ต้นแม่น้ำเพชรบุรี
มีกำเนิดในผืนป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่มีเนื้อที่เกือบสองล้านไร่
จากเทือกเขาตะนาวศรีด้านทิศใต้ ต้นน้ำเริ่มไหลจากทิศใต้แล้วไหลมาทิศเหนือ
ถึงผาน้ำหยดแล้วไหลไปทิศตะวันออกลงเขื่อนแก่งกระจาน
ยังมีลำห้วยอีกหลายที่ไหลลงมารวมกันเป็นแม่น้ำ เช่น ห้วยแม่ประโดน
ห้วยแม่สะเลียง แม่น้ำบางกลอย ห้วยทอธิบ และห้วยเยกเย เป็นต้น
เป็นผืนป่าแห่งแรกในชีวิตที่ผู้เขียนได้ใช้เป็นประสบการณ์ท่องป่า
จนนับครั้งไม่ถ้วน จากภาพถ่ายเก่า ๆ ในอดีต
ยังคงจดจำของการท่องป่าในแต่ละครั้งจนถึงปัจจุบัน
ภาพถ่ายมิใช่จะถ่ายให้สวยงามอย่างเดียว แต่ถ่ายเพื่อแทนความจำช่วงระยะที่ผ่านมา
ภาพหนึ่งภาพ แทนคำพูดได้เป็นร้อยเป็นพันคำ
เมื่อเดินทางเข้าไปตามแม่น้ำเพชรบุรี จะพบกับสภาพที่สมบูรณ์
ต้นไม้ขนาดใหญ่หลายคนโอบมีอยู่ตลอดริมฝั่งแม่น้ำ ฝูงค่างจำนวนมากมายหากินบนต้นไม้
ชะนีจะร้องก้องป่าตลอดทั้งวันตลอดทาง หมูป่า เก้ง กวาง
มีโอกาสพบเห็นได้ทุกเวลา หรือสัตว์อย่างอื่น เช่น ช้าง หมี หรือสมเสร็จ
ร่อยรอยของเจ้าแมวป่าขนาดใหญ่เดินหากินตลอดริมแม่น้ำ
ถ้าโชคดีอาจจะมีโอกาสได้พบกับมัน
จะพบรอยเจ้าแมวป่ามากช่วงปากห้วยตะเกลโพและห้วยตะเกลพาดู
ส่วนในน้ำก็คราคร่ำไปด้วยฝูงปลาพลวงจำนวนมหาศาลตลอดทั้งแม่น้ำ ตัวขนาดครึ่งก.ก.จนถึงขนาด
๕-๖
ก.ก.
อยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่แหวกว่ายในน้ำใส รวมทั้งปลาอย่างอื่น
ฝูงนากกินปลาส่งเสียงร้องไล่ล่าหาปลากินกันอย่างอย่างมีความสุข
ต้นกุ่มน้ำจะออกดอกขาวบานสะพรั่งตลอดริมแม่น้ำทั้งปี
เวลาเช้ามืดจะเซ็งแซ่ไปด้วยเสียงชะนี้และเสียงค่างที่ออกหากิน
เวลาเช้าตรู่เป็นเสียงของนกนานชนิด
ส่วนในแม่น้ำฝูงปลาพลวงจะมาแหวกว่าชูสันกระโดงสลอนไปมา
หรืออาจจะมีโอกาสได้พบจระเข้ก็ได้ แต่ตัวมังกรทองมีมาก
นอนอาบแดดตามขอนไม้หรือตามต้นไม้ริมแม่น้ำ
แต่ละตัวโตขนาดโคนขาทำให้เข้าใจว่าเป็นจระเข้น้ำจืดไปได้เหมือนกัน
สถานที่ท่องเที่ยวที่รู้จักกันดี คงมีแต่น้ำตกทอธิบเท่านั้น
ซึ่งต้องเดินจากแม่น้ำเข้าอีกประมาณ ๒๐ นาที
ตลอดแม่น้ำจะเป็นพื้นที่ราบเป็นส่วนมาก
มีหาดทรายอยู่ตลอดแต่ก็ไม่แน่เพราะแม่น้ำมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี
กลางคืออากาศจะเย็น การพักค้างแรมในแต่ละคืน ต้องนอนติดแม่น้ำที่ไหลดังก้องป่า
จนไม่ได้เสียงของสัตว์ป่าที่เข้ามาในยามค่ำคืน แม้แต่ช้าป่าเข้าจนก็ยังไม่ได้ยิน
มีเส้นทางเดินเฉพาะของทางด่าน ที่พักจึงมักจะติดกับทางด่านโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะถัดเลยจากแม่น้ำไปเป็นเชิงเขา เว้นแต่จะผูกเปลนอนตามต้นไม้
จึงต้องระวังอันตรายจากสัตว์ป่าในยามค่ำคืน
ในการเดินแต่ละวันต้องเดินข้ามแม่น้ำหลายสิบครั้ง
บางแห่งข้ามได้ยากเพราะก้อนหินในน้ำลื่นมาก น้ำลึกแค่หัวเข่าจนถึงโคนขา
แต่ใช้เดินได้เฉาพะหน้าแล้งหรือช่วงที่น้ำลดเท่านั้น
ถ้าน้ำสูงมากกว่านี้จะเดินข้ามไม่ได้ หรือข้ามลำบากจากกระน้ำที่ไหลแรง
การเดินเข้าไปในแม่น้ำเพชรในอดีตเมื่อหลายสิบปี
ถ้าพูดเฉพาะการเดินทางเข้าตามลำแม่น้ำ
ก็ต้องนั่งเรือจากเขื่อนแก่งกระจานจนถึงสุดน้ำเอ่อแล้วนำเรือเล็กขึ้นไปอีก
จะไปได้ถึงไหนก็อยู่ที่ความยามของแต่ละบุคคลเป้าหมายที่จะไป
พวกที่หาปลาก็จะเอาเรือไปถึงผาน้อยซึ่งอยู่เลยวังคาขึ้นไป
การหาปลาจะใช้วิธีระเบิดหรือใช้ไฟช๊อต
มาพักค้างแรมเป็นอาทิตย์หรือเกือบเดือนในแต่ละครั้ง ทำเป็นปลารมควัน
พอได้เต็มลำเรือก็ขนลำเลียงลงมาขาย
ส่วนพวกที่ต้องการอย่างอื่นก็เข็นเรือผ่านแก่งขึ้นถึงใจกลางป่าลึก
เพราะมีสัตว์ป่าชุกชุมมาก โดยเฉพาะ เก้ง กวาง
เมื่อยี่สิบปีก่อนต้องนั่งเรือมากจากเขื่อนแก่งกระจาน
มาลงที่ห้วยแม่ประโดนหรือที่บ้านประตูผี แล้วหาเรือเล็กมาส่งที่น้ำเอ่อ
จากนั้นเดินไปตามทางสัมปทานป่าไม้ที่รกร้างจนถึงวังคา
ข้ามแม่น้ำไปอีกฟากหนึ่งไปถึงปากแม่น้ำบางกลอย ผ่านผาน้ำหยด
ซึ่งหน้าผาสูงมีน้ำไหลหยดตลอดปี บนหน้าสูงมีรังผึ้งหลวงอาศัยอยู่นับสิบรัง
เลยจากผาน้ำหยดไปจะมีทางด่านตลอดจนถึงห้วยทอธิบ
ปัจจุบันไม่ค่อยมีช้างป่ามาเดินจึงทำให้รกและเปลี่ยนเส้นทาง
แต่ก่อนทางด่านจะโล่งเดินสบาย สามารถใช้เป็นทางปั่นจักรยานได้
เลยจากห้วยทอธิบไปประมาณหนึ่งชั่วโมง จะเป็นหน้าผาช่องแคบน้ำลึก
ต้องปีนด้านซ้ายมือ(ทิศตะวันออก)
ถ้าพลาดก็ตกน้ำที่ลึกสีเขียวน่ากลัว
เพราะทางด่านช่วงจะตัดข้ามสันสูงด้านทิศตะวันตก
เลยจากนี้ไปจะมีทางด่านสลับเดินตามแม่น้ำ
แต่ช้างโขลงจะไม่มาหากินคงมีแต่ช้างที่กินตัวเดียว จึงเป็นป่ารกและเดินลำบาก
ก่อนสุดสายน้ำจะพบไร่เก่าของชาวเขาที่เคยทำไร่
ถ้าเริ่มเดินจากบ้านโป่งลึกจนถึงสุดสายน้ำก็คงใช้เวลาประมาณ ๖ วันอย่างไม่รีบร้อน
ในปัจจุบันการเดินทางเข้าต้นแม่น้ำเพชรบุรีสะดวกกว่าเดิมมาก
เพราะมีถนนที่ตัดไปน้ำตกทอธิบ เดินจาก ก.ม.
๓๖
ไปอีกสองชั่วโมงกว่าก็ถึงน้ำตกทอธิบ ซึ่งอยู่ใจกลางป่าต้นน้ำแม่น้ำเพชรบุรี
ที่อยู่เราว่าจะเดินขึ้นไปยังต้นแม่น้ำ หรือว่าจะเดินลงมาตามแม่น้ำ
ถ้าเดินทวนกระแสน้ำขึ้นไปจนสุดแม่น้ำเพชรบุรี ใช้เวลาประมาณ ๓ วัน
ถ้าเดินมาตามแม่น้ำอีก ๒-๓
วันก็จะถึงบ้านโป่งลึก หรือล่องแพมาก็ได้ จนถึงน้ำเขื่อนแก่งกระจานเอ่อถึง
ใช้เวลาประมาณ ๒ วัน ล่องได้เฉพาะช่วงตั้งซับชุมเห็ดลงมา
และล่องได้เฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาว
เลยจากนั้นก็แล้วแต่ปริมาณของน้ำที่ไหลตลอดทั้งปี แต่หน้าแล้งน้ำค่อนข้างน้อยมาก
|