ผืนป่าห้วยขาแข้งอันมีค่า
ยังคงความอุดมสมบูรณ์เขียวขจีอยู่เกือบตลอดทั้งปี ซึ่งต่างจากช่วงก่อนปี พ.ศ.
๒๕๓๓ โดยสิ้นเชิง
ยามหน้าแล้งไฟป่าแทบจะไม่มี เมื่อคิมหฤดูเริ่มผ่านไป วสันต์ฤดูก็มาถึง
เม็ดฝนที่ตกลงมาทำให้ผืนป่าฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
สัตว์ป่าและพืชพันธุ์ต่างกลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
สายน้ำในลำห้วยขาแข้งจะแห้งขอดในยามหน้าแล้ง มองเห็นหาดทรายเป็นแนวยาวตามลำห้วย
สัตว์ป่านานาชนิดต่างก็มาเดินเล่นหรือนอนพักผ่อนกันบนหาดทรายในยามค่ำคืน
สายน้ำใสมองเห็นพื้นทราย
ในยามที่ฝนตกลงมา
ทำให้ปริมาณน้ำในลำห้วยเอ่อสูงขึ้น จนสามารถล่องแพได้อย่างสะดวกสบาย
ด้วยแพไม้ไผ่ ตั้งแต่เลยน้ำตกห้วยขาแข้งลงมาก็ล่องแพได้แล้ว
ซึ่งล่องมาตามสายน้ำจนถึงเขื่อนศรีนครินทร์ ที่น้ำไหลมาบรรจบกับน้ำในเขื่อน
ช่วงฝนแรกฤดูน้ำจะขุ่นสีหม่นจนไม่สามารถใช้ดื่มได้
สายน้ำไหลคดเคี้ยวไปตามลำห้วย
ปราศจากแก่งที่มีสายน้ำไหลเชี่ยวกราก เป็นการล่องแพแบบชมธรรมชาติ
และคงดีกว่าการเดินด้วยเท้าด้วยระทางที่ไกลสำหรับคนที่เคยเดินผ่านผืนป่านี้มาแล้ว
คงได้รสชาติอีกแบบหนึ่งในการล่องแพในลำห้วยขาแข้งนี้ ผู้เขียนเองก็ไม่เคยได้ล่องแพ
ณ ลำห้วยแห่งนี้ คงมีแต่นั่งมองดูสายน้ำที่ไหลไปเท่านั้น ในทุกครั้งที่ผ่านไป
แต่สถานที่แห่งนี้ไม่ควรให้มีการล่องแพ เพื่อมิให้เป็นการรบกวนสัตว์ป่า
และเสียระบบการป้องกันป่าอันล้ำค่าแห่งนี้ ซึ่งมีคุณสืบ นาคะเสถียร
เป็นผู้จุดประกายผืนป่าแห่งนี้ให้อุดมสมบูรณ์
ชื่อของท่านยังคงสถิตอยู่คู่กับป่าห้วยขาแข้ง และในดวงใจของคนรักป่าตลอดไป
|