สมาชิก

บัญชีผู้ใช้
รหัสผ่าน


 

ประวัติวัดพระพุทธบาทบัวบก

วัดพระพุทธบาทบัวบก ตั้งอยู่บนไหล่เขาภูพาน ซึ่งอยู่บริเวณอาณาเขตของ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เป็นวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญต่อชาวอุดรธานีอีกแห่งหนึ่ง ห่างจากหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒ (อุดรธานี-หนองคาย) ประมาณ ๑๓ กิโลเมตร จะมีทางแยกซ้ายที่บริเวณบ้านดงไร่ เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข ๒๐๒๑ เพื่อไปยังอำเภอบ้านผือเป็นระยะทาง ๔๓ กิโลเมตร จากนั้นจึงเดินทางมาตามทางหลวงหมายเลข ๒๓๔๘ (บริเวณแยกโรงพยาบาลบ้านผือ ซึ่งจะไปยังอำเภอน้ำโสม) เป็นระยะทาง ๘ กิโลเมตร จนถึงบริเวณสามแยกบ้านติ้ว ก็ให้ขับรถตรงขึ้นเขาตามถนนลาดยาง อีกประมาณ ๔ กิโลเมตร ก็เข้าสู่เขตอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ถึงทางแยกเข้าอุทยานฯ ให้ตรงไปประมาณ ๒ กิโลเมตร ถึง วัดพระบาทบัวบก 

จุดเด่นของวัดมี พระธาตุเจดีย์ใหญ่ ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นระหว่าง พ.ศ. ๒๔๖๓-๒๔๗๙ โดยสร้างขึ้นครอบรอยพระพุทธบาทเอาไว้ คำว่า บ่บก เป็นชื่อของพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งที่เกิดตามป่า มีหัวและใบคล้ายใบบัว ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า "ผักหนอก" บ่บกนี้คงมีอยู่มากในบริเวณที่พบรอยพระพุทธบาท จึงเรียกรอยพระพุทธบาทนี้ว่า พระพุทธบาทบัวบก อาจมาจากคำว่า บัวบก ซึ่งหมายถึงไม่แห้งแล้งนั้นเอง 
          
รอยพระพุทธบาทบัวบก ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ภายในองค์พระธาตุขนาดใหญ่ที่วัดพระบาทบัวบก พระธาตุเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๓-๒๔๗๙ โดยมีพระอาจารย์ศรีทัตย์ สุวรรณมาโจ เป็นภิกษุสงฆ์ผู้นำในการก่อสร้างแบบขององค์พระธาตุเลียนแบบมาจากพระธาตุพนม แต่ได้ดัดแปลงภายในทำเป็นห้องครอบรอยพระพุทธบาทเอาไว้องค์พระธาตุมีความสูงประมาณ ๔๕ เมตร ยอดของพระธาตุบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่พบเมื่อครั้งขุดรื้อเศษปูนเก่าที่บริเวณรอยพระบาทออก ซึ่งในครั้งนั้นได้พบโบราณวัตถุอีกหลายชิ้น แต่ปัจจุบันทางวัดได้นำไปบรรจุไว้ในองค์พระธาตุแล้ว รอยพระบาทบัวบก ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในห้องด้านล่างขององค์พระธาตุ มีความยาว ๑.๙๓ เมตร กว้าง ๙๐ ซม. ปัจจุบันได้มีการก่อปูนเสริมให้เป็นรูปลักษณ์ของรอยพระบาทที่ชัดเจนขึ้น โดยตรงกลางทำเป็นลายดอกบัวบาน และมีนิ้วพระบาททั้งห้ายาวเสมอกัน บริเวณติดกับองค์พระธาตุทางทิศใต้ ทางวัดได้ก่อเสริมเพิงหินเป็น ศาสนสถานเรียกว่า "ถ้ำพระ" ซึ่งภายในประดิษฐานพระพุทธรูปสกุลช่างพื้นเมืองเป็นประธานของอาคาร ส่วนด้านนอกมีใบเสมาหินขนาดเล็กปักล้อมเพิงหินไว้ ถัดจากถ้ำพระไปอีกประมาณ ๕ เมตร มีอาคารอุโบสถของวัดตั้งอยู่ โดยทางวัดได้ดัดแปลงเพิงหิน ให้เป็นห้องขนาดเล็ก สำหรับใช้ในการทำสังฆกรรมของภิกษุสงฆ์ 
 
ซึ่งตำนานของชาวอีสานกล่าวไว้ว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาโปรดสัตว์ในที่ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ครั้งหนึ่งพระพุทธองค์ได้เสด็จมาประทับอยู่ที่ ดอยนันทะดังฮี ในแคว้นหลวงพระบาง ได้ทรงทราบว่า นาคแถบฝั่งโขงมีความดุร้าย มักรบกวนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายอยู่เป็นประจำ เพื่อที่จะโปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์ พระองค์จึงได้เสด็จไปยัง ถ้ำหนองบัวบาน และ ถ้ำบัวบก อันเป็นที่อาศัยของนาค ๒ ตัว คือ กุทโธปาปนาค และ มิลินทนาค พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงธรรมแก่กุทโธปาปนาค เมื่อกุทโธปาปนาคได้สดับพระธรรมเทศนาก็บังเกิดความเลื่อมใสประกาศตนเป็นอุบาสก และถือพระไตรสรณาคมน์เป็นสรณะ ที่พึ่งที่ระลึกตลอดชีวิต หลังจากนั้นกุทโธปาปนาคก็นึกถึงน้องชายคือมิลินทนาคว่า ควรจะได้สดับพระธรรมเทศนาจากพระพุทธองค์เช่นตน เพื่อจะได้ประพฤติตนในทางที่ถูกที่ควร จึงได้กราบทูลขอให้พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดเมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาถึงถ้ำบัวบกอันเป็นที่อยู่ของมิลินทนาค มิลินทนาคก็แสดงฤทธิ์อำนาจเพื่อขัดขวาง และทำร้ายพระพุทธองค์ด้วยวิธีต่าง ๆ แต่ไม่เป็นผล ในที่สุดจึงได้แปลงร่างเป็นมนุษย์ เข้าไปนมัสการพระพุทธองค์เพื่อขอขมา พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโปรดมิลินทนาคเมื่อมิลินทนาคได้สดับพระธรรมเทศนาแล้ว ก็สำนึกผิดในสิ่งที่ตนได้กระทำไปแล้วและทูลขอบรรพชาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา แต่เนื่องจากมิลินทนาคมิใช่มนุษย์ พระพุทธองค์จึงอุปสมบทให้ไม่ได้ เพราะผิดพระวินัย