ว่าด้วยการซ่อนจีวร วิ.มหา. (แปล) ๒/๓๗๗/๔๙๗
๔ คือ สัญจิจจสิกขาบท วิ.มหา. (แปล) ๒/๓๘๒/๕๐๑
๕ คือ สัปปาณกสิกขาบท วิ.มหา. (แปล) ๒/๓๘๗/๕๐๔
๖ คือ อุกโกฏนสิกขาบท วิ.มหา. (แปล) ๒/๓๙๒/๕๐๖
๗ คือ อุกขิตตสัมโภคสิกขาบท ว่าด้วยการคบหา วิ.มหา. (แปล) ๒/๔๒๓/๕๓๒
๘ คือ สัญจิจจสิกขาบท วิ.มหา. (แปล) ๒/๔๖๔/๕๖๕
๙ คือ กัมมปฏิพาหนสิกขาบท ว่าด้วยการคัดค้านกรรมที่ถูกต้อง วิ.มหา. (แปล) ๒/๔๗๔/๕๗๑

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๔๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [สมุฏฐานสีสสังเขป] ๒. ทุติยปาราชิกสมุฏฐาน
(จีวรทัตวาสิกขาบท ว่าด้วยการให้จีวรแล้วติเตียน)๑
ปริณามนสิกขาบท ว่าด้วยการน้อมลาภที่เป็นของสงฆ์ไปเพื่อบุคคล
กินเตสิกขาบท ว่าด้วยการทำอะไรท่านได้๒
อกาลสิกขาบท ว่าด้วยการอธิษฐานอกาลจีวรเป็นกาลจีวร๓
อัจฉินทสิกขาบท ว่าด้วยการแลกเปลี่ยนจีวรแล้วชิงเอาคืน๔
ทุคคหิตสิกขาบท ว่าด้วยการเข้าใจผิด
นิรยสิกขาบท ว่าด้วยการสาปแช่งด้วยนรก๕
คณสิกขาบท ว่าด้วยการทำอันตรายแก่จีวรลาภของคณะ
วิภังคสิกขาบท ว่าด้วยการคัดค้านการแจกจีวรที่ชอบธรรม
ทุพพลสิกขาบท ว่าด้วยการหวังจีวรที่เลื่อนลอย
กฐินสิกขาบท ว่าด้วยการคัดค้านการเดาะกฐินที่ชอบธรรม
อผาสุสิกขาบท ว่าด้วยการก่อความไม่ผาสุก
อุปัสสยสิกขาบท ว่าด้วยการให้ที่อยู่แล้วฉุดลากออก
อักโกสสิกขาบท ว่าด้วยการด่าภิกษุ
จัณฑีสิกขาบท ว่าด้วยการขึ้งเคียดบริภาษคณะ
มัจฉรีสิกขาบท ว่าด้วยความหวงตระกูล
คัพภินีสิกขาบท ว่าด้วยการบวชให้สตรีมีครรภ์
ปายันตีสิกขาบท ว่าด้วยการบวชให้สตรีผู้มีลูกยังดื่มนม
เทฺววัสสสิกขาบท ว่าด้วยการบวชให้สิกขมานาผู้ยังไม่ได้ศึกษา
และผู้ยังไม่ได้ศึกษาธรรม ๖ ข้อ ตลอด ๒ ปี

เชิงอรรถ :
๑ แปลตามเชิงอรรถและตามคำอธิบายในอรรถกถา (วิ.อ. ๓/๒๕๙/๔๒๖) คือ ทัพพสิกขาบท ว่าด้วยการ
ถวายจีวรแก่พระทัพพมัลลบุตร วิ.มหา. (แปล) ๒/๔๘๔/๕๗๗
๒ คือ สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๖ ว่าด้วยการส่งเสริมภิกษุณีให้รับโภชนะจากมือชายผู้กำหนัด วิ.ภิกฺขุนี. (แปล)
๓/๗๐๔/๔๘
๓ สิกขาบทที่ ๒ แห่งปัตตวรรค วิ.ภิกฺขุนี. (แปล) ๓/๗๓๘/๘๒
๔ สิกขาบทที่ ๓ แห่งปัตตวรรค วิ.ภิกฺขุนี. (แปล) ๓/๗๔๓/๘๖
๕ สิกขาบทที่ ๙ แห่งอันธการวรรค วิ.ภิกฺขุนี. (แปล) ๓/๘๗๔/๑๗๙

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๔๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [สมุฏฐานสีสสังเขป] ๓. สัญจริตตสมุฏฐาน
คิหิคตาสิกขาบท ว่าด้วยการบวชให้สตรีที่มีครอบครัว ๓ สิกขาบท๑
กุมารีภูตสิกขาบท ว่าด้วยการบวชให้กุมารี ๓ สิกขาบท๒
อูนทวาทสวัสสสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุณีมีพรรษาต่ำกว่า ๑๒
เป็นปวัตตินี
อสัมมตาสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุณีมีพรรษาครบ ๑๒ เป็นปวัตตินี
แต่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติ
อลันตาวสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุณีที่สงฆ์ห้ามว่าอย่าเลย๓
โสกาวัสสสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุณีผู้ทำชายให้ระทมโศก
ฉันทสิกขาบท ว่าด้วยการบวชให้สิกขมานาด้วยการให้ปาริวาสิกฉันทะ
อนุวัสสสิกขาบท ว่าด้วยการบวชให้สิกขมานาทุก ๆ ปี
วัสสสิกขาบท ว่าด้วยการบวชให้สิกขมานาปีละ ๒ รูป
รวมสิกขาบทเหล่านี้เป็น ๗๐ สิกขาบท จัดเป็น ๓ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
เกิดทางวาจากับจิต มิใช่เกิดทางกาย และเกิดทางทวารทั้ง ๓
เหมือนทุติยปาราชิกสิกขาบท ฉะนั้น
ทุติยปาราชิกสมุฏฐาน จบ

๓. สัญจริตตสมุฏฐาน
[๒๖๐] สัญจริตสิกขาบท ว่าด้วยการชักสื่อ
กุฏิการสิกขาบท ว่าด้วยการก่อสร้างกุฎี
วิหารการสิกขาบท ว่าด้วยการสร้างวิหาร
โธวนสิกขาบท ว่าด้วยการให้ซักจีวรเก่า
ปฏิคคหสิกขาบท ว่าด้วยการรับจีวร

เชิงอรรถ :
๑ สิกขาบทที่ ๕-๖-๗ แห่งคัพภินีวรรค วิ.ภิกฺขุนี. (แปล) ๓/๑๐๙๐/๓๐๕,๑๐๙๕/๓๐๘,๑๑๐๐/๓๑๒
๒ สิกขาบทที่ ๑-๒-๓ แห่งกุมารีภูตวรรค วิ.ภิกฺขุนี. (แปล) ๓/๑๑๑๙/๓๒๒,๑๑๒๔/๓๒๕,๑๑๓๐/๓๒๙
๓ สิกขาบทที่ ๖ แห่งกุมารีภูตวรรค วิ.ภิกฺขุนี. (แปล) ๓/๑๑๔๖/๓๓๙

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๔๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [สมุฏฐานสีสสังเขป] ๓. สัญจริตตสมุฏฐาน
วิญญัตติสิกขาบท ว่าด้วยการออกปากขอคฤหัสถ์ผู้ไม่ใช่ญาติ
ตตุตตริสิกขาบท ว่าด้วยการออกปากขอจีวรเกิน
อุภินนสิกขาบท ว่าด้วยคนตระเตรียมทรัพย์เป็นค่าจีวร ๒ สิกขาบท๑
ทูตกสิกขาบท ว่าด้วยทรัพย์เป็นค่าจีวรที่พระราชาเป็นต้น
ให้ทูตนำมาถวาย
โกสิยสิกขาบท ว่าด้วยการทำสันถัตผสมใยไหม
สุทธกาฬกสิกขาบท ว่าด้วยการทำสันถัตโดยใช้ขนเจียมดำล้วน
เทฺวภาคสิกขาบท ว่าด้วยการทำสันถัตโดยใช้ขนเจียมดำ ๒ ส่วน
ฉัพพัสสสิกขาบท ว่าด้วยการเก็บสันถัตไว้ ๖ ปี
นิสีทนสันถตสิกขาบท ว่าด้วยการทำสันถัตสำหรับรองนั่ง
ริญจันติสิกขาบท ว่าด้วยการละเลยอุทเทส๒
รูปิยสิกขาบท ว่าด้วยการรับรูปิยะ
นานัปปการกสิกขาบท ว่าด้วยการแลกเปลี่ยนกันด้วยรูปิยะ
และการซื้อขายมีประการต่าง ๆ
อูนพันธนสิกขาบท ว่าด้วยบาตรมีรอยซ่อมหย่อนกว่า ๕ แห่ง
วัสสิกสาฏิกสิกขาบท ว่าด้วยผ้าอาบน้ำฝน
สุตตสิกขาบท ว่าด้วยการออกปากขอด้าย
วิกัปปนสิกขาบท ว่าด้วยการกำหนดชนิดจีวร๓
ทวารสิกขาบท ว่าด้วยการติดตั้งบานประตูใกล้วงกบประตู๔
ทานสิกขาบท ว่าด้วยการถวายจีวร
สิพพินีสิกขาบท ว่าด้วยการเย็บจีวรให้ภิกษุณี
ปูวสิกขาบท ว่าด้วยทายกนำขนมมาปวารณา๕

เชิงอรรถ :
๑ สิกขาบทที่ ๘-๙ แห่งจีวรวรรค วิ.มหา. (แปล) ๒/๕๒๗/๕๑,๕๓๒/๕๗
๒ เอฬกโลมโธวาปนสิกขาบท ว่าด้วยการให้ภิกษุณีซักขนเจียม(จนละเลยอุทเทส) แห่งโกสิยวรรค วิ.มหา.
(แปล) ๒/๕๗๖/๑๐๑
๓ มหาเปสการสิกขาบท ว่าด้วยการส่งช่างหูกทอจีวร แห่งปัตตวรรค วิ.มหา. (แปล) ๒/๖๔๑/๑๖๑
๔ มหัลลกวิหารสิกขาบท ว่าด้วยการสร้างวิหารใหญ่ แห่งภูตคามวรรค วิ.มหา. (แปล) ๒/๑๓๔/๓๐๙
๕ กาณมาตุสิกขาบท ว่าด้วยมารดาของนางกาณา แห่งโภชนวรรค วิ.มหา. (แปล) ๒/๒๓๐/๓๘๗

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๔๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [สมุฏฐานสีสสังเขป] ๓. สัญจริตตสมุฏฐาน
ปัจจยสิกขาบท ว่าด้วยการยินดีการปวารณาด้วยปัจจัย๑
โชติกสิกขาบท ว่าด้วยการก่อไฟผิง
รตนสิกขาบท ว่าด้วยการเก็บรตนะที่เจ้าของลืมไว้
สูจิฆรสิกขาบท ว่าด้วยการทำกล่องเข็มด้วยกระดูกเป็นต้น
มัญจปีฐสิกขาบท ว่าด้วยการทำเตียงและตั่ง
ตูโลนัทธสิกขาบท ว่าด้วยการทำเตียงตั่งหุ้มนุ่น
นิสีทนสิกขาบท ว่าด้วยการทำผ้ารองนั่ง
กัณฑุปฏิจฉาทิสิกขาบท ว่าด้วยการทำผ้าปิดฝี
วัสสิกสาฏิกาสิกขาบท ว่าด้วยการทำผ้าอาบน้ำฝน
สุคตสิกขาบท ว่าด้วยท่านพระนันทะทำจีวรมีขนาดเท่าสุคตจีวร
วิญญัตติสิกขาบท ว่าด้วยการออกปากขอของอย่างหนึ่งแล้ว
ออกปากขอของอย่างอื่น
อัญญเจตาปนสิกขาบท ว่าด้วยการสั่งให้ซื้อของอย่างอื่น
สังฆิกสิกขาบท ว่าด้วยของที่เขาบริจาคแก่สงฆ์ ๒ สิกขาบท๒
มหาชนิกสิกขาบท ว่าด้วยของที่เขาบริจาค
แก่ภิกษุณีจำนวนมาก ๒ สิกขาบท๓
ปุคคลิกสิกขาบท ว่าด้วยของที่เขาบริจาคแก่บุคคล
ครุสิกขาบท ว่าด้วยการขอผ้าห่มหนา
ลหุกสิกขาบท ว่าด้วยการขอผ้าห่มบาง
วิฆาสสิกขาบท ว่าด้วยการทิ้งของเป็นเดน ๒ สิกขาบท๔
อุทกสาฏิกสิกขาบท ว่าด้วยการใช้ผ้าอาบน้ำไม่ได้ขนาด
สมณจีวรสิกขาบท ว่าด้วยการให้สมณะจีวรแก่ผู้มิใช่ภิกษุณี

เชิงอรรถ :
๑ มหานามสิกขาบท ว่าด้วยพระเจ้ามหานามศากยะ แห่งอเจลกวรรค วิ.มหา. (แปล) ๒/๓๐๓/๔๔๕
๒ สิกขาบทที่ ๖-๗ แห่งปัตตวรรค วิ.ภิกฺขุนี. (แปล) ๓/๗๕๘/๙๘,๗๖๓/๑๐๒
๓ สิกขาบทที่ ๘-๙ แห่งปัตตวรรค วิ.ภิกฺขุนี. (แปล) ๓/๗๖๘/๑๐๖,๗๗๓/๑๑๐
๔ สิกขาบทที่ ๘-๙ แห่งลสุณวรรค วิ.ภิกฺขุนี. (แปล) ๓/๘๒๔/๑๔๖,๘๒๘/๑๔๙

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๕๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [สมุฏฐานสีสสังเขป] ๔. สมนุภาสนาสมุฏฐาน
ธรรมคือสิกขาบทเหล่านี้ รวม ๕๐ สิกขาบท เกิดด้วย ๖ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกาย มิใช่เกิดทางวาจา มิใช่เกิดทางจิต
เกิดทางวาจา มิใช่เกิดทางกาย มิใช่เกิดทางจิต
เกิดทางกายกับวาจา มิใช่เกิดทางจิต
เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
เกิดทางวาจากับจิต มิใช่เกิดทางกาย และเกิดทางทวารทั้ง ๓
อนึ่ง สิกขาบทเหล่านี้ มี ๖ สมุฏฐาน เช่นกับสัญจริตตสิกขาบท
สัญจริตตสมุฏฐาน จบ

๔. สมนุภาสนาสมุฏฐาน
[๒๖๑] เภทสิกขาบท ว่าด้วยการทำสงฆ์ให้แตกกัน
อนุวัตตสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุผู้ประพฤติตาม
กล่าวสนับสนุนภิกษุผู้ทำลายสงฆ์
ทุพพจสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุเป็นคนว่ายาก
ทูสสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุผู้ประทุษร้ายตระกูล
ทุฏฐุลลสิกขาบท ว่าด้วยการปกปิดอาบัติชั่วหยาบ
ทิฏฐิสิกขาบท ว่าด้วยการไม่ยอมสละทิฏฐิ๑
ฉันทสิกขาบท ว่าด้วยการไม่ให้ฉันทะแล้วไปเสีย
อุชชัคฆิกสิกขาบท ว่าด้วยการหัวเราะดังในบ้าน ๒ สิกขาบท
สัททสิกขาบท ว่าด้วยการพูดเสียงเบาในบ้าน ๒ สิกขาบท
นพยาหรสิกขาบท ว่าด้วยการไม่พูดขณะมีคำข้าวอยู่ในปาก
ฉมาสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุนั่งที่พื้นจักไม่แสดงธรรม
แก่คนที่ไม่เป็นไข้ผู้นั่งบนอาสนะ
นีจาสนสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุนั่งบนอาสนะต่ำจักไม่แสดงธรรม
แก่คนไม่เป็นไข้ผู้นั่งบนอาสนะสูง

เชิงอรรถ :
๑ อุกขิตสัมโภคสิกขาบท ว่าด้วยการคบหาภิกษุที่ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรม วิ.มหา. (แปล) ๒/๔๒๓/๕๓๒

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๕๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [สมุฏฐานสีสสังเขป] ๔. สมนุภาสนาสมุฏฐาน
ฐานสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุยืนอยู่จักไม่แสดงธรรม
แก่คนที่ไม่เป็นไข้ผู้นั่งอยู่
ปัจฉโตสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุเดินอยู่ข้างหลังจักไม่แสดงธรรม
แก่คนที่ไม่เป็นไข้ผู้เดินไปข้างหน้า
อุปปเถนสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุเดินไปนอกทางจักไม่แสดงธรรม
แก่คนที่ไม่เป็นไข้ผู้เดินไปในทาง
วัชชสิกขาบท ว่าด้วยการปกปิดโทษ๑
อนุวัตติสิกขาบท ว่าด้วยการประพฤติตามภิกษุที่ถูก
สงฆ์ลงอุกเขปนียกรรม
คหณสิกขาบท ว่าด้วยการยินดีการจับมือของชายเป็นต้น
โอสาเรสิกขาบท ว่าด้วยการเรียกภิกษุณีที่ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรมเข้าหมู่
ปัจจาจิกขนาสิกขาบท ว่าด้วยการบอกคืนพระรัตนตรัย
กัสมิงสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุณีถูกตัดสินให้แพ้คดีในอธิกรณ์หนึ่ง
สังสัฏฐาสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุณีกับภิกษุณีอยู่คลุกคลีกัน
วธิสิกขาบท ว่าด้วยการร้องไห้ทุบตีตนเอง
วิสิพพสิกขาบท ว่าด้วยการเลาะจีวรแล้วไม่เย็บ
ทุกขิตาสิกขาบท ว่าด้วยการไม่ใส่ใจดูแลเพื่อนภิกษุณี
ปุนสังสัฏฐาสิกขาบท ว่าด้วยการอยู่คลุกคลีกับคฤหัสถ์
นวูปสมสิกขาบท ว่าด้วยการไม่ช่วยระงับอธิกรณ์
อารามสิกขาบท ว่าด้วยการเข้าอารามโดยไม่บอก
ปวารณาสิกขาบท ว่าด้วยการไม่ปวารณาในสงฆ์ ๒ ฝ่าย
อันวัฑฒมาสสิกขาบท ว่าด้วยพึงหวังธรรม ๒ อย่างทุกกึ่งเดือน
สหชีวินีสิกขาบท ว่าด้วยการไม่อนุเคราะห์สหชีวินีตลอด ๒ ปี
จีวรสิกขาบท ว่าด้วยการบอกสิกขมานาให้ถวายจีวรแล้วไม่บวชให้
อนุพันธนาสิกขาบท ว่าด้วยการบอกสิกขมานาให้ติดตาม
ตลอด ๒ ปี แล้วไม่บวชให้

เชิงอรรถ :
๑ ปาราชิกสิกขาบทที่ ๒ วิ.ภิกฺขุนี. (แปล) ๓/๖๖๔/๑๐

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๕๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [สมุฏฐานสีสสังเขป] ๕. กฐินสมุฏฐาน
ธรรม คือ สิกขาบทเหล่านี้ รวม ๓๗ สิกขาบท
เกิดทางกายวาจากับจิต ทุกสิกขาบทมีสมุฏฐานอันหนึ่ง
เหมือนสมนุภาสนสิกขาบท
สมนุภาสนาสมุฏฐาน จบ

๕. กฐินสมุฏฐาน
[๒๖๒] อุพภตกฐินสิกขาบท ว่าด้วยกฐินเดาะ ๓ สิกขาบท๑
ปฐมปัตตสิกขาบท ว่าด้วยบาตรสิกขาบทที่ ๑
เภสัชชสิกขาบท ว่าด้วยเภสัช อัจเจกสิกขาบท ว่าด้วยอัจเจกจีวร
สาสังกสิกขาบท ว่าด้วยเสนาสนะป่าที่น่าหวาดระแวง
ปักกมันตสิกขาบท ว่าด้วยเมื่อจะจากไป ๒ สิกขาบท๒
อุปัสสยสิกขาบท ว่าด้วยการไปสั่งสอนภิกษุณีถึงที่สำนัก
ปรัมปรสิกขาบท ว่าด้วยการฉันปรัมปรโภชนะ
อนติริตตสิกขาบท ว่าด้วยการฉันของฉันที่ไม่เป็นเดน๓
นิมันตนาสิกขาบท ว่าด้วยการได้รับนิมนต์๔
วิกัปปสิกขาบท ว่าด้วยการวิกัปจีวร
รัญโญสิกขาบท ว่าด้วยการเข้าไปในตำหนักที่บรรทมของพระราชา๕
วิกาลสิกขาบท ว่าด้วยการเข้าหมู่บ้านในเวลาวิกาล
โวสาสสิกขาบท ว่าด้วยการไม่ห้ามภิกษุณีผู้คอยบงการ

เชิงอรรถ :
๑ ปฐมกฐินสิกขาบทที่ ๑ อุทโทสิตสิกขาบทที่ ๒ ตติยกฐินสิกขาบทที่ ๓ แห่งจีวรวรรค วิ.มหา. (แปล)
๒/๔๕๙/๑,๔๗๑/๙,๔๙๗/๑๙
๒ ปฐมเสนาสนสิกขาบท ทุติยเสนาสนสิกขาบท แห่งภูตคามวรรค วิ.มหา. (แปล) ๒/๑๐๘/๒๙๑,๑๑๔/
๒๙๕
๓ ปฐมปวารณาสิกขาบท แห่งโภชนวรรค วิ.มหา. (แปล) ๒/๒๓๖/๓๙๓
๔ จาริตตสิกขาบทที่ ๖ แห่งอเจลกวรรค วิ.มหา. (แปล) ๒/๒๙๔/๔๓๗
๕ อันเตปุรสิกขาบทที่ ๑ แห่งรตนวรรค วิ.มหา. (แปล) ๒/๔๙๔/๕๘๕

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๕๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [สมุฏฐานสีสสังเขป] ๖. เอฬกโลมสมุฏฐาน
อารัญญกสิกขาบท ว่าด้วยการรับของเคี้ยวในเสนาสนะป่า๑
อุสูยาสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุณีก่อคดีพิพาท
สันนิจยสิกขาบท ว่าด้วยการสะสมบาตร
ปูเรภัตตสิกขาบท ว่าด้วยการเข้าไปสู่ตระกูลในเวลาก่อนฉันภัตตาหาร๒
ปัจฉาภัตตสิกขาบท ว่าด้วยการเข้าไปสู่ตระกูลในเวลาหลังฉันภัตตาหาร
วิกาลสิกขาบท ว่าด้วยการเข้าไปสู่ตระกูลในเวลาวิกาล๓
ปัญจาหิกสิกขาบท ว่าด้วยการให้วาระผลัดเปลี่ยนสังฆาฏิ
มีกำหนดระยะเวลา ๕ วันล่วงเลยไป
สังกมนีสิกขาบท ว่าด้วยการห่มจีวรสับเปลี่ยนกัน
อาวสถสิกขาบท ๒ สิกขาบท ว่าด้วยการใช้ผ้าซับระดูแล้ว
ไม่สละและว่าด้วยการไม่สละที่พัก
ปสาขสิกขาบท ว่าด้วยการให้บ่งฝีในร่มผ้า
อาสนสิกขาบท ว่าด้วยการนั่งบนอาสนะ
โดยไม่ขอโอกาสก่อน ธรรม คือสิกขาบทเหล่านี้
รวม ๒๙ สิกขาบท เกิดทางกายกับวาจา มิใช่เกิดทางจิต
และเกิดทางทวารทั้ง ๓ ทุกสิกขาบท มี ๒ สมุฏฐาน
เหมือนกับกฐินสิกขาบท
กฐินสมุฏฐาน จบ

๖. เอฬกโลมสมุฏฐาน
[๒๖๓] เอฬกสิกขาบท ว่าด้วยการทำสันถัตผสมใยไหม
เสยยสิกขาบท ๒ สิกขาบท ว่าด้วยการนอนร่วมกัน๔

เชิงอรรถ :
๑ จตุตถปฏิเทสนียสิกขาบท วิ.มหา. (แปล) ๒/๕๗๐/๖๔๒
๒ สิกขาบทที่ ๕ แห่งอันธการวรรค วิ.ภิกฺขุนี. (แปล) ๓/๘๕๔/๑๖๗
๓ สิกขาบทที่ ๗ แห่งอันธการวรรค วิ.ภิกฺขุนี. (แปล) ๓/๘๖๔/๑๗๓
๔ สหเสยยสิกขาบทที่ ๕ ทุติยสหเสยยสิกขาบทที่ ๖ แห่งมุสาวาทวรรค วิ.มหา. (แปล) ๒/๔๙/๒๓๗,๕๕/
๒๔๑

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๕๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [สมุฏฐานสีสสังเขป] ๖. เอฬกโลมสมุฏฐาน
อาหัจจปาทกสิกขาบท ว่าด้วยเรื่องเตียงตั่งมีขาจดแม่แคร่๑
ปิณฑโภชนสิกขาบท ว่าด้วยการฉันภัตตาหารในที่พักแรม
คณโภชนสิกขาบท ว่าด้วยการฉันคณโภชนะ
วิกาลโภชนสิกขาบท ว่าด้วยการฉันโภชนในเวลาวิกาล
สันนิธิการกสิกขาบท ว่าด้วยการสะสมโภชนะ
ทันตโปนสิกขาบท ว่าด้วยการรับประเคนอาหารนอกจากน้ำและไม้ชำระฟัน
อเจลกสิกขาบท ว่าด้วยนักบวชเปลือยกาย
อุยยุตตสิกขาบท ว่าด้วยกองทัพที่เคลื่อนขบวนออกรบ
อุยโยธิกสิกขาบท ว่าด้วยการไปดูสนามรบ
สุราปานสิกขาบท ว่าด้วยการดื่มสุราและเมรัย
โอเรนนหายนสิกขาบท ว่าด้วยยังไม่ถึงครึ่งเดือนอาบน้ำ
ทุพพัณณสิกขาบท ว่าด้วยการทำจีวรใหม่ให้เสียสี
ปาฏิเทสนียสิกขาบท ๒ สิกขาบท๒
ลสุณสิกขาบท ว่าด้วยการขอกระเทียม
อุปติฏฐสิกขาบท ว่าด้วยการปรนนิบัติ
นัจจาสิกขาบท ว่าด้วยการไปดูการฟ้อนรำ
นาหนสิกขาบท ว่าด้วยการเปลือยกายอาบน้ำ
เอกัตถรณปาปุรณสิกขาบท ว่าด้วยการใช้ผ้าผืนเดียว
เป็นทั้งผ้าปูนอนเป็นทั้งผ้าห่ม
เสยยสิกขาบท ว่าด้วยการนอนบนเตียงเดียวกัน
อันโตรัฏฐสิกขาบท ว่าด้วยการเที่ยวจาริกไปในที่ที่น่าหวาดระแวงภายในรัฐ
พหิรัฏฐสิกขาบท ว่าด้วยการเที่ยวจาริกไปในที่
ที่น่าหวาดระแวงภายนอกรัฐ

เชิงอรรถ :
๑ ปฐมเสนาสนสิกขาบทที่ ๔ แห่งภูตคามวรรค วิ.มหา. (แปล) ๒/๑๐๘/๒๙๑
๒ ปฐมปาฎิเทสนียสิกขาบท และตติยปาฏิเทสนียสิกขาบท เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน วิ.อ. ๒/๕๕๖/๔๔๓,
๕๖๙/๔๔๔

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๕๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [สมุฏฐานสีสสังเขป] ๖. เอฬกโลมสมุฏฐาน
อันโตวัสสสิกขาบท ว่าด้วยการเที่ยวจาริกไปภายในพรรษา
จิตตาคารสิกขาบท ว่าด้วยการไปดูหอจิตรกรรม
อาสันทิสิกขาบท ว่าด้วยใช้ตั่งยาว
สุตตกันตนาสิกขาบท ว่าด้วยการกรอด้าย
เวยยาวัจจสิกขาบท ว่าด้วยการช่วยทำการขวนขวาย
สหัตถาสิกขาบท ว่าด้วยการให้ของเคี้ยวด้วยมือตน
อภิกขุกาวาสสิกขาบท ว่าด้วยการอยู่จำพรรษาในอาวาสที่ไม่มีภิกษุ
ฉัตตสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุณีผู้ไม่เป็นไข้กั้นร่มและสวมรองเท้า
ยานสิกขาบท ว่าด้วยการเดินทางด้วยยานพาหนะ
สังฆาณิสิกขาบท ว่าด้วยการใช้เครื่องประดับเอว
อลังการสิกขาบท ว่าด้วยการใช้เครื่องประดับของสตรี
คันธสิกขาบท ว่าด้วยการใช้ของหอม
วาสิตสิกขาบท ว่าด้วยการใช้แป้งอบกลิ่น
ภิกขุนีสิกขาบท ว่าด้วยการใช้ภิกษุณีให้บีบนวด
สิกขมานาสิกขาบท ว่าด้วยการใช้สิกขมานาให้บีบนวด
สามเณรีสิกขาบท ว่าด้วยการใช้สามเณรีให้บีบนวด
คิหินีสิกขาบท ว่าด้วยการใช้คฤหัสถ์หญิงให้บีบนวด
อสังกัจฉิกาสิกขาบท ว่าด้วยการเข้าหมู่บ้านโดยไม่มีผ้ารัดถัน
รวมเป็น ๔๔ สิกขาบท
เกิดทางกาย มิใช่เกิดทางวาจากับจิต
เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
ทุกสิกขาบทมี ๒ สมุฏฐาน เหมือนกับเอฬกโลมสิกขาบท
เอฬกโลมสมุฏฐาน จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๕๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [สมุฏฐานสีสสังเขป] ๘. อัทธานสมุฏฐาน
๗. ปทโสธัมมสมุฏฐาน
[๒๖๔] ปทโสธัมมสิกขาบท ว่าด้วยการสอนให้กล่าวธรรมแข่งกันเป็นบท ๆ
อัญญัตรสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุแสดงธรรมแก่มาตุคาม
เกิน ๕-๖ คำ เว้นไว้แต่มีบุรุษรู้เดียงสาอยู่
อสัมมตสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุไม่ได้รับแต่งตั้งสั่งสอนภิกษุณี
อัตถังคตสิกขาบท ว่าด้วยการสั่งสอนภิกษุณีในเวลา
ที่ดวงอาทิตย์อัสดงแล้ว
ติรัจฉานวิชชาสิกขาบท ๒ สิกขาบท ว่าด้วยการเรียนดิรัจฉานวิชา
และว่าด้วยการสอนดิรัจฉานวิชา
อโนกาสปุจฉาสิกขาบท ว่าด้วยการถามปัญหาภิกษุโดยไม่ขอโอกาส
รวมสิกขาบทเหล่านี้เป็น ๗ สิกขาบท
เกิดทางวาจา มิใช่เกิดทางกาย มิใช่เกิดทางจิต
เกิดทางวาจากับจิต มิใช่เกิดทางกาย
ทุกสิกขาบทมี ๒ สมุฏฐาน เหมือนปทโสธัมมสิกขาบท
ปทโสธัมมสมุฏฐาน จบ

๘. อัทธานสมุฏฐาน
[๒๖๕] อัทธานสิกขาบท ว่าด้วยการชักชวนกันเดินทางไกลร่วมกันกับภิกษุณี
นาวสิกขาบท ว่าด้วยการชักชวนภิกษุณีโดยสารเรือลำเดียวกัน
ปณีตสิกขาบท ว่าด้วยการออกปากขอโภชนะอันประณีต
มาตุคามสิกขาบท ว่าด้วยการชักชวนเดินทางไกลร่วมกับมาตุคาม
สังหรสิกขาบท ว่าด้วยการถอนขนในที่แคบ
ธัญญสิกขาบท ว่าด้วยการออกปากขอข้าวเปลือกดิบ
นิมันติตาสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุณีได้รับนิมนต์๑
ปาฏิเทสนียสิกขาบท ๘ สิกขาบท๒

เชิงอรรถ :
๑ สิกขาบทที่ ๔ แห่งอารามวรรค วิ.ภิกฺขุนี. (แปล) ๓/๑๐๓๗/๒๗๔
๒ ปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๑-๘ วิ.ภิกฺขุนี. (แปล) ๓/๑๒๒๘/๓๘๕,๑๒๓๔/๓๘๙

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๕๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [สมุฏฐานสีสสังเขป] ๙. เถยยสัตถสมุฏฐาน
สิกขาบทเหล่านี้ รวมเป็น ๑๕ สิกขาบท
เกิดทางกาย มิใช่เกิดทางวาจา มิใช่เกิดทางจิต
เกิดทางกายกับวาจา มิใช่เกิดทางจิต
เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
เกิดทางกายวาจากับจิต รวมเป็น ๔ สมุฏฐาน
พระพุทธเจ้าผู้ทรงมีพระญาณทรงบัญญัตินัยไว้เสมอกับอัทธานสิกขาบท
อัทธานสมุฏฐาน จบ

๙. เถยยสัตถสมุฏฐาน
[๒๖๖] เถยยสัตถสิกขาบท ว่าด้วยการเดินทางไกลร่วม
กับพ่อค้าเกวียนผู้เป็นโจร
อุปัสสุติสิกขาบท ว่าด้วยการแอบฟังภิกษุทะเลาะกัน
สูปวิญญาปนสิกขาบท ว่าด้วยการออกปากขอแกงและข้าวสุก๑
รัตติสิกขาบท ว่าด้วยการสนทนากับชายในเวลาค่ำคืน
ฉันนสิกขาบท ว่าด้วยการยืนเคียงคู่กันสองต่อสองกับชาย
ในโอกาสที่กำบัง
โอกาสสิกขาบท ว่าด้วยการยืนเคียงคู่กันสองต่อสองกับชายในที่แจ้ง
พยูหสิกขาบท ว่าด้วยการยืนเคียงคู่กันสองต่อสอง
กับชายในตรอกตัน
สิกขาบทเหล่านี้รวมเป็น ๗ สิกขาบท
เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา เกิดทางทวารทั้ง ๓
สิกขาบทเหล่านี้มี ๒ สมุฏฐาน
พระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์
ได้ทรงแสดงนัยไว้ เหมือนเถยยสัตถสมุฏฐาน
เถยยสัตถสมุฏฐาน จบ

เชิงอรรถ :
๑ สิกขาบทที่ ๗ แห่งสักกัจจวรรค วิ.มหา. (แปล) ๒/๖๑๒/๖๘๗

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๕๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [สมุฏฐานสีสสังเขป] ๑๒. โจรีวุฏฐาปนสมุฏฐาน
๑๐. ธัมมเทสนาสมุฏฐาน
[๒๖๗] พระตถาคตเจ้าจะไม่ทรงแสดงพระสัทธรรมแก่คนกั้นร่ม
ผู้ถือไม้พลอง ผู้ถือศัสตรา ผู้ถืออาวุธ ผู้สวมเขียงเท้า
ผู้สวมรองเท้า ผู้อยู่ในยานพาหนะ ผู้อยู่บนที่นอน ผู้นั่งรัดเข่า
ผู้โพกศีรษะ ผู้คลุมศีรษะ รวมเป็น ๑๑ สิกขาบทพอดี
เกิดทางวาจากับจิต มิใช่เกิดทางกาย
ทุกสิกขาบทมีสมุฏฐานอันหนึ่ง เสมอกับธัมมเทสนาสิกขาบท
ธัมมเทสนาสมุฏฐาน จบ

๑๑. ภูตาโรจนสมุฏฐาน
[๒๖๘] ภูตาโรจนสิกขาบทว่าด้วยการบอกอุตตริมนุสสธรรมที่มีจริง
เกิดทางกาย มิใช่เกิดทางวาจา มิใช่เกิดทางจิต
เกิดทางวาจา มิใช่เกิดทางกาย มิใช่เกิดทางจิต
เกิดทางกายกับวาจา มิใช่เกิดทางจิต
ขึ้นชื่อว่าภูตาโรจนสิกขาบทย่อมเกิดจาก ๓ สมุฏฐาน
ภูตาโรจนสมุฏฐาน จบ

๑๒. โจรีวุฏฐาปนสมุฏฐาน
[๒๖๙] โจรีวุฏฐาปนสิกขาบท ว่าด้วยการบวชให้สตรีผู้เป็นโจร
โจรีวุฏฐาปนสิกขาบทนี้ เกิดทางวาจากับจิต
มิใช่เกิดทางกาย และเกิดทางทวารทั้ง ๓
สิกขาบทนี้พระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นพระธรรมราชาทรงบัญญัติไว้ว่ามี
๒ สมุฏฐาน ไม่ซ้ำกัน
โจรีวุฏฐาปนสมุฏฐาน จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๕๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [สมุฏฐานสีสสังเขป] ๑๓. อนนุญญาตสมุฏฐาน
๑๓. อนนุญญาตสมุฏฐาน
[๒๗๐] อนนุญญาตสิกขาบท ว่าด้วยการบวชให้สิกขมานา
ที่ยังไม่ได้รับอนุญาต
เกิดทางวาจา มิใช่เกิดทางกาย มิใช่เกิดทางจิต
เกิดทางกายกับวาจา มิใช่เกิดทางจิต
เกิดทางวาจากับจิต มิใช่เกิดทางกาย
และเกิดทางทวารทั้ง ๓
จึงมี ๔ สมุฏฐาน ไม่ซ้ำกัน
อนนุญญาตสมุฏฐาน จบ

ความจริง สมุฏฐานโดยย่อทั้ง ๑๓ สิกขาบท
พระองค์ทรงแสดงไว้ดีแล้ว ซึ่งเป็นเหตุทำความไม่หลง
อนุโลมในหัวข้อหลักธรรมที่เป็นแบบแผน
วิญญูชนเมื่อจำสมุฏฐานนี้ไว้ได้
ก็จะไม่หลงในสมุฏฐานแล
สมุฏฐานสีสสังเขป จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๖๐ }


>>>>> หน้าต่อไป >>>>>





eXTReMe Tracker