ค้นว่าอยู่เล่มใด แล้วกด [ctrl]+f หรือใช้คำสั่งของเครื่องหาตำแหน่งในเล่มอีกทีนะครับ



จัดรูปหน้าใหม่
เพื่อความสะดวก และสวยงาม
(เฉพาะหน้าจอใหญ่ เช่น คอมพิวเตอร์)
กรุณาคลิก จัดรูปหน้าใหม่
เพื่อให้กรอบ
ค้นข้อความ ปรากฎที่ด้านซ้ายของหน้า

พระไตรปิฎกภาษาไทย
ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ๔๕ เล่ม (ปกสีฟ้า)
ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
ที่มาของข้อมูล : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับ มจร.
MCUTRAI Version 1.0

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๓-๔ อภิธรรมปิฎกที่ ๑๐ ปัฏฐาน ภาค ๔

พระอภิธรรมปิฎก
ธัมมานุโลม ทุกปัฏฐาน
_____________
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๗. สวิตักกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีวิตกโดยอุปนิสสยปัจจัย
(พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่มีวิตกและวิตกโดย
อุปนิสสยปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีวิตกและ
วิตกโดยอุปนิสสยปัจจัย (๓)
[๑๒๖] สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกโดย
อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่ไม่มีวิตกแล้วทําฌานที่ไม่มีวิตกให้
เกิดขึ้น ทํามรรคให้เกิดขึ้น ทำอภิญญาให้เกิดขึ้น ทำสมาบัติให้เกิดขึ้น อาศัยศีล
ที่ไม่มีวิตก ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ สุขทางกาย ฯลฯ ทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ ฯลฯ
โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ และวิตกแล้ว ทําฌานที่ไม่มีวิตก ฯลฯ มรรค ฯลฯ อภิญญา
ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น ศรัทธาที่ไม่มีวิตก ฯลฯ เสนาสนะและวิตกเป็นปัจจัยแก่
ศรัทธาที่ไม่มีวิตก ฯลฯ ปัญญา ... สุขทางกาย ... ทุกข์ทางกาย ... มรรคที่ไม่มีวิตก
และผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีวิตกโดยอุปนิสสยปัจจัย
(มี ๓ วาระ พึงเพิ่มอุปนิสสยปัจจัยเข้าในที่ทุกแห่ง) ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่
ไม่มีวิตกแล้ว ให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถ ทําฌานที่มีวิตก ฯลฯ วิปัสสนา
ฯลฯ มรรค ฯลฯ อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น มีมานะ ถือทิฏฐิ อาศัยศีลที่ไม่มี
วิตก ฯลฯ เสนาสนะ และวิตกแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทําสมาบัติให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์
ฯลฯ ทําลายสงฆ์ ศรัทธาที่ไม่มีวิตก ฯลฯ เสนาสนะและวิตกเป็นปัจจัยแก่
ศรัทธาที่มีวิตก ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา ... มรรคที่มีวิตก
และผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีวิตกและไม่มีวิตกโดย
อุปนิสสยปัจจัย ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่ไม่มีวิตกแล้วให้ทาน ฯลฯ (พึงเพิ่ม
บทที่เขียนไว้ในทุติยวารเข้าทั้งหมด) ทําสมาบัติให้เกิดขึ้น มีมานะ ถือทิฏฐิ อาศัย
ศีล ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ เสนาสนะและวิตกแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ฆ่าสัตว์ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๘๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๗. สวิตักกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ทําลายสงฆ์ ศรัทธาที่ไม่มีวิตก ฯลฯ เสนาสนะและวิตกเป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่มีวิตก
ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา ... มรรคที่มีวิตก ... ผล
สมาบัติและวิตกโดยอุปนิสสยปัจจัย (๓)
[๑๒๗] สภาวธรรมที่มีวิตกและไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีวิตกโดย
อุปนิสสยปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่มีวิตกและวิตกเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีวิตกโดยอุปนิสสยปัจจัย
(พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่มีวิตกและวิตกเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่มีวิตกและวิตกโดย
อุปนิสสยปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่มีวิตกและวิตกเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มี
วิตกและวิตกโดยอุปนิสสยปัจจัย (๓)

ปุเรชาตปัจจัย
[๑๒๘] สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกโดยปุเรชาต-
ปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินจักษุ
เป็นต้นนั้น วิตกจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ
ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่มีวิตกและวิตกโดยปุเรชาตปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีวิตกโดยปุเรชาตปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะ และวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินจักษุ
เป็นต้นนั้น ขันธ์ที่มีวิตกจึงเกิดขึ้น
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีวิตกโดยปุเรชาตปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๘๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๗. สวิตักกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีวิตกและไม่มีวิตกโดยปุเรชาต-
ปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินจักษุ
เป็นต้นนั้น ขันธ์ที่มีวิตกและวิตกจึงเกิดขึ้น
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีวิตกและวิตกโดยปุเรชาต-
ปัจจัย (๓)

ปัจฉาชาตปัจจัยและอาเสวนปัจจัย
[๑๒๙] สภาวธรรมที่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกโดยปัจฉาชาต-
ปัจจัย (ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ) เป็นปัจจัยโดยอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

กัมมปัจจัยเป็นต้น
[๑๓๐] สภาวธรรมที่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีวิตกโดยกัมมปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยกัมมปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบากซึ่งมีวิตกโดย
กัมมปัจจัย (โดยนัยนี้ จึงมี ๔ วาระ พึงเพิ่มทั้งสหชาตะและนานาขณิกะ)

... เป็นปัจจัยโดยวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอินทรียปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๘๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๗. สวิตักกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
[๑๓๑] สภาวธรรมที่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีวิตกโดยวิปปยุตตปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกโดยวิปปยุตตปัจจัย
มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ (ย่อ)
สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีวิตกโดยวิปปยุตตปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ (ย่อ)
สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีวิตกและไม่มีวิตกโดย
วิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่วิตกและ
สัมปยุตตขันธ์โดยวิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่วิตกและสัมปยุตตขันธ์โดยวิปปยุตต-
ปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่มีวิตกและไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกโดย
วิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ)

อัตถิปัจจัยเป็นต้น
[๑๓๒] สภาวธรรมที่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีวิตกโดยอัตถิปัจจัย
(มี ๑ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกโดยอัตถิปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ และปัจฉาชาตะ (ย่อ)
สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีวิตกและไม่มีวิตกโดย
อัตถิปัจจัย (เหมือนกับปฏิจจวาร) (๓)
สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกโดยอัตถิปัจจัย
มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และอินทรียะ (ย่อ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๘๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๗. สวิตักกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีวิตกโดยอัตถิปัจจัย มี ๒
อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ (ย่อ)
สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีวิตกและไม่มีวิตกโดย
อัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ วิตกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดย
อัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ วิตกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปโดย
อัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่วิตกและสัมปยุตตขันธ์โดย
อัตถิปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง
ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น วิตก
และสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่วิตกและสัมปยุตตขันธ์โดยอัตถิ-
ปัจจัย (๓)
[๑๓๓] สภาวธรรมที่มีวิตกและไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีวิตกโดย
อัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่มีวิตกและวิตกเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โดยอัตถิปัจจัย
ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่มีวิตกและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โดย
อัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงทําแม้สหชาตะ
ให้เป็น ๒ วาระ) (๑)
สภาวธรรมที่มีวิตกและไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกโดย
อัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีวิตกและวิตกเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป
โดยอัตถิปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๙๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๗. สวิตักกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีวิตกและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่วิตกโดยอัตถิปัจจัย
(ในปฏิสนธิขณะ มี ๓ วาระ)
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีวิตกและวิตกเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดย
อัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีวิตก วิตก และกวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่
กายนี้โดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีวิตก วิตก และรูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่
กฏัตตารูปโดยอัตถิปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีวิตกและไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีวิตกและไม่มีวิตก
โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่มีวิตกและวิตกเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต-
สมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่มีวิตกและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และ
วิตกโดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ (แม้ในปฏิสนธิขณะ ก็มี ๒ วาระ) (๓)
... เป็นปัจจัยโดยนัตถิปัจจัย
... เป็นปัจจัยโดยวิคตปัจจัย
... เป็นปัจจัยโดยอวิคตปัจจัย

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๓๔] เหตุปัจจัย มี ๔ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๙๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๗. สวิตักกทุกะ ๗. ปัญหาวาร

อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๔ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๔ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

อนุโลม จบ

๒. ปัจจนียุทธาร
[๑๓๕] สภาวธรรมที่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีวิตกโดยอารัมมณปัจจัย
สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และกัมมปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๙๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๗. สวิตักกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกโดยอารัมมณปัจจัย
สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย และกัมมปัจจัย
สภาวธรรมที่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีวิตกและไม่มีวิตกโดยอารัมมณ-
ปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และกัมมปัจจัย (๓)
[๑๓๖] สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย
กัมมปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีวิตกโดยอารัมมณปัจจัย
สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีวิตกและไม่มีวิตกโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย (๓)
[๑๓๗] สภาวธรรมที่มีวิตกและไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีวิตกโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย
สภาวธรรมที่มีวิตกและไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีวิตกโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปัจฉาชาตปัจจัย
สภาวธรรมที่มีวิตกและไม่มีวิตกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีวิตกและไม่มีวิตก
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย (๓)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร

[๑๓๘] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

โนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๙๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๗. สวิตักกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๑๓๙] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ฯลฯ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๔ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๒ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๔ วาระ ฯลฯ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๒ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๔ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๔ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๔ วาระ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๑๔๐] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ
อธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ

(พึงขยายบทอนุโลมมาติกาให้พิสดาร) ฯลฯ

อวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ

สวิตักกทุกะ จบ

๘๘. สวิจารทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
[๑๔๑] สภาวธรรมที่มีวิจาร อาศัยสภาวธรรมที่มีวิจารเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่มีวิจารเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงทําทุกะนี้ให้เหมือนกับสวิตักกทุกะ ไม่มีข้อแตกต่างกัน
มัคคปัจจัย ในทุกะนี้พึงเพิ่มเป็น ๔ วาระ ในสวิจารทุกะ มีข้อแตกต่างกันเท่านี้)
สวิจารทุกะ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๙๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๙. สัปปีติกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๘๙. สัปปีติกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๑๔๒] สภาวธรรมที่มีปีติอาศัยสภาวธรรมที่มีปีติเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่มีปีติเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่มีปีติอาศัยสภาวธรรมที่มีปีติเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
ปีติและจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่มีปีติเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติอาศัยสภาวธรรมที่มีปีติเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๓ ปีติและจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่มีปีติเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
สภาวธรรมที่ไม่มีปีติอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีปีติเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีปีติเกิดขึ้น ฯลฯ จิตต-
สมุฏฐานรูปอาศัยปีติเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูปอาศัย
ขันธ์ ๑ ที่ไม่มีปีติเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ กฏัตตารูปอาศัยปีติเกิดขึ้น
หทัยวัตถุอาศัยขันธ์เกิดขึ้น ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น หทัยวัตถุอาศัยปีติเกิดขึ้น
ปีติอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ
(พึงเพิ่มสัปปีติกทุกะให้เหมือนกับสวิตักกทุกะในที่ทุกแห่ง ในที่ทุกแห่ง
ปวัตติกาลและปฏิสนธิกาล มี ๙ วาระ)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๔๓] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๙๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๙. สัปปีติกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๑๔๔] สภาวธรรมที่มีปีติอาศัยสภาวธรรมที่มีปีติเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งมีปีติเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่มีปีติอาศัยสภาวธรรมที่มีปีติเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่
ปีติและจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งมีปีติเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติอาศัยสภาวธรรมที่มีปีติเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๓ ปีติ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งมีปีติเกิดขึ้น ฯลฯ
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)
สภาวธรรมที่ไม่มีปีติอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีปีติเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งไม่มีปีติเกิดขึ้น ฯลฯ
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยปีติเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ
ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีปีติเกิดขึ้น ฯลฯ ขันธ์ ๒ และกฏัตตารูป
อาศัยขันธ์ ๒ เกิดขึ้น หทัยวัตถุอาศัยขันธ์เกิดขึ้น ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ...
อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) โมหะที่สหรคต
ด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคต
ด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๙๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๙. สัปปีติกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่มีปีติอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีปีติเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ที่มีปีติอาศัยปีติที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้น (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่มีปีติและ
จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยปีติเกิดขึ้น (๓)
[๑๔๕] สภาวธรรมที่มีปีติอาศัยสภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติเกิดขึ้นเพราะ
นเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งมีปีติและอาศัยปีติเกิดขึ้น ฯลฯ
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่มีปีติอาศัยสภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย
ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งมีปีติและอาศัยปีติเกิดขึ้น จิตต-
สมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งมีปีติและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติอาศัยสภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติเกิดขึ้นเพราะ
นเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งมี
ปีติและอาศัยปีติเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่
ไม่มีเหตุซึ่งมีปีติและอาศัยปีติเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป
อาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งมีปีติและอาศัยปีติและมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๓)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๔๖] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๙๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๙. สัปปีติกทุกะ ๓. ปัจจยวาร

นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และสหชาตวาร พึงทําอย่างนี้)

๘๙. สัปปีติกทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลมเป็นต้น
[๑๔๗] สภาวธรรมที่มีปีติทำสภาวธรรมที่มีปีติให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย (ย่อ ปวัตติกาลและปฏิสนธิกาล มี ๙ วาระ บริบูรณ์เหมือนปัจจยวาร
ฝ่ายอนุโลมในสวิตักกทุกะ ปีติไม่มีข้อแตกต่างกัน)

เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

อนุโลม จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๙๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๙. สัปปีติกทุกะ ๓. ปัจจยวาร
สภาวธรรมที่มีปีติทำสภาวธรรมที่มีปีติให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย
มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่ไม่มีปีติทำสภาวธรรมที่ไม่มีปีติให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย
(พึงเพิ่มทั้งปวัตติกาลและปฏิสนธิกาล เหมือนกับปฏิจจวาร พึงเพิ่มข้อความจนถึง
อสัญญสัตตพรหม) จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ
กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งไม่มีปีติและปีติทำ
หทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ
ทำขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
(เหมือนกับอนุโลม มี ๙ วาระ เฉพาะปวัตติกาลเท่านั้น ปฏิสนธิกาลไม่มี มี
เพียงโมหะอย่างเดียวเท่านั้น)

นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๙ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๔๙๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๙. สัปปีติกทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร

โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

ปัจจนียะ จบ
(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และนิสสยวาร พึงทําอย่างนี้)

๘๙. สัปปีติกทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๑. ปัจจยานุโลมเป็นต้น
[๑๔๘] สภาวธรรมที่มีปีติเกิดระคนกับสภาวธรรมที่มีปีติเพราะเหตุปัจจัย ฯลฯ

เหตุปัจจัย มี ๖ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๖ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ

อนุโลม จบ

นเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๖ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ

ปัจจนียะ จบ
(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และสัมปยุตตวาร พึงทําอย่างนี้)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๐๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๙. สัปปีติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๘๙. สัปปีติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๑๔๙] สภาวธรรมที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติโดยเหตุปัจจัย ได้แก่
เหตุที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีปีติโดยเหตุปัจจัย ได้แก่
เหตุที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่ปีติและจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
(พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เหตุที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ ปีติ และจิตตสมุฏฐาน-
รูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
สภาวธรรมที่ไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีปีติโดยเหตุปัจจัย ได้แก่
เหตุที่ไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)

อารัมมณปัจจัย
[๑๕๐] สภาวธรรมที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติโดยอารัมมณปัจจัย
ได้แก่ เพราะปรารภขันธ์ที่มีปีติ ขันธ์ที่มีปีติจึงเกิดขึ้น (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล)
เพราะปรารภขันธ์ที่มีปีติ ขันธ์ที่ไม่มีปีติและปีติจึงเกิดขึ้น (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล)
เพราะปรารภขันธ์ที่มีปีติ ขันธ์ที่มีปีติและปีติจึงเกิดขึ้น (๓)
[๑๕๑] สภาวธรรมที่ไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีปีติโดยอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถด้วยจิตที่ไม่มีปีติ
พิจารณาด้วยจิตที่ไม่มีปีติ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลิน
กุศลนั้น ราคะที่ไม่มีปีติจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น วิจิกิจฉาจึงเกิดขึ้น อุทธัจจะจึง
เกิดขึ้น โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลออกจากฌานที่ไม่มีปีติ ฯลฯ พระอริยะออกจาก
มรรค ฯลฯ ออกจากผลแล้ว พิจารณาผลด้วยจิตที่ไม่มีปีติ พระอริยะพิจารณา
นิพพาน ด้วยจิตที่ไม่มีปีติ นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค ผล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๐๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๙. สัปปีติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อาวัชชนจิตที่ไม่มีปีติ และปีติโดยอารัมมณปัจจัย พระอริยะพิจารณากิเลสที่ไม่มี
ปีติซึ่งละได้แล้วด้วยจิตที่มีปีติ ฯลฯ พิจารณากิเลสที่ข่มได้แล้ว ฯลฯ รู้กิเลสที่
เคยเกิดขึ้น ฯลฯ เห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ที่ไม่มีปีติและปีติด้วยจิตที่
ไม่มีปีติ โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดี
เพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่ไม่มีปีติจึงเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคล
เห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดย
อารัมมณปัจจัย ขันธ์ที่ไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพ-
นิวาสานุสสติญาณ ยถากัมมูปคญาณ อนาคตังสญาณ อาวัชชนจิตและปีติโดย
อารัมมณปัจจัย เพราะปรารภขันธ์ที่ไม่มีปีติและปีติ ขันธ์ที่ไม่มีปีติและปีติจึง
เกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีปีติ เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่
บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถด้วยจิตที่ไม่มีปีติ พิจารณาด้วยจิตที่มีปีติ
ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้น ราคะที่มีปีติจึงเกิดขึ้น
ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น บุคคลออกจากฌานที่ไม่มีปีติ ฯลฯ พระอริยะออกจากมรรค ฯลฯ
ออกจากผลแล้ว พิจารณาผล ด้วยจิตที่มีปีติ พระอริยะพิจารณานิพพาน ด้วยจิต
ที่มีปีติ นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค และผลที่มีปีติ โดยอารัมมณ-
ปัจจัย พระอริยะพิจารณากิเลสที่ไม่มีปีติซึ่งละได้แล้ว ฯลฯ พิจารณากิเลสที่ข่มได้
แล้ว ฯลฯ รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น ฯลฯ เห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ที่ไม่มี
ปีติและปีติด้วยจิตที่มีปีติโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะ
ปรารภความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่มีปีติจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
เพราะปรารภขันธ์ที่ไม่มีปีติและปีติ ขันธ์ที่มีปีติจึงเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีปีติ เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติโดยอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถด้วยจิตที่ไม่มีปกติ พิจารณา
ด้วยจิตที่มีปีติ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้น
ขันธ์ที่มีปีติและปีติจึงเกิดขึ้น บุคคลออกจากฌานที่ไม่มีปีติ ฯลฯ ออกจากมรรค
ฯลฯ ออกจากผลแล้วพิจารณาผลด้วยจิตที่มีปีติ พระอริยะพิจารณานิพพานด้วย
จิตที่มีปีติ นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค ผลที่มีปีติ และปีติโดย
อารัมมณปัจจัย พระอริยะพิจารณากิเลสที่ไม่มีปีติซึ่งละได้แล้ว พิจารณากิเลสที่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๐๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๙. สัปปีติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ข่มได้แล้ว ฯลฯ รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น ฯลฯ เห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์
ที่ไม่มีปีติและปีติด้วยจิตที่มีปีติโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน
เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่มีปีติจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึง
เกิดขึ้นเพราะปรารภขันธ์ที่ไม่มีปีติและปีติ ขันธ์ที่มีปีติและปีติจึงเกิดขึ้น เพราะ
ปรารภขันธ์ที่ไม่มีปีติและปีติ ขันธ์ที่มีปีติและปีติจึงเกิดขึ้น (๓)
[๑๕๒] สภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภขันธ์ที่มีปีติและปีติ ขันธ์ที่มีปีติจึงเกิดขึ้น
(พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เพราะปรารภขันธ์ที่มีปีติและปีติ ขันธ์ที่ไม่มีปีติและปีติจึงเกิด
ขึ้น (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เพราะปรารภขันธ์ที่มีปีติและปีติ ขันธ์ที่มีปีติและปีติจึง
เกิดขึ้น (๓)

อธิปติปัจจัย
[๑๕๓] สภาวธรรมที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติโดยอธิปติปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทําขันธ์ที่มีปีติให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
ขันธ์ที่มีปีติจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดย
อธิปติปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีปีติโดยอธิปติปัจจัย มี ๒
อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทําขันธ์ที่มีปีติให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
ขันธ์ที่ไม่มีปีติและปีติจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่ปีติและจิตตสมุฏฐานรูป
โดยอธิปติปัจจัย (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๐๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๙. สัปปีติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติโดยอธิปติปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทําขันธ์ที่มีปีติให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
ขันธ์ที่ไม่มีปีติและปีติจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ปีติและ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๓)
[๑๕๔] สภาวธรรมที่ไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีปีติโดยอธิปติปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถด้วยจิตที่ไม่
มีปีติ ฯลฯ พิจารณากุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ด้วยจิตที่ไม่มีปีติ ยินดี
เพลิดเพลิน เพราะทําความยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
ราคะที่ไม่มีปีติจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น บุคคลออกจากฌานที่ไม่มีปีติ ฯลฯ
ออกจากมรรค ฯลฯ ออกจากผลแล้วพิจารณาผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
ด้วยจิตที่ไม่มีปีติ พระอริยะพิจารณานิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ด้วย
จิตที่ไม่มีปีติ นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค ผลสมาบัติที่ไม่มีปีติ
และปีติโดยอธิปติปัจจัย บุคคลยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ที่ไม่มี
ปีติและปีติให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ด้วยจิตที่ไม่มีปีติ เพราะทําความยินดี
เพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะที่ไม่มีปีติจึงเกิดขึ้น
ทิฏฐิจึงเกิดขึ้นเพราะทําขันธ์ที่ไม่มีปีติและปีติให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ที่
ไม่มีปีติและปีติจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติโดยอธิปติปัจจัย มีอย่าง
เดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถด้วย
จิตที่ไม่มีปีติ ฯลฯ (ย่อ) นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค และผลที่มีปีติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๐๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๙. สัปปีติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
โดยอธิปติปัจจัย บุคคลยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ที่ไม่มีปีติและ
ปีติให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ด้วยจิตที่มีปีติ เพราะทําความยินดีเพลิดเพลิน
จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะที่มีปีติจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
เพราะทําขันธ์ที่ไม่มีปีติและปีติให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ที่มีปีติจึงเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีปีติ เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติโดยอธิปติปัจจัย
มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน ฯลฯ (ย่อ) นิพพานเป็น
ปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค ผลที่มีปีติ และปีติโดยอธิปติปัจจัย บุคคลยินดี
เพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ที่ไม่มีปีติและปีติให้เป็นอารมณ์อย่างหนัก
แน่นด้วยจิตที่มีปีติ เพราะทําความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์
อย่างหนักแน่น ราคะที่มีปีติ ฯลฯ ทิฏฐิจึงเกิดขึ้นเพราะทําขันธ์ที่ไม่มีปีติและปีติ
ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ที่มีปีติและปีติจึงเกิดขึ้น (๓)
[๑๕๕] สภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติโดย
อธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทําขันธ์ที่มีปีติและ
ปีติให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ที่มีปีติจึงเกิดขึ้น (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล)
เพราะทําขันธ์ที่มีปีติและปีติให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นขันธ์ที่ไม่มีปีติและปีติจึงเกิดขึ้น
(พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เพราะทําขันธ์ที่มีปีติและปีติให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
ขันธ์ที่มีปีติและปีติจึงเกิดขึ้น (๓)

อนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๑๕๖] สภาวธรรมที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติโดยอนันตรปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ที่มีปีติซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีปีติซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตร-
ปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่มีปีติซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่มีปีติ
และปีติที่เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย จุติจิตที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่ไม่มี
ปีติ ภวังคจิตที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่อาวัชชนจิต ขันธ์ที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่ไม่
มีปีติ มโนวิญญาณธาตุที่เป็นวิบากซึ่งสหรคตด้วยปีติเป็นปัจจัยแก่มโนวิญญาณธาตุ
ที่เป็นกิริยา ภวังคจิตที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่ภวังคจิตที่ไม่มีปีติ กุศลและอกุศลที่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๐๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๙. สัปปีติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปีติเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่ไม่มีปีติ กิริยาเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ผลเป็นปัจจัยแก่
วุฏฐานะโดยอนันตรปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่มีปีติซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีปีติและปีติที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย (๓)
[๑๕๗] สภาวธรรมที่ไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีปีติโดยอนันตร-
ปัจจัย ได้แก่ ปีติที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ปีติที่เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย
ขันธ์ที่ไม่มีปีติซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่มีปีติซึ่งเกิดหลัง ๆ โดย
อนันตรปัจจัย อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ ผลสมาบัติที่ไม่มีปีติและปีติโดย
อนันตรปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ปีติที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีปีติ
ซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย จุติจิตที่ไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่มีปีติ
อาวัชชนจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีปีติ ขันธ์ที่ไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่มีปีติ
มโนธาตุที่เป็นวิบากเป็นปัจจัยแก่มโนวิญญาณธาตุที่เป็นวิบากซึ่งมีปีติ ภวังคจิตที่
ไม่มีปีติเป็นปัจจัย แก่ภวังคจิตที่มีปีติ กุศลและอกุศลที่ไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ
ที่มีปีติ กิริยาเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ผลเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะโดยอนันตรปัจจัย
เนวสัญญานาสัญญายตนะของท่านผู้ออกจากนิโรธเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติที่มีปีติ
โดยอนันตรปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติโดยอนันตรปัจจัย
ได้แก่ ปีติที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีปีติและปีติที่เกิดหลัง ๆ โดย
อนันตรปัจจัย (๓)
[๑๕๘] สภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติโดย
อนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่มีปีติและปีติที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีปีติซึ่ง
เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติ เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีปีติโดยอนันตร-
ปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่มีปีติและปีติซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ปีติที่เกิดหลัง ๆ
โดยอนันตรปัจจัย จุติจิตที่มีปีติและปีติเป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่ไม่มีปีติ ภวังคจิต
ที่มีปีติและปีติเป็นปัจจัยแก่อาวัชชนจิต ขันธ์ที่มีปีติและปีติเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ
ที่ไม่มีปีติ มโนวิญญาณธาตุที่เป็นวิบากซึ่งมีปีติและปีติเป็นปัจจัยแก่มโนวิญญาณธาตุ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๐๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๙. สัปปีติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ที่เป็นกิริยา ภวังคจิตที่มีปีติและปีติเป็นปัจจัยแก่ภวังคจิตที่ไม่มีปีติ กุศลและอกุศล
ที่มีปีติและปีติเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่ไม่มีปีติ กิริยาเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ
ผลเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะโดยอนันตรปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติโดย
อนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่มีปีติและปีติที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีปีติและ
ปีติที่เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (๓)

... เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

อุปนิสสยปัจจัย
[๑๕๙] สภาวธรรมที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติโดยอุปนิสสยปัจจัย
มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีปีติโดยอุปนิสสย-
ปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่มีปีติและปีติโดย
อุปนิสสยปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีปีติและปีติ
โดยอุปนิสสยปัจจัย (๓)
[๑๖๐] สภาวธรรมที่ไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีปีติโดยอุปนิสสย-
ปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่ไม่มีปีติ ให้ทาน สมาทานศีล
รักษาอุโบสถด้วยจิตที่ไม่มีปีติ ทําฌานที่ไม่มีปีติ ฯลฯ วิปัสสนา ฯลฯ มรรค ฯลฯ
อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น มีมานะ ถือทิฏฐิ อาศัยศีลที่ไม่มีปีติ ฯลฯ ปัญญา
ฯลฯ อภิญญา ... ราคะ ... โทสะ ... โมหะ ... มานะ ... ทิฏฐิ ... ความปรารถนา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๐๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๙. สัปปีติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
... สุขทางกาย ... ทุกข์ทางกาย ... อุตุ ... โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ และปีติแล้ว
ให้ทานด้วยจิตที่ไม่มีปีติ ฯลฯ ทําสมาบัติให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทําลายสงฆ์
ศรัทธาที่ไม่มีปีติ ฯลฯ เสนาสนะและปีติเป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่ไม่มีปีติ ฯลฯ
ความปรารถนา ... สุขทางกาย ... ทุกข์ทางกาย ... มรรค ... ผลสมาบัติและ
ปีติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติโดยอุปนิสสยปัจจัย
(อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง) ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่ไม่มีปีติแล้ว ให้ทาน
ด้วยจิตที่มีปีติ ฯลฯ ออกจากฌานที่ไม่มีปีติ ฯลฯ มีมานะ ถือทิฏฐิ อาศัยศีลที่
ไม่มีปีติ ฯลฯ เสนาสนะ และปีติแล้ว ให้ทาน ด้วยจิตที่มีปีติ ฯลฯ ทําสมาบัติ
ให้เกิดขึ้น ลักทรัพย์ด้วยจิตที่มีปีติ ฯลฯ พูดเท็จ ฯลฯ พูดส่อเสียด ฯลฯ พูดเพ้อเจ้อ
ฯลฯ งัดแงะ ฯลฯ ปล้นไม่ให้เหลือ ฯลฯ ปล้นเรือนหลังเดียว ฯลฯ ดักจี้
ในทางเปลี่ยว ฯลฯ ล่วงเกินภรรยาผู้อื่น ฯลฯ ฆ่าชาวบ้าน ฯลฯ ฆ่าชาวนิคม
ศรัทธาที่ไม่มีปีติ ฯลฯ เสนาสนะและปีติเป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่มีปีติ ฯลฯ ปัญญา
... ราคะ ... โทสะ ... โมหะ ... มานะ ... ทิฏฐิ ... ความปรารถนา ... มรรค
และผลสมาบัติ โดยอุปนิสสยปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติโดยอุปนิสสย-
ปัจจัย (อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง) ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่ไม่มีปีติแล้ว
ให้ทานด้วยจิตที่มีปีติ ฯลฯ ทําสมาบัติให้เกิดขึ้น มีมานะ ถือทิฏฐิ อาศัยศีลที่ไม่มี
ปีติ ฯลฯ เสนาสนะ และปีติแล้ว ให้ทาน ด้วยจิตที่มีปีติ ฯลฯ ทําสมาบัติให้เกิดขึ้น
ลักทรัพย์ด้วยจิตที่มีปีติ ฯลฯ (เหมือนกับทุติยวาร) ฆ่าชาวนิคม ศรัทธาที่ไม่มีปีติ
ฯลฯ เสนาสนะและปีติเป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่มีปีติ ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ ฯลฯ
โมหะ ฯลฯ มานะ ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ มรรค ...
ผลสมาบัติและปีติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติ เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติโดยอุปนิสสยปัจจัย
(อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง) ได้แก่ ศรัทธาที่มีปีติและปีติเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่
มีปีติโดยอุปนิสสยปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่มีปีติและปีติเป็นปัจจัยแก่
ขันธ์ที่มีปีติและปีติโดยอุปนิสสยปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่มีปีติและปีติ
เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีปีติและปีติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๐๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๙. สัปปีติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปุเรชาตปัจจัย
[๑๖๑] สภาวธรรมที่ไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีปีติโดยปุเรชาตปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุด้วยจิตที่ไม่มี
ปีติโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารถความยินดี
เพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่ไม่มีปีติ ฯลฯ โทมนัส ฯลฯ ปีติจึงเกิดขึ้น
บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ
กายายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่มีปีติ
และปีติโดยปุเรชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒
อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะ และวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ด้วยจิตที่ไม่
มีปีติโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารถความยินดี
เพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่มีปีติจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีปีติโดยปุเรชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติโดยปุเรชาตปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ด้วยจิตที่
ไม่มีปีติ โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารถความยินดี
เพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น ปีติและสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีปีติและปีติโดยปุเรชาต-
ปัจจัย (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๐๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๙. สัปปีติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปัจฉาชาตปัจจัยเป็นต้น
[๑๖๒] สภาวธรรมที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีปีติโดยปัจฉาชาต-
ปัจจัย มี ๓ วาระ

... เป็นปัจจัยโดยอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยกัมมปัจจัย มี ๖ วาระ

(พึงเพิ่มสหชาตะและนานาขณิกะ นานาขณิกะ มี ๒ วาระ)

... เป็นปัจจัยโดยวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอินทรียปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ

(ย่อ พึงเพิ่มให้เหมือนกับสวิตักกทุกะ)

... เป็นปัจจัยโดยนัตถิปัจจัย
... เป็นปัจจัยโดยวิคตปัจจัย
... เป็นปัจจัยโดยอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร

[๑๖๓] เหตุปัจจัย มี ๔ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๑๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๘๙. สัปปีติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร

อัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๖ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๔ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๔ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๔ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

อนุโลม จบ

๒. ปัจจนียุทธาร
[๑๖๔] สภาวธรรมที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติโดยอารัมมณปัจจัย
สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และกัมมปัจจัย
สภาวธรรมที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีปีติโดยอารัมมณปัจจัย
สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย และกัมมปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๑๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๐. สุขสหคตทุกะ ๑. ปฎิจจวาร
สภาวธรรมที่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติโดยอารัมมณปัจจัย
สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และกัมมปัจจัย (๓)
[๑๖๕] สภาวธรรมที่ไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีปีติโดยอารัมมณ-
ปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย กัมมปัจจัย
อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติโดยอารัมมณปัจจัย
สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติโดยอารัมมณ-
ปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย (๓)
[๑๖๖] สภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย
สภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีปีติโดยอารัมมณ-
ปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปัจฉาชาตปัจจัย
สภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีปีติและไม่มีปีติโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย
(แม้การนับปัจจนียวิภังค์ ก็เหมือนกับสวิตักกทุกะ แม้ถ้ายังไม่สมกัน ก็พึง
พิจารณาเอาอนุโลมนี้นับเข้าไว้ด้วย พึงทำการนับ ๒ อย่างนอกนี้ด้วย)
สัปปีติกทุกะ จบ

๙๐. ปีติสหคตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
[๑๖๗] สภาวธรรมที่สหรคตด้วยปีติอาศัยสภาวธรรมที่สหรคตด้วยปีติเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยปีติเกิดขึ้น ฯลฯ
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๑๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๑. สุขสหคตทุกะ ๑. ปฎิจจวาร
(พึงขยายปีติสหคตทุกะให้พิสดารอย่างนี้ เหมือนกับสัปปีติกทุกะ ไม่มีข้อ
แตกต่างกัน การระบุความไม่แตกต่างกัน)
ปีติสหคตทุกะ จบ

๙๑. สุขสหคตทุกะ ๑. ปฎิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลมเป็นต้น
เหตุปัจจัย
[๑๖๘] สภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุขอาศัยสภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุขเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยสุขเกิดขึ้น ขันธ์ ๑
อาศัยขันธ์ ๒ เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยสุขอาศัยสภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุขเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ สุขและจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยสุขเกิดขึ้น
(พึงขยายสุขสหคตทุกะให้พิสดาร เหมือนอนุโลมแห่งสัปปีติทุกะที่เป็น
ปฏิจจวาร)

เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

อนุโลม จบ
[๑๖๙] สภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุขอาศัยสภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุขเกิดขึ้น
เพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งสหรคตด้วยสุขเกิดขึ้น
... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) สุขและจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์
ที่ไม่มีเหตุซึ่งสหรคตด้วยสุขเกิดขึ้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๑๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๑. สุขสหคตทุกะ ๑. ปฎิจจวาร
สภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุขและไม่สหรคตด้วยสุขอาศัยสภาวธรรมที่สหรคต
ด้วยสุขเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ สุขและจิตตสมุฏฐานรูปอาศัย
ขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งสหรคตด้วยสุขเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)
สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยสุข อาศัยสภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยสุขเกิดขึ้นเพราะ
นเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งไม่
สหรคตด้วยสุขเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยสุขที่ไม่
มีเหตุเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูปอาศัยขันธ์ ๑
ที่ไม่สหรคตด้วยสุขเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ หทัยวัตถุอาศัยขันธ์เกิดขึ้น
ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึง
อสัญญสัตตพรหม) โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัย
ขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (ไม่มีข้อแตกต่างกัน
เหมือนกับนเหตุปัจจัย ในสัปปีติกทุกะ ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๖ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๑๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๑. สุขสหคตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

ปัจจนียะ จบ
(โดยนัยนี้ การนับ ๒ อย่างนอกนี้ และสหชาตวารเหมือนกับปฏิจจวาร
ในปัจจยวารพึงขยายปวัตติกาล และปฏิสนธิกาลให้พิสดาร แม้ในปัจจนียะแห่ง
ปัจจยวารในสัปปีติกทุกะ ก็พึงขยายหทัยวัตถุในปวัตติกาลให้พิสดาร และใน
สัปปีติกทุกะ มีเฉพาะโมหะอย่างเดียวเท่านั้น พึงทําการนับ ๒ อย่างนอกนี้
นิสสยวาร สังสัฏฐวาร และสัมปยุตตวารก็ฉันนั้น พึงทำให้เหมือนกับสัปปีติกทุกะ)

๙๑. สุขสหคตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๑๗๐] สภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุขเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สหรคตด้วย
สุขโดยเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ (ในอารัมมณปัจจัยและอธิปติปัจจัย เหมือนกับ
สัปปีติกทุกะ คำว่าสุขเป็นข้อแตกต่างกัน)

อนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๑๗๑] สภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุขเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สหรคตด้วย
สุขโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยสุขซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่
ขันธ์ที่สหรคตด้วยสุขซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ขันธ์
ที่สหรคตด้วยสุขซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่สหรคตด้วยสุขซึ่งเกิดหลัง ๆ
โดยอนันตรปัจจัย จุติจิตที่สหรคตด้วยสุขเป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่ไม่สหรคตด้วยสุข
ภวังคจิตที่สหรคตด้วยสุขเป็นปัจจัยแก่อาวัชชนจิต กายวิญญาณที่สหรคตด้วยสุข

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๑๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๑. สุขสหคตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
เป็นปัจจัยแก่มโนธาตุที่เป็นวิบาก มโนวิญญาณธาตุที่เป็นวิบากซึ่งสหรคตด้วยสุข
เป็นปัจจัยแก่มโนวิญญาณธาตุที่เป็นกิริยา ภวังคจิตที่สหรคตด้วยสุขเป็นปัจจัยแก่
ภวังคจิตที่ไม่สหรคตด้วยสุข กุศลและอกุศลที่สหรคตด้วยสุขเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ
ที่ไม่สหรคตด้วยสุข กิริยาเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ผลเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะโดย
อนันตรปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่สหรคตด้วยสุขซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยสุขและสุขซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยสุขเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยสุข
โดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่สหรคตด้วยสุขซึ่งเกิดก่อน ๆ ฯลฯ (พึงเพิ่ม
บทที่เป็นมูล มี ๓ วาระ เหมือนกับสัปปีติกทุกะ)
[๑๗๒] สภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุขและไม่สหรคตด้วยสุขเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุขโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยสุขและสุข
ซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยสุขซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย
(พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่สหรคตด้วยสุขและสุขซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่สุข
ที่เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย จุติจิตที่สหรคตด้วยสุขและสุขเป็นปัจจัยแก่
อุปปัตติจิตที่ไม่สหรคตด้วยสุข ภวังคจิตที่สหรคตด้วยสุขและสุขเป็นปัจจัยแก่
อาวัชชนจิต กายวิญญาณที่สหรคตด้วยสุขและสุขเป็นปัจจัยแก่มโนธาตุที่เป็นวิบาก
มโนวิญญาณธาตุที่เป็นวิบากซึ่งสหรคตด้วยสุขและสุขเป็นปัจจัยแก่มโนวิญญาณธาตุ
ที่เป็นกิริยา ภวังคจิตที่สหรคตด้วยสุขและสุขเป็นปัจจัยแก่ภวังคจิตที่ไม่สหรคตด้วย
สุข กุศลและอกุศลที่สหรคตด้วยสุขและสุขเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่ไม่สหรคตด้วยสุข
กิริยาเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ผลเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะโดยอนันตรปัจจัย (พึงเพิ่ม
บทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่สหรคตด้วยสุขและสุขซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่
สหรคตด้วยสุขและสุขซึ่งเกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย (๓)

... เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย
... เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย
... เป็นปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย
... เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๑๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๑. สุขสหคตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อุปนิสสยปัจจัย
[๑๗๓] สภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุขเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สหรคตด้วย
สุขโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยสุขเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยสุข
โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่ไม่สหรคตด้วยสุขแล้วให้ทาน
สมาทานศีล ด้วยจิตที่ไม่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ ทําสมาบัติให้เกิดขึ้น มีมานะ ถือทิฏฐิ
อาศัยศีลที่ไม่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ
สุขทางกาย ฯลฯ ทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะและ
สุขแล้วให้ทานด้วยจิตที่ไม่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ ทําสมาบัติให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ
ทําลายสงฆ์ ศรัทธาที่ไม่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ เสนาสนะและสุขเป็นปัจจัยแก่
ศรัทธาที่ไม่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ ฯลฯ โทสะ ฯลฯ
ความปรารถนา ฯลฯ สุขทางกาย ... ทุกข์ทางกาย ... มรรค ... ผลสมาบัติ
และสุขโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยสุขเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุข
โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่ไม่สหรคตด้วยสุขแล้วให้ทานด้วย
จิตที่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ ทําสมาบัติให้เกิดขึ้น มีมานะ ถือทิฏฐิ อาศัยศีลที่ไม่
สหรคตด้วยสุข ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ สุขทางกาย
ฯลฯ เสนาสนะและสุขแล้วให้ทานด้วยจิตที่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ ทําสมาบัติให้
เกิดขึ้น ลักทรัพย์ด้วยจิตที่สหรคตด้วยสุข พูดเท็จ ฯลฯ พูดส่อเสียด ฯลฯ พูด
เพ้อเจ้อ ฯลฯ งัดแงะ ฯลฯ ปล้นไม่ให้เหลือ ฯลฯ ปล้นเรือนหลังเดียว ฯลฯ
ดักจี้ในทางเปลี่ยว ฯลฯ ล่วงเกินภรรยาผู้อื่น ฯลฯ ฆ่าชาวบ้าน ฯลฯ ฆ่าชาวนิคม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๑๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๑. สุขสหคตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ศรัทธาที่ไม่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ เสนาสนะและสุขเป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่สหรคต
ด้วยสุข ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ ฯลฯ มานะ ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ ความปรารถนา
ฯลฯ สุขทางกาย ฯลฯ มรรค และผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยสุข เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุขและ
ไม่สหรคตด้วยสุขโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ
อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่ไม่สหรคตด้วยสุขแล้วให้ทานด้วย
จิตที่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ (เหมือนกับข้อความตอนที่ ๒ ) มีมานะ ถือทิฏฐิ
อาศัยศีลที่ไม่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ เสนาสนะและสุขแล้วให้ทาน ฯลฯ ทําสมาบัติ
ให้เกิดขึ้น ลักทรัพย์ด้วยจิตที่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ ศรัทธาที่ไม่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ
เสนาสนะและสุขเป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ ความปรารถนา ...
สุขทางกาย ... มรรค ... ผลสมาบัติและสุขโดยอุปนิสสยปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุขและไม่สหรคตด้วยสุขเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
สหรคตด้วยสุขโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ปุเรชาตปัจจัยเป็นต้น
[๑๗๔] สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยสุขเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่สหรคต
ด้วยสุขโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุด้วยจิตที่ไม่
สหรคตด้วยสุข โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภ
ความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่ไม่สหรคตด้วยสุข ฯลฯ โทมนัสจึง
เกิดขึ้น สุขจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็น
ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่สหรคตด้วยสุข
และสุขโดยปุเรชาตปัจจัย (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๑๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๑. สุขสหคตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยสุขเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุขโดย
ปุเรชาตชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุด้วยจิตที่
สหรคตด้วยสุขโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความ
ยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่สหรคตด้วยสุขจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยสุขโดย
ปุเรชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยสุขเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุขและ
ไม่สหรคตด้วยสุขโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและ
วัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุด้วยจิตที่
สหรคตด้วยสุข โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภ
ความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่สหรคตด้วยสุขจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยสุขและสุขโดย
ปุเรชาตปัจจัย (๓)

... เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอาเสวนปัจจจัย มี ๙ วาระ

กัมมปัจจัยเป็นต้น
[๑๗๕] สภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุขเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สหรคตด้วย
สุขโดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ (กัมมปัจจัย
มี ๖ วาระ คือ พึงเพิ่มทั้งสหชาตะและนานาขณิกะ เป็น ๔ วาระ เพิ่มนานาขณิกะ
เป็น ๒ วาระ)

... เป็นปัจจัยโดยวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๑๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๑. สุขสหคตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

... เป็นปัจจัยโดยฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๗๖] เหตุปัจจัย มี ๔ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๖ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๔ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๒๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๒. อุเปกขาสหคตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

ฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๔ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

(โดยนัยนี้พึงทําปัจจนียวิภังค์ และการนับให้เป็นเหมือนกับสัปปีติกทุกะ แม้
หากยังมีความสงสัย พึงตรวจอนุโลมแล้วนับเถิด)
สุขสหคตทุกะ จบ

๙๒. อุเปกขาสหคตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๑๗๗] สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขาอาศัยสภาวธรรมที่สหรคตด้วย
อุเบกขาเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย
อุเบกขาเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขาอาศัยสภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขา
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ อุเบกขาและจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่สหรคต
ด้วยอุเบกขาเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขาและไม่สหรคตด้วยอุเบกขาอาศัยสภาวธรรม
ที่สหรคตด้วยอุเบกขาเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อุเบกขาและจิตต-
สมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุเบกขาเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๒๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๒. อุเปกขาสหคตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขาอาศัยสภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขา
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่
สหรคตด้วยอุเบกขาเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัย
อุเบกขาเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่
สหรคตด้วยอุเบกขาเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
กฏัตตารูปอาศัยอุเบกขาเกิดขึ้น หทัยวัตถุอาศัยขันธ์เกิดขึ้น ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุ
เกิดขึ้น หทัยวัตถุอาศัยอุเบกขาเกิดขึ้น อุเบกขาอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัย
มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ (เหมือนกับสัปปีติกทุกะ ในอนุโลม มี ๙ วาระ)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร

[๑๗๘] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๑๗๙] สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขาอาศัยสภาวธรรมที่สหรคตด้วย
อุเบกขาเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่ง
สหรคตด้วยอุเบกขาเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ
ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคต
ด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๒๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๒. อุเปกขาสหคตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขาอาศัยสภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขา
เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ อุเบกขาและจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุ
ซึ่งสหรคตด้วยอุเบกขาเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขาและไม่สหรคตด้วยอุเบกขาอาศัยสภาวธรรม
ที่สหรคตด้วยอุเบกขาเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อุเบกขาและจิตต-
สมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งสหรคตด้วยอุเบกขาเกิดขึ้น ... อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ (๓)
[๑๘๐] สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขาอาศัยสภาวธรรมที่ไม่สหรคต
ด้วยอุเบกขาเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์
๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งไม่สหรคตด้วยอุเบกขาเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตต-
สมุฏฐานรูปอาศัยอุเบกขาที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ
หทัยวัตถุอาศัยอุเบกขาเกิดขึ้น อุเบกขาอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป
๑ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม)
สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขาอาศัยสภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขา
เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์อาศัยอุเบกขาที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้น ใน
ปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ สัมปยุตตขันธ์อาศัยอุเบกขาเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่
เป็นอเหตุกะ หทัยวัตถุอาศัยอุเบกขาเกิดขึ้น ขันธ์ที่สหรคตด้วยอุเบกขาอาศัย
หทัยวัตถุเกิดขึ้น โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัย
อุเบกขาที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขาและไม่สหรคตด้วยอุเบกขาอาศัยสภาวธรรม
ที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขาเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตต-
สมุฏฐานรูป อาศัยอุเบกขาที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้น สัมปยุตตขันธ์อาศัยอุเบกขาที่ไม่มี
เหตุเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ
สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปอาศัยอุเบกขาเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ
สัมปยุตตขันธ์อาศัยอุเบกขาเกิดขึ้น กฏัตตารูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิ-
ขณะที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ที่สหรคตด้วยอุเบกขาอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น กฏัตตารูป
อาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ อุเบกขาและสัมปยุตตขันธ์
อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๒๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๒. อุเปกขาสหคตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
[๑๘๑] สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขาอาศัยสภาวธรรมที่สหรคตด้วย
อุเบกขาและไม่สหรคตด้วยอุเบกขาเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัย
ขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งสหรคตด้วยอุเบกขาและอาศัยอุเบกขาเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒
ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุเบกขา
และอาศัยอุเบกขาเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ
ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุเบกขาและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ...
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัย
ขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและอาศัยอุเบกขาเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขาอาศัยสภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขา
และไม่สหรคตด้วยอุเบกขาเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัย
ขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งสหรคตด้วยอุเบกขา และอาศัยอุเบกขาเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูป
อาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งสหรคตด้วยอุเบกขาและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิ-
ขณะที่เป็นอเหตุกะ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยอุเบกขาและอาศัยอุเบกขาเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยอุเบกขา และ
อาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ อุเบกขาอาศัยขันธ์ที่
สหรคตด้วยอุเบกขาและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขาและไม่สหรคตด้วยอุเบกขาอาศัยสภาวธรรม
ที่สหรคตด้วยอุเบกขาและไม่สหรคตด้วยอุเบกขาเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งสหรคตด้วยอุเบกขา
และอาศัยอุเบกขาเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่
มีเหตุซึ่งสหรคตด้วยอุเบกขาและอาศัยอุเบกขาเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งสหรคตด้วยอุเบกขาและอาศัยอุเบกขาและ
มหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ ๒ และกฏัตตารูปอาศัย
ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุเบกขาและอาศัยอุเบกขาเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุเบกขาและอาศัยอุเบกขาเกิดขึ้น ... อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งสหรคตด้วยอุเบกขาและอาศัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๒๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๒. อุเปกขาสหคตทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
อุเบกขาและมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ ๒ และ
อุเบกขาอาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุเบกขาและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ (ย่อ) (๓)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๘๒] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และสหชาตวาร พึงทําอย่างนี้)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๒๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๒. อุเปกขาสหคตทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๙๒. อุเปกขาสหคตทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลมเป็นต้น
เหตุปัจจัย
[๑๘๓] สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขาทำสภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขา
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย
อุเบกขาให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
(เหมือนกับสวิตักกทุกะ ในปัจจยวาร ยังมีข้อแตกต่างกันในคำว่า อุเบกขา พึงเพิ่ม
เป็น ๙ วาระ มีทั้งปฏิสนธิกาล ปวัตติกาลและหทัยวัตถุ)

เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

อนุโลม จบ
[๑๘๔] สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขาทำสภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขา
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่ง
สหรคตด้วยอุเบกขาให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่
เป็นอเหตุกะ ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะทำขันธ์ที่
สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
(โดยนัยนี้ จึงมี ๙ วาระ ทั้งปวัตติกาลและปฏิสนธิกาล พึงทำเหมือนกับ
วาระแห่งสวิตักกทุกะ โมหะมีเพียง ๓ วาระเท่านั้น ในปวัตติกาลพึงเพิ่มหทัยวัตถุ)

นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๒๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๒. อุเปกขาสหคตทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร

นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

ปัจจนียะ จบ
(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และนิสสยวาร พึงทําอย่างนี้)

๙๒. อุเปกขาสหคตทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๑. ปัจจยานุโลมเป็นต้น
เหตุปัจจัย
[๑๘๕] สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขาเกิดระคนกับสภาวธรรมที่สหรคต
ด้วยอุเบกขาเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่สหรคต
ด้วยอุเบกขา ... เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (ทุกะนี้
พึงทําเหมือนกับสวิตักกทุกะ ที่เป็นสัมปยุตตวาร)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๒๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๒. อุเปกขาสหคตทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร

เหตุปัจจัย มี ๖ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๖ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ

อนุโลม จบ
สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขาเกิดระคนกับสภาวธรรมที่สหรคตด้วย
อุเบกขาเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่ง
สหรคตด้วยอุเบกขา ... เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ
ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดระคนกับขันธ์ที่
สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ (โดยนัยนี้ พึงทําวาระทั้ง ๕
เหมือนในสวิตักกทุกะ)

นเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๖ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๖ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๖ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ

ปัจจนียะ จบ
(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และสัมปยุตตวาร พึงทําอย่างนี้)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๒๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๒. อุเปกขาสหคตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๙๒. อุเปกขาสหคตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัยเป็นต้น
[๑๘๖] สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สหรคต
ด้วยอุเบกขาโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่สหรคตด้วยอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-
ขันธ์โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (ทั้ง ๔ วาระ เหมือนกับสวิตักกทุกะ)
สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขา
โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอธิปติปัจจัย (อารัมมณปัจจัยและอธิปติปัจจัย
พึงขยายให้พิสดารเหมือนกับสัปปีติกทุกะ ต่างกันเฉพาะคำว่าอุเบกขา)

อนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๑๘๗] สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สหรคต
ด้วยอุเบกขาโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยอุเบกขาซึ่งเกิดก่อน ๆ
เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยอุเบกขาซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วย
อุเบกขาโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยอุเบกขาซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็น
ปัจจัยแก่อุเบกขาซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย จุติจิตที่สหรคตด้วยอุเบกขา
เป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขา อาวัชชนจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่
สหรคตด้วยอุเบกขา มโนธาตุที่เป็นวิบากเป็นปัจจัยแก่มโนวิญญาณธาตุที่เป็นวิบาก
ซึ่งไม่สหรคตด้วยอุเบกขา ภวังคจิตที่สหรคตด้วยอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่ภวังคจิตที่ไม่
สหรคตด้วยอุเบกขา กุศลและอกุศลที่สหรคตด้วยอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่
ไม่สหรคตด้วยอุเบกขา กิริยาเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ผลเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ
เนวสัญญานาสัญญายตนะของท่านผู้ออกจากนิโรธ เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติที่ไม่
สหรคตด้วยอุเบกขาโดยอนันตรปัจจัย (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๒๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๒. อุเปกขาสหคตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขา
และไม่สหรคตด้วยอุเบกขาโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยอุเบกขาซึ่ง
เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยอุเบกขา และอุเบกขาที่เกิดหลัง ๆ
โดยอนันตรปัจจัย (๓)
[๑๘๘] สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่
สหรคตด้วยอุเบกขาโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ อุเบกขาที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่
อุเบกขาที่เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย ขันธ์ที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขาซึ่งเกิดก่อน ๆ
เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขาซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย อนุโลม
เป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ อนุโลมเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติโดยอนันตรปัจจัย (พึง
เพิ่มบทที่เป็นมูล) อุเบกขาที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยอุเบกขาซึ่ง
เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย จุติจิตที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่อุปปัตติ-
จิตที่สหรคตด้วยอุเบกขา ภวังคจิตที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่อาวัชชนจิต
กายวิญญาณธาตุเป็นปัจจัยแก่มโนธาตุที่เป็นวิบาก มโนวิญญาณธาตุที่เป็นวิบากซึ่ง
ไม่สหรคตด้วยอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่มโนวิญญาณธาตุที่เป็นกิริยา ภวังคจิตที่ไม่
สหรคตด้วยอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่ภวังคจิตที่สหรคตด้วยอุเบกขา กุศลและอกุศลที่ไม่
สหรคตด้วยอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่สหรคตด้วยอุเบกขา กิริยาเป็นปัจจัยแก่
วุฏฐานะ ผลเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะโดยอนันตรปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สหรคตด้วย
อุเบกขาและไม่สหรคตด้วยอุเบกขาโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ อุเบกขาที่เกิดก่อน ๆ
เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยอุเบกขาและอุเบกขาซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย
(๓)
[๑๘๙] สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขาและไม่สหรคตด้วยอุเบกขา เป็น
ปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขาโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์สหรคต
ด้วยอุเบกขาและอุเบกขาซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยอุเบกขาซึ่ง
เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่สหรคตด้วยอุเบกขาและ
อุเบกขาซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่อุเบกขาที่เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย จุติจิตที่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๓๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๒. อุเปกขาสหคตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สหรคตด้วยอุเบกขาและอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขา
อาวัชชนจิตและอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขา มโนธาตุที่เป็น
วิบากและอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่มโนวิญญาณธาตุที่เป็นวิบากซึ่งไม่สหรคตด้วยอุเบกขา
ภวังคจิตที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขาและอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่ภวังคจิตที่ไม่สหรคตด้วย
อุเบกขา กุศลและอกุศลที่สหรคตด้วยอุเบกขาและอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่ไม่
สหรคตด้วยอุเบกขา กิริยาและอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ผลและอุเบกขาเป็น
ปัจจัยแก่วุฏฐานะ เนวสัญญานาสัญญายตนะของท่านผู้ออกจากนิโรธและอุเบกขา
เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขาโดยอนันตรปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล)
ขันธ์ที่สหรคตด้วยอุเบกขาและอุเบกขาซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วย
อุเบกขาและอุเบกขาซึ่งเกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย (๓)

... เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ

อุปนิสสยปัจจัย
[๑๙๐] สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สหรคต
ด้วยอุเบกขาโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วย
อุเบกขาโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ
และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขาแล้วให้ทาน
สมาทานศีล รักษาอุโบสถด้วยจิตที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขา ฯลฯ ทําฌานที่ไม่
สหรคตด้วยอุเบกขา ฯลฯ วิปัสสนา ฯลฯ มรรค ฯลฯ ทำสมาบัติให้เกิดขึ้น
มีมานะ ถือทิฏฐิ อาศัยศีลที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขา ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ ...
โทสะ ... โมหะ ... มานะ ... ทิฏฐิ ... ความปรารถนา ... สุขทางกาย ...

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๓๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๒. อุเปกขาสหคตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ทุกข์ทางกาย ... อุตุ ... โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ และอุเบกขาแล้ว ให้ทาน
ด้วยจิตที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขา ฯลฯ ทําสมาบัติให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทํา
ลายสงฆ์ ศรัทธาที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขา ฯลฯ เสนาสนะและอุเบกขาเป็นปัจจัย
แก่ศรัทธาที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขา ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา
ฯลฯ สุขทางกาย ฯลฯ ทุกข์ทางกาย ฯลฯ มรรค ... ผลสมาบัติและอุเบกขา
โดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขา เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สหรคตด้วย
อุเบกขาโดยอุปนิสสยปัจจัย (อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง) ได้แก่ บุคคลอาศัย
ศรัทธาที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขาแล้ว ให้ทานด้วยจิตที่สหรคตด้วยอุเบกขา ฯลฯ
ทําสมาบัติให้เกิดขึ้น มีมานะ ถือทิฏฐิ อาศัยศีลที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขา ฯลฯ
เสนาสนะ และอุเบกขาแล้ว ให้ทาน ด้วยจิตที่สหรคตด้วยอุเบกขา ฯลฯ ทํา
สมาบัติให้เกิดขึ้น บุคคลมีจิตที่สหรคตด้วยอุเบกขาลักทรัพย์ พูดเท็จ พูดส่อเสียด
ฯลฯ พูดคําหยาบ ฯลฯ พูดเพ้อเจ้อ ฯลฯ งัดแงะ ฯลฯ ปล้นไม่ให้เหลือ ฯลฯ
ปล้นเรือนหลังเดียว ฯลฯ ดักจี้ในทางเปลี่ยว ฯลฯ ล่วงเกินภรรยาผู้อื่น ฯลฯ
ฆ่าชาวบ้าน ฯลฯ ฆ่าชาวนิคม ศรัทธาที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขา ฯลฯ เสนาสนะ
เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่สหรคตด้วยอุเบกขา ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ มรรค
และผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สหรคตด้วย
อุเบกขาและไม่สหรคตด้วยอุเบกขาโดยอุปนิสสยปัจจัย (อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง
เหมือนกับข้อความตอนที่ ๒) (๓)
สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขาและไม่สหรคตด้วยอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขาโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

ปุเรชาตปัจจัย
[๑๙๑] สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่
สหรคตด้วยอุเบกขาโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับสัปปีติกทุกะ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๓๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๒. อุเปกขาสหคตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปัจฉาชาตปัจจัยเป็นต้น
[๑๙๒] สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขาเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่สหรคต
ด้วยอุเบกขาโดยปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ

... เป็นปัจจัยโดยอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยกัมมปัจจัย มี ๖ วาระ

(พึงเพิ่มสหชาตะ และนานาขณิกะ เป็น ๔ วาระ และเพิ่มนานาขณิกะ
เป็น ๒ วาระ)

... เป็นปัจจัยโดยวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

(พึงจําแนกปัจจัยเหล่านี้ โดยนัยแห่งสัปปีติกทุกะ)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๙๓] เหตุปัจจัย มี ๔ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๓๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๒. อุเปกขาสหคตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๖ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๔ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๔ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

(ปัจจนียวิภังค์ และการนับ ๓ อย่างนอกนี้ พึงทําให้เหมือนกับสัปปีติกทุกะ
อย่างนี้)
อุเปกขาสหคตทุกะ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๓๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๓. กามาวจรทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๙๓. กามาวจรทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๑๙๔] สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นกามาวจร
เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ
(ย่อ)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจรอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรและที่ไม่เป็นกามาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็น
กามาวจรเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจร
อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น กฏัตตารูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๓)
[๑๙๕] สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นกามาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจรเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรและที่ไม่เป็นกามาวจรอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็น
กามาวจรเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑
ที่ไม่เป็นกามาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
[๑๙๖] สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นกามาวจรและที่ไม่
เป็นกามาวจรเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็น
กามาวจรและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่ไม่
เป็นกามาวจร และอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๓๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๓. กามาวจรทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นกามาวจรและที่ไม่เป็น
กามาวจรเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑
ที่ไม่เป็นกามาวจรและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรและที่ไม่เป็นกามาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็น
กามาวจรและที่ไม่เป็นกามาวจรเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ
ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นกามาวจรและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจรและอาศัยมหาภูตรูป
เกิดขึ้น (๓) (ย่อ)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๑๙๗] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๙ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๓๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๓. กามาวจรทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

ฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๔ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๑๙๘] สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเกิดขึ้น
เพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุ
ซึ่งเป็นกามาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็น
อเหตุกะ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) โมหะที่สหรคตด้วย
วิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคต
ด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๑)
... เพราะนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

นอธิปติปัจจัยเป็นต้น
[๑๙๙] สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเกิดขึ้น
เพราะนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจร อาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเกิดขึ้นเพราะ
นอธิปติปัจจัย ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจร
เกิดขึ้น ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นวิบากซึ่งไม่เป็นกามาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๓๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๓. กามาวจรทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเกิดขึ้นเพราะ
นอธิปติปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นวิบากซึ่งไม่เป็นกามาวจรเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรและที่ไม่เป็นกามาวจรอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็น
กามาวจรเกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัย
ขันธ์ ๑ ที่เป็นวิบากซึ่งไม่เป็นกามาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นกามาวจรและที่ไม่เป็น
กามาวจรเกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็น
วิบากซึ่งไม่เป็นกามาวจรและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒ วาระ
นอกนี้ เป็นไปตามปกติ)

... เพราะนอนันตรปัจจัย ฯลฯ
... เพราะนปุเรชาตปัจจัย
... เพราะนปัจฉาชาตปัจจัย

นอาเสวนปัจจัย
[๒๐๐] สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเกิดขึ้น
เพราะนอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเกิดขึ้นเพราะ
นอาเสวนปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นวิบากซึ่งไม่เป็นกามาวจร เกิดขึ้น
ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเกิดขึ้นเพราะ
นอาเสวนปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจรเกิดขึ้น ใน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๓๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๓. กามาวจรทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัย
ขันธ์ ๑ ที่เป็นวิบากซึ่งไม่เป็นกามาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓) (วาระที่เหลือ ๓ วาระ เป็นไปตามปกติ ย่อ)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร

[๒๐๑] นเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

(พึงเพิ่มการนับที่เหลือและสหชาตวาร)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๓๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๓. กามาวจรทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๙๓. กามาวจรทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลมเป็นต้น
เหตุปัจจัย
[๒๐๒] สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นกามาวจรให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ ๑ ที่
เป็นกามาวจรให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
(พึงเพิ่มข้อความจนถึงมหาภูตรูปที่เป็นภายใน) ขันธ์ที่เป็นกามาวจรทำหทัยวัตถุให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นกามาวจรให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจรทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรและที่ไม่เป็นกามาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นกามาวจร
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจรทำหทัยวัตถุให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นกามาวจรและที่ไม่เป็นกามาวจร
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นกามาวจรและที่ไม่เป็นกามาวจร
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นกามาวจร
และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรและที่ไม่เป็นกามาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นกามาวจร
และที่ไม่เป็นกามาวจรให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๔๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๓. กามาวจรทุกะ ๓. ปัจจยวาร
ที่ไม่เป็นกามาวจรและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจรและทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓) (ย่อ)

เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๔ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

อนุโลม จบ

นเหตุปัจจัย
[๒๐๓] สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นกามาวจรให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ... ทำขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งเป็นกามาวจร ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม)
จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ กายายตนะ ฯลฯ ขันธ์ที่
ไม่มีเหตุซึ่งเป็นกามาวจรทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา
และที่สหรคตด้วยอุทธัจจะทำขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและ
ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑)
... เพราะนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๔๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๓. กามาวจรทุกะ ๓. ปัจจยวาร
นอธิปติปัจจัยเป็นต้น
[๒๐๔] สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นกามาวจรให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย มี ๑ วาระ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นกามาวจรให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรทำหทัยวัตถุให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่เป็นวิบากซึ่งไม่เป็นกามาวจรทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรและที่ไม่เป็นกามาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นกามาวจร
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นวิบากซึ่งไม่เป็นกามาวจร
ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นกามาวจรและที่ไม่เป็นกามาวจร
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย (เหมือนกับปฏิจจวาร พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล)
อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรทำขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจรและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้น ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่เป็นวิบากซึ่งไม่เป็นกามาวจร และทำหทัยวัตถุ
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่มบท
ที่เป็นมูล) ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่เป็นวิบากซึ่งเป็นกามาวจรและทำหทัยวัตถุให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่เป็นวิบากซึ่ง
ไม่เป็นกามาวจรและทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึง
เพิ่มบทที่เป็นมูล) (๓)
... เพราะนอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๔๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๓. กามาวจรทุกะ ๓. ปัจจยวาร
... เพราะนอาเสวนปัจจัย (ในสภาวธรรมล้วนๆ และที่เกิดเจือกับนาม พึง
กําหนดคำว่าวิบาก แต่ในสภาวธรรมที่เกิดระคนกับรูปไม่มีวิบาก ย่อ)

สุทธนัย

นเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

ปัจจนียะ จบ
(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และนิสสยวาร พึงทําอย่างนี้)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๔๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๓. กามาวจรทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๙๓. กามาวจรทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๑. ปัจจยานุโลมเป็นต้น
เหตุปัจจัย
[๒๐๕] สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเกิดระคนกับสภาวธรรมที่เป็นกามาวจร
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่เป็นกามาวจร ฯลฯ
เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเกิดระคนกับสภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นกามาวจร ฯลฯ เกิด
ระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)

เหตุปัจจัย มี ๒ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๒ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ

อนุโลม จบ
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเกิดระคนกับสภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเพราะ
นเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งเป็นกามาวจร ฯลฯ
เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ โมหะที่สหรคต
ด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดระคนกับขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและ
ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ

นเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๔๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๓. กามาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร

นอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๒ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ

ปัจจนียะ จบ
(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และสัมปยุตตวาร พึงทําอย่างนี้)

๙๓. กามาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๐๖] สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นกามาวจร
โดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรโดย
เหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยเหตุปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรโดย
เหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เหตุที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๔๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๓. กามาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อารัมมณปัจจัย
[๒๐๗] สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นกามาวจร
โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถ ฯลฯ
พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดี
เพลิดเพลินกุศลนั้น ราคะ ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น พระอริยะพิจารณาโคตรภู
พิจารณาโวทาน พิจารณากิเลสที่ละได้แล้ว ฯลฯ พิจารณากิเลสที่ข่มได้แล้ว ฯลฯ
รู้กุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออกจากฌาน ฯลฯ เห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ
และขันธ์ที่เป็นกามาวจรโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น รูปายตนะ
เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดย
อารัมมณปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ รู้จิต
ของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่เป็นกามาวจร ด้วยเจโตปริยญาณ ขันธ์ที่
เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
ยถากัมมูปคญาณ และอนาคตังสญาณโดยอารัมมณปัจจัย (๒)
[๒๐๘] สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจร
โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ นิพพานเป็นปัจจัยแก่มรรค และผลโดยอารัมมณปัจจัย
บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่ไม่เป็นกามาวจร ด้วยเจโตปริยญาณ
อากาสานัญจายตนะเป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ อากิญจัญญายตนะ
เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่
อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ยถากัมมูปคญาณ และ
อนาคตังสญาณโดยอารัมมณปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลออกจากฌานแล้วพิจารณาฌาน ยินดีเพลิดเพลิน
เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินฌานนั้น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น ฯลฯ
พระอริยะออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค พิจารณาผล พิจารณานิพพาน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๔๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๓. กามาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย
บุคคลพิจารณาอากาสานัญจายตนะ พิจารณาวิญญาณัญจายตนะ พิจารณา
อากิญจัญญายตนะ พิจารณาเนวสัญญานาสัญญายตนะ พิจารณาทิพพจักขุ
พิจารณาทิพพโสตธาตุ พิจารณาอิทธิวิธญาณ พิจารณาเจโตปริยญาณ ฯลฯ
ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ฯลฯ ยถากัมมูปคญาณ ฯลฯ พิจารณาอนาคตังสญาณ
บุคคลเห็นแจ้งขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจรโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึง
เกิดขึ้น (๒)

อธิปติปัจจัย
[๒๐๙] สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นกามาวจร
โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถ ฯลฯ
พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้วให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ยินดีเพลิดเพลิน
เพราะทําความยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น
ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น พระเสขะพิจารณาโคตรภูให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พิจารณา
โวทาน ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น บุคคลยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ
และขันธ์ที่เป็นกามาวจรให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทําความยินดี
เพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิ
จึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๑)
[๒๑๐] สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจร
โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ และสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ นิพพานเป็นปัจจัยแก่มรรคและผลโดยอธิปติปัจจัย
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-
ขันธ์โดยอธิปติปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๔๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๓. กามาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรโดย
อธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลออกจากฌานแล้วพิจารณาฌานให้เป็นอารมณ์
อย่างหนักแน่น ยินดีเพลิดเพลิน เพราะทําความยินดีเพลิดเพลินฌานนั้นให้เป็น
อารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น พระอริยะออกจากมรรค
แล้วพิจารณามรรคให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พิจารณาผล ฯลฯ พิจารณา
นิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู และโวทาน
โดยอธิปติปัจจัย บุคคลพิจารณาอากาสานัญจายตนะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
พิจารณาวิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ อากิญจัญญายตนะ ฯลฯ เนวสัญญานา-
สัญญายตนะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พิจารณาทิพพจักขุ ฯลฯ ทิพพโสตธาตุ
ฯลฯ อิทธิวิธญาณ ฯลฯ อนาคตังสญาณให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น บุคคล
ยินดีเพลิดเพลินขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจรให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทํา
ความยินดีเพลิดเพลินขันธ์นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิ
จึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่จิตต-
สมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรและที่ไม่
เป็นกามาวจรโดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรม
ที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๓)

อนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๒๑๑] สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นกามาวจร
โดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นกามาวจรซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่
เป็นกามาวจรซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู
อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โวทาน อาวัชชนจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นกามาวจรโดย
อนันตรปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๔๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๓. กามาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรโดย
อนันตรปัจจัย ได้แก่ จุติจิตที่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่ไม่เป็นกามาวจร
อาวัชชนจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจรโดยอนันตรปัจจัย ขันธ์ที่เป็นกามาวจร
เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่ไม่เป็นกามาวจรโดยอนันตรปัจจัย บริกรรมปฐมฌานเป็น
ปัจจัยแก่ปฐมฌานโดยอนันตรปัจจัย ฯลฯ บริกรรมจตุตถฌาน ฯลฯ บริกรรม
เนวสัญญานาสัญญายตนะ ฯลฯ บริกรรมทิพพจักขุ ฯลฯ ทิพพโสตธาตุ ฯลฯ
อิทธิวิธญาณ ฯลฯ เจโตปริยญาณ ฯลฯ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ฯลฯ
ยถากัมมูปคญาณ ฯลฯ บริกรรมอนาคตังสญาณเป็นปัจจัยแก่อนาคตังสญาณโดย
อนันตรปัจจัย โคตรภูเป็นปัจจัยแก่มรรค โวทานเป็นปัจจัยแก่มรรค อนุโลมเป็น
ปัจจัยแก่ผลสมาบัติโดยอนันตรปัจจัย (๒)
[๒๑๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจร
โดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจรซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัย แก่ขันธ์
ที่ไม่เป็นกามาวจรซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย มรรคเป็นปัจจัยแก่ผล ผลเป็น
ปัจจัยแก่ผล เนวสัญญานาสัญญายตนะของท่านผู้ออกจากนิโรธเป็นปัจจัยแก่
ผลสมาบัติโดยอนันตรปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรโดย
อนันตรปัจจัย ได้แก่ จุติจิตที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่เป็นกามาวจร
ภวังคจิตที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่อาวัชชนจิต ขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจรเป็น
ปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็นกามาวจรโดยอนันตรปัจจัย (๒)

... เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย
... เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย มี ๗ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

อุปนิสสยปัจจัย
[๒๑๓] สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นกามาวจร
โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๔๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๓. กามาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่เป็นกามาวจรแล้วให้ทาน
สมาทานศีล รักษาอุโบสถ ฯลฯ ทําวิปัสสนาให้เกิดขึ้น มีมานะ ถือทิฏฐิ อาศัยศีล
ที่เป็นกามาวจร ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ สุขทางกาย
ฯลฯ ทุกข์ทางกาย ฯลฯ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะแล้วให้ทาน ฯลฯ
ทําวิปัสสนาให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทําลายสงฆ์ ศรัทธาที่เป็นกามาวจร ฯลฯ
เสนาสนะเป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็นกามาวจร ฯลฯ ความปรารถนา ... สุขทางกาย
และทุกข์ทางกายโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรโดย
อุปนิสสยปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่เป็นกามาวจรแล้วทําฌานที่ไม่เป็น
กามาวจรให้เกิดขึ้น ทำมรรค ฯลฯ อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น อาศัยศีล
ที่เป็นกามาวจร ฯลฯ เสนาสนะแล้วทําฌานที่ไม่เป็นกามาวจรให้เกิดขึ้น ทำมรรค
ฯลฯ อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น ศรัทธาที่เป็นกามาวจร ฯลฯ เสนาสนะ
เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่ไม่เป็นกามาวจร ฯลฯ ปัญญา ... มรรค และผลสมาบัติ
โดยอุปนิสสยปัจจัย บริกรรมปฐมฌานเป็นปัจจัยแก่ปฐมฌาน ฯลฯ จตุตถฌาน
ฯลฯ อากาสานัญจายตนะ ฯลฯ ปฐมมรรค ฯลฯ บริกรรมจตุตถมรรคเป็น
ปัจจัยแก่จตุตถมรรคโดยอุปนิสสยปัจจัย (๒)
[๒๑๔] สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจร
โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่ไม่เป็นกามาวจรแล้วทําฌานให้
เกิดขึ้น ทำมรรค ฯลฯ อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น อาศัยศีลที่ไม่เป็นกามาวจร
ฯลฯ ปัญญาแล้วทําฌานที่ไม่เป็นกามาวจรให้เกิดขึ้น ฯลฯ ทำมรรค ฯลฯ อภิญญา
ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น ศรัทธาที่ไม่เป็นกามาวจร ฯลฯ ปัญญาเป็นปัจจัยแก่
ศรัทธาที่ไม่เป็นกามาวจร ฯลฯ ปัญญา ... มรรค และผลสมาบัติ โดยอุปนิสสย-
ปัจจัย ปฐมฌานเป็นปัจจัยแก่ทุติยฌานโดยอุปนิสสยปัจจัย ฯลฯ ตติยฌาน ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๕๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๓. กามาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
จตุตถฌาน ฯลฯ อากาสานัญจายตนะเป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ
อากิญจัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะโดยอุปนิสสยปัจจัย
ปฐมมรรคเป็นปัจจัยแก่ทุติยมรรค ฯลฯ ทุติยมรรคเป็นปัจจัยแก่ตติยมรรค ฯลฯ
ตติยมรรคเป็นปัจจัยแก่จตุตถมรรคโดยอุปนิสสยปัจจัย มรรคเป็นปัจจัยแก่
ผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรโดย
อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่ไม่เป็นกามาวจรแล้ว ให้ทาน
สมาทานศีล รักษาอุโบสถ ฯลฯ ทําวิปัสสนาให้เกิดขึ้น มีมานะ ถือทิฏฐิ อาศัย
ศีลที่ไม่เป็นกามาวจร ฯลฯ ปัญญาแล้ว ให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถ ฯลฯ
ทําวิปัสสนาให้เกิดขึ้น มีมานะ ถือทิฏฐิ ศรัทธาที่ไม่เป็นกามาวจร ฯลฯ ปัญญา
เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็นกามาวจร ฯลฯ ปัญญา ... ราคะ ... ความปรารถนา ...
สุขทางกาย และทุกข์ทางกาย โดยอุปนิสสยปัจจัย พระอริยะอาศัยมรรคแล้วเห็น
แจ้งสังขารโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ มรรคของพระอริยะเป็นปัจจัยแก่อัตถปฏิสัมภิทา
ธัมมปฏิสัมภิทา นิรุตติปฏิสัมภิทา ปฏิภาณปฏิสัมภิทา และความเป็นผู้ฉลาดใน
ฐานะและมิใช่ฐานะโดยอุปนิสสยปัจจัย ผลสมาบัติเป็นปัจจัยแก่สุขทางกายโดย
อุปนิสสยปัจจัย (๒)

ปุเรชาตปัจจัยเป็นต้น
[๒๑๕] สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นกามาวจร
โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๕๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๓. กามาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นกามาวจรโดย
ปุเรชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรโดย
ปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วย
ทิพพโสตธาตุ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจรโดย
ปุเรชาตปัจจัย (๒)

... เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ

กัมมปัจจัยเป็นต้น
[๒๑๖] สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นกามาวจร
โดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ (ย่อ)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรโดย
กัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ (ย่อ)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรโดย
กัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ (ย่อ)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรและ
ไม่เป็นกามาวจรโดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ (ย่อ)(๓)

... เป็นปัจจัยโดยวิปากปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอินทรียปัจจัย มี ๔ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๕๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๓. กามาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร

... เป็นปัจจัยโดยฌานปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ

วิปปยุตตปัจจัย
[๒๑๗] สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรโดย
วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ (ย่อ)
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรโดย
วิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ (ย่อ) ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็น
กามาวจรโดยวิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจรโดยวิปปยุตต-
ปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรโดย
วิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดย
วิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดย
วิปปยุตตปัจจัย (๑)

อัตถิปัจจัยเป็นต้น
[๒๑๘] สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นกามาวจร
โดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ
และอินทรียะ (ย่อ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๕๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๓. กามาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรโดย
อัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจร
โดยอัตถิปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฯลฯ (เหมือนกับปุเรชาต-
ปัจจัย) (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรโดย
อัตถิปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตะ (ย่อ)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรโดย
อัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ (เหมือนกับวิปปยุตตปัจจัย)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรและที่ไม่
เป็นกามาวจรโดยอัตถิปัจจัย (เหมือนกับปฏิจจวาร) (๓)
[๒๑๙] สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรและที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาว-
ธรรมที่เป็นกามาวจรโดยอัตถิปัจจัย มี ๔ อย่าง คือ สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ
และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจร และมหาภูตรูปเป็นปัจจัยแก่
จิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจร และกวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่
กายนี้โดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นกามาวจรและรูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่
กฏัตตารูปโดยอัตถิปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรและที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่
เป็นกามาวจรโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๕๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๓. กามาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นกามาวจรและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓
โดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)

... เป็นปัจจัยโดยนัตถิปัจจัย
... เป็นปัจจัยโดยวิคตปัจจัย
... เป็นปัจจัยโดยอวิคตปัจจัย

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๒๒๐] เหตุปัจจัย มี ๔ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๗ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๔ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๔ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๔ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๔ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๔ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๕๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๓. กามาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร

สัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๔ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ

๒. ปัจจนียุทธาร
[๒๒๑] สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นกามาวจร
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย
กัมมปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย (๒)
[๒๒๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจร
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย และกัมมปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรและที่ไม่
เป็นกามาวจรโดยสหชาตปัจจัย และกัมมปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรและที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
เป็นกามาวจร โดยสหชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรีย-
ปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นกามาวจรและที่ไม่เป็นกามาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่
เป็นกามาวจรโดยสหชาตปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๕๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๓. กามาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๒๒๓] นเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๗ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ
นสหชาตปัจจัย มี ๖ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
โนอัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ
โนอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๒๒๔] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๔ วาระ
นอนันตรปัจจัย ” มี ๔ วาระ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๔ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๒ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๕๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๔ วาระ ฯลฯ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๒ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๒ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๔ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๔ วาระ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๒๒๕] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ
อธิปติปัจจัย ” มี ๔ วาระ

(พึงเพิ่มบทอนุโลมมาติกา) ฯลฯ

อวิคตปัจจัย ” มี ๗ วาระ

กามาวจรทุกะ จบ

๙๔. รูปาวจรทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๒๖] สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้นเพราะเหตุ-
ปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจร
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น
รูปาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๕๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
[๒๒๗] สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็น
รูปาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ อาศัย
มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่เป็นรูปาวจรอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจร
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่เป็นรูปาวจรอาศัยหทัยวัตถุ
เกิดขึ้น กฏัตตารูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๓)
[๒๒๘] สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็น
รูปาวจรเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑
ที่เป็นรูปาวจรและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็นรูปาวจร
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นรูปาวจรและอาศัย
มหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่เป็นรูปาวจรและอาศัย
มหาภูตรูปเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจร
และที่ไม่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓
อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นรูปาวจรและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่เป็นรูปาวจร และอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (ย่อ) (๓)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๒๒๙] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๕๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๙ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๔ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัยและนอารัมมณปัจจัย
[๒๓๐] สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้น
เพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุ
ซึ่งไม่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็น
อเหตุกะ ฯลฯ หทัยวัตถุอาศัยขันธ์เกิดขึ้น ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๖๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) โมหะที่สหรคต
ด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคต
ด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๑)
... เพราะนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

นอธิปติปัจจัยเป็นต้น
[๒๓๑] สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้นเพราะ
นอธิปติปัจจัย ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นรูปาวจรอาศัยขันธ์ที่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้น
ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นวิบากซึ่งเป็นรูปาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้นเพราะ
นอธิปติปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นวิบากซึ่งเป็นรูปาวจรเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจร
เกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัย
ขันธ์ ๑ ที่เป็นวิบากซึ่งเป็นรูปาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้นเพราะ
นอธิปติปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นรูปาวจร
เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ มี ๓ วาระ (ทุกะนี้ เหมือนกับนกามาวจรปฏิจจวาร
ไม่มีข้อแตกต่างกัน ในที่นี้พึงเพิ่มมหาภูตรูปทั้งหมด) (๓)
[๒๓๒] สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็น
รูปาวจรเกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัย
ขันธ์ ๑ ที่เป็นรูปาวจรและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๖๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็นรูปาวจร
เกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นวิบากซึ่งเป็น
รูปาวจรและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจร
และที่ไม่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓
อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นรูปาวจรและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่เป็นรูปาวจร และอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๓)

... เพราะนอนันตรปัจจัย ฯลฯ
... เพราะนอุปนิสสยปัจจัย

นปุเรชาตปัจจัยเป็นต้น
[๒๓๓] สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้นเพราะ
นปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้น
ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้นเพราะ
นปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจร
เกิดขึ้นเพราะนปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูป
อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้นเพราะ
นปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นรูปาวจร
เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๖๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม พึงเพิ่ม ๕ วาระ
นอกนี้ด้วย พึงทําไปตามอนุโลม)
... เพราะนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ

นอาเสวนปัจจัยเป็นต้น
[๒๓๔] สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้น
เพราะนอาเสวนปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นวิบากซึ่งเป็นรูปาวจร
เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้นเพราะ
นอาเสวนปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจร
เกิดขึ้นเพราะนอาเสวนปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑
ที่เป็นวิบากซึ่งเป็นรูปาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้นเพราะ
นอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็นรูปาวจร
เกิดขึ้นเพราะนอาเสวนปัจจัย (ย่อ พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล พึงเพิ่มวาระนอกนี้ด้วย)

... เพราะนกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ
... เพราะนสัมปยุตตปัจจัย

[๒๓๕] สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเกิดขึ้น
เพราะนวิปปยุตตปัจจัย ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็น
รูปาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ... ที่เป็นภายนอก ... ที่มีอาหารเป็น
สมุฏฐาน ... ที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน ... สําหรับเหล่าอสัญญสัตตพรหม ฯลฯ (ย่อ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๖๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๒๓๖] นเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และสหชาตวาร พึงทําอย่างนี้)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๖๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๙๔. รูปาวจรทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๓๗] สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็น
รูปาวจรให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึง
มหาภูตรูปภายใน) ขันธ์ที่ไม่เป็นรูปาวจรทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นรูปาวจรทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็นรูปาวจรทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจร
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นรูปาวจรทำหทัยวัตถุให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๓)
[๒๓๘] สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็น
รูปาวจรให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่เป็น
รูปาวจรและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็นรูปาวจร
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่เป็นรูปาวจร
และทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๖๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๓. ปัจจยวาร
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็นรูปาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจร
และที่ไม่เป็นรูปาวจรให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑
ที่เป็นรูปาวจรและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตต-
สมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่เป็นรูปาวจร และทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๓) (ย่อ)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร

[๒๓๙] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๔ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๒๔๐] สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ ๑

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๖๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๓. ปัจจยวาร
ที่ไม่มีเหตุซึ่งไม่เป็นรูปาวจรให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม)
จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ กายวิญญาณทำกายายตนะ
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งไม่เป็นรูปาวจรทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะทำขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา
ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑) (ย่อ)

นอธิปติปัจจัย
[๒๔๑] สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะนอธิปติปัจจัย (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นรูปาวจรทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ขันธ์ที่เป็นวิบากซึ่งเป็นรูปาวจรทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็นรูปาวจรทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจร
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นวิบากซึ่งเป็นรูปาวจรทำ
หทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
[๒๔๒] สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็น
รูปาวจรให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นรูปาวจร
ทำขันธ์ที่เป็นรูปาวจรและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่
เป็นวิบากซึ่งเป็นรูปาวจร และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่เป็นรูปาวจรและและทำหทัยวัตถุให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๖๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๓. ปัจจยวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็นรูปาวจร
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่เป็น
วิบากซึ่งเป็นรูปาวจรและทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็นรูปาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจร
และที่ไม่เป็นรูปาวจรให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำ
ขันธ์ ๑ ที่เป็นวิบากซึ่งเป็นรูปาวจรและทำหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่เป็นวิบากซึ่งเป็นรูปาวจร และทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓) (ย่อ)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๒๔๓] นเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ

(ในอรูปล้วนๆ และอรูปที่เกิดระคนกัน พึงกําหนดว่าเป็นวิบาก)

นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๖๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร

นมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และนิสสยวาร พึงทําอย่างนี้)

๙๔. รูปาวจรทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๑. ปัจจยานุโลมเป็นต้น
เหตุปัจจัย
[๒๔๔] สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเกิดระคนกับสภาวธรรมที่เป็นรูปาวจร
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่เป็นรูปาวจร ฯลฯ
เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเกิดระคนกับสภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นรูปาวจร ฯลฯ เกิดระคน
กับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)

เหตุปัจจัย มี ๒ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๒ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ

อนุโลม จบ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจร เกิดระคนกับสภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเพราะ
นเหตุปัจจัย (ย่อ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๖๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร

นเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๒ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๑ วาระ

ปัจจนียะ จบ
(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และสัมปยุตตวาร พึงทำอย่างนี้)

๙๔. รูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๔๕] สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรโดย
เหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยเหตุปัจจัย ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เหตุที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่
จิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล)
เหตุที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรโดย
เหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูป
โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๗๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อารัมมณปัจจัย
[๒๔๖] สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิต
ที่เป็นรูปาวจรด้วยเจโตปริยญาณ ขันธ์ที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ
เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ยถากัมมูปคญาณ และอนาคตังสญาณ
โดยอารัมมณปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลพิจารณาปฐมฌาน ฯลฯ พิจารณาจตุตถฌาน
พิจารณาทิพพจักขุ พิจารณาทิพพโสตธาตุ ฯลฯ อิทธิวิธญาณ ฯลฯ เจโตปริยญาณ
ฯลฯ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ฯลฯ ยถากัมมูปคญาณ ฯลฯ พิจารณา
อนาคตังสญาณ บุคคลเห็นแจ้งขันธ์ที่เป็นรูปาวจรโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ
โทมนัสจึงเกิดขึ้น (๒)
[๒๔๗] สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจร
โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถ พิจารณา
กุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินกุศล
นั้น ราคะ ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น พระอริยะออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค
พิจารณาผล พิจารณานิพพาน นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค ผล
และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย พระอริยะพิจารณากิเลสที่ละได้แล้ว ฯลฯ
กิเลสที่ข่มได้แล้ว ฯลฯ รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น ฯลฯ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ
หทัยวัตถุ และขันธ์ที่ไม่เป็นรูปาวจรโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น
อากาสานัญจายตนะเป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ อากิญจัญญายตนะ
เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ ฯลฯ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ
ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดยอารัมมณปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๗๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
รู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่ไม่เป็นรูปาวจรด้วยเจโตปริยญาณ ขันธ์
ที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
ยถากัมมูปคญาณ และอนาคตังสญาณโดยอารัมมณปัจจัย (๒)

อธิปติปัจจัย
[๒๔๘] สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรโดย
อธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นรูปาวจร
เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยอธิปติปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรโดยอธิปติ-
ปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลพิจารณาปฐมฌานให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น ยินดีเพลิดเพลิน เพราะทำความยินดีเพลิดเพลินฌานนั้นให้เป็นอารมณ์
อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ บุคคลพิจารณาจตุตถฌาน ฯลฯ
ทิพพจักขุ ฯลฯ ทิพพโสตธาตุ ฯลฯ อิทธิวิธญาณ ฯลฯ เจโตปริยญาณ ฯลฯ
ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ฯลฯ ยถากัมมูปคญาณ ฯลฯ อนาคตังสญาณให้เป็น
อารมณ์อย่างหนักแน่น ยินดีเพลิดเพลิน เพราะทำความยินดีเพลิดเพลินจตุตถฌาน
เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน
ขันธ์ที่เป็นรูปาวจรให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทําความยินดีเพลิดเพลินขันธ์
นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป
โดยอธิปติปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็น
รูปาวจรโดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่
เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๓)
[๒๔๙] สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจร
โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๗๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว
พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้วให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ยินดีเพลิดเพลิน
เพราะทำความยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น
ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น พระอริยะออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น พิจารณาผล ฯลฯ พิจารณานิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค และผลโดยอธิปติปัจจัย บุคคลยินดี
เพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ ทหัยวัตถุ และขันธ์ที่ไม่เป็นรูปาวจรให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น เพราะทําความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น บุคคลพิจารณาอากาสานัญจายตนะให้เป็นอารมณ์
อย่างหนักแน่น ฯลฯ พิจารณาเนวสัญญานาสัญญายตนะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๑)

อนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๒๕๐] สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรโดย
อนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นรูปาวจรซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็น
รูปาวจรซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรโดยอนันตร-
ปัจจัย ได้แก่ จุติจิตที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่ไม่เป็นรูปาวจรโดย
อนันตรปัจจัย ภวังคจิตที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่อาวัชชนจิต ขันธ์ที่เป็น
รูปาวจรเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่ไม่เป็นรูปาวจรโดยอนันตรปัจจัย (๒)
[๒๕๑] สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจร
โดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นรูปาวจรซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่
ไม่เป็นรูปาวจรซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ
เนวสัญญานาสัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติโดยอนันตรปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๗๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรโดยอนันตร-
ปัจจัย ได้แก่ จุติจิตที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่เป็นรูปาวจรโดย
อนันตรปัจจัย ขันธ์ที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็นรูปาวจรโดยอนันตร-
ปัจจัย บริกรรมปฐมฌานเป็นปัจจัยแก่ปฐมฌานโดยอนันตรปัจจัย ฯลฯ
บริกรรมจตุตถฌาน ฯลฯ ทิพพจักขุ ฯลฯ ทิพพโสตธาตุ ฯลฯ อิทธิวิธญาณ ฯลฯ
เจโตปริยญาณ ฯลฯ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ฯลฯ ยถากัมมูปคญาณ ฯลฯ
บริกรรมอนาคตังสญาณเป็นปัจจัยแก่อนาคตังสญาณโดยอนันตรปัจจัย (๒)

... เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย มี ๗ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

อุปนิสสยปัจจัย
[๒๕๒] สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรโดย
อุปนิสสยปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่เป็นรูปาวจรแล้ว ทําฌานที่เป็น
รูปาวจรให้เกิดขึ้น ทำอภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น อาศัยศีลที่เป็นรูปาวจร ฯลฯ
ปัญญาแล้ว ทําฌานที่เป็นรูปาวจร ฯลฯ ทำอภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น
ศรัทธาที่เป็นรูปาวจร ฯลฯ ปัญญาเป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็นรูปาวจร ฯลฯ
ปัญญาโดยอุปนิสสยปัจจัย ปฐมฌานเป็นปัจจัยแก่ทุติยฌานโดยอุปนิสสยปัจจัย
ทุติยฌานเป็นปัจจัยแก่ตติยฌาน ฯลฯ ตติยฌานเป็นปัจจัยแก่จตุตถฌานโดย
อุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรโดย
อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๗๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่เป็นรูปาวจรแล้ว ให้ทาน
สมาทานศีล รักษาอุโบสถ ทําฌานที่เป็นรูปาวจร ฯลฯ ทำวิปัสสนา ฯลฯ มรรค
ฯลฯ อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น มีมานะ ถือทิฏฐิ อาศัยศีลที่เป็นรูปาวจร
ฯลฯ ปัญญาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ มีมานะ ถือทิฏฐิ ศรัทธาที่เป็นรูปาวจร ฯลฯ
ปัญญาเป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่ไม่เป็นรูปาวจร ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ ฯลฯ
ความปรารถนา ... สุขทางกาย ... ทุกข์ทางกาย ... มรรคและผลสมาบัติโดย
อุปนิสสยปัจจัย (๒)
[๒๕๓] สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจร
โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่ไม่เป็นรูปาวจรแล้วให้ทาน
สมาทานศีล รักษาอุโบสถ ทําฌานที่ไม่เป็นรูปาวจร ฯลฯ ทำวิปัสสนา ฯลฯ มรรค
ฯลฯ อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น มีมานะ ถือทิฏฐิ อาศัยศีลที่ไม่เป็นรูปาวจร
ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ เสนาสนะแล้วให้ทาน ฯลฯ มีมานะ ถือทิฏฐิ ศรัทธาที่ไม่
เป็นรูปาวจร ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่ไม่เป็นรูปาวจร ฯลฯ ปัญญา
ฯลฯ ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา ... สุขทางกาย ฯลฯ ทุกข์ทางกาย ฯลฯ มรรค
และผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรโดย
อุปนิสสยปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อนันตรูปนิสสยะและปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่ไม่เป็นรูปาวจรแล้วทําฌานที่เป็น
รูปาวจร ฯลฯ อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น อาศัยศีลที่ไม่เป็นรูปาวจร ฯลฯ
เสนาสนะแล้วทําฌานที่เป็นรูปาวจร ฯลฯ อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น
ศรัทธาที่ไม่เป็นรูปาวจร ฯลฯ เสนาสนะเป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่เป็นรูปาวจร ฯลฯ
ปัญญาโดยอุปนิสสยปัจจัย บริกรรมปฐมฌานเป็นปัจจัยแก่ปฐมฌานโดยอุปนิสสย-
ปัจจัย ฯลฯ บริกรรมจตุตถฌาน ฯลฯ ทิพพจักขุ ฯลฯ ทิพพโสตธาตุ ฯลฯ
อิทธิวิธญาณ ฯลฯ เจโตปริยญาณ ฯลฯ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ฯลฯ
ยถากัมมูปคญาณ ฯลฯ บริกรรมอนาคตังสญาณเป็นปัจจัยแก่อนาคตังสญาณโดย
อุปนิสสยปัจจัย (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๗๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปุเรชาตปัจจัยเป็นต้น
[๒๕๔] สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจร
โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดยปุเรชาตปัจจัย
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นรูปาวจรโดย
ปุเรชาตปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรโดยปุเรชาต-
ปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วย
ทิพพโสตธาตุ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นรูปาวจรโดยปุเรชาต-
ปัจจัย (๒)

... เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ

กัมมปัจจัยเป็นต้น
[๒๕๕] สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรโดย
กัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยกัมมปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบากซึ่งเป็น
รูปาวจรโดยกัมมปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๗๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรโดย
กัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดย
กัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็น
รูปาวจรโดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบากซึ่งเป็น
รูปาวจรและกฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรโดย
กัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบากซึ่งไม่
เป็นรูปาวจร และกฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๑)

... เป็นปัจจัยโดยวิปากปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอินทรียปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยฌานปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๗๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
วิปปยุตตปัจจัย
[๒๕๖] สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจร
โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรโดย
วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ (ย่อ)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรโดย
วิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นรูปาวจรโดย
วิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นรูปาวจรโดยวิปปยุตต-
ปัจจัย (๒)

อัตถิปัจจัยเป็นต้น
[๒๕๗] สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรโดย
อัตถิปัจจัย (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรโดยอัตถิปัจจัย
มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็น
รูปาวจรโดยอัตถิปัจจัย (เหมือนกับปฏิจจวาร) (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรโดย
อัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ
และอินทรียะ (ย่อ)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรโดย
อัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๗๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นรูปาวจร
โดยอัตถิปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นรูปาวจรโดยอัตถิปัจจัย (๒)
[๒๕๘] สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่เป็นรูปาวจรโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่เป็นรูปาวจรและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓
โดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่
เป็นรูปาวจรโดยอัตถิปัจจัย มี ๔ อย่าง คือ สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ
และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นรูปาวจรและมหาภูตรูปเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐาน-
รูปโดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นรูปาวจรและกวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้
ที่เกิดก่อนโดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นรูปาวจรและรูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่
กฏัตตารูปโดยอัตถิปัจจัย (๒)

... เป็นปัจจัยโดยนัตถิปัจจัย
... เป็นปัจจัยโดยวิคตปัจจัย
... เป็นปัจจัยโดยอวิคตปัจจัย

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๒๕๙] เหตุปัจจัย มี ๔ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๗๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร

อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๗ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๔ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๔ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๔ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๔ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๔ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๔ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ

๒. ปัจจนียุทธาร
[๒๖๐] สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และกัมมปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๘๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย และกัมมปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็น
รูปาวจรโดยสหชาตปัจจัยและกัมมปัจจัย (๓)
[๒๖๑] สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจร
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย
กัมมปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
รูปาวจรโดยสหชาตปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจรและที่ไม่เป็นรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่
เป็นรูปาวจรโดยสหชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๒)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร

[๒๖๒] นเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๗ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ
นสหชาตปัจจัย มี ๖ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๘๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๔. รูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร

นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ฯลฯ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
โนอัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ
โนอวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๒๖๓] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๔ วาระ
นอนันตรปัจจัย ” มี ๔ วาระ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๔ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๒ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๔ วาระ ฯลฯ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๒ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๒ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๔ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๔ วาระ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๒๖๔] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ
อธิปติปัจจัย ” มี ๔ วาระ

(พึงขยายบทอนุโลมมาติกาให้พิสดาร) ฯลฯ

อวิคตปัจจัย ” มี ๗ วาระ

รูปาวจรทุกะ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๘๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๖๕] สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นอรูปาวจรเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรและที่ไม่เป็นอรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็น
อรูปาวจรเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑
ที่เป็นอรูปาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)
[๒๖๖] สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจร
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่
เป็นอรูปาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และ
กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นอรูปาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
หทัยวัตถุอาศัยขันธ์เกิดขึ้น ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑
ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นอรูปาวจร และอาศัยมหาภูตรูป
เกิดขึ้น (๑) (ย่อ)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร

[๒๖๗] เหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๘๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๕ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๒ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๕ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัยและนอารัมมณปัจจัย
[๒๖๘] สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเกิดขึ้น
เพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุ
ซึ่งไม่เป็นอรูปาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็น
อเหตุกะ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) โมหะที่สหรคตด้วย
วิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคต
ด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๑)
... เพราะนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๘๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
นอธิปติปัจจัยเป็นต้น
[๒๖๙] สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเกิดขึ้น
เพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นอรูปาวจรอาศัยขันธ์ที่เป็นอรูปาวจร
เกิดขึ้น ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นวิบากซึ่งเป็นอรูปาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเกิดขึ้นเพราะ
นอธิปติปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นอรูปาวจร
เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึง
อสัญญสัตตพรหม) (๑)
... เพราะนอนันตรปัจจัย ฯลฯ
... เพราะนอุปนิสสยปัจจัย

นปุเรชาตปัจจัยเป็นต้น
[๒๗๐] สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเกิดขึ้น
เพราะนปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็น
อรูปาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ) ฯลฯ (พึงเพิ่ม
บทที่เป็นมูล) จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นอรูปาวจรเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเกิดขึ้นเพราะ
นปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นอรูปาวจร
เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจน
ถึงอสัญญสัตตพรหม) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรและที่ไม่เป็น
อรูปาวจรเกิดขึ้นเพราะนปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็น
อรูปาวจรและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑)
... เพราะนปัจฉาชาตปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๘๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
นอาเสวนปัจจัย
[๒๗๑] สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเกิดขึ้น
เพราะนอาเสวนปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นวิบากซึ่งเป็นอรูปาวจร
เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเกิดขึ้นเพราะ
นอาเสวนปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นอรูปาวจรเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเกิดขึ้นเพราะ
นอาเสวนปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็น
อรูปาวจรเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตต-
พรหม) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรอาศัยสภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรและที่ไม่เป็น
อรูปาวจรเกิดขึ้นเพราะนอาเสวนปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็น
อรูปาวจรและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑) (ย่อ)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร

[๒๗๒] นเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๔ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๘๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๓. ปัจจยวาร

นวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และสหชาตวาร พึงทําอย่างนี้)

๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๗๓] สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ... ทำขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นอรูปาวจร ฯลฯ (พึงเพิ่ม
ข้อความจนถึงมหาภูตรูปภายใน) ขันธ์ที่ไม่เป็นอรูปาวจรทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นอรูปาวจรทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ขันธ์
ที่เป็นอรูปาวจรทำขันธ์ที่ไม่เป็นอรูปาวจรให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น)
สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรและที่ไม่เป็นอรูปาวจรทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจร
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นอรูปาวจรทำหทัยวัตถุให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๘๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๓. ปัจจยวาร
[๒๗๔] สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรและที่ไม่เป็น
อรูปาวจรให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่เป็น
อรูปาวจรและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรและที่ไม่เป็นอรูปาวจร
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่เป็นอรูปาวจร
และทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรและที่ไม่เป็นอรูปาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจร
และที่ไม่เป็นอรูปาวจรให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑
ที่เป็นอรูปาวจรและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตต-
สมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่เป็นอรูปาวจรและทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๓)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร

[๒๗๕] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๔ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๔ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๘๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัยเป็นต้น
[๒๗๖] สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ... ทำขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งไม่เป็น
อรูปาวจร ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) จักขุวิญญาณทำ
จักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งไม่เป็นอรูปาวจรทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น โมหะที่สหรคต
ด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะทำขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑)
... เพราะนอารัมมณปัจจัยมี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรทำสภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นอรูปาวจรทำขันธ์ที่เป็นอรูปาวจรให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นวิบากซึ่งเป็นอรูปาวจร ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ ... ทำขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นอรูปาวจร ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) จักขุวิญญาณทำ
จักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ขันธ์ที่ไม่เป็นอรูปาวจรทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร

[๒๗๗] นเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๘๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร

นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๔ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และนิสสยวาร พึงทําอย่างนี้)

๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๑. ปัจจยานุโลมเป็นต้น
เหตุปัจจัย
[๒๗๘] สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเกิดระคนกับสภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจร
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปาวจร ฯลฯ
เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๙๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเกิดระคนกับสภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นอรูปาวจร ฯลฯ เกิดระคน
กับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)

เหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ

(อนุโลม จบ)

นเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๒ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ

(ปัจจนียะ จบ)
(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และสัมปยุตตวาร พึงทําอย่างนี้)

๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๗๙] สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจร
โดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยเหตุปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๙๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เหตุที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่
จิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เหตุที่เป็นอรูปาวจรเป็น
ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรโดย
เหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สัปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูป
โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)

อารัมมณปัจจัย
[๒๘๐] สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจร
โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ อากาสานัญจายตนะเป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ
โดยอารัมมณปัจจัย อากิญจัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะโดย
อารัมมณปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลพิจารณาอากาสานัญจายตนะ พิจารณาวิญญาณัญ-
จายตนะ พิจารณาอากิญจัญญายตนะ พิจารณาเนวสัญญานาสัญญายตนะ
เห็นแจ้งขันธ์ที่เป็นอรูปาวจรโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น
บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่เป็นอรูปาวจรด้วยเจโตปริยญาณ
ขันธ์ที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
ยถากัมมูปคญาณ อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจร เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว พิจารณา
กุศลนั้น ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้น ราคะ ฯลฯ
โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลพิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออกจากฌาน ฯลฯ
พระอริยะออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค พิจารณาผล พิจารณานิพพาน
นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค ผล และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย
พระอริยะพิจารณากิเลสที่ละได้แล้ว พิจารณากิเลสที่ข่มได้แล้ว ฯลฯ รู้กิเลสที่เคย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๙๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
เกิดขึ้น ฯลฯ เห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ และขันธ์ที่ไม่เป็นอรูปาวจร โดย
เป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียง
ด้วยทิพพโสตธาตุ รู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่ไม่เป็นอรูปาวจร
ด้วยเจโตปริยญาณ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ
เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ยถากัมมูปคญาณ อนาคตังสญาณ
และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๑)

อธิปติปัจจัย
[๒๘๑] สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจร
โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นอรูปาวจร
เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยอธิปติปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรโดย
อธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ และสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลพิจารณาอากาสานัญจายตนะให้เป็นอารมณ์
อย่างหนักแน่น ฯลฯ พิจารณาเนวสัญญานาสัญญายตนะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
ยินดีเพลิดเพลินขันธ์ที่เป็นอรูปาวจรให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทําความ
ยินดีเพลิดเพลินขันธ์นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป
โดยอธิปติปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) อธิบดีธรรมที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๓)
[๒๘๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจร
โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว
พิจารณากุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ยินดีเพลิดเพลิน เพราะทำความ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๙๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
บุคคลพิจาณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออกจากฌาน ฯลฯ พระอริยะออกจาก
มรรคแล้วพิจารณามรรค ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พิจารณาผล ฯลฯ
พิจารณานิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน
มรรค และผลโดยอธิปติปัจจัย ยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ ทหัยวัตถุ และขันธ์ที่
ไม่เป็นอรูปาวจรให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทําความยินดีเพลิดเพลินจักษุ
เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต
ขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๑)

อนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๒๘๓] สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจร
โดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นอรูปาวจรซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่
เป็นอรูปาวจรซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรโดย
อนันตรปัจจัย ได้แก่ จุติจิตที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่ไม่เป็นอรูปาวจร
ภวังคจิตที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่อาวัชชนจิต ขันธ์ที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่
วุฏฐานะที่ไม่เป็นอรูปาวจร เนวสัญญานาสัญญายตนะของท่านผู้ออกจากนิโรธเป็น
ปัจจัยแก่ผลสมาบัติโดยอนันตรปัจจัย (๒)
[๒๘๔] สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็น
อรูปาวจรโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นอรูปาวจรซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นอรูปาวจรซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย อนุโลมเป็นปัจจัย
แก่โคตรภู ฯลฯ อนุโลมเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติโดยอนันตรปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรโดย
อนันตรปัจจัย ได้แก่ จุติจิตที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่อุปปัตติจิตที่เป็นอรูปาวจร
โดยอนันตรปัจจัย ขันธ์ที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะที่เป็นอรูปาวจรโดย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๙๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อนันตรปัจจัย บริกรรมอากาสานัญจายตนะเป็นปัจจัยแก่อากาสานัญจายตนะโดย
อนันตรปัจจัย บริกรรมวิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ อากิญจัญญายตนะ ฯลฯ
บริกรรมเนวสัญญานาสัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะโดย
อนันตรปัจจัย (๒)

... เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย มี ๕ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

อุปนิสสยปัจจัย
[๒๘๕] สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจร
โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อนันตรูปนิสสยะและปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ อากาสานัญจายตนะเป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ
โดยอุปนิสสยปัจจัย วิญญาณัญจายตนะเป็นปัจจัยแก่อากิญจัญญายตนะ ฯลฯ
อากิญจัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะโดยอุปนิสสยปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรโดย
อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่เป็นอรูปาวจรแล้วให้ทาน
สมาทานศีล รักษาอุโบสถ ทําฌานที่ไม่เป็นอรูปาวจรให้เกิดขึ้น ทำวิปัสสนา ฯลฯ
มรรค ฯลฯ อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น มีมานะ ถือทิฏฐิ อาศัยศีลที่
เป็นอรูปาวจร ฯลฯ ปัญญาแล้วให้ทาน ฯลฯ ทําสมาบัติให้เกิดขึ้น มีมานะ ถือทิฏฐิ
ศรัทธาที่เป็นอรูปาวจร ฯลฯ ปัญญาเป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่ไม่เป็นอรูปาวจร ฯลฯ
ปัญญา ... ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา ... สุขทางกาย ... ทุกข์ทางกาย ...มรรค
และผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๙๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
[๒๘๖] สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจร
โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่ไม่เป็นอรูปาวจรแล้วให้ทาน
สมาทานศีล รักษาโบสถ ทําฌานที่ไม่เป็นอรูปาวจรให้เกิดขึ้น ทำวิปัสสนา ฯลฯ
มรรค ฯลฯ อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น มีมานะ ถือทิฏฐิ อาศัยศีลที่ไม่
เป็นอรูปาวจร ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ สุขทางกาย
ฯลฯ ทุกข์ทางกาย ... อุตุ ... โภชนะ ... เสนาสนะแล้วให้ทาน ฯลฯ ทํา
สมาบัติให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทําลายสงฆ์ ศรัทธาที่ไม่เป็นอรูปาวจร ฯลฯ
เสนาสนะเป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่ไม่เป็นอรูปาวจร ฯลฯ ความปรารถนา ... สุข
ทางกาย ... ทุกข์ทางกาย ... มรรค และผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรโดย
อุปนิสสยปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อนันตรูปนิสสยะและปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บริกรรมอากาสานัญจายตนะเป็นปัจจัยแก่อากาสานัญ-
จายตนะโดยอุปนิสสยปัจจัย ฯลฯ บริกรรมเนวสัญญานาสัญญายตนะเป็นปัจจัย
แก่เนวสัญญานาสัญญายตนะโดยอุปนิสสยปัจจัย (๒)

ปุเรชาตปัจจัย
[๒๘๗] สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจร
โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วย
ทิพพโสตธาตุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็น
ปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นอรูปาวจรโดย
ปุเรชาตปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๙๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรโดย
ปุเรชาตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์
ที่เป็นอรูปาวจรโดยปุเรชาตปัจจัย (๒)

... เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ

กัมมปัจจัย
[๒๘๘] สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจร
โดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรโดย
กัมมปัจจัย ได้แก่ เจตนาที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปและขันธ์ที่
เป็นอรูปาวจรโดยกัมมปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เจตนาที่เป็นอรูปาวจรเป็น
ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรโดย
กัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย (ย่อ) (๑)

วิปากปัจจัยเป็นต้น
[๒๘๙] สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจร
โดยวิปากปัจจัย (ย่อ)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรโดย
วิปากปัจจัย (ย่อ)

... เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอินทรียปัจจัย มี ๔ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๙๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร

... เป็นปัจจัยโดยฌานปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ

วิปปยุตตปัจจัย
[๒๙๐] สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจร
โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรโดย
วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรโดย
วิปปยุตตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่
เป็นอรูปาวจรโดยวิปปยุตตปัจจัย (๒)

อัตถิปัจจัยเป็นต้น
[๒๙๑] สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจร
โดยอัตถิปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรโดย
อัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรและที่ไม่
เป็นอรูปาวจรโดยอัตถิปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตะ (ย่อ) (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรโดย
อัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และอินทรียะ
(ย่อ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๙๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรโดย
อัตถิปัจจัย มี อย่างเดียว คือ ปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็น
อรูปาวจรโดยอัตถิปัจจัย (๒)
[๒๙๒] สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรและที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอรูปาวจรและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓
โดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรและที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่
เป็นอรูปาวจรโดยอัตถิปัจจัย มี ๔ อย่าง คือ สหชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ
และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นอรูปาวจรและมหาภูตรูปเป็นปัจจัยแก่จิตต-
สมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นอรูปาวจรและกวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่กายนี้
โดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นอรูปาวจรและรูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่
กฏัตตารูปโดยอัตถิปัจจัย (๒)

... เป็นปัจจัยโดยนัตถิปัจจัย
... เป็นปัจจัยโดยวิคตปัจจัย
... เป็นปัจจัยโดยอวิคตปัจจัย

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร

[๒๙๓] เหตุปัจจัย มี ๔ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๕๙๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร

สมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๓ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๒ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๔ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๔ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๔ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๔ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๔ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ

๒. ปัจจนียุทธาร
[๒๙๔] สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจร
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และกัมมปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปัจฉาชาตปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๐๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรและที่ไม่
เป็นอรูปาวจรโดยสหชาตปัจจัย (๓)
[๒๙๕] สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็น
อรูปาวจรโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย
ปัจฉาชาตปัจจัย กัมมปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรโดย
อุปนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรและที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
เป็นอรูปาวจรโดยสหชาตปัจจัยและปุเรชาตปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจรและที่ไม่เป็นอรูปาวจรเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็น
อรูปาวจรโดยสหชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๒)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร

[๒๙๖] นเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๗ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ
นสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ
นนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ฯลฯ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๐๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๕. อรูปาวจรทุกะ ๗. ปัญหาวาร

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ
โนอัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ
โนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๒๙๗] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๔ วาระ
นอนันตรปัจจัย ” มี ๔ วาระ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๔ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๒ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๔ วาระ ฯลฯ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๒ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๒ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๔ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๔ วาระ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๒๙๘] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อธิปติปัจจัย ” มี ๔ วาระ

(พึงขยายบทอนุโลมมาติกาให้พิสดาร) ฯลฯ

อวิคตปัจจัย ” มี ๗ วาระ

อรูปาวจรทุกะ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๐๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๗. นิยยานิกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๙๖. ปริยาปันนทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
[๒๙๙] สภาวธรรมที่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์อาศัยสภาวธรรมที่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัย
ขันธ์ ๑ ที่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (พึงทําทุกะนี้ ให้เหมือนกับโลกิยทุกะในจูฬันตรทุกะ ไม่มีข้อแตกต่างกัน)
ปริยาปันนทุกะ จบ

๙๗. นิยยานิกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
[๓๐๐] สภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์อาศัยสภาวธรรมที่เป็น
เหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑
ที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์อาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุนำ
ออกจากวัฏฏทุกข์เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็น
เหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เกิดขึ้น
สภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์และที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์
อาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เกิดขึ้น
ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์อาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออก
จากวัฏฏทุกข์เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัย
ขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ หทัยวัตถุอาศัยขันธ์เกิดขึ้น ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ...
อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๐๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๗. นิยยานิกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์อาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออก
จากวัฏฏทุกข์และที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์และอาศัยมหาภูตรูป
เกิดขึ้น (๑)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร

[๓๐๑] เหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๒ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๕ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๑ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๕ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัยและนอารัมมณปัจจัย
[๓๐๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์อาศัยสภาวธรรมที่ไม่
เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์ เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๐๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๗. นิยยานิกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งไม่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์เกิดขึ้น
ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ หทัยวัตถุอาศัย
ขันธ์เกิดขึ้น ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ (พึงเพิ่ม
ข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะ อาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๑)
... เพราะนอารัมมณปัจจัยมี ๓ วาระ

นอธิปติปัจจัยเป็นต้น
[๓๐๓] สภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์อาศัยสภาวธรรมที่เป็น
เหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นเหตุ
นำออกจากวัฏฏทุกข์ อาศัยขันธ์ที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์อาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
นําออกจากวัฏฏทุกข์เกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐาน-
รูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) (๑)

... เพราะนอนันตรปัจจัย
... เพราะนสมนันตรปัจจัย
... เพราะนอัญญมัญญปัจจัย ฯลฯ

นปุเรชาตปัจจัย
[๓๐๔] สภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์อาศัยสภาวธรรมที่เป็น
เหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เกิดขึ้นเพราะนปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ ...
อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์อาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออก
จากวัฏฏทุกข์เกิดขึ้นเพราะนปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็น
เหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เกิดขึ้น (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๐๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๗. นิยยานิกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์อาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุ
นำออกจากวัฏฏทุกข์เกิดขึ้นเพราะนปุเรชาตปัจจัย ได้แก่ ในอรูปาวจรภูมิ ขันธ์ ๓
อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์อาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุ
นำออกจากวัฏฏทุกข์และที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เกิดขึ้นเพราะนปุเรชาตปัจจัย
ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ และอาศัย
มหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร

[๓๐๕] นเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๐๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๗. นิยยานิกทุกะ ๓. ปัจจยวาร

นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และสหชาตวาร พึงทําอย่างนี้)

๙๗. นิยยานิกทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๓๐๖] สภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ทำสภาวธรรมที่เป็นเหตุ
นำออกจากวัฏฏทุกข์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับ
ปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออก
จากวัฏฏทุกข์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตต-
สมุฏฐานรูปทำขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ
ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงมหาภูตรูปภายใน)ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุนำออก
จากวัฏฏทุกข์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออก
จากวัฏฏทุกข์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นเหตุนำออกจาก
วัฏฏทุกข์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์และที่ไม่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์
ทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตต-
สมุฏฐานรูปทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๐๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๗. นิยยานิกทุกะ ๓. ปัจจยวาร
[๓๐๗] สภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ทำสภาวธรรมที่เป็นเหตุ
นําออกจากวัฏฏทุกข์และที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์
และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ทำสภาวธรรมที่เป็นเหตุนําออก
จากวัฏฏทุกข์และที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์และทำมหาภูตรูปให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์และที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์
ทำสภาวธรรมที่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์และที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่เป็นเหตุนํา
ออกจากวัฏฏทุกข์และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์และทำมหาภูตรูปให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น (๓)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร

[๓๐๘] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๔ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๐๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๗. นิยยานิกทุกะ ๓. ปัจจยวาร

อาเสวนปัจจัย มี ๔ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๓๐๙] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ทำสภาวธรรมที่ไม่เป็น
เหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และ
จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งไม่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์ให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้น ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) จักขุวิญญาณ
ทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้น ขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งไม่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะทำขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา
ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑)

นอารัมมณปัจจัยเป็นต้น
[๓๑๐] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ทำสภาวธรรมที่เป็นเหตุ
นำออกจากวัฏฏทุกข์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์ทำสภาวธรรมที่เป็นเหตุนําออกจาก
วัฏฏทุกข์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นเหตุนํา
ออกจากจากวัฏฏทุกข์ทำขันธ์ที่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออก
จากวัฏฏทุกข์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ ... ทำขันธ์ ๑ ที่ไม่
เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๐๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๗. นิยยานิกทุกะ ๓. ปัจจยวาร
จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ กายวิญญาณทำกายายตนะ
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้น
สภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออก
จากวัฏฏทุกข์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นเหตุ
นำออกจากวัฏฏทุกข์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุ กข์ทำสภาวธรรมที่เป็นเหตุนําออกจาก
วัฏฏทุกข์และที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนอธิปติปัจจัย
ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ทำขันธ์ที่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏ-
ทุกข์ และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร

[๓๑๑] นเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๔ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ฯลฯ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๑๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๗. นิยยานิกทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร

นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และนิสสยวาร พึงทําอย่างนี้)

๙๗. นิยยานิกทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๑. ปัจจยานุโลมเป็นต้น
[๓๑๒] สภาวธรรมที่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์เกิดระคนกับสภาวธรรมที่
เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ เกิดระคนกับขันธ์ ๑
ที่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์ ฯลฯ เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เกิดระคนกับสภาวธรรมที่ไม่เป็น
เหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ เกิดระคนกับขันธ์ ๑
ที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ ฯลฯ เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๑)

เหตุปัจจัย มี ๒ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๒ วาระ)

วิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ

อนุโลม จบ

นเหตุปัจจัย มี ๑ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๑๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๗. นิยยานิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร

นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๑ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๒ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ

ปัจจนียะ จบ
(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และสัมปยุตตวาร พึงทําอย่างนี้)

๙๗. นิยยานิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๓๑๓] สภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์โดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เป็นเหตุนำออกจาก
วัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยเหตุปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เหตุที่
เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย (พึงเพิ่ม
บทที่เป็นมูล) เหตุที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็น
เหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์โดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่ไม่เป็นเหตุนำออกจาก
วัฏฏทุกข์ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๑๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๗. นิยยานิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อารัมมณปัจจัย
[๓๑๔] สภาวธรรมที่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
ไม่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ พระอริยะออกจากมรรค
แล้วพิจารณามรรค รู้จิตของบุคคลผู้พรั่งพร้อมด้วยจิตที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์
ด้วยเจโตปริยญาณ ขันธ์ที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ เป็นปัจจัยแก่เจโตปริยญาณ
ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็น
เหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล
รักษาอุโบสถแล้ว พิจารณากุศลนั้น ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดี
เพลิดเพลินกุศลนั้น ราคะ ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลพิจารณากุศลที่เคยสั่ง
สมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออกจากฌาน ฯลฯ พระอริยะพิจารณาผล พิจารณานิพพาน
นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน ผล และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย
พระอริยะพิจารณากิเลสที่ละได้แล้ว พิจารณากิเลสที่ข่มได้แล้ว รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น
ฯลฯ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ และขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์
โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียง
ด้วยทิพพโสตธาตุ รู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่ไม่เป็นเหตุนำออกจาก
วัฏฏทุกข์ด้วยเจโตปริยญาณ อากาสานัญจายตนะเป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ
อากิญจัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ ฯลฯ รูปายตนะเป็น
ปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ
ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ
ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ยถากัมมูปคญาณ อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดย
อารัมมณปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
เหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ นิพพานเป็นปัจจัยแก่มรรคโดย
อารัมมณปัจจัย (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๑๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๗. นิยยานิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อธิปติปัจจัย
[๓๑๕] สภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ
ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดย
อธิปติปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็น
เหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ
และสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ พระอริยะออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรคให้เป็น
อารมณ์อย่างหนักแน่น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่
จิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) อธิบดีธรรมที่เป็นเหตุนำ
ออกจากวัฏฏทุกข์ เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติ-
ปัจจัย (๓)
[๓๑๖] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ
และสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว
พิจารณากุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ยินดีเพลิดเพลิน เพราะทำความ
ยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะ ฯลฯ ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
บุคคลพิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออกจากฌาน ฯลฯ พระอริยะ
พิจารณาผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พิจารณานิพพานให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน และผลโดยอธิปติปัจจัย บุคคล
ยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ และขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์
ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทำความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้นให้
เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๑๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๗. นิยยานิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัย
แก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
เหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ
ได้แก่ นิพพานเป็นปัจจัยแก่มรรคโดยอธิปติปัจจัย (๒)

อนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๓๑๗] สภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์โดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ มรรคเป็นปัจจัยแก่ผล
โดยอนันตรปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็น
เหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ โดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุนำออกจาก
วัฏฏทุกข์ซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ซึ่งเกิด
หลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู อนุโลมเป็นปัจจัยแก่
โวทาน ผลเป็นปัจจัยแก่ผล อนุโลมเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ เนวสัญญานา-
สัญญายตนะของท่านผู้ออกจากนิโรธเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติโดยอนันตรปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
เหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ โดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ โคตรภูเป็นปัจจัยแก่มรรค
โวทานเป็นปัจจัยแก่มรรคโดยอนันตรปัจจัย (๒)

... เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๑๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๗. นิยยานิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อุปนิสสยปัจจัย
[๓๑๘] สภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์โดยอุปนิสสยปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปกตูปนิสสยะ
ได้แก่ ปฐมมรรคเป็นปัจจัยแก่ทุติยมรรคโดยอุปนิสสยปัจจัย ฯลฯ ตติยมรรคเป็น
ปัจจัยแก่จตุตถมรรคโดยอุปนิสสยปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็น
เหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ
อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ พระอริยะอาศัยมรรคแล้วทําสมาบัติที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น
เข้าสมาบัติที่เกิดขึ้นแล้ว เห็นแจ้งสังขารโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ มรรคของ
พระอริยะเป็นปัจจัยแก่อัตถปฏิสัมภิทา ธัมมปฏิสัมภิทา นิรุตติปฏิสัมภิทา
ปฏิภาณปฏิสัมภิทา และความเป็นผู้ฉลาดในฐานะและมิใช่ฐานะโดยอุปนิสสยปัจจัย
มรรคเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๒)
[๓๑๙] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ
อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์
แล้วให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถ ทําฌานให้เกิดขึ้น ทำวิปัสสนา ฯลฯ
อภิญญา ฯลฯ สมาบัติให้เกิดขึ้น มีมานะ ถือทิฏฐิ อาศัยศีลที่ไม่เป็นเหตุนำ
ออกจากวัฏฏทุกข์ ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ อุตุ ฯลฯ
โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะแล้วให้ทาน ฯลฯ ทําสมาบัติให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ
ทําลายสงฆ์ ศรัทธาที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ ฯลฯ เสนาสนะเป็นปัจจัย
แก่ศรัทธาที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ สุขทางกาย
ฯลฯ ทุกข์ทางกาย ฯลฯ ผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๑๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๗. นิยยานิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุ
นําออกจากวัฏฏทุกข์ โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ
อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บริกรรมปฐมมรรคเป็นปัจจัยแก่ปฐมมรรคโดย
อุปนิสสยปัจจัย ฯลฯ บริกรรมจตุตถมรรคเป็นปัจจัยแก่จตุตถมรรคโดยอุปนิสสย-
ปัจจัย (๒)

ปุเรชาตปัจจัยเป็นต้น
[๓๒๐] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ (พึงทําให้เหมือน
กับอรูปทุกะ) เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ เป็นปัจจัยโดยอาเสวน-
ปัจจัย มี ๒ วาระ

กัมมปัจจัย
[๓๒๑] สภาวธรรมที่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์โดยกัมมปัจจัย ได้แก่ เจตนาที่เป็นเหตุนำออกจาก
วัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยกัมมปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็น
เหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ โดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่
จิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่ผลโดย
กัมมปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เจตนาที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัย
แก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๑๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๗. นิยยานิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
[๓๒๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์โดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ
และนานาขณิกะ
สหชาตะ (ย่อ)
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่ผล
โดยกัมมปัจจัย

... เป็นปัจจัยโดยวิปากปัจจัย มี ๑ วาระเท่านั้น
... เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอินทรียปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยฌานปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

(พึงทําให้เหมือนกับอรูปทุกะ)

... เป็นปัจจัยโดยอัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ

(พึงทําให้เหมือนกับอรูปทุกะ การระบุข้อความแตกต่างกันเพียงบท
เท่านั้น)

... เป็นปัจจัยโดยนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร

[๓๒๓] เหตุปัจจัย มี ๔ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๑๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๗. นิยยานิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร

อนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๑ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๔ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๔ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๔ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๔ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๓ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ

อนุโลม จบ

๒. ปัจจนียุทธาร
[๓๒๔] สภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์โดยสหชาตปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๑๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๗. นิยยานิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็น
เหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย
และปัจฉาชาตปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่นําออกจาก
วัฏฏทุกข์และที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์โดยสหชาตปัจจัย (๓)
[๓๒๕] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย
ปุเรชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย กัมมปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุ
นําออกจากวัฏฏทุกข์ โดยอุปนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์และที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์
เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ โดยสหชาตปัจจัย และ
ปุเรชาตปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นเหตุนําออกจากวัฏฏทุกข์และที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์
เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์โดยสหชาตปัจจัย ปัจฉา-
ชาตปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๒)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร

[๓๒๖] นเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๗ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๒๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๗. นิยยานิกทุกะ ๗. ปัญหาวาร

นสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ
นนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ฯลฯ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ
โนอัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ
โนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๓๒๗] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๔ วาระ
นอนันตรปัจจัย ” มี ๔ วาระ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๔ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๒ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๔ วาระ ฯลฯ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๒ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๒ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๔ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๔ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๒๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๘. นิยตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๓๒๘] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อธิปติปัจจัย ” มี ๕ วาระ

(พึงขยายบทอนุโลมมาติกาให้พิสดาร) ฯลฯ

อวิคตปัจจัย ” มี ๗ วาระ

นิยยานิกทุกะ จบ

๙๘. นิยตทุกะ ๑ - ๖. ปฏิจจวารเป็นต้น
[๓๒๙] สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอนอาศัยสภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอนเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ให้ผลแน่นอนเกิดขึ้น ฯลฯ
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้นอาศัยสภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอน
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ให้ผลแน่นอนเกิดขึ้น (ย่อ
พึงทําเป็น ๕ วาระ ปฏิจจวาร สหชาตวาร ปัจจยวาร นิสสยวาร สังสัฏฐวาร
และสัมยุตตวาร พึงทําเหมือนนิยยานิกทุกะ ไม่มีข้อแตกต่างกัน การระบุข้อความ
แตกต่างกัน)

๙๘. นิยตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๓๓๐] สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอนเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอน
โดยเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ (เหมือนกับนิยยานิกทุกะ ไม่มีข้อแตกต่างกัน)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๒๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๘. นิยตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อารัมมณปัจจัย
[๓๓๑] สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอนเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่แน่นอนโดย
อาการทั้งสองนั้น โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ พระอริยะออกจากมรรคแล้ว
พิจารณามรรค พิจารณากิเลสที่ให้ผลแน่นอนซึ่งละได้แล้ว รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น ฯลฯ
บุคคลเห็นแจ้งขันธ์ที่ให้ผลแน่นอนโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ รู้จิตของบุคคลผู้มี
ความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่ให้ผลแน่นอนด้วยเจโตปริยญาณ ขันธ์ที่ให้ผลแน่นอนเป็น
ปัจจัยแก่เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ยถากัมมูปคญาณ อนาคตังส-
ญาณและอาวัชชนจิต โดยอารัมมณปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้น เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่แน่นอน
โดยอาการทั้งสองนั้น โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษา
อุโบสถ ฯลฯ พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออกจากฌานแล้วพิจารณาฌาน
ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินฌานนั้น ราคะที่ให้ผลไม่แน่
นอนจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัสที่ให้ผลไม่
แน่นอนจึงเกิดขึ้น พระอริยะพิจารณาผล พิจารณานิพพาน นิพพานเป็นปัจจัยแก่
โคตรภู โวทาน ผล และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย พระอริยะพิจารณากิเลส
ที่ให้ผลไม่แน่นอนซึ่งละได้แล้ว พิจารณากิเลสที่ข่มได้แล้ว รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น ฯลฯ
บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ และขันธ์ที่ให้ผลไม่แน่นอนโดยเป็นสภาวะไม่
เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความ ยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น
ราคะ ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่
อาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้น เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ให้ผล
แน่นอนโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ นิพพานเป็นปัจจัยแก่มรรคโดยอารัมมณปัจจัย
รูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่มาตุฆาตกรรม ปิตุฆาตกรรม อรหันตฆาตกรรม และ
โรหิตุปปาทกรรมโดยอารัมมณปัจจัย ขันธ์ที่มีสภาวะผิดและให้ผลแน่นอนของ
บุคคลผู้ยึดมั่นหทัยวัตถุใดเกิดขึ้น หทัยวัตถุนั้นเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีสภาวะผิดและ
ให้ผลแน่นอนโดยอารัมมณปัจจัย (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๒๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๘. นิยตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อธิปติปัจจัย
[๓๓๒] สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอนเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอน
โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ให้ผลแน่นอน
เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยอธิปติปัจจัย
สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอนเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่แน่นอนโดยอาการ
ทั้งสองนั้นโดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ และสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ พระอริยะออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรคให้เป็น
อารมณ์อย่างหนักแน่น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ให้ผลแน่นอนเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป
โดยอธิปติปัจจัย
สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอนเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอนและที่ให้
ผลไม่แน่นอนโดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรม
ที่ให้ผลแน่นอนเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๓)
[๓๓๓] สภาวธรรมที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้นเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้นโดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ
และสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว
พิจารณากุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ยินดีเพลิดเพลิน เพราะทําความยินดี
เพลิดเพลินกุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะที่ให้ผลไม่แน่นอนจึงเกิดขึ้น ฯลฯ
ทิฏฐิ ฯลฯ บุคคลพิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออกจากฌาน ฯลฯ
พระอริยะพิจารณาผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พิจารณานิพพานให้เป็นอารมณ์
อย่างหนักแน่น นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน และผลโดยอธิปติปัจจัย
บุคคลยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ และขันธ์ที่ให้ผลไม่แน่นอนให้เป็น
อารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทําความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์
อย่างหนักแน่น ราคะที่ให้ผลไม่แน่นอนจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๒๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๘. นิยตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ให้ผลไม่แน่นอนเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้น เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ให้
ผลแน่นอนโดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ นิพพานเป็น
ปัจจัยแก่มรรคโดยอธิปติปัจจัย (๒)

อนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๓๓๔] สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอนเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่แน่นอนโดย
อาการทั้งสองนั้นโดย อนันตรปัจจัย ได้แก่ มรรคเป็นปัจจัยแก่ผลโดยอนันตรปัจจัย
ขันธ์ที่ให้ผลแน่นอนเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะโดยอนันตรปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้นเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่แน่
นอนโดยอาการทั้งสองนั้นโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ให้ผลไม่แน่นอนซึ่งเกิด
ก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ให้ผลไม่แน่นอนซึ่งเกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย
อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โวทาน ผลเป็นปัจจัยแก่ผล
อนุโลมเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ เนวสัญญานาสัญญายตนะของท่านผู้ออกจากนิโรธ
เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติโดยอนันตรปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้น เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ให้
ผลแน่นอนโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ โทมนัสที่ให้ผลไม่แน่นอนเป็นปัจจัยแก่โทมนัส
ที่ให้ผลแน่นอน มิจฉาทิฏฐิที่ให้ผลไม่แน่นอนเป็นปัจจัยแก่มิจฉาทิฏฐิที่ให้ผลแน่
นอนโดยอนันตรปัจจัย โคตรภูเป็นปัจจัยแก่มรรค โวทานเป็นปัจจัยแก่มรรคโดย
อนันตรปัจจัย (๒)

... เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย
... เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๒๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๘. นิยตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อุปนิสสยปัจจัย
[๓๓๕] สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอนเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอน
โดยอุปนิสสยปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ มาตุฆาตกรรมเป็น
ปัจจัยแก่มาตุฆาตกรรม ปิตุฆาตกรรม อรหันตฆาตกรรม โรหิตุปปาทกรรม
สังฆเภทกรรม และนิยตมิจฉาทิฏฐิโดยอุปนิสสยปัจจัย (พึงผูกเป็นจักกนัย)
ปฐมมรรคเป็นปัจจัยแก่ทุติยมรรค ฯลฯ ทุติยมรรคเป็นปัจจัยแก่ตติยมรรค ฯลฯ
ตติยมรรคเป็นปัจจัยแก่จตุตถมรรคโดยอุปนิสสยปัจจัย
สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอนเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่แน่นอนโดยอาการ
ทั้งสองนั้นโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ
และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลปลงชีวิตมารดาแล้ว ฯลฯ ทําลายสงฆ์
ประสงค์จะลบล้างกรรมชั่วนั้น จึงให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถ พระอริยะ
อาศัยมรรคแล้ว ทําสมาบัติที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น เข้าสมาบัติที่เกิดขึ้นแล้ว ฯลฯ
เป็นปัจจัยแก่ความเป็นผู้ฉลาดในฐานะและมิใช่ฐานะโดยอุปนิสสยปัจจัย มรรคเป็น
ปัจจัยแก่ผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๒)
[๓๓๖] สภาวธรรมที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้นเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้น โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ
อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาที่ให้ผลไม่แน่นอนแล้ว ให้ทาน
สมาทานศีล รักษาอุโบสถ ฯลฯ ทําฌาน ฯลฯ วิปัสสนา ฯลฯ อภิญญา ฯลฯ
สมาบัติให้เกิดขึ้น มีมานะ ถือทิฏฐิ อาศัยศีลที่ให้ผลไม่แน่นอน ฯลฯ ปัญญา ...
ราคะ ... ความปรารถนา ... สุขทางกาย ... ทุกข์ทางกาย ฯลฯ เสนาสนะแล้ว
ให้ทาน ฯลฯ ทําสมาบัติให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ฆ่าชาวนิคม ฯลฯ ศรัทธาที่
ให้ผลไม่แน่นอน ฯลฯ เสนาสนะเป็นปัจจัยแก่ศรัทธาที่ให้ผลไม่แน่นอน ฯลฯ
ความปรารถนา ... สุขทางกาย ... ทุกข์ทางกาย และผลสมาบัติโดย
อุปนิสสยปัจจัย (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๒๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๘. นิยตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้นเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ให้ผล
แน่นอนโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ
และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยราคะที่ให้ผลไม่แน่นอนแล้ว ปลงชีวิตมารดา
ฯลฯ ทําลายสงฆ์อาศัยโทมนัสที่ให้ผลไม่แน่นอน ฯลฯ เสนาสนะแล้วปลงชีวิตมารดา
ฯลฯ ทําลายสงฆ์ ราคะที่ให้ผลไม่แน่นอน โทมนัส ฯลฯ เสนาสนะเป็นปัจจัยแก่
มาตุฆาตกรรม ฯลฯ สังฆเภทกรรมโดยอุปนิสสยปัจจัย บริกรรมปฐมมรรคเป็น
ปัจจัยแก่ปฐมมรรค ฯลฯ บริกรรมจตุตถมรรค เป็นปัจจัยแก่จตุตถมรรคโดย
อุปนิสสยปัจจัย (๒)

ปุเรชาตปัจจัยเป็นต้น
[๓๓๗] สภาวธรรมที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้นเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้นโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณ-
ปุเรชาตะ และวัตถุปุเรชาตะ (ย่อ)
สภาวธรรมที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้นเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ให้ผล
แน่นอนโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ รูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่มาตุฆาตกรรม
ปิตุฆาตกรรม อรหันตฆาตกรรม โรหิตุปปาทกรรมโดยปุเรชาตปัจจัย
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ให้ผลแน่นอนโดย
ปุเรชาตปัจจัย (๒)

... เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ

กัมมปัจจัย
[๓๓๘] สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอนเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอน
โดยกัมมปัจจัย ได้แก่ เจตนาที่ให้ผลแน่นอนเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดย
กัมมปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๒๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๘. นิยตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอนเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่แน่นอนโดยอาการ
ทั้งสองนั้นโดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่ให้ผลแน่นอนเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดย
กัมมปัจจัย
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่ให้ผลแน่นอนเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบากและ
กฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เจตนาที่ให้ผลแน่นอนเป็นปัจจัย
แก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้นเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่แน่นอน
โดยอาการทั้งสองนั้นโดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ (ย่อ)

... เป็นปัจจัยโดยวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอินทรียปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยฌานปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ

(เหมือนกับอรูปทุกะ)

... เป็นปัจจัยโดยอัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ

(เหมือนกับอรูปาวจรทุกะ )

... เป็นปัจจัยโดยนัตถิปัจจัย
... เป็นปัจจัยโดยวิคตปัจจัย
... เป็นปัจจัยโดยอวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร

[๓๓๙] เหตุปัจจัย มี ๔ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๒๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๘. นิยตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

อนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๑ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๔ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๔ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๔ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๔ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๓ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ

๒. ปัจจนียุทธาร
[๓๔๐] สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอนเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอน
โดยสหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย
สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอนเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่แน่นอนโดยอาการ
ทั้งสองนั้นโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย
และกัมมปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๒๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๘. นิยตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอนเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอนและที่ไม่
แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้นโดยสหชาตปัจจัย (๓)
[๓๔๑] สภาวธรรมที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้นเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้นโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย
ปุเรชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย กัมมปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้นเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ให้ผล
แน่นอนโดยอารัมมณปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอนและที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้นเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอนโดยสหชาตปัจจัยและปุเรชาตปัจจัย
สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอนและที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้นเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอนโดยสหชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย อาหารปัจจัย และ
อินทรียปัจจัย (๒)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร

[๓๔๒] นเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๗ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ
นสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ
นนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ฯลฯ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๓๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๙๘. นิยตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

นสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ
โนอัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ
โนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๓๔๓] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๔ วาระ
นอนันตรปัจจัย ” มี ๔ วาระ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๔ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๒ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๔ วาระ ฯลฯ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๒ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๒ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๔ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๔ วาระ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๓๔๔] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อธิปติปัจจัย ” มี ๕ วาระ

(พึงขยายบทอนุโลมมาติกาให้พิสดาร) ฯลฯ

อวิคตปัจจัย ” มี ๗ วาระ

นิยตทุกะ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๓๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐๐. สรณทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๙๙. สอุตตรทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
[๓๔๕] สภาวธรรมที่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าอาศัยสภาวธรรมที่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่มี
ธรรมอื่นยิ่งกว่าเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึง
เพิ่มข้อความจนถึงมหาภูตรูปภายใน เหมือนกับโลกิยทุกะในจูฬันตรทุกะ ไม่มีข้อ
แตกต่างกัน)
สอุตตรทุกะ จบ

๑๐๐. สรณทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลมเป็นต้น
เหตุปัจจัย
[๓๔๖] สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้อาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์
ร้องไห้ เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเหตุให้สัตว์
ร้องไห้เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
(มี ๕ วาระ เหมือนกับอรูปาวจรทุกะ และเหมือนกับปฏิจจวารฝ่ายอนุโลม)

เหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ ฯลฯ
วิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ

อนุโลม จบ
สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้อาศัยสภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้
เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ
อาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๓๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐๐. สรณทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้อาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้
เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่
ไม่มีเหตุซึ่งเป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) (๑)

นเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๑ วาร
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

ปัจจนียะ จบ
(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และสหชาตวาร พึงทําอย่างนี้)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๓๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐๐. สรณทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑๐๐. สรณทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยจตุกกนัย
[๓๔๗] สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ทำสภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่เป็นเหตุให้
สัตว์ร้องไห้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (พึงทําเหมือนกับ
ปัจจยวารแห่งอรูปาวจรทุกะ)

เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

อนุโลม จบ
[๓๔๘] สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ทำสภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่
สหรคตด้วยอุทธัจจะทำขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทำ
ขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำ
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึง
อสัญญสัตตพรหม) จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ
กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่
สหรคตด้วยอุทธัจจะทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๓๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐๐. สรณทุกะ ๓. ปัจจยวาร
สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ทำสภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้และ
ที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ โมหะที่
สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะทำขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาที่
สหรคตด้วยอุทธัจจะและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑)

นเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๔ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

ปัจจนียะ จบ
(การนับ ๒ อย่างนอกนี้ นิสสยวาร และสังสัฏฐวาร พึงทำอย่างนี้ พึงเพิ่ม
เป็น ๒ วาระในที่ทุกแห่ง)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๓๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐๐. สรณทุกะ ๗. ปัญหาวาร

เหตุปัจจัย มี ๒ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๒ วาระ)

วิปากปัจจัย มี ๑ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๒ วาระ

อนุโลม จบ

นเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๒ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๒ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ

ปัจจนียะ จบ
(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และสัมปยุตตวาร พึงทําอย่างนี้)

๑๐๐. สรณทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๓๔๙] สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
เหตุให้สัตว์ร้องไห้โดยเหตุปัจจัย (เหมือนกับอรูปาวจรทุกะ มี ๔ วาระ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๓๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐๐. สรณทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อารัมมณปัจจัย
[๓๕๐] สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
เหตุให้สัตว์ร้องไห้โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลยินดีเพลิดเพลินราคะ เพราะ
ปรารภความยินดีเพลิดเพลินราคะนั้น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ
อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลยินดีเพลิดเพลินทิฏฐิ เพราะปรารภความ
ยินดีเพลิดเพลินทิฏฐินั้น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ
เพราะปรารภโทมนัส โทมนัสจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะจึงเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้
สัตว์ร้องไห้โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ พระอริยะพิจารณากิเลสที่ละได้แล้วพิจารณา
กิเลสที่ข่มได้แล้ว รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น เห็นแจ้งขันธ์ที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ โดย
เป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ รู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่เป็นเหตุให้สัตว์
ร้องไห้ด้วยเจโตปริยญาณ ขันธ์ที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่เจโตปริยญาณ
ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ยถากัมมูปคญาณ อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดย
อารัมมณปัจจัย (๒)
[๓๕๑] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่
เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล
รักษาอุโบสถแล้ว พิจารณากุศลนั้น พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออก
จากฌาน ฯลฯ พระอริยะออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค พิจารณาผล
พิจารณานิพพาน นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค ผล และอาวัชชนจิต
โดยอารัมมณปัจจัย บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ และขันธ์ที่ไม่ป็นเหตุให้
สัตว์ร้องไห้โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ เห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฯลฯ เป็นปัจจัย
แก่อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้
สัตว์ร้องไห้โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๓๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐๐. สรณทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้น เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้น ราคะจึงเกิดขึ้น
ฯลฯ บุคคลยินดีเพลิดเพลินกุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออกจากฌาน ฯลฯ
ยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ และขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ เพราะ
ปรารภความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น (๒)

อธิปติปัจจัย
[๓๕๒] สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
เหตุให้สัตว์ร้องไห้โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและ
สหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลยินดีเพลิดเพลินราคะให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น เพราะทําความยินดีเพลิดเพลินราคะนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น บุคคลยินดีเพลิดเพลินทิฏฐิให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตขันธ์โดยอธิปติปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้
สัตว์ร้องไห้โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่
เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุร้องไห้
และที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตาธิปติ
ได้แก่ อธิบดีธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๓)
[๓๕๓] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่
เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและ
สหชาตาธิปติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๓๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐๐. สรณทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว
พิจารณากุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ
ออกจากฌาน ฯลฯ พระอริยะออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรคให้เป็นอารมณ์
อย่างหนักแน่น พิจารณาผล ฯลฯ พิจารณานิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค และผลโดยอธิปติปัจจัย
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้
สัตว์ร้องไห้โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน
สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว ยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
เพราะทําความยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น
ฯลฯ ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น บุคคลยินดีเพลิดเพลินกุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออก
จากฌาน ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ และขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุให้
สัตว์ร้องไห้ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทําความยินดีเพลิดเพลินจักษุ
เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น ฯลฯ (๒)

อนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๓๕๔] สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
เหตุให้สัตว์ร้องไห้โดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ซึ่งเกิดก่อน ๆ
เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้
สัตว์ร้องไห้โดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่
วุฏฐานะโดยอนันตรปัจจัย (๒)
[๓๕๕] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่
เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้โดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ซึ่ง
เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ซึ่งเกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย
อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ ผลสมาบัติโดยอนันตรปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๓๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐๐. สรณทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้
สัตว์ร้องไห้ โดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ อาวัชชนจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นเหตุให้สัตว์
ร้องไห้โดยอนันตรปัจจัย (๒)

... เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย
... เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ

อุปนิสสยปัจจัย
[๓๕๖] สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุ
ให้สัตว์ร้องไห้โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูป-
นิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยราคะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทําลายสงฆ์
อาศัยโทสะ ฯลฯ ความปรารถนาแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทําลายสงฆ์ ราคะ ฯลฯ
ความปราถนาเป็นปัจจัยแก่ราคะ ฯลฯ ความปรารถนาโดยอุปนิสสยปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้
สัตว์ร้องไห้ โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยราคะแล้ว ให้ทาน สมาทานศีล รักษา
อุโบสถ ฯลฯ ทําฌาน ฯลฯ วิปัสสนา ฯลฯ มรรค ฯลฯ อภิญญา ฯลฯ
สมาบัติให้เกิดขึ้น อาศัยโทสะ ฯลฯ ความปรารถนาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทํา
สมาบัติให้เกิดขึ้น ราคะ ฯลฯ ความปรารถนาเป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา
... สุขทางกาย ... ทุกข์ทางกาย ... มรรค และผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๒)
[๓๕๗] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่
เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ
อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๔๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐๐. สรณทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทําสมาบัติให้
เกิดขึ้น อาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ... สุขทางกาย ... ทุกข์ทางกาย ... อุตุ ... โภชนะ
ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน ฯลฯ ทําสมาบัติให้เกิดขึ้น ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ
เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ... สุขทางกาย ... ทุกข์ทางกาย ... มรรค
และผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้
สัตว์ร้องไห้โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ
และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาแล้ว มีมานะ ถือทิฏฐิ อาศัยศีล
ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทําลายสงฆ์ ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะเป็น
ปัจจัยแก่ราคะ ฯลฯ ความปรารถนาโดยอุปนิสสยปัจจัย (๒)

ปุเรชาตปัจจัยเป็นต้น
[๓๕๘] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่
เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะ
และวัตถุปุเรชาตะ ฯลฯ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ เห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ รูปายตนะ
เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์
ร้องไห้โดยปุเรชาตปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ที่ป็นเหตุให้
สัตว์ร้องไห้โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๔๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐๐. สรณทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ
เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น ราคะจึงเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส
จึงเกิดขึ้น
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้โดย
ปุเรชาตปัจจัย (๒)

... เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ

กัมมปัจจัย
[๓๕๙] สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
เหตุให้สัตว์ร้องไห้โดยกัมมปัจจัย ได้แก่ เจตนาที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ เป็นปัจจัย
แก่สัมปยุตตขันธ์โดยกัมมปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ
และนานาขณิกะ ฯลฯ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูป
โดยกัมมปัจจัย
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่
เป็นวิบากและกฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เจตนาที่เป็นเหตุให้สัตว์
ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้
สัตว์ร้องไห้โดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ และนานาขณิกะ
สหชาตะ (ย่อ) (๑)

... เป็นปัจจัยโดยวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยอินทรียปัจจัย มี ๔ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๔๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐๐. สรณทุกะ ๗. ปัญหาวาร

... เป็นปัจจัยโดยฌานปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

(เหมือนกับอรูปทุกะ)

อัตถิปัจจัย
[๓๖๐] สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
เหตุให้สัตว์ร้องไห้โดยอัตถิปัจจัย (ย่อ)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้
สัตว์ร้องไห้โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์
ร้องไห้และที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้โดยอัตถิปัจจัย (ย่อ) (๓)
[๓๖๑] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่
เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้โดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ
อาหาระ และอินทรียะ (ย่อ)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้
สัตว์ร้องไห้ โดยอัตถิปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลยินดี
เพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น
ราคะจึงเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นเหตุให้
สัตว์ร้องไห้โดยอัตถิปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้และที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัย
แก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ
และปุเรชาตะ (ย่อ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๔๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐๐. สรณทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้และที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัย
แก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้โดยอัตถิปัจจัย มี ๔ อย่าง คือ สหชาตะ
ปัจฉาชาตะ อาหาระ และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้และมหาภูตรูปเป็นปัจจัยแก่
จิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้และกวฬิงการาหารที่เป็น
ปัจจัยแก่กายนี้โดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้และรูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัย
แก่กฏัตตารูปโดยอัตถิปัจจัย (๒)

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๓๖๒] เหตุปัจจัย มี ๔ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๔ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๔ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๔ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๔๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐๐. สรณทุกะ ๗. ปัญหาวาร

วิปากปัจจัย มี ๑ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๔ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๔ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๔ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๔ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๔ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ

๒. ปัจจนียุทธาร
[๓๖๓] สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
เหตุให้สัตว์ร้องไห้โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้
สัตว์ร้องไห้ โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย
และกัมมปัจจัย
สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์
ร้องไห้และที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้โดยสหชาตปัจจัย (๓)
[๓๖๔] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่
เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย
ปุเรชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย กัมมปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้
สัตว์ร้องไห้โดยอารัมมณปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๔๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐๐. สรณทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้และที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ เป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้โดย๑สหชาตปัจจัยและปุเรชาตปัจจัย๑
สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้และที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ เป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้โดย๒สหชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย อาหาร-
ปัจจัย และอินทรียปัจจัย๒ (๒)

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๓๖๕] นเหตุปัจจัย มี ๗ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๗ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๗ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๗ วาระ
นสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ
นนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ฯลฯ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ
โนอัตถิปัจจัย มี ๔ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๗ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๗ วาระ
โนอวิคตปัจจัย มี ๔ วาระ


เชิงอรรถ :
๑-๑ ฉบับฉัฏฐสังคีติ ปุเรชาตปัจจัยและปัจฉาชาตปัจจัย
๒-๒ ฉบับฉัฏฐสังคีติ สหชาตปัจจัย ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๔๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๑๐๐. สรณทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๓๖๖] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๔ วาระ ฯลฯ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๔ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๒ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๔ วาระ ฯลฯ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๒ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๒ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๔ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๔ วาระ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๓๖๗] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ
อธิปติปัจจัย ” มี ๕ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๔ วาระ

(พึงถือตามบทอนุโลมมาติกา) ฯลฯ

อวิคตปัจจัย ” มี ๗ วาระ

สรณทุกะ จบ
ปิฏฐิทุกะ จบ
ธัมมานุโลม ทุกปัฏฐาน จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๖๔๗ }


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๓ อภิธรรมปิฎกที่ ๑๐ ปัฏฐาน ภาค ๔ จบ





eXTReMe Tracker