ปริศนาธรรม
(๒๕ ก.พ.๔๔)
-
ของ พระอิสสระ
อาทิจจวังโส(พระธุดงค์) พุทธอุทยาน จ.อำนาจเจริญ ๓๗๐๐๐๐ {{{
Home }}}
"กวางกินหมากหว้าไปคาก้นขี้มั่ง
มั่งขี้บ่ได้ สามมื้อกระต่ายตาย"
-
ความต้องการของสัตว์โลกไม่มีที่สิ้นสุด
จึงมีสัตว์โลกตกหลุมพลาง
- หลอกลวงคนอื่นเขา อาฆาตมาดร้าย
เราหลบหนี แต่หลอกลวงตนเองไม่มีทางหลบหนี มีแต่จะเกิดตาม ทุกข์ร้อนวุ่นวายเสียหายเลวร้ายยิ่งกว่าหลอกลวงคนอื่น
- การซื้อของระบบเงินผ่อนส่งหรือเช่าซื้อ
ผู้ซื้อได้ถูกอวิชชาห่อหุ้มเอาไว้ จึงได้ยืมเงินของตนเอง แต่เสียดอกเบี้ยให้คนอื่น
- มีหลายคนกล่าวว่าตนได้กินอาหาร"ฟรี"
มีผู้ส่งของให้ได้รับของ"ฟรี" แต่ขบวนการยุติธรรมยังมีอยู่ในโลก ของ"ฟรี"จึงไม่มี
- "ผู้ขอ" ไม่เป็นที่ชื่นชอบของบุคคลและสังคม
แต่มีหลายท่านที่คิดว่า"ผู้ให้"ไม่ได้สูญเสียอะไร แท้จริงนั้นคือ การให้แก่"ตนเอง"
- บางทีอาจถูกเหตุการณ์สิ่งแวดล้อมบังคับเรา
ให้ใช้กำลังอำนาจของตนข่มขู่บีบบังคับเอาทรัพย์สินของคนอื่น แน่นอน"กรรม" ไม่มีตัวตนติดตามเหมือนเงาตามตัว
หลบลี้หนีไม่พ้น แต่มันยังน้อยกว่า"ติด"สุรา นารี กีฬาบัตร
- ในทางปฏิบัติ บุคคลและสังคมยอมรับความยุติธรรม
แต่ความรู้สึกนึกคิดภายในจิตใจอันล้ำลึกของเขา เขาไม่ยอมรับความยุติธรรม ก็ทุกชีวิตของสัตว์โลกอยู่ภายใต้"กฏแห่งกรรม"
นี่แหละเป็นข้อพิสูจน์ว่าทุกชีวิตภายใต้จักรวาลนี้ได้รับความยุติธรรมเท่ากัน
- ควบคุมตนเองได้ ๖๐ % ตั้งแต่อยู่ในวัยหนุ่มสาวถึงวัยชรา
ก็นับได้ว่าเป็นพลเมืองดี ถ้าได้ถึง ๑๐๐ % ท่านผู้นั้นคือยอดมนุษย์คนหนึ่งในจำนวนของยอดมนุษย์ทั้งหลายกำลังเดินทางหนีออก
จากวงกลม(วัฏฏจักร์)เมื่อไปถึงที่สุดก็เป็น"อมตะ"
= ชั่วนิจนิรันดร
- ยังมีสิ่งอยู่เหนือความคิดเห็นอยู่เหนือความเข้าใจของมนุษย์
ความคิดเห็นของสังคมจึงเหมือนกัน คล้ายกัน แตกต่างกัน ต่อเมื่อได้พิสูจน์แล้วจึงได้รู้ความจริง
"ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย" ความจริงจึงเป็นสิ่งขมขื่น
- เอกภาพกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด
มีสิ่งที่มีอำนาจมากที่สุด เข้าใจว่ามีอยู่ ๔ อย่างและมีอยู่เป็นคู่
อวิชชา เป็นคู่กับ
มัจจุราช คือความไม่รู้ เป็นคู่กับ ความตาย เหมือน หญิง เป็นคู่กับ ชาย
กรรม เป็นคู่กับ
จิต คือความคิด เป็นคู่กับ การกระทำ เหมือน ไฟฟ้าบวก เป็นคู่กับ ไฟฟ้าลบ
ระยะแรก จิต อยู่ใต้อำนาจ
กรรม,อวิชชา,มัจจุราช
จิต เมื่อหมดกิเลส
จิต เป็นอิสระ จิต จึงเป็น"อมตะ" = ชั่วนิจนิรันดร จิต จึงอยู่เหนือ อำนาจ,กรรม,อวิชชา,มัจจุราช
พระศาสดา อดีตชาติก็เหมือนกันกับเราท่านนี้แหละ
พระองค์ได้เดินทางท่องเที่ยวอยู่ในวงกลม(วัฏฏจักร์) นี้นับเอนกชาติ ได้ทำกรรมที่ถูกต้องและไม่ถูกต้อง
แต่กรรมที่ถูกต้องมีพลังอำนาจเหนือกว่าเป็นผลให้พระองค์รู้แจ้งเห็นจริง
ในสิ่งทั้งปวง ทรงตรัสว่า "การเกิดเป็นทุกข์"
เมื่อได้ค้นพบทางพ้นทุกข์จึงได้สั่งสอนสัตว์โลกให้ปฏิบัติตาม เสร็จแล้วจึงได้เดินทางหนีออกจากวงกลม
- คติทางโลก ชีวิต คือ
การต่อสู้ ศัตรู คือ ยากำลัง รูปโฉมโนมพันธุ์ คือ ดอกไม้ เกียรติยศ คือ
สายฟ้าแลบ ความร ู้คือ อำนาจ เป็น โลกียะธรรม
- คติทางธรรม ชีวิต
คือ การเดินทาง ศัตรู คือ กิเลสของตน รูปโฉมโนมพันธุ์ คือ หลุมพลาง เกียรติยส
คือ ความฝัน ความรู้คือ พระอรหันต์ เป็นโลกุตตระธรรม
- มันชื่อ "กาล" ไม่มีตัวตน
ปล้นเอาเนื้อหนังของเราวิ่งหนี จงจับมันเอาไว้ มันจะหมอบราบคาบแก้ว เป็นผู้พิทักษ์รักษาเรา
มันมีฤทธิ์เนรมิตสิ่งที่ต้องการ
- อาจมีผู้กล่าวขึ้นลอย
ๆ ว่า "เฮ็ดให้เฮียบ หลงล้มตกตมทั้งหล่ม ตั๋วให้คาดลาดล้มกลางบ้านมื่นชะเล"
เป็นภาษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อไขปริศนานี้แล้ว จึงนำไปเทียบเคียงที่ได้แสดงไว้
- อธิบาย หนุ่มได้ให้สิ่งที่มีคุณค่าแก่หญิงสาว
แต่สาวเจ้าหล่อนมีทั้ง เปรี้ยว,เค็ม,หวาน ความหวังของหนุ่มจึงเป็นความหวังที่เลื่อนลอย
เรื่องได้เข้าถึงหูชาวบ้าน
- ไขปริศนาธรรม นาย
ก. ทำมาหากินด้วยความชอบธรรม นาย ข. มองดูการกระทำของนาย ก. คิดว่าขัดผลประโยชน์ของตน
จึงเข้าไปขอร้องแกมบีบบังคับนาย ก. ให้หยุดการกระทำ นาย ก. เกิดความทุกข์ร้อนจึงนำเรื่องนี้ไปถามความคิดเห็นจาก
นาย ค. นาย ค. ได้พิจารณาแล้วลงความเห็นว่า นาย ก. ไม่ได้รับความเป็นธรรม นาย
ค. จึงรับอาสาต่อต้านนาย ข. โดยที่นาย ค. ไม่คำนึงถึงชีวิต,เลือด,เนื้อที่จะต้องเสียไปนี้เป็นธรรมะ
พิสดารแปลกแหวกแนว เข้าใจว่าไม่มีใครเหมือน ไม่เหมือนใคร แต่มีความหมายล้ำลึกครอบจักรวาล
ถ้าเข้าใจในธรรมะนี้จะเป็นบารมีเกิดพลังอำนาจขับไล่เสนียดจัญไรความวิตกกังวลทุกข์ร้อนวุ่นวายมันจะหลบลี้หนีไป
ความสงบร่มเย็นจะเข้ามาแทน
ด้วย กายกรรม วจีกรรม
มโนกรรม ที่ได้บำเพ็ญมา ดังที่ได้วิสัชชนามานี้ จงเป็นบารมีเกิดพลังอำนาจ ทุก ๆ
ท่านที่ได้รับทราบเป็นผู้มีส่วนได้รับ มีวรรณะ สุขะพละคิดประสงค์สิ่งใดจงได้สมความมุ่งมาดปราถนาทุกประการ
เทอญฯ
หน้า ๒
{{{
Home }}}