ค้นว่าอยู่เล่มใด แล้วกด [ctrl]+f หรือใช้คำสั่งของเครื่องหาตำแหน่งในเล่มอีกทีนะครับ



จัดรูปหน้าใหม่
เพื่อความสะดวก และสวยงาม
(เฉพาะหน้าจอใหญ่ เช่น คอมพิวเตอร์)
กรุณาคลิก จัดรูปหน้าใหม่
เพื่อให้กรอบ
ค้นข้อความ ปรากฎที่ด้านซ้ายของหน้า

พระไตรปิฎกภาษาไทย
ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ๔๕ เล่ม (ปกสีฟ้า)
ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
ที่มาของข้อมูล : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับ มจร.
MCUTRAI Version 1.0

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๘-๑ วินัยปิฎกที่ ๐๘ ปริวาร

พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์

พระวินัยปิฎก
ปริวาร
_____________
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

๑. ภิกขุวิภังค์
โสฬสมหาวาร ตอน ๑
๑. กัตถปัญญัตติวาร
วาระว่าด้วยบัญญัติ ณ ที่ไหน
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสถานที่บัญญัติเป็นต้นในปาราชิกกัณฑ์

[๑] พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ ณ ที่ไหน ทรงปรารภใคร เพราะเรื่องอะไร
ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ นั้น มีพระบัญญัติ พระอนุบัญญัติ อนุปปันนบัญญัติ
สัพพัตถบัญญัติ ปเทสบัญญัติ สาธารณบัญญัติ อสาธารณบัญญัติ เอกโตบัญญัติ
อุภโตบัญญัติอยู่หรือ
บรรดาปาติโมกขุทเทส ๕ อุทเทส ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ นั้น จัดเข้าในอุทเทสไหน
นับเนื่องในอุทเทสไหน มาสู่อุทเทสโดยอุทเทสไหน
บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง เป็นวิบัติอย่างไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
บรรดากองอาบัติ ๗ กอง เป็นกองอาบัติไหน
บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง เป็นอธิกรณ์อย่างไหน
บรรดาสมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ นั้น อะไรเป็นพระวินัย อะไรเป็นอภิวินัย อะไรเป็น
พระปาติโมกข์ อะไรเป็นอธิปาติโมกข์ อะไรเป็นวิบัติ อะไรเป็นสมบัติ อะไรเป็นข้อ
ปฏิบัติ
พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ โดยทรงอาศัยอำนาจประโยชน์
เท่าไร ใครศึกษาอยู่ ใครศึกษาสิกขาเรียบร้อยแล้ว สิกขาบทนี้ตั้งอยู่ในใคร ใครทรง
เอาไว้ เป็นถ้อยคำของใคร ใครนำมา

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑
[๒] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรง
เห็น ทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงเวสาลี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพระสุทินกลันทบุตร
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พระสุทินกลันทบุตรเสพเมถุนธรรมกับอดีตภรรยา
ถาม : ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ นั้น มีพระบัญญัติ พระอนุบัญญัติ อนุปปันน
บัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๒ พระอนุบัญญัติ
ไม่มีอนุปปันนบัญญัติ
ถาม : มีสัพพัตถบัญญัติ ปเทสบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีสัพพัตถบัญญัติ
ถาม : มีสาธารณบัญญัติ อสาธารณบัญญัติอยู่หรือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
ตอบ : มีสาธารณบัญญัติ
ถาม : มีเอกโตบัญญัติ อุภโตบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีอุภโตบัญญัติ
ถาม : บรรดาปาติโมกขุทเทส ๕ อุทเทส ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ นั้น จัด
เข้าในอุทเทสไหน นับเนื่องในอุทเทสไหน
ตอบ : จัดเข้าในนิทานุทเทส นับเนื่องในนิทานุทเทส
ถอบ : มาสู่อุทเทสโดยอุทเทสไหน
ตอบ : มาสู่อุทเทสโดยอุทเทสที่ ๒
ถาม : บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง เป็นวิบัติอย่างไหน
ตอบ : เป็นสีลวิบัติ
ถาม : บรรดากองอาบัติ ๗ กอง เป็นกองอาบัติไหน
ตอบ : เป็นกองอาบัติปาราชิก
ถาม : บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
ตอบ : เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทาง
วาจา
ถาม : บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง เป็นอธิกรณ์อย่างไหน
ตอบ : เป็นอาปัตตาธิกรณ์
ถาม : บรรดาสมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ตอบ : ระงับด้วยสมถะ ๒ อย่าง คือ (๑) สัมมุขาวินัย (๒) ปฏิญญาตกรณะ
ถาม : ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ นั้น อะไรเป็นพระวินัย อะไรเป็นอภิวินัย
ตอบ : พระบัญญัติเป็นพระวินัย การจำแนก๑เป็นอภิวินัย
ถาม : ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ นั้น อะไรเป็นพระปาติโมกข์ อะไรเป็น
อธิปาติโมกข์

เชิงอรรถ :
๑ การจำแนก หมายถึงบทภาชนีย์,สิกขาบทวิภังค์ (วิ.อ. ๓/๒/๔๑๙)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
ตอบ : พระบัญญัติเป็นพระปาติโมกข์ การจำแนกเป็นอธิปาติโมกข์
ถาม : อะไรเป็นวิบัติ
ตอบ : ความไม่สำรวมเป็นวิบัติ
ถาม : อะไรเป็นสมบัติ
ตอบ : ความสำรวมเป็นสมบัติ
ถาม : อะไรเป็นข้อปฏิบัติ
ตอบ : การที่ภิกษุสมาทานอาปาณโกฏิกศีล๑ตลอดชีวิตว่า “เราจะไม่ทำกรรม
อย่างนี้อีก” แล้วศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย เป็นข้อปฏิบัติ
ถาม : พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ โดยทรงอาศัยอำนาจ
ประโยชน์เท่าไร
ตอบ : ทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ โดยทรงอาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐
ประการ คือ
๑. เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์
๒. เพื่อความผาสุกแห่งสงฆ์
๓. เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก
๔. เพื่อความอยู่ผาสุกแห่งเหล่าภิกษุผู้มีศีลดีงาม
๕. เพื่อปิดกั้นอาสวะทั้งหลายอันจะบังเกิดในปัจจุบัน
๖. เพื่อกำจัดอาสวะทั้งหลายอันจะบังเกิดในอนาคต
๗. เพื่อความเลื่อมใสของคนที่ยังไม่เลื่อมใส
๘. เพื่อความเลื่อมใสยิ่งขึ้นไปของคนที่เลื่อมใสแล้ว
๙. เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม
๑๐. เพื่อเอื้อเฟื้อพระวินัย

เชิงอรรถ :
๑ อาปาณโกฏิกศีล หมายถึงศีลที่สมาทานแล้วประพฤติตามนั้นจนตลอดชีวิต (วิสุทฺธิ. ๑/๑๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
ถาม : ใครศึกษาอยู่
ตอบ : ภิกษุผู้เป็นพระเสขะและกัลยาณปุถุชนศึกษาอยู่
ถาม : ใครศึกษาสิกขาเรียบร้อยแล้ว
ตอบ : พระอรหันต์เป็นผู้ศึกษาสิกขาเรียบร้อยแล้ว
ถาม : สิกขาบทนี้ตั้งอยู่ในใคร
ตอบ : ตั้งอยู่ในสิกขากามบุคคล(บุคคลผู้ใคร่ศึกษา)
ถาม : ใครทรงเอาไว้
ตอบ : พระเถระทั้งหลายผู้ทรงจำปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ ได้ทรงเอาไว้
ถาม : เป็นถ้อยคำของใคร
ตอบ : เป็นพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ถาม : ใครนำมา
ตอบ : พระเถระทั้งหลายนำสืบ ๆ กันมา
รายนามพระเถระผู้ทรงจำพระวินัยสืบกันมา
[๓] พระเถระเหล่านี้ คือ พระอุบาลี พระทาสกะ พระโสณกะ
พระสิคควะ และพระโมคคัลลีบุตร รวมเป็น ๕ รูป
เป็นผู้นำพระวินัยสืบ ๆ กันมาในชมพูทวีปอันมีสิริ
จากนั้น พระเถระผู้ประเสริฐมีปัญญามากเหล่านี้ คือ
พระมหินทะ พระอิฏฏิยะ พระอุตติยะ พระสัมพละ
และพระภัททบัณฑิต เดินทางจากชมพูทวีปมาที่เกาะสิงหลนี้
ท่านเหล่านั้นสอนพระวินัยปิฎกที่เกาะตามพปัณณิ
สอนนิกาย ๕ และปกรณ์ ๗
จากนั้นพระอริฏฐะผู้มีปัญญา พระติสสทัตตบัณฑิต
พระกาฬสุมนะ ผู้เชี่ยวชาญ พระทีฆเถระ และพระทีฆสุมนบัณฑิต
ต่อมา พระกาฬสุมนะ พระนาคเถระ พระพุทธรักขิตะ
พระติสสเถระผู้มีปัญญา และพระเทวเถระผู้เป็นบัณฑิต

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
ต่อมา พระสุมนะผู้มีปัญญาและเชี่ยวชาญในพระวินัย
พระจูฬนาคะเป็นพหูสูต ดุจช้างซับมัน พระธัมมปาลิตะ
เป็นผู้อันสาธุชนในโรหนชนบทพากันบูชาเป็นอย่างดี
ศิษย์ของพระธัมมปาลิตะนั้น มีปัญญามากชื่อว่าเขมะ
ทรงจำพระไตรปิฎกได้รุ่งเรืองอยู่ในเกาะด้วยปัญญา
เหมือนดวงจันทร์รุ่งเรืองอยู่
พระอุปติสสะผู้มีปัญญา พระปุสสเทวะผู้เป็นมหาธรรมกถึก
ต่อมา พระสุมนะผู้มีปัญญา พระมหาปทุมะ๑ เป็นพหูสูต
พระมหาสีวะผู้เป็นมหาธรรมกถึก ฉลาดในพระปิฎกทั้งหมด
ต่อมา พระอุบาลีผู้มีปัญญา เชี่ยวชาญในพระวินัย
พระมหานาคะผู้มีปัญญามาก ฉลาดในวงศ์พระสัทธรรม
ต่อมา พระอภยะผู้มีปัญญา ฉลาดในพระปิฎกทั้งหมด
พระติสสเถระผู้มีปัญญาเชี่ยวชาญในพระวินัย
พระสุมนา๒มีปัญญามากผู้เป็นศิษย์ของพระติสสเถระนั้น เป็นพหูสูต
รักษาพระศาสนาต่อกันมาอยู่ในชมพูทวีป
พระจูฬาภยะผู้มีปัญญาและเชี่ยวชาญในพระวินัย
พระติสสเถระผู้มีปัญญาฉลาดในวงศ์พระสัทธรรม
พระจูฬเทวะผู้มีปัญญาและเชี่ยวชาญในพระวินัย
และพระสิวเถระผู้มีปัญญา ฉลาดในพระวินัยทั้งหมด

เชิงอรรถ :
๑ พระมหาปทุมะ แปลมาจากคำว่า “ปุปฺผนาโม” ซึ่งตามตัวอักษรแปลว่า “พระเถระชื่อว่าบุปผา” ในที่นี้
พระธรรมสังคาหกาจารย์ท่านใช้คำปริศนาให้นึกเดา ปุปฺผ ดอกไม้ หมายถึงดอกปทุม คือเป็นคำแทนชื่อ
พระมหาปทุมะนั่นเอง (วชิร.ฏีกา ๓๕, สารตฺถ.ฏีกา ๑/๑๘๖, วิมติ.ฏีกา ๑/๔๑)
๒ พระสุมนะ แปลมาจากคำว่า “ปุปฺผนาโม (ปุสฺสนาโม)” ท่านใช้คำปริศนาอีกเช่นกัน (สารตฺถ.ฏีกา
๑/๑๘๖, วิมติ.ฏีกา ๑/๔๑) ดุจคำว่า “ชลชุตฺตมนามโก” (ขุ.อป. ๓๒/๒๘/๘๐, ขุ.อป. ๓๓/๓๔/๑๐๖
,๑๐๕/๒๗๒) หมายถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า “ปทุมุตตระ” (ขุ.อป.อ. ๒/๒๘/๗,๑๘๓/๓๗๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
พระเถระผู้ประเสริฐมีปัญญามากเหล่านี้ รู้พระวินัย
ฉลาดในมรรค ได้ประกาศพระวินัยปิฎกไว้ในเกาะตามพปัณณิ

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๒
[๔] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรง
เห็น ทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๒ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพระธนิยกุมภการบุตร
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พระธนิยกุมภการบุตร ถือเอาไม้ของหลวงที่ยังไม่ได้
พระราชทาน
ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๒ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ ไม่มี
อนุปปันนบัญญัติ
ถาม : บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
ตอบ : เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกายกับจิต มิใช่
เกิดทางวาจา (๒) เกิดทางวาจากับจิต มิใช่เกิดทางกาย (๓) เกิดทางกายวาจา
กับจิต ฯลฯ

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๓
[๕] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรง
เห็น ทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๓ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงเวสาลี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูป ฆ่ากันและกัน
ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๓ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ ไม่มี
อนุปปันนบัญญัติ
ถาม : บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
ตอบ : เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกายกับจิต มิใช่
เกิดทางวาจา (๒) เกิดทางวาจากับจิต มิใช่เกิดทางกาย (๓) เกิดทางกายวาจากับ
จิต ฯลฯ

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๔
[๖] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรง
เห็น ทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๔ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงเวสาลี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุชาวฝั่งแม่น้ำวัคคุมุทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุชาวฝั่งแม่น้ำวัคคุมุทา กล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรม
ของกันและกันแก่พวกคฤหัสถ์
ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๔ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ ไม่มี
อนุปปันนบัญญัติ
ถาม : บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
ตอบ : เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิด
ทางวาจา (๒) เกิดทางวาจากับจิต มิใช่เกิดทางกาย (๓) เกิดทางกายวาจากับจิต
ฯลฯ
ปาราชิก ๔ สิกขาบท จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
รวมสิกขาบทที่มีในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ ว่าด้วยการเสพเมถุนธรรม
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๒ ว่าด้วยการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๓ ว่าด้วยการพรากกายมนุษย์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๔ ว่าด้วยการกล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรม
ปาราชิก ๔ สิกขาบทเหล่านี้เป็นมูลแห่งการตัดขาด
(ขาดจากความเป็นภิกษุ) อย่างไม่ต้องสงสัย

๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสถานที่บัญญัติเป็นต้นในสังฆาทิเสสกัณฑ์
[๗] พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุผู้พยายามทำน้ำอสุจิให้เคลื่อน ณ ที่ไหน ทรงปรารภ
ใคร เพราะเรื่องอะไร
ในสุกกวิสัฏฐิสิกขาบทที่ ๑ นั้น มีพระบัญญัติ พระอนุบัญญัติ อนุปปันนบัญญัติ
สัพพัตถบัญญัติ ปเทสบัญญัติ สาธารณบัญญัติ อสาธารณบัญญัติ เอกโตบัญญัติ
อุภโตบัญญัติอยู่หรือ
บรรดาปาติโมกขุทเทส ๕ อุทเทส สุกกวิสัฏฐิสิกขาบทนั้นจัดเข้าในอุทเทสไหน
นับเนื่องในอุทเทสไหน มาสู่อุทเทสโดยอุทเทสไหน
บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง เป็นวิบัติอย่างไหน
บรรดากองอาบัติ ๗ กอง เป็นกองอาบัติไหน
บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง เป็นอธิกรณ์อย่างไหน
บรรดาสมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะเท่าไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
ในสุกกวิสัฏฐิสิกขาบทที่ ๑ นั้น อะไรเป็นพระวินัย อะไรเป็นอภิวินัย อะไรเป็น
พระปาติโมกข์ อะไรเป็นอธิปาติโมกข์ อะไรเป็นวิบัติ อะไรเป็นสมบัติ อะไรเป็นข้อ
ปฏิบัติ
พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุผู้พยายามทำน้ำอสุจิให้เคลื่อน
โดยทรงอาศัยอำนาจประโยชน์เท่าไร ใครศึกษาอยู่ ใครศึกษาสิกขาเรียบร้อยแล้ว
สิกขาบทนี้ตั้งอยู่ในใคร ใครทรงเอาไว้ เป็นถ้อยคำของใคร ใครนำมา

๑. สุกกวิสัฏฐิสิกขาบท
[๘] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรง
เห็น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุผู้พยายามทำน้ำอสุจิให้เคลื่อน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระเสยยสกะ
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระเสยยสกะพยายามใช้มือทำน้ำอสุจิให้เคลื่อน
ถาม : ในสุกกวิสัฏฐิสิกขาบทนั้น มีพระบัญญัติ พระอนุบัญญัติ อนุปปันน
บัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : ในสุกกวิสัฏฐิสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ ไม่
มีอนุปปันนบัญญัติ
ถาม : มีสัพพัตถบัญญัติ ปเทสบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีสัพพัตถบัญญัติ
ถาม : มีสาธารณบัญญัติ อสาธารณบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีอสาธารณบัญญัติ
ถาม : มีเอกโตบัญญัติ อุภโตบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีเอกโตบัญญัติ
ถาม : บรรดาปาติโมกขุทเทส ๕ อุทเทส สุกกวิสัฏฐิสิกขาบทนั้นจัดเข้าใน
อุทเทสไหน นับเนื่องในอุทเทสไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
ตอบ : จัดเข้าในนิทานุทเทส นับเนื่องในนิทานุทเทส
ถาม : มาสู่อุทเทสโดยอุทเทสไหน
ตอบ : มาสู่อุทเทสโดยอุทเทสที่ ๓
ถาม : บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง เป็นวิบัติอย่างไหน
ตอบ : เป็นสีลวิบัติ
ถาม : บรรดากองอาบัติ ๗ กอง เป็นกองอาบัติไหน
ตอบ : เป็นกองอาบัติสังฆาทิเสส
ถาม : บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
ตอบ : เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทาง
วาจา
ถาม : บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง เป็นอธิกรณ์อย่างไหน
ตอบ : เป็นอาปัตตาธิกรณ์
ถาม : บรรดาสมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ตอบ : ระงับด้วยสมถะ ๒ อย่าง คือ (๑) สัมมุขาวินัย (๒) ปฏิญญาตกรณะ
ถาม : ในสุกกวิสัฏฐิสิกขาบทนั้น อะไรเป็นพระวินัย อะไรเป็นอภิวินัย
ตอบ : พระบัญญัติเป็นพระวินัย การจำแนกเป็นอภิวินัย
ถาม : ในสุกกวิสัฏฐิสิกขาบทนั้น อะไรเป็นพระปาติโมกข์ อะไรเป็น
อธิปาติโมกข์
ตอบ : พระบัญญัติเป็นพระปาติโมกข์ การจำแนกเป็นอธิปาติโมกข์
ถาม : อะไรเป็นวิบัติ
ตอบ : ความไม่สำรวมเป็นวิบัติ
ถาม : อะไรเป็นสมบัติ
ตอบ : ความสำรวมเป็นสมบัติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
ถาม : อะไรเป็นข้อปฏิบัติ
ตอบ : การที่ภิกษุสมาทานอาปาณโกฏิกศีลตลอดชีวิตว่า “เราจะไม่ทำกรรม
อย่างนี้อีก” แล้วศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย เป็นข้อปฏิบัติ
ถาม : พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุผู้พยายามทำน้ำอสุจิ
ให้เคลื่อน โดยทรงอาศัยอำนาจประโยชน์เท่าไร
ตอบ : พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุผู้พยายามทำน้ำอสุจิ
ให้เคลื่อน โดยทรงอาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ
๑. เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์
๒. เพื่อความผาสุกแห่งสงฆ์
๓. เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก
๔. เพื่อความอยู่ผาสุกแห่งเหล่าภิกษุผู้มีศีลดีงาม
๕. เพื่อปิดกั้นอาสวะทั้งหลายอันจะบังเกิดในปัจจุบัน
๖. เพื่อกำจัดอาสวะทั้งหลายอันจะบังเกิดในอนาคต
๗. เพื่อความเลื่อมใสของคนที่ยังไม่เลื่อมใส
๘. เพื่อความเลื่อมใสยิ่งขึ้นไปของคนที่เลื่อมใสแล้ว
๙. เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม
๑๐. เพื่อเอื้อเฟื้อพระวินัย
ถาม : ใครศึกษาอยู่
ตอบ : พระเสขะและกัลยาณปุถุชนศึกษาอยู่
ถาม : ใครศึกษาสิกขาเรียบร้อยแล้ว
ตอบ : พระอรหันต์เป็นผู้ศึกษาสิกขาเรียบร้อยแล้ว
ถาม : สิกขาบทนี้ตั้งอยู่ในใคร
ตอบ : ตั้งอยู่ในสิกขากามบุคคล
ถาม : ใครทรงเอาไว้
ตอบ : พระเถระทั้งหลายผู้ทรงจำสุกกวิสัฏฐิสิกขาบทที่ ๑ ได้ทรงเอาไว้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
ถาม : เป็นถ้อยคำของใคร
ตอบ : เป็นพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ถาม : ใครนำมา
ตอบ : พระเถระทั้งหลายนำสืบ ๆ กันมา
รายนามพระเถระผู้ทรงจำพระวินัยสืบกันมา
พระเถระเหล่านี้ คือ พระอุบาลี พระทาสกะ พระโสณกะ
พระสิคควะ และพระโมคคัลลีบุตร รวมเป็น ๕ รูป
เป็นผู้นำพระวินัยสืบ ๆ กันมาในชมพูทวีปอันมีสิริ
จากนั้น พระเถระผู้ประเสริฐมีปัญญามากเหล่านี้ คือ
พระมหินทะ พระอิฏฏิยะ พระอุตติยะ พระสัมพละ
และพระภัททบัณฑิต เดินทางจากชมพูทวีปมาที่เกาะสิงหลนี้
ท่านเหล่านั้นสอนพระวินัยปิฎกที่เกาะตามพปัณณิ
สอนนิกาย ๕ และปกรณ์ ๗
จากนั้นพระอริฏฐะผู้มีปัญญา พระติสสทัตตบัณฑิต
พระกาฬสุมนะ ผู้เชี่ยวชาญ พระทีฆเถระ และพระทีฆสุมนบัณฑิต
ต่อมา พระกาฬสุมนะ พระนาคเถระ พระพุทธรักขิตะ
พระติสสเถระผู้มีปัญญา และพระเทวเถระผู้เป็นบัณฑิต
ต่อมา พระสุมนะผู้มีปัญญาและเชี่ยวชาญในพระวินัย
พระจูฬนาคะเป็นพหูสูต ดุจช้างซับมัน พระธัมมปาลิตะ
เป็นผู้อันสาธุชนในโรหนชนบทพากันบูชาเป็นอย่างดี
ศิษย์ของพระธัมมปาลิตะนั้น มีปัญญามากชื่อว่าเขมะ
ทรงจำพระไตรปิฎกได้รุ่งเรืองอยู่ในเกาะด้วยปัญญา
เหมือนดวงจันทร์รุ่งเรืองอยู่
พระอุปติสสะผู้มีปัญญา พระปุสสเทวะผู้เป็นมหาธรรมกถึก
ต่อมา พระสุมนะผู้มีปัญญา พระมหาปทุมะเป็นพหูสูต
พระมหาสีวะผู้เป็นมหาธรรมกถึก ฉลาดในพระปิฎกทั้งหมด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
ต่อมา พระอุบาลีผู้มีปัญญา เชี่ยวชาญในพระวินัย
พระมหานาคะผู้มีปัญญามาก ฉลาดในวงศ์พระสัทธรรม
ต่อมา พระอภยะผู้มีปัญญา ฉลาดในพระปิฎกทั้งหมด
พระติสสเถระผู้มีปัญญาเชี่ยวชาญในพระวินัย
พระสุมนะมีปัญญามาก ผู้เป็นศิษย์ของพระติสสเถระนั้น เป็นพหูสูต
รักษาพระศาสนาต่อกันมาอยู่ในชมพูทวีป
พระจูฬาภยะผู้มีปัญญาและเชี่ยวชาญในพระวินัย
พระติสสเถระผู้มีปัญญาฉลาดในวงศ์พระสัทธรรม
พระจูฬเทวะผู้มีปัญญาและเชี่ยวชาญในพระวินัยและพระสิวเถระ
ผู้มีปัญญา ฉลาดในพระวินัยทั้งหมด
พระเถระผู้ประเสริฐมีปัญญามากเหล่านี้ รู้พระวินัย
ฉลาดในมรรค ได้ประกาศพระวินัยปิฎกไว้ในเกาะตามพปัณณิ

๒. กายสังสัคคสิกขาบท
[๙] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรง
เห็น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุผู้ถูกต้องกายกับมาตุคาม ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุทายี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีถูกต้องกายกับมาตุคาม
ในกายสังสัคคสิกขาบทนั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
๓. ทุฏฐุลลวาจาสิกขาบท
[๑๐] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุผู้พูดเกี้ยวมาตุคามด้วยวาจาชั่วหยาบ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุทายี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีพูดเกี้ยวมาตุคามด้วยวาจาชั่วหยาบ
ในทุฏฐุลลวาจาสิกขาบทนั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิด
ทางวาจา (๒) เกิดทางวาจากับจิต มิใช่เกิดทางกาย (๓) เกิดทางกายวาจากับจิต
ฯลฯ

๔. อัตตกามปาริจริยสิกขาบท
[๑๑] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรง
เห็น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุผู้กล่าวสรรเสริญการบำเรอความใคร่ของตนต่อหน้า
มาตุคาม ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุทายี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีกล่าวสรรเสริญการบำเรอความใคร่ของตน
ต่อหน้ามาตุคาม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
ในอัตตกามปาริจริยสิกขาบทนั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๕. สัญจริตตสิกขาบท
[๑๒] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุผู้ทำหน้าที่ชักสื่อ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุทายี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีทำหน้าที่ชักสื่อ
ในสัญจริตตสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกาย มิใช่
เกิดทางวาจา มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางวาจา มิใช่เกิดทางกาย มิใช่เกิดทางจิต
(๓) เกิดทางกายกับวาจา มิใช่เกิดทางจิต (๔) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
(๕) เกิดทางวาจากับจิต มิใช่เกิดทางกาย (๖) เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

๖. กุฏิการสิกขาบท
[๑๓] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรง
เห็น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุผู้สร้างกุฎีด้วยเครื่องอุปกรณ์ที่ขอมาเอง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ เมืองอาฬวี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุชาวเมืองอาฬวี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุชาวเมืองอาฬวีสร้างกุฎีด้วยเครื่องอุปกรณ์ที่ขอ
มาเอง
ในกุฏิการสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๗. วิหารการสิกขาบท
[๑๔] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรง
เห็น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุผู้ให้สร้างวิหารใหญ่ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงโกสัมพี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระฉันนะ
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระฉันนะแผ้วถางพื้นที่สร้างวิหาร สั่งให้ตัดไม้รุกข เจดีย์
ต้นหนึ่ง
ในวิหารการสิกขาบทนั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๘. ปฐมทุฏฐโทสสิกขาบท
[๑๕] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุผู้ใส่ความภิกษุด้วยอาบัติปาราชิกไม่มีมูล ณ
ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพระเมตติยะและพระภุมมชกะ
ถาม : เพราะเรื่องอะไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
ตอบ : เพราะเรื่องที่พระเมตติยะและพระภุมมชกะใส่ความท่านพระทัพพมัลล
บุตรด้วยอาบัติปาราชิกไม่มีมูล
ในปฐมทุฏฐโทสสิกขาบทนั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๙. ทุติยทุฏฐโทสสิกขาบท
[๑๖] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรง
เห็น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุผู้อ้างเอาบางส่วนแห่งอธิกรณ์เรื่องอื่นเป็นเลศใส่
ความภิกษุด้วยอาบัติปาราชิกไม่มีมูล ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพระเมตติยะและพระภุมมชกะ
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พระเมตติยะและพระภุมมชกะอ้างเอาบางส่วนแห่งอธิกรณ์
เรื่องอื่นเป็นเลศใส่ความท่านพระทัพพมัลลบุตรด้วยอาบัติปาราชิกไม่มีมูล
ในทุติยทุฏฐโทสสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๑๐. สังฆเภทสิกขาบท
[๑๗] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรง
เห็น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุผู้ทำสงฆ์ให้แตกกัน ไม่สละกรรมจนกระทั่งสงฆ์
สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
ตอบ : ทรงปรารภพระเทวทัต
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พระเทวทัตเพียรพยายามเพื่อทำลายสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกัน
ในสังฆเภทสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

๑๑. สังฆเภทานุวัตตกสิกขาบท
[๑๘] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรง
เห็น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุที่ประพฤติตามกล่าวสนับสนุนภิกษุผู้ทำลายสงฆ์
ไม่สละกรรมจนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปประพฤติตามสนับสนุนพระเทวทัตผู้พยายาม
ทำลายสงฆ์
ในสังฆเภทานุวัตตกสิกขาบทนั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

๑๒. ทุพพจสิกขาบท
[๑๙] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรง
เห็น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุเป็นคนว่ายาก ไม่สละกรรมจนกระทั่งสงฆ์สวด
สมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงโกสัมพี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระฉันนะ
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระฉันนะอันภิกษุทั้งหลายว่ากล่าวตักเตือนโดยชอบ
ธรรม กลับทำตนให้เป็นคนที่ว่ากล่าวตักเตือนไม่ได้
ในทุพพจสิกขาบทนั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

๑๓. กุลทูสกสิกขาบท
[๒๐] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรง
เห็น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุผู้ประทุษร้ายตระกูล ไม่สละกรรมจนกระทั่งสงฆ์
สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพระอัสสชิและพระปุนัพพสุกะ
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พระอัสสชิและพระปุนัพพสุกะถูกสงฆ์ลงปัพพาชนียกรรม
แล้วกลับกล่าวหาว่า พวกภิกษุลำเอียงเพราะชอบ ลำเอียงเพราะชัง ลำเอียงเพราะหลง
ลำเอียงเพราะกลัว
ในกุลทูสกสิกขาบทนั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ
สังฆาทิเสส ๑๓ สิกขาบท จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๓. อนิยตกัณฑ์
รวมสิกขาบทที่มีในสังฆาทิเสสกัณฑ์

๑. สุกกวิสัฏฐิสิกขาบท ว่าด้วยการจงใจทำน้ำอสุจิให้เคลื่อน
๒. กายสังสัคคสิกขาบท ว่าด้วยการถูกต้องกายกับมาตุคาม
๓. ทุฏฐุลลวาจาสิกขาบท ว่าด้วยการพูดเกี้ยวมาตุคาม
๔. อัตตกามปาริจริยสิกขาบท ว่าด้วยการให้บำเรอความใคร่ของตน
๕. สัญจริตตสิกขาบท ว่าด้วยการชักสื่อ
๖. กุฏิการสิกขาบท ว่าด้วยการก่อสร้างกุฎี
๗. วิหารการสิกขาบท ว่าด้วยการก่อสร้างวิหาร
๘. ปฐมทุฏฐโทสสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุขัดเคืองมีโทสะสิกขาบทที่ ๑
๙. ทุติยทุฏฐโทสสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุขัดเคืองมีโทสะสิกขาบทที่ ๒
๑๐. สังฆเภทสิกขาบท ว่าด้วยการทำสงฆ์ให้แตกกัน
๑๑. สังฆเภทานุวัตตกสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุประพฤติตามกล่าวสนับสนุน
ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์
๑๒. ทุพพจสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุเป็นคนว่ายาก
๑๓. กุลทูสกสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุผู้ประทุษร้ายตระกูล

๓. อนิยตกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสถานที่บัญญัติเป็นต้นในอนิยตกัณฑ์
[๒๑] พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปฐมอนิยตสิกขาบท ณ ที่ไหน ทรงปรารภใคร เพราะเรื่องอะไร
ในปฐมอนิยตสิกขาบทนั้น มีพระบัญญัติ พระอนุบัญญัติ อนุปปันนบัญญัติ
สัพพัตถบัญญัติ ปเทสบัญญัติ สาธารณบัญญัติ อสาธารณบัญญัติ เอกโตบัญญัติ
อุภโตบัญญัติอยู่หรือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๓. อนิยตกัณฑ์
บรรดาปาติโมกขุทเทส ๕ อุทเทส ปฐมอนิยตสิกขาบทนั้นจัดเข้าในอุทเทสไหน
นับเนื่องในอุทเทสไหน มาสู่อุทเทสโดยอุทเทสไหน
บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง เป็นวิบัติอย่างไหน
บรรดากองอาบัติ ๗ กอง เป็นกองอาบัติไหน
บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง เป็นอธิกรณ์อย่างไหน
บรรดาสมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ในปฐมอนิยตสิกขาบทนั้น อะไรเป็นพระวินัย อะไรเป็นอภิวินัย อะไรเป็นพระ
ปาติโมกข์ อะไรเป็นอธิปาติโมกข์ อะไรเป็นวิบัติ อะไรเป็นสมบัติ อะไรเป็นข้อปฏิบัติ
พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติปฐมอนิยตสิกขาบท โดยอาศัยอำนาจประโยชน์เท่าไร
ใครศึกษาอยู่ ใครศึกษาสิกขาเรียบร้อยแล้ว สิกขาบทนี้ตั้งอยู่ในใคร ใครทรงเอาไว้
เป็นถ้อยคำของใคร ใครนำมา

๑. ปฐมอนิยตสิกขาบท
[๒๒] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปฐมอนิยตสิกขาบท ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุทายี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีนั่งบนอาสนะที่กำบังในที่ลับพอจะทำการได้
กับมาตุคามสองต่อสอง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๓. อนิยตกัณฑ์
ถาม : ในปฐมอนิยตสิกขาบทนั้น มีพระบัญญัติ พระอนุบัญญัติ อนุปปันน
บัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : ในปฐมอนิยตสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ไม่มีพระอนุบัญญัติ และ
อนุปปันนบัญญัติ
ถาม : มีสัพพัตถบัญญัติ ปเทสบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีสัพพัตถบัญญัติ
ถาม : มีสาธารณบัญญัติ อสาธารณบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีอสาธารณบัญญัติ
ถาม : มีเอกโตบัญญัติ อุภโตบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีเอกโตบัญญัติ
ถาม : บรรดาปาติโมกขุทเทส ๕ อุทเทส ปฐมอนิยตสิกขาบทนี้จัดเข้าใน
อุทเทสไหน นับเนื่องในอุทเทสไหน
ตอบ : จัดเข้าในนิทานุทเทส นับเนื่องในนิทานุทเทส
ถาม : มาสู่อุทเทส โดยอุทเทสไหน
ตอบ : มาสู่อุทเทส โดยอุทเทสที่ ๔
ถาม : บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง เป็นวิบัติอย่างไหน
ตอบ : เป็นสีลวิบัติก็มี เป็นอาจารวิบัติก็มี
ถาม : บรรดากองอาบัติ ๗ กอง เป็นกองอาบัติไหน
ตอบ : เป็นกองอาบัติปาราชิกก็มี เป็นกองอาบัติสังฆาทิเสสก็มี เป็นกองอาบัติ
ปาจิตตีย์ก็มี
ถาม : บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
ตอบ : เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
ถาม : บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง เป็นอธิกรณ์อย่างไหน
ตอบ : เป็นอาปัตตาธิกรณ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๓. อนิยตกัณฑ์
ถาม : บรรดาสมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ตอบ : ระงับด้วยสมถะ ๓ อย่าง คือ (๑) สัมมุขาวินัย (๒) ปฏิญญาตกรณะ
(๓) สัมมุขาวินัยและติณวัตถารกะ
ถาม : ในปฐมอนิยตสิกขาบทนั้น อะไรเป็นพระวินัย อะไรเป็นอภิวินัย
ตอบ : พระบัญญัติเป็นพระวินัย การจำแนกเป็นอภิวินัย
ถาม : ในปฐมอนิยตสิกขาบทนั้น อะไรเป็นพระปาติโมกข์ อะไรเป็นอธิปาติโมกข์
ตอบ : พระบัญญัติเป็นพระปาติโมกข์ การจำแนกเป็นอธิปาติโมกข์
ถาม : อะไรเป็นวิบัติ
ตอบ : ความไม่สำรวมเป็นวิบัติ
ถาม : อะไรเป็นสมบัติ
ตอบ : ความสำรวมเป็นสมบัติ
ถาม : อะไรเป็นข้อปฏิบัติ
ตอบ : การที่ภิกษุสมาทานอาปาณโกฏิกศีลตลอดชีวิตว่า “เราจะไม่ทำอย่างนี้อีก”
แล้วศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย เป็นข้อปฏิบัติ
ถาม : พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติปฐมอนิยตสิกขาบทนี้ โดยทรงอาศัยอำนาจ
ประโยชน์เท่าไร
ตอบ : พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติปฐมอนิยตสิกขาบทนี้ โดยทรงอาศัยอำนาจ
ประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ
๑. เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์
๒. เพื่อความผาสุกแห่งสงฆ์
๓. เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก
๔. เพื่อความอยู่ผาสุกแห่งเหล่าภิกษุผู้มีศีลดีงาม
๕. เพื่อปิดกั้นอาสวะทั้งหลายอันจะบังเกิดในปัจจุบัน
๖. เพื่อกำจัดอาสวะทั้งหลายอันจะบังเกิดในอนาคต

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๓. อนิยตกัณฑ์
๗. เพื่อความเลื่อมใสของคนที่ยังไม่เลื่อมใส
๘. เพื่อความเลื่อมใสยิ่งขึ้นไปของคนที่เลื่อมใสแล้ว
๙. เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม
๑๐. เพื่อเอื้อเฟื้อพระวินัย
ถาม : ใครศึกษาอยู่
ตอบ : พระเสขะและกัลยาณปุถุชนศึกษาอยู่
ถาม : ใครศึกษาสิกขาเรียบร้อยแล้ว
ตอบ : พระอรหันต์เป็นผู้ศึกษาสิกขาเรียบร้อยแล้ว
ถาม : สิกขาบทนี้ตั้งอยู่ในใคร
ตอบ : ตั้งอยู่ในสิกขากามบุคคล
ถาม : ใครทรงเอาไว้
ตอบ : พระเถระทั้งหลายผู้ทรงจำปฐมอนิยตสิกขาบทได้ทรงเอาไว้
ถาม : เป็นถ้อยคำของใคร
ตอบ : เป็นพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ถาม : ใครนำมา
ตอบ : พระเถระทั้งหลายนำสืบ ๆ กันมา
รายนามพระเถระผู้ทรงจำพระวินัยสืบกันมา
พระเถระเหล่านี้ คือ พระอุบาลี พระทาสกะ พระโสณกะ
พระสิคควะ และพระโมคคัลลีบุตร รวมเป็น ๕ รูป
เป็นผู้นำพระวินัยสืบ ๆ กันมาในชมพูทวีปอันมีสิริ
จากนั้น พระเถระผู้ประเสริฐมีปัญญามากเหล่านี้ คือ
พระมหินทะ พระอิฏฏิยะ พระอุตติยะ พระสัมพละ
และพระภัททบัณฑิต เดินทางจากชมพูทวีปมาที่เกาะสิงหลนี้
ท่านเหล่านั้นสอนพระวินัยปิฎกที่เกาะตามพปัณณิ
สอนนิกาย ๕ และปกรณ์ ๗

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๓. อนิยตกัณฑ์
จากนั้นพระอริฏฐะผู้มีปัญญา พระติสสทัตตบัณฑิต
พระกาฬสุมนะ ผู้เชี่ยวชาญ พระทีฆเถระ และพระทีฆสุมนบัณฑิต
ต่อมา พระกาฬสุมนะ พระนาคเถระ พระพุทธรักขิตะ
พระติสสเถระผู้มีปัญญา และพระเทวเถระผู้เป็นบัณฑิต
ต่อมา พระสุมนะผู้มีปัญญาและเชี่ยวชาญในพระวินัย
พระจูฬนาคะเป็นพหูสูต ดุจช้างซับมัน พระธัมมปาลิตะ
เป็นผู้อันสาธุชนในโรหนชนบทพากันบูชาเป็นอย่างดี
ศิษย์ของพระธัมมปาลิตะนั้น มีปัญญามากชื่อว่าเขมะ
ทรงจำพระไตรปิฎกได้รุ่งเรืองอยู่ในเกาะด้วยปัญญา
เหมือนดวงจันทร์รุ่งเรืองอยู่
พระอุปติสสะผู้มีปัญญา พระปุสสเทวะผู้เป็นมหาธรรมกถึก
ต่อมา พระสุมนะผู้มีปัญญา พระมหาปทุมะเป็นพหูสูต
พระมหาสีวะผู้เป็นมหาธรรมกถึก ฉลาดในพระปิฎกทั้งหมด
ต่อมา พระอุบาลีผู้มีปัญญา เชี่ยวชาญในพระวินัย
พระมหานาคะผู้มีปัญญามาก ฉลาดในวงศ์พระสัทธรรม
ต่อมา พระอภยะผู้มีปัญญา ฉลาดในพระปิฎกทั้งหมด
พระติสสเถระผู้มีปัญญาเชี่ยวชาญในพระวินัย
พระสุมนะมีปัญญามาก ผู้เป็นศิษย์ของพระติสสเถระนั้น เป็นพหูสูต
รักษาพระศาสนาต่อกันมาอยู่ในชมพูทวีป
พระจูฬาภยะผู้มีปัญญาและเชี่ยวชาญในพระวินัย
พระติสสเถระผู้มีปัญญาฉลาดในวงศ์พระสัทธรรม
พระจูฬเทวะผู้มีปัญญาและเชี่ยวชาญในพระวินัย
และพระสิวเถระผู้มีปัญญา ฉลาดในพระวินัยทั้งหมด
พระเถระผู้ประเสริฐมีปัญญามากเหล่านี้ รู้พระวินัย
ฉลาดในมรรค ได้ประกาศพระวินัยปิฎกไว้ในเกาะตามพปัณณิ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๓. อนิยตกัณฑ์
๒. ทุติยอนิยตสิกขาบท
[๒๓] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติทุติยอนิยตสิกขาบท ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุทายี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีนั่งในที่ลับกับมาตุคามสองต่อสอง
ถาม : ในทุติยอนิยตสิกขาบทนั้น มีพระบัญญัติ พระอนุบัญญัติและอนุปปันน
บัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : ในทุติยอนิยตสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ไม่มีพระอนุบัญญัติ
และอนุปปันนบัญญัติ
ถาม : มีสัพพัตถบัญญัติ ปเทสบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีสัพพัตถบัญญัติ
ถาม : มีสาธารณบัญญัติ อสาธารณบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีอสาธารณบัญญัติ
ถาม : มีเอกโตบัญญัติ อุภโตบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีเอกโตบัญญัติ
ถาม : บรรดาปาติโมกขุทเทส ๕ อุทเทส ทุติยอนิยตสิกขาบทนี้จัดเข้าใน
อุทเทสไหน นับเนื่องในอุทเทสไหน
ตอบ : จัดเข้าในนิทานุทเทส นับเนื่องในนิทานุทเทส
ถาม : มาสู่อุทเทสโดยอุทเทสไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร รวมสิกขาบทที่มีในอนิยตกัณฑ์
ตอบ : มาสู่อุทเทสโดยอุทเทสที่ ๔
ถาม : บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง เป็นวิบัติอย่างไหน
ตอบ : เป็นสีลวิบัติก็มี เป็นอาจารวิบัติก็มี
ถาม : บรรดากองอาบัติ ๗ กอง เป็นกองอาบัติไหน
ตอบ : เป็นกองอาบัติสังฆาทิเสสก็มี เป็นกองอาบัติปาจิตตีย์ก็มี
ถาม : บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
ตอบ : เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกายกับจิต มิใช่
เกิดทางวาจา (๒) เกิดทางวาจากับจิต มิใช่เกิดทางกาย (๓) เกิดทางกายวาจา
กับจิต
ถาม : บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง เป็นอธิกรณ์อย่างไหน
ตอบ : เป็นอาปัตตาธิกรณ์
ถาม : บรรดาสมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ตอบ : ระงับด้วยสมถะ ๓ อย่าง คือ (๑) สัมมุขาวินัย (๒) ปฏิญญาตกรณะ
(๓) สัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ ฯลฯ
อนิยต ๒ สิกขาบท จบ
รวมสิกขาบทที่มีในอนิยตกัณฑ์
๑. ปฐมอนิยตสิกขาบท ว่าด้วยการนั่งในที่ลับตากับหญิงสองต่อสอง
๒. ทุติยอนิยตสิกขาบท ว่าด้วยการนั่งในที่ลับหูกับหญิงสองต่อสอง
พระผู้มีพระภาคผู้ประเสริฐและผู้มีความคงที่ ทรงบัญญัติไว้ดีแล้ว

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. นิสสัคคิยกัณฑ์ ๑. กฐินวรรค
๔. นิสสัคคิยกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสถานที่บัญญัติเป็นต้นในนิสสัคคิยกัณฑ์
๑. กฐินวรรค(จีวรวรรค)
๑. ปฐมกฐินสิกขาบท
[๒๔] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ทรงอติเรกจีวรไว้เกิน ๑๐ วัน ณ
ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงเวสาลี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ทรงอติเรกจีวร
ในปฐมกฐินสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกาย
กับวาจา มิใช่ทางจิต (๒) เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

๒. อุทโทสิตสิกขาบท
[๒๕] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้อยู่ปราศจากไตรจีวร สิ้น
ราตรีหนึ่ง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๒๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. นิสสัคคิยกัณฑ์ ๑. กฐินวรรค
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปฝากจีวรไว้กับพวกภิกษุ มีเพียงอุตตราสงค์
กับอันตรวาสก ออกจาริกไปสู่ชนบท
ในอุทโทสิตสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกายกับ
วาจา มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

๓. ตติยกฐินสิกขาบท
[๒๖] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้รับผ้าที่เป็นอกาลจีวรแล้ว
เก็บไว้เกิน ๑ เดือน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปรับผ้าที่เป็นอกาลจีวรแล้วเก็บไว้เกิน ๑ เดือน
ในตติยกฐินสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกายกับ
วาจา มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

๔. ปุราณจีวรสิกขาบท
[๒๗] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ใช้ภิกษุณีผู้ไม่ใช่ญาติให้
ซักจีวรเก่า ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุทายี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. นิสสัคคิยกัณฑ์ ๑. กฐินวรรค
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีใช้ภิกษุณีผู้ไม่ใช่ญาติให้ซักจีวรเก่า
ในปุราณจีวรสิกขาบทนั้นมี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๕. จีวรปฏิคคหณสิกขาบท
[๒๘] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้รับจีวรจากมือภิกษุณีผู้
ไม่ใช่ญาติ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุทายี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีรับจีวรจากมือภิกษุณีผู้ไม่ใช่ญาติ
ในจีวรปฏิคคหณสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๖. อัญญาตกวิญญัตติสิกขาบท
[๒๙] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ออกปากขอจีวรจากคฤหัสถ์
ชายหรือคฤหัสถ์หญิง ผู้ไม่ใช่ญาติ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุปนันทศากยบุตร
ถาม : เพราะเรื่องอะไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. นิสสัคคิยกัณฑ์ ๑. กฐินวรรค
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนันทศากยบุตรออกปากขอจีวรจากบุตรเศรษฐี
ผู้ไม่ใช่ญาติ
ในอัญญาตกวิญญัตติสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๗. ตตุตตริสิกขาบท
[๓๐] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ออกปากขอจีวรเกินกว่านั้น
จากคฤหัสถ์ชาย หรือคฤหัสถ์หญิงผู้ไม่ใช่ญาติ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ไม่รู้จักประมาณ ออกปากขอจีวรเป็น
จำนวนมาก
ในตตุตตริสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๘. อุปักขฏสิกขาบท
[๓๑] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ที่เขาไม่ได้ปวารณาไว้ก่อน
เข้าไปหาคฤหัสถ์ผู้ไม่ใช่ญาติ แล้วกำหนดชนิดจีวร ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุปนันทศากยบุตร
ถาม : เพราะเรื่องอะไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. นิสสัคคิยกัณฑ์ ๑. กฐินวรรค
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนันทศากยบุตรที่เขาไม่ได้ปวารณาไว้ก่อนเข้า
ไปหาคฤหัสถ์ผู้ไม่ใช่ญาติ แล้วกำหนดชนิดจีวร
ในอุปักขฏสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๙. ทุติยอุปักขฏสิกขาบท
[๓๒] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ที่เขาไม่ได้ปวารณาไว้ก่อน
เข้าไปหาพวกคฤหัสถ์ผู้ไม่ใช่ญาติ แล้วกำหนดชนิดจีวร ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุปนันทศากยบุตร
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนันทศากยบุตรที่เขาไม่ได้ปวารณาเอาไว้ก่อน
เข้าไปหาพวกคฤหัสถ์ผู้ไม่ใช่ญาติ แล้วกำหนดชนิดจีวร
ในทุติยอุปักขฏสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๑๐. ราชสิกขาบท
[๓๓] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ให้เขาจัดจีวรสำเร็จได้ ด้วย
การทวงเกิน ๓ ครั้ง ยืนเกิน ๖ ครั้ง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุปนันทศากยบุตร
ถาม : เพราะเรื่องอะไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. นิสสัคคิยกัณฑ์ รวมสิกขาบทที่มีในกฐินวรรค
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนันทศากยบุตรอันอุบาสกบอกว่า “โปรดรอ
สักวันหนึ่งเถิด ขอรับ” ก็ไม่ยอมรอ
ในราชสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ
กฐินวรรคที่ ๑ จบ
รวมสิกขาบทที่มีในกฐินวรรค

๑. ปฐมกฐินสิกขาบท ว่าด้วยกฐินเดาะข้อที่ ๑
๒. อุทโทสิตสิกขาบท ว่าด้วยภิกษุเก็บจีวรไว้ในโรงเก็บของ
(ว่าด้วยกฐินเดาะข้อที่ ๒)
๓. ตติยกฐินสิกขาบท ว่าด้วยกฐินเดาะข้อที่ ๓
๔. ปุราณจีวรสิกขาบท ว่าด้วยการให้ซักจีวรเก่า
๕. จีวรปฏิคคหณสิกขาบท ว่าด้วยการรับจีวร
๖. อัญญาตกวิญญัตติสิกขาบท ว่าด้วยการออกปากขอคฤหัสถ์
ผู้ไม่ใช่ญาติ
๗. ตตุตตริสิกขาบท ว่าด้วยการออกปากขอจีวรเกิน
๘. อุปักขฏสิกขาบท ว่าด้วยคนตระเตรียมทรัพย์เป็นค่าจีวร
๙. ทุติยอุปักขฏสิกขาบท ว่าด้วยคนตระเตรียมทรัพย์เป็นค่าจีวร
ข้อที่ ๒
๑๐. ราชสิกขาบท ว่าด้วยทรัพย์เป็นค่าจีวรที่พระราชา
เป็นต้นให้ทูตนำมาถวาย


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. นิสสัคคิยกัณฑ์ ๒. โกสิยวรรค
๒. โกสิยวรรค
๑. โกสิยสิกขาบท
[๓๔] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ใช้ให้ทำสันถัตผสมใยไหม ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ เมืองอาฬวี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์เข้าไปหาพวกช่างทอผ้าไหม กล่าวอย่าง
นี้ว่า “ท่านทั้งหลาย พวกท่านจงต้มตัวไหมจำนวนมาก ให้แก่พวกอาตมาบ้าง
พวกอาตมาต้องการจะทำสันถัตผสมใยไหม”
ในโกสิยสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๒. สุทธกาฬกสิกขาบท
[๓๕] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ใช้ให้ทำสันถัตขนเจียม
ดำล้วน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงเวสาลี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ใช้ให้ทำสันถัตขนเจียมดำล้วน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. นิสสัคคิยกัณฑ์ ๒. โกสิยวรรค
ในสุทธกาฬกสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๓. เทฺวภาคสิกขาบท
[๓๖] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ไม่เอาขนเจียมดำล้วน ๒
ส่วน ขนเจียมขาว ๑ ส่วน ขนเจียมแดง ๑ ส่วนมาปนแล้วให้ทำสันถัตใหม่ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ให้นำขนเจียมขาวหน่อยหนึ่งปนไว้ที่ชาย
สันถัต แล้วให้ทำสันถัตขนเจียมดำล้วนอย่างเดิม
ในเทฺวภาคสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๔. ฉัพพัสสสิกขาบท
[๓๗] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ใช้ให้ทำสันถัตทุกปี ณ ที่ ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปใช้ให้ทำสันถัตทุกปี
ในฉัพพัสสสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. นิสสัคคิยกัณฑ์ ๒. โกสิยวรรค
๕. นิสีทนสันถตสิกขาบท
[๓๘] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ไม่เอาสันถัตเก่า ๑ คืบ
สุคตโดยรอบมาปน แล้วใช้ให้ทำสันถัตรองนั่งใหม่ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปทิ้งสันถัตแล้วพากันสมาทานอารัญญิกธุดงค์
ปิณฑปาติกธุดงค์ ปังสุกูลิกธุดงค์
ในนิสีทนสันถตสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๖. เอฬกโลมสิกขาบท
[๓๙] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้รับขนเจียมมาแล้วเดิน
ทางไกลเกิน ๓ โยชน์ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่งรับขนเจียมแล้วนำไปเกิน ๓ โยชน์
ในเอฬกโลมสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกาย มิใช่เกิดทางวาจา
มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. นิสสัคคิยกัณฑ์ ๒. โกสิยวรรค
๗. เอฬกโลมโธวาปนสิกขาบท
[๔๐] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ใช้ภิกษุณีผู้ไม่ใช่ญาติให้ซัก
ขนเจียม ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ แคว้นสักกะ
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ใช้ภิกษุณีผู้ไม่ใช่ญาติให้ซักขนเจียม
ในเอฬกโลมโธวาปนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๘. รูปิยสิกขาบท
[๔๑] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้รับรูปิยะ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุปนันทศากยบุตร
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนันทศากยบุตรรับรูปิยะ
ในรูปิยสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๙. รูปิยสังโวหารสิกขาบท
[๔๒] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ทำการแลกเปลี่ยนกัน
ด้วยรูปิยะชนิดต่าง ๆ ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. นิสสัคคิยกัณฑ์ รวมสิกขาบทที่มีในฏกสิยวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ทำการแลกเปลี่ยนกันด้วยรูปิยะชนิด
ต่าง ๆ
ในรูปิยสังโวหารสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๑๐. กยวิกกยสิกขาบท
[๔๓] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ทำการซื้อขายมีประการ
ต่าง ๆ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุปนันทศากยบุตร
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนันทศากยบุตรทำการซื้อขายกับปริพาชก
ในกยวิกกยสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ
โกสิยวรรคที่ ๒ จบ
รวมสิกขาบทที่มีในโกสิยวรรค
๑. โกสิยสิกขาบท ว่าด้วยการทำสันถัตผสมใยไหม
๒. สุทธกาฬกสิกขาบท ว่าด้วยการทำสันถัตโดยใช้ขนเจียมดำล้วน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๓๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. นิสสัคคิยกัณฑ์ ๓. ปัตตวรรค

๓. เทฺวภาคสิกขาบท ว่าด้วยการทำสันถัตโดยใช้ขนเจียมดำ ๒ ส่วน
๔. ฉัพพัสสสิกขาบท ว่าด้วยการเก็บสันถัตไว้ ๖ ปี
๕. นิสีทนสันถัตสิกขาบท ว่าด้วยการทำสันถัตสำหรับรองนั่ง
๖. เอฬกโลมสิกขาบท ว่าด้วยการรับขนเจียม
๗. เอฬกโธวาปนสิกขาบท ว่าด้วยการให้ซักขนเจียม
๘. รูปิยสิกขาบท ว่าด้วยการรับรูปิยะ
๙. รูปิยสังโวหารสิกขาบท ว่าด้วยการแลกเปลี่ยนรูปิยะ
๑๐. กยวิกกยสิกขาบท ว่าด้วยการซื้อขาย

๓. ปัตตวรรค
๑. ปัตตสิกขาบท
[๔๔] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ทรงอติเรกบาตรไว้เกิน ๑๐ วัน ณ
ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ทรงอติเรกบาตร
ในปัตตสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่ง
อาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกายกับวาจา
มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๔๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. นิสสัคคิยกัณฑ์ ๓. ปัตตวรรค
๒. อูนปัญจพันธนสิกขาบท
[๔๕] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้มีบาตรที่มีรอยซ่อม
หย่อนกว่า ๕ แห่ง ขอบาตรใหม่ใบอื่น ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ แคว้นสักกะ
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์มีบาตรแตกเพียงเล็กน้อยบ้าง กะเทาะ
เพียงเล็กน้อยบ้าง มีรอยขูดขีดเพียงเล็กน้อยบ้าง ก็ออกปากขอบาตรใหม่เป็น
จำนวนมาก
ในอูนปัญจพันธนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๓. เภสัชชสิกขาบท
[๔๖] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้รับประเคนเภสัชแล้วเก็บ
ไว้เกิน ๗ วัน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปรับประเคนเภสัชแล้วเก็บไว้เกิน ๗ วัน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๔๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. นิสสัคคิยกัณฑ์ ๓. ปัตตวรรค
ในเภสัชชสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นกฐินสมุฏฐาน๑ ฯลฯ

๔. วัสสิกสาฏิกสิกขาบท
[๔๗] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้แสวงหาผ้าอาบน้ำฝน
เมื่อฤดูร้อนยังเหลือเกินกว่า ๑ เดือน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์แสวงหาจีวรคือผ้าอาบน้ำฝน เมื่อฤดู
ร้อนยังเหลือเกินกว่า ๑ เดือน
ในวัสสิกสาฏิกสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

เชิงอรรถ :
๑ ทางที่เกิดของอาบัติเรียกว่า “สมุฏฐาน” มี ๖ สมุฏฐาน คือ
๑. กาย ๒. วาจา
๓. กายกับวาจา ๔. กายกับจิต
๕. วาจากับจิต ๖. กายวาจากับจิต
อาบัติทั้งหมดที่เกิดในแต่ละสมุฏฐาน แบ่งเป็น ๑๓ กลุ่ม คือ
๑. ปฐมปาราชิกสมุฏฐาน ๒. อทินนาทานสมุฏฐาน
๓. สัญจริตตสมุฏฐาน ๔. สมนุภาสนสมุฏฐาน
๕. กฐินสมุฏฐาน ๖. เอฬกโลมสมุฏฐาน
๗. ปทโสธัมมสมุฏฐาน ๘. อัทธานสมุฏฐาน
๙. เถยยสัตถสมุฏฐาน ๑๐. ธัมมเทสนาสมุฏฐาน
๑๑. ภูตาโรจนสมุฏฐาน ๑๒. โจริวุฏฐานาปนสมุฏฐาน
๑๓. อนนุญญาตสมุฏฐาน
(ดูข้อ ๒๕๘-๒๗๐, วิ.อ. ๓/๒๕๘-๒๖๗/๔๒๓-๔๓๔, กงฺขา.อ. ๑๓๖-๑๓๗) สิกขาบทนี้เป็นกฐินสมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐานที่ ๓ คือกายกับวาจาและสมุฏฐานที่ ๖ คือกายวาจากับจิต (กงฺขา.อ. ๑๓๖)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๔๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. นิสสัคคิยกัณฑ์ ๓. ปัตตวรรค
๕. จีวรอัจฉินทนสิกขาบท
[๔๘] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ให้จีวรแก่ภิกษุเองแล้วโกรธ
ไม่พอใจชิงเอาคืนมา ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุปนันทศากยบุตร
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนันทศากยบุตรให้จีวรแก่ภิกษุเองแล้วโกรธ
ไม่พอใจชิงเอาคืนมา
ในจีวรอัจฉินทนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๖. สุตตวิญญัตติสิกขาบท
[๔๙] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ออกปากขอด้ายมาเอง
แล้วใช้ช่างหูกให้ทอจีวร ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ออกปากขอด้ายมาเองแล้วใช้ช่างหูก
ให้ทอจีวร
ในสุตตวิญญัตติสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๔๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. นิสสัคคิยกัณฑ์ ๓. ปัตตวรรค
๗. มหาเปสการสิกขาบท
[๕๐] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ที่เขาไม่ได้ปวารณาไว้ก่อน
เข้าไปหาช่างหูกของคฤหัสถ์ผู้ไม่ใช่ญาติแล้วกำหนดชนิดจีวร ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุปนันทศากยบุตร
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนันทศากยบุตรที่เขาไม่ได้ปวารณาไว้ก่อน
เข้าไปหาช่างหูกของคฤหัสถ์ผู้ไม่ใช่ญาติแล้วกำหนดชนิดจีวร
ในมหาเปสการสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๘. อัจเจกจีวรสิกขาบท
[๕๑] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้รับอัจเจกจีวรแล้วเก็บไว้
เกินสมัยจีวรกาล ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปรับอัจเจกจีวรแล้วเก็บไว้เกินสมัยจีวรกาล
ในอัจเจกจีวรสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นกฐินสมุฏฐาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๔๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๔. นิสสัคคิยกัณฑ์ ๓. ปัตตวรรค
๙. สาสังกสิกขาบท
[๕๒] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้เก็บไตรจีวรผืนใดผืนหนึ่ง
ไว้ในละแวกบ้าน แล้วอยู่ปราศเกิน ๖ คืน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปเก็บไตรจีวรผืนใดผืนหนึ่งไว้ในละแวกบ้าน แล้ว
อยู่ปราศเกิน ๖ คืน
ในสาสังกสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นกฐินสมุฏฐาน ฯลฯ

๑๐. ปริณตสิกขาบท
[๕๓] ถาม : ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ น้อมลาภที่เขาน้อม
ไว้เป็นของจะถวายสงฆ์มาเพื่อตน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถอบ : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์รู้อยู่น้อมลาภที่เขาน้อมไว้เป็นของจะ
ถวายสงฆ์มาเพื่อตน
ในปริณตสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ
ปัตตวรรคที่ ๓ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๔๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๑. มุสาวาทวรรค
รวมสิกขาบทที่มีในปัตตวรรค

๑. ปัตตสิกขาบท ว่าด้วยบาตร
๒. อูนปัญจพันธนสิกขาบท ว่าด้วยบาตรมีรอยซ่อมหย่อนกว่า ๕ แห่ง
๓. เภสัชชสิกขาบท ว่าด้วยเภสัช
๔. วัสสิกสาฏิกสิกขาบท ว่าด้วยผ้าอาบน้ำฝน
๕. จีวรอัจฉินทนสิกขาบท ว่าด้วยการให้จีวรแล้วชิงเอาคืน
๖. สุตตวิญญัตติสิกขาบท ว่าด้วยการออกปากขอด้าย
๗. มหาเปสการสิกขาบท ว่าด้วยการสั่งช่างหูกทอจีวร
๘. อัจเจกจีวรสิกขาบท ว่าด้วยอัจเจกจีวร
๙. สาสังกสิกขาบท ว่าด้วยเสนาสนะป่าที่น่าหวาดระแวง
๑๐. ปริณตสิกขาบท ว่าด้วยการน้อมลาภ

นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๓๐ สิกขาบท จบ

๕. ปาจิตติยกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสถานที่บัญญัติเป็นต้นในปาจิตติยกัณฑ์
๑. มุสาวาทวรรค
๑. มุสาวาทสิกขาบท
[๕๔] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์เพราะกล่าวเท็จทั้งที่รู้ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระหัตถกศากยบุตร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๔๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๑. มุสาวาทวรรค
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระหัตถกศากยบุตรเจรจากับพวกเดียรถีย์ปฏิเสธแล้วรับ
รับแล้วปฏิเสธ
ในมุสาวาทสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิด
ทางวาจา (๒) เกิดทางวาจากับจิต มิใช่เกิดทางกาย (๓) เกิดทางกายวาจากับจิต
ฯลฯ

๒. โอมสวาทสิกขาบท
[๕๕] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์เพราะกล่าวเสียดสี ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ทะเลาะกับภิกษุผู้มีศีลดีงามทั้งหลาย
กล่าวเสียดสีภิกษุผู้มีศีลดีงามทั้งหลาย
ในโอมสวาทสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๓. เปสุญญสิกขาบท
[๕๖] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์เพราะกล่าวส่อเสียดภิกษุ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๔๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๑. มุสาวาทวรรค
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ ไปยุแหย่พวกภิกษุผู้บาดหมางกัน
ทะเลาะกัน วิวาทกัน
ในเปสุญญสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๔. ปทโสธัมมสิกขาบท
[๕๗] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้สอนอนุปสัมบันให้กล่าวธรรมแข่งกัน
เป็นบท ๆ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์สอนพวกอุบาสกให้กล่าวธรรมแข่ง
กันเป็นบท ๆ
ในปทโสธัมมสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางวาจา มิใช่เกิดทางกาย
มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางวาจากับจิต มิใช่เกิดทางกาย ฯลฯ

๕. สหเสยยสิกขาบท
[๕๘] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้นอนร่วมกับอนุปสัมบันเกิน ๒-
๓ คืน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ เมืองอาฬวี
ถาม : ทรงปรารภใคร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๔๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๑. มุสาวาทวรรค
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปนอนร่วมกับอนุปสัมบัน
ในสหเสยยสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกาย
มิใช่เกิดทางวาจา มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

๖. ทุติยสหเสยยสิกขาบท
[๕๙] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้นอนร่วมกับมาตุคาม ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอนุรุทธะ
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอนุรุทธะนอนร่วมกับมาตุคาม
ในทุติยสหเสยยสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

๗. ธัมมเทสนาสิกขาบท
[๖๐] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้แสดงธรรมแก่มาตุคามเกิน ๕-๖
คำ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุทายี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๔๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๑. มุสาวาทวรรค
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีแสดงธรรมแก่มาตุคาม
ในธัมมเทสนาสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๒ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นปทโสธัมม
สมุฏฐาน ฯลฯ

๘. ภูตาโรจนสิกขาบท
[๖๑] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้บอกอุตตริมนุสสธรรมที่มีจริงแก่
อนุปสัมบัน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงเวสาลี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุชาวฝั่งแม่น้ำวัคคุมุทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุชาวฝั่งแม่น้ำวัคคุมุทากล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรม
ของกันและกันให้พวกคฤหัสถ์ฟัง
ในภูตาโรจนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกาย มิใช่เกิดทางวาจา
มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางวาจา มิใช่เกิดทางกาย มิใช่เกิดทางจิต (๓) เกิดทาง
กายกับวาจา มิใช่เกิดทางจิต ฯลฯ

๙. ทุฏฐุลลาโรจนสิกขาบท
[๖๒] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้บอกอาบัติชั่วหยาบของภิกษุแก่
อนุปสัมบัน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๕๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ รวมสิกขาบทที่มีใรมุสาวาทวรรค
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์บอกอาบัติชั่วหยาบของภิกษุแก่อนุปสัมบัน
ในทุฏฐุลลาโรจนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน เป็นอทินนาทานสมุฏฐาน ฯลฯ

๑๐. ปฐวีขณนสิกขาบท
[๖๓] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ขุดดิน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ เมืองอาฬวี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุชาวเมืองอาฬวี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุชาวเมืองอาฬวีขุดดิน
ในปฐวีขณนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ
มุสาวาทวรรคที่ ๑ จบ

รวมสิกขาบทที่มีในมุสาวาทวรรค

๑. มุสาวาทสิกขาบท ว่าด้วยการกล่าวเท็จ
๒. โอมสวาทสิกขาบท ว่าด้วยการกล่าวเสียดสี
๓. เปสุญญสิกขาบท ว่าด้วยการกล่าวส่อเสียด
๔. ปทโสธัมมสิกขาบท ว่าด้วยการสอนให้กล่าวธรรมแข่งกันเป็นบท ๆ
๕. สหเสยยสิกขาบท ว่าด้วยการนอนร่วมกัน
๖. ทุติยสหเสยยสิกขาบท ว่าด้วยการนอนร่วมกันข้อที่ ๒


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๕๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๒. ภูตคามวรรค
๗. ธัมมเทสนาสิกขาบท ว่าด้วยการแสดงธรรม
๘. ภูตาโรจนสิกขาบท ว่าด้วยการบอกอุตตริมนุสสธรรมที่มีจริง
๙. ทุฏฐุลลาโรจนสิกขาบท ว่าด้วยการบอกอาบัติชั่วหยาบ
๑๐. ปฐวีขณนสิกขาบท ว่าด้วยการขุดดิน

๒. ภูตคามวรรค
๑. ภูตคามสิกขาบท
[๖๔] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์เพราะพรากภูตคาม ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ เมืองอาฬวี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุชาวเมืองอาฬวี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุชาวเมืองอาฬวีตัดต้นไม้
ในภูตคามสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๒. อัญญวาทกสิกขาบท
[๖๕] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์เพราะนำเอาเรื่องอื่นมากล่าวกลบเกลื่อน เพราะ
ทำสงฆ์ให้ลำบาก ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงโกสัมพี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระฉันนะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๕๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๒. ภูตคามวรรค
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระฉันนะถูกไต่สวนอาบัติท่ามกลางสงฆ์กลับนำเอา
เรื่องอื่นมากล่าวกลบเกลื่อน
ในอัญญวาทกสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๓. อุชฌาปนกสิกขาบท
[๖๖] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์เพราะกล่าวให้ผู้อื่นเพ่งโทษ เพราะบ่นว่า ณ
ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพระเมตติยะและพระภุมมชกะ
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พระเมตติยะและพระภุมมชกะกล่าวให้ภิกษุทั้งหลายเพ่งโทษ
ท่านพระทัพพมัลลบุตร
ในอุชฌาปนกสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๔. ปฐมเสนาสนสิกขาบท
[๖๗] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้วางเตียง ตั่ง ฟูก หรือเก้าอี้ของ
สงฆ์ในที่กลางแจ้งแล้ว ไม่เก็บไม่บอกมอบหมายแล้วพากันจากไป ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๕๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๒. ภูตคามวรรค
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปจัดตั้งเสนาสนะของสงฆ์ในที่กลางแจ้งแล้ว
ไม่เก็บ ไม่บอกมอบหมายแล้วพากันจากไป
ในปฐมเสนาสนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นกฐินสมุฏฐาน
ฯลฯ

๕. ทุติยเสนาสนสิกขาบท
[๖๘] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ปูที่นอนในวิหารของสงฆ์แล้วไม่เก็บ
ไม่บอกมอบหมายแล้วจากไป ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุสัตตรสวัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุสัตตรสวัคคีย์ปูที่นอนในวิหารของสงฆ์แล้วไม่เก็บ
ไม่บอกมอบหมายแล้วพากันจากไป
ในทุติยเสนาสนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นกฐินสมุฏฐาน ฯลฯ

๖. อนุปขัชชสิกขาบท
[๖๙] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ เข้าไปนอนแทรกแซงภิกษุผู้
เข้าไปอยู่ในวิหารของสงฆ์ก่อน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๕๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๒. ภูตคามวรรค
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์เข้าไปนอนแทรกแซงพวกภิกษุผู้เถระ
ในอนุปขัชชสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
ฯลฯ

๗. นิกกัฑฒนสิกขาบท
[๗๐] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้โกรธ ไม่พอใจฉุดลากภิกษุออกจาก
วิหารของสงฆ์ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์โกรธ ไม่พอใจ ฉุดลากภิกษุทั้งหลาย
ออกจากวิหารของสงฆ์
ในนิกกัฑฒนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๘. เวหาสกุฏิสิกขาบท
[๗๑] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้นั่งบนเตียง หรือบนตั่งอันมี
เท้าเสียบบนกุฎีชั้นลอยในวิหารของสงฆ์ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๕๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๒. ภูตคามวรรค
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่งนั่งอย่างแรงบนเตียงที่มีเท้าเสียบบนกุฎีชั้นลอย
ในวิหารของสงฆ์
ในเวหาสกุฏิสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกาย มิใช่เกิดทางวาจา
มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

๙. มหัลลกวิหารสิกขาบท
[๗๒] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ดำเนินการมุงหลังคา(วิหาร) ๒-๓
ชั้น แล้วดำเนินการเกินกว่านั้น ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงโกสัมพี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระฉันนะ
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระฉันนะให้มุงให้ฉาบทาวิหารที่สร้างเสร็จแล้วหลาย ๆ
ครั้ง วิหารมีน้ำหนักมาก จึงพังลงมา
ในมหัลลกวิหารสิกขาบทนี้ มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๑๐. สัปปาณกสิกขาบท
[๗๓] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ว่าน้ำมีสิ่งมีชีวิต รดหญ้าหรือ
ดิน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ เมืองอาฬวี
ถาม : ทรงปรารภใคร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๕๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๓. โอวาทวรรค
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุชาวเมืองอาฬวี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุชาวเมืองอาฬวีรู้อยู่ว่าน้ำมีสิ่งมีชีวิต รดหญ้าหรือดิน
ในสัปปาณกสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ
ภูตคามวรรคที่ ๒ จบ

รวมสิกขาบทที่มีในภูตคามวรรค

๑. ภูตคามสิกขาบท ว่าด้วยการพรากภูตคาม
๒. อัญญวาทกสิกขาบท ว่าด้วยการกล่าวกลบเกลื่อน
๓. อุชฌาปนกสิกขาบท ว่าด้วยการกล่าวให้เพ่งโทษ
๔. ปฐมเสนาสนสิกขาบท ว่าด้วยเสนาสนะข้อที่ ๑
๕. ทุติยเสนาสนสิกขาบท ว่าด้วยเสนาสนะข้อที่ ๒
๖. อนุปขัชชสิกขาบท ว่าด้วยการเข้าไปแทรกแซง
๗. นิกกัฑฒนสิกขาบท ว่าด้วยการฉุดลากออก
๘. เวหาสกุฏิสิกขาบท ว่าด้วยกุฎีชั้นลอย
๙. มหัลลกวิหารสิกขาบท ว่าด้วยการสร้างวิหารใหญ่
๑๐. สัปปาณกสิกขาบท ว่าด้วยสิ่งมีชีวิต

๓. โอวาทวรรค
๑. โอวาทสิกขาบท
[๗๔] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ไม่ได้รับแต่งตั้ง สั่งสอนภิกษุณีทั้งหลาย ณ
ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๕๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๓. โอวาทวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ไม่ได้รับแต่งตั้งสั่งสอนภิกษุณีทั้งหลาย
ถาม : ในโอวาทสิกขาบทนั้น มีพระบัญญัติ พระอนุบัญญัติและอนุปปันนบัญญัติ
อยู่หรือ
ตอบ : ในโอวาทสิกขาบทนั้นมี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ ไม่มี
อนุปปันนบัญญัติ
บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน คือ
(๑) เกิดทางวาจา มิใช่เกิดทางกาย มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางวาจากับจิต มิใช่
เกิดทางกาย ฯลฯ

๒. อัตถังคตสิกขาบท
[๗๕] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้เมื่อดวงอาทิตย์อัสดงแล้ว ยังสั่งสอน
ภิกษุณีทั้งหลายอยู่ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระจูฬปันถก
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระจูฬปันถกเมื่อดวงอาทิตย์อัสดงแล้วยังสั่งสอนภิกษุณี
ทั้งหลายอยู่
ในอัตถังคตสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นปทโสธัมมสมุฏฐาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๕๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๓. โอวาทวรรค
๓. ภิกขุนูปัสสยสิกขาบท
[๗๖] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้เข้าไปที่สำนักภิกษุณีแล้วสั่งสอน
ภิกษุณีทั้งหลาย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ แคว้นสักกะ
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์เข้าไปที่สำนักภิกษุณีแล้วสั่งสอน
ภิกษุณี ทั้งหลาย
ในภิกขุนูปัสสยสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นกฐิน
สมุฏฐาน ฯลฯ

๔. อามิสสิกขาบท
[๗๗] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้กล่าวว่า “ภิกษุ(ผู้เถระ)ทั้งหลาย
สั่งสอนภิกษุณีทั้งหลายเพราะเห็นแก่อามิส ณ ที่ไหน”
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์กล่าวว่า “ภิกษุ(ผู้เถระ)ทั้งหลายสั่งสอน
ภิกษุณีทั้งหลายเพราะเห็นแก่อามิส”
ในอามิสสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๕๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๓. โอวาทวรรค
๕. จีวรทานสิกขาบท
[๗๘] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ให้จีวรแก่ภิกษุณีผู้ไม่ใช่ญาติ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่งได้ให้จีวรแก่ภิกษุณีผู้ไม่ใช่ญาติ
ในจีวรทานสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๖. จีวรสิพพนสิกขาบท
[๗๙] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้เย็บจีวรให้ภิกษุณีผู้ไม่ใช่ญาติ ณ
ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุทายี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีเย็บจีวรให้ภิกษุณีผู้ไม่ใช่ญาติ
ในจีวรสิพพนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๗. สังวิธานสิกขาบท
[๘๐] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ชักชวนกันเดินทางไกลร่วมกันกับ
ภิกษุณี ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๖๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๓. โอวาทวรรค
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ชักชวนกันเดินทางไกลร่วมกันกับภิกษุณี
ในสังวิธานสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกาย
มิใช่เกิดทางวาจา มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางกายกับวาจา มิใช่เกิดทางจิต
(๓) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา (๔) เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

๘. นาวาภิรูหนสิกขาบท
[๘๑] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ชักชวนภิกษุณีโดยสารเรือลำเดียวกัน
ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ชักชวนภิกษุณีโดยสารเรือลำเดียวกัน
ในนาวาภิรูหนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ สมุฏฐาน ฯลฯ

๙. ปริปาจิตสิกขาบท
[๘๒] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ ฉันบิณฑบาตที่ภิกษุณีแนะนำ
ให้จัดเตรียม ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๖๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ รวมสิกขาบทที่มีในโอวาทวรรค
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพระเทวทัต
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พระเทวทัตรู้อยู่ ฉันบิณฑบาตที่ภิกษุณีแนะนำให้จัดเตรียม
ในปริปาจิตสิกขาบทนั้นมี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต
มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

๑๐. รโหนิสัชชสิกขาบท
[๘๓] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้นั่งในที่ลับกับภิกษุณีสองต่อสอง ณ
ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุทายี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีนั่งในที่ลับกับภิกษุณีสองต่อสอง
ในรโหนิสัชชสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
ฯลฯ
โอวาทวรรคที่ ๓ จบ

รวมสิกขาบทที่มีในโอวาทวรรค
๑. โอวาทสิกขาบท ว่าด้วยการสั่งสอนภิกษุณี
๒. อัตถังคตสิกขาบท ว่าด้วยการสั่งสอนภิกษุณีในเวลาที่ดวงอาทิตย์
อัสดงแล้ว

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๖๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๔. โภชนวรรค

๓. ภิกขุนูปัสสยสิกขาบท ว่าด้วยการไปสั่งสอนภิกษุณีถึงที่สำนัก
๔. อามิสสิกขาบท ว่าด้วยการสั่งสอนภิกษุณีเพราะเห็นแก่อามิส
๕. จีวรทานสิกขาบท ว่าด้วยการถวายจีวร
๖. จีวรสิพพนสิกขาบท ว่าด้วยการเย็บจีวรให้ภิกษุณี
๗. สังวิธานสิกขาบท ว่าด้วยการชักชวนเดินทางร่วมกัน
๘. นาวาภิรูหนสิกขาบท ว่าด้วยการโดยสารเรือลำเดียวกัน
๙. ปริปาจิตสิกขาบท ว่าด้วยการฉันบิณฑบาตที่ภิกษุณีแนะนำให้จัด
เตรียม
๑๐. รโหนิสัชชสิกขาบท ว่าด้วยการนั่งในที่ลับ

๔. โภชนวรรค
๑. อาวสถปิณฑสิกขาบท
[๘๔] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้อยู่ฉันภัตตาหารในที่พักแรมเกินกว่าหนึ่งมื้อ ณ
ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์อยู่ฉันภัตตาหารในที่พักแรมเป็นประจำ
ในอาวสถปิณฑสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลม
สมุฏฐาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๖๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๔. โภชนวรรค
๒. คณโภชนสิกขาบท
[๘๕] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ เพราะฉันคณโภชนะ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพระเทวทัต
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พระเทวทัตพร้อมด้วยบริษัทพากันออกปากขอภัตตาหารใน
ตระกูลทั้งหลายมาฉัน
ในคณโภชนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๗ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลม
สมุฏฐาน ฯลฯ

๓. ปรัมปรโภชนสิกขาบท
[๘๖] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ เพราะฉันปรัมปรโภชนะ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงเวสาลี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปรับนิมนต์ไว้ในที่หนึ่งแล้วไปฉันในที่อีกแห่งหนึ่ง
ในปรัมปรโภชนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๔ พระอนุบัญญัติ๑ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นกฐินสมุฏฐาน
ฯลฯ

เชิงอรรถ :
๑ บาลีเป็น ๓ พระอนุบัญญัติ ในที่นี้แปลตามบาลีเก่าว่า “๔ พระอนุบัญญัติ” (วิ.มหา. (แปล) ๒/๒๒๖/๓๘๔
และดู สารตฺถ.ฏีกา ๓/๒๒๖/๗๐, วิมติ.ฏีกา ๒/๒๒๑/๓๘, กงฺขา.ฏีกา ๔๐๔)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๖๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๔. โภชนวรรค
๔. กาณมาตุสิกขาบท
[๘๗] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้รับขนมเต็ม ๒-๓ บาตรแล้วรับ
เกินกว่านั้น ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปรับโดยไม่รู้ประมาณ
ในกาณมาตุสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๕. ปฐมปวารณาสิกขาบท
[๘๘] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ฉันแล้ว บอกห้ามภัตตาหารแล้ว
ฉันของเคี้ยวหรือของฉันที่ไม่เป็นเดน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปฉันแล้ว บอกห้ามภัตตาหารแล้ว ไปฉันที่อื่นอีก
ในปฐมปวารณาสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นกฐินสมุฏฐาน
ฯลฯ

๖. ทุติยปวารณาสิกขาบท
[๘๙] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้นำของเคี้ยวหรือของฉันที่ไม่เป็นเดน
ไปปวารณาภิกษุผู้ฉันแล้วบอกห้ามภัตตาหารแล้ว ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๖๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๔. โภชนวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่งนำของฉันที่ไม่เป็นเดนไปปวารณาภิกษุผู้ฉันแล้ว
บอกห้ามภัตตาหารแล้ว(ให้ฉันอีก)
ในทุติยปวารณาสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๗. วิกาลโภชนสิกขาบท
[๙๐] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ฉันของเคี้ยวหรือของฉันในเวลา
วิกาล ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุสัตตรสวัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุสัตตรสวัคคีย์ฉันภัตตาหารในเวลาวิกาล
ในวิกาลโภชนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

๘. สันนิธิการกสิกขาบท
[๙๑] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ฉันของเคี้ยวหรือของฉันที่เก็บ
สะสมไว้ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๖๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๔. โภชนวรรค
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระเวลัฏฐสีสะ
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระเวลัฏฐสีสะฉันโภชนะที่เก็บสะสมไว้
ในสันนิธิการกสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

๙. ปณีตโภชนสิกขาบท
[๙๒] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ออกปากขอโภชนะอันประณีตมา
เพื่อตนแล้วฉัน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ออกปากขอโภชนะอันประณีตมาเพื่อตน
แล้วฉัน
ในปณีตโภชนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ สมุฏฐาน ฯลฯ

๑๐. ทันตโปนสิกขาบท
[๙๓] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้กลืนอาหารที่ยังไม่มีผู้ถวายให้ล่วง
ลำคอ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงเวสาลี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๖๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๕. อเจลกวรรค
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่งกลืนอาหารที่ยังไม่มีผู้ถวาย ให้ล่วงลำคอ
ในทันตโปนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลม
สมุฏฐาน ฯลฯ
โภชนวรรคที่ ๔ จบ

รวมสิกขาบทที่มีในโภชนวรรค

๑. อาวสถปิณฑสิกขาบท ว่าด้วยการฉันภัตตาหารในที่พักแรม
๒. คณโภชนสิกขาบท ว่าด้วยการฉันคณโภชนะ
๓. ปรัมปรโภชนสิกขาบท ว่าด้วยการฉันปรัมปรโภชนะ
๔. กาณมาตุสิกขาบท ว่าด้วยมารดาของนางกาณา
๕. ปฐมปวารณาสิกขาบท ว่าด้วยการบอกห้ามภัตตาหารข้อที่ ๑
๖. ทุติยปวารณาสิกขาบท ว่าด้วยการบอกห้ามภัตตาหารข้อที่ ๒
๗. วิกาลโภชนสิกขาบท ว่าด้วยการฉันโภชนะในเวลาวิกาล
๘. สันนิธิการกสิกขาบท ว่าด้วยการสะสมโภชนะ
๙. ปณีตโภชนสิกขาบท ว่าด้วยการออกปากขอโภชนะอันประณีต
๑๐. ทันตโปนสิกขาบท ว่าด้วยการรับประเคนอาหารนอกจากน้ำและ
ไม้ชำระฟัน

๕. อเจลกวรรค
๑. อเจลกสิกขาบท
[๙๔] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ให้ของเคี้ยวหรือของฉันแก่อเจลกปริพาชกหรือ
ปริพาชิกาด้วยมือตน ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๖๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๕. อเจลกวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงเวสาลี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอานนท์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอานนท์แจกขนมให้ปริพาชิกาคนหนึ่ง ๒ ชิ้นด้วย
สำคัญว่าเป็นชิ้นเดียว
ในอเจลกสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

๒. อุยโยชนสิกขาบท
[๙๕] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้กล่าวชักชวนภิกษุว่า “ท่านจงมา
เถิด พวกเราจะเข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้านหรือในนิคม” แล้วให้ทายกถวายหรือไม่ให้
ทายกถวายแก่ภิกษุนั้นแล้วนิมนต์กลับ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุปนันทศากยบุตร
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนันทศากยบุตรกล่าวชักชวนภิกษุว่า “ท่านจง
มาเถิด พวกเราจะเข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้านหรือในนิคม” แล้วไม่ให้ทายกถวายแก่
ภิกษุนั้น แล้วนิมนต์กลับ
ในอุยโยชนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๓. สโภชนสิกขาบท
[๙๖] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้เข้าไปนั่งแทรกแซงในตระกูลที่มีคน
๒ คน ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๖๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๕. อเจลกวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุปนันทศากยบุตร
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนันทศากยบุตรเข้าไปนั่งแทรกแซงในตระกูลที่มี
คน ๒ คน
ในสโภชนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
ฯลฯ

๔. รโหปฏิจฉันนสิกขาบท
[๙๗] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้นั่งบนอาสนะที่กำบังในที่ลับกับ
มาตุคาม ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุปนันทศากยบุตร
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนันทศากยบุตรนั่งบนอาสนะที่กำบังในที่ลับกับ
มาตุคาม
ในรโหปฏิจฉันนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทาง
วาจา ฯลฯ

๕. รโหนิสัชชสิกขาบท
[๙๘] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้นั่งในที่ลับกับมาตุคามสองต่อสอง
ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๗๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๕. อเจลกวรรค
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุปนันทศากยบุตร
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนันทศากยบุตรนั่งในที่ลับกับมาตุคามสองต่อ
สอง
ในรโหนิสัชชสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
ฯลฯ

๖. จาริตตสิกขาบท
[๙๙] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้รับนิมนต์ไว้แล้ว มีภัตตาหารอยู่แล้ว
ไม่บอกลาภิกษุที่มีอยู่ เที่ยวสัญจรไปในตระกูลทั้งหลายก่อนเวลาฉันภัตตาหาร หรือ
หลังเวลาฉันภัตตาหาร ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุปนันทศากยบุตร
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนันทศากยบุตรรับนิมนต์ไว้แล้ว มีภัตตาหาร
อยู่แล้ว ยังเที่ยวสัญจรไปในตระกูลทั้งหลาย ก่อนเวลาฉันภัตตาหาร หลังเวลาฉัน
ภัตตาหาร
ในจาริตตสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๔ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นกฐินสมุฏฐาน ฯลฯ

๗. มหานามสิกขาบท
[๑๐๐] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ออกปากขอเภสัชเกินกว่ากำหนดนั้น
ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๗๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๕. อเจลกวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ แคว้นสักกะ
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พระเจ้ามหานามศากยะขอร้องพวกภิกษุฉัพพัคคีย์ว่า “พระ
คุณเจ้าทั้งหลาย วันนี้ พระคุณเจ้าโปรดรอก่อน” ก็รอไม่ได้
ในมหานามสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๘. อุยยุตตเสนาสิกขาบท
[๑๐๑] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ไปดูกองทัพที่เคลื่อนขบวนออกรบ
ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ไปดูกองทัพที่เคลื่อนขบวนรบ
ในอุยยุตตเสนาสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลม
สมุฏฐาน ฯลฯ

๙. เสนาวาสสิกขาบท
[๑๐๒] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้อยู่พักแรมในกองทัพเกินกว่า ๓ คืน
ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๗๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ รวมสิกขาบทที่มีในอเจลกวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์อยู่พักแรมในกองทัพเกินกว่า ๓ คืน
ในเสนาวาสสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

๑๐. อุยโยธิกสิกขาบท
[๑๐๓] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ไปสู่สนามรบ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ไปสู่สนามรบ
ในอุยโยธิกสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ
อเจลกวรรคที่ ๕ จบ

รวมสิกขาบทที่มีในอเจลกวรรค

๑. อเจลกสิกขาบท ว่าด้วยนักบวชเปลือย
๒. อุยโยชนสิกขาบท ว่าด้วยการส่งกลับ
๓. สโภชนสิกขาบท ว่าด้วยการเข้าไปแทรกแซงในที่ที่มีคน ๒ คน
๔. รโหปฏิจฉันนสิกขาบท ว่าด้วยการนั่งในที่ลับที่มีสิ่งกำบัง


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๗๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๖. สุราปานวรรค

๕. รโหนิสัชชสิกขาบท ว่าด้วยการนั่งในที่ลับ
๖. จาริตตสิกขาบท ว่าด้วยการเที่ยวสัญจรไป
๗. มหานามสิกขาบท ว่าด้วยพระเจ้ามหานามศากยะ
๘. อุยยุตตเสนาสิกขาบท ว่าด้วยกองทัพที่เคลื่อนขบวนออกรบ
๙. เสนาวาสสิกขาบท ว่าด้วยการพักอยู่ในกองทัพ
๑๐. อุยโยธิกสิกขาบท ว่าด้วยการไปสู่สนามรบ

๖. สุราปานวรรค
๑. สุราปานสิกขาบท
[๑๐๔] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์เพราะดื่มสุราและเมรัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงโกสัมพี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระสาคตะ
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระสาคตะดื่มน้ำเมา
ในสุราปานสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกาย มิใช่เกิดทางวาจา
มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

๒. อังคุลิปโตทกสิกขาบท
[๑๐๕] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์เพราะใช้นิ้วมือจี้ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๗๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๖. สุราปานวรรค
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ใช้นิ้วมือจี้ภิกษุให้หัวเราะ
ในอังคุลิปโตทกสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
ฯลฯ

๓. หัสสธัมมสิกขาบท
[๑๐๖] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์เพราะเล่นน้ำ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุสัตตรสวัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุสัตตรสวัคคีย์เล่นน้ำในแม่น้ำอจิรวดี
ในหัสสธัมมสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
ฯลฯ

๔. อนาทริยสิกขาบท
[๑๐๗] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์เพราะไม่เอื้อเฟื้อ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงโกสัมพี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระฉันนะ
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระฉันนะทำความไม่เอื้อเฟื้อ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๗๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๖. สุราปานวรรค
ในอนาทริยสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๕. ภิงสาปนสิกขาบท
[๑๐๘] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ทำให้ภิกษุตกใจ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ทำให้ภิกษุตกใจ
ในภิงสาปนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๖. โชติกสิกขาบท
[๑๐๙] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ก่อไฟผิง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ ภัคคชนบท
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปช่วยกันก่อไฟผิง
ในโชติกสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๒ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๗. นหานสิกขาบท
[๑๑๐] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้เมื่อยังไม่ถึงครึ่งเดือน อาบน้ำ ณ
ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๗๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๖. สุราปานวรรค
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูป แม้เห็นพระราชาแล้วก็ยังอาบน้ำไม่รู้ความ
พอดี
ในนหานสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๖ พระอนุบัญญัติ
ถาม : มีสัพพัตถบัญญัติ ปเทสบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีปเทสบัญญัติ
บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็น
เอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

๘. ทุพพัณณกรณสิกขาบท
[๑๑๑] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ได้จีวรใหม่แล้ว ไม่ใช้วัตถุที่ทำ
ให้เสียสี ๓ ชนิดอย่างใดอย่างหนึ่ง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปจำจีวรของตนไม่ได้
ในทุพพัณณกรณสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นเอฬกโลมสมุฏฐาน ฯลฯ

๙. วิกัปปนสิกขาบท
[๑๑๒] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้วิกัปจีวรด้วยตนเองให้แก่ภิกษุ
หรือแก่ภิกษุณี หรือแก่สิกขมานา หรือแก่สามเณร หรือแก่สามเณรี แล้วใช้สอยจีวร
ที่ยังมิได้ปัจจุทธรณ์ ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๗๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ รวมสิกขาที่มีในสุราปานวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุปนันทศากยบุตร
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนันทศากยบุตรวิกัปจีวรด้วยตนเองแก่ภิกษุแล้ว
ใช้สอยจีวรที่ยังมิได้ปัจจุทธรณ์
ในวิกัปปนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นกฐินสมุฏฐาน ฯลฯ

๑๐. จีวรอปนิธานสิกขาบท
[๑๑๓] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้เอาบาตร หรือจีวร ผ้าปูนั่ง กล่อง
เข็ม หรือประคดเอวของภิกษุไปซ่อน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์เอาบาตรบ้าง จีวรบ้าง ผ้าปูนั่งบ้าง
กล่องเข็มบ้าง ประคดเอวบ้างของภิกษุไปซ่อน
ในจีวรอปนิธานสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ
สุราเมรยวรรคที่ ๖ จบ

รวมสิกขาบทที่มีในสุราปานวรรค
๑. สุราปานสิกขาบท ว่าด้วยการดื่มสุราและเมรัย
๒. อังคุลิปโตทกสิกขาบท ว่าด้วยการใช้นิ้วมือจี้กันและกัน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๗๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๗. สัปปาณกวรรค

๓. หัสสธัมมสิกขาบท ว่าด้วยการเล่นน้ำ
๔. อนาทริยสิกขาบท ว่าด้วยการไม่เอื้อเฟื้อต่อคำตักเตือน
๕. ภิงสาปนสิกขาบท ว่าด้วยการทำให้ตกใจ
๖. โชติกสิกขาบท ว่าด้วยการก่อไฟผิง
๗. นหานสิกขาบท ว่าด้วยการสรงน้ำนอกสมัย
๘. ทุพพัณณกรณสิกขาบท ว่าด้วยการทำจีวรใหม่ให้เสียสี
๙. วิกัปปนสิกขาบท ว่าด้วยการวิกัปจีวร
๑๐. จีวรอปนิธานสิกขาบท ว่าด้วยการซ่อนจีวร

๗. สัปปาณกวรรค
๑. สัญจิจจสิกขาบท
[๑๑๔] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้จงใจปลงชีวิตสัตว์ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุทายี
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีจงใจปลงชีวิตสัตว์
ในสัญจิจจสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๒. สัปปาณกสิกขาบท
[๑๑๕] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ว่าน้ำมีสัตว์มีชีวิต ก็ยัง
บริโภค ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๗๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๗. สัปปาณกวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์รู้อยู่ว่าน้ำมีสัตว์มีชีวิต ยังบริโภค
ในสัปปาณกสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๓. อุกโกฏนสิกขาบท
[๑๑๖] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ รื้อฟื้นอธิกรณ์ที่ตัดสินไป
แล้วอย่างถูกต้อง เพื่อพิจารณาใหม่ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถอบ : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์รู้อยู่ รื้อฟื้นอธิกรณ์ที่ตัดสินไปแล้วอย่าง
ถูกต้อง เพื่อพิจารณาใหม่
ในอุกโกฏนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๔. ทุฏฐุลลสิกขาบท
[๑๑๗] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ ปกปิดอาบัติชั่วหยาบ ณ
ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๘๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๗. สัปปาณกวรรค
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่งรู้อยู่ ปกปิดอาบัติชั่วหยาบของภิกษุ
ในทุฏฐุลลสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

๕. อูนวีสติวัสสสิกขาบท
[๑๑๘] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ อุปสมบทให้บุคคลผู้มีอายุ
หย่อนกว่า ๒๐ ปี ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปรู้อยู่ อุปสมบทให้บุคคลผู้มีอายุหย่อนกว่า
๒๐ ปี
ในอูนวีสติวัสสสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๖. เถยยสัตถสิกขาบท
[๑๑๙] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ ชักชวนกันเดินทางไกลร่วม
กับกลุ่มพ่อค้าเกวียนผู้เป็นโจร ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๘๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๗. สัปปาณกวรรค
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่งรู้อยู่ ชักชวนกันเดินทางไกลร่วมกันกับกลุ่ม
พ่อค้าเกวียนผู้เป็นโจร
ในเถยยสัตถสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิด
ทางวาจา (๒) เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

๗. สังวิธานสิกขาบท
[๑๒๐] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ชักชวนกันเดินทางไกลร่วมกันกับ
มาตุคาม ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่งชักชวนกันเดินทางไกลร่วมกันกับมาตุคาม
ในสังวิธานสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ สมุฏฐาน ฯลฯ

๘. อริฏฐสิกขาบท
[๑๒๑] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ไม่สละทิฏฐิบาป จนกระทั่งสงฆ์
สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุชื่ออริฏฐะผู้มีบรรพบุรุษเป็นพรานฆ่านกแร้ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุชื่ออริฏฐะผู้มีบรรพบุรุษเป็นพรานฆ่านกแร้งไม่สละทิฏฐิบาป
จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๘๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๗. สัปปาณกวรรค
ในอริฏฐสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

๙. อุกขิตตสัมโภคสิกขาบท
[๑๒๒] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ก็ยังคบหากับภิกษุผู้กล่าวตู่
อย่างนั้น ผู้ที่สงฆ์ยังไม่ได้ทำธรรมอันสมควร ผู้ยังไม่ยอมสละทิฏฐินั้น ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์รู้อยู่ก็ยังคบหากับภิกษุอริฏฐะผู้กล่าวตู่
อย่างนั้นผู้ที่สงฆ์ยังไม่ได้ทำธรรมอันสมควร ผู้ยังไม่สละทิฏฐินั้น
ในอุกขิตตสัมโภคสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๑๐. กัณฏกสิกขาบท
[๑๒๓] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ก็ยังปลอบโยนสมณุทเทสผู้
ถูกสงฆ์นาสนะแล้วอย่างนั้น ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์รู้อยู่ก็ยังปลอบโยนสมณุทเทสชื่อกัณฏกะ
ผู้ถูกสงฆ์นาสนะแล้วอย่างนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๘๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๘. สหธัมมิกวรรค
ในกัณฏกสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ
สัปปาณกวรรคที่ ๗ จบ

รวมสิกขาบทที่มีในสัปปาณกวรรค

๑. สัญจิจจสิกขาบท ว่าด้วยความจงใจปลงชีวิตสัตว์
๒. สัปปาณกสิกขาบท ว่าด้วยการบริโภคน้ำที่มีสัตว์มีชีวิต
๓. อุกโกฏนสิกขาบท ว่าด้วยการรื้อฟื้นอธิกรณ์ขึ้นมาพิจารณาใหม่
๔. ทุฏฐุลลสิกขาบท ว่าด้วยการปกปิดอาบัติชั่วหยาบ
๕. อูนวีสติวัสสสิกขาบท ว่าด้วยการอุปสมบทให้บุคคลมีอายุหย่อนกว่า
๒๐ ปี
๖. เถยยสัตถสิกขาบท ว่าด้วยการเดินทางไกลร่วมกับพ่อค้าเกวียนผู้
เป็นโจร
๗. สังวิธานสิกขาบท ว่าด้วยการชักชวนเดินทางไกลร่วมกับมาตุคาม
๘. อริฏฐสิกขาบท ว่าด้วยพระอริฏฐะกล่าวตู่พระผู้มีพระภาค
๙. อุกขิตตสัมโภค- ว่าด้วยการคบหาภิกษุที่ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรม
สิกขาบท
๑๐. กัณฏกสิกขาบท ว่าด้วยสมณุทเทสชื่อกัณฏกะถูกสงฆ์นาสนะ

๘. สหธัมมิกวรรค
๑. สหธัมมิกสิกขาบท
[๑๒๔] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้อันภิกษุทั้งหลายว่ากล่าวตักเตือนอยู่โดยชอบ
ธรรม กลับกล่าวว่า “ท่านทั้งหลาย กระผมจะยังไม่ศึกษาในสิกขาบทนี้ จนกว่าจะได้
สอบถามภิกษุรูปอื่นผู้ฉลาด ผู้เป็นวินัยธร” ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๘๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๘. สหธัมมิกวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงโกสัมพี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระฉันนะ
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระฉันนะผู้อันภิกษุทั้งหลายว่ากล่าวตักเตือนอยู่โดย
ชอบธรรมกลับกล่าวว่า “ท่านทั้งหลาย กระผมจะยังไม่ศึกษาในสิกขาบทนี้ จนกว่าจะได้
สอบถามภิกษุรูปอื่นผู้ฉลาด ผู้เป็นวินัยธร”
ในสหธัมมิกสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๒. วิเลขนสิกขาบท
[๑๒๕] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ดูหมิ่นพระวินัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ดูหมิ่นพระวินัย
ในวิเลขนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๓. โมหนสิกขาบท
[๑๒๖] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์เพราะแสร้งทำผู้อื่นให้หลง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๘๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๘. สหธัมมิกวรรค
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์แสร้งทำผู้อื่นให้หลง
ในโมหนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๔. ปหารสิกขาบท
[๑๒๗] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้โกรธ ไม่พอใจ ทำร้ายภิกษุ ณ
ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์โกรธ ไม่พอใจ ทำร้ายภิกษุ
ในปหารสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
ฯลฯ

๕. ตลสัตติกสิกขาบท
[๑๒๘] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้โกรธ ไม่พอใจ เงื้อหอกคือฝ่ามือ
ให้ภิกษุ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์โกรธ ไม่พอใจ เงื้อหอกคือฝ่ามือให้ภิกษุ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๘๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๘. สหธัมมิกวรรค
ในตลสัตติกสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
ฯลฯ

๖. อมูลกสิกขาบท
[๑๒๙] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ใส่ความภิกษุด้วยอาบัติสังฆาทิเสส
ที่ไม่มีมูล ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ ใส่ความภิกษุด้วยอาบัติสังฆาทิเสสที่
ไม่มีมูล
ในอมูลกสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

๗. สัญจิจจสิกขาบท
[๑๓๐] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้จงใจก่อความรำคาญให้แก่ภิกษุ
ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์จงใจก่อความรำคาญให้แก่ภิกษุ
ในสัญจิจจสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๘๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๘. สหธัมมิกวรรค
๘. อุปัสสุติสิกขาบท
[๑๓๑] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ยืนแอบฟังภิกษุทั้งหลายผู้บาด-
หมาง ทะเลาะ วิวาทกัน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ยืนแอบฟังภิกษุทั้งหลายผู้บาดหมาง
ทะเลาะวิวาทกัน
ในอุปัสสุติสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิด
ทางวาจา (๒) เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

๙. กัมมปฏิพาหนสิกขาบท
[๑๓๒] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ให้ฉันทะเพื่อกรรมที่ทำถูกต้องแล้ว
กลับติเตียนในภายหลัง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ให้ฉันทะเพื่อกรรมที่ทำถูกต้องแล้ว
กลับติเตียนในภายหลัง
ในกัมมปฏิพาหนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๘๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๘. สหธัมมิกวรรค
๑๐. ฉันทอทัตวาคมนสิกขาบท
[๑๓๓] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้เมื่อยังมีเรื่องที่ต้องวินิจฉัยอยู่ใน
สงฆ์ ไม่ให้ฉันทะแล้ว ลุกจากอาสนะหลีกไป ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่ง เมื่อยังมีเรื่องที่ต้องวินิจฉัยอยู่ในสงฆ์ ไม่ให้
ฉันทะแล้ว ลุกจากอาสนะหลีกไป
ในฉันทอทัตวาคมนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่ง
อาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายวาจากับจิต
ฯลฯ

๑๑. ทัพพสิกขาบท
[๑๓๔] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ร่วมกับสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันให้
จีวรไปแล้วกลับติเตียนในภายหลัง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ ร่วมกับสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันให้จีวร
ไปแล้วกลับติเตียนในภายหลัง
ในทัพพสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๘๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ รวมสิกขาบทที่มีในสหธัมมิกวรรค
๑๒. ปริณามนสิกขาบท
[๑๓๕] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ น้อมลาภที่เขาน้อมไว้เป็น
ของจะถวายสงฆ์ ไปเพื่อบุคคล ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ รู้อยู่ น้อมลาภที่เขาน้อมไว้เป็นของที่
จะถวายสงฆ์ ไปเพื่อบุคคล
ในปริณามนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน ฯลฯ
สหธัมมิกวรรคที่ ๘ จบ

รวมสิกขาบทที่มีในสหธัมมิกวรรค

๑. สหธัมมิกสิกขาบท ว่าด้วยการกล่าวตักเตือนผู้ร่วมประพฤติธรรม
โดยชอบธรรม
๒. วิเลขนสิกขาบท ว่าด้วยความยุ่งยากแห่งสิกขาบท
๓. โมหนสิกขาบท ว่าด้วยการทำให้ผู้อื่นหลง
๔. ปหารสิกขาบท ว่าด้วยการทำร้ายเพื่อนภิกษุ
๕. ตลสัตติกสิกขาบท ว่าด้วยการเงื้อหอกคือฝ่ามือขึ้นทำทีว่าจะทำร้าย
๖. อมูลกสิกขาบท ว่าด้วยการใส่ความด้วยอาบัติสังฆาทิเสสที่
ไม่มีมูล
๗. สัญจิจจสิกขาบท ว่าด้วยการจงใจก่อความรำคาญ
๘. อุปัสสุติสิกขาบท ว่าด้วยการแอบฟังภิกษุทะเลาะกัน
๙. กัมมปฏิพาหนสิกขาบท ว่าด้วยการคัดค้านกรรมที่ถูกต้อง


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๙๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๙. ราชวรรค

๑๐. ฉันทอทัตวาคมนสิกขาบท ว่าด้วยการไม่ให้ฉันทะแล้วไปเสีย
๑๑. ทัพพสิกขาบท ว่าด้วยการถวายจีวรแก่พระทัพพมัลลบุตร
๑๒. ปริณามนสิกขาบท ว่าด้วยการน้อมลาภสงฆ์ไปเพื่อบุคคล

๙. ราชวรรค(รตนวรรค)
๑. อันเตปุรสิกขาบท
[๑๓๖] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้า เข้าไปพระราชฐานชั้นใน
ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอานนท์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอานนท์ยังไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้า เข้าไปพระราชฐาน
ชั้นใน
ในอันเตปุรสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็นกฐินสมุฏฐาน ฯลฯ

๒. รตนสิกขาบท
[๑๓๗] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้เก็บรัตนะ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๙๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๙. ราชวรรค
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่งเก็บรัตนะ
ในรตนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๒ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๓. วิกาลคามปเวสนสิกขาบท
[๑๓๘] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ไม่บอกลาภิกษุที่มีอยู่แล้ว เข้าหมู่
บ้านในเวลาวิกาล ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ไม่บอกลาภิกษุที่มีอยู่แล้ว เข้าหมู่บ้าน
ในเวลาวิกาล
ในวิกาลคามปเวสนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๓ พระอนุบัญญัติ
บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน เป็น
กฐินสมุฏฐาน ฯลฯ

๔. สูจิฆรสิกขาบท
[๑๓๙] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ให้ทำกล่องเข็มด้วยกระดูก ด้วยงา
หรือด้วยเขา ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ แคว้นสักกะ
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๙๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๙. ราชวรรค
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปไม่รู้จักประมาณออกปากขอกล่องเข็มเป็น
จำนวนมาก
ในสูจิฆรสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๕. มัญจปีฐสิกขาบท
[๑๔๐] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ให้ทำเตียงหรือตั่งเกินขนาด ณ
ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระอุปนันทศากยบุตร
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนันทศากยบุตรนอนบนเตียงสูง
ในมัญจปีฐสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๖. ตูโลนัทธสิกขาบท
[๑๔๑] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ให้ทำเตียงหรือตั่งหุ้มนุ่น ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ให้ทำเตียงหรือตั่งหุ้มด้วยนุ่น
ในตูโลนัทธสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๙๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๙. ราชวรรค
๗. นิสีทนสิกขาบท
[๑๔๒] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ให้ทำผ้ารองนั่งเกินขนาด ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ใช้ผ้ารองนั่งไม่ได้ขนาด
ในนิสีทนสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๘. กัณฑุปฏิจฉาทิสิกขาบท
[๑๔๓] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ให้ทำผ้าปิดฝีเกินขนาด ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ใช้ผ้าปิดฝีไม่ได้ขนาด
ในกัณฑุปฏิจฉาทิสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๙. วัสสิกสาฏิกาสิกขาบท
[๑๔๔] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ให้ทำผ้าอาบน้ำฝนเกินขนาด ณ
ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๙๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ รวมสิกขาบทที่มีในราชวรรค
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ใช้ผ้าอาบน้ำฝนไม่ได้ขนาด
ในวัสสิกสาฏิกาสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ

๑๐. นันทสิกขาบท
[๑๔๕] ถาม : ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ให้ทำจีวรมีขนาดเท่ากับสุคตจีวร
ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระนันทะ
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระนันทะห่มจีวรมีขนาดเท่ากับสุคตจีวร
ในนันทสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ สมุฏฐาน ฯลฯ
ราชวรรคที่ ๙ จบ

รวมสิกขาบทที่มีในราชวรรค

๑. อันเตปุรสิกขาบท ว่าด้วยการเข้าเขตพระราชฐานชั้นใน
๒. รตนสิกขาบท ว่าด้วยการเก็บรัตนะที่เจ้าของลืมไว้
๓. วิกาลคามปเวสนสิกขาบท ว่าด้วยการเข้าบ้านในเวลาวิกาล
๔. สูจิฆรสิกขาบท ว่าด้วยการทำกล่องเข็มด้วยกระดูกเป็นต้น
๕. มัญจปีฐสิกขาบท ว่าด้วยการทำเตียงและตั่ง
๖. ตูโลนัทธสิกขาบท ว่าด้วยการทำเตียงและตั่งหุ้มนุ่น


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๙๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๖. ปาฏิเทสนียกัณฑ์

๗. นิสีทนสิกขาบท ว่าด้วยการทำผ้ารองนั่ง
๘. กัณฑุปฏิจฉาทิสิกขาบท ว่าด้วยการทำผ้าปิดฝี
๙. วัสสิกสาฏิกาสิกขาบท ว่าด้วยการทำผ้าอาบน้ำฝน
๑๐. นันทสิกขาบท ว่าด้วยท่านพระนันทะ

ปาจิตตีย์ ๙๒ สิกขาบท จบ
ขุททกสิกขาบท จบบริบูรณ์

รวมวรรคที่มีในปาจิตติยกัณฑ์

๑. มุสาวาทวรรค หมวดว่าด้วยการกล่าวเท็จ
๒. ภูตคามวรรค หมวดว่าด้วยภูตคาม
๓. โอวาทวรรค หมวดว่าด้วยโอวาท
๔. โภชนวรรค หมวดว่าด้วยโภชนะ
๕. อเจลกวรรค หมวดว่าด้วยนักบวชเปลือย
๖. สุราปานวรรค หมวดว่าด้วยการดื่มสุรา
๗. สัปปาณกวรรค หมวดว่าด้วยสัตว์มีชีวิต
๘. สหธัมมิกวรรค หมวดว่าด้วยผู้ร่วมประพฤติธรรม
๙. ราชวรรค หมวดว่าด้วยพระราชา

๖. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสถานที่บัญญัติเป็นต้นในปาฏิเทสนียกัณฑ์
๑. ปฐมปาฏิเทสนียสิกขาบท
[๑๔๖] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาฏิเทสนียะแก่ภิกษุผู้รับของเคี้ยวหรือของฉันด้วยมือตนจากมือ
ของภิกษุณีผู้ไม่ใช่ญาติผู้เข้าไปในละแวกบ้านแล้วฉัน ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๙๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๖. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่งรับอามิสจากมือ ของภิกษุณีผู้ไม่ใช่ญาติผู้เข้าไป
สู่ละแวกบ้าน
ในปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๑ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกาย มิใช่เกิดทางวาจา
มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

๒. ทุติยปาฏิเทสนียสิกขาบท
[๑๔๗] ถาม : ทรงบัญญัติปาฏิเทสนียะแก่ภิกษุผู้ไม่ห้ามภิกษุณีมายืนบงการ
(ทายก)ฉันอยู่ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ไม่ห้ามภิกษุณีผู้มายืนบงการ
ในปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๒ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ
๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกายกับวาจา มิใช่
เกิดทางจิต (๒) เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

๓. ตติยปาฏิเทสนียสิกขาบท
[๑๔๘] ถาม : ทรงบัญญัติปาฏิเทสนียะแก่ภิกษุผู้รับของเคี้ยวหรือของฉันใน
ตระกูลที่ได้รับสมมติเป็นเสขะ ด้วยมือตนเองแล้วฉัน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๙๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๖. ปาฏิเทสนียกัณฑ์ รวมสิกขาบทที่มีในปาฏิเทสนียกัณฑ์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปรับภัตตาหารโดยไม่รู้จักประมาณ
ในปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๓ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๒ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทาง
กาย มิใช่เกิดทางวาจา มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
ฯลฯ
๔. จตุตถปาฏิเทสนียสิกขาบท
[๑๔๙] ถาม : ทรงบัญญัติปาฏิเทสนียะแก่ภิกษุผู้รับของเคี้ยวหรือของฉันที่
ไม่ได้รับแจ้งไว้ก่อนด้วยมือตนเองในอารามในเสนาสนะป่าแล้วฉัน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ แคว้นสักกะ
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปไม่บอกว่าโจรอาศัยอยู่ในอาราม
ในปาฏิเทสนียสิกขาบทที่ ๔ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดา
สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทาง
กายกับวาจา มิใช่เกิดทางจิต (๒) เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ
ปาฏิเทสนียะ ๔ สิกขาบท จบ

รวมสิกขาบทที่มีในปาฏิเทสนียกัณฑ์

๑. ปฐมปาฏิเทสนียสิกขาบท ว่าด้วยการรับของเคี้ยวของฉันจากมือ
ภิกษุณีผู้ไม่ใช่ญาติ
๒. ทุติยปาฏิเทสนียสิกขาบท ว่าด้วยการไม่ห้ามภิกษุณีผู้คอยบงการ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๙๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๑. ปริมันฑลวรรค

๓. ตติยปาฏิเทสนียสิกขาบท ว่าด้วยการรับของเคี้ยวของฉันในที่ที่ไม่ได้รับ
นิมนต์ไว้ก่อน
๔. จตุตถปาฏิเทสนียสิกขาบท ว่าด้วยการรับของเคี้ยวของฉันจากทายก
ที่ไม่ได้แจ้งไว้ก่อน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศไว้แล้ว

๗. เสขิยกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสถานที่บัญญัติเป็นต้นในเสขิยกัณฑ์
๑. ปริมัณฑลวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๑๕๐] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ครองอันตรวาสกย้อยข้างหน้าบ้าง ข้าง
หลังบ้าง ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ครองอันตรวาสกย้อยข้างหน้าบ้าง ข้าง
หลังบ้าง
ในสิกขาบทที่ ๑ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๒
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ครองอุตตราสงค์ย้อยข้างหน้าบ้าง
ข้างหลังบ้าง ณ ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๙๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๑. ปริมันฑลวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ครองอุตตราสงค์ย้อยข้างหน้าบ้าง ข้าง
หลังบ้าง
ในสิกขาบทที่ ๒ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๓
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินเปิดกายไปในละแวกบ้าน ฯลฯ
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์เดินเปิดกายไปในละแวกบ้าน
ในสิกขาบทที่ ๓ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๔
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ นั่งเปิดกายในละแวกบ้าน ฯลฯ
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์นั่งเปิดกายในละแวกบ้าน
ในสิกขาบทที่ ๔ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๕
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินคะนองมือบ้าง คะนองเท้า
บ้าง ไปในละแวกบ้าน ฯลฯ
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ เดินคะนองมือบ้าง คะนองเท้าบ้าง
ไปในละแวกบ้าน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๐๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๑. ปริมันฑลวรรค
ในสิกขาบทที่ ๕ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๖
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ คะนองมือบ้าง คะนองเท้าบ้าง
นั่งในละแวกบ้าน ฯลฯ
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ คะนองมือบ้าง คะนองเท้าบ้าง นั่งใน
ละแวกบ้าน
ในสิกขาบทที่ ๖ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
เป็นปฐมปาราชิกสมุฏฐาน ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๗
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินมองดูในที่นั้น ๆ ไปในละแวก
บ้าน ฯลฯ
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์เดินมองดูที่นั้น ๆ ไปในละแวกบ้าน
ในสิกขาบทที่ ๗ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๘
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ นั่งมองดูที่นั้น ๆ ในละแวกบ้าน
ฯลฯ
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ นั่งมองดูที่นั้น ๆ ในละแวกบ้าน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๐๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๒. อุชชัคฆิกวรรค
ในสิกขาบทที่ ๘ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๙
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินเวิกผ้าไปในละแวกบ้าน ฯลฯ
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ เดินเวิกผ้าไปในละแวกบ้าน
ในสิกขาบทที่ ๙ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๑๐
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ นั่งเวิกผ้าในละแวกบ้าน ฯลฯ
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ นั่งเวิกผ้าในละแวกบ้าน
ในสิกขาบทที่ ๑๐ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ
ปริมัณฑลวรรคที่ ๑ จบ

๒. อุชชัคฆิกวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๑๕๑] ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินหัวเราะดัง ไปในละแวก
บ้าน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๐๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๒. อุชชัคฆิกวรรค
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ เดินหัวเราะดังไปในละแวกบ้าน
ในสิกขาบทที่ ๑ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๒
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ นั่งหัวเราะดังในละแวกบ้าน ณ
ที่ไหน ฯลฯ
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ นั่งหัวเราะดังในละแวกบ้าน
ในสิกขาบทที่ ๒ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๓
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินตะโกนเสียงดังไปในละแวก
บ้าน ฯลฯ
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ เดินตะโกนเสียงดัง ไปในละแวกบ้าน
ในสิกขาบทที่ ๓ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๔
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ นั่งตะโกนเสียงดังในละแวกบ้าน ฯลฯ
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ นั่งตะโกนเสียงดังในละแวกบ้าน
ในสิกขาบทที่ ๔ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๕
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินโคลงกายไปในละแวกบ้าน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๐๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๒. อุชชัคฆิกวรรค
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ เดินโคลงกายไปในละแวกบ้าน
ในสิกขาบทที่ ๕ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๖
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ นั่งโคลงกายในละแวกบ้าน ฯลฯ
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ นั่งโคลงกายในละแวกบ้าน
ในสิกขาบทที่ ๖ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๗
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อเดินแกว่งแขนไปในละแวกบ้าน ฯลฯ
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ เดินแกว่งแขนไปในละแวกบ้าน
ในสิกขาบทที่ ๗ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๘
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ นั่งแกว่งแขนในละแวกบ้าน ฯลฯ
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ นั่งแกว่งแขนในละแวกบ้าน
ในสิกขาบทที่ ๘ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๙
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินโคลงศีรษะ ไปในละแวกบ้าน
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๐๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๓. ขัมภกตวรรค
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์เดินโคลงศีรษะไปในละแวกบ้าน
ในสิกขาบทที่ ๙ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๑๐
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อนั่งโคลงศีรษะในละแวกบ้าน ฯลฯ
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์นั่งโคลงศีรษะทำคอพับในละแวกบ้าน
ในสิกขาบทที่ ๑๐ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑
สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ
อุชชัคฆิกวรรคที่ ๒ จบ

๓. ขัมภกตวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๑๕๒] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อเดินเท้าสะเอวไปในละแวกบ้าน ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๑ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๒
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ นั่งเท้าสะเอวในละแวกบ้าน ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๒ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๓
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อเดินคลุมศีรษะไปในละแวกบ้าน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๐๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๓. ขัมภกตวรรค
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์เดินคลุมศีรษะไปในละแวกบ้าน
ในสิกขาบทที่ ๓ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๔
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อนั่งคลุมศีรษะในละแวกบ้าน ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๔ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๕
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อเดินกระโหย่งไปในละแวกบ้าน ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๕ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๖
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อนั่งรัดเข่าในละแวกบ้าน ณ ที่
ไหน ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๖ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๗
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อรับบิณฑบาตโดยไม่เคารพ ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๗ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๘
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อรับบิณฑบาตมองดูที่นั้น ๆ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๐๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๔. ปิณฑปาตวรรค
ในสิกขาบทที่ ๘ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑
สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๙
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อเลือกรับเฉพาะแกงมาก ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๙ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๑๐
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อรับบิณฑบาตล้นขอบปากบาตร ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๑๐ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑
สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ
ขัมภกตวรรคที่ ๓ จบ

๔. ปิณฑปาตวรรค(สักกัจจวรรค)
สิกขาบทที่ ๑
[๑๕๓] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันบิณฑบาตโดยไม่เคารพ ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๑ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑
สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๒
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันบิณฑบาตมองดูไปที่นั้น ๆ ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๒ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑
สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๐๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๔. ปิณฑปาตวรรค
สิกขาบทที่ ๓
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันบิณฑบาตเจาะลงในที่นั้น ๆ ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๓ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑
สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๔
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อฉันเฉพาะแกงมาก ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๔ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑
สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๕
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อฉันบิณฑบาตขยุ้มลงแต่ยอด ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๕ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑
สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๖
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อใช้ข้าวสุกกลบแกงหรือกับข้าว ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๖ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๗
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ไม่เป็นไข้ ออกปากขอแกงหรือ
ข้าวสุกมาฉันส่วนตัว ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุฉัพพัคคีย์ออกปากขอแกงบ้าง ข้าวสุกบ้างมาฉันส่วนตัว

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๐๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๕. กพฟวรรค
ในสิกขาบทที่ ๗ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ สมุฏฐาน คือ (๑) เกิดทางกายกับจิต
มิใช่เกิดทางวาจา (๒) เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๘
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ มุ่งตำหนิ มองดูบาตรของภิกษุ
เหล่าอื่น ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๘ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๙
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ทำคำข้าวให้ใหญ่เกิน ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๙ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๑๐
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ทำคำข้าวให้ยาว ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๑๐ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑
สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ
ปิณฑปาตวรรคที่ ๔ จบ

๕. กพฬวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๑๕๔] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ อ้าปากรอคำข้าวที่ยังไม่ถึงปาก ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๐๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๕. กพฟวรรค
ในสิกขาบทที่ ๑ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๒
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ขณะกำลังฉัน สอดมือทั้งหมด
เข้าไปในปาก๑ ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๒ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๓
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ พูดคุยขณะที่ในปากมีคำข้าว ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๓ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายวาจากับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๔
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันโยนคำข้าว ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๔ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๕
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันกัดคำข้าว ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๕ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

เชิงอรรถ :
๑ สอดมือทั้งหมด เป็นสมุทายโวหาร คือกล่าวรวม ๆ มือทั้งหมดหมายถึงนิ้วมือแต่ละนิ้ว (สารตฺถ.ฏีกา
๓/๖๑๘/๑๓๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๑๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๕. กพฟวรรค
สิกขาบทที่ ๖
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันภัตตาหารทำกระพุ้งแก้มให้
ตุ่ย ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๖ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๗
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันสลัดมือ ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๗ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๘
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันโปรยเมล็ดข้าว ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๘ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๙
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันแลบลิ้น ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๙ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๑๐
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันทำเสียงดังจั๊บ ๆ ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๑๐ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ
กพฬวรรคที่ ๕ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๑๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๖. สุรุสุรุวรรค
๖. สุรุสุรุวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๑๕๕] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันทำเสียงดังซู๊ด ๆ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงโกสัมพี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปดื่มน้ำนมเสียงดังซู๊ด ๆ
ในสิกขาบทที่ ๑ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๒
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันเลียมือ ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๒ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑
สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๓
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุที่ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันขอดบาตร ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๓ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๔
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันเลียริมฝีปาก ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๔ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ฯลฯ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๑๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๖. สุรุสุรุวรรค
สิกขาบทที่ ๕
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ จับภาชนะน้ำดื่มด้วยมือเปื้อน
อาหาร ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ ภัคคชนบท
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปจับภาชนะน้ำดื่มด้วยมือเปื้อนอาหาร
ในสิกขาบทที่ ๕ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๖
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เทน้ำล้างบาตรมีเมล็ดข้าวในละแวก
บ้าน ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ ภัคคชนบท
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปเทน้ำล้างบาตรมีเมล็ดข้าวลงในละแวกบ้าน
ในสิกขาบทที่ ๖ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๗
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่บุคคลผู้กั้นร่ม ณ
ที่ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๑๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๖. สุรุสุรุวรรค
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ แสดงธรรมแก่บุคคลผู้กั้นร่ม
ในสิกขาบทที่ ๗ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางวาจากับจิต
มิใช่เกิดทางกาย ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๘
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่คนถือไม้พลอง ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๘ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางวาจากับจิต มิใช่เกิดทางกาย ฯลฯ

สิกขาบทที่ ๙
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่คนถือศัสตรา ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๙ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางวาจากับจิต
มิใช่เกิดทางกาย ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๐
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่คนผู้ถืออาวุธ ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๑๐ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางวาจากับจิต
มิใช่เกิดทางกาย ฯลฯ
สุรุสุรุวรรคที่ ๖ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๑๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๗. ปาทุกวรรค
๗. ปาทุกวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๑๕๖] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่คนผู้สวมเขียงเท้า ณ
ที่ไหน ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๑ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางวาจากับจิต
มิใช่เกิดทางกาย ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๒
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่คนสวมรองเท้า ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๒ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางวาจากับจิต
มิใช่เกิดทางกาย ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๓
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่คนอยู่ในยาน
พาหนะ ณ ที่ไหน ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๓ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางวาจากับจิต
มิใช่เกิดทางกาย ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๔
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่คนผู้อยู่บนที่นอน
ณ ที่ไหน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๑๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๗. ปาทุกวรรค
ในสิกขาบทที่ ๔ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางวาจากับจิต
มิใช่เกิดทางกาย ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๕
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่คนที่นั่งรัดเข่า
ณ ที่ไหน ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๕ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางวาจากับจิต
มิใช่เกิดทางกาย ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๖
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่คนผู้โพกศีรษะ
ณ ที่ไหน ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๖ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางวาจากับจิต
มิใช่เกิดทางกาย ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๗
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่คนผู้คลุมศีรษะ
ณ ที่ไหน ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๗ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางวาจากับจิต
มิใช่เกิดทางกาย ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๘
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ นั่งอยู่บนพื้นดิน แสดงธรรมแก่
คนผู้นั่งบนอาสนะ ณ ที่ไหน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๑๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๗. ปาทุกวรรค
ในสิกขาบทที่ ๘ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายวาจา
กับจิต ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๙
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ นั่งอยู่บนอาสนะต่ำ แสดงธรรม
แก่คนผู้นั่งบนอาสนะสูง ณ ที่ไหน ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๙ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายวาจา
กับจิต ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๐
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ยืนแสดงธรรมแก่คนผู้นั่งอยู่ ณ
ที่ไหน ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๑๐ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายวาจา
กับจิต ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๑
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินอยู่ข้างหลัง แสดงธรรมแก่
คนผู้เดินไปข้างหน้า ณ ที่ไหน ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๑๑ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายวาจา
กับจิต ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๒
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินอยู่นอกทาง แสดงธรรม
แก่คนผู้เดินไปในทาง ณ ที่ไหน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๑๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๗. ปาทุกวรรค
ในสิกขาบทที่ ๑๒ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายวาจา
กับจิต ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๓
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ยืนถ่ายอุจจาระหรือถ่ายปัสสาวะ
ณ ที่ไหน ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๑๓ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต
มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๔
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ถ่ายปัสสาวะ
หรือบ้วนน้ำลายลงบนของเขียว ณ ที่ไหน ฯลฯ
ในสิกขาบทที่ ๑๔ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐาน
แห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต
มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๕
ถาม : ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ถ่ายปัสสาวะ
หรือบ้วนน้ำลายลงในน้ำ ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ ถ่ายอุจจาระบ้าง ถ่ายปัสสาวะบ้าง
บ้วนน้ำลายบ้าง ลงในน้ำ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๑๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ รวมสิกขาบทที่มีในเสขิยกัณฑ์
มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับทางจิต มิใช่เกิดทางวาจา ฯลฯ
ปาทุกวรรคที่ ๗ จบ
เสขิยวัตร ๗๕ สิกขาบท จบ

รวมสิกขาบทที่มีในเสขิยกัณฑ์
สิกขาบทที่ ๑-๒ ว่าด้วยการครองอันตรวาสกและอุตตราสงค์เรียบร้อย
สิกขาบทที่ ๓-๔ ว่าด้วยการปกปิดกายดีไปและนั่งในละแวกบ้าน
สิกขาบทที่ ๕-๖ ว่าด้วยการสำรวมดีไปและนั่งในละแวกบ้าน
สิกขาบทที่ ๗-๘ ว่าด้วยการมีจักษุทอดลงไปและนั่งในละแวกบ้าน
สิกขาบทที่ ๙-๑๐ ว่าด้วยการไม่เวิกผ้าไปและนั่งในละแวกบ้าน
สิกขาบทที่ ๑๑-๑๒ ว่าด้วยการไม่หัวเราะดังไปและนั่งในละแวกบ้าน
สิกขาบทที่ ๑๓-๑๔ ว่าด้วยการพูดเสียงเบาไปและนั่งในละแวกบ้าน
สิกขาบทที่ ๑๕-๑๖ ว่าด้วยการไม่เดินโคลงกายไปและนั่งในละแวกบ้าน
สิกขาบทที่ ๑๗-๑๘ ว่าด้วยการไม่เดินแกว่งแขนไปและนั่งในละแวกบ้าน
สิกขาบทที่ ๑๙-๒๐ ว่าด้วยการไม่เดินโคลงศีรษะไปและนั่งในละแวกบ้าน
สิกขาบทที่ ๒๑-๒๒ ว่าด้วยการไม่เดินเท้าสะเอวไปและนั่งในละแวกบ้าน
สิกขาบทที่ ๒๓-๒๔ ว่าด้วยการไม่เดินคลุมศีรษะไปและนั่งในละแวกบ้าน
สิกขาบทที่ ๒๕ ว่าด้วยการไม่เดินกระโหย่งไปในละแวกบ้าน
สิกขาบทที่ ๒๖ ว่าด้วยการไม่นั่งรัดเข่าในละแวกบ้าน
สิกขาบทที่ ๒๗ ว่าด้วยการรับบิณฑบาตโดยเคารพ
สิกขาบทที่ ๒๘ ว่าด้วยการให้ความสำคัญในบาตรขณะรับบิณฑบาต
สิกขาบทที่ ๒๙ ว่าด้วยการรับบิณฑบาตพอเหมาะกับแกง
สิกขาบทที่ ๓๐ ว่าด้วยการรับบิณฑบาตเสมอขอบปากบาตร
สิกขาบทที่ ๓๑ ว่าด้วยการฉันบิณฑบาตโดยเคารพ
สิกขาบทที่ ๓๒ ว่าด้วยการให้ความสำคัญในบาตรขณะฉันบิณฑบาต
สิกขาบทที่ ๓๓ ว่าด้วยการฉันบิณฑบาตไปตามลำดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๑๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ รวมสิกขาบทที่มีในเสขิยกัณฑ์
สิกขาบทที่ ๓๔ ว่าด้วยการฉันบิณฑบาตพอเหมาะกับแกง
สิกขาบทที่ ๓๕ ว่าด้วยการไม่ฉันบิณฑบาตขยุ้มลงแต่ยอด
สิกขาบทที่ ๓๖ ว่าด้วยการไม่ใช้ข้าวสุกกลบแกงหรือกับข้าว
สิกขาบทที่ ๓๗ ว่าด้วยการไม่ออกปากขอแกงหรือข้าวสุกมาฉันส่วนตัว
สิกขาบทที่ ๓๘ ว่าด้วยการไม่มุ่งตำหนิมองดูบาตรของภิกษุอื่น
สิกขาบทที่ ๓๙ ว่าด้วยการไม่ทำคำข้าวให้ใหญ่เกิน
สิกขาบทที่ ๔๐ ว่าด้วยการทำคำข้าวให้กลม
สิกขาบทที่ ๔๑ ว่าด้วยการไม่อ้าปากรอคำข้าวที่ยังไม่ถึงปาก
สิกขาบทที่ ๔๒ ว่าด้วยการไม่สอดมือทั้งหมดเข้าในปาก
สิกขาบทที่ ๔๓ ว่าด้วยการไม่พูดคุยขณะที่ในปากมีคำข้าว
สิกขาบทที่ ๔๔ ว่าด้วยการไม่ฉันโยนคำข้าว
สิกขาบทที่ ๔๕ ว่าด้วยการไม่ฉันกัดคำข้าว
สิกขาบทที่ ๔๖ ว่าด้วยการไม่ฉันทำกระพุ้งแก้มให้ตุ่ย
สิกขาบทที่ ๔๗ ว่าด้วยการไม่ฉันสลัดมือ
สิกขาบทที่ ๔๘ ว่าด้วยการไม่ฉันโปรยเมล็ดข้าว
สิกขาบทที่ ๔๙ ว่าด้วยการไม่ฉันแลบลิ้น
สิกขาบทที่ ๕๐ ว่าด้วยการไม่ฉันทำเสียงดังจั๊บ ๆ
สิกขาบทที่ ๕๑ ว่าด้วยการไม่ฉันทำเสียงดังซู้ด ๆ
สิกขาบทที่ ๕๒ ว่าด้วยการไม่ฉันเลียมือ
สิกขาบทที่ ๕๓ ว่าด้วยการไม่ฉันขอดบาตร
สิกขาบทที่ ๕๔ ว่าด้วยการไม่ฉันเลียริมฝีปาก
สิกขาบทที่ ๕๕ ว่าด้วยการไม่จับภาชนะน้ำดื่มด้วยมือเปื้อนอาหาร
สิกขาบทที่ ๕๖ ว่าด้วยการไม่เทน้ำล้างบาตรมีเมล็ดข้าวในละแวกบ้าน
สิกขาบทที่ ๕๗ ว่าด้วยการไม่แสดงธรรมแก่คนผู้กั้นร่ม๑
สิกขาบทที่ ๕๘ ว่าด้วยการไม่แสดงธรรมแก่คนผู้ถือไม้พลอง
สิกขาบทที่ ๕๙ ว่าด้วยการไม่แสดงธรรมแก่คนผู้ถือศัสตรา

เชิงอรรถ :
๑ บาลีใช้คำว่าพระตถาคตจะไม่ทรงแสดงพระสัทธรรมแก่คนเหล่านี้ (น เทเสนฺติ ตถาคตา)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๒๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ รวมวรรคที่มีในเสขิยกัณฑ์
สิกขาบทที่ ๖๐ ว่าด้วยการไม่แสดงธรรมแก่คนผู้ถืออาวุธ
สิกขาบทที่ ๖๑ ว่าด้วยการไม่แสดงธรรมแก่คนผู้สวมเขียงเท้า
สิกขาบทที่ ๖๒ ว่าด้วยการไม่แสดงธรรมแก่คนผู้สวมรองเท้า
สิกขาบทที่ ๖๓ ว่าด้วยการไม่แสดงธรรมแก่คนผู้อยู่ในยานพาหนะ
สิกขาบทที่ ๖๔ ว่าด้วยการไม่แสดงธรรมแก่คนผู้อยู่บนที่นอน
สิกขาบทที่ ๖๕ ว่าด้วยการไม่แสดงธรรมแก่คนผู้นั่งรัดเข่า
สิกขาบทที่ ๖๖ ว่าด้วยการไม่แสดงธรรมแก่คนผู้โพกศีรษะ
สิกขาบทที่ ๖๗ ว่าด้วยการไม่แสดงธรรมแก่คนผู้คลุมศีรษะ
สิกขาบทที่ ๖๘ ว่าด้วยการไม่แสดงธรรมแก่คนผู้นั่งบนอาสนะ
สิกขาบทที่ ๖๙ ว่าด้วยการไม่แสดงธรรมแก่คนผู้นั่งบนอาสนะสูง
สิกขาบทที่ ๗๐ ว่าด้วยการไม่แสดงธรรมแก่คนผู้นั่งอยู่
สิกขาบทที่ ๗๑ ว่าด้วยการไม่แสดงธรรมแก่คนผู้เดินไปข้างหน้า
สิกขาบทที่ ๗๒ ว่าด้วยการไม่แสดงธรรมแก่คนผู้เดินไปในทางขณะที่
อยู่นอกทาง
สิกขาบทที่ ๗๓ ว่าด้วยการไม่ยืนถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะ
สิกขาบทที่ ๗๔ ว่าด้วยการไม่บ้วนน้ำลายบนของเขียว
สิกขาบทที่ ๗๕ ว่าด้วยการไม่ถ่ายอุจจาระ ปัสาวะหรือบ้วนน้ำลาย
ลงในน้ำ

รวมวรรคที่มีในเสขิยกัณฑ์

๑. ปริมัณฑลวรรค หมวดว่าด้วยการนุ่งห่มเป็นปริมณฑล
๒. อุชชัคฆิกวรรค หมวดว่าด้วยการหัวเราะ
๓. ขัมภกตวรรค หมวดว่าด้วยการเท้าสะเอว
๔. ปิณฑปาตวรรค หมวดว่าด้วยบิณฑบาต
๕. กพฬวรรค หมวดว่าด้วยคำข้าว
๖. สุรุสุรุวรรค หมวดว่าด้วยการฉันดังซู้ด ๆ
๗. ปาทุกาวรรค หมวดว่าด้วยเขียงเท้า

กัตถปัญญัตติวารในมหาวิภังค์ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๒๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
๒. กตาปัตติวาร
วาระว่าด้วยต้องอาบัติเท่าไร
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบจำนวนอาบัติในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑
[๑๕๗] ถาม : ภิกษุเสพเมถุนธรรม ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : ภิกษุเสพเมถุนธรรม ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. เสพเมถุนธรรมในซากศพที่ยังไม่ถูกสัตว์กัดกิน ต้องอาบัติปาราชิก
๒. เสพเมถุนธรรมในซากศพที่ถูกสัตว์กัดกินโดยมาก ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. สอดองคชาตเข้าในปากที่อ้า แต่มิได้ถูกต้อง ต้องอาบัติทุกกฏ
ภิกษุเสพเมถุนธรรม ต้องอาบัติ ๓ อย่างเหล่านี้

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๒
[๑๕๘] ถาม : ภิกษุถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้ ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : ภิกษุถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้ ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้ โดยส่วนแห่งจิตคิดจะลัก มีราคา ๕
มาสก หรือเกินกว่า ๕ มาสก ต้องอาบัติปาราชิก
๒. ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้ โดยส่วนแห่งจิตคิดจะลัก มีราคาเกิน
กว่า ๑ มาสก หรือน้อยกว่า ๕ มาสก ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้ โดยส่วนแห่งจิตคิดจะลัก มีราคา ๑
มาสก หรือน้อยกว่า ๑ มาสก ต้องอาบัติทุกกฏ
ภิกษุถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้ ต้องอาบัติ ๓ อย่างเหล่านี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๒๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๓
[๑๕๙] ถาม : ภิกษุจงใจพรากกายมนุษย์จากชีวิต ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : ภิกษุจงใจพรากกายมนุษย์จากชีวิต ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. ขุดหลุมพรางไว้เจาะจงมนุษย์ว่า “บุคคลชื่อนี้จะตกลงไปตาย” ต้อง
อาบัติทุกกฏ
๒. เมื่อบุคคลนั้นตกลงไปได้รับทุกขเวทนา ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. เขาตาย ต้องอาบัติปาราชิก
ภิกษุจงใจพรากกายมนุษย์จากชีวิต ต้องอาบัติ ๓ อย่างเหล่านี้

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๔
[๑๖๐] ถาม : ภิกษุกล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรมที่ไม่มีอยู่ ไม่เป็นจริง ต้องอาบัติ
เท่าไร
ตอบ : ภิกษุกล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรมที่ไม่มีอยู่ ไม่เป็นจริง ต้องอาบัติ ๓
อย่าง คือ
๑. ภิกษุมีความปรารถนาชั่ว ถูกความอยากครอบงำ กล่าวอวดอุตตริ -
มนุสสธรรมที่ไม่มีอยู่ ไม่เป็นจริง ต้องอาบัติปาราชิก
๒. ภิกษุกล่าวว่า “ภิกษุรูปใดอยู่ในวิหารของท่านภิกษุรูปนั้นเป็นพระ
อรหันต์” เมื่อผู้อื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ
ภิกษุกล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรมที่ไม่มีอยู่ไม่เป็นจริง ต้องอาบัติ ๓ อย่าง
เหล่านี้
ปาราชิก ๔ สิกขาบท จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๒๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑ์
๒. สังฆาทิเสสกัณฑ์
คำถาม - คำตอบจำนวนอาบัติในสังฆาทิเสสกัณฑ์
๑. สุกกวิสัฏฐิสิกขาบท
[๑๖๑] ถาม : ภิกษุพยายามทำน้ำอสุจิให้เคลื่อน ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : ภิกษุพยายามทำน้ำอสุจิให้เคลื่อน ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. จงใจ พยายาม น้ำอสุจิเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
๒. จงใจ พยายาม น้ำอสุจิไม่เคลื่อน ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. ต้องอาบัติทุกกฏ๑ เพราะพยายาม

๒. กายสังสัคคสิกขาบท
ภิกษุถูกต้องกายกับมาตุคาม ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. ใช้กายจับต้องกาย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
๒. ใช้กายจับต้องของที่เนื่องด้วยกาย ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. ใช้ของที่เนื่องด้วยกายจับต้องของที่เนื่องด้วยกาย ต้องอาบัติทุกกฏ

เชิงอรรถ :
๑ อาบัติทุกกฏในสุกกวิสัฏฐิสิกขาบทมีกล่าวในคัมภีร์มหาวิภังค์ ๒ แห่ง
๑. ภิกษุจับองคชาตของสามเณร ผู้หลับอยู่แล้ว น้ำอสุจิของภิกษุเคลื่อน ต้องอาบัติทุกกฏ (วิ.มหา.
(แปล) ๑/๒๖๕/๒๘๑)
๒. ภิกษุมีความกำหนัดเพ่งดูองค์กำเนิดของมาตุคาม ต้องอาบัติทุกกฏ (วิ.มหา. (แปล) ๑/๒๖๖/
๒๘๔)
ในอรรถกถากล่าวอาบัติทุกกฏไว้ ๒ แห่ง
๑. ภิกษุยินดีในเมถุนธรรม จับต้องมาตุคามด้วยความกำหนัดในเมถุน น้ำอสุจิเคลื่อนเพราะ
พยายามจับต้อง แต่เพราะเป็นขั้นตอนแห่งเมถุนธรรม จึงต้องอาบัติทุกกฏ (วิ.อ. ๒/๒๔๐/๑๓)
๒. ภิกษุมีความกำหนัดพยายามเพ่งดูนิมิตของมาตุคามต้องอาบัติทุกกฏ (วิ.อ. ๒/๒๖๖/๑๘)
ต้องอาบัติทุกกฏ ขณะพยายาม ในคัมภีร์ปริวารนี้คงหมายถึงพยายามจับต้องมาตุคามด้วยประสงค์
จะเสพเมถุนธรรมแล้วน้ำอสุจิเคลื่อน หรือพยายามเพ่งดูอวัยวะของมาตุคามก็ได้ เพราะข้อความตอนนี้
ท่านอธิบายสุกกวิสัฏฐิสิกขาบท ในสิกขาบทวิภังค์ และปทภาชนีย์ ไม่มีกล่าวถึงอาบัติทุกกฏ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๒๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑ์
๓. ทุฏฐุลลวาจาสิกขาบท
ภิกษุพูดเกี้ยวมาตุคามด้วยวาจาชั่วหยาบ ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. พูดชมบ้าง พูดติบ้าง พาดพิงถึงทวารหนัก ทวารเบา ต้องอาบัติ
สังฆาทิเสส
๒. พูดชมบ้าง พูดติบ้าง พาดพิงถึงอวัยวะเบื้องบนใต้รากขวัญลงมา อวัยวะ
เบื้องต่ำเหนือเข่าขึ้นไป เว้นทวารหนัก ทวารเบา ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. พูดชมบ้าง พูดติบ้าง พาดพิงถึงของที่เนื่องด้วยกาย ต้องอาบัติทุกกฏ

๔. อัตตกามปาริจริยสิกขาบท
ภิกษุกล่าวสรรเสริญการบำเรอความใคร่ของตน ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. กล่าวสรรเสริญการบำเรอความใคร่ของตนต่อหน้ามาตุคาม ต้องอาบัติ
สังฆาทิเสส
๒. กล่าวสรรเสริญการบำเรอความใคร่ของตนต่อหน้าบัณเฑาะก์ ต้อง
อาบัติถุลลัจจัย
๓. กล่าวสรรเสริญการบำเรอความใคร่ของตนต่อหน้าสัตว์ดิรัจฉาน ต้อง
อาบัติทุกกฏ

๕. สัญจริตตสิกขาบท
ภิกษุทำหน้าที่ชักสื่อ ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. รับคำ ไปบอก กลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
๒. รับคำ ไปบอก ไม่กลับมาบอก ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. รับคำ ไม่ไปบอก ไม่กลับมาบอก ต้องอาบัติทุกกฏ

๖. กุฏิการสิกขาบท
ภิกษุสร้างกุฎีด้วยการขอเอาเอง ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๒๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑ์
๑. กำลังใช้ให้สร้าง ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. ยังเหลืออิฐอีกก้อนหนึ่งจึงจะเสร็จ ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. อิฐก้อนสุดท้ายเสร็จแล้ว ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

๗. วิหารการสิกขาบท
ภิกษุใช้ให้สร้างวิหารใหญ่ ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. กำลังใช้ให้สร้าง ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. ยังเหลืออิฐอีกก้อนหนึ่งจึงจะเสร็จ ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. อิฐก้อนสุดท้ายเสร็จแล้ว ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

๘. ปฐมทุฏฐโทสสิกขาบท
ภิกษุใส่ความภิกษุด้วยอาบัติปาราชิกที่ไม่มีมูล ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. ไม่ขอโอกาสก่อน มีความประสงค์จะให้พ้นจากพรหมจรรย์ จึงโจท
ต้องอาบัติทุกกฏกับสังฆาทิเสส
๒. ขอโอกาสก่อน มีความประสงค์จะด่า จึงโจท ต้องอาบัติเพราะกล่าว
เสียดสี๑

๙. ทุติยทุฏฐโทสสิกขาบท
ภิกษุอ้างเอาบางส่วนแห่งอธิกรณ์เรื่องอื่นเป็นเลศใส่ความภิกษุด้วยอาบัติปาราชิก
ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. ไม่ขอโอกาสก่อน มีความประสงค์จะให้พ้นจากพรหมจรรย์ จึงโจท
ต้องอาบัติทุกกฏกับสังฆาทิเสส
๒. ขอโอกาสก่อน มีความประสงค์จะด่า จึงโจท ต้องอาบัติเพราะกล่าว
เสียดสี

เชิงอรรถ :
๑ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เพราะกล่าวเสียดสีตามสิกขาบทที่ ๒ แห่งมุสาวาทวรรค ในปาจิตติยกัณฑ์ (วิ.มหา.
(แปล) ๒/๑๔/๒๐๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๒๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑ์
๑๐. สังฆเภทสิกขาบท
ภิกษุผู้ทำสงฆ์ให้แตกกัน ถูกสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้งก็ยังไม่สละ(เรื่องนั้น)
ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

๑๑. สังฆเภทานุวัตตกสิกขาบท
ภิกษุทั้งหลายที่ประพฤติตามสนับสนุนภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ถูกสงฆ์สวดสมนุภาสน์
ครบ ๓ ครั้ง ก็ยังไม่สละ(เรื่องนั้น) ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

๑๒. ทุพพจสิกขาบท
ภิกษุเป็นคนว่ายาก ถูกสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง ก็ยังไม่สละ(เรื่องนั้น)
ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

๑๓. กุลทูสกสิกขาบท
ภิกษุผู้ประทุษร้ายตระกูล ถูกสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง ก็ยังไม่สละ ต้อง
อาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๒๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. นิสสัคคิยกัณฑ ๑. กฐินวรรค
๒. จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
สังฆาทิเสส ๑๓ สิกขาบท จบ
ฯเปฯ

๔. นิสสัคคิยกัณฑ์
จำนวนอาบัติในนิสสัคคิยกัณฑ์
๑. กฐินวรรค
๑. ปฐมกฐินสิกขาบท
[๑๖๒] ภิกษุทรงอติเรกจีวรไว้เกิน ๑๐ วัน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ นิสสัคคิย-
ปาจิตตีย์
๒. อุทโทสิตสิกขาบท
ภิกษุอยู่ปราศจากไตรจีวรสิ้นราตรีหนึ่ง ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ นิสสัคคิย-
ปาจิตตีย์
๓. ตติยกฐินสิกขาบท
ภิกษุรับผ้าที่เป็นอกาลจีวรแล้วเก็บไว้เกิน ๑ เดือน ต้องอาบัติ ๑ อย่างคือ
นิสสัคคิยปาจิตตีย์
๔. ปุราณจีวรสิกขาบท
ภิกษุใช้ภิกษุณีผู้ไม่ใช่ญาติให้ซักจีวรเก่า ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. ใช้ให้ซัก ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม๑
๒. เมื่อให้ซักเสร็จแล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

เชิงอรรถ :
๑ ปโยเค เพราะพยายาม ทุกแห่ง หมายถึงในขณะพยายามทำ หรือใช้ให้ทำสิ่งนั้น ๆ ก่อนสำเร็จ (ดู วิ.อ.
๒/๓๕๓/๖๔-๖๕

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๒๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. นิสสัคคิยกัณฑ์ ๑. กฐินวรรค
๕. จีวรปฏิคคหณสิกขาบท
ภิกษุรับจีวรจากมือของภิกษุณีผู้ไม่ใช่ญาติ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อรับจีวรแล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

๖. อัญญาตกวิญญัตติสิกขาบท
ภิกษุออกปากขอจีวรจากคฤหัสถ์ชาย หรือคฤหัสถ์หญิงผู้ไม่ใช่ญาติ ต้องอาบัติ
๒ อย่าง คือ
๑. ออกปากขอ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อออกปากขอได้มาแล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

๗. ตตุตตริสิกขาบท
ภิกษุออกปากขอจีวรเกินกว่านั้นจากคฤหัสถ์ชาย หรือคฤหัสถ์หญิง ผู้ไม่ใช่ญาติ
ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. ออกปากขอ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อออกปากขอได้มาแล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

๘. อุปักขฏสิกขาบท
ภิกษุผู้ซึ่งเขาไม่ได้ปวารณาไว้ก่อน เข้าไปหาคฤหัสถ์ผู้ไม่ใช่ญาติแล้วกำหนดชนิด
จีวร ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำหนด ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อกำหนดแล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

๙. ทุติยอุปักขฏสิกขาบท
ภิกษุผู้ซึ่งเขาไม่ได้ปวารณาไว้ก่อน เข้าไปหาคฤหัสถ์ผู้ไม่ใช่ญาติ แล้วกำหนดจีวร
ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๒๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. นิสสัคคิยกัณฑ์ ๒. โกสิยวรรค
๑. กำหนด ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อกำหนดแล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

๑๐. ราชสิกขาบท
ภิกษุให้เขาจัดจีวรสำเร็จได้ด้วยการทวงเกิน ๓ ครั้ง ยืนเกิน ๖ ครั้ง ต้องอาบัติ
๒ อย่าง คือ
๑. ให้เขาจัดสำเร็จ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อให้เขาจัดสำเร็จแล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์
กฐินวรรคที่ ๑ จบ

๒. โกสิยวรรค
๑. โกสิยสิกขาบท
[๑๖๓] ภิกษุใช้ให้ทำสันถัตผสมใยไหม ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังใช้ให้ทำ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อใช้ให้ทำเสร็จแล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

๒. สุทธกาฬกสิกขาบท
ภิกษุใช้ให้ทำสันถัตขนเจียมดำล้วน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังใช้ให้ทำ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อใช้ให้ทำเสร็จแล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

๓. เทฺวภาคสิกขาบท
ภิกษุไม่เอาขนเจียมขาว ๑ ส่วน ขนเจียมแดง ๑ ส่วน แล้วใช้ให้ทำสันถัตใหม่
ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังใช้ให้ทำ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อใช้ให้ทำเสร็จแล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๓๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. นิสสัคคิยกัณฑ์ ๒. โกสิยวรรค
๔. ฉัพพัสสสิกขาบท
ภิกษุใช้ให้ทำสันถัตทุกปี ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังใช้ให้ทำ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อใช้ให้ทำเสร็จแล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

๕. นิสีทนสันถตสิกขาบท
ภิกษุไม่เอาสันถัตเก่า ๑ คืบสุคตโดยรอบมาปน แล้วใช้ให้ทำสันถัตรองนั่งใหม่
ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังใช้ให้ทำ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อใช้ให้ทำเสร็จแล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

๖. เอฬกโลมสิกขาบท
ภิกษุรับขนเจียมมาแล้ว เดินทางไปเกิน ๓ โยชน์ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. ย่างเท้าที่ ๑ ผ่าน ๓ โยชน์ไป ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ย่างเท้าที่ ๒ ผ่านไป ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

๗. เอฬกโลมโธวาปนสิกขาบท
ภิกษุใช้ภิกษุณีผู้ไม่ใช่ญาติให้ซักขนเจียม ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังใช้ให้ซัก ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อใช้ให้ซักเสร็จแล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

๘. รูปิยสิกขาบท
ภิกษุรับรูปิยะ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังรับ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อรับแล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๓๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. นิสสัคคิยกัณฑ์ ๓. ปัตตวรรค
๙. รูปิยสังโวหารสิกขาบท
ภิกษุทำการแลกเปลี่ยนกันด้วยรูปิยะชนิดต่าง ๆ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังแลกเปลี่ยน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อแลกเปลี่ยนแล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

๑๐. กยวิกกยสิกขาบท
ภิกษุทำการซื้อขายมีประการต่าง ๆ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังซื้อขาย ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อซื้อขายแล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์
โกสิยวรรคที่ ๒ จบ

๓. ปัตตวรรค
๑. ปัตตสิกขาบท
[๑๖๔] ภิกษุทรงอติเรกบาตรไว้เกิน ๑๐ วัน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ
นิสสัคคิยปาจิตตีย์
๒. อูนปัญจพันธนสิกขาบท
ภิกษุมีบาตรที่มีรอยซ่อมหย่อนกว่า ๕ แห่ง ขอบาตรใหม่ใบอื่น ต้องอาบัติ ๒
อย่าง คือ
๑. กำลังขอ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อขอได้แล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

๓. เภสัชชสิกขาบท
ภิกษุรับประเคนเภสัชแล้วเก็บไว้ฉันเกิน ๗ วัน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ
นิสสัคคิยปาจิตตีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๓๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๔. นิสสัคคิยกัณฑ์ ๓. ปัตตวรรค
๔. วัสสิกสาฏิกสิกขาบท
ภิกษุแสวงหาจีวรคือผ้าอาบน้ำฝน เมื่อฤดูร้อนยังเหลือเกินกว่า ๑ เดือน ต้อง
อาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังแสวงหา ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. แสวงหาได้แล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

๕. จีวรอัจฉินทนสิกขาบท
ภิกษุให้จีวรแก่ภิกษุเองแล้วโกรธ ไม่พอใจ ชิงเอาคืนมา ต้องอาบัติ ๒ อย่าง
คือ
๑. กำลังชิงเอาคืนมา ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อชิงเอามาได้แล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

๖. สุตตวิญญัตติสิกขาบท
ภิกษุออกปากขอด้ายมาเองแล้วใช้ช่างหูกให้ทอจีวร ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังใช้ให้ทอ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อใช้ให้ทอเสร็จแล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

๗. มหาเปสการสิกขาบท
ภิกษุผู้ซึ่งเขาไม่ได้ปวารณาไว้ก่อน เข้าไปหาช่างหูกทั้งหลายของคฤหัสถ์ผู้ไม่ใช่
ญาติ แล้วกำหนดชนิดจีวร ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังกำหนด ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อกำหนดเสร็จแล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

๘. อัจเจกจีวรสิกขาบท
ภิกษุรับอัจเจกจีวร แล้วเก็บไว้เกินสมัยจีวรกาล ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ
นิสสัคคิยปาจิตตีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๓๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๑. มุสาวาทวรรค
๙. สาสังกสิกขาบท
ภิกษุเก็บไตรจีวรผืนใดผืนหนึ่งไว้ในละแวกบ้านแล้วอยู่ปราศเกิน ๖ คืน ต้อง
อาบัติ ๑ อย่างคือนิสสัคคิยปาจิตตีย์

๑๐. ปริณตสิกขาบท
ภิกษุรู้อยู่ น้อมลาภที่เขาน้อมไว้เป็นของจะถวายสงฆ์มาเพื่อตน ต้องอาบัติ ๒
อย่าง คือ
๑. กำลังน้อมมา ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อน้อมมาได้แล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์
ปัตตวรรคที่ ๓ จบ
นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๓๐ สิกขาบท จบ

๕. ปาจิตติยกัณฑ์
จำนวนอาบัติในปาจิตติยกัณฑ์
๑. มุสาวาทวรรค
๑. มุสาวาทสิกขาบท
[๑๖๕] ถาม : ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ต้องอาบัติ ๕ อย่าง คือ
๑. ภิกษุมีความปรารถนาชั่ว ถูกความอยากครอบงำ กล่าวอวดอุตตริ-
มนุสสธรรมที่ไม่มีอยู่ ไม่เป็นจริง ต้องอาบัติปาราชิก
๒. ภิกษุโจทภิกษุด้วยอาบัติปาราชิกที่ไม่มีมูล ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
๓. ภิกษุกล่าวว่า “ภิกษุรูปใดอยู่ในวิหารของท่านภิกษุรูปนั้นเป็นพระ
อรหันต์” เมื่อผู้อื่นเข้าใจ ต้องอาบัติถุลลัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๓๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๑. มุสาวาทวรรค
๔. เมื่อเขาไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ
๕. ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เพราะกล่าวเท็จทั้งที่รู้
ภิกษุกล่าวเท็จทั้งที่รู้ต้องอาบัติ ๕ อย่างเหล่านี้

๒. โอมสวาทสิกขาบท
ภิกษุกล่าวเสียดสี ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กล่าวเสียดสีอุปสัมบัน(ภิกษุ) ต้องอาบัติปาจิตตีย์
๒. กล่าวเสียดสีอนุปสัมบัน(ผู้มิใช่ภิกษุ) ต้องอาบัติทุกกฏ

๓. เปสุญญสิกขาบท
ภิกษุกล่าวส่อเสียด ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กล่าวส่อเสียดอุปสัมบัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์
๒. กล่าวส่อเสียดอนุปสัมบัน ต้องอาบัติทุกกฏ

๔. ปทโสธัมมสิกขาบท
ภิกษุสอนอนุปสัมบันให้กล่าวธรรมแข่งกันเป็นบท ๆ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังสอนให้กล่าว ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. ต้องอาบัติปาจิตตีย์ทุก ๆ บท

๕. สหเสยยสิกขาบท
ภิกษุนอนร่วมกันกับอนุปสัมบัน เกิน ๒-๓ คืน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังนอน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อนอนแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๖. ทุติยสหเสยยสิกขาบท
ภิกษุนอนร่วมกันกับมาตุคาม ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๓๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๑. มุสาวาทวรรค
๑. กำลังนอน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อนอนแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๗. ธัมมเทสนาสิกขาบท
ภิกษุแสดงธรรมแก่มาตุคามเกิน ๕-๖ คำ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังแสดง ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. ต้องอาบัติปาจิตตีย์ทุก ๆ บท

๘. ภูตาโรจนสิกขาบท
ภิกษุบอกอุตตริมนุสสธรรมที่มีจริงแก่อนุปสัมบัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังบอก ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบอกแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๙. ทุฏฐุลลาโรจนสิกขาบท
ภิกษุบอกอาบัติชั่วหยาบของภิกษุแก่อนุปสัมบัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังบอก ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบอกแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๑๐. ปฐวีขณนสิกขาบท
ภิกษุขุดดิน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังขุด ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คราวที่ขุด
มุสาวาทวรรคที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๓๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๒. ภูตคามวรรค
๒. ภูตคามวรรค
๑. ภูตคามสิกขาบท
[๑๖๖] ภิกษุพรากภูตคาม ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังพราก ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คราวที่พราก

๒. อัญญวาทกสิกขาบท
ภิกษุนำเอาเรื่องอื่นมากล่าวกลบเกลื่อน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. เมื่อสงฆ์ยังไม่ลงอัญญวาทกกรรม(กรรมที่จะพึงกระทำแก่ภิกษุผู้พูด
กลบเกลื่อน) นำเอาเรื่องอื่นมากล่าวกลบเกลื่อน ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. เมื่อสงฆ์ลงอัญญวาทกกรรมแล้ว นำเอาเรื่องอื่นมากล่าวกลบเกลื่อน
ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๓. อุชฌาปนกสิกขาบท
ภิกษุกล่าวให้ผู้อื่นเพ่งโทษภิกษุ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังกล่าวให้เพ่งโทษ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อกล่าวให้เพ่งโทษแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๔. ปฐมเสนาสนสิกขาบท
ภิกษุวางเตียง ตั่ง ฟูก หรือเก้าอี้ของสงฆ์ในที่กลางแจ้งแล้ว เมื่อจะจากไป ไม่เก็บ
ไม่บอกมอบหมาย ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. เดินล่วงเลฑฑุบาต๑ไป ๑ ก้าว ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. เดินล่วงเลฑฑุบาตไป ๒ ก้าว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

เชิงอรรถ :
๑ เลฑฑุบาต เท่ากับระยะโยนหรือขว้างก้อนดินไปตก(ดู วิสุทฺธิ. ๑/๓๑/๗๖)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๓๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๒. ภูตคามวรรค
๕. ทุติยเสนาสนสิกขาบท
ภิกษุปูที่นอนในวิหารของสงฆ์แล้ว เมื่อจะจากไปไม่เก็บ ไม่บอกมอบหมาย ต้อง
อาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. เดินล่วงเลยเครื่องล้อมไป ๑ ก้าว ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. เดินล่วงเลยเครื่องล้อมไป ๒ ก้าว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๖. อนุปขัชชสิกขาบท
ภิกษุรู้อยู่ เข้าไปนอนแทรกแซงภิกษุผู้เข้าไปอยู่ในวิหารของสงฆ์ก่อน ต้องอาบัติ
๒ อย่าง คือ
๑. กำลังนอน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อนอนแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๗. นิกกัฑฒนสิกขาบท
ภิกษุโกรธ ไม่พอใจ ฉุดลากภิกษุออกจากวิหารของสงฆ์ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังฉุดลาก ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อฉุดลากออกไปแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๘. เวหาสกุฏิสิกขาบท
ภิกษุนั่งบนเตียงหรือบนตั่งอันมีเท้าเสียบบนกุฎีชั้นลอยในวิหารของสงฆ์ ต้องอาบัติ
๒ อย่าง คือ
๑. กำลังนั่ง ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อนั่งแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๙. มหัลลกวิหารสิกขาบท
ภิกษุดำเนินการมุงหลังคา(วิหาร) ๒-๓ ชั้น แล้วดำเนินการเกินกว่านั้น ต้อง
อาบัติ ๒ อย่าง คือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๓๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๓. โอวาทวรรค
๑. กำลังดำเนินการ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อดำเนินการแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๑๐. สัปปาณกสิกขาบท
ภิกษุรู้อยู่ว่าน้ำมีสิ่งมีชีวิต รดหญ้าหรือดิน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังรด ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อรดแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์
ภูตคามวรรคที่ ๒ จบ

๓. โอวาทวรรค
๑. โอวาทสิกขาบท
[๑๖๗] ภิกษุไม่ได้รับแต่งตั้ง สั่งสอนภิกษุณีทั้งหลาย ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังสั่งสอน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อสั่งสอนแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๒. อัตถังคตสิกขาบท
ภิกษุสั่งสอนภิกษุณีทั้งหลายในเวลาที่ดวงอาทิตย์อัสดงแล้ว ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังสั่งสอน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อสั่งสอนแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๓. ภิกขุนูปัสสยสิกขาบท
ภิกษุเข้าไปที่สำนักภิกษุณีแล้วสั่งสอนภิกษุณีทั้งหลาย ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังสั่งสอน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อสั่งสอนแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๓๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๓. โอวาทวรรค
๔. อามิสสิกขาบท
ภิกษุกล่าวว่า “ภิกษุ(ผู้เถระ)ทั้งหลายสั่งสอนภิกษุณีทั้งหลายเพราะเห็นแก่อามิส”
ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังกล่าว ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อกล่าวแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๕. จีวรทานสิกขาบท
ภิกษุให้จีวรแก่ภิกษุณีผู้ไม่ใช่ญาติ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังให้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อให้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๖. จีวรสิพพนสิกขาบท
ภิกษุเย็บจีวรให้ภิกษุณีผู้ไม่ใช่ญาติ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังเย็บ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ในทุก ๆ รอยเข็ม

๗. สังวิธานสิกขาบท
ภิกษุชักชวนกันเดินทางไกลร่วมกันกับภิกษุณี ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังเดินทาง ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อเดินทางไปแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๘. นาวาภิรูหนสิกขาบท
ภิกษุชักชวนภิกษุณีโดยสารเรือลำเดียวกัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังโดยสาร ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อโดยสารไปแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๔๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๔. โภชนวรรค
๙. ปริปาจิตสิกขาบท
ภิกษุรู้อยู่ ฉันบิณฑบาตที่ภิกษุณีแนะนำให้จัดเตรียม ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่าจะฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ในทุก ๆ คำกลืน

๑๐. รโหนิสัชชสิกขาบท
ภิกษุนั่งในที่ลับกับภิกษุณีสองต่อสอง ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังนั่ง ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อนั่งแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์
โอวาทวรรคที่ ๓ จบ

๔. โภชนวรรค
๑. อาวสถปิณฑสิกขาบท
[๑๖๘] ภิกษุฉันภัตตาหารในที่พักแรมเกินกว่าหนึ่งมื้อ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่าจะฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำกลืน

๒. คณโภชนสิกขาบท
ภิกษุฉันคณโภชนะ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่าจะฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำกลืน

๓. ปรัมปรโภชนสิกขาบท
ภิกษุฉันปรัมปรโภชนะ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่าจะฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำกลืน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๔๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๔. โภชนวรรค
๔. กาณมาตุสิกขาบท
ภิกษุรับขนมเต็ม ๒-๓ บาตร แล้วรับเกินกว่านั้น ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังรับ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อรับแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๕. ปฐมปวารณาสิกขาบท
ภิกษุฉันแล้ว บอกห้ามภัตตาหารแล้ว เคี้ยวของเคี้ยวหรือฉันของฉันที่ไม่เป็นเดน
ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่าจะฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำกลืน

๖. ทุติยปวารณาสิกขาบท
ภิกษุนำของเคี้ยวหรือของฉันที่ไม่เป็นเดนไปปวารณาภิกษุผู้ฉันเสร็จแล้ว บอก
ห้ามภัตตาหารแล้ว ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. ภิกษุรับไว้ตามคำของภิกษุนั้นด้วยตั้งใจว่า “จะเคี้ยว จะฉัน” ภิกษุ
ผู้นำไปต้องอาบัติทุกกฏ
๒. เมื่อภิกษุผู้รับนั้นฉันเสร็จ ภิกษุผู้นำไปปวารณา ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๗. วิกาลโภชนสิกขาบท
ภิกษุเคี้ยวของเคี้ยวหรือฉันของฉันในเวลาวิกาล ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่า “จะเคี้ยว จะฉัน” ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำกลืน

๘. สันนิธิการกสิกขาบท
ภิกษุเคี้ยวของเคี้ยวหรือฉันของฉันที่เก็บสะสมไว้ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๔๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๕. อเจลกวรรค
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่า “จะเคี้ยว จะฉัน” ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำกลืน

๙. ปณีตโภชนสิกขาบท
ภิกษุออกปากขอโภชนะอันประณีตมาเพื่อตนแล้วฉัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่า “จะฉัน” ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำกลืน

๑๐. ทันตโปนสิกขาบท
ภิกษุกลืนอาหารที่ยังไม่มีผู้ถวายให้ล่วงลำคอ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่า “จะฉัน” ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คำกลืน
โภชนวรรคที่ ๔ จบ

๕. อเจลกวรรค
๑. อเจลกสิกขาบท
[๑๖๙] ภิกษุให้ของเคี้ยวหรือของฉันแก่อเจลกปริพาชก หรือปริพาชิกาด้วย
มือตน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังให้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อให้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๒. อุยโยชนสิกขาบท
ภิกษุผู้กล่าวชักชวนภิกษุว่า “ท่านจงมาเถิด พวกเราจะเข้าไปบิณฑบาตในหมู่
บ้าน หรือในนิคม” แล้วให้ทายกถวายหรือไม่ให้ทายกถวายแก่ภิกษุนั้นแล้วนิมนต์กลับ
ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๔๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๕. อเจลกวรรค
๑. กำลังนิมนต์กลับ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อนิมนต์กลับแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๓. สโภชนสิกขาบท
ภิกษุเข้าไปนั่งแทรกแซงในตระกูลที่มีคน ๒ คน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังนั่ง ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อนั่งแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๔. รโหปฏิจฉันนสิกขาบท
ภิกษุนั่งบนอาสนะที่กำบังในที่ลับกับมาตุคาม ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังนั่ง ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อนั่งแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๕. รโหนิสัชชสิกขาบท
ภิกษุนั่งในที่ลับกับมาตุคามสองต่อสอง ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังนั่ง ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อนั่งแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๖. จาริตตสิกขาบท
ภิกษุรับนิมนต์ไว้แล้ว มีภัตตาหารอยู่แล้ว ไม่บอกลาภิกษุที่มีอยู่เที่ยวสัญจรไป
ในตระกูลทั้งหลาย ก่อนเวลาฉันภัตตาหาร หรือหลังเวลาฉันภัตตาหาร ต้องอาบัติ ๒
อย่าง คือ
๑. ก้าวเท้าที่ ๑ ล่วงธรณีประตู ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ก้าวเท้าที่ ๒ ล่วง(ธรณีประตู) ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๗. มหานามสิกขาบท
ภิกษุออกปากขอเภสัชเกินกว่ากำหนด ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๔๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๖. สุราเมรยวรรค
๑. กำลังออกปากขอ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อออกปากขอแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๘. อุยยุตตเสนาสิกขาบท
ภิกษุไปดูกองทัพที่เคลื่อนขบวนออกรบ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังไป ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ยืนดูในระยะที่พอมองเห็น ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๙. เสนาวาสสิกขาบท
ภิกษุพักแรมอยู่ในกองทัพเกินกว่า ๓ คืน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังพักแรมอยู่ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อพักแรมอยู่แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๑๐. อุยโยธิกสิกขาบท
ภิกษุเที่ยวไปสู่สนามรบ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังเที่ยวไป ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ยืนดูในระยะที่พอมองเห็น ต้องอาบัติปาจิตตีย์
อเจลกวรรคที่ ๕ จบ

๖. สุราเมรยวรรค
๑. สุราปานสิกขาบท
[๑๗๐] ภิกษุดื่มน้ำเมา ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่า “จะดื่ม” ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ดื่ม ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุก ๆ คราวที่ดื่มเข้าไป

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๔๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๖. สุราเมรยวรรค
๒. อังคุลิปโตทกสิกขาบท
ภิกษุใช้นิ้วมือจี้ภิกษุให้หัวเราะ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังจี้ให้หัวเราะ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อให้หัวเราะแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๓. หัสสธัมมสิกขาบท
ภิกษุเล่นน้ำ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. เล่นในน้ำตื้นใต้ข้อเท้า ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. เล่นในน้ำลึกพอท่วมข้อเท้า ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๔. อนาทริยสิกขาบท
ภิกษุไม่เอื้อเฟื้อ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังไม่เอื้อเฟื้อ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อไม่เอื้อเฟื้อแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๕. ภิงสาปนสิกขาบท
ภิกษุทำให้ภิกษุตกใจ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังทำให้ตกใจ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อทำให้ตกใจแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๖. โชติกสิกขาบท
ภิกษุก่อไฟผิง ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังก่อ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อก่อเสร็จแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๗. นหานสิกขาบท
ภิกษุยังไม่ถึงครึ่งเดือนอาบน้ำ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๔๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๗. สัปปาณกวรรค
๑. กำลังอาบ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่ออาบเสร็จ ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๘. ทุพพัณณกรณสิกขาบท
ภิกษุไม่ใช้วัตถุที่ทำให้สีเสีย ๓ ชนิดอย่างใดอย่างหนึ่งมาทำให้เสียสี แล้วใช้สอย
จีวรใหม่ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังใช้สอย ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อใช้สอยแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๙. วิกัปปนสิกขาบท
ภิกษุวิกัปจีวรด้วยตนเองแก่ภิกษุ หรือแก่ภิกษุณี หรือแก่สิกขมานา หรือแก่
สามเณร หรือแก่สามเณรี แล้วใช้สอยจีวรที่ยังมิได้ปัจจุทธรณ์ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังใช้สอย ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อใช้สอยแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๑๐. จีวรอปนิธานสิกขาบท
ภิกษุเอาบาตรหรือจีวร ผ้าปูนั่ง กล่องเข็ม หรือประคดเอวของภิกษุไปซ่อน
ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังเอาไปซ่อน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อเอาไปซ่อนแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์
สุราเมรยวรรคที่ ๖ จบ

๗. สัปปาณกวรรค
๑. สัญจิจจสิกขาบท
[๑๗๑] ถาม : ภิกษุจงใจปลงชีวิตสัตว์ ต้องอาบัติเท่าไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๔๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๗. สัปปาณกวรรค
ตอบ : ภิกษุจงใจปลงชีวิตสัตว์ ต้องอาบัติ ๔ อย่าง คือ
๑. ขุดหลุมพรางไว้ไม่เจาะจงด้วยคิดว่า “ใครก็ได้จะตกลงไปตาย” ต้อง
อาบัติทุกกฏ
๒. มนุษย์ตกลงไปตายในหลุมนั้น ต้องอาบัติปาราชิก
๓. ยักษ์ เปรต หรือสัตว์ดิรัจฉานมีกายเป็นมนุษย์๑ ตกลงไปตายในหลุมนั้น
ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๔. สัตว์ดิรัจฉานตกลงไปตายในหลุมนั้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์
ภิกษุจงใจปลงชีวิตสัตว์ ต้องอาบัติ ๔ อย่างเหล่านี้

๒. สัปปาณกสิกขาบท
ภิกษุรู้อยู่ว่าน้ำมีสัตว์มีชีวิต ก็ยังบริโภค ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังบริโภค ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อบริโภคแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๓. อุกโกฏนสิกขาบท
ภิกษุรู้อยู่ รื้อฟื้นอธิกรณ์ที่ตัดสินไปแล้วอย่างถูกต้อง เพื่อพิจารณาใหม่ ต้อง
อาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังรื้อฟื้น ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อรื้อฟื้นเสร็จแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๔. ทุฏฐุลลสิกขาบท
ภิกษุรู้อยู่ ปกปิดอาบัติชั่วหยาบของภิกษุอื่น ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ปาจิตตีย์

เชิงอรรถ :
๑ หมายถึงสัตว์ดิรัจฉาน เช่น นาคและครุฑแปลงร่างเป็นมนุษย์ (สารตฺถ.ฏีกา ๒/๑๗๖/๓๒๖, กงฺขา.ฏีกา
๒๓๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๔๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๗. สัปปาณกวรรค
๕. อูนวีสติวัสสสิกขาบท
ภิกษุรู้อยู่ อุปสมบทให้บุคคลผู้มีอายุหย่อนกว่า ๒๐ ปี ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังอุปสมบทให้ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่ออุปสมบทเสร็จแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๖. เถยยสัตถสิกขาบท
ภิกษุรู้อยู่ ชักชวนกันเดินทางไกลร่วมกันกับกลุ่มพ่อค้าเกวียนผู้เป็นโจร ต้อง
อาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังเดินทาง ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อเดินทางไปแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๗. สังวิธานสิกขาบท
ภิกษุชักชวนกันเดินทางไกลร่วมกันกับมาตุคาม ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังเดินทาง ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อเดินทางไปแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๘. อริฏฐสิกขาบท
ภิกษุไม่สละทิฏฐิบาป จนกระทั่งสงฆ์สวดสมนุภาสน์ครบ ๓ ครั้ง ต้องอาบัติ
๒ อย่าง คือ
๑. จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. จบกรรมวาจา ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๙. อุกขิตตสัมโภคสิกขาบท
ภิกษุรู้อยู่ยังคบหาภิกษุผู้กล่าวตู่อย่างนั้น ผู้ที่สงฆ์ยังไม่ได้ทำธรรมอันสมควร
ผู้ยังไม่ยอมสละทิฏฐินั้น ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังคบหา ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อคบหาแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๔๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๘. สหธัมมิกวรรค
๑๐. กัณฏกสิกขาบท
ภิกษุรู้อยู่ ปลอบโยนสมณุทเทสผู้ถูกสงฆ์นาสนะแล้วอย่างนั้น ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังปลอบโยน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อปลอบโยนแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์
สัปปาณกวรรคที่ ๗ จบ

๘. สหธัมมิกวรรค
๑. สหธัมมิกสิกขาบท
[๑๗๒] ภิกษุผู้อันภิกษุทั้งหลายว่ากล่าวตักเตือนอยู่โดยชอบธรรม กลับกล่าว
ว่า “ท่านทั้งหลาย กระผมจะยังไม่ศึกษาในสิกขาบทนี้ จนกว่าจะได้สอบถามภิกษุ
รูปอื่นผู้ฉลาด ผู้เป็นวินัยธร” ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังกล่าว ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อกล่าวแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๒. วิเลขนสิกขาบท
ภิกษุดูหมิ่นพระวินัย ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังดูหมิ่น ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อดูหมิ่นแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๓. โมหนสิกขาบท
ภิกษุแสร้งทำผู้อื่นให้หลง ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. เมื่อสงฆ์ยังไม่ยกโมหาโรปนกรรมขึ้นปรับ ทำผู้อื่นให้หลง ต้องอาบัติ
ทุกกฏ
๒. เมื่อสงฆ์ยกโมหาโรปนกรรมขึ้นปรับแล้ว ทำผู้อื่นให้หลง ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๕๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๘. สหธัมมิกวรรค
๔. ปหารสิกขาบท
ภิกษุโกรธ ไม่พอใจ ทำร้ายภิกษุ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังทำร้าย ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อทำร้ายแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๕. ตลสัตติกสิกขาบท
ภิกษุโกรธ ไม่พอใจ เงื้อหอกคือฝ่ามือให้ภิกษุ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังเงื้อ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อเงื้อแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๖. อมูลกสิกขาบท
ภิกษุใส่ความภิกษุด้วยอาบัติสังฆาทิเสสที่ไม่มีมูล ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังใส่ความ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อใส่ความแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๗. สัญจิจจสิกขาบท
ภิกษุจงใจก่อความรำคาญให้แก่ภิกษุ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังก่อ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อก่อแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๘. อุปัสสุติสิกขาบท
ภิกษุยืนแอบฟังพวกภิกษุผู้บาดหมาง ทะเลาะ วิวาทกัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. เดินไปด้วยตั้งใจว่า “จะฟัง” ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ยืนอยู่ในที่ที่จะได้ยิน ต้องอาบัติปาจิตตีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๕๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๘. สหธัมมิกวรรค
๙. กัมมปฏิพาหนสิกขาบท
ภิกษุให้ฉันทะเพื่อกรรมที่ทำถูกต้องแล้ว กลับติเตียนในภายหลัง ต้องอาบัติ ๒
อย่าง คือ
๑. กำลังติเตียน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อติเตียนแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๑๐. ฉันทอทัตวาคมนสิกขาบท
ภิกษุเมื่อยังมีเรื่องที่ต้องวินิจฉัยอยู่ในสงฆ์ ไม่ให้ฉันทะแล้วลุกจากอาสนะหลีกไป
ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. เมื่อกำลังจะละหัตถบาสที่ชุมนุมสงฆ์ ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. เมื่อละหัตถบาสไปแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๑๑. ทัพพสิกขาบท
ภิกษุร่วมกับสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันให้จีวรไปแล้วกลับติเตียนในภายหลัง ต้องอาบัติ
๒ อย่าง คือ
๑. กำลังติเตียน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อติเตียนแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๑๒. ปริณามนสิกขาบท
ภิกษุรู้อยู่ น้อมลาภที่เขาน้อมไว้เป็นของจะถวายสงฆ์ไปเพื่อบุคคล ต้องอาบัติ
๒ อย่าง คือ
๑. กำลังน้อมไป ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อน้อมไปแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์
สหธัมมิกวรรคที่ ๘ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๕๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๙. ราชวรรค
๙. ราชวรรค
๑. อันเตปุรสิกขาบท
[๑๗๓] ภิกษุไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้า เข้าเขตพระราชฐานชั้นใน ต้องอาบัติ ๒
อย่าง คือ
๑. ก้าวเท้าที่ ๑ ล่วงธรณีประตู ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ก้าวเท้าที่ ๒ ล่วงธรณีประตู ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๒. รตนสิกขาบท
ภิกษุเก็บรัตนะ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังเก็บ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อเก็บแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๓. วิกาลคามปเวสนสิกขาบท
ภิกษุไม่บอกลาภิกษุที่มีอยู่แล้ว เข้าหมู่บ้านในเวลาวิกาล๑ ต้องอาบัติ ๒ อย่าง
คือ
๑. ยกเท้าแรกก้าวเข้าเขตรั้วล้อม ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ยกเท้าที่ ๒ ก้าวเลยเข้าไป ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๔. สูจิฆรสิกขาบท
ภิกษุทำกล่องเข็มด้วยกระดูก ด้วยงา หรือด้วยเขา ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังทำ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อทำเสร็จแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

เชิงอรรถ :
๑ เวลาวิกาล ในที่นี้ประสงค์เอาตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงอรุณขึ้น (วิ.มหา. (แปล) ๒/๕๑๓/๖๐๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๕๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๕. ปาจิตติยกัณฑ์ ๙. ราชวรรค
๕. มัญจปีฐสิกขาบท
ภิกษุให้ทำเตียงหรือตั่งเกินขนาด ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังทำ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อทำเสร็จแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๖. ตูโลนัทธสิกขาบท
ภิกษุให้ทำเตียงหรือตั่งหุ้มนุ่น ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังทำ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อทำเสร็จแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๗. นิสีทนสิกขาบท
ภิกษุให้ทำผ้ารองนั่งเกินขนาด ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังทำ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อทำเสร็จแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๘. กัณฑุปฏิจฉาทิสิกขาบท
ภิกษุให้ทำผ้าปิดฝีเกินขนาด ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังทำ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อทำเสร็จแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๙. วัสสิกสาฏิกาสิกขาบท
ภิกษุให้ทำผ้าอาบน้ำฝนเกินขนาด ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังทำ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อทำเสร็จแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์

๑๐. นันทสิกขาบท
ถาม : ภิกษุให้ทำจีวรเท่ากับสุคตจีวร ต้องอาบัติเท่าไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๕๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๖. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
ตอบ : ภิกษุให้ทำจีวรเท่ากับสุคตจีวร ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. กำลังทำ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
๒. เมื่อทำเสร็จแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์
ภิกษุให้ทำจีวรเท่ากับสุคตจีวร ต้องอาบัติ ๒ อย่างเหล่านี้
ราชวรรคที่ ๙ จบ
ขุททกสิกขาบท จบ

๖. ปาฏิเทสนียกัณฑ์
คำถาม - คำตอบจำนวนอาบัติในปาฏิเทสนียกัณฑ์
๑. ปฐมปาฏิเทสนียสิกขาบท
[๑๗๔] ถาม : ภิกษุรับของเคี้ยวหรือของฉันด้วยมือตนจากมือของภิกษุณีผู้ไม่
ใช่ญาติผู้เข้าไปในละแวกบ้านแล้วฉัน ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : ภิกษุรับของเคี้ยวหรือของฉันด้วยมือตนจากมือของภิกษุณีผู้ไม่ใช่ญาติ
ผู้เข้าไปในละแวกบ้านแล้วฉัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่า “จะฉัน” ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ทุก ๆ คำกลืน
ภิกษุรับของเคี้ยวหรือของฉันด้วยมือตนจากมือของภิกษุณีผู้ไม่ใช่ญาติผู้เข้าไป
ในละแวกบ้านแล้วฉัน ต้องอาบัติ ๒ อย่างเหล่านี้

๒. ทุติยปาฏิเทสนียสิกขาบท
ภิกษุไม่ห้ามภิกษุณีผู้บงการ(ทายก)อยู่ แล้วฉัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่า “จะฉัน” ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ทุก ๆ คำกลืน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๕๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๑. ปริมัณฑลวรรค
๓. ตติยปาฏิเทสนียสิกขาบท
ภิกษุรับของเคี้ยวหรือของฉันในตระกูลที่ได้รับสมมติว่าเป็นเสขะด้วยมือตนเองแล้ว
ฉัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่า “จะฉัน” ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ทุก ๆ คำกลืน

๔. จตุตถปาฏิเทสนียสิกขาบท
ถาม : ภิกษุผู้ที่ไม่ได้รับแจ้งไว้ก่อนรับของเคี้ยวหรือของฉันด้วยมือตนเองในอาราม
ในเสนาสนะป่าแล้วฉัน ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : ภิกษุผู้ที่ไม่ได้รับแจ้งไว้ก่อนรับของเคี้ยวหรือของฉันด้วยมือตนเองใน
อารามในเสนาสนะป่าแล้วฉัน ต้องอาบัติ ๒ อย่าง คือ
๑. รับประเคนด้วยตั้งใจว่า “จะฉัน” ต้องอาบัติทุกกฏ
๒. ฉัน ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ทุก ๆ คำกลืน
ภิกษุผู้ที่ไม่ได้รับแจ้งไว้ก่อนรับของเคี้ยวหรือของฉันด้วยมือตนเองในอารามใน
เสนาสนะป่าแล้วฉัน ต้องอาบัติ ๒ อย่างเหล่านี้
ปาฏิเทสนียะ ๔ สิกขาบท จบ

๗. เสขิยกัณฑ์
คำถาม - คำตอบจำนวนอาบัติในเสขิยกัณฑ์
๑. ปริมัณฑลวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๑๗๕] ถาม : ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ครองอันตรวาสกย้อยข้างหน้าบ้าง ข้างหลังบ้าง
ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ครองอันตรวาสกย้อยข้างหน้าบ้าง ข้างหลังบ้าง
ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๕๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๑. ปริมัณฑลวรรค
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ครองอันตรวาสกย้อยข้างหน้าบ้าง ข้างหลังบ้าง ต้องอาบัติ
๑ อย่างนี้
สิกขาบทที่ ๒
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ครองอุตตราสงค์ย้อยข้างหน้าบ้าง ข้างหลังบ้าง ต้องอาบัติ
๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๓
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินเปิดกายไปในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๔
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ นั่งเปิดกายในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ
อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๕
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินคะนองมือบ้าง คะนองเท้าบ้างไปในละแวกบ้าน ต้อง
อาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๖
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ คะนองมือบ้าง คะนองเท้าบ้าง นั่งในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ
๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๗
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินมองดูในที่นั้น ๆ ไปในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง
คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๘
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ นั่งมองดูในที่นั้น ๆ ในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ
อาบัติทุกกฏ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๕๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๒. อุชชัคฆิกวรรค
สิกขาบทที่ ๙
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินเวิกผ้าไปในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๑๐
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ นั่งเวิกผ้าในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ
ปริมัณฑลวรรคที่ ๑ จบ

๒. อุชชัคฆิกวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๑๗๖] ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินหัวเราะดังไปในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง
คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๒
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ นั่งหัวเราะดังในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๓
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินตะโกนเสียงดังไปในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ
อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๔
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ นั่งตะโกนเสียงดังในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ
อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๕
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินโคลงกายไปในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๕๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๓. ขัมภกตวรรค
สิกขาบทที่ ๖
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ นั่งโคลงกายในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๗
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินแกว่งแขน ห้อยแขนไปในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง
คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๘
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ นั่งแกว่งแขน ห้อยแขนในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง
คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๙
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินโคลงศีรษะไปในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ
อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๑๐
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ นั่งโคลงศีรษะในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ
อุชชัคฆิกวรรคที่ ๒ จบ

๓. ขัมภกตวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๑๗๗] ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินเท้าสะเอวไปในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง
คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๒
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ นั่งเท้าสะเอวในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๕๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๓. ขัมภกตวรรค
สิกขาบทที่ ๓
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินคลุมศีรษะไปในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ
อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๔
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ นั่งคลุมศีรษะในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๕
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินกระโหย่งไปในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๖
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ นั่งรัดเข่าในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๗
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ รับบิณฑบาตโดยไม่เคารพ ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๘
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ รับบิณฑบาตมองดูในที่นั้น ๆ ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๙
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เลือกรับเฉพาะแกงมาก ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๑๐
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ รับบิณฑบาตล้นขอบปากบาตร ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ
อาบัติทุกกฏ
ขัมภกตวรรคที่ ๓ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๖๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๔. ปิณฑปาตวรรค
๔. ปิณฑปาตวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๑๗๘] ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันบิณฑบาตโดยไม่เคารพ ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ
อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๒
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันบิณฑบาตมองดูที่นั้น ๆ ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๓
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันบิณฑบาตเจาะลงในที่นั้น ๆ ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๔
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันเฉพาะแกงมาก ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๕
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันบิณฑบาตขยุ้มลงแต่ยอด ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๖
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ใช้ข้าวสุกกลบแกงหรือกับข้าว ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๗
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ไม่เป็นไข้ ออกปากขอแกงหรือข้าวสุกมาฉันส่วนตัว ต้องอาบัติ
๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๘
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ มุ่งตำหนิ มองดูบาตรของภิกษุเหล่าอื่น ต้องอาบัติ ๑ อย่าง
คือ อาบัติทุกกฏ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๖๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๕. กพฬวรรค
สิกขาบทที่ ๙
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ทำคำข้าวให้ใหญ่เกิน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๑๐
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ทำคำข้าวยาว ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
ปิณฑปาตวรรคที่ ๔ จบ

๕. กพฬวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๑๗๙] ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ อ้าปากรอคำข้าวที่ยังไม่ถึงปาก ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ
อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๒
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ขณะกำลังฉัน สอดมือทั้งหมดเข้าไปในปาก ต้องอาบัติ ๑
อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๓
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ พูดคุยขณะที่ในปากมีคำข้าว ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๔
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันโยนคำข้าว ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๕
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันกัดคำข้าว ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๖
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันภัตตาหารทำกระพุ้งแก้มให้ตุ่ย ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ
อาบัติทุกกฏ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๖๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๖. สุรุสุรุวรรค
สิกขาบทที่ ๗
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันสะบัดมือ ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๘
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันโปรยเมล็ดข้าว ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๙
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันแลบลิ้น ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๑๐
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันทำเสียงดังจั๊บ ๆ ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
กพฬวรรคที่ ๕ จบ

๖. สุรุสุรุวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๑๘๐] ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันทำเสียงดังซู้ด ๆ ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๒
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันเลียมือ ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๓
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันขอดบาตร ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๔
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันเลียริมฝีปาก ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๖๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๗. ปาทุกวรรค
สิกขาบทที่ ๕
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ จับภาชนะน้ำดื่มด้วยมือเปื้อนอาหาร ต้องอาบัติ ๑ อย่าง
คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๖
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เทน้ำล้างบาตรมีเมล็ดข้าวในละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง
คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๗
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่บุคคลผู้กั้นร่ม ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๘
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่คนถือไม้พลอง ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๙
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่คนถือศัสตรา ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๑๐
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่คนถืออาวุธ ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ
สุรุสุรุวรรคที่ ๖ จบ

๗. ปาทุกวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๑๘๑] ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่คนผู้สวมเขียงเท้า ต้องอาบัติ ๑ อย่าง
คือ อาบัติทุกกฏ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๖๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๗. ปาทุกวรรค
สิกขาบทที่ ๒
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่คนสวมรองเท้า ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๓
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่คนอยู่ในยานพาหนะ ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ
อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๔
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่คนผู้อยู่บนที่นอน ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ
อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๕
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่คนที่นั่งรัดเข่า ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๖
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่คนผู้โพกศีรษะ ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ
อาบัติ ทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๗
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่คนผู้คลุมศีรษะ ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติ
ทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๘
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ นั่งอยู่บนพื้นดิน แสดงธรรมแก่คนผู้นั่งบนอาสนะ ต้องอาบัติ
๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๙
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ นั่งอยู่บนอาสนะต่ำ แสดงธรรมแก่คนผู้นั่งบนอาสนะสูง ต้อง
อาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๖๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๒. กตาปัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์ ๗. ปาทุกวรรค
สิกขาบทที่ ๑๐
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ยืนแสดงธรรมแก่คนผู้นั่งอยู่ ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ
อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๑๑
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินอยู่ข้างหลัง แสดงธรรมแก่คนผู้เดินไปข้างหน้า ต้อง
อาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๑๒
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ เดินอยู่นอกทาง แสดงธรรมแก่คนผู้เดินไปในทาง ต้องอาบัติ
๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๑๓
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ยืนถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะ ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ
อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๑๔
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลายลงบนของเขียว
ต้องอาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
สิกขาบทที่ ๑๕
ถาม : ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลายลงในน้ำ
ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลายลงในน้ำ ต้องอาบัติ
๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลายลงในน้ำ ต้องอาบัติ
๑ อย่างนี้
ปาทุกวรรคที่ ๗ จบ
เสขิยวัตร ๗๕ สิกขาบท จบ
กตาปัตติวารที่ ๒ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๖๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๓. วิปัตติวาร ๗. เสขิยกัณฑ์
๓. วิปัตติวาร
วาระว่าด้วยเป็นวิบัติ
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบวิบัติในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑
[๑๘๒] ถาม : อาบัติของภิกษุผู้เสพเมถุนธรรม บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง จัด
เป็นวิบัติเท่าไร
ตอบ : อาบัติของภิกษุผู้เสพเมถุนธรรม บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง๑ จัดเป็นวิบัติ
๒ อย่าง คือ (๑) สีลวิบัติ (๒) อาจารวิบัติ
ฯลฯ

๗. เสขิยกัณฑ์
คำถาม - คำตอบวิบัติในเสขิยกัณฑ์
ฯลฯ
๗. ปาทุกวรรค
ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๕
ถาม : อาบัติของภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลาย
ลงในน้ำ บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติเท่าไร

เชิงอรรถ :
๑ วิบัติ ในที่นี้หมายเอาวิบัติ ๔ อย่าง คือ (๑) สีลวิบัติ (๒) อาจารวิบัติ (๓) ทิฏฐิวิบัติ (๔) อาชีววิบัติ
(ดูข้อ ๓๒๔ หน้า ๔๕๕ ในเล่มนี้)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๖๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๔. สังคหิตวาร ๗. เสขิยกัณฑ์
ตอบ : อาบัติของภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลาย
ลงในน้ำ บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติ ๑ อย่าง คือ อาจารวิบัติ
วิปัตติวารที่ ๓ จบ

๔. สังคหิตวาร
วาระว่าด้วยจัดเข้ากองอาบัติ
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบจัดกองอาบัติในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑
[๑๘๓] ถาม : อาบัติของภิกษุผู้เสพเมถุนธรรม บรรดากองอาบัติ ๗ กอง
จัดเข้ากองอาบัติเท่าไร
ตอบ : อาบัติของภิกษุผู้เสพเมถุนธรรม บรรดากองอาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากอง
อาบัติ ๓ กอง คือ (๑) กองอาบัติปาราชิก (๒) กองอาบัติถุลลัจจัย (๓) กอง
อาบัติทุกกฏ
ฯลฯ

๗. เสขิยกัณฑ์
คำถาม - คำตอบจัดกองอาบัติเสขิยกัณฑ์
ฯลฯ
๗. ปาทุกวรรค
ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๕
ถาม : อาบัติของภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลาย
ลงในน้ำ บรรดากองอาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติเท่าไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๖๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๕. สมุฏฐานวาร ๗. เสขิยกัณฑ์
ตอบ : อาบัติของภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลาย
ลงในน้ำ บรรดากองอาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติ ๑ กอง คือ กองอาบัติทุกกฏ
สังคหิตวารที่ ๔ จบ

๕. สมุฏฐานวาร
วาระว่าด้วยสมุฏฐาน
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสมุฏฐานอาบัติในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑
[๑๘๔] ถาม : อาบัติของภิกษุผู้เสพเมถุนธรรม บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖
สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
ตอบ : อาบัติของภิกษุผู้เสพเมถุนธรรม บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
ฯลฯ

๗. เสขิยกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสมุฏฐานอาบัติในเสขิยกัณฑ์
ฯลฯ
๗. ปาทุกวรรค
ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๕
ถาม : อาบัติของภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลาย
ลงในน้ำ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๖๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๖. อธิกรณวาร ๗. เสขิยกัณฑ์
ตอบ : อาบัติของภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลาย
ลงในน้ำ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน
คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
สมุฏฐานวารที่ ๕ จบ

๖. อธิกรณวาร
วาระว่าด้วยจัดเป็นอธิกรณ์
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบอธิกรณ์ในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑
[๑๘๕] ถาม : อาบัติของภิกษุผู้เสพเมถุนธรรม บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง
จัดเป็นอธิกรณ์ไหน
ตอบ : อาบัติของภิกษุผู้เสพเมถุนธรรม บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง จัดเป็น
อาปัตตาธิกรณ์
ฯลฯ

๗. เสขิยกัณฑ์
คำถาม - คำตอบอธิกรณ์ในเสขิยกัณฑ์
ฯลฯ
๗. ปาทุกวรรค
ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๕
ถาม : อาบัติของภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลาย
ลงในน้ำ บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง จัดเป็นอธิกรณ์ไหน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๗๐ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๗. สมถวาร ๗. เสขิยกัณฑ์
ตอบ : อาบัติของภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลายลง
ในน้ำ บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์
อธิกรณวารที่ ๖ จบ

๗. สมถวาร
วาระว่าด้วยการระงับด้วยสมถะ
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสมถะในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑
[๑๘๖] ถาม : อาบัติของภิกษุผู้เสพเมถุนธรรม บรรดาสมถะ ๗ อย่าง
ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ตอบ : อาบัติของภิกษุผู้เสพเมถุนธรรม บรรดาสมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วย
สมถะ ๓ อย่าง คือ (๑) สัมมุขาวินัย (๒) ปฏิญญาตกรณะ (๓) สัมมุขาวินัยกับ
ติณวัตถารกะ
ฯลฯ

๗. เสขิยกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสมถะในเสขิยกัณฑ์
ฯลฯ
๗. ปาทุกวรรค
ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๕
ถาม : อาบัติของภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลาย
ลงในน้ำ บรรดาสมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะเท่าไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๗๑ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๘. สมุจจยวาร ๗. เสขิยกัณฑ์
ตอบ : อาบัติของภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลาย
ลงในน้ำ บรรดาสมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะ ๓ อย่าง คือ (๑) สัมมุขาวินัย
(๒) ปฏิญญาตกรณะ (๓) สัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ
สมถวารที่ ๗ จบ

๘. สมุจจยวาร
วาระว่าด้วยการสรุปรวม
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสรุปรวมอาบัติในปาราชิกกัณฑ์
ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑
[๑๘๗] ถาม : ภิกษุเสพเมถุนธรรม ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : ภิกษุเสพเมถุนธรรม ต้องอาบัติ ๓ อย่าง คือ
๑. เสพเมถุนธรรมในซากศพที่ยังไม่ถูกสัตว์กัดกิน ต้องอาบัติปาราชิก
๒. เสพเมถุนธรรมในซากศพที่ถูกสัตว์กัดกินโดยมาก ต้องอาบัติถุลลัจจัย
๓. สอดองคชาตเข้าไปในปากที่อ้า แต่มิได้ถูกต้อง ต้องอาบัติทุกกฏ
ภิกษุเสพเมถุนธรรม ต้องอาบัติ ๓ อย่างนี้
ถาม : อาบัติเหล่านั้น บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดากอง
อาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติเท่าไร บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน
เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง จัดเป็นอธิกรณ์ไหน บรรดาสมถะ
๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ตอบ : อาบัติเหล่านั้น บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติ ๒ อย่าง คือ
(๑) สีลวิบัติ (๒) อาจารวิบัติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๗๒ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๘. สมุจจยวาร ๗. เสขิยกัณฑ์
บรรดากองอาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติ ๓ กอง คือ (๑) กองอาบัติ
ปาราชิก (๒) กองอาบัติถุลลัจจัย (๓) กองอาบัติทุกกฏ
บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ
เกิดทางกายและทางจิต มิใช่เกิดทางวาจา
บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์
บรรดาสมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะ ๓ อย่าง คือ (๑) สัมมุขาวินัย
(๒) ปฏิญญาตกรณะ (๓) สัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ
ฯลฯ

๗. เสขิยกัณฑ์
คำถาม - คำตอบสรุปรวมอาบัติในเสขิยกัณฑ์
ฯลฯ
๗. ปาทุกวรรค
ฯลฯ
สิกขาบทที่ ๑๕
ถาม : ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลายลงในน้ำ ต้อง
อาบัติเท่าไร
ตอบ : ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลายลงในน้ำ ต้อง
อาบัติ ๑ อย่าง คือ อาบัติทุกกฏ
ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลายลงในน้ำ ต้องอาบัติ
๑ อย่างนี้
ถาม : อาบัตินั้น บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดากองอาบัติ
๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติเท่าไร บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๗๓ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๘. สมุจจยวาร รวมวาระแรกที่มีในภิกขุวิภังค์ ๘ วาระคือ
ด้วยสมุฏฐานเท่าไร บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง จัดเป็นอธิกรณ์ไหน บรรดาสมถะ ๗
อย่าง ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ตอบ : อาบัตินั้น บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง จัดเป็นวิบัติ ๑ อย่าง คือ อาจารวิบัติ
บรรดากองอาบัติ ๗ กอง จัดเข้ากองอาบัติ ๑ กอง คือ กองอาบัติทุกกฏ
บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ
เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา
บรรดาอธิกรณ์ ๔ อย่าง จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์
บรรดาสมถะ ๗ อย่าง ระงับด้วยสมถะ ๓ อย่าง คือ (๑) สัมมุขาวินัย
(๒) ปฏิญญาตกรณะ (๓) สัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ
สมุจจยวารที่ ๘ จบ
๘ วาระนี้พระธรรมสังคีติกาจารย์เขียนไว้สำหรับสวดเท่านั้น
รวมวาระแรกที่มีในภิกขุวิภังค์ ๘ วาระ คือ

๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. กตาปัญญัตติวาร
๓. วิปัตติวาร ๔. สังคหิตวาร
๕. สมุฏฐานวาร ๖. อธิกรณวาร
๗. สมถวาร ๘. สมุจจยวาร


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๗๔ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
๑. กัตถปัญญัตติวาร
วาระว่าด้วยบัญญัติ ณ ที่ไหน
๑. ปาราชิกกัณฑ์
คำถาม - คำตอบในปาราชิกกัณฑ์
[๑๘๘] พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาราชิกเพราะการเสพเมถุนธรรมเป็นปัจจัย ณ ที่ไหน ทรงปรารภใคร
เพราะเรื่องอะไร ฯลฯ ใครนำมา

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติปาราชิกเพราะการเสพเมถุนธรรมเป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงเวสาลี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพระสุทินกลันทบุตร
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พระสุทินกลันทบุตรเสพเมถุนธรรมกับอดีตภรรยา
ถาม : ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ นั้น มีพระบัญญัติ พระอนุบัญญัติ อนุปปันน-
บัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ นั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๒ พระอนุบัญญัติ
ไม่มีอนุปปันนบัญญัติ
ถาม : มีสัพพัตถบัญญัติ ปเทสบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีสัพพัตถบัญญัติ
ถาม : มีสาธารณบัญญัติ อสาธารณบัญญัติอยู่หรือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๗๕ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
ตอบ : มีสาธารณบัญญัติ
ถาม : มีเอกโตบัญญัติ อุภโตบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีอุภโตบัญญัติ
ถาม : บรรดาพระปาติโมกขุทเทส ๕ อุทเทส ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ นี้
จัดเข้าในอุทเทสไหน นับเนื่องในอุทเทสไหน
ตอบ : จัดเข้าในนิทานุทเทส นับเนื่องในนิทานุทเทส
ถาม : มาสู่อุทเทส โดยอุทเทสไหน
ตอบ : มาสู่อุทเทส โดยอุทเทสที่ ๒
ถาม : บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง เป็นวิบัติอย่างไหน
ตอบ : เป็นสีลวิบัติ
ถาม : บรรดากองอาบัติ ๗ กอง เป็นกองอาบัติไหน
ตอบ : เป็นกองอาบัติปาราชิก
ถาม : บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
ตอบ : เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิด
ทางวาจา ฯลฯ
ถาม : ใครนำมา
ตอบ : พระเถระทั้งหลายนำสืบ ๆ กันมา
รายนามพระเถระผู้ทรงจำพระวินัยสืบกันมา
พระเถระเหล่านี้ คือ พระอุบาลี พระทาสกะ พระโสณกะ
พระสิคควะ และพระโมคคัลลีบุตร รวมเป็น ๕ รูป
เป็นผู้นำพระวินัยสืบ ๆ กันมาในชมพูทวีปอันมีสิริ
จากนั้น พระเถระผู้ประเสริฐมีปัญญามากเหล่านี้
คือ พระมหินทะ พระอิฏฏิยะ พระอุตติยะ พระสัมพละ๑ฯลฯ

เชิงอรรถ :
๑ ข้อความเหมือนในข้อ ๓ หน้า ๕-๗

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๗๖ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๑. ปาราชิกกัณฑ์
พระเถระผู้ประเสริฐมีปัญญามากเหล่านี้ รู้พระวินัย
ฉลาดในมรรค ได้ประกาศพระวินัยปิฎกไว้ในเกาะตามพปัณณิ

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๒
[๑๘๙] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาราชิกเพราะการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้เป็นปัจจัย ณ
ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงราชคฤห์
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพระธนิยกุมภการบุตร
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พระธนิยกุมภการบุตรถือเอาไม้หลวงซึ่งยังไม่ได้รับพระ
ราชทาน
ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๒ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ
บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน คือ
(๑) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา (๒) เกิดทางวาจากับจิต มิใช่เกิดทางกาย
(๓) เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๓
[๑๙๐] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาราชิกเพราะความจงใจพรากกายมนุษย์จากชีวิตเป็นปัจจัย ณ
ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงเวสาลี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภภิกษุหลายรูป

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๗๗ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑาทิ
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปฆ่ากันและกัน
ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๓ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ
บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน คือ
(๑) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา (๒) เกิดทางวาจากับจิต มิใช่เกิดทางกาย
(๓) เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๔
[๑๙๑] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติปาราชิกเพราะการกล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรมซึ่งไม่มีอยู่ไม่เป็นจริง
เป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงเวสาลี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภพวกภิกษุชาวฝั่งแม่น้ำวัคคุมุทา
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่พวกภิกษุชาวฝั่งแม่น้ำวัคคุมุทา กล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรม
ของกันและกันแก่พวกคฤหัสถ์
ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๔ นั้นมี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ
บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ สมุฏฐาน คือ
(๑) เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิดทางวาจา (๒) เกิดทางวาจากับจิต มิใช่เกิดทางกาย
(๓) เกิดทางกายวาจากับจิต ฯลฯ
ปาราชิก ๔ สิกขาบท จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๗๘ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑาทิ
๒. สังฆาทิเสสกัณฑาทิ
คำถาม - คำตอบในสังฆาทิเสสกัณฑ์ เป็นต้น
[๑๙๒] ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสเพราะการพยายามทำน้ำอสุจิให้เคลื่อนเป็นปัจจัย ณ
ที่ไหน ทรงปรารภใคร เพราะเรื่องอะไร ฯลฯ ใครนำมา

๑. สุกกวิสัฏฐิสิกขาบท
ถาม : พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น
ทรงบัญญัติสังฆาทิเสส เพราะการพยายามทำน้ำอสุจิให้เคลื่อนเป็นปัจจัย ณ ที่ไหน
ตอบ : ทรงบัญญัติ ณ กรุงสาวัตถี
ถาม : ทรงปรารภใคร
ตอบ : ทรงปรารภท่านพระเสยยสกะ
ถาม : เพราะเรื่องอะไร
ตอบ : เพราะเรื่องที่ท่านพระเสยยสกะพยายามทำน้ำอสุจิให้เคลื่อน
ถาม : ในสุกกวิสัฏฐิสิกขาบทนั้น มีพระบัญญัติ พระอนุบัญญัติ อนุปปันน-
บัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : ในสุกกวิสัฏฐิสิกขาบทนั้น มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนุบัญญัติ ไม่มี
อนุปปันนบัญญัติ
ถาม : มีสัพพัตถบัญญัติ ปเทสบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีสัพพัตถบัญญัติ
ถาม : มีสาธารณบัญญัติ อสาธารณบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีอสาธารณบัญญัติ
ถาม : มีเอกโตบัญญัติ อุภโตบัญญัติอยู่หรือ
ตอบ : มีเอกโตบัญญัติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๗๙ }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] ๑. กัตถปัญญัตติวาร ๒. สังฆาทิเลสกัณฑาทิ
ถาม : บรรดาพระปาติโมกขุทเทส ๕ อุทเทส สุกกวิสัฏฐิสิกขาบทนี้จัดเข้าใน
อุทเทสไหน นับเนื่องในอุทเทสไหน
ตอบ : จัดเข้าในนิทานุทเทส นับเนื่องในนิทานุทเทส
ถาม : มาสู่อุทเทส โดยอุทเทสไหน
ตอบ : มาสู่อุทเทส โดยอุทเทสที่ ๓
ถาม : บรรดาวิบัติ ๔ อย่าง เป็นวิบัติอย่างไหน
ตอบ : เป็นสีลวิบัติ
ถาม : บรรดากองอาบัติ ๗ กอง เป็นกองอาบัติไหน
ตอบ : เป็นกองอาบัติสังฆาทิเสส
ถาม : บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร
ตอบ : เกิดด้วยสมุฏฐาน ๑ สมุฏฐาน คือ เกิดทางกายกับจิต มิใช่เกิด
ทางวาจา
ถาม : ใครนำมา
ตอบ : พระเถระทั้งหลายนำสืบ ๆ กันมา
รายนามพระเถระผู้ทรงจำพระวินัยสืบกันมา
พระเถระเหล่านี้ คือ พระอุบาลี พระทาสกะ พระโสณกะ
พระสิคควะ และพระโมคคัลลีบุตร รวมเป็น ๕ รูป
เป็นผู้นำพระวินัยสืบ ๆ กันมาในชมพูทวีปอันมีสิริ
จากนั้น พระเถระผู้ประเสริฐมีปัญญามากเหล่านี้ คือ
พระมหินทะ พระอิฏฏิยะ พระอุตติยะ พระสัมพละ ฯลฯ
พระเถระผู้ประเสริฐมีปัญญามากเหล่านี้ รู้พระวินัย
ฉลาดในมรรค ได้ประกาศพระวินัยปิฎกไว้ในเกาะตามพปัณณิ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๘ หน้า :๑๘๐ }


>>>>> หน้าต่อไป >>>>>





eXTReMe Tracker