"บ้านเก่า"
เสียงเคาะและร้องรำดังขึ้นที่กลางหมู่บ้าน
เเด็ก ๆ วิ่งลงจากบ้านเข้าหาเสียง
เหน่องดาบือ และเพื่อนสนิท - เติ๊กซ่า
และหน่องโพ่ร้องรำเพลงกะเหรี่ยงอย่างไม่กลัวเหน็ดเหนื่อยทั้งที่แต่ละคนอายุกว่า
50 ปีแล้ว
เข้างหลังมี เมียะ เด์กชายวัย 12 ปี สะพายแกลลอนน้ำมันเปล่า
ตีเป็นจังหวะต่างกลอง โดยมีจะเพื่อนวัยเดียวกัน ถือฝาหม้อเก่า ๆ
2 อัน ตีต่างฉาบ
เจะเฆ่ ลูกสาวหน่องคาบือ ถือชะลอมไม้ไผ่
ข้างในมีแมวของเติ๊กซ่านอนอยู่
เขบวนค่อย ๆ เคลื่ อนไปรอบหมู่บ้าน
เบางคนเอาน้ำสาดทั้งคนทั้งแมวให้พอเปียก พร้อมกับพูด
"ขอให้ฝนตกเสียทีนะ"
เฝนไม่ตกมานานแล้ว เมื่อเดือนก่อนตกลงมาหน่อยหนึ่ง
เป็นสัญญาณว่าเริ่มฤดูฝน ชาวบ้านลงแขกกันหยอดข้าว
จนข้าวเริ่มแตกใบ แต่ฝนขาดช่วง
ข้าวที่งอกเป็นความหวังสำหรับปีต่อไป เริ่มเหี่ยวลงทีละน้อย
ทุกคนรอคอยฝนอย่างหดหู่
สามวันก่อน หน่องดาบือชวนเติ๊กซ่าและหน่องโพ่ไปขอฝนจากพญานาค
เล่าต่อ ๆ กันมาว่าพญานาคอาศัยอยู่ในรูน้ำ 7
รูที่บ้านเก่าบนห้วยสามแยก
บ้านเก่าคือหมู่บ้านเดิมก่อนอพยพมาอยู่ที่ปัจจุบันเมื่อราว 40
ปีก่อน ตั้งอยู่ในป่าดงดิบเหนือ หมู่บ้านในปัจจุบันราว 5
กิโลเมตร ไม่มีใครไปที่นั่นนานแล้ว เพราะเป็นป่ารกชัฏ นาน ๆ
จึงมีคนเที่ยวป่าผ่านไปสักครั้ง
มะพร้าวต้นสูง มะม่วงกรอบมัน ขนุนหวานและมะขามเปรี้ยวที่บ้านเก่า
คืออาหารแสนวิเศษสำหรับคนเดินป่าที่เหน็ดเหนื่อยจากการขึ้นลงเขาลูกแล้วลูกเล่า
ออกจากหมู่บ้านแต่เช้า กว่าสามหญิงจะถึงบ้านเก่าก็เที่ยง
ทั้งสามนั่งพักกันพักใหญ่พูดคุยกันถึงบ้านเก่าในอดีต
สมัยที่ตนเป็นเด็กและโตเป็นสาวที่นี่
ที่บ้านเก่ามีแต่วิถีชีวิตแบบกะเหรี่ยงดั้งเดิม
ทุกคนแต่งชุดกะเหรี่ยง ปลูกฝ้ายและทอผ้าใช้กันเอง
ไม่ค่อยมีคนจากภายนอกเข้ามาในหมู่บ้าน บ้านมีเพียง 10
หลังเท่านั้น ทุกคนล้วนเป็นญาติพี่น้อง สนินสนม กลมเกลียวกัน
เป็นวิถีชีวิตป่าอย่างแท้จริง ยังไม่มีความเจริญจากภายนอกเข้ามา
คลายเหนื่อย ทั้งสามนำดอกไม้และเทียนขี้ผึ้ง จุดบูชาที่รูน้ำทั้ง
7 รู ขอพญานาคช่วยให้ฝนตก และหมู่บ้านมีความสงบร่มเย็น
ก่อนกลับช่วยกันสอยและเก็บผลไม้ไว้ฝากลูกหลาน
ในหมู่บ้านคนเฒ่าคนแก่ปรับทุกข์ปรึกษากันเรื่องฝนแล้ง
"ที่ฟ้าฝนผิดปกติไปอย่างนี้ต้องมีใครทำสิ่งไม่ดีในหมู่บ้านอย่างแน่นอน"
ลุงจะพงพูด
"ใช่" ลุงจะพี้เห็นด้วย
"ต้องมีใครทำผิดศีลผิดธรรมผิดประเพณีฝนจึงไม่ตกตามฤดู"
คนเฒ่าคนแก่สอบถามเด็ก ๆ
ก็ไม่พบว่ามีใครทำความไม่ดีงามขึ้นในหมู่บ้าน
ลุงจะพงกลับบ้านแอบทำพิธีบนบ้านคนเดียว
ขอให้เทพยดาฟ้าดินอภัยโทษแก่คนในหมู่บ้าน
ที่อาจเผลอทำสิ่งไม่ดีงามล่วงเกินฟ้าดิน
ทั้งขอให้คุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายช่วยดลบันดาลให้ฝนตก
แต่ฝนก็ยังไม่ตก
ทั้งร้องขอต่อพญานาค ต่อเทพยดาฟ้าดิน อากาศยังคงร้อนแล้งเช่นเดิม
จนต้องแห่นางแมวขอฝน
การแห่นางแมวขอฝนชาวบ้านร้องรำทำเพลง ลืมความทุกข์กังวลที่ขาดฝน
แต่วันต่อมาก็ต้องแหงนมองฟ้าหาเมฆฝนเช่นเคย
หน่องคาบือคิดถึงบ้านเก่าที่เคยอยู่สมัยเป็นสาว
ที่บ้านเก่าป่าไม้อุดมสมบูรณ์ฝนตกชุกเกือบตลอดปี แม่อยู่ห่างไกล
โดดเดี่ยวจากหมู่บ้านอื่น ๆ ชาวบ้านอยู่กันอย่างชาวบ้านแท้ ๆ
แต่ก็มีความสุข
ไกลความเจริญเพียงไหนก็ใกล้ฟ้าใกล้ฝน
หมู่บ้านในปัจจุบัน ความเจริญมีมากขึ้น
ถนนลัดเลาะตามไหล่เขาเข้าสู่หมู่บ้าน
เงินตราที่เดิมแทบไม่มีความหมาย กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ความเจริญและโลกภายนอกใกล้เข้ามาทุกที
หน่องคาบือรู้สึกว่าฟ้าและฝนกลับไกลออกไปเรื่อย ๆ
ลุงจะพงยังคงมั่นใจว่า
ต้องมีใครบางคนในหมู่บ้านท่ำทสิ่งที่ไม่ดีงามอย่างแน่นอน
แต่ก็ประหลาดใจที่ทำไมเมื่อทำพิธีขออภัยต่อเทพยดาฟ้าดินแล้วฝนจึงไม่ตก
พิธีกรรมต่าง ๆ ที่ลุงจะพงเล่าเรียนมา
เคยใช้ได้ผลสมัยเมื่ออยู่บ้านเก่า ในช่วงหลัง ๆ
บางครั้งไม่ค่อยได้ผลนัก เป็นเรื่องที่ลุงจะพงไม่เข้าใจ
ชีวิตที่ผูกพันกับบ้านเก่าของหน่องคาบือและลุงจะพง
กำลังกลายเป็นชีวิตที่ไร้ค่าในหมู่บ้าน
ปัจจุบันนี้ ความรู้และความเข้าใจจากอดีต
ไม่สามารถช่วยในการแก้ไขปัญหาในปัจจุบัน
หากฝนยังคงไม่ตกต่อไปความพยายามของหน่องคาบือและลุงจะพงก็ไร้ผล
การยอมรับนับถือจากเด็กรุ่นใหม่ ๆ ก็คงลดน้อยลงไปด้วย
บ้านเก่าคือโลกใบเล็ก ๆ
ที่หน่องคาบือและลุงจะพงคุ้นเคยและเข้าใจได้
ทุกสิ่งทุกอย่างมีกฎเกณฑ์ตามธรรมชาติที่ไม่ซับซ้อนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
ปัจจุบันโลกใบใหญ่ขึ้น
มีการติดต่อสื่อสารกันอย่างรวดเร็วกว้างขวาง
ในหมู่บ้านแม้ไม่มีใครทำผิดในสิ่งที่ไม่ดีงาม
แต่ต้องรับผลของการกระทำที่เกิดจากบุคคลภายนอก
ที่กระทำสิ่งที่ไม่ดีงาม
ฝนแล้งไม่ใช่เพราะเพียงคนในหมู่บ้านกระทำไม่ดี
หากเกิดจากการกระทำไม่ดีของผู้คนที่ห่างไกลออกไป
ขณะที่โลกเจริญและติดต่อกันกว้างใหญ่ขึ้น
คนสองคนในป่าเขาอย่างหน่องคาบือและลุงจะพงกลับต้องการให้โลกเล็กลง
แคบลง เหลือเฉพาะหมู่บ้านกับป่าเขา
เหลือเป็นโลกของคนป่าเขาตามธรรมชาติที่พวกเขาสามารถกำหนดและเข้าใจได้
เป็นโลกแห่งธรรมะที่ทุกคนทำแต่สิ่งดีงาม
เป็นโลกใบเล็กที่ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน
มิใช่โลกใบใหญ่ที่ผู้คนเป็นเพียงผงฝุ่นลอยไปตามกระแส
-----------------------------------------------------------------
|
© 2000-2001 by Karen Studies and Development Centre. Report technical problems to [email protected] . This document was build on: 22/06/2001 . Best view in IE4xor higher,800x600 pix.Font Medium. |
|