การใช้เงินในอดีตตั้งแต่เริ่มแรกยุคประวัติศาสตร์นั้น มีหลักฐานการใช้เงินในฐานะที่เป็นเงินตรา และเครื่องพุทธบูชาบางอย่าง ส่วนการใช้เงินในฐานะที่เป็นสิ่งของเครื่องใช้ที่รู้จักกันทุกวันนี้นั้นพอจะลำ ดับความเป็นมาจากหลักฐานหลายอย่างต่อเนื่องกันมาแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 15-16 มีตำนานสิงหนวัติเล่าว่าสมัยนั้นมีต้นตระกูลไทยสายลาวจกอพยพลงมาจากสวรรค์ โดยมีบันใดเงิน ทอดลงมา พอตั้งบ้านเรือนแล้วก็เอาบันไดนั้นมาทำเป็นแท่นรองนั่งปกครองบ้านเมืองที่เรียกว่า "เมืองเงินยวง"
พุทธศตวรรษที่ 18 มีประวัติค่อนข้างแน่นอนว่าการช่างเงินเริ่มขึ้นทางภาคเหนือ โดยพระเจ้าเม็ง รายโปรดให้สถาปนาวัดกานโถมขึ้นในเวียงกุมกาม ได้ไปเอาช่างต่าง ๆ จากพระเจ้าราชาธิราชที่แคว้น พุกามอังวะ รวมทั้งช่างเงินด้วย และช่างเงินเหล่านั้นได้เปิดทำการขึ้นในอาณาจักรล้านนาต่อมา สมัยสุโขทัย การใช้เงินคงจะแพร่หลายมาก ดังศิลาจารึกหลักที่ 1 ที่ว่า ในสมัยพ่อขุนรามกำแหง นั้น "ใครใคร่ค้าช้างค้าม้าค้า ใครใคร่ค้าเงินค้าทองค้า" สมัยอยุธยา การช่างเงินเจริญถึงขีดสุด มีเอกสารจากหอหลวงเรื่องคำให้การขุนหลวงวัดประดู่ ทรงธรรมว่า "ถนนย่านป่าขันเงิน มีร้านขายขัน ขายผอบ ตลับ ซองเครื่องเงินและถมยาดำ กำไลมือ กำไลเท้า ปิ่นซ่น ปิ่นเข็ม กระจับปิ้ง พริกเทศ ขุนเพ็ด สายสอิ้ง สังวาลทองคำขี้รัก แลสายลวด ชื่อตลาด ขันเงิน" โลหะเงินในสมัยนั้นจนถึงต้นรัตนโกสินทร์ได้มาจากการนำข้าวไปขายกับจีนและเอาเงินมา กฏหมายตราสามดวงในสมัยพระบรมไตรโลกนาถระบุว่ามีเจ้าเมือง 20 เมืองต้องส่ง "ดอกไม้ ทองเงิน" มี "เจียดเงินถมยาดำ" เป็นเครื่องยศอย่างหนึ่งของขุนนางศักดินา 10,000 ในพระราชพิธี บางอย่าง มีการตั้งเสาฉัตร 9,7,6,5,3,2,1 ชั้น เป็น "บัวหงายคันเงินคันทองคันนาก" และมี "กลอนเงิน" แล้วยังมีการจ่ายค่าจ้างข้าราชสำนักเป็นเงินทองนาก มีพงศาวดารกล่าวว่า สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงส่งเครื่องราชบรรณาการเป็นเงินเป็นถมไป ยังพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ส่งไม้กางเขนถมทองไปถวายสันตะปาปาที่กรุง โรม
ศิลาจารึกที่ศาสเจ้าเมืองลพบุรี (พุทธศตวรรษที่ 16-ประชุมศิลาจารึกภาค 2 ) ก็กล่าวถึงอ่างเงิน ตลับเงิน สมัยรัตนโกสินทร์ ในกรุงเทพฯ มีช่างหลวงและมีช่างพื้นเมืองอยู่ที่บ้านพานต่อกับบ้านถมยา ชื่อว่า บ้านพานถม อยู่ริมคลองคูเมืองนอกกำแพงพระนคร แถวสะพานเฉลิมวันชาติ มีบริเวณต่อเนื่องกับบ้าน พานถมเรียกว่า บ้านหล่อ บ้านพานถมทำเครื่องถม พาน ขัน ผอบเครื่องสำอางยอกปริกบุทอง ลงยาฝัง พลองสีแดง บ้านหล่อแห่งนี้หล่อเชี่ยนหมาก เต้าปูน คนละแห่งกับบ้านช่างหล่อที่ฝั่งธนฯ ซึ่งหล่อ พระพุทธรูป บ้านพานถมนี้ปัจจุบันไม่มีการทำเครื่องถมมานานแล้ว แต่มีประวัติมาตั้งแต่ครั้งรัตน โกสินทร์ต้น ๆ หรืออาจถึงปลายช่วงอยุธยา เครื่องถมที่ทำด้วยเงินหรือทองนี้ โบราณเรียกว่า "ถมปรักมาศ" บ้านพานถมในกรุงเทพฯ นั้น มีบางคนคิดว่าอพยพมาจากนครศรีธรรมราชตั้งแต่สมัยราชกาลที่ 1
|
|
Copyright © 2000 Mr.Kanchana Pumnual. All rights reserved. Revised : เมษายน 28, 2543 . |