ค้นว่าอยู่เล่มใด แล้วกด [ctrl]+f หรือใช้คำสั่งของเครื่องหาตำแหน่งในเล่มอีกทีนะครับ



จัดรูปหน้าใหม่
เพื่อความสะดวก และสวยงาม
(เฉพาะหน้าจอใหญ่ เช่น คอมพิวเตอร์)
กรุณาคลิก จัดรูปหน้าใหม่
เพื่อให้กรอบ
ค้นข้อความ ปรากฎที่ด้านซ้ายของหน้า

พระไตรปิฎกภาษาไทย
ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ๔๕ เล่ม (ปกสีฟ้า)
ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
ที่มาของข้อมูล : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับ มจร.
MCUTRAI Version 1.0

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๙ อภิธรรมปิฎกที่ ๐๖ ยมก ภาค ๒

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร

พระอภิธรรมปิฎก
ยมก ภาค ๒
_____________
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

จิตตยมก
อุทเทส
๑. สุทธจิตตสามัญญะ
๑. ปุคคลวาร
๑. อุปปาทนิโรธกาลสัมเภทวาร

[๑] จิตของบุคคลใดกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็จักดับ ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดจักดับ ไม่ใช่จักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด ไม่ใช่กำลัง
ดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด แต่กำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับ
แต่จักเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ แต่จักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด แต่
กำลังดับมีไหม (๖๓) *

เชิงอรรถ :
* ตัวเลข [๑] หมายถึงลำดับหัวข้อธรรม ส่วนตัวเลข (๖๓) หมายถึงข้อที่อธิบายในนิทเทสหน้า ๑๘

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
๒. อุปปาทุปปันนวาร

[๒] จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม (๖๔)

๓. นิโรธุปปันนวาร

[๓] จิตของบุคคลใดกำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม (๖๕)

๔. อุปปาทวาร

[๔] จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดเคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม (๖๖)
[๕] จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดจักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม (๖๗)
[๖] จิตของบุคคลใดเคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดจักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม (๖๘)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
๕. นิโรธวาร

[๗] จิตของบุคคลใดกำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดเคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับมีไหม (๖๙)
[๘] จิตของบุคคลใดกำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม (๗๐)
[๙] จิตของบุคคลใดเคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับมีไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม (๗๑)

๖. อุปปาทนิโรธวาร

[๑๐] จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดเคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม (๗๒)
[๑๑] จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม (๗๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร

[๑๒] จิตของบุคคลใดเคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับมีไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม (๗๔)

๗. อุปปัชชมานนนิโรธวาร

[๑๓] จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดกำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม (๗๕)

๘. อุปปัชชมานุปปันนวาร

[๑๔] จิตของบุคคลใดเกิดอยู่ จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็เกิดอยู่ใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดอยู่ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดอยู่ใช่ไหม (๗๖)

๙. นิรุชฌมานุปปันนวาร

[๑๕] จิตของบุคคลใดดับอยู่ จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ดับอยู่ใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่ดับอยู่ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่ดับอยู่ใช่ไหม (๗๗)

๑๐. อุปปันนุปปาทวาร

[๑๖] จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดเคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร

จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วมีไหม (๗๘)
จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดจักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม (๗๙)

๑๑. อตีตานาคตวาร
[๑๗] จิตของบุคคลใดเคยเกิด จิตของบุคคลนั้นไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคล
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดจักเกิด จิตของบุคคลนั้นไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็
เคยเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิด แต่จิตของบุคคลนั้นมิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตของบุคคล
นั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด แต่จิตของบุคคลนั้นมิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตของ
บุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม (๘๐)

๑๒. อุปปันนุปปัชชมานวาร
[๑๘] จิตที่เกิดแล้ว ก็ชื่อว่าเกิดอยู่ใช่ไหม จิตที่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าเกิดแล้วใช่ไหม
จิตที่ไม่ใช่เกิดแล้ว ก็ชื่อว่าไม่ใช่เกิดอยู่ใช่ไหม จิตที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าไม่ใช่
เกิดแล้วใช่ไหม (๘๑)

๑๓. นิรุทธนิรุชฌมานวาร
[๑๙] จิตที่ดับแล้ว ก็ชื่อว่าดับอยู่ใช่ไหม จิตที่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าดับแล้วใช่ไหม
จิตที่ไม่ใช่ดับแล้ว ก็ชื่อว่าไม่ใช่ดับอยู่ใช่ไหม จิตที่ไม่ใช่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าไม่ใช่
ดับแล้วใช่ไหม (๘๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
๑๔. อติกกันตกาลวาร
[๒๐] จิตของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่เกิดอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตของ
บุคคลนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ดับอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตของบุคคลนั้น
ล่วงไปทุก ๆ ขณะที่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตของ
บุคคลนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่ดับอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตของ
บุคคลนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม (๘๓)
อุทเทสแห่งปุคคลวาร จบ

๑. สุทธจิตตสามัญญะ
๒. ธัมมวาร
๑. อุปปาทนิโรธกาลสัมเภทวาร
[๒๑] จิตใดกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นก็จักดับ ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดจักดับ ไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นก็กำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด แต่กำลังดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่จักดับ แต่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่จักดับ แต่จักเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด แต่กำลังดับมีไหม (๘๔)

๒. อุปปาทุปปันนวาร

[๒๒] จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร

จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม (๘๕)

๓. นิโรธุปปันนวาร

[๒๓] จิตใดกำลังดับ จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม (๘๖)

๔. อุปปาทวาร

[๒๔] จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดเคยเกิด จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่เคยเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม (๘๗)
[๒๕] จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตใดจักเกิด จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม (๘๘)
[๒๖] จิตใดเคยเกิด จิตนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตใดจักเกิด จิตนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่เคยเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม (๘๙)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
๕. นิโรธวาร

[๒๗] จิตใดกำลังดับ จิตนั้นก็เคยดับใช่ไหม
จิตใดเคยดับ จิตนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
จิตใดไม่เคยดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม (๙๐)
[๒๘] จิตใดกำลังดับ จิตนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตใดจักดับ จิตนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม (๙๑)
[๒๙] จิตใดเคยดับ จิตนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตใดจักดับ จิตนั้นก็เคยดับใช่ไหม
จิตใดไม่เคยดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม (๙๒)

๖. อุปปาทนิโรธวาร

[๓๐] จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็เคยดับใช่ไหม
จิตใดเคยดับ จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
จิตใดไม่เคยดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม (๙๓)
[๓๑] จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตใดจักดับ จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม (๙๔)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร

[๓๒] จิตใดเคยเกิด จิตนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตใดจักดับ จิตนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่เคยเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม (๙๕)

๗. อุปปัชชมานนนิโรธวาร

[๓๓] จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตใดกำลังดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม (๙๖)

๘. อุปปัชชมานุปปันนวาร

[๓๔] จิตใดเกิดอยู่ จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็เกิดอยู่ใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่เกิดอยู่ จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดอยู่ใช่ไหม (๙๗)

๙. นิรุชฌมานุปปันนวาร

[๓๕] จิตใดดับอยู่ จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็ดับอยู่ใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่ดับอยู่ จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่ดับอยู่ใช่ไหม (๙๘)

๑๐. อุปปันนุปปาทวาร

[๓๖] จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดเคยเกิด จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร

จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่เคยเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม (๙๙)
จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตใดจักเกิด จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม (๑๐๐)

๑๑. อตีตานาคตวาร

[๓๗] จิตใดเคยเกิด จิตนั้นไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตใดจักเกิด จิตนั้นไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่เคยเกิด จิตนั้นมิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นมิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม (๑๐๑)

๑๒. อุปปันนุปปัชชมานวาร

[๓๘] จิตที่เกิดแล้ว ก็ชื่อว่าเกิดอยู่ใช่ไหม
จิตที่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าเกิดแล้วใช่ไหม
จิตที่ไม่ใช่เกิดแล้ว ก็ชื่อว่าไม่ใช่เกิดอยู่ใช่ไหม
จิตที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม (๑๐๒)

๑๓. นิรุทธนิรุชฌมานวาร

[๓๙] จิตที่ดับแล้ว ก็ชื่อว่าดับอยู่ใช่ไหม
จิตที่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าดับแล้วใช่ไหม
จิตที่ไม่ใช่ดับแล้ว ก็ชื่อว่าไม่ใช่ดับอยู่ใช่ไหม
จิตที่ไม่ใช่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าไม่ใช่ดับแล้วใช่ไหม (๑๐๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๓. ปุคคลธัมมวาร
๑๔. อติกกันตกาลวาร
[๔๐] จิตใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่เกิดอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้นล่วงไป
ทุก ๆ ขณะที่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
จิตใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ดับอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะ
ที่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
จิตใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้นล่วงไป
ทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
จิตใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้นล่วงไป
ทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม (๑๐๔)
อุทเทสแห่งธัมมวาร จบ

๑. สุทธจิตตสามัญญะ
๓. ปุคคลธัมมวาร
๑. อุปปาทนิโรธกาลสัมเภทวาร
[๔๑] จิตใดของบุคคลใดกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักดับ
ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดจักดับ ไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด ไม่ใช่
กำลังดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด แต่กำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับ
แต่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ แต่จักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
แต่กำลังดับมีไหม (๑๐๕)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๓. ปุคคลธัมมวาร
๒. อุปปาทุปปันนวาร

[๔๒] จิตใดของบุคคลใดกำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

(๑๐๖)
๓. นิโรธุปปันนวาร

[๔๓] จิตใดของบุคคลใดกำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม

(๑๐๗)
๔. อุปปาทวาร

[๔๔] จิตใดของบุคคลใดกำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดเคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

(๑๐๘)

[๔๕] จิตใดของบุคคลใดกำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดจักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

(๑๐๙)

[๔๖] จิตใดของบุคคลใดเคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดจักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม(๑๑๐)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๓. ปุคคลธัมมวาร
๕. นิโรธวาร

[๔๗] จิตใดของบุคคลใดกำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดเคยดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม

(๑๑๑)

[๔๘] จิตใดของบุคคลใดกำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดจักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม

(๑๑๒)

[๔๙] จิตใดของบุคคลใดเคยดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดจักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม (๑๑๓)

๖. อุปปาทนิโรธวาร

[๕๐] จิตใดของบุคคลใดกำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดเคยดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
[๕๑] จิตใดของบุคคลใดกำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดจักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
[๕๒] จิตใดของบุคคลใดเคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดจักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๓. ปุคคลธัมมวาร
๗. อุปปัชชมานนนิโรธวาร

[๕๓] จิตใดของบุคคลใดกำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดกำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

๘. อุปปัชชมานุปปันนวาร

[๕๔] จิตใดของบุคคลใดเกิดอยู่ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เกิดอยู่ใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่เกิดอยู่ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดอยู่ใช่ไหม

๙. นิรุชฌมานุปปันนวาร

[๕๕] จิตใดของบุคคลใดดับอยู่ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ดับอยู่ใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่ดับอยู่ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่ดับอยู่ใช่ไหม

๑๐. อุปปันนุปปาทวาร

[๕๖] จิตใดของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดเคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดจักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๓. ปุคคลธัมมวาร
๑๑. อตีตานาคตวาร
[๕๗] จิตใดของบุคคลใดเคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้น
ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดจักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นของ
บุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นมิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตนั้นของ
บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นมิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตนั้น
ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม

๑๒. อุปปันนุปปัชชมานวาร
[๕๘] จิตที่เกิดแล้ว ก็ชื่อว่าเกิดอยู่ใช่ไหม จิตที่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าเกิดแล้วใช่ไหม
จิตที่ไม่ใช่เกิดแล้ว ก็ชื่อว่าไม่ใช่เกิดอยู่ใช่ไหม จิตที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าไม่ใช่
เกิดแล้วใช่ไหม

๑๓. นิรุทธนิรุชฌมานวาร
[๕๙] จิตที่ดับแล้ว ก็ชื่อว่าดับอยู่ใช่ไหม จิตที่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าดับแล้วใช่ไหม
จิตที่ไม่ใช่ดับแล้ว ก็ชื่อว่าไม่ใช่ดับอยู่ใช่ไหม จิตที่ไม่ใช่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าไม่ใช่
ดับแล้วใช่ไหม

๑๔. อติกกันตกาลวาร
[๖๐] จิตใดของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่เกิดอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้น
ของบุคคลนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ดับอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้นของ
บุคคลนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะที่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๒. สุตตันตจิตตมิสสกวิเสส
จิตใดของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้น
ของบุคคลนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่ดับอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้น
ของบุคคลนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
อุทเทสแห่งปุคคลธัมมวาร จบ

๒. สุตตันตจิตตมิสสกวิเสส
[๖๑] จิตมีราคะของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตปราศจากราคะของบุคคลใดกำลังเกิด ...
จิตมีโทสะของบุคคลใดกำลังเกิด ...
จิตปราศจากโทสะของบุคคลใดกำลังเกิด ...
จิตมีโมหะของบุคคลใดกำลังเกิด ...
จิตปราศจากโมหะของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตหดหู่ของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตฟุ้งซ่านของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตเป็นมหัคคตะของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตไม่เป็นมหัคคตะของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตมีธรรมอื่นยิ่งกว่าของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตเป็นสมาธิของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตไม่เป็นสมาธิของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตหลุดพ้นแล้วของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตไม่หลุดพ้นแล้วของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ (๑๑๔)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๓. อภิธัมมจิตตมิสสกวิเสส
๓. อภิธัมมจิตตมิสสกวิเสส
[๖๒] จิตที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาของบุคคลใดกำลังเกิด ...
(พึงยกบาลีอุทเทสโดยวิธีนี้ ตลอดจนถึงจิตที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้และที่ไม่เป็น
เหตุให้สัตว์ร้องไห้)
จิตที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ของบุคคลใดกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ จิตที่ไม่เป็น
เหตุให้สัตว์ร้องไห้ของบุคคลนั้นก็จักดับ ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ของบุคคลใดจักดับ ไม่ใช่จักเกิด จิตที่ไม่เป็นเหตุ
ให้สัตว์ร้องไห้ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม (๑๑๕)

อุทเทสแห่งมิสสกวาร จบ
อุทเทสวาร จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
นิทเทส
๑. สุทธจิตตสามัญญะ
๑. ปุคคลวาร
๑. อุปปาทนิโรธกาลสัมเภทวาร
[๖๓] อนุโลมปุจฉา. จิตของบุคคลใดกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ จิตของบุคคล
นั้นก็จักดับ ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิสัชนา. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด
ไม่ใช่กำลังดับ แต่จักดับ ไม่ใช่จักเกิด ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลนอกนี้
จิตของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ แต่จักดับและจักเกิด
ปฏิโลมปุจฉา. จิตของบุคคลใดจักดับ ไม่ใช่จักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิสัชนา. ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด แต่กำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักดับ แต่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ แต่จักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
แต่กำลังดับมีไหม
วิ. ไม่มี

๒. อุปปาทุปปันนวาร
[๖๔] อนุ. จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่กำลังเกิด
ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดแล้วก็ใช่ กำลังเกิดก็ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
วิ. ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มิใช่ไม่
เกิดแล้ว บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จิตของ
บุคคลเหล่านั้น ไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๓. นิโรธุปปันนวาร
[๖๕] อนุ. จิตของบุคคลใดกำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่กำลังดับ
ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดแล้วก็ใช่ กำลังดับก็ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นก็ไม่ใช่กำลังดับ แต่มิใช่
ไม่เกิดแล้ว บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จิตของ
บุคคลเหล่านั้น ไม่ใช่กำลังดับก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่

๔. อุปปาทวาร
[๖๖] อนุ. จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดเคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิต บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดก็ใช่ กำลังเกิดก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
[๖๗] อนุ. จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่ไม่ใช่
จักเกิด ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลนอกนี้ จิตของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดก็ใช่
จักเกิดก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดจักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิต บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ จิตของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดก็ใช่ กำลังเกิดก็ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิต บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะ
แห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ ไม่ใช่จักเกิดก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่มิใช่
ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดก็ใช่ ไม่ใช่
กำลังเกิดก็ใช่
[๖๘] อนุ. จิตของบุคคลใดเคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดก็ใช่ จักเกิดก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดจักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด

๕. นิโรธวาร
[๖๙] อนุ. จิตของบุคคลใดกำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดเคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิต บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่ไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งจิต
จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับก็ใช่ กำลังดับก็ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับมีไหม
วิ. ไม่มี
[๗๐] อนุ. จิตของบุคคลใดกำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ แต่ไม่ใช่จักดับ
ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลนอกนี้ จิตของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับก็ใช่ จักดับก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิต บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ จิตของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่ไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งจิต
จิตของบุคคลเหล่านั้นจักดับก็ใช่ กำลังดับก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. จักดับ
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. กำลังดับ
[๗๑] อนุ. จิตของบุคคลใดเคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่ไม่ใช่จักดับ
บุคคลนอกนี้ จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับก็ใช่ กำลังดับก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ

๖. อุปปาทนิโรธวาร
[๗๒] อนุ. จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดเคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิต บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่ไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับก็ใช่ กำลังเกิดก็ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
[๗๓] อนุ. จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิต บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ จิตของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่ไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นจักดับก็ใช่ กำลังเกิดก็ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิต บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะ
แห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ ไม่ใช่จักดับก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๗๔] อนุ. จิตของบุคคลใดเคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ไม่ใช่จักดับ
บุคคลนอกจากนี้ จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดก็ใช่ จักดับก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด

๗. อุปปัชชมานนนิโรธวาร
[๗๕] อนุ. จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จิตของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับก็ใช่ กำลังเกิดก็ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จิตของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด และไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งจิต จิตของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ กำลังดับก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดกำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๘. อุปปัชชมานุปปันนวาร
[๗๖] อนุ. จิตของบุคคลใดเกิดอยู่ จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็เกิดอยู่ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่เกิดอยู่
ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดแล้วก็ใช่ เกิดอยู่ก็ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดอยู่ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่เกิดอยู่ แต่มิใช่ไม่เกิด
แล้ว บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จิตของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่เกิดอยู่ก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดอยู่ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
๙. นิรุชฌมานุปปันนวาร
[๗๗] อนุ. จิตของบุคคลใดดับอยู่ จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ดับอยู่ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่ดับอยู่
ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดแล้วก็ใช่ ดับอยู่ก็ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่ดับอยู่ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่ดับอยู่ แต่มิใช่ไม่
เกิดแล้ว บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จิตของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่ดับอยู่ก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่ดับอยู่ใช่ไหม
วิ. ใช่

๑๐. อุปปันนุปปาทวาร
[๗๘] อนุ. จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดเคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จิตของ
บุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ไม่ใช่เกิดแล้ว บุคคลผู้พร้อมเพียงด้วยจิต จิตของ
บุคคลเหล่านั้นเคยเกิดก็ใช่ เกิดแล้วก็ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
[๗๙] อนุ. จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดแล้ว แต่
ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดแล้วก็ใช่
จักเกิดก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดจักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จิตของ
บุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ไม่ใช่เกิดแล้ว บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต จิตของบุคคล
เหล่านั้นจักเกิดก็ใช่ เกิดแล้วก็ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. เกิดแล้ว

๑๑. อตีตานาคตวาร
[๘๐] อนุ. จิตของบุคคลใดเคยเกิด จิตของบุคคลนั้นไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของ
บุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดจักเกิด จิตของบุคคลนั้นไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคล
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตของบุคคลนั้นมิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตของ
บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตของบุคคลนั้นมิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตของ
บุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
๑๒. อุปปันนุปปัชชมานวาร
[๘๑] อนุ. จิตที่เกิดแล้ว ก็ชื่อว่าเกิดอยู่ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่เกิดอยู่ ในอุปปาทขณะ จิตเกิดแล้วก็ใช่
เกิดอยู่ก็ใช่
ปฏิ. จิตที่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าเกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จิตที่ไม่ใช่เกิดแล้ว ก็ชื่อว่าไม่ใช่เกิดอยู่ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่ใช่เกิดอยู่ แต่มิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตที่เป็นอดีตและ
อนาคต ไม่ใช่เกิดอยู่ก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่

๑๓. นิรุทธนิรุชฌมานวาร
[๘๒] อนุ. จิตที่ดับแล้ว ก็ชื่อว่าดับอยู่ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตที่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าดับแล้วใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตที่ไม่ใช่ดับแล้ว ก็ชื่อว่าไม่ใช่ดับอยู่ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่ใช่ดับแล้ว แต่มิใช่ไม่ดับอยู่ ในอุปปาทขณะ จิตที่
เป็นอนาคต ไม่ใช่ดับแล้วก็ใช่ ไม่ใช่ดับอยู่ก็ใช่
ปฏิ. จิตที่ไม่ใช่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าไม่ใช่ดับแล้วใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่ดับอยู่ แต่มิใช่ไม่ดับแล้ว ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็น
อนาคต ไม่ใช่ดับอยู่ก็ใช่ ไม่ใช่ดับแล้วก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
๑๔. อติกกันตกาลวาร
[๘๓] อนุ. จิตของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่เกิดอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว
จิตของบุคคลนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตล่วงไปทุกอุปปาทขณะ แต่ยังไม่ล่วงภังคขณะ จิตที่
เป็นอดีตล่วงไปทุกอุปปาทขณะก็ใช่ ล่วงไปทุกภังคขณะก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ดับอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตของ
บุคคลนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะที่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีต ....
อนุ. จิตของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว
จิตของบุคคลนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็นอนาคต ....
ปฏิ. จิตของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่ดับอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว
จิตของบุคคลนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่ล่วงภังคขณะ แต่มิใช่ไม่ล่วงอุปปาทขณะ ใน
อุปปาทขณะ จิตที่เป็นอนาคต ไม่ล่วงภังคขณะก็ใช่ ไม่ล่วงอุปปาทขณะก็ใช่
นิทเทสแห่งปุคคลวาร จบ

๑. สุทธจิตตสามัญญะ
๒. ธัมมวาร
๑. อุปปาทนิโรธกาลสัมเภทวาร
[๘๔] อนุ. จิตใดกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นก็จักดับ ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตใดจักดับ ไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นก็กำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
อนุ. จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด แต่กำลังดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่จักดับ แต่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่จักดับ แต่จักเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด แต่กำลังดับมีไหม
วิ. ไม่มี
๒. อุปปาทุปปันนวาร
[๘๕] อนุ. จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ จิตเกิด
แล้วก็ใช่ กำลังเกิดก็ใช่
อนุ. จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่ใช่กำลังเกิด แต่มิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตที่เป็นอดีตและ
อนาคต ไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๓. นิโรธุปปันนวาร
[๘๖] อนุ. จิตใดกำลังดับ จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะ จิตเกิด
แล้วก็ใช่ กำลังดับก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
อนุ. จิตใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตไม่ใช่กำลังดับ แต่มิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตที่เป็นอดีต
และอนาคต ไม่ใช่กำลังดับก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่

๔. อุปปาทวาร
[๘๗] อนุ. จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดเคยเกิด จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่กำลังเกิด แต่มิใช่ไม่เคยเกิด ในภังคขณะ จิตที่เป็น
อนาคต ไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ ไม่เคยเกิดก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่เคยเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตไม่เคยเกิด แต่มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ จิตที่
เป็นอนาคตไม่เคยเกิดก็ใช่ ไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่
[๘๘] อนุ. จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดจักเกิด จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอนาคตไม่ใช่กำลังเกิด แต่มิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะ จิตที่
เป็นอดีต ไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ ไม่ใช่จักเกิดก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตไม่ใช่จักเกิด แต่มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ จิตที่
เป็นอดีตไม่ใช่จักเกิดก็ใช่ ไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่
[๘๙] อนุ. จิตใดเคยเกิด จิตนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดจักเกิด จิตนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดไม่เคยเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอนาคตไม่เคยเกิด แต่มิใช่จักไม่เกิด จิตที่เป็นปัจจุบันไม่เคยเกิด
ก็ใช่ ไม่ใช่จักเกิดก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่จักเกิด แต่มิใช่ไม่เคยเกิด จิตที่เป็นปัจจุบัน ไม่ใช่จัก
เกิดก็ใช่ ไม่เคยเกิดก็ใช่

๕. นิโรธวาร
[๙๐] อนุ. จิตใดกำลังดับ จิตนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดเคยดับ จิตนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่กำลังดับ แต่มิใช่ไม่เคยดับ ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็น
อนาคตไม่ใช่กำลังดับก็ใช่ ไม่เคยดับก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่เคยดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่เคยดับ แต่มิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็น
อนาคตไม่เคยดับก็ใช่ ไม่ใช่กำลังดับก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
[๙๑] อนุ. จิตใดกำลังดับ จิตนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดจักดับ จิตนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็นอนาคตไม่ใช่กำลังดับ แต่มิใช่จักไม่ดับ จิตที่
เป็นอดีตไม่ใช่กำลังดับก็ใช่ ไม่ใช่จักดับก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่ใช่จักดับ แต่มิใช่ไม่กำลังดับ จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่
จักดับก็ใช่ ไม่ใช่กำลังดับก็ใช่
[๙๒] อนุ. จิตใดเคยดับ จิตนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดจักดับ จิตนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดไม่เคยดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็นอนาคตไม่เคยดับ แต่มิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะ
จิตไม่เคยดับก็ใช่ ไม่ใช่จักดับก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่จักดับ แต่มิใช่ไม่เคยดับ ในภังคขณะ จิตไม่ใช่จักดับ
ก็ใช่ ไม่เคยเกิดก็ใช่

๖. อุปปาทนิโรธวาร
[๙๓] อนุ. จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดเคยดับ จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
อนุ. จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่กำลังเกิด แต่มิใช่ไม่เคยดับ ในภังคขณะ จิตที่เป็น
อนาคตไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ ไม่เคยดับก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่เคยดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตไม่เคยดับ แต่มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ จิตที่เป็น
อนาคตไม่เคยดับก็ใช่ ไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่
[๙๔] อนุ. จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตใดจักดับ จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอนาคตจักดับ แต่ไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ จิตจักดับก็ใช่
กำลังเกิดก็ใช่
อนุ. จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอนาคตไม่ใช่กำลังเกิด แต่มิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะ จิตที่เป็น
อดีตไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ ไม่ใช่จักดับก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๙๕] อนุ. จิตใดเคยเกิด จิตนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดจักดับ จิตนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดไม่เคยเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็นอนาคตไม่เคยเกิด แต่มิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะ
จิตไม่เคยเกิดก็ใช่ ไม่ใช่จักดับก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่จักดับ แต่มิใช่ไม่เคยเกิด ในภังคขณะ จิตไม่ใช่
จักดับก็ใช่ ไม่เคยเกิดก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
๗. อุปปัชชมานนนิโรธวาร
[๙๖] อนุ. จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตและอนาคตไม่ใช่กำลังดับ แต่ไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
จิตไม่ใช่กำลังดับก็ใช่ กำลังเกิดก็ใช่
อนุ. จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตและอนาคตไม่ใช่กำลังเกิด แต่ไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะ
จิตไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ กำลังดับก็ใช่
ปฏิ. จิตใดกำลังดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๘. อุปปัชชมานุปปันนวาร
[๙๗] อนุ. จิตใดเกิดอยู่ จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็เกิดอยู่ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่เกิดอยู่ ในอุปปาทขณะ จิตเกิดแล้ว
ก็ใช่ เกิดอยู่ก็ใช่
อนุ. จิตใดไม่ใช่เกิดอยู่ จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่ใช่เกิดอยู่ แต่มิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตที่เป็นอดีตและที่
เป็นอนาคต ไม่ใช่เกิดอยู่ก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดอยู่ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
๙. นิรุชฌมานุปปันนวาร
[๙๘] อนุ. จิตใดดับอยู่ จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็ดับอยู่ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่ดับอยู่ ในภังคขณะ จิตเกิดแล้ว
ก็ใช่ ดับอยู่ก็ใช่
อนุ. จิตใดไม่ใช่ดับอยู่ จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตไม่ใช่ดับอยู่ แต่มิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตที่เป็นอดีตและ
ที่เป็นอนาคต ไม่ใช่เกิดอยู่ก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่ดับอยู่ใช่ไหม
วิ. ใช่

๑๐. อุปปันนุปปาทวาร
[๙๙] อนุ. จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดเคยเกิด จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่เกิดแล้ว แต่มิใช่ไม่เคยเกิด จิตที่เป็นอนาคต ไม่ใช่
เกิดแล้วก็ใช่ ไม่เคยเกิดก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่เคยเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นปัจจุบัน ไม่เคยเกิด แต่มิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตที่เป็นอนาคต ไม่เคย
เกิดก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
[๑๐๐] อนุ. จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดจักเกิด จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอนาคตไม่ใช่เกิดแล้ว แต่มิใช่จักไม่เกิด จิตที่เป็นอดีต ไม่ใช่
เกิดแล้วก็ใช่ ไม่ใช่จักเกิดก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นปัจจุบันไม่ใช่จักเกิด แต่มิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่จัก
เกิดก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่

๑๑. อตีตานาคตวาร
[๑๐๑] อนุ. จิตใดเคยเกิด จิตนั้นไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดจักเกิด จิตนั้นไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดไม่เคยเกิด จิตนั้นมิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นมิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๑๒. อุปปันนุปปัชชมานวาร
[๑๐๒] อนุ. จิตที่เกิดแล้ว ก็ชื่อว่าเกิดอยู่ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่เกิดอยู่ ในอุปปาทขณะ จิตเกิดแล้วก็ใช่
เกิดอยู่ก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
ปฏิ. จิตที่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าเกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จิตที่ไม่ใช่เกิดแล้ว ก็ชื่อว่าไม่ใช่เกิดอยู่ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่ใช่เกิดอยู่ แต่มิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตที่เป็นอดีตและที่
เป็นอนาคต ไม่ใช่เกิดอยู่ก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่

๑๓. นิรุทธนิรุชฌมานวาร
[๑๐๓] อนุ. จิตที่ดับแล้ว ก็ชื่อว่าดับอยู่ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตที่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าดับแล้วใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตที่ไม่ใช่ดับแล้ว ก็ชื่อว่าไม่ใช่ดับอยู่ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่ใช่ดับแล้ว แต่มิใช่ไม่ดับอยู่ ในอุปปาทขณะ จิตที่
เป็นอนาคตไม่ใช่ดับแล้วก็ใช่ ไม่ใช่ดับอยู่ก็ใช่
ปฏิ. จิตที่ไม่ใช่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าไม่ใช่ดับแล้วใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่ดับอยู่ แต่มิใช่ไม่ดับแล้ว ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็น
อนาคตไม่ใช่ดับอยู่ก็ใช่ ไม่ใช่ดับแล้วก็ใช่

๑๔. อติกกันตกาลวาร
[๑๐๔] อนุ. จิตใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้น
ล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตล่วงอุปปาทขณะ แต่ไม่ล่วงภังคขณะ จิตที่เป็นอดีต
ล่วงอุปปาทขณะก็ใช่ ล่วงภังคขณะก็ใช่


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๓. ปุคคลธัมมวาร
ปฏิ. จิตใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้นล่วงไปทุก ๆ
ขณะที่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีต ...
อนุ. จิตใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้นล่วงไป
ทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็นอนาคต ....
ปฏิ. จิตใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้นล่วงไป
ทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่ล่วงภังคขณะ แต่มิใช่ไม่ล่วงอุปปาทขณะ ใน
อุปปาทขณะ จิตที่เป็นอนาคตไม่ล่วงภังคขณะก็ใช่ ไม่ล่วงอุปปาทขณะก็ใช่
นิทเทสแห่งธัมมวาร จบ

๑. สุทธจิตตสามัญญะ
๓. ปุคคลธัมมวาร
๑. อุปปาทนิโรธกาลสัมเภทวาร
[๑๐๕] อนุ. จิตใดของบุคคลใดกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นของบุคคล
นั้นก็จักดับ ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดจักดับ ไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด แต่กำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้น
ก็ไม่ใช่จักดับ แต่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๓. ปุคคลธัมมวาร
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ แต่จักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิด แต่กำลังดับมีไหม
วิ. ไม่มี

๒. อุปปาทุปปันนวาร
[๑๐๖] อนุ. จิตใดของบุคคลใดกำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เกิดแล้ว
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ จิตเกิด
แล้วก็ใช่ กำลังเกิดก็ใช่
อนุ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้ว
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่ใช่กำลังเกิด แต่มิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตที่เป็นอดีตและ
ที่เป็นอนาคต ไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่
ไหม
วิ. ใช่

๓. นิโรธุปปันนวาร
[๑๐๗] อนุ. จิตใดของบุคคลใดกำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะ จิตเกิด
แล้วก็ใช่ กำลังดับก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๓. ปุคคลธัมมวาร
อนุ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตไม่ใช่กำลังดับ แต่มิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตที่เป็นอดีต
และที่เป็นอนาคต ไม่ใช่กำลังดับก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่

๔. อุปปาทวาร
[๑๐๘] อนุ. จิตใดของบุคคลใดกำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดเคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่กำลังเกิด แต่มิใช่ไม่เคยเกิด ในภังคขณะ จิตที่เป็น
อนาคตไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ ไม่เคยเกิดก็ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตไม่เคยเกิด แต่มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ จิตที่
เป็นอนาคตไม่เคยเกิดก็ใช่ ไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่
[๑๐๙] อนุ. จิตใดของบุคคลใดกำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดจักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอนาคตไม่ใช่กำลังเกิด แต่มิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะ จิตที่เป็น
อดีตไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ ไม่ใช่จักเกิดก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๓. ปุคคลธัมมวาร
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตไม่ใช่จักเกิด แต่มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ จิตที่
เป็นอดีตไม่ใช่จักเกิดก็ใช่ ไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่
[๑๑๐] อนุ. จิตใดของบุคคลใดเคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดจักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอนาคตไม่เคยเกิด แต่มิใช่จักไม่เกิด จิตที่เป็นปัจจุบัน ไม่เคย
เกิดก็ใช่ ไม่ใช่จักเกิดก็ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่จักเกิด แต่มิใช่ไม่เคยเกิด จิตที่เป็นปัจจุบัน ไม่ใช่
จักเกิดก็ใช่ ไม่เคยเกิดก็ใช่

๕. นิโรธวาร
[๑๑๑] อนุ. จิตใดของบุคคลใดกำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดเคยดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่กำลังดับ แต่มิใช่ไม่เคยดับ ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็น
อนาคตไม่ใช่กำลังดับก็ใช่ ไม่เคยดับก็ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่เคยดับ แต่มิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็น
อนาคตไม่เคยดับก็ใช่ ไม่ใช่กำลังดับก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๓. อภิธัมมจิตตมิสสกวิเสส
[๑๑๒] อนุ. จิตใดของบุคคลใดกำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดจักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็นอนาคตไม่ใช่กำลังดับ แต่มิใช่จักไม่ดับ จิตที่
เป็นอดีตไม่ใช่กำลังดับก็ใช่ ไม่ใช่จักดับก็ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่ใช่จักดับ แต่มิใช่ไม่กำลังดับ จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่
จักดับก็ใช่ ไม่ใช่กำลังดับก็ใช่
[๑๑๓] อนุ. จิตใดของบุคคลใดเคยดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดจักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็นอนาคตไม่เคยดับ แต่มิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะ
จิตไม่เคยดับก็ใช่ ไม่ใช่จักดับก็ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่จักดับ แต่มิใช่ไม่เคยดับ ในภังคขณะ จิตไม่ใช่จักดับ
ก็ใช่ ไม่เคยดับก็ใช่
(ข้อที่ว่า จิตของบุคคลใด ท่านแสดงไว้โดยภาวะแห่งตน ในข้อที่ว่า ในจิตใดแล
ในจิตของบุคคลใด ท่านแสดงไว้โดยอรรถอันเดียวกัน)

นิทเทสแห่งปุคคลธัมมวาร จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๓. อภิธัมมจิตตมิสสกวิเสส
๒. สุตตันตจิตตมิสสกวิเสส
[๑๑๔] อนุ. จิตมีราคะของบุคคลใดกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ จิตมีราคะ
ของบุคคลนั้นก็จักดับ ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีราคะ จิตมีราคะของบุคคลเหล่านั้น
กำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ แต่จักดับ ไม่ใช่จักเกิด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่มีราคะ
ของบุคคลนอกนี้ จิตที่มีราคะของบุคคลเหล่านั้น ฯลฯ

๓. อภิธัมมจิตตมิสสกวิเสส
[๑๑๕] อนุ. จิตที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ จิตที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็จักดับ ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่เป็นกุศลดวงสุดท้าย จิตที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ แต่จักดับ ไม่ใช่จักเกิด ในอุปปาทขณะแห่งจิต
ที่เป็นกุศลของบุคคลนอกนี้ จิตที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้น ฯลฯ
ปฏิ. จิตที่เป็นกุศลของบุคคลใด ฯลฯ
วิ. ใช่
ฯลฯ
[๑๑๖] อนุ. จิตที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ ฯลฯ
อนุ. จิตที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ ฯลฯ
(ยมก ๓ คือ มูลยมก จิตตยมก และธัมมยมก ดำเนินไปจนถึงสภาวธรรม
ที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้และที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้)

นิทเทสแห่งมิสสกวาร จบ
นิทเทสวาร จบ
จิตตยมก จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
ธัมมยมก
๑. ปัณณัตติวารอุทเทส
๑. ปทโสธนวาร
อนุโลม

[๑] สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นสภาวะที่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวธรรมที่เป็นอกุศล เป็นสภาวะที่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๑๗)

ปัจจนีกะ

[๒] สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๑๘)

๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุโลม

[๓] สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๑๙)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร

[๔] สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๒๐)
[๕] สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม (๒๑)

ปัจจนีกะ

[๖] สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๒๒)
[๗] สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๒๓)
[๘] สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม (๒๔)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๔. สุทธธัมมมูลจักกวาร
๓. สุทธธัมมวาร
อนุโลม

[๙] สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๒๕)

ปัจจนีกะ

[๑๐] สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๒๖)

๔. สุทธธัมมมูลจักกวาร
อนุโลม

[๑๑] สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๒๗)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๔. สุทธธัมมมูลจักกวาร

[๑๒] สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๒๘)
[๑๓] สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอกุศลใช่ไหม (๒๙)

ปัจจนีกะ

[๑๔] สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๓๐)
[๑๕] สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๓๑)
[๑๖] สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม (๓๒)

ปัณณัตติวารอุทเทส จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
๑. ปัณณัตติวารนิทเทส
๑. ปทโสธนวาร
อนุโลม
[๑๗] อนุ. สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นสภาวะที่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศล เป็นสภาวะที่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่

ปัจจนีกะ
[๑๘] อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่

๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุโลม
[๑๙] อนุ. สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศล แต่เป็นสภาวธรรม
อนุ. สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต แต่เป็นสภาวธรรม
[๒๐] อนุ. สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศล
ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศล แต่เป็นสภาวธรรม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุ. สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต แต่เป็น
สภาวธรรม
[๒๑] อนุ. สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศล
ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศล แต่เป็นสภาวธรรม
อนุ. สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศล แต่เป็นสภาวธรรม

ปัจจนีกะ
[๒๒] อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธธัมมวาร
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่
[๒๓] อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่
[๒๔] อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤต
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่

๓. สุทธธัมมวาร
อนุโลม
[๒๕] อนุ. สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธธัมมวาร
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศล
ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศล แต่เป็นสภาวธรรม
อนุ. สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศล แต่เป็นสภาวธรรม
อนุ. สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต แต่เป็นสภาวธรรม

ปัจจนีกะ
[๒๖] อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
วิ. เว้นสภาวะที่เป็นกุศลแล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศล
แต่เป็นสภาวธรรม เว้นสภาวะที่เป็นกุศลและสภาวธรรมแล้ว สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศลก็ใช่ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมก็ใช่
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
วิ. เว้นสภาวะที่เป็นอกุศลแล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศล
แต่เป็นสภาวธรรม เว้นสภาวะที่เป็นอกุศลและสภาวธรรมแล้ว สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลก็ใช่ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธธัมมมูลจักกวาร
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
วิ. เว้นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตแล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็น
อัพยากฤต แต่เป็นสภาวธรรม เว้นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตและสภาวธรรมแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤตก็ใช่ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมก็ใช่
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่

๔. สุทธธัมมมูลจักกวาร
อนุโลม
[๒๗] อนุ. สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศล แต่เป็นสภาวธรรม
อนุ. สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต แต่เป็นสภาวธรรม
[๒๘] อนุ. สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธธัมมมูลจักกวาร
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศล
ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศล แต่เป็นสภาวธรรม
อนุ. สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต แต่เป็น
สภาวธรรม
[๒๙] อนุ. สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศล
ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศล แต่เป็นสภาวธรรม
อนุ. สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศล แต่เป็นสภาวธรรม

ปัจจนีกะ
[๓๐] อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
วิ. เว้นสภาวะที่เป็นกุศลแล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศล
แต่เป็นสภาวธรรม เว้นสภาวะที่เป็นกุศลและสภาวธรรมแล้ว สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศลก็ใช่ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธธัมมมูลจักกวาร
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
วิ. เว้นสภาวะที่เป็นกุศลแล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศล
แต่เป็นสภาวธรรม เว้นสภาวะที่เป็นกุศลและสภาวธรรมแล้ว สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศลก็ใช่ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมก็ใช่
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่
[๓๑] อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
วิ. เว้นสภาวะที่เป็นอกุศลแล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศล
แต่เป็นสภาวธรรม เว้นสภาวะที่เป็นอกุศลและสภาวธรรมแล้ว สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลก็ใช่ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมก็ใช่
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
วิ. เว้นสภาวะที่เป็นอกุศลแล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศล
แต่เป็นสภาวธรรม เว้นสภาวะที่เป็นอกุศลและสภาวธรรมแล้ว สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลก็ใช่ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมก็ใช่
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่
[๓๒] อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
วิ. เว้นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตแล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็น
อัพยากฤต แต่เป็นสภาวธรรม เว้นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตและสภาวธรรมแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤตก็ใช่ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
วิ. เว้นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตแล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็น
อัพยากฤต แต่เป็นสภาวธรรม เว้นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตและสภาวธรรมแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤตก็ใช่ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมก็ใช่
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัณณัตติวารนิทเทส จบ

๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุโลมบุคคล
[๓๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่กำลังเกิด ใน
อุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลใน
ปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในปัญจโวการภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็
กำลังเกิด
[๓๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่กำลังเกิด
ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็กำลังเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล
ในปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใน
ปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและ
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

อนุโลมโอกาส
[๓๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
[๓๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

อนุโลมปุคคโลกาส
[๓๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่กำลัง
เกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็กำลังเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลใน
ปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลใน
ปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
และสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
[๓๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่
กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในปัญจโวการภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็
กำลังเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล
ในปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปัจจนีกบุคคล
[๓๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ
แห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลและอกุศล
บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ
แห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศลและกุศล
บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลใน
ปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่
กำลังเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลัง
เกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่ง
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๔๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล
ในปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่
กำลังเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด
บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่ง
สภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด

ปัจจนีกโอกาส
[๔๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
[๔๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๔๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด
ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลและ
อกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด
ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล
และกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศล
ในปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่
ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาท-
ขณะ แห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๔๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล
ในปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่
ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาท-
ขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด

๒. อตีตวาร
อนุโลมบุคคล
[๔๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
[๔๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

อนุโลมโอกาส
[๔๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมินั้น
ก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคยเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยเกิด
[๔๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่เคยเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็เคยเกิด

อนุโลมปุคคโลกาส
[๔๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตที่เป็นอกุศลดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็น
ไปอยู่ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่
เป็นกุศลไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุ-
โวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
[๕๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่
ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็เคยเกิด

ปัจจนีกบุคคล
[๕๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
[๕๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกโอกาส
[๕๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
[๕๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๕๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตที่เป็นอกุศลดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็น
ไปอยู่ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่เคยเกิด เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
เป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
เคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติอยู่ใน
สุทธาวาสภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๕๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
เคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติใน
สุทธาวาสภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด
และสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๓. อนาคตวาร
อนุโลมบุคคล
[๕๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น)
สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จัก
เกิด บุคคลนอกนี้ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและสภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลก็จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและสภาวธรรม
ที่เป็นกุศลก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๗๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
[๕๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็
จักเกิด

อนุโลมโอกาส
[๕๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตจักเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่จักเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตจักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๗๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
[๖๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตจักเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตจักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักเกิด

อนุโลมปุคคโลกาส
[๖๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. (ในจตุโวการภูมิ ฯลฯ ปัญจโวการภูมิ) บุคคลจักได้อรหัตตมรรคใน
ลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ใน
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๗๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคลและบุคคลผู้อุบัติอยู่
ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด
แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและ
ปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด
และสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็จักเกิด
[๖๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและ
ปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและ
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักเกิด

ปัจจนีกบุคคล
[๖๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่จักไม่เกิด
บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๗๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่เกิด
บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จัก
เกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๖๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้
พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด
และสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

ปัจจนีกโอกาส
[๖๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๗๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
[๖๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๖๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น)
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สภาวธรรมที่
เป็นกุศลมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล
และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๗๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด
แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต
สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและสภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๖๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด
แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและสภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุโลมบุคคล
[๖๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๗๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลัง
เกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด
ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
[๗๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลัง
เกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของ
บุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๗๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุโลมโอกาส
[๗๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
ฯลฯ

อนุโลมปุคคโลกาส
[๗๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๗๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
[๗๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

ปัจจนีกบุคคล
[๗๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๗๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
[๗๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกโอกาส
[๗๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
ฯลฯ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๗๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่เคยเกิด เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
สุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๘๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยเกิด
บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๗๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยเกิด
บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุโลมบุคคล
[๗๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๘๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรม
ที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลก็จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ใน
อุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้น
จักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด
ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นจักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
[๘๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๘๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่
กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

อนุโลมโอกาส
[๘๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
ฯลฯ

อนุโลมปุคคโลกาส
[๘๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นกำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนอกนี้ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลัง
เกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๘๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
[๘๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

ปัจจนีกบุคคล
[๘๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๘๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่จักไม่เกิด
ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่
ใช่จักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค
อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่
ใช่กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จัก
ไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๘๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๘๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่
จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

ปัจจนีกโอกาส
[๘๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
ฯลฯ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๘๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่ง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๘๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ใน
ภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่เกิด
บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๘๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่เกิด
บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๘๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
๖. อตีตานาคตวาร
อนุโลมบุคคล
[๘๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด และสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ก็จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๙๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่า
นั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๘๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

อนุโลมโอกาส
[๙๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
ฯลฯ

อนุโลมปุคคโลกาส
[๙๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอก
นี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคยเกิด
บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๘๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิ
และปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด
และสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยเกิด
[๙๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ใน
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นจักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๙๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปัจจนีกบุคคล
[๙๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
[๙๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด

ปัจจนีกโอกาส
[๙๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๙๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๙๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่เคยเกิด
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่เคยเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
[๙๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
อุปปาทวาร จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๙๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุโลมบุคคล
[๙๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่กำลังดับ ใน
ภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลในปวัตติ-
กาล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็น
กุศลไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในปัญจโวการภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังดับ
[๑๐๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๙๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศลใน
ปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ แต่สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในปัญจโวการภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ก็กำลังดับ

อนุโลมโอกาส
[๑๐๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิ
นั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใน
ภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลใน
ภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังดับ ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๙๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
[๑๐๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังดับ ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังดับ

อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๐๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่กำลัง
ดับ ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๙๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลใน
ปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในปัญจ-
โวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและ
สภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังดับ
[๑๐๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่กำลังดับ
ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศลใน
ปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใน
ปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ
และสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังดับ

ปัจจนีกบุคคล
[๑๐๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลและอกุศล บุคคล
ผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๙๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศลและกุศล
บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังดับ
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลใน
ปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังดับ
บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่ง
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังดับ
[๑๐๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศลใน
ปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิต

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๙๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่กำลัง
ดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่ง
สภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่กำลังดับ

ปัจจนีกโอกาส
[๑๐๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับมีไหม
วิ. ไม่มี
[๑๐๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๙๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๐๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่กำลังดับ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลและ
อกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังดับ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล
และกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังดับ
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลใน
ปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตก็ไม่ใช่กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๙๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่
ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ใน
ภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังดับ
[๑๑๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลใน
ปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ใน
อุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิ
ใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ใน
ภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่กำลังดับ

๒. อตีตวาร
อนุโลมบุคคล
[๑๑๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๐๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๑๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่

อนุโลมโอกาส
[๑๑๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิ
นั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใน
ภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๐๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลใน
ภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคยดับ ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยดับ
[๑๑๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลใน
ภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่เคยดับ ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็เคยดับ

อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๑๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตที่เป็นอกุศลดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไป
อยู่ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็น
กุศลไม่เคยดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยดับ
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๐๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคยดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิ
และปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ
และสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยดับ
[๑๑๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่เคยดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิ
และปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ
และสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็เคยดับ

ปัจจนีกบุคคล
[๑๑๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๐๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๒. อตีตวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี
[๑๑๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกโอกาส
[๑๑๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๐๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๒. อตีตวาร
[๑๒๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๒๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่ออกุศลจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลมิใช่ไม่เคยดับ เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
เคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยดับ บุคคลผู้กำลังอุบัติอยู่ใน
สุทธาวาสภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับและ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่เคยดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๐๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๒๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคย
ดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยดับ บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับและสภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่

๓. อนาคตวาร
อนุโลมบุคคล
[๑๒๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นจักดับ
แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๐๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็จักดับ
[๑๒๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในลำดับแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักดับ

อนุโลมโอกาส
[๑๒๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
ฯลฯ

อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๒๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๐๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ
แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและ
ปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและสภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคลและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ
แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและ
ปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและ
สภาวธรรมที่เป็นกุศลก็จักดับ
[๑๒๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๐๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลก็จักดับ

ปัจจนีกบุคคล
[๑๒๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ
แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่
ใช่จักดับ
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ ใน
ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๐๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
[๑๒๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะ
แห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและสภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่

ปัจจนีกโอกาส
[๑๓๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
ฯลฯ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๓๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค
อรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๑๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่
จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๓๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่

๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุโลมบุคคล
[๑๓๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๑๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังดับ ใน
ภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคย
ดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังดับ
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังดับ
ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่า
นั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังดับ
[๑๓๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่
กำลังดับ ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของ
บุคคลเหล่านั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๑๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุโลมโอกาส
[๑๓๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
ฯลฯ

อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๓๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังดับ
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๑๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
[๑๓๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังดับ

ปัจจนีกบุคคล
[๑๓๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับมีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๑๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
[๑๓๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกโอกาส
[๑๔๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
ฯลฯ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๔๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่เคยดับ เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
สุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๑๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยดับ
บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๔๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยดับ
บุคคลผู้กำลังอุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่

๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุโลมบุคคล
[๑๔๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิต
ใด (ในภังคขณะแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๑๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่
เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังดับ
ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้น
จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังดับ
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังดับ ใน
ภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้น
จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังดับ
[๑๔๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๑๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลัง
ดับ ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของ
บุคคลเหล่านั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังดับ

อนุโลมโอกาส
[๑๔๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
ฯลฯ

อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๔๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด
ในภังคขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ
แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่
เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและสภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๑๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังดับ
[๑๔๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังดับ

ปัจจนีกบุคคล
[๑๔๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๑๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่จักไม่ดับ
ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคใน
ลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่า
นั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด
ในภังคขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันต-
บุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่
ใช่กำลังดับ
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่
ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลัง
ดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๔๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาว-

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๒๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
มิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่

ปัจจนีกโอกาส
[๑๕๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
ฯลฯ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๕๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่จักไม่ดับ ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้
อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด
ในภังคขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค
อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิต
นั้น บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๒๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ ใน
ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๕๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ ใน
ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่

๖. อตีตานาคตวาร
อนุโลมบุคคล
[๑๕๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๒๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคลเหล่านั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคย
ดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลเหล่านั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๕๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้น
เคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่

อนุโลมโอกาส
[๑๕๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๒๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๕๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้
ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคย
ดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยดับ
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่
ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยดับ และสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคยดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิ
และปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ
และสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๒๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
[๑๕๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติ
อยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่เคยดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการ-
ภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจัก
ดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็เคยดับ

ปัจจนีกบุคคล
[๑๕๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๒๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
[๑๕๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ

ปัจจนีกโอกาส
[๑๖๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
ฯลฯ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๖๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิ
ใช่จักไม่ดับ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่เคยดับ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
ใช่จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่เคยดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๒๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
[๑๖๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
นิโรธวาร จบ

๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุโลมบุคคล
[๑๖๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๒๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
[๑๖๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

อนุโลมโอกาส
[๑๖๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๒๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
[๑๖๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมิ
นั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๖๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๒๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
[๑๖๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

ปัจจนีกบุคคล
[๑๖๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศล ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล บุคคลผู้เข้า
นิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศล บุคคลผู้เข้า
นิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๓๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลใน
ปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลและอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่
กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้ง
หมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลในปวัตติกาล ในภังคขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลและอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๑๗๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่
ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล
ในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลและอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่
กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด
บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศลในปวัตติกาล
ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลและอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๓๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
[๑๗๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
[๑๗๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๗๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่กำลังดับ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศล ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๓๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด
ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศล
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
มิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจาก
กุศลในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลและอกุศลในอรูปภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด
บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลในปวัตติกาล ใน
ภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลและอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๑๗๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๓๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๒. อตีตวาร
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตมิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศลในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลและอกุศลในอรูปภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่กำลัง
เกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศลใน
ปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลและอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด

๒. อตีตวาร
อนุโลมบุคคล
[๑๗๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๓๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๗๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

อนุโลมโอกาส
[๑๗๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมินั้น
ก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใน
ภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคยเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๓๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๒. อตีตวาร
[๑๗๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่เคยเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็เคยเกิด

อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๗๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตที่เป็นอกุศลดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคลผู้
อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๓๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๒. อตีตวาร
เคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิ
และปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ
และสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยเกิด
[๑๘๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ใน
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็เคยเกิด

ปัจจนีกบุคคล
[๑๘๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๓๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
[๑๘๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกโอกาส
[๑๘๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
[๑๘๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๓๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๘๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตที่เป็นอกุศลดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็น
ไปอยู่ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่เคยดับ บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและ
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยดับ บุคคลผู้กำลังอุบัติใน
สุทธาวาสภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๓๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
[๑๘๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยดับ บุคคลผู้กำลังอุบัติใน
สุทธาวาสภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๓. อนาคตวาร
อนุโลมบุคคล
[๑๘๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ
บุคคลนอกนี้ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๔๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่จักเกิด บุคคล
นอกนี้ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็น
กุศลก็จักเกิด
[๑๘๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค และอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็
จักเกิด

อนุโลมโอกาส
[๑๘๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมินั้น
ก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใน
ภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๔๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตจักดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่จักเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตจักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็จักเกิด
[๑๙๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตจักดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตจักดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักเกิด

อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๙๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่
จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๔๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้
อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิ
และปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ
และสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็จักเกิด
[๑๙๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค และอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลก็จักเกิด

ปัจจนีกบุคคล
[๑๙๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๔๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่จักไม่
เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ
ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๙๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค และอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะ
แห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและสภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

ปัจจนีกโอกาส
[๑๙๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๔๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
[๑๙๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๙๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่
จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคลและบุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จัก
ดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๔๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคลและบุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด
แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็
ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๙๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค และอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุโลมบุคคล
[๑๙๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๔๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด
ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่า
นั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด
ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
[๒๐๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่
กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลเหล่านั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๔๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุโลมโอกาส
[๒๐๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
ฯลฯ

อนุโลมปุคคโลกาส
[๒๐๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๔๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
[๒๐๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ใน
อุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

ปัจจนีกบุคคล
[๒๐๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๔๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
[๒๐๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกโอกาส
[๒๐๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
ฯลฯ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๒๐๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่เคยดับ เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติในสุทธา-
วาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๕๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยดับ บุคคล
ผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๒๐๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยดับ
บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุโลมบุคคล
[๒๐๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด
แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนอกนี้ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสภาวธรรมที่
เป็นอกุศลก็จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๕๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด
ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่า
นั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด
ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
[๒๑๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่
กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลเหล่านั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๕๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุโลมโอกาส
[๒๑๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
ฯลฯ

อนุโลมปุคคโลกาส
[๒๑๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นกำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ ในอุปปาทขณะแห่งสภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลนอกนี้ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๕๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
เหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิดในอุปปาทขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
[๒๑๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

ปัจจนีกบุคคล
[๒๑๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่จักไม่ดับ
ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิต
ใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด
และสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๕๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่
ใช่จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค
อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่
กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่
ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๒๑๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
มิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๕๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปัจจนีกโอกาส
[๒๑๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
ฯลฯ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๒๑๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตต-
มรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่ง
จิตนั้น บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๕๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ ในภังค-
ขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๒๑๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ ใน
ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๖. อตีตานาคตวาร
อนุโลมบุคคล
[๒๑๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค และอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้
สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๕๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด
แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๒๒๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้น
เคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

อนุโลมโอกาส
[๒๒๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๕๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุโลมปุคคโลกาส
[๒๒๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค และอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคล
นอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคยเกิด
บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่
ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ใน
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๕๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
[๒๒๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่
ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ใน
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็เคยเกิด

ปัจจนีกบุคคล
[๒๒๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๖๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
[๒๒๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด

ปัจจนีกโอกาส
[๒๒๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
ฯลฯ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๒๒๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
มิใช่จักไม่ดับ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค และอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่เคยเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๖๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๓. ภาวนาวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
[๒๒๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
อุปปาทนิโรธวาร จบ
ปวัตติวาร จบ

๓. ภาวนาวาร
[๒๒๙] อนุ. บุคคลใดกำลังเจริญสภาวธรรมที่เป็นกุศล บุคคลนั้นก็กำลังละ
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดกำลังละสภาวธรรมที่เป็นอกุศล บุคคลนั้นก็กำลังเจริญสภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังเจริญสภาวธรรมที่เป็นกุศล บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
ละสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังละสภาวธรรมที่เป็นอกุศล บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เจริญสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
ภาวนาวาร จบ
ธัมมยมก จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๖๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๑. ปทโสธนวาร
อินทรียยมก
๑. ปัณณัตติวารอุทเทส
[๑] อินทรีย์ ๒๒ คือ

๑. จักขุนทรีย์ ๒. โสตินทรีย์
๓. ฆานินทรีย์ ๔. ชิวหินทรีย์
๕. กายินทรีย์ ๖. มนินทรีย์
๗. อิตถินทรีย์ ๘. ปุริสินทรีย์
๙. ชีวิตินทรีย์ ๑๐. สุขินทรีย์
๑๑. ทุกขินทรีย์ ๑๒. โสมนัสสินทรีย์
๑๓. โทมนัสสินทรีย์ ๑๔. อุเปกขินทรีย์
๑๕. สัทธินทรีย์ ๑๖. วิริยินทรีย์
๑๗. สตินทรีย์ ๑๘. สมาธินทรีย์
๑๙. ปัญญินทรีย์ ๒๐. อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
๒๑. อัญญินทรีย์ ๒๒. อัญญาตาวินทรีย์

๑. ปทโสธนวาร
อนุโลม

[๒] จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม จักขุนทรีย์ เป็นจักขุใช่ไหม
โสตะ เป็นโสตินทรีย์ใช่ไหม โสตินทรีย์ เป็นโสตะใช่ไหม
ฆานะ เป็นฆานินทรีย์ใช่ไหม ฆานินทรีย์ เป็นฆานะใช่ไหม
ชิวหา เป็นชิวหินทรีย์ใช่ไหม ชิวหินทรีย์ เป็นชิวหาใช่ไหม
กาย เป็นกายินทรีย์ใช่ไหม กายินทรีย์ เป็นกายใช่ไหม
มโน เป็นมนินทรีย์ใช่ไหม มนินทรีย์ เป็นมโนใช่ไหม
อิตถี เป็นอิตถินทรีย์ใช่ไหม อิตถินทรีย์ เป็นอิตถีใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๖๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๑. ปทโสธนวาร

ปุริสะ เป็นปุริสินทรีย์ใช่ไหม ปุริสินทรีย์ เป็นปุริสะใช่ไหม
ชีวิต เป็นชีวิตินทรีย์ใช่ไหม ชีวิตินทรีย์ เป็นชีวิตใช่ไหม
สุข เป็นสุขินทรีย์ใช่ไหม สุขินทรีย์ เป็นสุขใช่ไหม
ทุกข์ เป็นทุกขินทรีย์ใช่ไหม ทุกขินทรีย์ เป็นทุกข์ใช่ไหม
โสมนัส เป็นโสมนัสสินทรีย์ใช่ไหม โสมนัสสินทรีย์ เป็นโสมนัสใช่ไหม
โทมนัส เป็นโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม โทมนัสสินทรีย์ เป็นโทมนัสใช่ไหม
อุเบกขา เป็นอุเปกขินทรีย์ใช่ไหม อุเปกขินทรีย์ เป็นอุเบกขาใช่ไหม
สัทธา เป็นสัทธินทรีย์ใช่ไหม สัทธินทรีย์ เป็นสัทธาใช่ไหม
วิริยะ เป็นวิริยินทรีย์ใช่ไหม วิริยินทรีย์ เป็นวิริยะใช่ไหม
สติ เป็นสตินทรีย์ใช่ไหม สตินทรีย์ เป็นสติใช่ไหม
สมาธิ เป็นสมาธินทรีย์ใช่ไหม สมาธินทรีย์ เป็นสมาธิใช่ไหม
ปัญญา เป็นปัญญินทรีย์ใช่ไหม ปัญญินทรีย์ เป็นปัญญาใช่ไหม

อนัญญาตัญญัสสามีติ เป็นอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ เป็นอนัญญาตัญญัสสามีติใช่ไหม
อัญญะ เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม อัญญินทรีย์ เป็นอัญญะใช่ไหม
อัญญาตาวี เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอัญญาตาวีใช่ไหม (๙๔)

ปัจจนีกะ

[๓] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ ไม่เป็นจักขุใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตะ ไม่เป็นโสตินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตินทรีย์ ไม่เป็นโสตะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานะ ไม่เป็นฆานินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานินทรีย์ ไม่เป็นฆานะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นชิวหา ไม่เป็นชิวหินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นชิวหินทรีย์ ไม่เป็นชิวหาใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๖๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๑. ปทโสธนวาร

สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นกายินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกายินทรีย์ ไม่เป็นกายใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมโน ไม่เป็นมนินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมนินทรีย์ ไม่เป็นมโนใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอิตถี ไม่เป็นอิตถินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอิตถินทรีย์ ไม่เป็นอิตถีใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นปุริสะ ไม่เป็นปุริสินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นปุริสินทรีย์ ไม่เป็นปุริสะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นชีวิต ไม่เป็นชีวิตินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นชีวิตินทรีย์ ไม่เป็นชีวิตใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสุข ไม่เป็นสุขินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสุขินทรีย์ ไม่เป็นสุขใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นทุกขินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกขินทรีย์ ไม่เป็นทุกข์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสมนัส ไม่เป็นโสมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสมนัสสินทรีย์ ไม่เป็นโสมนัสใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นโทมนัส ไม่เป็นโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นโทมนัสสินทรีย์ ไม่เป็นโทมนัสใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอุเบกขา ไม่เป็นอุเปกขินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอุเปกขินทรีย์ ไม่เป็นอุเบกขาใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัทธา ไม่เป็นสัทธินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัทธินทรีย์ ไม่เป็นสัทธาใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิริยะ ไม่เป็นวิริยินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิริยินทรีย์ ไม่เป็นวิริยะใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๖๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร

สภาวธรรมที่ไม่เป็นสติ ไม่เป็นสตินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสตินทรีย์ ไม่เป็นสติใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมาธิ ไม่เป็นสมาธินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมาธินทรีย์ ไม่เป็นสมาธิใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นปัญญา ไม่เป็นปัญญินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นปัญญินทรีย์ ไม่เป็นปัญญาใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอนัญญาตัญ- ไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
ญัสสามีติ ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอนัญญาตัญ- ไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามีติใช่ไหม
ญัสสามีตินทรีย์
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญะ ไม่เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญินทรีย์ ไม่เป็นอัญญะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญาตาวี ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวีใช่ไหม (๙๕)

๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุโลม

[๔] จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นโสตินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นฆานินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นชิวหินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นกายินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นมนินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอิตถินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นปุริสินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นชีวิตินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นสุขินทรีย์ใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๖๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร

จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นทุกขินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นโสมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอุเปกขินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นสัทธินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นวิริยินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นสตินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นสมาธินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นปัญญินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอนัญญาตัญญัสสามี-
ตินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม

(๙๖)
[๕] โสตะ เป็นโสตินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
โสตะ เป็นโสตินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๙๗)
[๖] ฆานะ เป็นฆานินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
ฆานะ เป็นฆานินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๙๘)
[๗] ชิวหา เป็นชิวหินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
ชิวหา เป็นชิวหินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๙๙)
[๘] กาย เป็นกายินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
กาย เป็นกายินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๐๐)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๖๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร

[๙] มโน เป็นมนินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
มโน เป็นมนินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๐๑)
[๑๐] อิตถี เป็นอิตถินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อิตถี เป็นอิตถินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๐๒)
[๑๑] ปุริสะ เป็นปุริสินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
ปุริสะ เป็นปุริสินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๐๓)
[๑๒] ชีวิต เป็นชีวิตินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
ชีวิต เป็นชีวิตินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๐๔)
[๑๓] สุข เป็นสุขินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สุข เป็นสุขินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๐๕)
[๑๔] ทุกข์ เป็นทุกขินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
ทุกข์ เป็นทุกขินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๐๖)

[๑๕] โสมนัส เป็นโสมนัสสินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
โสมนัส เป็นโสมนัสสินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๐๗)
[๑๖] โทมนัส เป็นโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
โทมนัส เป็นโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๐๘)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๖๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร

[๑๗] อุเบกขา เป็นอุเปกขินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อุเบกขา เป็นอุเปกขินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๐๙)
[๑๘] สัทธา เป็นสัทธินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สัทธา เป็นสัทธินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๑๐)
[๑๙] วิริยะ เป็นวิริยินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
วิริยะ เป็นวิริยินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๑๑)
[๒๐] สติ เป็นสตินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สติ เป็นสตินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๑๒)
[๒๑] สมาธิ เป็นสมาธินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สมาธิ ป็นสมาธินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๑๓)
[๒๒] ปัญญา เป็นปัญญินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
ปัญญา เป็นปัญญินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๑๔)

[๒๓] อนัญญาตัญญัสสามีติ เป็นอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม

ฯลฯ
อนัญญาตัญญัสสามีติ เป็นอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๑๕)


[๒๔] อัญญะ เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อัญญะ เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๑๖)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๖๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
[๒๕] อัญญาตาวี เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อัญญาตาวี เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม (๑๑๗)

ปัจจนีกะ

[๒๖] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นโสตินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นฆานินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นชิวหินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นกายินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นมนินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอิตถินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นปุริสินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นชีวิตินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นสุขินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นทุกขินทรีย์ใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๗๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร

สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นโสมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอุเปกขินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นสัทธินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นวิริยินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นสตินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นสมาธินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นปัญญินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๑๘)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๗๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร

[๒๗] สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตะ ไม่เป็นโสตินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๑๙)
[๒๘] สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานะ ไม่เป็นฆานินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๒๐)
[๒๙] สภาวธรรมที่ไม่เป็นชิวหา ไม่เป็นชิวหินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๒๑)
[๓๐] สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นกายินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๒๒)
[๓๑] สภาวธรรมที่ไม่เป็นมโน ไม่เป็นมนินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๒๓)
[๓๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นอิตถี ไม่เป็นอิตถินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๒๔)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๗๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร

[๓๓] สภาวธรรมที่ไม่เป็นปุริสะ ไม่เป็นปุริสินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๒๕)
[๓๔] สภาวธรรมที่ไม่เป็นชีวิต ไม่เป็นชีวิตินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๒๖)
[๓๕] สภาวธรรมที่ไม่เป็นสุข ไม่เป็นสุขินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๒๗)
[๓๖] สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นทุกขินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๒๘)
[๓๗] สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสมนัส ไม่เป็นโสมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๒๙)
[๓๘] สภาวธรรมที่ไม่เป็นโทมนัส ไม่เป็นโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๓๐)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๗๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร

[๓๙] สภาวธรรมที่ไม่เป็นอุเบกขา ไม่เป็นอุเปกขินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๓๑)
[๔๐] สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัทธา ไม่เป็นสัทธินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๓๒)
[๔๑] สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิริยะ ไม่เป็นวิริยินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๓๓)
[๔๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นสติ ไม่เป็นสตินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๓๔)
[๔๓] สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมาธิ ไม่เป็นสมาธินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๓๕)
[๔๔] สภาวธรรมที่ไม่เป็นปัญญา ไม่เป็นปัญญินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๓๖)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๗๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๓. สุทธินทรียวาร

[๔๕] สภาวธรรมที่ไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามีติ ไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามี-
ตินทรีย์ใช่ไหม


สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๓๗)
[๔๖] สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญะ ไม่เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๓๘)
[๔๗] สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญาตาวี ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม (๑๓๙)

๓. สุทธินทรียวาร
อนุโลม

[๔๘] จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
โสตะ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นโสตินทรีย์ใช่ไหม
ฆานะ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นฆานินทรีย์ใช่ไหม
ชิวหา เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นชิวหินทรีย์ใช่ไหม
กาย เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นกายินทรีย์ใช่ไหม
มโน เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นมนินทรีย์ใช่ไหม
อิตถี เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอิตถินทรีย์ใช่ไหม
ปุริสะ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นปุริสินทรีย์ใช่ไหม
ชีวิต เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นชีวิตินทรีย์ใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๗๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๓. สุทธินทรียวาร

สุข เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นสุขินทรีย์ใช่ไหม
ทุกข์ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นทุกขินทรีย์ใช่ไหม
โสมนัส เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นโสมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
โทมนัส เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
อุเบกขา เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอุเปกขินทรีย์ใช่ไหม
สัทธา เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นสัทธินทรีย์ใช่ไหม
วิริยะ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นวิริยินทรีย์ใช่ไหม
สติ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นสตินทรีย์ใช่ไหม
สมาธิ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นสมาธินทรีย์ใช่ไหม
ปัญญา เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นปัญญินทรีย์ใช่ไหม

อนัญญาตัญญัสสามีติ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
อินทรีย์ เป็นอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
อัญญะ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม
อัญญาตาวี เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๔๐)

ปัจจนีกะ

[๔๙] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นโสตินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นฆานินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นชิวหา ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นชิวหินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๗๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๓. สุทธินทรียวาร

สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นกายินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมโน ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นมนินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอิตถี ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอิตถินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นปุริสะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นปุริสินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นชีวิต ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นชีวิตินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสุข ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นสุขินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นทุกขินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสมนัส ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นโสมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นโทมนัส ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอุเบกขา ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอุเปกขินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัทธา ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นสัทธินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิริยะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นวิริยินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสติ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นสตินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมาธิ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๗๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร

สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นสมาธินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นปัญญา ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นปัญญินทรีย์ใช่ไหม

สภาวธรรมที่ไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามีติ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม

สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญาตาวี ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๔๑)

๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
อนุโลม

[๕๐] จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นโสตินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นฆานินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นชิวหินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นกายินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นมนินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอิตถินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นปุริสินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นชีวิตินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นสุขินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นทุกขินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นโสมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอุเปกขินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นสัทธินทรีย์ใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๗๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร

จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นวิริยินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นสตินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นสมาธินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นปัญญินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม
จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๔๒)

[๕๑] โสตะ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๔๓)
[๕๒] ฆานะ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม(๑๔๔)
[๕๓] ชิวหา เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๔๕)
[๕๔] กาย เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๔๖)
[๕๕] มโน เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๔๗)
[๕๖] อิตถี เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๔๘)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๗๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
[๕๗] ปุริสะ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๔๙)
[๕๘] ชีวิต เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๕๐)
[๕๙] สุข เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๕๑)
[๖๐] ทุกข์ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๕๒)
[๖๑] โสมนัส เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๕๓)
[๖๒] โทมนัส เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๕๔)
[๖๓] อุเบกขา เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๕๕)
[๖๔] สัทธา เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๕๖)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๘๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
[๖๕] วิริยะ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๕๗)
[๖๖] สติ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๕๘)
[๖๗] สมาธิ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๕๙)
[๖๘] ปัญญา เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๖๐)
[๖๙] อนัญญาตัญญัสสามีติ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๖๑)
[๗๐] อัญญะ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๖๒)
[๗๑] อัญญาตาวี เป็นอินทรีย์ใช่ไหม อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
อินทรีย์ เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม (๑๖๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๘๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
ปัจจนีกะ

[๗๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นโสตินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นฆานินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นชิวหินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นกายินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นมนินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอิตถินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นปุริสินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นชีวิตินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นสุขินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นทุกขินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นโสมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๘๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร

สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอุเปกขินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นสัทธินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นวิริยินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นสตินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นสมาธินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นปัญญินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๖๔)
[๗๓] สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๖๕)
[๗๔] สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๖๖)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๘๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร

[๗๕] สภาวธรรมที่ไม่เป็นชิวหา ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๖๗)
[๗๖] สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๖๘)
[๗๗] สภาวธรรมที่ไม่เป็นมโน ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๖๙)
[๗๘] สภาวธรรมที่ไม่เป็นอิตถี ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๗๐)
[๗๙] สภาวธรรมที่ไม่เป็นปุริสะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๗๑)
[๘๐] สภาวธรรมที่ไม่เป็นชีวิต ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๗๒)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๘๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร

[๘๑] สภาวธรรมที่ไม่เป็นสุข ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๗๓)
[๘๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๗๔)
[๘๓] สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสมนัส ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๗๕)
[๘๔] สภาวธรรมที่ไม่เป็นโทมนัส ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๗๖)
[๘๕] สภาวธรรมที่ไม่เป็นอุเบกขา ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๗๗)
[๘๖] สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัทธา ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๗๘)
[๘๗] สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิริยะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๗๙)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๘๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร

[๘๘] สภาวธรรมที่ไม่เป็นสติ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๘๐)
[๘๙] สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมาธิ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๘๑)
[๙๐] สภาวธรรมที่ไม่เป็นปัญญา ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๘๒)

[๙๑] สภาวธรรมที่ไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามีติ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม

สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๘๓)
[๙๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม (๑๘๔)
[๙๓] สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญาตาวี ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม (๑๘๕)

ปัณณัตติวารอุทเทส จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๘๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
๑. ปัณณัตติวารนิทเทส
๑. ปทโสธนวาร
อนุโลม
[๙๔] อนุ. จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ จักขุนทรีย์
เป็นจักขุก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. จักขุนทรีย์ เป็นจักขุใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. โสตะ เป็นโสตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพโสตะ ตัณหาโสตะ เป็นโสตะ แต่ไม่เป็นโสตินทรีย์ โสตินทรีย์
เป็นโสตะก็ใช่ เป็นโสตินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. โสตินทรีย์ เป็นโสตะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานะ เป็นฆานินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ฆานินทรีย์ เป็นฆานะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ชิวหา เป็นชิวหินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชิวหินทรีย์ เป็นชิวหาใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. กาย เป็นกายินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นกายินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นกาย แต่ไม่เป็นกายินทรีย์
กายินทรีย์ เป็นกายก็ใช่ เป็นกายินทรีย์ก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๘๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
ปฏิ. กายินทรีย์ เป็นกายใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. มโน เป็นมนินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ เป็นมโนใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. อิตถี เป็นอิตถินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. อิตถินทรีย์ เป็นอิตถีใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. ปุริสะ เป็นปุริสินทรีย์ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ เป็นปุริสะใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. ชีวิต เป็นชีวิตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ เป็นชีวิตใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สุข เป็นสุขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สุขินทรีย์ เป็นสุขใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ทุกข์ เป็นทุกขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๘๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
ปฏิ. ทุกขินทรีย์ เป็นทุกข์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. โสมนัส เป็นโสมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ เป็นโสมนัสใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. โทมนัส เป็นโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โทมนัสสินทรีย์ เป็นโทมนัสใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. อุเบกขา เป็นอุเปกขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นอุเปกขินทรีย์แล้ว อุเบกขาที่เหลือเป็นอุเบกขา แต่ไม่เป็นอุเปกขินทรีย์
อุเปกขินทรีย์ เป็นอุเบกขาก็ใช่ เป็นอุเปกขินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ เป็นอุเบกขาใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สัทธา เป็นสัทธินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัทธินทรีย์ เป็นสัทธาใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. วิริยะ เป็นวิริยินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. วิริยินทรีย์ เป็นวิริยะใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๘๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
อนุ. สติ เป็นสตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สตินทรีย์ เป็นสติใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สมาธิ เป็นสมาธินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมาธินทรีย์ เป็นสมาธิใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ปัญญา เป็นปัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ เป็นปัญญาใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. อนัญญาตัญญัสสามีติ เป็นอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ เป็นอนัญญาตัญญัสสามีติใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. อัญญะ เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อัญญินทรีย์ เป็นอัญญะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. อัญญาตาวี เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอัญญาตาวีใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๙๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
ปัจจนีกะ
[๙๕] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ ไม่เป็นจักขุใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ แต่เป็นจักขุ เว้นจักขุและ
จักขุนทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจักขุก็ใช่ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตะ ไม่เป็นโสตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตินทรีย์ ไม่เป็นโสตะใช่ไหม
วิ. ทิพพโสตะ ตัณหาโสตะ ไม่เป็นโสตินทรีย์ แต่เป็นโสตะ เว้นโสตะและ
โสตินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นโสตะก็ใช่ ไม่เป็นโสตินทรีย์ก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานะ ไม่เป็นฆานินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานินทรีย์ ไม่เป็นฆานะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นชิวหา ไม่เป็นชิวหินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นชิวหินทรีย์ ไม่เป็นชิวหาใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นกายินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกายินทรีย์ ไม่เป็นกายใช่ไหม
วิ. เว้นกายินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นกายินทรีย์ แต่เป็นกาย
เว้นกายและกายินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นกายก็ใช่ ไม่เป็นกายินทรีย์ก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๙๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมโน ไม่เป็นมนินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมนินทรีย์ ไม่เป็นมโนใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอิตถี ไม่เป็นอิตถินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อิตถินทรีย์ ไม่เป็นอิตถี แต่เป็นอิตถินทรีย์ เว้นอิตถีและอิตถินทรีย์แล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นอิตถีก็ใช่ ไม่เป็นอิตถินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอิตถินทรีย์ ไม่เป็นอิตถีใช่ไหม
วิ. อิตถี ไม่เป็นอิตถินทรีย์ แต่เป็นอิตถี เว้นอิตถีและอิตถินทรีย์แล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นอิตถีก็ใช่ ไม่เป็นอิตถินทรีย์ก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นปุริสะ ไม่เป็นปุริสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ปุริสินทรีย์ ไม่เป็นปุริสะ แต่เป็นปุริสินทรีย์ เว้นปุริสะและปุริสินทรีย์แล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นปุริสะก็ใช่ ไม่เป็นปุริสินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นปุริสินทรีย์ ไม่เป็นปุริสะใช่ไหม
วิ. ปุริสะ ไม่เป็นปุริสินทรีย์ แต่เป็นปุริสะ เว้นปุริสะและปุริสินทรีย์แล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นปุริสะก็ใช่ ไม่เป็นปุริสินทรีย์ก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นชีวิต ไม่เป็นชีวิตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นชีวิตินทรีย์ ไม่เป็นชีวิตใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสุข ไม่เป็นสุขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสุขินทรีย์ ไม่เป็นสุขใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๙๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นทุกขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกขินทรีย์ ไม่เป็นทุกข์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสมนัส ไม่เป็นโสมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสมนัสสินทรีย์ ไม่เป็นโสมนัสใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโทมนัส ไม่เป็นโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโทมนัสสินทรีย์ ไม่เป็นโทมนัสใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอุเบกขา ไม่เป็นอุเปกขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอุเปกขินทรีย์ ไม่เป็นอุเบกขาใช่ไหม
วิ. เว้นอุเปกขินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นอุเปกขินทรีย์ แต่เป็น
อุเบกขา เว้นอุเบกขาและอุเปกขินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นอุเบกขาก็ใช่
ไม่เป็นอุเปกขินทรีย์ก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัทธา ไม่เป็นสัทธินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัทธินทรีย์ ไม่เป็นสัทธาใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิริยะ ไม่เป็นวิริยินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๙๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิริยินทรีย์ ไม่เป็นวิริยะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสติ ไม่เป็นสตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสตินทรีย์ ไม่เป็นสติใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมาธิ ไม่เป็นสมาธินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมาธินทรีย์ ไม่เป็นสมาธิใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นปัญญา ไม่เป็นปัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นปัญญินทรีย์ ไม่เป็นปัญญาใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามีติ ไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามี-
ตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ ไม่เป็นอนัญญาตัญ-
ญัสสามีติใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญะ ไม่เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญินทรีย์ ไม่เป็นอัญญะใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๙๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญาตาวี ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวีใช่ไหม
วิ. ใช่

๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุโลม
[๙๖] อนุ. จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ จักขุนทรีย์
เป็นจักขุก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นโสตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. โสตินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นโสตินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นโสตินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ จักขุนทรีย์
เป็นจักขุก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นฆานินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ฆานินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นฆานินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นฆานินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ จักขุนทรีย์
เป็นจักขุก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นชิวหินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ชิวหินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นชิวหินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นชิวหินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๙๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุ. จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ จักขุนทรีย์
เป็นจักขุก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นกายินทรีย์ใช่ไหม
วิ. กายินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นกายินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นกายินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ จักขุนทรีย์
เป็นจักขุก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นมนินทรีย์ใช่ไหม
วิ. มนินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นมนินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นมนินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ จักขุนทรีย์
เป็นจักขุก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอิตถินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อิตถินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอิตถินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นอิตถินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ จักขุนทรีย์
เป็นจักขุก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นปุริสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ปุริสินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นปุริสินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นปุริสินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๙๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุ. จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ จักขุนทรีย์
เป็นจักขุก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นชีวิตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ชีวิตินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นชีวิตินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นชีวิตินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ จักขุนทรีย์
เป็นจักขุก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นสุขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. สุขินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นสุขินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็นอินทรีย์
แต่ไม่เป็นสุขินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ จักขุนทรีย์
เป็นจักขุก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นทุกขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทุกขินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นทุกขินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นทุกขินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ จักขุนทรีย์
เป็นจักขุก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นโสมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. โสมนัสสินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นโสมนัสสินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่
เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นโสมนัสสินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๙๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุ. จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ จักขุนทรีย์
เป็นจักขุก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. โทมนัสสินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นโทมนัสสินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่
เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นโทมนัสสินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ จักขุนทรีย์เป็น
จักขุก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอุเปกขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อุเปกขินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอุเปกขินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นอุเปกขินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ จักขุนทรีย์
เป็นจักขุก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นสัทธินทรีย์ใช่ไหม
วิ. สัทธินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นสัทธินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นสัทธินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ จักขุนทรีย์เป็น
จักขุก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นวิริยินทรีย์ใช่ไหม
วิ. วิริยินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นวิริยินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นวิริยินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๙๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุ. จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ จักขุนทรีย์เป็น
จักขุก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นสตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. สตินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นสตินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นสตินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ จักขุนทรีย์เป็น
จักขุก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นสมาธินทรีย์ใช่ไหม
วิ. สมาธินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นสมาธินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นสมาธินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ จักขุนทรีย์เป็น
จักขุก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นปัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ปัญญินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นปัญญินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นปัญญินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ จักขุนทรีย์เป็น
จักขุก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอนัญญาตัญญัสสามี-
ตินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๙๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุ. จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ จักขุนทรีย์เป็น
จักขุก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ จักขุนทรีย์เป็น
จักขุก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์
ที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์
[๙๗] อนุ. โสตะ เป็นโสตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพโสตะ ตัณหาโสตะ เป็นโสตะ แต่ไม่เป็นโสตินทรีย์ โสตินทรีย์เป็น
โสตะก็ใช่ เป็นโสตินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. จักขุนทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์
ฯลฯ
อนุ. โสตะ เป็นโสตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทิพพโสตะ ตัณหาโสตะ เป็นโสตะ แต่ไม่เป็นโสตินทรีย์ โสตินทรีย์
เป็นโสตะก็ใช่ เป็นโสตินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์
ที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๐๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
[๙๘] อนุ. ฆานะ เป็นฆานินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. จักขุนทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์
ฯลฯ
อนุ. ฆานะ เป็นฆานินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์
ที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์
[๙๙] อนุ. ชิวหา เป็นชิวหินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. จักขุนทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์
ฯลฯ
อนุ. ชิวหา เป็นชิวหินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์
ที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์
[๑๐๐] อนุ. กาย เป็นกายินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นกายินทรีย์แล้ว กายที่เหลือเป็นกาย แต่ไม่เป็นกายินทรีย์ กายินทรีย์
เป็นกายก็ใช่ เป็นกายินทรีย์ก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๐๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. จักขุนทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์
ฯลฯ
อนุ. กาย เป็นกายินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นกายินทรีย์แล้ว กายที่เหลือเป็นกาย แต่ไม่เป็นกายินทรีย์ กายินทรีย์
เป็นกายก็ใช่ เป็นกายินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์
ที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์
[๑๐๑] อนุ. มโน เป็นมนินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. จักขุนทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์
ฯลฯ
อนุ. มโน เป็นมนินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์
ที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์
[๑๐๒] อนุ. อิตถี เป็นอิตถินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๐๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
วิ. จักขุนทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์
ฯลฯ
อนุ. อิตถี เป็นอิตถินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์
ที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์
[๑๐๓] อนุ. ปุริสะ เป็นปุริสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. จักขุนทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์
ฯลฯ
อนุ. ปุริสะ เป็นปุริสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์
ที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์
[๑๐๔] อนุ. ชีวิต เป็นชีวิตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. จักขุนทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๐๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุ. ชีวิต เป็นชีวิตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์
ที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์
[๑๐๕] อนุ. สุข เป็นสุขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
[๑๐๖] อนุ. ทุกข์ เป็นทุกขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
[๑๐๗] อนุ. โสมนัส เป็นโสมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
[๑๐๘] อนุ. โทมนัส เป็นโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
[๑๐๙] อนุ. อุเบกขา เป็นอุเปกขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นอุเปกขินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นอุเบกขา แต่ไม่เป็น
อุเปกขินทรีย์ อุเปกขินทรีย์ เป็นอุเบกขาก็ใช่ เป็นอุเปกขินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. จักขุนทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๐๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุ. อุเบกขา เป็นอุเปกขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นอุเปกขินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นอุเบกขา แต่ไม่เป็น
อุเปกขินทรีย์ อุเปกขินทรีย์ เป็นอุเบกขาก็ใช่ เป็นอุเปกขินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์
ที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์
[๑๑๐] อนุ. สัทธา เป็นสัทธินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
[๑๑๑] อนุ. วิริยะ เป็นวิริยินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
[๑๑๒] อนุ. สติ เป็นสตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
[๑๑๓] อนุ. สมาธิ เป็นสมาธินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
[๑๑๔] อนุ. ปัญญา เป็นปัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
[๑๑๕] อนุ. อนัญญาตัญญัสสามีติ เป็นอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๐๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
[๑๑๖] อนุ. อัญญะ เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
[๑๑๗] อนุ. อัญญาตาวี เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. จักขุนทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์
ฯลฯ
อนุ. อัญญาตาวี เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญินทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่
เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญินทรีย์

ปัจจนีกะ
[๑๑๘] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นโสตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นฆานินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๐๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นชิวหินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นกายินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นมนินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอิตถินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นปุริสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นชีวิตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๐๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นสุขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นทุกขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นโสมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอุเปกขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นสัทธินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๐๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นวิริยินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นสตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นสมาธินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นปัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๐๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๑๙] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตะ ไม่เป็นโสตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตะ ไม่เป็นโสตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๒๐] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานะ ไม่เป็นฆานินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานะ ไม่เป็นฆานินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๒๑] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นชิวหา ไม่เป็นชิวหินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๑๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นชิวหา ไม่เป็นชิวหินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๒๒] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นกายินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นกายินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๒๓] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมโน ไม่เป็นมนินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมโน ไม่เป็นมนินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๑๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๒๔] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอิตถี ไม่เป็นอิตถินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อิตถินทรีย์ ไม่เป็นอิตถี แต่เป็นอิตถินทรีย์ เว้นอิตถีและอิตถินทรีย์แล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นอิตถีก็ใช่ ไม่เป็นอิตถินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอิตถี ไม่เป็นอิตถินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อิตถินทรีย์ ไม่เป็นอิตถี แต่เป็นอิตถินทรีย์ เว้นอิตถีและอิตถินทรีย์แล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นอิตถีก็ใช่ ไม่เป็นอิตถินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๒๕] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นปุริสะ ไม่เป็นปุริสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ปุริสินทรีย์ ไม่เป็นปุริสะ แต่เป็นปุริสินทรีย์ เว้นปุริสะและปุริสินทรีย์แล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นปุริสะก็ใช่ ไม่เป็นปุริสินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นปุริสะ ไม่เป็นปุริสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ปุริสินทรีย์ ไม่เป็นปุริสะ แต่เป็นปุริสินทรีย์ เว้นปุริสะและปุริสินทรีย์แล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นปุริสะก็ใช่ ไม่เป็นปุริสินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๑๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
[๑๒๖] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นชีวิต ไม่เป็นชีวิตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นชีวิต ไม่เป็นชีวิตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๒๗] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสุข ไม่เป็นสุขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสุข ไม่เป็นสุขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๒๘] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นทุกขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๑๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นทุกขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๒๙] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสมนัส ไม่เป็นโสมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสมนัส ไม่เป็นโสมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๓๐] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโทมนัส ไม่เป็นโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโทมนัส ไม่เป็นโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๓๑] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอุเบกขา ไม่เป็นอุเปกขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๑๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอุเบกขา ไม่เป็นอุเปกขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๓๒] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัทธา ไม่เป็นสัทธินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัทธา ไม่เป็นสัทธินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๓๓] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิริยะ ไม่เป็นวิริยินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิริยะ ไม่เป็นวิริยินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๑๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๓๔] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสติ ไม่เป็นสตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสติ ไม่เป็นสตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๓๕] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมาธิ ไม่เป็นสมาธินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมาธิ ไม่เป็นสมาธินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๑๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
[๑๓๖] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นปัญญา ไม่เป็นปัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นปัญญา ไม่เป็นปัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๓๗] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามีติ ไม่เป็นอนัญญา-
ตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามีติ ไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามี-
ตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๓๘] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญะ ไม่เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๑๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธินทรียวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญะ ไม่เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๓๙] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญาตาวี ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญาตาวี ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

๓. สุทธินทรียวาร
อนุโลม
[๑๔๐] อนุ. จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. จักขุนทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๑๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธินทรียวาร
อนุ. โสตะ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. โสตะใดเป็นอินทรีย์ โสตะนั้นเป็นโสตะก็ใช่ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ โสตะที่
เหลือเป็นโสตะ แต่ไม่เป็นอินทรีย์
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นโสตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. โสตินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นโสตินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นโสตินทรีย์
อนุ. ฆานะ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นฆานินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ฆานินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นฆานินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นฆานินทรีย์
อนุ. ชิวหา เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นชิวหินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ชิวหินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นชิวหินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นชิวหินทรีย์
อนุ. กาย เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. กายใดเป็นอินทรีย์ กายนั้นเป็นกายก็ใช่ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ กายที่เหลือ
เป็นกาย แต่ไม่เป็นอินทรีย์
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นกายินทรีย์ใช่ไหม
วิ. กายินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นกายินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นกายินทรีย์
อนุ. มโน เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๑๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธินทรียวาร
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นมนินทรีย์ใช่ไหม
วิ. มนินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นมนินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็นอินทรีย์
แต่ไม่เป็นมนินทรีย์
อนุ. อิตถี เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอิตถินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อิตถินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอิตถินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นอิตถินทรีย์
อนุ. ปุริสะ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นปุริสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ปุริสินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นปุริสินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นปุริสินทรีย์
อนุ. ชีวิต เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นชีวิตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ชีวิตินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นชีวิตินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นชีวิตินทรีย์
อนุ. สุข เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นสุขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. สุขินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นสุขินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็นอินทรีย์
แต่ไม่เป็นสุขินทรีย์
อนุ. ทุกข์ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๒๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธินทรียวาร
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นทุกขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทุกขินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นทุกขินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นทุกขินทรีย์
อนุ. โสมนัส เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นโสมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. โสมนัสสินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นโสมนัสสินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่
เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นโสมนัสสินทรีย์
อนุ. โทมนัส เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. โทมนัสสินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นโทมนัสสินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่
เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นโทมนัสสินทรีย์
อนุ. อุเบกขา เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อุเบกขาใดเป็นอินทรีย์ อุเบกขานั้นเป็นอุเบกขาก็ใช่ เป็นอินทรีย์ก็ใช่
อุเบกขาที่เหลือเป็นอุเบกขา แต่ไม่เป็นอินทรีย์
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอุเปกขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อุเปกขินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอุเปกขินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอุเปกขินทรีย์
อนุ. สัทธา เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นสัทธินทรีย์ใช่ไหม
วิ. สัทธินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นสัทธินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นสัทธินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๒๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธินทรียวาร
อนุ. วิริยะ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นวิริยินทรีย์ใช่ไหม
วิ. วิริยินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นวิริยินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นวิริยินทรีย์
อนุ. สติ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นสตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. สตินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นสตินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็นอินทรีย์
แต่ไม่เป็นสตินทรีย์
อนุ. สมาธิ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นสมาธินทรีย์ใช่ไหม
วิ. สมาธินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นสมาธินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นสมาธินทรีย์
อนุ. ปัญญา เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นปัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ปัญญินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นปัญญินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นปัญญินทรีย์
อนุ. อนัญญาตัญญัสสามีติ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๒๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธินทรียวาร
วิ. อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอนัญญาตัญญัสสามี-
ตินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
อนุ. อัญญะ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์ที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญินทรีย์
อนุ. อัญญาตาวี เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ก็ใช่ อินทรีย์
ที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์

ปัจจนีกะ
[๑๔๑] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นจักขุแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นจักขุ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นจักขุและ
อินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจักขุก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นโสตะแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นโสตะ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นโสตะ
และอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นโสตะก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นโสตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๒๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธินทรียวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นฆานะแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นฆานะ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นฆานะ
และอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นฆานะก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นฆานินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นชิวหา ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นชิวหาแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นชิวหา แต่เป็นอินทรีย์ เว้นชิวหา
และอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นชิวหาก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นชิวหินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นกายินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมโน ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นมโนแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นมโน แต่เป็นอินทรีย์ เว้นมโนและ
อินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นมโนก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นมนินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอิตถี ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นอิตถีแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นอิตถี แต่เป็นอินทรีย์ เว้นอิตถี
และอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นอิตถีก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอิตถินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๒๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธินทรียวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นปุริสะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นปุริสะแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นปุริสะ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นปุริสะ
และอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นปุริสะก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นปุริสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นชีวิต ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นชีวิตแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นชีวิต แต่เป็นอินทรีย์ เว้นชีวิตและ
อินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นชีวิตก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นชีวิตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสุข ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นสุขแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นสุข แต่เป็นอินทรีย์ เว้นสุขและ
อินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสุขก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นสุขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นทุกข์แล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นทุกข์ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นทุกข์และ
อินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นทุกข์ก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นทุกขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสมนัส ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นโสมนัสแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นโสมนัส แต่เป็นอินทรีย์ เว้น
โสมนัสและอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นโสมนัสก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นโสมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๒๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธินทรียวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโทมนัส ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นโทมนัสแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นโทมนัส แต่เป็นอินทรีย์ เว้น
โทมนัสและอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นโทมนัสก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอุเบกขา ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นอุเบกขาแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นอุเบกขา แต่เป็นอินทรีย์ เว้น
อุเบกขาและอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นอุเบกขาก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอุเปกขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัทธา ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นสัทธาแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นสัทธา แต่เป็นอินทรีย์ เว้นสัทธา
และอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสัทธาก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นสัทธินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิริยะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นวิริยะแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นวิริยะ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นวิริยะ
และอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นวิริยะก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นวิริยินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสติ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นสติแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นสติ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นสติและ
อินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสติก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นสตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๒๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธินทรียวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมาธิ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นสมาธิแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นสมาธิ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นสมาธิ
และอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสมาธิก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นสมาธินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นปัญญา ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นปัญญาแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นปัญญา แต่เป็นอินทรีย์ เว้น
ปัญญาและอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นปัญญาก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นปัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามีติ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นอนัญญาตัญญัสสามีติแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามีติ
แต่เป็นอินทรีย์ เว้นอนัญญาตัญญัสสามีติและอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่
เป็นอนัญญาตัญญัสสามีติก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นอัญญะแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นอัญญะ แต่เป็นอินทรีย์ เว้น
อัญญะและอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นอัญญะก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญาตาวี ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นอัญญาตาวีแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นอัญญาตาวี แต่เป็นอินทรีย์ เว้น
อัญญาตาวีและอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นอัญญาตาวีก็ใช่ ไม่เป็น
อินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๒๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
อนุโลม
[๑๔๒] อนุ. จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นโสตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. โสตินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นโสตินทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นโสตินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นฆานินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ฆานินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นฆานินทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นฆานินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นชิวหินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ชิวหินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นชิวหินทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นชิวหินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นกายินทรีย์ใช่ไหม
วิ. กายินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นกายินทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นกายินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๒๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นมนินทรีย์ใช่ไหม
วิ. มนินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นมนินทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นมนินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอิตถินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อิตถินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอิตถินทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอิตถินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นปุริสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ปุริสินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นปุริสินทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นปุริสินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นชีวิตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ชีวิตินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นชีวิตินทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นชีวิตินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นสุขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. สุขินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นสุขินทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นสุขินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๒๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
อนุ. จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นทุกขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ทุกขินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นทุกขินทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นทุกขินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นโสมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. โสมนัสสินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นโสมนัสสินทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรม
ที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นโสมนัสสินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. โทมนัสสินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นโทมนัสสินทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรม
ที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นโทมนัสสินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอุเปกขินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อุเปกขินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอุเปกขินทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่
เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอุเปกขินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นสัทธินทรีย์ใช่ไหม
วิ. สัทธินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นสัทธินทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นสัทธินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๓๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
อนุ. จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นวิริยินทรีย์ใช่ไหม
วิ. วิริยินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นวิริยินทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นวิริยินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นสตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. สตินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นสตินทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็น
อินทรีย์ แต่ไม่เป็นสตินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นสมาธินทรีย์ใช่ไหม
วิ. สมาธินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นสมาธินทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่
เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นสมาธินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นปัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ปัญญินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นปัญญินทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่
เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นปัญญินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๓๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
วิ. อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอนัญญาตัญญัสสามี-
ตินทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญินทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญินทรีย์
อนุ. จักขุ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ก็ใช่ สภาว-
ธรรมที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์
[๑๔๓] อนุ. โสตะ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. โสตะใดเป็นอินทรีย์ โสตะนั้นเป็นโสตะก็ใช่ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ โสตะ
ที่เหลือเป็นโสตะ แต่ไม่เป็นอินทรีย์
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. จักขุนทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์
ฯลฯ
อนุ. โสตะ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. โสตะใดเป็นอินทรีย์ โสตะนั้นเป็นโสตะก็ใช่ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ โสตะ
ที่เหลือเป็นโสตะ แต่ไม่เป็นอินทรีย์
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ก็ใช่ สภาว-
ธรรมที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๓๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
[๑๔๔] อนุ. ฆานะ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. จักขุนทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์
ฯลฯ
อนุ. ฆานะ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ก็ใช่ สภาว-
ธรรมที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์
[๑๔๕] อนุ. ชิวหา เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. จักขุนทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์
ฯลฯ
อนุ. ชิวหา เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ก็ใช่ สภาว-
ธรรมที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์
[๑๔๖] อนุ. กาย เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. กายใดเป็นอินทรีย์ กายนั้นเป็นกายก็ใช่ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ กายที่
เหลือเป็นกาย แต่ไม่เป็นอินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๓๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. จักขุนทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์
ฯลฯ
อนุ. กาย เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. กายใดเป็นอินทรีย์ กายนั้นเป็นกายก็ใช่ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ กายที่เหลือ
เป็นกาย แต่ไม่เป็นอินทรีย์
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ก็ใช่ สภาว-
ธรรมที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์
[๑๔๗] อนุ. มโน เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. จักขุนทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์
ฯลฯ
อนุ. มโน เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ก็ใช่ สภาว-
ธรรมที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์
[๑๔๘] อนุ. อิตถี เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๓๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
วิ. จักขุนทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์
ฯลฯ
อนุ. อิตถี เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ก็ใช่ สภาว-
ธรรมที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์
[๑๔๙] อนุ. ปุริสะ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. จักขุนทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์
ฯลฯ
อนุ. ปุริสะ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ก็ใช่ สภาว-
ธรรมที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์
[๑๕๐] อนุ. ชีวิต เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. จักขุนทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๓๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
อนุ. ชีวิต เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ก็ใช่ สภาว-
ธรรมที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์
[๑๕๑] อนุ. สุข เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. จักขุนทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์
ฯลฯ
อนุ. สุข เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ก็ใช่ สภาว-
ธรรมที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์
[๑๕๒] อนุ. ทุกข์ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
[๑๕๓] อนุ. โสมนัส เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
[๑๕๔] อนุ. โทมนัส เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๓๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
[๑๕๕] อนุ. อุเบกขา เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อุเบกขาใดเป็นอินทรีย์ อุเบกขานั้นเป็นอุเบกขาก็ใช่ เป็นอินทรีย์ก็ใช่
สภาวธรรมที่เหลือเป็นอุเบกขา แต่ไม่เป็นอินทรีย์
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. จักขุนทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์
ฯลฯ
อนุ. อุเบกขา เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อุเบกขาใดเป็นอินทรีย์ อุเบกขานั้นเป็นอุเบกขาก็ใช่ เป็นอินทรีย์ก็ใช่
สภาวธรรมที่เหลือเป็นอุเบกขา แต่ไม่เป็นอินทรีย์
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ก็ใช่ สภาว-
ธรรมที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์
[๑๕๖] อนุ. สัทธา เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
[๑๕๗] อนุ. วิริยะ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
[๑๕๘] อนุ. สติ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
[๑๕๙] อนุ. สมาธิ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๓๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
[๑๖๐] อนุ. ปัญญา เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
[๑๖๑] อนุ. อนัญญาตัญญัสสามีติ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
[๑๖๒] อนุ. อัญญะ เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. จักขุนทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์
ฯลฯ
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญาตาวินทรีย์ก็ใช่
สภาวธรรมที่เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์
[๑๖๓] อนุ. อัญญาตาวี เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. จักขุนทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นจักขุนทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นจักขุนทรีย์
ฯลฯ
อนุ. อัญญาตาวี เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๓๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
ปฏิ. อินทรีย์ เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อัญญินทรีย์ เป็นอินทรีย์ก็ใช่ เป็นอัญญินทรีย์ก็ใช่ สภาวธรรมที่
เหลือเป็นอินทรีย์ แต่ไม่เป็นอัญญินทรีย์

ปัจจนีกะ
[๑๖๔] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นจักขุแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นจักขุ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นจักขุและ
อินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจักขุก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นโสตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นจักขุแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นจักขุ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นจักขุและ
อินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจักขุก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นฆานินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นจักขุแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นจักขุ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นจักขุและ
อินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจักขุก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๖๕] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นโสตะแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นโสตะ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นโสตะ
และอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นโสตะก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๓๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นโสตะแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นโสตะ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นโสตะ
และอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นโสตะก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๖๖] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นฆานะแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นฆานะ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นฆานะ
และอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นฆานะก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นฆานะแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นฆานะ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นฆานะ
และอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นฆานะก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๖๗] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นชิวหา ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นชิวหาแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นชิวหา แต่เป็นอินทรีย์ เว้นชิวหา
และอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นชิวหาก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๔๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นชิวหา ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นชิวหาแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นชิวหา แต่เป็นอินทรีย์ เว้นชิวหา
และอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นชิวหาก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๖๘] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๖๙] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมโน ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นมโนแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นมโน แต่เป็นอินทรีย์ เว้นมโนและ
อินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นมโนก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมโน ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นมโนแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นมโน แต่เป็นอินทรีย์ เว้นมโนและ
อินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นมโนก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๔๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
[๑๗๐] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอิตถี ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นอิตถีแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นอิตถี แต่เป็นอินทรีย์ เว้นอิตถีและ
อินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นอิตถีก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอิตถี ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นอิตถีแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นอิตถี แต่เป็นอินทรีย์ เว้นอิตถีและ
อินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นอิตถีก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๗๑] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นปุริสะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นปุริสะแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นปุริสะ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นปุริสะ
และอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นปุริสะก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นปุริสะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นปุริสะแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นปุริสะ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นปุริสะ
และอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นปุริสะก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๗๒] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นชีวิต ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นชีวิตแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นชีวิต แต่เป็นอินทรีย์ เว้นชีวิตและ
อินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นชีวิตก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๔๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นชีวิต ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นชีวิตแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นชีวิต แต่เป็นอินทรีย์ เว้นชีวิตและ
อินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นชีวิตก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๗๓] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสุข ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นสุขแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นสุข แต่เป็นอินทรีย์ เว้นสุขและ
อินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสุขก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสุข ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นสุขแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นสุข แต่เป็นอินทรีย์ เว้นสุขและ
อินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสุขก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๗๔] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นทุกข์แล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นทุกข์ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นทุกข์และ
อินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นทุกข์ก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๔๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
วิ. เว้นทุกข์แล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นทุกข์ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นทุกข์และ
อินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นทุกข์ก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๗๕] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสมนัส ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นโสมนัสแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นโสมนัส แต่เป็นอินทรีย์ เว้น
โสมนัสและอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นโสมนัสก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสมนัส ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นโสมนัสแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นโสมนัส แต่เป็นอินทรีย์ เว้น
โสมนัสและอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นโสมนัสก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๗๖] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโทมนัส ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นโทมนัสแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นโทมนัส แต่เป็นอินทรีย์ เว้น
โทมนัสและอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นโทมนัสก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโทมนัส ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นโทมนัสแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นโทมนัส แต่เป็นอินทรีย์ เว้น
โทมนัสและอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นโทมนัสก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๔๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
[๑๗๗] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอุเบกขา ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นอุเบกขาแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นอุเบกขา แต่เป็นอินทรีย์ เว้น
อุเบกขาและอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นอุเบกขาก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอุเบกขา ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นอุเบกขาแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นอุเบกขา แต่เป็นอินทรีย์ เว้น
อุเบกขาและอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นอุเบกขาก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๗๘] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัทธา ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นสัทธาแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นสัทธา แต่เป็นอินทรีย์ เว้น
สัทธาและอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสัทธาก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัทธา ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นสัทธาแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นสัทธา แต่เป็นอินทรีย์ เว้นสัทธา
และอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสัทธาก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๗๙] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิริยะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นวิริยะแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นวิริยะ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นวิริยะ
และอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นวิริยะก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๔๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิริยะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นวิริยะแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นวิริยะ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นวิริยะ
และอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นวิริยะก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๘๐] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสติ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นสติแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นสติ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นสติและ
อินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสติก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสติ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นสติแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นสติ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นสติและ
อินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสติก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๘๑] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมาธิ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นสมาธิแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นสมาธิ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นสมาธิ
และอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสมาธิก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๔๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมาธิ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นสมาธิแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นสมาธิ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นสมาธิ
และอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสมาธิก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๘๒] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นปัญญา ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นปัญญาแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นปัญญา แต่เป็นอินทรีย์ เว้นปัญญา
และอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นปัญญาก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่ ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นปัญญา ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นปัญญาแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นปัญญา แต่เป็นอินทรีย์ เว้น
ปัญญาและอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นปัญญาก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๘๓] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามีติ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นอนัญญาตัญญัสสามีติแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นอนัญญาตัญ-
ญัสสามีติ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นอนัญญาตัญญัสสามีติและอินทรีย์แล้ว สภาวธรรม
ที่เหลือไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามีติก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามีติ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นอนัญญาตัญญัสสามีติแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นอนัญญาตัญ-
ญัสสามีติ แต่เป็นอินทรีย์ เว้นอนัญญาตัญญัสสามีติและอินทรีย์แล้ว สภาวธรรม
ที่เหลือไม่เป็นอนัญญาตัญญัสสามีติก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๔๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธินทรียมูลจักกวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๘๔] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นอัญญะแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นอัญญะ แต่เป็นอินทรีย์ เว้น
อัญญะและอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นอัญญะก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญะ ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นอัญญะแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นอัญญะ แต่เป็นอินทรีย์ เว้น
อัญญะและอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นอัญญะก็ใช่ ไม่เป็นอินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๘๕] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญาตาวี ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นอัญญาตาวีแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นอัญญาตาวี แต่เป็นอินทรีย์ เว้น
อัญญาตาวีและอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นอัญญาตาวีก็ใช่ ไม่เป็น
อินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นจักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัญญาตาวี ไม่เป็นอินทรีย์ใช่ไหม
วิ. เว้นอัญญาตาวีแล้ว อินทรีย์ที่เหลือไม่เป็นอัญญาตาวี แต่เป็นอินทรีย์
เว้นอัญญาตาวีและอินทรีย์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นอัญญาตาวีก็ใช่ ไม่เป็น
อินทรีย์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอินทรีย์ ไม่เป็นอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัณณัตติวารนิทเทส จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๔๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุโลมบุคคล
จักขุนทรียมูลกนัย
[๑๘๖] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด โสตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้โสตะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นกำลังเกิด แต่โสตินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุและโสตะเกิดได้กำลังอุบัติ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและโสตินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีโสตะเกิดได้จักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ โสตินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีโสตะและจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ
โสตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้ฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุและฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้จักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะและจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๔๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้อิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุและอิตถีเกิดได้กำลัง
อุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้จักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีและจักขุเกิดได้กำลัง
อุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้ปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุและปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้จักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะและจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลัง
เกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๕๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้แต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้และมีจิต
เป็นโสมนัสกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็
กำลังเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้แต่มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้และ
มีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์
ก็กำลังเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเป็นอุเบกขาแต่จักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจิตเป็นอุเบกขาและมี
จักขุเกิดได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้แต่เป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้และเป็น
สเหตุกะกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๕๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นสเหตุกะ แต่มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นสเหตุกะและมีจักขุเกิด
ได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้ แต่เป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้และเป็น
ญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็
กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุต แต่มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุต
และมีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและจักขุนทรีย์
ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่
ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้ จักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นกำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๕๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ฆานินทรียมูลกนัย
[๑๘๗] อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้อิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะและอิตถีเกิดได้กำลัง
อุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้ฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีและฆานะเกิดได้กำลัง
อุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้ปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะและปุริสะเกิดได้
กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้ฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะและฆานะเกิดได้กำลัง
อุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๕๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลัง
เกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้แต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้
และมีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและโสมนัส-
สินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเป็นโสมนัสแต่ฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นโสมนัสและมี
ฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็
กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้ แต่มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ ฆานินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้
และมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและ
อุเปกขินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลมีจิตเป็นอุเบกขาและฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นอุเบกขาและมี
ฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็
กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๕๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้เป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้และ
เป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็
กำลังเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นสเหตุกะมีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นสเหตุกะและมีฆานะเกิด
ได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้เป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้และเป็น
ญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็
กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุตแต่มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุต
และมีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและฆานินทรีย์
ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๕๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้ฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นกำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

อิตถินทรียมูลกนัย
[๑๘๘] อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลัง
เกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๕๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้แต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้
และมีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด และโสมนัส-
สินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลมีจิตเป็นโสมนัสแต่มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นโสมนัส
และมีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและ
อิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้แต่มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ อิตถินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้
และมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและ
อุเปกขินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลมีจิตเป็นอุเบกขาแต่อิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นอุเบกขาและ
มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็
กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้แต่เป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้และเป็น
สเหตุกะกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๕๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นสเหตุกะ มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นสเหตุกะและมีอิตถี
เกิดได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้แต่เป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้และเป็น
ญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็
กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุต แต่มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุต
และมีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและอิตถินทรีย์
ก็กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่
ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่
ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้อิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นกำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๕๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปุริสินทรียมูลกนัย
[๑๘๙] อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลัง
เกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้แต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้
และมีโสมนัสกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์
ก็กำลังเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลมีจิตเป็นโสมนัส แต่ปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นโสมนัส
และมีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและ
ปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้และมี
จิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็
กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๕๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลมีจิตเป็นอุเบกขา แต่มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นอุเบกขาและ
มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็
กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้แต่เป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้และเป็น
สเหตุกะกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นสเหตุกะ แต่มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นสเหตุกะและมี
ปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้แต่เป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้และเป็น
ญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็
กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุต แต่มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุต
และมีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและปุริสินทรีย์
ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๖๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้ปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นกำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๑๙๐] อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลมีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากโสมนัสในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์
ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุต
ด้วยโสมนัสในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์
ก็กำลังเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลมีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอุเบกขาในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๖๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุต
ด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์
ก็กำลังเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจาก
สัทธาในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่กำลัง
เกิด บุคคลผู้เป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธาใน
ปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากญาณในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่ใช่
กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุต
ด้วยญาณในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็
กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๖๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลัง
เกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจิตเกิดได้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๑๙๑] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. (บุคคลมีจิตเป็นโสมนัสเป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ) ในอุปปาทขณะแห่งจิต
ที่สัมปยุตด้วยโสมนัส แต่วิปปยุตจากสัทธาในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นโสมนัสกำลัง
อุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสและสัทธาในปวัตติกาล โสมนัส-
สินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นสเหตุกะแต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธา แต่วิปปยุตจากโสมนัสในปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๖๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจิตเป็นโสมนัส
กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธาและโสมนัสในปวัตติกาล
สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลมีจิตเป็นโสมนัสเป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่ง
จิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสและที่วิปปยุตจากโสมนัสในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นโสมนัสและ
เป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสและญาณ
ในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้สัมปยุตด้วยญาณซึ่งกำลังอุบัติด้วยจิตปราศจากโสมนัส ในอุป-
ปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยญาณวิปปยุตจากโสมนัสในปวัตติกาล ปัญญินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้สัมปยุตด้วย
ญาณซึ่งกำลังอุบัติด้วยจิตที่เป็นโสมนัส ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยญาณ
และโสมนัสในปวัตติกาล ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์
ก็กำลังเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้แต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด
แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด
และโสมนัสสินทรีย์ก็กำลังเกิด
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๖๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๑๙๒] อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้น
ก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลมีจิตเป็นอุเบกขาและเป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่ง
จิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา แต่วิปปยุตจากสัทธาในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นอุเบกขาและ
เป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาและสัทธาใน
ปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นสเหตุกะแต่มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธา แต่วิปปยุตจากอุเบกขาในปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นสเหตุกะและ
มีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธาและอุเบกขา
ในปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลมีจิตเป็นอุเบกขาแต่เป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา แต่วิปปยุตจากญาณในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นอุเบกขาและ
เป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาและญาณ
ในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุตแต่มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยญาณ แต่วิปปยุตจากอุเบกขาในปวัตติกาล ปัญญินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๖๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นญาณ
สัมปยุตและมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยญาณ
และอุเบกขาในปวัตติกาล ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์
ก็กำลังเกิด
อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลมีจิตเกิดได้แต่มีจิตปราศจากอุเบกขาแต่กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากอุเบกขาในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด
แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด
และอุเปกขินทรีย์ก็กำลังเกิด
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

สัทธินทรียมูลกนัย
[๑๙๓] อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นสเหตุกะเป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิต
ที่สัมปยุตด้วยสัทธา แต่วิปปยุตจากญาณในปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นกำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นสเหตุกะและเป็นญาณสัมปยุต
กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธาและญาณในปวัตติกาล
สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๖๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้แต่เป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิต
ที่วิปปยุตจากสัทธาในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่
สัทธินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิต
ที่สัมปยุตด้วยสัทธาในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและ
สัทธินทรีย์ก็กำลังเกิด
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

ปัญญินทรียมูลกนัย
[๑๙๔] อนุ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้แต่เป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่ง
จิตที่วิปปยุตจากญาณในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่
ปัญญินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่สัมปยุตด้วยญาณในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและ
ปัญญินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๖๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุโลมโอกาส
จักขุนทรียมูลกนัย
[๑๙๕] อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด โสตินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสตินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์กำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลัง
เกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์กำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์กำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลัง
เกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์กำลังเกิด แต่
จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์กำลังเกิดและ
จักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๖๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นอุเปกขินทรีย์กำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด
ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นอุเปกขินทรีย์กำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นมนินทรีย์กำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด
ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นมนินทรีย์กำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

ฆานินทรียมูลกนัย
[๑๙๖] อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์ใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๖๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นกำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์กำลังเกิด แต่
ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์กำลังเกิดและ
ฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นโสมนัสสินทรีย์กำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่
ใช่กำลังเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นโสมนัสสินทรีย์กำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็
กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นอุเปกขินทรีย์กำลังเกิด แต่
ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นอุเปกขินทรีย์กำลังเกิดและ
ฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นมนินทรีย์กำลังเกิด แต่
ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นมนินทรีย์กำลังเกิดและ
ฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๗๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อิตถินทรียมูลกนัย
[๑๙๗] อนุ. อิตถินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

ปุริสินทรียมูลกนัย
[๑๙๘] อนุ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์กำลังเกิด แต่
ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์กำลังเกิดและ
ปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นโสมนัสสินทรีย์กำลังกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่
ใช่กำลังเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นโสมนัสสินทรีย์กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็
กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๗๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นอุเปกขินทรีย์กำลังเกิด แต่
ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นอุเปกขินทรีย์กำลังเกิดและ
ปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นมนินทรีย์กำลังเกิด แต่
ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นมนินทรีย์กำลังเกิดและ
ปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๑๙๙] อนุ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่
ใช่กำลังเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์กำลังเกิด
และโสมนัสสินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ ฯลฯ สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์กำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่กำลัง
เกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์กำลังเกิดและมนินทรีย์
ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๗๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

โสมนัสสินทรียมูลกนัยเป็นต้น
[๒๐๐] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ ฯลฯ สัทธินทรีย์
ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
โสมนัสสินทรียมูลกนัยเป็นต้น จบ

อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๒๐๑] อนุ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

สัทธินทรียมูลกนัย
[๒๐๒] อนุ. สัทธินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๗๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. สัทธินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด มนินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

ปัญญินทรียมูลกนัย
[๒๐๓] อนุ. ปัญญินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด มนินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

อนุโลมปุคคโลกาส
จักขุนทรียมูลกนัย
[๒๐๔] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด โสตินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้โสตะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่โสตินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุและโสตะ
เกิดได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและโสตินทรีย์ก็
กำลังเกิด
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๗๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. บุคคลผู้มีโสตะเกิดได้จักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ โสตินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีโสตะและจักขุ
เกิดได้กำลังอุบัติ โสตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็
กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้ฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุและฆานะ
เกิดได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็
กำลังเกิด
ปฏิ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้จักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะและจักขุเกิดได้
กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้อิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุและอิตถี
เกิดได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็
กำลังเกิด
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้จักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีและจักขุ
เกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็
กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๗๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้ปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุและปุริสะเกิดได้
กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้จักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะและจักขุ
เกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็
กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นกำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้แต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุ
เกิดได้และมีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
และโสมนัสสินทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๗๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้แต่มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุ
เกิดได้และมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลัง
เกิดและอุเปกขินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเป็นอุเบกขาและมีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจิตเป็น
อุเบกขาและมีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลัง
เกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้แต่เป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้และเป็น
สเหตุกะกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็
กำลังเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นสเหตุกะและมีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นสเหตุกะ
และมีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและ
จักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๗๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้ แต่เป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้
และเป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
และปัญญินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุต แต่มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็น
ญาณวิปปยุต แต่มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้จักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นกำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

ฆานินทรียมูลกนัย
[๒๐๕] อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๗๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้อิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะและอิตถี
เกิดได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็
กำลังเกิด
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้ฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีและฆานะ
เกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็
กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้ปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะและปุริสะ
เกิดได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็
กำลังเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้ฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะและฆานะ
เกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็
กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๗๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นกำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้แต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ ฆานินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มี
ฆานะเกิดได้และมีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นกำลัง
เกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเป็นโสมนัสแต่มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีมีจิตเป็น
โสมนัสและฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลัง
เกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้แต่มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ ฆานินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะ
เกิดได้และมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลัง
เกิดและอุเปกขินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๘๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. บุคคลผู้มีจิตเป็นอุเบกขาและมีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจิต
เป็นอุเบกขาและมีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้แต่เป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้
และเป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและ
สัทธินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นสเหตุกะแต่มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นสเหตุกะ
และมีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและ
ฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้แต่เป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะ
เกิดได้และเป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๘๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุต แต่มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็น
ญาณสัมปยุตและมีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้ฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลัง
อุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

อิตถินทรียมูลกนัย
[๒๐๖] อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๘๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้น
กำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้แต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถี
เกิดได้และมีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
และโสมนัสสินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้แต่มีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถี
เกิดได้และมีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้แต่มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ อิตถินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มี
อิตถีเกิดได้และมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้แต่มีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถี
เกิดได้และมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด

เชิงอรรถ :
๑ คำว่า บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้ หมายถึงมีอิตถีภาวรูปเกิดไม่ได้ เช่น ผู้ชายอิตถีภาวรูปก็เกิดไม่ได้ หรือว่า
ผู้หญิงปุริสภาวรูปก็เกิดไม่ได้เช่นกัน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๘๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้แต่เป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้
และเป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและ
สัทธินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นสเหตุกะแต่มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นสเหตุกะและ
มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและอิตถิน-
ทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้แต่เป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้
และเป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
และปัญญินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุตแต่มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นญาณ-
สัมปยุตและมีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลัง
เกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๘๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้อิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

ปุริสินทรียมูลกนัย
[๒๐๗] อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นกำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้แต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มี
ปุริสะเกิดได้และมีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๘๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้แต่มีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะ
เกิดได้และมีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้แต่มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะ
เกิดได้และมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลัง
เกิดและอุเปกขินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้แต่มีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะ
เกิดได้และมีจิตเป็นอุเบกขาลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้แต่เป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้
และเป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและ
สัทธินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นสเหตุกะแต่มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นสเหตุกะ
และมีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและ
ปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๘๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้แต่เป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะ
เกิดได้และเป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุตแต่มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็น
ญาณสัมปยุตและมีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้ปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลัง
อุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๒๐๘] อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลมีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากโสมนัสในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่โสมนัส-

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๘๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
สินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่
สัมปยุตด้วยโสมนัสในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
และโสมนัสสินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลมีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิป-
ปยุตจากอุเบกขาในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่
อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่ง
จิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลัง
เกิดและอุเปกขินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจาก
สัทธาในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์
ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุต
ด้วยสัทธาในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและ
สัทธินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๘๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากญาณในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์
ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุต
ด้วยญาณในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและ
ปัญญินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ก็ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจิตเกิดได้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์
ก็กำลังเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๒๐๙] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๘๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสและที่วิปปยุตจากสัทธาใน
ปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่
กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วย
โสมนัสและสัทธาในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลัง
เกิดและสัทธินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นสเหตุกะแต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธาและที่วิปปยุตจากโสมนัสในปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิต
เป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธาและโสมนัสใน
ปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็
กำลังเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตแต่มีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสและที่วิปปยุตจากญาณในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็น
ญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสและญาณ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสและญาณในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๙๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุตแต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลัง ในอุป-
ปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยญาณและที่วิปปยุตจากโสมนัสในปวัตติกาล
ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด
บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุตและมีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่
สัมปยุตด้วยญาณและโสมนัสในปวัตติกาล ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นกำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้แต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากโสมนัสในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็กำลังเกิด
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๒๑๐] อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นอเหตุกะและมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาและที่วิปปยุตจากสัทธาในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๙๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อุเบกขาและเป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา
และสัทธาในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและ
สัทธินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นสเหตุกะแต่มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธาและที่วิปปยุตจากอุเบกขาในปวัตติกาล สัทธินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็น
สเหตุกะและมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธา
และอุเบกขาในปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและ
อุเปกขินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตและมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาและที่วิปปยุตจากญาณในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็น
ญาณสัมปยุตและมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วย
อุเบกขาและญาณในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
และปัญญินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุตแต่มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยญาณและที่วิปปยุตจากอุเบกขาในปวัตติกาล ปัญญินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็น
ญาณสัมปยุตและมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วย
ญาณและอุเบกขาในปวัตติกาล ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
และอุเปกขินทรีย์ก็กำลังเกิด


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๙๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้แต่มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากอุเบกขาในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลัง
เกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นอุเบขากำลังอุบัติ ในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นกำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็กำลังเกิด
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

สัทธินทรียมูลกนัย
[๒๑๑] อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นสเหตุกะแต่เป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธาและที่วิปปยุตจากญาณในปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นสเหตุกะ
และเป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธาและ
ญาณในปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและปัญญินทรีย์
ก็กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๙๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้ แต่เป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่
วิปปยุตจากสัทธาในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่ง
จิตที่สัมปยุตด้วยสัทธาในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลัง
เกิดและสัทธินทรีย์ก็กำลังเกิด
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

ปัญญินทรียมูลกนัย
[๒๑๒] อนุ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้แต่เป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่ง
จิตที่วิปปยุตจากญาณในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
แต่ปัญญินทรียไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ ในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยญาณในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

ปัจจนีกบุคคล
จักขุนทรียมูลกนัย
[๒๑๓] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด โสตินทรีย์ของบุคคล
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้โสตะเกิดได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๙๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ผู้มีจักขุและโสตะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
โสตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีโสตะเกิดไม่ได้จักขุเกิดได้กำลังอุบัติ โสตินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีโสตะและจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ โสตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้ฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีจักขุและฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้จักขุเกิดได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีฆานะและจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้อิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีจักขุและอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นไม่ใช่กำลังเกิด
และอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๙๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้จักขุเกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ
บุคคลมีอิตถีและจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้ปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคล
ผู้มีจักขุและปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
ปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้จักขุเกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จักขุนทรียมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลมีปุริสะและจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลัง
เกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๙๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้แต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้
กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้แต่มีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้แต่มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้
กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้แต่เป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้และเป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๙๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นอเหตุกะแต่มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้เป็นอเหตุกะและมีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่
ใช่กำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้แต่เป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้และเป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตแต่มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตและมีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้แต่มีจิตเกิดได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีจิตเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
มนินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๙๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ฆานินทรียมูลกนัย
[๒๑๔] อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคล
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้อิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีฆานะและอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้ฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีอิตถีและฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้ปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีฆานะและปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้ฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีปุริสะและฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๙๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ฆานินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้แต่มีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้
กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ ฆานินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้แต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ โสมนัส-
สินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้ง
หมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้แต่มีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๐๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้
กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้แต่มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้แต่เป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลัง
จุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้และเป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นอเหตุกะแต่มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้เป็นอเหตุกะและมีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้แต่เป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้และเป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๐๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตแต่มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตและมีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้จิตเกิดได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีจิตเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
มนินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

อิตถินทรียมูลกนัย
[๒๑๕] อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคล
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถี
และปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
ปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีปุริสะและอิตถี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๐๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
เกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่
ใช่กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้แต่มีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้
กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้แต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้
กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้แต่มีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๐๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้แต่มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้
กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้และเป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลัง
จุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้และเป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นอเหตุกะและมีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้เป็นอเหตุกะและมีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้และเป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้
กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้และเป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๐๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตแต่มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลัง
จุติ บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตและมีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้น ไม่ใช่กำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้มีจิตเกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีจิตเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
มนินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

ปุริสินทรียมูลกนัย
[๒๑๖] อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๐๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้แต่มีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้
กำลังจุติ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้และมีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ โสมนัส-
สิทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้ง
หมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ โสมนัส-
สินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้และมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้
กำลังจุติ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใชไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้
กำลังจุติ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๐๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้และเป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลัง
จุติ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้และเป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นอเหตุกะและมีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้เป็นอเหตุกะและมีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่
ใช่กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้แต่เป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้และเป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตแต่มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตและมีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๐๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้จิตเกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีจิตเกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
มนินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๒๑๗] อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลมีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากโสมนัสในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติ-
กาล โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลมีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิป-
ปยุตจากอุเบกขาในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๐๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ชีวิตนิทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจาก
สัทธาในปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่
ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล สัทธินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากญาณในปวัตติกาล ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์
มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๐๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๒๑๘] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุต
ด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากโสมนัสและอุเบกขา บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติ และบุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
อุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลมีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุต
ด้วยโสมนัสในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัส-
สินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่ง
จิตที่วิปปยุตจากอุเบกขาและโสมนัส บุคคลผู้นิโรธสมาบัติ และบุคคลผุ้ผู้อุบัติอยู่
ในอสัญญสัตตภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์
ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นสเหตุกะแต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากโสมนัสและที่สัมปยุตด้วยสัทธาในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่ง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๑๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
จิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากโสมนัสและสัทธา
บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากสัทธาและที่สัมปยุตด้วยโสมนัสใน
ปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่ไม่
กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากสัทธาและโสมนัส บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุตแต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากโสมนัสและที่สัมปยุตด้วยญาณในปวัตติกาล โสมนัสสิน-
ทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ
แห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากโสมนัสและญาณ
บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตแต่มีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากญาณและที่สัมปยุตด้วยโสมนัสในปวัตติกาล ปัญญินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่ง
จิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากญาณและโสมนัส บุคคล
ผู้เข้านิโรธสมาบัติ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ปัญญินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๑๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้แต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากโสมนัสในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด
บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๒๑๙] อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของ
บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นสเหตุกะแต่มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากอุเบกขาและที่สัมปยุตด้วยสัทธาในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่ง
จิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอุเบกขาและสัทธา
บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นอเหตุกะแต่มีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากสัทธาและที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิต

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๑๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากสัทธาและอุเบกขา บุคคลผู้
เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ไช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุตแต่มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอุเบกขาและที่สัมปยุตด้วยญาณในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่ง
จิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอุเบกขาและญาณ
บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตแต่มีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากญาณและที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล ปัญญินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ
แห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากญาณและอุเบกขา
บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ปัญญินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้แต่มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากอุเบกขาในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด
บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๑๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

สัทธินทรียมูลกนัย
[๒๒๐] อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคล
นั้นก็ไม่ใช่กำลังดูเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตแต่เป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากญาณและที่สัมปยุตด้วยสัทธาในปวัตติกาล ปัญญินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของ
บุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากญาณและสัทธา บุคคลผู้เข้า
นิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นอเหตุกะแต่มีจิตเกิดได้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิต
ที่วิปปยุตจากสัทธาในปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
มนินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด บุคคลผู้เข้านิโรธ
สมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๑๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปัญญินทรียมูลกนัย
[๒๒๑] อนุ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคล
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้และมีจิตเป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากญาณในปวัตติกาล ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด บุคคลผู้เข้า
นิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

ปัจจนีกโอกาส
จักขุนทรียมูลกนัย
[๒๒๒] อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสตินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสตินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๑๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่
ไม่กำลังเกิด ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ในภูมินั้นฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิดและ
จักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์ในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่
ไม่กำลังเกิด ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิดและ
จักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๑๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด แต่อุเปกขินทรียมิใช่ไม่
กำลังเกิด ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็
ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด
ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

ฆานินทรียมูลกนัย
[๒๒๓] อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๑๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิ
ใช่ไม่กำลังเกิด ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ในภูมินั้นฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิดและ
โสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด
แต่อุเปกขินทรียมิใช่ไม่กำลังเกิด ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลัง
เกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด แต่
มนินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด
และมนินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๑๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

อิตถินทรียมูลกนัย
[๒๒๔] อนุ. อิตถินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ

ปุริสินทรียมูลกนัย
[๒๒๕] อนุ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิ
ใช่ไม่กำลังเกิด ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด
และโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๑๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด
แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลัง
เกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด
แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด
และมนินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๒๒๖] อนุ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็
ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๒๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ ฯลฯ สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๒๒๗] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้น
ก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๒๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๒๒๘] อนุ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

สัทธินทรียมูลกนัย
[๒๒๙] อนุ. สัทธินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

ปัญญินทรียมูลกนัย
[๒๓๐] อนุ. ปัญญินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๒๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปัจจนีกปุคคโลกาส
จักขุนทรียมูลกนัย
[๒๓๑] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสตินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้โสตะเกิดได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีจักขุและโสตะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและโสตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีโสตะเกิดไม่ได้จักขุเกิดได้กำลังอุบัติ โสตินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีโสตะและจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ โสตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้ฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีจักขุและฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้จักขุเกิดได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีฆานะและจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๒๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้อิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีจักขุและอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้จักขุเกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีอิตถีและจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้ปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีจักขุและปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้จักขุเกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีปุริสะและจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๒๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้แต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้ง
หมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้และมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล
ทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้และมีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๒๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้และเป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล
ทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้และเป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นอเหตุกะและมีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้เป็นอเหตุกะมีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้แต่เป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล
ทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตแต่มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล
ทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตและมีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๒๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้มีจิตเกิดได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีจิตเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด
และมนินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

ฆานินทรียมูลกนัย
[๒๓๒] อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้อิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีฆานะและอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีอิตถีและฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๒๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้ปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีฆานะและปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้ฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลัง
จุติ บุคคลผู้มีปุริสะและฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้แต่มีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล
ทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๒๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้แต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ โสมนัส-
สินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด
บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้แต่มีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล
ทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้แต่มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้ง
หมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้แต่เป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล
ทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้และเป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ ฆานินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๒๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. บุคคลผู้เป็นอเหตุกะแต่มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้เป็นอเหตุกะและมีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้แต่เป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล
ทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้และเป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ ฆานินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตและมีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล
ทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตและมีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้จิตเกิดได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีจิตเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๓๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อิตถินทรียมูลกนัย
[๒๓๓] อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคล
ผู้มีอิตถีและปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิด และปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่กำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มี
ปุริสะและอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้แต่มีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๓๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ
อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้แต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล
ทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้แต่มีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล
ทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ
อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้แต่มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล
ทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้แต่เป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล
ทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้และเป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๓๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นอเหตุกะแต่มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้เป็นอเหตุกะและมีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้แต่เป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล
ทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้และเป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ
อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตแต่มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล
ทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตและมีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้มีจิตเกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีจิตเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

อิตถินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๓๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปุริสินทรียมูลกนัย
[๒๓๔] อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้แต่มีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล
ทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้แต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ โสมนัส-
สินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด
บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้แต่มีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๓๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้แต่มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล
ทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้และมีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้แต่เป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมด
ผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้และเป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นอเหตุกะแต่มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้เป็นอเหตุกะและมีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้แต่เป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมด
ผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้และเป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๓๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตแต่มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมด
ผู้กำลังจุติ บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตและมีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปัญญินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้มีจิตเกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีจิตเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด
และมนินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๒๓๕] อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลมีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากโสมนัสในปวัตติกาล โสมนัสสินทรย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติ-
กาล โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่
ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๓๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลมีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิป-
ปยุตจากอุเบกขา ในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลัง
เกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์
ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นอเหตุกะกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจาก
สัทธาในปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากญาณในปวัตติกาล ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๓๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่กำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
ชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๒๓๖] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุต
ด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากโสมนัสและอุเบกขา บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่
กำลังเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลมีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุต
ด้วยโสมนัสในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาท-

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๓๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอุเบกขาและโสมนัส บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่
กำลังเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นสเหตุกะแต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากโสมนัสและที่สัมปยุตด้วยสัทธาในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ
แห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากโสมนัสและสัทธา
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากสัทธาและที่สัมปยุตด้วยโสมนัสใน
ปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์
มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่
วิปปยุตจากสัทธาและโสมนัส บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สัทธินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุตแต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากโสมนัสและที่สัมปยุตด้วยญาณในปวัตติกาล โสมนัส-
สินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด
ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากโสมนัส
และญาณ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๓๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตแต่มีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากญาณและที่สัมปยุตด้วยโสมนัสในปวัตติกาล ปัญญินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังค-
ขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากญาณและ
โสมนัส บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้แต่มีจิตปราศจากโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากโสมนัสในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๒๓๗] อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลมีจิตปราศจากอุเบกขาแต่เป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากอุเบกขาและที่สัมปยุตด้วยสัทธาในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๔๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังค-
ขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอุเบกขาและสัทธา
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นอเหตุกะแต่มีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากสัทธาและที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังค-
ขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากสัทธาและ
อุเบกขา บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุตแต่มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอุเบกขาและที่สัมปยุตด้วยญาณในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังค-
ขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอุเบกขาและญาณ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตแต่มีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากญาณและที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล ปัญญินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ใน
ภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากญาณและ
อุเบกขา บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๔๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้แต่มีจิตปราศจากอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากอุเบกขาในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

สัทธินทรียมูลกนัย
[๒๓๘] อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตแต่เป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิต
ที่วิปปยุตจากญาณและที่สัมปยุตด้วยสัทธาในปวัตติกาล ปัญญินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่ง
จิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากญาณและสัทธา บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด
และสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๔๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นอเหตุกะแต่มีจิตเกิดได้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่
วิปปยุตจากสัทธาในปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด บุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
มนินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

ปัญญินทรียมูลกนัย
[๒๓๙] อนุ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นญาณวิปปยุตแต่มีจิตเกิดได้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากญาณในปวัตติกาล ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๔๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
๒. อตีตวาร
อนุโลมบุคล
จักขุนทรียมูลกนัย
[๒๔๐] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด โสตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๔๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่
ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

ฆานินทรียมูลกนัย
[๒๔๑] อนุ. ฆานินทรีย์ ฯลฯ อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์ ฯลฯ ชีวิตินทรีย์
ฯลฯ โสมนัสสินทรีย์ ฯลฯ อุเปกขินทรีย์ ฯลฯ สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ของบุคคลใดเคยเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๔๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

อนุโลมโอกาส
จักขุนทรียมูลนัย
[๒๔๒] อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด โสตินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสตินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์เคยเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่เคยเกิด
ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์เคยเกิดและฆานินทรีย์ก็เคยเกิด
ปฏิ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์เคยเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่เคยเกิด
ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์เคยเกิดและปุริสินทรีย์ก็เคยเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๔๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์เคยเกิด แต่จักขุนทรีย์
ไม่เคยเกิด ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์เคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นอุเปกขินทรีย์เคยเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่เคยเกิด
ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นอุเปกขินทรีย์เคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นมนินทรีย์เคยเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่เคยเกิด ใน
ปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นมนินทรีย์เคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็เคยเกิด
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

ฆานินทรียมูลกนัย
[๒๔๓] อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์ใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๔๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์เคยเกิด แต่
ฆานินทรีย์ไม่เคยเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์เคยเกิดและฆานินทรีย์ก็
เคยเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นโสมนัสสินทรีย์เคยเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่เคย
เกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นโสมนัสสินทรีย์เคยเกิดและฆานินทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นอุเปกขินทรีย์เคยเกิด แต่
ฆานินทรีย์ไม่เคยเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นอุเปกขินทรีย์เคยเกิดและฆานินทรีย์
ก็เคยเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัทธินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นสัทธินทรีย์เคยเกิด แต่
ฆานินทรีย์ไม่เคยเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นสัทธินทรีย์เคยเกิดและฆานินทรีย์
ก็เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๔๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ในภูมินั้นก็
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นมนินทรีย์เคยเกิด แต่
ฆานินทรีย์ไม่เคยเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นมนินทรีย์เคยเกิดและฆานินทรีย์ก็
เคยเกิด
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

อิตถินทรียมูลกนัย
[๒๔๔] อนุ. อิตถินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด อิตถินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

ปุริสินทรียมูลกนัย
[๒๔๕] อนุ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์เคยเกิด แต่
ปุริสินทรีย์ไม่เคยเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์เคยเกิดและปุริสินทรีย์ก็
เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๔๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
อนุ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นโสมนัสสินทรีย์เคยเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่เคย
เกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นโสมนัสสินทรีย์เคยเกิดและปุริสินทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ ฯลฯ สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นมนินทรีย์เคยเกิด แต่ปุริสินทรีย์
ไม่เคยเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นมนินทรีย์เคยเกิดและปุริสินทรีย์ก็เคยเกิด
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๒๔๖] อนุ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์เคยเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์
ไม่เคยเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์เคยเกิดและ
โสมนัสสินทรีย์ก็เคยเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ ฯลฯ สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์เคยเกิด แต่มนินทรีย์ไม่เคยเกิด
ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์เคยเกิดและมนินทรีย์ก็เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๕๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๒๔๗] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๒๔๘] อนุ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๕๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
สัทธินทรียมูลกนัย
[๒๔๙] อนุ. สัทธินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

ปัญญินทรียมูลกนัย
[๒๕๐] อนุ. ปัญญินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด มนินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด ปัญญินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

อนุโลมปุคคโลกาส
จักขุนทรียมูลกนัย
[๒๕๑] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด โสตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๕๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ จักขุนทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและฆานินทรีย์ก็เคยเกิด
ปฏิ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ จักขุนทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและปุริสินทรีย์ก็เคยเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๕๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคย
เกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ มนินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็เคยเกิด
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๕๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ฆานินทรียมูลกนัย
[๒๕๒] อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและฆานินทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๕๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและฆานินทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและฆานินทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและฆานินทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๕๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ มนินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและฆานินทรีย์ก็เคยเกิด
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

อิตถินทรียมูลกนัย
[๒๕๓] อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

ปุริสินทรียมูลกนัย
[๒๕๔] อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและปุริสินทรีย์ก็เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๕๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและปุริสินทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ ฯลฯ สัทธินทรีย์
ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ มนินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
มนินนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและปุริสินทรีย์ก็เคยเกิด
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๒๕๕] อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด
แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๕๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจ-
โวการภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็เคยเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจ-
โวการภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและปัญญินทรีย์ก็เคยเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิด แต่มนินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจ-
โวการภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและมนินทรีย์ก็เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๕๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๒๕๖] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ อุเปก-
ขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคล
นอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นเคยเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ มนินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้
อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็เคยเกิด
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๖๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๒๕๗] อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

สัทธินทรียมูลกนัย
[๒๕๘] อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

ปัญญินทรียมูลกนัย
[๒๕๙] อนุ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด มนินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๖๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปัจจนีกบุคคล
จักขุนทรียมูลกนัย
[๒๖๐] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด โสตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๖๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคย
เกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคย
เกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๖๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ฆานินทรียมูลกนัย
[๒๖๑] อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์
ฯลฯ ชีวิตินทรีย์ ฯลฯ โสมนัสสินทรีย์ ฯลฯ อุเปกขินทรีย์ ฯลฯ สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
ฯลฯ
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

ปัญญินทรียมูลกนัย
[๒๖๒] อนุ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

ปัจจนีกโอกาส
จักขุนทรียมูลกนัย
[๒๖๓] อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด โสตินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๖๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. โสตินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด
ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ในภูมินั้นฆานินทรีย์ไม่เคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์ในภูมินั้น
ก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่เคยเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่เคย
เกิด ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่เคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็
ไม่เคยเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์ไม่เคยเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่เคย
เกิด ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์ไม่เคยเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๖๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์ไม่เคยเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด
ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์ไม่เคยเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

ฆานินทรียมูลกนัย
[๒๖๔] อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นฆานินทรีย์ไม่เคยเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่
ไม่เคยเกิด ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ในภูมินั้นฆานินทรีย์ไม่เคยเกิดและ
โสมนัสสินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๖๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นฆานินทรีย์ไม่เคยเกิด แต่
อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นฆานินทรีย์ไม่เคยเกิดและ
อุเปกขินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นฆานินทรีย์ไม่เคยเกิด แต่
มนินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นฆานินทรีย์ไม่เคยเกิดและ
มนินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

อิตถินทรียมูลกนัย
[๒๖๕] อนุ. อิตถินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด อิตถินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๖๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปุริสินทรียมูลกนัย
[๒๖๖] อนุ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่เคยเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่
ไม่เคยเกิด ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่เคยเกิดและ
โสมนัสสินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่เคยเกิด แต่
อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่เคยเกิดและ
อุเปกขินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่เคยเกิด แต่
มนินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่เคยเกิดและ
มนินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๖๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๒๖๗] อนุ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่
เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด อุเปกขินทรีย์ ฯลฯ สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๒๖๘] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๖๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๒๖๙] อนุ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

สัทธินทรียมูลกนัย
[๒๗๐] อนุ. สัทธินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด สัทธินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๗๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปัญญินทรียมูลกนัย
[๒๗๑] อนุ. ปัญญินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด มนินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด ปัญญินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
จักขุนทรียมูลกนัย
[๒๗๒] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด โสตินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่เคยเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
อสัญญสัตตภูมิและในอรูปภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและ
จักขุนทรีย์ก็ไม่เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๗๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่เคยเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
อสัญญสัตตภูมิและในอรูปภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและ
จักขุนทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธา-
วาสภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๗๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคย
เกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิและอสัญญสัตตภูมิ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
เคยเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิและอสัญญสัตตภูมิ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

ฆานินทรียมูลกนัย
[๒๗๓] อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด อิตถินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๗๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธา-
วาสภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
เคยเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
อสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและ
โสมนัสสินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
สุทธาวาสภูมิและอสัญญสัตตภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด
และอุเปกขินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๗๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใชไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธา-
วาสภูมิและอสัญญสัตตภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและ
มนินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

อิตถินทรียมูลกนัย
[๒๗๔] อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๗๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปุริสินทรียมูลกนัย
[๒๗๕] อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธา-
วาสภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
เคยเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ อสัญญสัตต-
ภูมิและอรูปภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและโสมนัสสินทรีย์
ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
สุทธาวาสภูมิและอสัญญสัตตภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด
และอุเปกขินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๗๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธา-
วาสภูมิและอสัญญสัตตภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและ
มนินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๒๗๖] อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด
แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ในอุปปาทขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
สุทธาวาสภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและชีวิตินทรีย์
ก็ไม่เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๗๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยกิด อุเปกขินทรีย์ ฯลฯ สัทธินทรีย์
ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ในอุปปาทขณะแห่งอุปปัตติจิตของ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด
และชีวิตินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๒๗๗] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด อุเปกขินทรีย์
ฯลฯ สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ โสมนัส-
สินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิและอสัญญสัตตภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่เคยเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๗๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
อุเปกขินทรียมูลนัย
[๒๗๘] อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

สัทธินทรียมูลกนัย
[๒๗๙] อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

ปัญญินทรียมูลกนัย
[๒๘๐] อนุ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด มนินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๗๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
๓. อนาคตวาร
อนุโลมบุคคล
จักขุนทรียมูลกนัย
[๒๘๑] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด โสตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน จักขุนทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ จักขุนทรีย์ก็ของ
บุคคลเหล่านั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพานและบุคคลเหล่าใดมี
ปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพานและบุคคลเหล่าใด
มีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๘๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นจักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีจักขุเกิดได้มีอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่
ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีจักขุเกิดได้มีโสมนัสอุบัติแล้วจักปรินิพพาน จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๘๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน มนินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นจักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็จักเกิด
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

ฆานินทรียมูลกนัย
[๒๘๒] อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
แล้วปรินิพพาน ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
แล้วปรินิพพาน ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๘๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่
ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีฆานะเกิดได้และมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีฆานะเกิดได้และมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๘๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็จักเกิด
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

อิตถินทรียมูลกนัย
[๒๘๓] อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
แล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
แล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน และ
บุคคลเหล่าใดถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน ชีวิตินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
มีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่
โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและ
โสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๘๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพานและบุคคลเหล่าใดมี
ปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ มีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้ว
ปรินิพพาน โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
มีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่
อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและ
อุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพานและ
บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นอุเบกขา
จักอุบัติแล้วปรินิพพาน อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่
จักเกิด บุคคลนอกนี้ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพานและ
บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็จักเกิด

อิตถินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๘๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปุริสินทรียมูลกนัย
[๒๘๔] อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน
และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้ว
ปรินิพพาน ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือเอาปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่น
แหละมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด
แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด
และโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพานและบุคคลเหล่าใดมี
อิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้ว
ปรินิพพาน โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
มีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่
อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและ
อุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๘๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ผู้ของบุคคลใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน และ
บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นอุเบกขา
จักอุบัติแล้วปรินิพพาน อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่
ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์
ก็จักเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน และ
บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
มนินทรียของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๒๘๕] อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด ในลำดับแห่ง
จิตนั้น ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคล
นอกนี้ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๘๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด ในลำดับแห่ง
จิตนั้น ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคล
นอกนี้ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๒๘๖] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด ในลำดับแห่ง
จิตนั้น โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคล
นอกนี้ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด ในลำดับ
แห่งจิตนั้น อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๘๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด ในลำดับแห่ง
จิตนั้น มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคล
นอกนี้ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๒๘๗] อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด ในลำดับแห่ง
จิตนั้น มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคล
นอกนี้ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

สัทธินทรียมูลกนัย
[๒๘๘] อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์
ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

ปัญญินทรียมูลกนัย
[๒๘๙] อนุ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๘๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

อนุโลมโอกาส
จักขุนทรียมูลกนัย
[๒๙๐] อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดจักเกิด โสตินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสตินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์จักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์จักเกิดและฆานินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์จักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์จักเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นจักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์จักเกิด แต่จักขุนทรีย์
ไม่ใช่จักเกิด ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๙๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นอุเปกขินทรีย์จักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นอุเปกขินทรีย์จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดจักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นมนินทรีย์จักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่จักเกิด ใน
ปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นมนินทรีย์จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็จักเกิด
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

ฆานินทรียมูลกนัย
[๒๙๑] อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์ใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๙๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์จักเกิด แต่
ฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์จักเกิดและฆานินทรีย์
ก็จักเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นโสมนัสสินทรีย์จักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่จัก
เกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นโสมนัสสินทรีย์จักเกิดและฆานินทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นอุเปกขินทรีย์จักเกิด แต่
ฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นอุเปกขินทรีย์จักเกิดและฆานินทรีย์
ก็จักเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นมนินทรีย์จักเกิด แต่ฆานินทรีย์
ไม่ใช่จักเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นมนินทรีย์จักเกิดและฆานินทรีย์ก็จักเกิด
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๙๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อิตถินทรียมูลกนัย
[๒๙๒] อนุ. อิตถินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. อิตถินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์จักเกิด แต่
อิตถินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์จักเกิดและอิตถินทรีย์
ก็จักเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นโสมนัสสินทรีย์จักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่จัก
เกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นโสมนัสสินทรีย์จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นอุเปกขินทรีย์จักเกิด แต่
อิตถินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นอุเปกขินทรีย์จักเกิดและอิตถินทรีย์
ก็จักเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๙๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นมนินทรีย์จักเกิด แต่อิตถินทรีย์
ไม่ใช่จักเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นมนินทรีย์จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็จักเกิด
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

ปุริสินทรียมูลกนัย
[๒๙๓] อนุ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์จักเกิด แต่ปุริสินทรีย์
ไม่ใช่จักเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์จักเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นโสมนัสสินทรีย์จักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่จัก
เกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นโสมนัสสินทรีย์จักเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นอุเปกขินทรีย์จักเกิด แต่
ปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นอุเปกขินทรีย์จักเกิดและปุริสินทรีย์
ก็จักเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๙๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นมนินทรีย์จักเกิด แต่ปุริสินทรีย์
ไม่ใช่จักเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นมนินทรีย์จักเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๒๙๔] อนุ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์จักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์
ไม่ใช่จักเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์จักเกิดและ
โสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ ฯลฯ สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์จักเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นชีวิตินทรีย์จักเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๒๙๕] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ ฯลฯ สัทธินทรีย์
ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๙๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๒๙๖] อนุ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

สัทธินทรียมูลกนัย
[๒๙๗] อนุ. สัทธินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด สัทธินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

ปัญญินทรียมูลกนัย
[๒๙๘] อนุ. ปัญญินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด มนินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๙๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดจักเกิด ปัญญินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

อนุโลมปุคคโลกาส
จักขุนทรียมูลกนัย
[๒๙๙] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด โสตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ จักขุนทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือ
ปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ใน
กามาวจรภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๙๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือ
ปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีจักขุเกิดได้ มีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติและจุติอยู่ในปัญจโวการภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๙๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีจักขุเกิดได้ มีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคล
นอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด
และอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด
แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ มนินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็จักเกิด
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๙๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ฆานินทรียมูลกนัย
[๓๐๐] อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
แล้วปรินิพพาน ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ ไม่ใช่
จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ในภูมิ
นั้นจักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ในภูมิ
นั้นจักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
แล้วปรินิพพาน ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่
จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ในภูมิ
นั้นจักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๐๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีฆานะเกิดได้และมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด
และโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีฆานะเกิดได้และมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคล
นอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและ
อุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๐๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ มนินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็จักเกิด
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

อิตถินทรียมูลกนัย
[๓๐๑] อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
แล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่
จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
แล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่
จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๐๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะ
เกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่
ในกามาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
มีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิใน
บางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน โสมนัสสิน-
ทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้
อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและ
อิตถินทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมี
จิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด
แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๐๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะ
เกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้ว
ปรินิพพาน อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่
จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะ
เกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน มนินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่
ในกามาวจรภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็จักเกิด
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

ปุริสินทรียมูลกนัย
[๓๐๒] อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถี
เกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่
ในกามาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๐๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่น
แหละมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิ
ในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่
ในกามาวจรภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็
จักเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลในภูมิใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
มีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถี
เกิด ได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้ว
ปรินิพพาน อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่
จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๐๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถี
เกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน มนินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ใน
กามาวจรภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๓๐๓] อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่ง
จิตนั้น) บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจ-
โวการภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด ในลำดับแห่ง
จิตนั้น บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๐๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
จักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจ-
โวการภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจ-
โวการภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๓๐๔] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด ในลำดับแห่ง
จิตนั้น โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จัก
เกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๐๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่ง
จิตนั้น) อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่
จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับ
แห่งจิตนั้น) มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่
จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ มนินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๓๐๕] อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นจักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่ง
จิตนั้น) มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นจักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๐๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
สัทธินทรียมูลกนัย
[๓๐๖] อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

ปัญญินทรียมูลกนัย
[๓๐๗] อนุ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด มนินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

ปัจจนีกบุคคล
จักขุนทรียมูลกนัย
[๓๐๘] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด โสตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๐๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน ฆานินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลและ
บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพานและบุคคลเหล่าใดมี
ปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลและ
บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพานและบุคคลเหล่าใดมี
อิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลและ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๑๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคล จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีจักขุเกิดได้และมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิม-
ภวิกบุคคลและบุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคล จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๑๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
วิ. บุคคลเหล่าใดมีจักขุเกิดได้และมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิม-
ภวิกบุคคล อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคล จักขุนทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

ฆานินทรียมูลกนัย
[๓๐๙] อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
แล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่จักไม่
เกิด ปัจฉิมภิวกบุคคลและบุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิแล้ว
ปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๑๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
แล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรียมิใช่จักไม่
เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลและบุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิแล้ว
ปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิ และอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิก-
บุคคล ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน ฆานินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลและ
บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
จักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีฆานะเกิดได้มีอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน โสมนัสสิน-
ทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคล
และบุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๑๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิม-
ภวิกบุคคล และบุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติในรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีฆานะเกิดได้และมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิก-
บุคคลและบุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติในรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิก-
บุคคล ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๑๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อิตถีนทรียมูลกนัย
[๓๑๐] อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
แล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่จักไม่
เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลและบุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิแล้ว
ปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
แล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่จักไม่
เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลและบุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิแล้ว
ปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพานและ
บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน
อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิก-
บุคคล อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพานและบุคคลเหล่าใดมี
ปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้ว

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๑๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่จัก
ไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลและบุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้วจักปรินิพพาน
บุคคลเหล่าใดมีปริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพในภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นอุเบกขา
จักอุบัติแล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและโสมนัส-
สินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
มีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคล บุคคลเหล่าใดจักอุบัติใน
อรูปภูมิแล้วปรินิพพาน และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดย
ภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน โสมนัสสินทรีย์บุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็จักไม่เกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใด
มีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพในภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติ
แล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่
จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลและบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพ
โดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ มีจิต
เป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด
แต่อิตถินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลและบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๑๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน
และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้ว
ปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด
ปัจฉิมภวิกบุคคล อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่
จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

ปุริสินทรียมูลกนัย
[๓๑๑] อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน
และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้ว
ปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด
ปัจฉิมภวิกบุคคล ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๑๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพานและบุคคลเหล่าใดมี
อิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้ว
ปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่จัก
ไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคล บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน และ
บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็น
อุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและ
โสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
มีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จัก
เกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคล บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิ
แล้วปรินิพพาน และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้น
นั่นแหละมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นไม่ใช่จักเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพานและ
บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นอุเบกขา
จักอุบัติแล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์
มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลและบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบาง
ภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๑๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
วิ. บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
มีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด
แต่ปุริสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลและบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิ
ในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน และ
บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิก-
บุคคล ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๓๑๒] อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๑๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับ
แห่งจิตนั้น) โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่
เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จัก
เกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่ง
จิตนั้น) อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด
บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและ
ชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๓๑๓] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่ง
จิตนั้น) โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด
บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและ
อุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๒๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่ง
จิตนั้น) อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด
บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและ
โสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับ
แห่งจิตนั้น) โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด
บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด
และมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๓๑๔] อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิต
นั้น) อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคล
ผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและมนินทรีย์
ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๒๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
สัทธินทรียมูลกนัย
[๓๑๕] อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

ปัญญินทรียมูลกนัย
[๓๑๖] อนุ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้น
ก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

ปัจจนีกโอกาส
จักขุนทรียมูลกนัย
[๓๑๗] อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด โสตินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสตินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๒๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่จักไม่เกิด
ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ในภูมินั้นฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่
จักเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์ในภูมินั้น
ก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่จัก
ไม่เกิด ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์
ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๒๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์ไม่ใช่จักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่
เกิด ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์ไม่ใช่จักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จัก
เกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์ไม่ใช่จักเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด
ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นจักขุนทรีย์ไม่ใช่จักเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

ฆานินทรียมูลกนัย
[๓๑๘] อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๒๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่จัก
ไม่เกิด ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ในภูมินั้นฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิดและโสมนัสสินทรีย์
ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด แต่
อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิดและ
อุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด แต่
มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิดและ
มนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๒๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อิตถินทรียมูลกนัย
[๓๑๙] อนุ. อิตถินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

ปุริสินทรียมูลกนัย
[๓๒๐] อนุ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์
มิใช่จักไม่เกิด ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิดและ
โสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด แต่
อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิดและ
อุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๒๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ปุริสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด แต่
มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิดและ
มนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๓๒๑] อนุ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่
ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. จักเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ ฯลฯ สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๒๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๓๒๒] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ ฯลฯ
สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๓๒๓] อนุ. อุเปกขินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อุเปกขินทรียมูลนัย จบ

สัทธินทรียมูลกนัย
[๓๒๔] อนุ. สัทธินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๒๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปัญญินทรียมูลกนัย
[๓๒๕] อนุ. ปัญญินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด มนินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปัญญินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
จักขุนทรียมูลกนัย
[๓๒๖] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด โสตินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในปัญจโวการภูมิ และ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๒๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือ
ปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในปัญจ-
โวการภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือ
ปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในปัญจ-
โวการภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคล
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๓๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีจักขุเกิดได้และมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่จักไม่เกิด
ปัจฉิมภวิกบุคคลในปัญจโวการภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
จักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและอุเปกขินทรีย์
ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีจักขุเกิดได้และมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่จักไม่เกิด
ปัจฉิมภวิกบุคคลและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๓๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
จักเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและมนินทรีย์ก็
ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

ฆานินทรียมูลกนัย
[๓๒๗] อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
แล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์
มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและ
อรูปาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์ก็
ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๓๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
แล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์
มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและ
อรูปาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่
ใช่จักเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคล
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่จักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในปัญจโวการภูมิ
และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีฆานะเกิดได้และมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๓๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปัจฉิมภวิกบุคคลในปัญจโวการภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จัก
เกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีฆานะเกิดได้และมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด
ปัจฉิมภวิกบุคคลและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จัก
เกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๓๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อิตถินทรียมูลกนัย
[๓๒๘] อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
แล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ปุริสินทรีย์
มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและ
อรูปาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและปุริสินทรีย์
ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
แล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์
มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและ
อรูปาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์
ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะ
เกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคล
อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๓๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิ
ในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิก-
บุคคลในปัญจโวการภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ และบุคคล
เหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นอุเบกขา
จักอุบัติแล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและ
โสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมี
จิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในปัญจโวการภูมิและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือ
ปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมี
ปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้ว
ปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์
มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ และบุคคล
เหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นโสมนัส
จักอุบัติแล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและ
อุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมี
จิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๓๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้น
นั่นแหละมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะ
เกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคล
และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
จักเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

ปุริสินทรียมูลกนัย
[๓๒๙] อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถี
เกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคล
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๓๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิ
ในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิม-
ภวิกบุคคลในปัญจโวการภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ และบุคคล
เหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นอุเบกขา
จักอุบัติแล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและ
โสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมี
จิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่จักเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในปัญจโวการภูมิ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือ
ปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถี
เกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้ว
ปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์
มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ และบุคคล
เหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมีจิตเป็นโสมนัสจัก
อุบัติแล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและอุเปก-
ขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๓๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
วิ. บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละมี
จิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
ใช่จักเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิและบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่น
แหละมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถี
เกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคล
และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
จักเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๓๓๐] อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับ
แห่งจิตนั้น) บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๓๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่ง
จิตนั้น) บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่จักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๓๓๑] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่ง
จิตนั้น) โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๔๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่ง
จิตนั้น) อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่
จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่ง
จิตนั้น) โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่
จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๓๓๒] อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่ง
จิตนั้น) อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่
จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๔๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่ง
จิตนั้น) อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จัก
ไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

สัทธินทรียมูลกนัย
[๓๓๓] อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

ปัญญินทรียมูลกนัย
[๓๓๔] อนุ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด มนินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๔๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุโลมบุคคล
จักขุนทรียมูลกนัย
[๓๓๕] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด โสตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ โสตินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลัง
อุบัติ โสตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลัง
อุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๔๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลัง
อุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลัง
อุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ ฯลฯ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลัง
อุบัติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๔๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลัง
อุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

ฆานินทรียมูลกนัย
[๓๓๖] อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์
ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลัง
อุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลัง
อุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๔๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ ฯลฯ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลัง
อุบัติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลัง
อุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

อิตถินทรียมูลกนัย
[๓๓๗] อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๔๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลัง
อุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ ฯลฯ อุเปกขินทรีย์
ฯลฯ สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลัง
อุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

ปุริสินทรียมูลกนัย
[๓๓๘] อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๔๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลัง
อุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ ฯลฯ อุเปกขินทรีย์
ฯลฯ สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๓๓๙] อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและ
ชีวิตินทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๔๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ ฯลฯ สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล มนินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและ
ชีวิตินทรีย์ก็กำลังเกิด
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๓๔๐] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจาก
โสมนัส บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นโสมนัส
กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๔๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากโสมนัส บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นโสมนัส
กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสในปวัตติกาล มนินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็กำลังเกิด
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๓๔๑] อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอุเบกขา บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็น
อุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล
สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของ
บุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๕๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอุเบกขา บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็น
อุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็กำลังเกิด
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

สัทธินทรียมูลกนัย
[๓๔๒] อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากสัทธา บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็น
สเหตุกะกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธาในปวัตติกาล
ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและสัทธินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากสัทธา บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๕๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นสเหตุกะกำลัง
อุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธาในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นเคยเกิดและสัทธินทรีย์ก็กำลังเกิด
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

ปัญญินทรียมูลกนัย
[๓๔๓] อนุ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากญาณ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุต
กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยญาณในปวัตติกาล มนินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและปัญญินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

อนุโลมโอกาส
จักขุนทรียมูลกนัย
[๓๔๔] อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด โสตินทรีย์ในภูมินั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๕๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุโลมปุคคโลกาส
จักขุนทรียมูลกนัย
[๓๔๕] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด โสตินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นกำลังเกิด แต่โสตินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและโสตินทรีย์ก็เคยเกิด
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ โสตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่
กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ โสตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในรูปาวจรภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็เคยเกิด
ปฏิ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่
กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๕๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในรูปาวจรภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็เคยเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่
กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นกำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็เคยเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิด
ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นกำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๕๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่จักขุนทรีย์
ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นเคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็เคยเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็เคยเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๕๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิและอรูปภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่
จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นกำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็เคยเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

ฆานินทรียมูลกนัย
[๓๔๖] อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่
ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๕๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่
กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะ
เกิดได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดและฆานินทรีย์ก็
กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นเคยเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๕๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะ
เกิดได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและฆานินทรีย์ก็
กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ มนินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้
กำลังอุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

อิตถินทรียมูลกนัย
[๓๔๗] อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๕๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่
กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้
กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นเคยเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๕๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้
กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ มนินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลัง
อุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

ปุริสินทรียมูลกนัย
[๓๔๘] อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๖๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้
กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะเกิด
ได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๖๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ มนินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้
กำลังอุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๓๔๙] อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลัง
เกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและ
ปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นกำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็เคยเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่
ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและ
ชีวิตินทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๖๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิและบุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคล
นอกนี้ผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็เคยเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ชีวิตินทรีย์
ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและชีวิตินทรีย์
ก็กำลังเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิและบุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคล
นอกนี้ผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็เคยเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่ใช่
กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและชีวิตินทรีย์ก็
กำลังเกิด
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๖๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๓๕๐] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากโสมนัส อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์
ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุต
ด้วยโสมนัสในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและ
โสมนัสสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากโสมนัส มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่
กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วย
โสมนัสในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและโสมนัส-
สินทรีย์ก็กำลังเกิด
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๓๕๑] อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๖๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้มีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็เคยเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอุเบกขา สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่
กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วย
อุเบกขาในปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและอุเปกขิน-
ทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นกำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้มีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็เคยเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอุเบกขา ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่อุเปกขินทรีย์
ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุต
ด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและ
อุเปกขินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๖๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นกำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้มีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็เคยเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอุเบกขา มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่
กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วย
อุเบกขาในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและอุเปกขินทรีย์
ก็กำลังเกิด
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

สัทธินทรียมูลกนัย
[๓๕๒] อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นกำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้เป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธาในปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็เคยเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากสัทธา ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่กำลัง
เกิด บุคคลผู้เป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธาใน
ปวัตติกาล ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและสัทธินทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๖๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นกำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้เป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธาในปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็เคยเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากสัทธา มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่กำลัง
เกิด บุคคลผู้เป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธาใน
ปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็กำลังเกิด
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

ปัญญินทรียมูลกนัย
[๓๕๓] อนุ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นกำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้เป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยญาณในปวัตติกาล ปัญญินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็เคยเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากญาณ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่ใช่กำลัง
เกิด บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยญาณ
ในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและปัญญินทรีย์ก็กำลัง
เกิด
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๖๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปัจจนีกบุคคล
จักขุนทรียมูลกนัย
[๓๕๔] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด โสตินทรีย์ของบุคคล
นั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์
ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๖๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ ฯลฯ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ฯลฯ

ปัญญินทรียมูลกนัย
[๓๕๕] อนุ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคล
นั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๖๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปัจจนีกโอกาส
จักขุนทรียมูลกนัย
[๓๕๖] อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสตินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่เคย
เกิดใช่ไหม
ฯลฯ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
จักขุนทรียมูลกนัย
[๓๕๗] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสตินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสตินทรีย์
มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด
และโสตินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ โสตินทรีย์ของบคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่เคยเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ โสตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๗๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์
มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
และอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็
ไม่เคยเกิด
ปฏิ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังจุติจากรูปาวจรภูมิ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ ฯลฯ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์
มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้กำลังจุติจากรูปาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
และอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็
ไม่เคยเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในรูปาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังจุติจากรูปาวจรภูมิ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๗๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้
กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในสุทธาวาส-
ภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์
มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด
และโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานใน
สุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๗๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิและอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้ปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
อุเปกขินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในสุทธา-
วาสภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิและอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
มนินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในสุทธาวาส-
ภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
เคยเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๗๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ฆานินทรียมูลกนัย
[๓๕๘] อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์
ฯลฯ ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์
มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้
อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด
และชีวิตินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธา-
วาสภูมิ อสัญญสัตตภูมิ และอรูปภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๗๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ ฯลฯ
สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในสุทธาวาสภูมิและอสัญญสัตตภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและมนินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

อิตถินทรียมูลกนัย
[๓๕๙] อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีเป็นอิตถีเกิดไม่ได้กำลัง
อุบัติในกามาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ อิตถินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๗๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในสุทธาวาสภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
ชีวิตินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธา-
วาสภูมิ อสัญญสัตตภูมิ และอรูปภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ ฯลฯ
สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ รูปาวจรภูมิ และอรูปาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๗๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิและ
อสัญญสัตตภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมนินทรีย์
ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

ปุริสินทรียมูลกนัย
[๓๖๐] อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในสุทธาวาสภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
ชีวิตินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
อสัญญสัตตภูมิ และอรูปภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด
และโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๗๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ ฯลฯ
สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในสุทธาวาสภูมิและอสัญญสัตตภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๓๖๑] อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์
มิใช่ไม่เคยเกิด ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติในสุทธาวาสภูมิ บุคคล
ผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด
และโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๗๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ และ
บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่กำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ ฯลฯ
สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์
มิใช่ไม่เคยเกิด ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิและอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่ง
อุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิและบุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๓๖๒] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์
ฯลฯ สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่
เคยเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๗๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากโสมนัส โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์
มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญ-
สัตตภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่
เคยเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๓๖๓] อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอุเบกขา อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์
มิใช่ไม่เคยเกิด ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๘๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอุเบกขา อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์
มิใช่ไม่เคยเกิด ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

สัทธินทรียมูลกนัย
[๓๖๔] อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากสัทธา สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่
ไม่เคยเกิด ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิและ
อสัญญสัตตภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมนินทรีย์
ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิและอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่เคยเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๘๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปัญญินทรียมูลกนัย
[๓๖๕] อนุ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากญาณ ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิ
ใช่ไม่เคยเกิด ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิด แต่ปัญญินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิและอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่เคยเกิดและปัญญินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุโลมบุคคล
จักขุนทรียมูลกนัย
[๓๖๖] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด โสตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ บุคคลเหล่าใดจักอุบัติ
ในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นผู้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่โสตินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและโสตินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๘๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ โสตินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลัง
อุบัติ โสตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ บุคคลเหล่าใดจักอุบัติใน
รูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีจักขุเกิดได้
กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลัง
อุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ บุคคลเหล่าใดจักอุบัติ
ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือ
ปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มี
จักขุเกิดได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๘๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลัง
อุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ บุคคลเหล่าใดจักอุบัติ
ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือ
ปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มี
จักขุเกิดได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลัง
อุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๘๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิและบุคคลเหล่าใดผู้มี
จักขุเกิดได้มีอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีจักขุเกิด
ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลัง
อุบัติ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิและบุคคลเหล่าใดผู้มี
จักขุเกิดได้และมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
ผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์
ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลัง
อุบัติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๘๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลัง
อุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

ฆานินทรียมูลกนัย
[๓๖๗] อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ บุคคลเหล่าใดจักอุบัติใน
รูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือ
ปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มี
ฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลัง
อุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ บุคคลเหล่าใดจักอุบัติใน
รูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพานและบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิ
ในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ ฆานินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีฆานะเกิด
ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๘๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลัง
อุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดผู้มี
ฆานะเกิดได้และมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
ผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์
ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๘๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีฆานะ
เกิดได้และมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
ผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์
ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลัง
อุบัติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลัง
อุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของ
บุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๘๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลัง
อุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

อิตถินทรียมูลกนัย
[๓๖๘] อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้
จักอุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน และบุคคลเหล่าใดมีอิตถี
เกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้น
กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและ
ปุริสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลัง
อุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นกำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ
อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๘๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลัง
อุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติและบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้
และมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีอิตถี
เกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ โสมนัส-
สินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิด
ได้กำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิด
ได้และมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีอิตถี
เกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๙๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลัง
อุบัติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีอิตถีเกิดได้กำลัง
อุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ
สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของ
บุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นกำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ
อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๙๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปุริสินทรียมูลกนัย
[๓๖๙] อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นกำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีปุริสะเกิดได้กำลัง
อุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้
และมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีปุริสะ
เกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มี
ปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็
กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๙๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติและบุคคลเหล่าใดมีปุริสะ
เกิดได้และมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
ผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์
ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ และบุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะ
เกิดได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีปุริสะเกิดได้กำลัง
อุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ
สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของ
บุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นกำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๙๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๓๗๐] อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาจักเกิด
ในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด
แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและ
ชีวิตินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจักเกิดใน
ลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด
แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๙๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดกำลังอุบัติ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและ
ชีวิตินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด
แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล มนินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและชีวิติน-
ทรีย์ก็กำลังเกิด
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๓๗๑] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัส ปัจฉิมจิตที่สัมปยุต
ด้วยโสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้มีจิตเป็นโสมนัส
กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๙๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากโสมนัส บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมี
จิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสในปวัตติกาล
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัส โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้มีจิตเป็นโสมนัส
กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากโสมนัส บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นโสมนัส
กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสในปวัตติกาล มนินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นจักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็กำลังเกิด
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๓๗๒] อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้น
ก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีจิตเป็นอุเบกขา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๙๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอุเบกขา บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็น
อุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล
สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของ
บุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้มีจิตเป็นอุเบกขา
กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอุเบกขา บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิต
เป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็กำลังเกิด
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๙๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
สัทธินทรียมูลกนัย
[๓๗๓] อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์
ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด
แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้เป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธาในปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด
และมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากสัทธา บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นสเหตุกะกำลัง
อุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธาในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นจักเกิดและสัทธินทรีย์ก็กำลังเกิด
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

ปัญญินทรียมูลกนัย
[๓๗๔] อนุ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด
แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้เป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ ในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยญาณในปวัตติกาล ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นกำลัง
เกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๙๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากญาณ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุต
กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยญาณในปวัตติกาล มนินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นจักเกิดและปัญญินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

อนุโลมโอกาส
จักขุนทรียมูลกนัย
[๓๗๕] อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดกำลังเกิด โสตินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
ฯลฯ

อนุโลมปุคคโลกาส
จักขุนทรียมูลกนัย
[๓๗๖] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด โสตินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่โสตินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีจักขุเกิดได้
กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและโสตินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ โสตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่
กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ โสตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๙๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิและรูปาวจรภูมิ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มี
จักขุเกิดได้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลัง
เกิดและฆานินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลัง
เกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ รูปาวจรภูมิ และบุคคล
เหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคล
เหล่านั้นกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์
ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ จักขุนทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่
กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๐๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิและรูปาวจรภูมิ บุคคล
เหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิ๑ในบางภพโดยภาวะนั้น๒นั่นแหละแล้วปรินิพพาน
บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังอุบัติ แต่
ปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลัง
เกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีจักขุเกิดได้
กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิด
ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม

เชิงอรรถ :
๑ คำว่า ถือปฏิสนธิ คำบาลีว่า ทสฺเสตฺวา อรรถกถาแก้ว่า ปฏิสนฺธิโย คเหตฺวา (อภิ. ปญฺจ. อ. ๒๘๑/๓๘๘)
๒ คำว่า โดยภาวะนั้น หมายถึงโดยที่มีอิตถีภาวรูปนั้นนั่นแหละ (อภิ. ปญฺจ. อ. ๒๘๑/๓๘๘)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๐๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิและบุคคลเหล่าใดผู้มี
จักขุเกิดได้มีอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
ผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและ
โสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่จักขุนทรีย์
ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิและบุคคลเหล่าใดผู้มี
จักขุเกิดได้และมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลัง
เกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิและอรูปภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่
จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์บุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๐๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีจักขุเกิดได้
กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิและอรูปภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่
จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีจักขุเกิดได้
กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็กำลังเกิด
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

ฆานินทรียมูลกนัย
[๓๗๗] อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อิตถินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๐๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดมีปุริสะ
เกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้น
กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่จัก
เกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นกำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่
กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดมีอิตถี
เกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้น
กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่จัก
เกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นกำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่
กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๐๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีฆานะเกิดได้
กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะ
เกิดได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและฆานินทรีย์
ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดผู้มีฆานะ
เกิดได้และมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลัง
เกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดผู้มีฆานะ
เกิดได้และมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๐๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคล
นอกนี้ผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและ
อุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะ
เกิดได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็
กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีฆานะเกิดได้
กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ สัทธินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้
กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีฆานะเกิดได้
กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๐๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ มนินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้
กำลังอุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็กำลังเกิด
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

อิตถินทรียมูลกนัย
[๓๗๘] อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติและบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิด
ได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลัง
อุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลัง
เกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่
กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีอิตถีเกิดได้กำลัง
อุบัติ อิตถินทรีย์ของบคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๐๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้
กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติและบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิด
ได้และมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
ผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและ
โสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติและบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้
และมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้
มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและ
อุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๐๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลัง
อุบัติในกามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถี
เกิดได้กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็
กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีอิตถีเกิดได้กำลัง
อุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ สัทธินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้
กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็
กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีอิตถีเกิดได้กำลัง
อุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๐๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ มนินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้
กำลังอุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็กำลังเกิด
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

ปุริสินทรียมูลกนัย
[๓๗๙] อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะเกิด
ได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็
กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ และบุคคลเหล่าใดมี
ปุริสะเกิดได้และมีจิตเป็นอุเบกขาเกิดแล้วจักปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๑๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลัง
เกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลัง
อุบัติ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นก็จักเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติและบุคคลเหล่าใดผู้มีปุริสะ
เกิดได้และมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลัง
เกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้
กำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๑๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้มีปุริสะเกิดได้
กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ มนินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีปุริสะเกิด
ได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๓๘๐] อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาจักเกิด
ในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์
ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่ใช่
กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาล โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและชีวิตินทรีย์
ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๑๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจักเกิดใน
ลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคล
นอกนี้ผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่ใช่
กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและชีวิตินทรีย์ก็
กำลังเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอก
นี้ผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่ใช่
กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและชีวิตินทรีย์ก็
กำลังเกิด
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๑๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๓๘๑] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัส ปัจฉิมจิตที่สัมปยุต
ด้วยโสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
มีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสในปวัตติกาล
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากโสมนัส อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่
ใช่กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วย
โสมนัสในปวัตติกาล อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและ
โสมนัสสินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัส โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้มีจิตเป็น
โสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสในปวัตติกาล
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากโสมนัส มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่
กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นโสมนัสกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วย
โสมนัสในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและโสมนัสสินทรีย์
ก็กำลังเกิด
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๑๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๓๘๒] อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัทธินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้มีจิตเป็น
อุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอุเบกขา สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่
กำลังเกิด บุคคลมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วย
อุเบกขาในปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและอุเปกขินทรีย์
ก็กำลังเกิด
อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้มีจิตเป็น
อุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาในปวัตติกาล
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอุเบกขา มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่กำลัง
เกิด บุคคลมีจิตเป็นอุเบกขากำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา
ในปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็กำลังเกิด
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๑๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
สัทธินทรียมูลกนัย
[๓๘๓] อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้เป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ ใน
อุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธาในปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นกำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากสัทธา ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่กำลัง
เกิด บุคคลผู้เป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธาใน
ปวัตติกาล ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและสัทธินทรีย์ก็กำลังเกิด
อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้เป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ ใน
อุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธาในปวัตติกาล สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากสัทธา มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่กำลัง
เกิด บุคคลผู้เป็นสเหตุกะกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยสัทธาใน
ปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและสัทธินทรีย์ก็กำลังเกิด
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๑๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปัญญินทรียมูลกนัย
[๓๘๔] อนุ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มนินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้เป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ ใน
อุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยญาณในปวัตติกาล ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นกำลังเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากญาณ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่ใช่กำลัง
เกิด บุคคลผู้เป็นญาณสัมปยุตกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่สัมปยุตด้วยญาณใน
ปวัตติกาล มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและปัญญินทรีย์ก็กำลังเกิด
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

ปัจจนีกบุคคล
จักขุนทรียมูลกนัย
[๓๘๕] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด โสตินทรีย์ของบุคคล
นั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิและบุคคลเหล่าใดจักอุบัติ
ในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและโสตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๑๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ และบุคคลเหล่าใดจัก
อุบัติในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ โสตินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานใน
ปัญจโวการภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ และบุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิ
แล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ โสตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด
และจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ และบุคคลเหล่าใดจักอุบัติ
ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ และบุคคลเหล่าใดจัก
อุบัติในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้
กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ และบุคคลเหล่าใด
จักอุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๑๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ บุคคลเหล่าใดจักอุบัติ
ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือ
ปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ บุคคลเหล่าใดจักอุบัติ
ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือ
ปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้
กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ บุคคลเหล่าใดจัก
อุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิด
ได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลัง
จุติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ บุคคลเหล่าใดจักอุบัติ
ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือ
ปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๑๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ บุคคลเหล่าใดจักอุบัติ
ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือ
ปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้
กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ บุคคลเหล่าใดจัก
อุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้
ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในปัญจโวการภูมิและปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานใน
ปัญจโวการภูมิและปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๒๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิและบุคคลเหล่าใดมีจิตเป็น
อุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ และบุคคลเหล่าใดผู้มีจักขุ
เกิดได้และมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด
บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ และบุคคล
เหล่าใดมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ โสมนัส-
สินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีจิต
เป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิและบุคคลเหล่าใดมี
จักขุเกิดได้มีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล
ผู้กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ และบุคคลเหล่าใด
มีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๒๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในปัญจโวการภูมิและปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานใน
ปัญจโวการภูมิและปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์
ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในปัญจโวการภูมิและปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ มนินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้ปรินิพพานในปัญจ-
โวการภูมิและปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด
และจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๒๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ฆานินทรียมูลกนัย
[๓๘๖] อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคล
นั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ
บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน และบุคคล
เหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน
บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอิตถินทรีย์
ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ บุคคลเหล่าใดจักอุบัติใน
รูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือ
ปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้
กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ
บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่า
ใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคล
เหล่านั้นกำลังจุติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่
กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๒๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน และบุคคล
เหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน
บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปุริสินทรีย์
ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ บุคคลเหล่าใดจักเกิดใน
รูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือ
ปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้
กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ
และบุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่า
ใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคล
เหล่านั้นกำลังจุติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่
กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ และปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานใน
กามาวจรภูมิ และปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๒๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และ
บุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดผู้มี
ฆานะเกิดได้และมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล
ผู้กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
และบุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และ
บุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดผู้มี
ฆานะเกิดได้มีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๒๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล
ผู้กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
และบุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ และปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ มนินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานใน
กามาวจรภูมิและปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ มนินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

อิตถินทรียมูลกนัย
[๓๘๗] อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคล
นั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และ
บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่าใดมี
อิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่า
นั้นกำลังจุติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๒๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้จัก
อุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้
ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้
กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
และบุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน และบุคคล
เหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน
บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็
ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ และปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานใน
กามาวจรภูมิและปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๒๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ และ
บุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ
อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติและบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิด
ได้และมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล
ผู้กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ และปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
บุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และ
บุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ
อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิด
ได้และมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน
ในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใด
มีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๒๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิและปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิและในอรูปาวจรภูมิ
อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานใน
กามาวจรภูมิและปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ มนินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

ปุริสินทรียมูลกนัย
[๓๘๘] อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ และปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในกามาวจร-
ภูมิ และปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นไม่ใช่จักเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๒๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และ
บุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้
และมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ โสมนัส-
สินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้
กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
และบุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และ
บุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ และบุคคลเหล่าใดมี
ปุริสะเกิดได้และมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๓๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคล
ผู้กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ
และบุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ และปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานใน
กามาวจรภูมิและปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ มนินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๓๘๙] อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่ง
ปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่ง
จิตนั้น ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๓๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาจักเกิด
ในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่จักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่
สัมปยุตด้วยอุเบกขาจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่ง
ปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่ง
จิตนั้น ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจักเกิดใน
ลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จัก
เกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่สัมปยุต
ด้วยโสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๓๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด
แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต มนินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๓๙๐] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากโสมนัส บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ใน
ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัส บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต
ที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด
ในภังคขณะแห่งจิตนั้น โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
อุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัส ปัจฉิมจิตที่สัมปยุต
ด้วยโสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่ง
ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัส บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วย
อุเบกขา ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิต
นั้น อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากโสมนัส บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๓๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ใน
ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัส บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต
ที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
สัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัส สัทธินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่ง
ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัส บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วย
อุเบกขา สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากโสมนัส บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสัญญสัตตภูมิ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ใน
ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัส บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต
ที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
มนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัส มนินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต
ที่สัมปยุตด้วยโสมนัส บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๓๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๓๙๑] อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของ
บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอุเบกขา บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ใน
ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่
สัมปยุตด้วยโสมนัส อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็
ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา สัทธินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่ง
ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วย
โสมนัส สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์
ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอุเบกขา บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ใน
ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่
สัมปยุตด้วยโสมนัส อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็
ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๓๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา มนินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่ง
ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วย
โสมนัส มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

สัทธินทรียมูลกนัย
[๓๙๒] อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคล
นั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากสัทธา บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ใน
ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปัญญินทรีย์
ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ปัญญินทรีบ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จัก
เกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต ปัญญินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากสัทธา บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ใน
ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็
ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๓๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด
แต่สัทธินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต มนินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
สัทธินทรียมูลกนัย จบ
ปัญญินทรียมูลกนัย
[๓๙๓] อนุ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคล
นั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากญาณ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ใน
ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมนินทรีย์
ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด
แต่ปัญญินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต มนินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและปัญญินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

ปัจจนีกโอกาส
จักขุนทรียมูลกนัย
[๓๙๔] อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ในภูมินั้นก็
ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๓๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปัจจนีกปุคคโลกาส
จักขุนทรียมูลกนัย
[๓๙๕] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสตินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ และบุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสตินทรีย์
มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด
และโสตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ โสตินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน
ในปัญจโวการภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ โสตินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิและบุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ฆานินทรีย์
มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจาก
รูปาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๓๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิและบุคคลผู้กำลังอุบัติใน
รูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่
กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากรูปาวจรภูมิ
และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิและบุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์
มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากรูปาวจร-
ภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้
ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้กำลังอุบัติใน
รูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่น
แหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานใน
กามาวจรภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากรูปาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
อรูปภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่น
แหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๓๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ และบุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์
มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากรูปา-
วจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิด
ได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลัง
จุติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้กำลังอุบัติใน
รูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่น
แหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานใน
กามาวจรภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากรูปาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
อรูปภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละ
แล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้
กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ และปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ และปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๔๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ และบุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลัง
อุบัติในกามาวจรภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
โสมนัสสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ บุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีจักขุเกิดได้และมีจิตเป็นอุเบกขา
จักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิและบุคคลเหล่าใดมี
จักขุเกิดได้และมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด
บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
อรูปภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีจักขุเกิดได้มีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและ
จักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในปัญจ-
โวการภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ และบุคคล
เหล่าใดมีจักขุเกิดได้และมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๔๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิและบุคคลเหล่าใดมีจักขุเกิด
ได้และมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีจักขุเกิดได้และมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้ว
ปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในปัญจ-
โวการภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็
ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานใน
ปัญจโวการภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๔๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ มนินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็
ไม่ใช่กำลังเกิด
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

ฆานินทรียมูลกนัย
[๓๙๖] อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อิตถินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อิตถินทรีย์
มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจร-
ภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะ
นั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลกำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะ
เกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้น
กำลังอุบัติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์
มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
รูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพ
โดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๔๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิและบุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปุริสินทรีย์
มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจร-
ภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะ
นั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมี
อิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่า
นั้นกำลังอุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์
มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
รูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพ
โดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติและบุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้
กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิและปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๔๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน
ในกามาวจรภูมิ และปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน
ในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
อรูปภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้น
กำลังจุติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์
ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีฆานะ
เกิดได้และมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด
บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ บุคคลผู้
อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้ว
ปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
ใช่จักเกิด และฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๔๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้ว
ปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดผู้มีฆานะ
เกิดได้และมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด
บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้ว
ปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในกามาวจรภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๔๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จัก
เกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน
ในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่
ในอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์
ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

อิตถินทรียมูลกนัย
[๓๙๗] อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ และบุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลัง
อุบัติในกามาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
ปุริสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่
ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๔๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
โดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิด
ได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลัง
อุบัติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด
บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจร-
ภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้ว
ปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ และปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน
ในกามาวจรภูมิ และปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๔๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานใน
กามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
อรูปภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้และมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
โสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติและบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิด
ได้และมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด
บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ บุคคลผู้
อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้ว
ปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้และมีจิตเป็นอุเบกขา
จักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๔๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้
และมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้
กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและ
อิตถินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานใน
กามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่
ในอสัญญสัตตภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์
ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๕๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีอิตถีเกิดไม่ได้กำลังอุบัติใน
กามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด
และมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีอิตถีเกิดได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน
ในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่
ในอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์
ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

ปุริสินทรียมูลกนัย
[๓๙๘] อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ และปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๕๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน
ในกามาวจรภูมิ และปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน
ในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
อรูปภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้และมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
โสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติและบุคคลเหล่าใดมีปุริสะ
เกิดได้และมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังอุบัติ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด
บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ บุคคลผู้
อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้และมีจิตเป็น
อุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๕๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้
กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้และมีจิตเป็น
โสมนัสจักอุบัติแล้วปรินพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติและบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้
และมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้
กำลังปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้และมีจิตเป็น
โสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน บุคคลเหล่านั้นกำลังจุติ อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๕๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่
ในอสัญญสัตตภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและปุริสินทรีย์
ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากกามาวจรภูมิ บุคคลผู้มีปุริสะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ
ในกามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในกามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้มีปุริสะเกิดได้กำลังอุบัติ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานใน
กามาวจรภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่
ในอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและปุริสินทรีย์
ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๓๙๙] อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสมนัส-
สินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๕๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
จักเกิดในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาจักเกิด
ในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด
ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด
ในภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วย
โสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญ-
สัตตภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็
ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจักเกิดใน
ลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด
ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด
ในภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๕๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์
มิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ
สัทธินทรีย์ของบุคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด
ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ สัทธินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาล ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์
มิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด
ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๕๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๔๐๐] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากโสมนัส โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัส บุคคล
ผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัส
จักเกิดในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัส ปัจฉิมจิตที่สัมปยุต
ด้วยโสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ
แห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัส บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่สัมปยุต
ด้วยอุเบกขา ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะ
แห่งจิตนั้น บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. โสมมัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากโสมนัส โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์
มิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัส บุคคลผู้พร้อม
เพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๕๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัส มนินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ
แห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัส บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่สัมปยุต
ด้วยอุเบกขา บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๔๐๑] อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัทธินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอุเบกขา อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัทธินทรีย์
มิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา บุคคลผู้พร้อมเพรียง
ด้วยปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัส บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา สัทธินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ
แห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่สัมปยุต
ด้วยโสมนัส บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๕๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอุเบกขา อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์
มิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา บุคคลผู้พร้อม
เพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัส บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา มนินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ
แห่งปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่สัมปยุต
ด้วยโสมนัส และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

สัทธินทรียมูลกนัย
[๔๐๒] อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ปัญญินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากสัทธา สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ปัญญินทรีย์มิ
ใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและปัญญินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่จักเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต บุคคลผู้
อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด
และสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๕๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากสัทธา สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จัก
ไม่เกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สัทธินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
ใช่จักเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต บุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและ
สัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

ปัญญินทรียมูลกนัย
[๔๐๓] อนุ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มนินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากญาณ ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนินทรีย์มิ
ใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
ใช่จักเกิด แต่ปัญญินทรีย์มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต บุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและ
ปัญญินทรีย์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๖๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
๖. อตีตานาคตวาร
อนุโลมบุคคล
จักขุนทรียมูลกนัย
[๔๐๔] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด โสตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคล และบุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่โสตินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและโสตินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลและบุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิและในอรูปา-
วจรภูมิแล้วปรินิพพาน จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่
จักเกิด บุคคลนอกนี้ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและฆานินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคล บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
แล้วปรินิพพาน และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้น
นั่นแหละแล้วปรินิพพาน จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่
จักเกิด บุคคลนอกนี้ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและอิตถินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๖๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคล บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
แล้วปรินิพพาน และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่น
แหละแล้วปรินิพพาน จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่จัก
เกิด บุคคลนอกนี้ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคล จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ชีวิตินทรีย์
ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและชีวิตินทรีย์ก็
จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคล และบุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้ว
ปรินิพพาน จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลและบุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๖๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคล จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่มนินทรีย์ไม่
ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

ฆานินทรียมูลกนัย
[๔๐๕] อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคล บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
แล้วปรินิพพาน และบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้น
นั่นแหละแล้วปรินิพพาน ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่
จักเกิด บุคคลนอกนี้ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและอิตถินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคล บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
แล้วปรินิพพาน และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้น
นั่นแหละแล้วปรินิพพาน ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่
จักเกิด บุคคลนอกนี้ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๖๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคล ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ชีวิตินทรีย์
ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและชีวิตินทรีย์ก็
จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคล และบุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้ว
ปรินิพพาน ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลและบุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๖๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคล ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่มนินทรีย์ไม่
ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

อิตถินทรียมูลกนัย
[๔๐๖] อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคล บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
แล้วปรินิพพาน และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้น
นั่นแหละแล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่
จักเกิด บุคคลนอกนี้ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคล อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ชีวิตินทรีย์
ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและชีวิตินทรีย์ก็
จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๖๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคล และบุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้ว
ปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลและบุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคล อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่มนินทรีย์
ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและมนินทรีย์ก็
จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๖๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปุริสินทรียมูลกนัย
[๔๐๗] อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคล ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ชีวิตินทรีย์
ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและชีวิตินทรีย์ก็
จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคล และบุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้ว
ปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่
ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลและบุคคลเหล่าใดมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๖๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคล ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่สัทธินทรีย์
ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและสัทธินทรีย์ก็
จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของ
บุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคล ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่มนินทรีย์
ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและมนินทรีย์
ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๔๐๘] อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขาจัก
เกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด
แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด
และโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๖๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจัก
เกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด
แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด
และอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคย
เกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด
และสัทธินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคย
เกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด
และมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๖๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๔๐๙] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจัก
เกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคย
เกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
เคยเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
เคยเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
เคยเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๔๑๐] อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคย
เกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคย
เกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๗๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

สัทธินทรียมูลกนัย
[๔๑๑] อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์
ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคย
เกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด
และมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

ปัญญินทรียมูลกนัย
[๔๑๒] อนุ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดเคยเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคย
เกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นเคย
เกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดจักเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๗๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุโลมโอกาส
จักขุนทรียมูลกนัย
[๔๑๓] อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดเคยเกิด โสตินทรีย์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
ฯลฯ

อนุโลมปุคคโลกาส
จักขุนทรียมูลกนัย
[๔๑๔] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด โสตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในปัญจโวการภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยเกิด แต่โสตินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและโสตินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคล
นอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและ
ฆานินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๗๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ และ
บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคล
นอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและ
อิตถินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ และ
บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคล
นอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและ
ปุริสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในปัญจโวการภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและชีวิตินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๗๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในปัญจโวการภูมิและบุคคลเหล่าใดมีจักขุเกิดได้และมี
จิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด
แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในปัญจโวการภูมิและบุคคลเหล่าใดมีจักขุเกิดได้และมี
จิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด
แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ จักขุนทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๗๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในปัญจโวการภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและสัทธินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิด แต่จักขุนทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ สัทธินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในปัญจโวการภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ
จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด
แต่จักขุนทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ มนินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและจักขุนทรีย์ก็เคยเกิด
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

ฆานินทรียมูลกนัย
[๔๑๕] อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๗๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือ
ปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจร-
ภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและอิตถินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือ
ปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจร-
ภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและชีวิตินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๗๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดมีฆานะเกิดได้และมี
จิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด
แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ ฆานินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดมีฆานะเกิดได้และมี
จิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด
แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและสัทธินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๗๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ มนินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ฆานินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและฆานินทรีย์ก็เคยเกิด
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

อิตถินทรียมูลกนัย
[๔๑๖] อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือ
ปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจร-
ภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและปุริสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๗๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและชีวิตินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้มีจิต
เป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด
แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ อิตถินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้และมีจิต
เป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด
แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๗๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและสัทธินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ มนินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่อิตถินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและอิตถินทรีย์ก็เคยเกิด
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๘๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปุริสินทรียมูลกนัย
[๔๑๗] อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและชีวิตินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้มีจิตเป็น
อุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด
แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ โสมนัสสินทรีย์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๘๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้และมี
จิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด
แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
กามาวจรภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและสัทธินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๘๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ มนินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ปุริสินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและปุริสินทรีย์ก็เคยเกิด
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๔๑๘] อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยอุเบกขา
จักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นจักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและ
ปัญจโวการภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและชีวิตินทรีย์
ก็เคยเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจัก
เกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๘๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและ
ปัญจโวการภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและชีวิตินทรีย์ก็
เคยเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคล
นอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยเกิดและสัทธินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและ
ปัญจโวการภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและชีวิตินทรีย์ก็
เคยเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคล
นอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๘๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิด แต่ชีวิตินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจ-
โวการภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและชีวิตินทรีย์ก็เคยเกิด
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๔๑๙] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจัก
เกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิ
และปัญจโวการภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและ
อุเปกขินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่เคยเกิด
บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและ
ปัญจโวการภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและสัทธินทรีย์ก็
จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๘๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคล
นอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นจักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็เคยเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและ
ปัญจโวการภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและมนินทรีย์ก็
จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคล
นอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นจักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็เคยเกิด
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๔๒๐] อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิ
และปัญจโวการภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและมนินทรีย์
ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๘๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและ
ปัญจโวการภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็
เคยเกิด
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

สัทธินทรียมูลกนัย
[๔๒๑] อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นจักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและ
ปัญจโวการภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและ
ปัญจโวการภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและสัทธินทรีย์ก็เคยเกิด
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

ปัญญินทรียมูลกนัย
[๔๒๒] อนุ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด มนินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิด แต่มนินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจ-
โวการภูมิ ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและมนินทรีย์ก็จักเกิด


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๘๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิด แต่ปัญญินทรีย์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจ-
โวการภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและปัญญินทรีย์ก็เคยเกิด
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ

ปัจจนีกบุคคล
จักขุนทรียมูลกนัย
[๔๒๓] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด โสตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด ฆานินทรีย์ ฯลฯ อิตถินทรีย์ ฯลฯ
ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๘๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ ฯลฯ อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

ฆานินทรียมูลกนัย
[๔๒๔] อนุ. ฆานินทรีย์ ฯลฯ อิตถินทรีย์ ฯลฯ ปุริสินทรีย์ ฯลฯ ชีวิตินทรีย์
ฯลฯ โสมนัสสินทรีย์ ฯลฯ อุเปกขินทรีย์ ฯลฯ สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ของบุคคลใดไม่เคยเกิด มนินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๘๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปัจจนีกโอกาส
จักขุนทรียมูลกนัย
[๔๒๕] อนุ. จักขุนทรีย์ในภูมิใดไม่เคยเกิด โสตินทรีย์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
ฯลฯ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
จักขุนทรียมูลกนัย
[๔๒๖] อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด โสตินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในปัญจโวการภูมิ โสตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
อสัญญสัตตภูมิ และอรูปภูมิ โสตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและ
จักขุนทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ
ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ อสัญญสัตตภูมิ และอรูปภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๙๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ และ
บุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน
อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ อสัญญสัตตภูมิ และอรูปภูมิ อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ และ
บุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน
ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ อสัญญสัตตภูมิ และอรูปภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
สุทธาวาสภูมิ และปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิดและชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๙๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในปัญจโวการภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นจักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ และ
ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและ
จักขุนทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในปัญจโวการภูมิและบุคคลเหล่าใดผู้มีจักษุเกิดได้และ
มีจิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
อสัญญสัตตภูมิ และอรูปภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จัก
เกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
เคยเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ ปัจฉิม-
ภวิกบุคคลในอรูปภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๙๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในปัญจโวการภูมิและบุคคลเหล่าใดผู้มีจักขุเกิดได้และมี
จิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ ปัจฉิมภวิก-
บุคคลในอรูปภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
เคยเกิด แต่สัทธินทรีย์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ ปัจฉิมภวิก-
บุคคลในอรูปภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในปัญจโวการภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สัทธินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
อนุ. จักขุนทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
เคยเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ ปัจฉิมภวิก-
บุคคลในอรูปภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จักขุนทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จักขุนทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๙๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในปัญจโวการภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขุนทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและจักขุนทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

ฆานินทรียมูลกนัย
[๔๒๗] อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด อิตถินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้ถือ
ปฏิสนธิในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ
และอรูปาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์
ก็ไม่เคยเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิ
ในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและ
อรูปาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่
เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๙๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลใน
รูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและ
ชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิและ
อรูปาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่
เคยเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่เคยเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ และ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่เคยเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดมีฆานะเกิดได้มีจิตเป็น
อุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จัก
เกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จัก
เกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๙๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลใน
รูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ฆานินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดผู้มีฆานะเกิดได้
และมีจิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ
อรูปาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลใน
รูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ฆานินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปา-
วจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
อนุ. ฆานินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๙๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจร-
ภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ฆานินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฆานินทรีย์ฃองบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ฆานินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ
อรูปาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและฆานินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ฆานินทรียมูลกนัย จบ

อิตถินทรียมูลกนัย
[๔๒๘] อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้ถือปฏิสนธิ
ในบางภพโดยภาวะนั้นนั่นแหละแล้วปรินิพพาน ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ
และอรูปาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์
ก็ไม่เคยเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๙๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลใน
รูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและ
ชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิและ
อรูปาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่
เคยเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่เคยเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ และ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่เคยเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้และมี
จิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ และ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๙๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลใน
รูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อิตถินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดมีอิตถีเกิดได้และมี
จิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
อนุ. อิตถินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจร-
ภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อิตถินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อิตถินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อิตถินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ
อรูปาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและอิตถินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
อิตถินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๙๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปุริสินทรียมูลกนัย
[๔๒๙] อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ชีวิตินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่ชีวิตินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลใน
รูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและ
ชีวิตินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่จักเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิและอรูปา-
วจรภูมิ ชีวิตินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่เคยเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ และ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้และมี
จิตเป็นอุเบกขาจักอุบัติแล้วปรินิพพาน โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่จักเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ และ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ อรูปภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๐๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลใน
รูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิและบุคคลเหล่าใดมีปุริสะเกิดได้และมี
จิตเป็นโสมนัสจักอุบัติแล้วปรินิพพาน อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
ใช่จักเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
และอสัญญสัตตภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและ
ปุริสินทรีย์ ก็ไม่เคยเกิด
อนุ. ปุริสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์
ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ปุริสินทรีย์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลใน
รูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ปุริสินทรีย์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปุริสินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในกามาวจรภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ปุริสินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ
อรูปาวจรภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและปุริสินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปุริสินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๐๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ชีวิตินทรียมูลกนัย
[๔๓๐] อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ปฏิ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
อนุ. ชีวิตินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด อุเปกขินทรีย์ ฯลฯ
สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ชีวิตินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ชีวิตินทรียมูลกนัย จบ

โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๔๓๑] อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด อุเปกขินทรีย์
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
เคยเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๐๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่สัมปยุตด้วยโสมนัสจัก
เกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
อนุ. โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สัทธินทรีย์ ฯลฯ
ปัญญินทรีย์ ฯลฯ มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ โสมนัสสินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
เคยเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด โสมนัสสินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิด แต่โสมนัสสินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและโสมนัสสินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
โสมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อุเปกขินทรียมูลกนัย
[๔๓๒] อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สัทธินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๐๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
อนุ. อุเปกขินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
อุเปกขินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด อุเปกขินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิด แต่อุเปกขินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและอุเปกขินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
อุเปกขินทรียมูลกนัย จบ

สัทธินทรียมูลกนัย
[๔๓๓] อนุ. สัทธินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ปัญญินทรีย์ ฯลฯ
มนินทรีย์ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
สัทธินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สัทธินทรีย์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สัทธินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและสัทธินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
สัทธินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๐๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปัญญินทรียมูลกนัย
[๔๓๔] อนุ. ปัญญินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด มนินทรีย์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่มนินทรีย์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
ปัญญินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและมนินทรีย์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มนินทรีย์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ปัญญินทรีย์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ปัญญินทรีย์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มนินทรีย์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและปัญญินทรีย์ก็ไม่เคยเกิด
ปัญญินทรียมูลกนัย จบ
ฯลฯ
ปวัตติวาร จบ

๓.ปริญญาวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุโลมบุคคล
จักขุนทรียมูลกนัย
[๔๓๕] อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนดรู้
โสตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้โสตินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๐๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังละโทมนัสสินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดกำลังละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดกำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลัง
กำหนดรู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังเจริญอัญญินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดกำลังเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดกำลังทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนดรู้
จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๐๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
โทมนัสสินทรียมูลกนัย
[๔๓๖] อนุ. บุคคลใดกำลังละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดกำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังละ
โทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดกำลังละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังเจริญอัญญินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดกำลังเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังละโทมนัสสินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๒ จำพวกกำลังเจริญอัญญินทรีย์ แต่ไม่ใช่กำลังละโทมนัสสิน-
ทรีย์ บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอนาคามิมรรคกำลังเจริญอัญญินทรีย์และกำลังละ
โทมนัสสินทรีย์
อนุ. บุคคลใดกำลังละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังทำให้แจ้งอัญญาตา-
วินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดกำลังทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังละ
โทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
โทมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย
[๔๓๗] อนุ. บุคคลใดกำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็
กำลังเจริญอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๐๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. บุคคลใดกำลังเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดกำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลัง
ทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดกำลังทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย จบ

อัญญินทรียมูลกนัย
[๔๓๘] อนุ. บุคคลใดกำลังเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดกำลังทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังเจริญ
อัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อัญญินทรียมูลกนัย จบ

ปัจจนีกะ
จักขุนทรียมูลกนัย
[๔๓๙] อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
ละโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๐๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอนาคามิมรรคไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์
แต่มิใช่ไม่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ เว้นบุคคล ๒ จำพวกผู้พร้อมเพรียงด้วยมรรคแล้ว
บุคคลที่เหลือไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์และไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังกำหนด
รู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ แต่
มิใช่ไม่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ เว้นบุคคล ๒ จำพวกผู้พร้อมเพรียงด้วยมรรคแล้ว
บุคคลที่เหลือไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์และไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลที่ ๘ ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ แต่มิใช่ไม่กำลังเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ เว้นบุคคล ๒ จำพวกผู้พร้อมเพรียงด้วยมรรคแล้ว
บุคคลที่เหลือไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ และไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรคไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ แต่มิใช่ไม่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ เว้นบุคคล ๒ จำพวกผู้พร้อม
เพรียงด้วยมรรคแล้ว บุคคลที่เหลือไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
และไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเจริญ
อัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังกำหนด
รู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๐๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังทำให้
แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลใดทำให้แจ้งอรหัตตผล บุคคลนั้นไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์
แต่มิใช่ไม่กำลังทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ เว้นบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตต-
มรรคและอรหันตบุคคลแล้ว บุคคลที่เหลือไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์และก็ไม่ใช่
กำลังทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
กำหนดรู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคไม่ใช่กำลังทำให้แจ้งอัญญาตา-
วินทรีย์ แต่มิใช่ไม่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ เว้นบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วย
อรหัตตมรรคและอรหันตบุคคลแล้ว บุคคลที่เหลือไม่ใช่กำลังทำให้แจ้งอัญญาตา-
วินทรีย์และก็ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

โทมนัสสินทรียมูลกนัย
[๔๔๐] อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลที่ ๘ ไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ แต่มิใช่ไม่กำลังเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ เว้นบุคคล ๒ จำพวกผู้พร้อมเพรียงด้วยมรรคแล้ว
บุคคลที่เหลือไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์และก็ไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังละโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอนาคามิมรรคไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ แต่มิใช่ไม่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ เว้นบุคคล ๒ จำพวกผู้พร้อม
เพรียงด้วยมรรคแล้ว บุคคลที่เหลือไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
และก็ไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๑๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเจริญ
อัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๒ จำพวกไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ แต่มิใช่ไม่กำลังเจริญ
อัญญินทรีย์ เว้นบุคคล ๓ จำพวกผู้พร้อมเพรียงด้วยมรรคแล้ว บุคคลที่เหลือไม่
ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์และก็ไม่ใช่กำลังเจริญอัญญินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังละ
โทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลใดกำลังทำให้แจ้งอรหัตตผล บุคคลนั้นไม่ใช่กำลังละโทมนัส-
สินทรีย์ แต่มิใช่ไม่กำลังทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ เว้นบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วย
อนาคามิมรรคและอรหันตบุคคลแล้ว บุคคลที่เหลือไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์
และก็ไม่ใช่กำลังทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
ละโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอนาคามิมรรคไม่ใช่กำลังทำให้แจ้งอัญญาตา-
วินทรีย์ แต่มิใช่ไม่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ เว้นบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วย
อนาคามิมรรคและอรหันตบุคคลแล้ว บุคคลที่เหลือไม่ใช่กำลังทำให้แจ้งอัญญาตา-
วินทรีย์และก็ไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์
โทมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย
[๔๔๑] อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคล
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเจริญอัญญินทรีย์ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๑๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. บุคคล ๓ จำพวกผู้พร้อมเพรียงด้วยมรรคไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ แต่มิใช่ไม่กำลังเจริญอัญญินทรีย์ เว้นบุคคล ๔ จำพวกผู้พร้อม
เพรียงด้วยมรรคแล้ว บุคคลที่เหลือไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
และก็ไม่ใช่กำลังเจริญอัญญินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลที่ ๘ ไม่ใช่กำลังเจริญอัญญินทรีย์ แต่มิใช่ไม่กำลังเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ เว้นบุคคล ๔ จำพวกผู้พร้อมเพรียงด้วยมรรคแล้ว
บุคคลที่เหลือไม่ใช่กำลังเจริญอัญญินทรีย์ และก็ไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลใดกำลังทำให้แจ้งอรหัตตผล บุคคลนั้นไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ แต่มิใช่ไม่กำลังทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ เว้นบุคคลที่ ๘ และ
อรหันตบุคคลแล้ว บุคคลที่เหลือไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์และก็
ไม่ใช่กำลังทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลที่ ๘ ไม่ใช่กำลังทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ แต่มิใช่ไม่กำลัง
เจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ เว้นบุคคลที่ ๘ และอรหันตบุคคลแล้ว บุคคล
ที่เหลือไม่ใช่กำลังทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ และก็ไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย จบ

อัญญินทรียมูลกนัย
[๔๔๒] อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
ทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๑๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๒. อตีตวาร
วิ. บุคคลใดกำลังทำให้แจ้งอรหัตตผล บุคคลนั้นไม่ใช่กำลังเจริญอัญญินทรีย์
แต่มิใช่ไม่กำลังทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ เว้นบุคคล ๓ จำพวกผู้พร้อมเพรียงด้วย
มรรคและอรหันตบุคคลแล้ว บุคคลที่เหลือไม่ใช่กำลังเจริญอัญญินทรีย์และก็ไม่ใช่
กำลังทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เจริญอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๓ จำพวกผู้พร้อมเพรียงด้วยมรรคไม่ใช่กำลังทำให้แจ้งอัญญาตา-
วินทรีย์ แต่มิใช่ไม่กำลังเจริญอัญญินทรีย์ เว้นบุคคล ๓ จำพวกผู้พร้อมเพรียงด้วย
มรรคและอรหันตบุคคลแล้ว บุคคลที่เหลือไม่ใช่กำลังทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
และก็ไม่ใช่กำลังเจริญอัญญินทรีย์
อัญญินทรียมูลกนัย จบ

๒. อตีตวาร
อนุโลม
จักขุนทรียมูลกนัย
[๔๔๓] อนุ. บุคคลใดเคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยละโทมนัสสินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดเคยละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๒ จำพวกเคยละโทมนัสสินทรีย์ แต่ไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์
อรหันตบุคคลเคยละโทมนัสสินทรีย์และก็เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์
อนุ. บุคคลใดเคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๑๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. บุคคลใดเคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยกำหนด
รู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๖ จำพวกเคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ แต่ไม่เคย
กำหนดรู้จักขุนทรีย์ อรหันตบุคคลเคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์และก็เคย
กำหนดรู้จักขุนทรีย์
อนุ. บุคคลใดเคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยเจริญอัญญินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดเคยเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดเคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยทำให้แจ้งอัญญา-
ตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลใดทำให้แจ้งอรหัตตผล บุคคลนั้นเคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ แต่ไม่
เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลใดเคยทำให้แจ้งอรหัตตผล บุคคลนั้นเคย
กำหนดรู้จักขุนทรีย์และก็เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดเคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยกำหนดรู้
จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๔๔๔] อนุ. บุคคลใดเคยละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๑๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. บุคคลใดเคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยละ
โทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๔ จำพวกเคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคย
ละโทมนัสสินทรีย์ บุคคล ๓ จำพวกเคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์และก็
เคยละโทมนัสสินทรีย์
อนุ. บุคคลใดเคยละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยเจริญอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๒ จำพวกเคยละโทมนัสสินทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์
อรหันตบุคคลเคยละโทมนัสสินทรีย์และก็เคยเจริญอัญญินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดเคยเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยละโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ ใช่
อนุ. บุคคลใดเคยละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยทำให้แจ้งอัญญา-
ตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๓ จำพวกเคยละโทมนัสสินทรีย์ แต่ไม่เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
อรหันตบุคคลเคยละโทมนัสสินทรีย์และก็เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดเคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยละโทมนัสสินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ใช่
โทมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย
[๔๔๕] อนุ. บุคคลใดเคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็
เคยเจริญอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๖ จำพวกเคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ แต่ไม่เคยเจริญ
อัญญินทรีย์ อรหันตบุคคลเคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์และก็เคยเจริญ
อัญญินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๑๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. บุคคลใดเคยเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดเคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยทำให้
แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๗ จำพวกเคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ แต่ไม่เคย
ทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ อรหันตบุคคลเคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
และก็เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดเคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย จบ

อัญญินทรียมูลกนัย
[๔๔๖] อนุ. บุคคลใดเคยเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลใดเคยทำให้แจ้งอรหัตตผล บุคคลนั้นเคยเจริญอัญญินทรีย์ แต่
มิใช่ไม่เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลใดเคยทำให้แจ้งอรหัตตผล บุคคลนั้น
เคยเจริญอัญญินทรีย์และก็เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดเคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยเจริญอัญญินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อัญญินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๑๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๒. อตีตวาร
ปัจจนีกะ
จักขุนทรียมูลกนัย
[๔๔๗] อนุ. บุคคลใดไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยละ
โทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๒ จำพวกไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยละโทมนัส-
สินทรีย์ บุคคล ๖ จำพวกไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์และก็ไม่เคยละโทมนัสสินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๖ จำพวกไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคล ๒ จำพวกไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์และก็ไม่
เคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคย
กำหนดรู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๑๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๒. อตีตวาร
อนุ. บุคคลใดไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยกำหนด
รู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลใดทำให้แจ้งอรหัตตผล บุคคลนั้นไม่เคยทำให้แจ้งอัญญา-
ตาวินทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคล ๘ จำพวกไม่เคยทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์และก็ไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

โทมนัสสินทรียมูลกนัย
[๔๔๘] อนุ. บุคคลใดไม่เคยละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๔ จำพวกไม่เคยละโทมนัสสินทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคล ๒ จำพวกไม่เคยละโทมนัสสินทรีย์และไม่เคย
เจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยละ
โทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่เคยละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยละโทมนัสสินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๒ จำพวกไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยละโทมนัสสินทรีย์
บุคคล ๖ จำพวกไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์และก็ไม่เคยละโทมนัสสินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๑๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๒. อตีตวาร
อนุ. บุคคลใดไม่เคยละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยทำให้แจ้งอัญญา-
ตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยละ
โทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๓ จำพวกไม่เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยละ
โทมนัสสินทรีย์ บุคคล ๖ จำพวกไม่เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์และก็ไม่เคยละ
โทมนัสสินทรีย์
โทมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย
[๔๔๙] อนุ. บุคคลใดไม่เคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็
ไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๖ จำพวกไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคล ๒ จำพวกไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์และก็ไม่
เคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
อนุ. บุคคลใดไม่เคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคย
ทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๗ จำพวกไม่เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคล ๒ จำพวกไม่เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
และก็ไม่เคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๑๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๓. อนาคตวาร
อัญญินทรียมูลกนัย
[๔๕๐] อนุ. บุคคลใดไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยเจริญ
อัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลใดทำให้แจ้งอรหัตตผล บุคคลนั้นก็ไม่เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
แต่มิใช่ไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์ บุคคล ๘ จำพวกไม่เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
และก็ไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์
อัญญินทรียมูลกนัย จบ

๓. อนาคตวาร
อนุโลม
จักขุนทรียมูลกนัย
[๔๕๑] อนุ. บุคคลใดจักกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็จักละโทมนัสสิน-
ทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๒ จำพวกจักกำหนดรู้จักขุนทรีย์ แต่ไม่ใช่จักละโทมนัสสินทรีย์
บุคคล ๕ จำพวกจักกำหนดรู้จักขุนทรีย์และก็จักละโทมนัสสินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดจักละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักกำหนดรู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดจักกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็จักเจริญอนัญญาตัญญัส-
สามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๖ จำพวกจักกำหนดรู้จักขุนทรีย์ แต่ไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ บุคคลเหล่าใดเป็นปุถุชนจักได้มรรค บุคคลเหล่านั้นจักกำหนดรู้
จักขุนทรีย์และก็จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๒๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. บุคคลใดจักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักกำหนด
รู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดจักกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็จักเจริญอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๒ จำพวกจักกำหนดรู้จักขุนทรีย์ แต่ไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์
บุคคล ๕ จำพวกจักกำหนดรู้จักขุนทรีย์และก็จักเจริญอัญญินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดจักเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักกำหนดรู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดจักกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็จักทำให้แจ้งอัญญา-
ตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักกำหนดรู้
จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
แต่ไม่ใช่จักกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคล ๗ จำพวกจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์และ
ก็จักกำหนดรู้จักขุนทรีย์
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

โทมนัสสินทรียมูลกนัย
[๔๕๒] อนุ. บุคคลใดจักละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๔ จำพวกจักละโทมนัสสินทรีย์ แต่ไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ บุคคลเหล่าใดเป็นปุถุชนแต่จักได้มรรค บุคคลเหล่านั้นจักละ
โทมนัสสินทรีย์และก็จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๒๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. บุคคลใดจักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักละ
โทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดจักละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักเจริญอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักละโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๒ จำพวกจักเจริญอัญญินทรีย์ แต่ไม่ใช่จักละโทมนัสสินทรีย์
บุคคล ๕ จำพวกจักเจริญอัญญินทรีย์และก็จักละโทมนัสสินทรีย์
อนุ. บุคคลใดจักละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักละโทมนัสสินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๓ จำพวกจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ แต่ไม่ใช่จักละ
โทมนัสสินทรีย์ บุคคล ๕ จำพวกจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์และก็จักละ
โทมนัสสินทรีย์
โทมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย
[๔๕๓] อนุ. บุคคลใดจักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็จัก
ทำให้แจ้งอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดทำให้แจ้งอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๒๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๓. อนาคตวาร
วิ. บุคคล ๖ จำพวกทำให้แจ้งอัญญินทรีย์ แต่ไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ บุคคลเหล่าใดเป็นปุถุชนจักได้มรรค บุคคลเหล่านั้นทำให้แจ้ง
อัญญินทรีย์และก็จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
อนุ. บุคคลใดจักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๗ จำพวกจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ แต่ไม่ใช่จักเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลเหล่าใดเป็นปุถุชนจักได้มรรค บุคคลเหล่านั้น
จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์และก็จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย จบ

อัญญินทรียมูลกนัย
[๔๕๔] อนุ. บุคคลใดจักเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักเจริญอัญญินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
แต่ไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์ บุคคล ๗ จำพวกจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
และก็จักเจริญอัญญินทรีย์
อัญญินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๒๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๓. อนาคตวาร
ปัจจนีกะ
จักขุนทรียมูลกนัย
[๔๕๕] อนุ. บุคคลใดไม่ใช่จักกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักละ
โทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักกำหนดรู้
จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๒ จำพวกไม่ใช่จักละโทมนัสสินทรีย์ แต่มิใช่จักไม่กำหนดรู้
จักขุนทรีย์ บุคคล ๓ จำพวกไม่ใช่จักละโทมนัสสินทรีย์และก็ไม่ใช่จักกำหนดรู้
จักขุนทรีย์
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่จักกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
กำหนดรู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๖ จำพวกไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ แต่มิใช่จัก
ไม่กำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคล ๓ จำพวกไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
และก็ไม่ใช่จักกำหนดรู้จักขุนทรีย์
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่จักกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักกำหนดรู้จักขุนทรีย์
ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๒ จำพวกไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์ แต่มิใช่จักไม่กำหนดรู้
จักขุนทรีย์ บุคคล ๓ จำพวกไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์และก็ไม่ใช่จักกำหนดรู้
จักขุนทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๒๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่จักกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคไม่ใช่จักกำหนดรู้จักขุนทรีย์ แต่
มิใช่จักไม่ทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคล ๒ จำพวกไม่ใช่จักกำหนดรู้จักขุนทรีย์
และก็ไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
กำหนดรู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

โสมนัสสินทรียมูลกนัย
[๔๕๖] อนุ. บุคคลใดไม่ใช่จักละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
ละโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๔ จำพวกไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ แต่มิใช่จัก
ไม่ละโทมนัสสินทรีย์ บุคคล ๕ จำพวกไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
และก็ไม่ใช่จักละโทมนัสสินทรีย์
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่จักละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๒ จำพวกไม่ใช่จักละโทมนัสสินทรีย์ แต่มิใช่จักไม่เจริญอัญญินทรีย์
บุคคล ๓ จำพวกไม่ใช่จักละโทมนัสสินทรีย์และก็ไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักละโทมนัสสินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่จักละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๒๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๓. อนาคตวาร
วิ. บุคคล ๓ จำพวกไม่ใช่จักละโทมนัสสินทรีย์ แต่มิใช่จักไม่ทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ บุคคล ๒ จำพวกไม่ใช่จักละโทมนัสสินทรีย์และก็ไม่ใช่จักทำให้
แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักละ
โทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
โทมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย
[๔๕๗] อนุ. บุคคลใดไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้น
ก็ไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๖ จำพวกไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ แต่มิใช่
จักไม่เจริญอัญญินทรีย์ บุคคล ๓ จำพวกไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
และก็ไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
ทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๗ จำพวกไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ แต่มิใช่จัก
ไม่ทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคล ๒ จำพวกไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์และก็ไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๒๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อัญญินทรียมูลกนัย
[๔๕๘] อนุ. บุคคลใดไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักทำให้
แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์ แต่มิใช่
จักไม่ทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคล ๒ จำพวกไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์และ
ก็ไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเจริญ
อัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อัญญินทรียมูลกนัย จบ

๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุโลม
จักขุนทรียมูลกนัย
[๔๕๙] อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยละ
โทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดเคยละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์
ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๒ จำพวก เคยละโทมนัสสินทรีย์ แต่ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้
จักขุนทรีย์บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคเคยละโทมนัสสินทรีย์และก็กำลัง
กำหนดรู้จักขุนทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๒๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดเคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลัง
กำหนดรู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๖ จำพวกเคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ แต่ไม่ใช่กำลัง
กำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคเคยเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์และก็กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์
อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยเจริญอัญญินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดเคยเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยทำให้แจ้งอัญญา-
ตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดเคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนดรู้
จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

โทมนัสสินทรียมูลกนัย
[๔๖๐] อนุ. บุคคลใดกำลังละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๒๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. บุคคลใดเคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังละ
โทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๖ จำพวกเคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ แต่ไม่ใช่กำลัง
ละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอนาคามิมรรคเคยเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์และก็กำลังละโทมนัสสินทรีย์
อนุ. บุคคลใดกำลังละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยเจริญอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดเคยเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังละโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดกำลังละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยทำให้แจ้งอัญญา-
ตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดเคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังละโทมนัสสินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
โทมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย
[๔๖๑] อนุ. บุคคลใดกำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็
เคยเจริญอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดเคยเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๒๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. บุคคลใดกำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยทำให้
แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดเคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย จบ

อัญญินทรียมูลกนัย
[๔๖๒] อนุ. บุคคลใดกำลังเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดเคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังเจริญอัญญินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อัญญินทรียมูลกนัย จบ

ปัจจนีกะ
จักขุนทรียมูลกนัย
[๔๖๓] อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยละ
โทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๒ จำพวกไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยละ
โทมนัสสินทรีย์ บุคคล ๖ จำพวกไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์และก็ไม่เคยละ
โทมนัสสินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๓๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้
จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยเจริญ
อนัญญาตัญญัสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๖ จำพวกไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคล ๒ จำพวกไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์และ
ก็ไม่เคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดเคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนด
รู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. อรหันตบุคคลไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์
บุคคล ๗ จำพวกไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์และก็ไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้
จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์ แต่มิใช่
ไม่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคล ๗ จำพวกไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์และก็ไม่ใช่
กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อรหันตบุคคลไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ บุคคล ๘ จำพวกไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์และก็ไม่เคยทำ
ให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๓๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังกำหนด
รู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคไม่เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
แต่มิใช่ไม่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคล ๘ จำพวกไม่เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
และก็ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

โทมนัสสินทรียมูลกนัย
[๔๖๔] อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๖ จำพวกไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคล ๒ จำพวกไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์และก็
ไม่เคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
ละโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. อรหันตบุคคลไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์
บุคคล ๗ จำพวกไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ และก็ไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอนาคามิมรรคไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์ แต่มิใช่
ไม่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ บุคคล ๗ จำพวกไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์และก็ไม่ใช่กำลัง
ละโทมนัสสินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๓๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อรหันตบุคคลไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ บุคคล ๘ จำพวกไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ และก็ไม่เคยทำ
ให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังละ
โทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอนาคามิมรรคไม่เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
แต่มิใช่ไม่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ บุคคล ๘ จำพวกไม่เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
และก็ไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์
โทมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย
[๔๖๕] อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้น
ก็ไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อรหันตบุคคลไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ แต่มิใช่ไม่
เคยเจริญอัญญินทรีย์ บุคคล ๗ จำพวกไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
และก็ไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลที่ ๘ ไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์ แต่มิใช่ไม่กำลังเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคล ๗ จำพวกไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์และก็ไม่ใช่
กำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคย
ทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๓๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
วิ. อรหันตบุคคลไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ แต่มิใช่ไม่
เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคล ๗ จำพวกไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์และก็ไม่เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลที่ ๘ ไม่เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ แต่มิใช่ไม่กำลังเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคล ๗ จำพวกไม่เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
และก็ไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย จบ

อัญญินทรียมูลกนัย
[๔๖๖] อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยทำให้
แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อรหันตบุคคลไม่ใช่กำลังเจริญอัญญินทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ บุคคล ๕ จำพวกไม่ใช่กำลังเจริญอัญญินทรีย์และก็ไม่เคยทำให้
แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเจริญ
อัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๓ จำพวกผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคไม่เคยทำให้แจ้งอัญญา-
ตาวินทรีย์ แต่มิใช่ไม่กำลังเจริญอัญญินทรีย์ บุคคล ๕ จำพวกไม่เคยทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ และก็ไม่ใช่กำลังเจริญอัญญินทรีย์
อัญญินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๓๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุโลม
จักขุนทรียมูลกนัย
[๔๖๗] อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็จักละโทมนัสสินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็จักเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์
วิ. ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดจักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลัง
กำหนดรู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็จักเจริญอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็จักทำให้แจ้งอัญญา-
ตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนดรู้
จักขุนทรีย์ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๓๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. บุคคล ๗ จำพวกจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ แต่ไม่ใช่กำลังกำหนด
รู้จักขุนทรีย์ บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
และก็กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

โทมนัสสินทรียมูลกนัย
[๔๖๘] อนุ. บุคคลใดกำลังละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักเจริญอนัญ-
ญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังละโทมนัส-
สินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักเจริญอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังละโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๖ จำพวกจักเจริญอัญญินทรีย์ แต่ไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์
บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอนาคามิมรรคจักเจริญอัญญินทรีย์ และก็กำลังละ
โทมนัสสินทรีย์
อนุ. บุคคลใดกำลังละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักทำให้แจ้งอัญญา-
ตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังละโทมนัส-
สินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๗ จำพวกจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ แต่ไม่ใช่กำลังละ
โทมนัสสินทรีย์ บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอนาคามิมรรคจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
และก็กำลังละโทมนัสสินทรีย์
โทมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๓๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย
[๔๖๙] อนุ. บุคคลใดกำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็
จักเจริญอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังเจริญอนัญญาตัญญัส-
สามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๖ จำพวกจักเจริญอัญญินทรีย์ แต่ไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ บุคคลที่ ๘ จักเจริญอัญญินทรีย์และก็กำลังเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์
อนุ. บุคคลใดกำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักทำให้
แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๗ จำพวกจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ แต่ไม่ใช่กำลังเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลที่ ๘ จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์และก็
กำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย จบ

อัญญินทรียมูลกนัย
[๔๗๐] อนุ. บุคคลใดกำลังเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็กำลังเจริญอัญญินทรีย์
ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๓๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. บุคคล ๕ จำพวกจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ แต่ไม่ใช่กำลังเจริญ
อัญญินทรีย์ บุคคล ๓ จำพวกผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตมรรคจักทำให้แจ้งอัญญาตา-
วินทรีย์และก็กำลังเจริญอัญญินทรีย์
อัญญินทรียมูลกนัย จบ

ปัจจนีกะ
จักขุนทรียมูลกนัย
[๔๗๑] อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักละ
โทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๕ จำพวกไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ แต่มิใช่จักไม่ละ
โทมนัสสินทรีย์ บุคคล ๔ จำพวกไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์และก็ไม่ใช่จักละ
โทมนัสสินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้
จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคไม่ใช่จักละโทมนัสสินทรีย์ แต่มิ
ใช่ไม่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคล ๔ จำพวกไม่ใช่จักละโทมนัสสินทรีย์และก็
ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดเป็นปุถุชนจักได้มรรค บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังกำหนด
รู้จักขุนทรีย์ แต่มิใช่จักไม่เจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคล ๘ จำพวกไม่
ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์และก็ไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญญัส-
สามีตินทรีย์ แต่มิใช่ไม่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคล ๘ จำพวกไม่ใช่จักเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์และก็ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๓๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเจริญ
อัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๗ จำพวกไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ แต่มิใช่จักไม่เจริญ
อัญญินทรีย์ บุคคล ๒ จำพวกไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์และก็ไม่ใช่จักเจริญ
อัญญินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้
จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์ แต่มิใช่
ไม่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคล ๒ จำพวกไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์และก็ไม่ใช่
กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๗ จำพวกไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์ แต่มิใช่จักไม่ทำให้
แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคล ๒ จำพวกไม่ใช่กำลังกำหนดรู้จักขุนทรีย์และก็ไม่ใช่
จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
กำหนดรู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

โทมนัสสินทรียมูลกนัย
[๔๗๒] อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดเป็นปุถุชนจักได้มรรค บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังละ
โทมนัสสินทรีย์ แต่มิใช่จักไม่เจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคล ๘ จำพวก
ไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์และก็ไม่ใช่จักไม่เจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๓๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังละโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอนาคามิมรรคไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ แต่มิใช่ไม่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ บุคคล ๘ จำพวกไม่ใช่จัก
เจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์และก็ไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเจริญ
อัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๖ จำพวกไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ แต่มิใช่จักไม่เจริญ
อัญญินทรีย์ บุคคล ๓ จำพวกไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์และก็ไม่ใช่จักเจริญ
อัญญินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๗ จำพวกไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์ แต่มิใช่จักไม่ทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ บุคคล ๒ จำพวกไม่ใช่กำลังละโทมนัสสินทรีย์และก็ไม่ใช่จักทำ
ให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังละ
โทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
โทมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย
[๔๗๓] อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคล
นั้นก็ไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๔๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. บุคคล ๖ จำพวกไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ แต่มิใช่
จักไม่เจริญอัญญินทรีย์ บุคคล ๓ จำพวกไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์และก็ไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๗ จำพวกไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ แต่มิใช่
จักไม่ทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคล ๒ จำพวกไม่ใช่กำลังเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ และก็ไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย จบ

อัญญินทรียมูลกนัย
[๔๗๔] อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักทำ
ให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๕ จำพวกไม่ใช่กำลังเจริญอัญญินทรีย์ แต่มิใช่จักไม่ทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ บุคคล ๒ จำพวกไม่ใช่กำลังเจริญอัญญินทรีย์ และก็ไม่ใช่จักทำ
ให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เจริญอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อัญญินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๔๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๖. อตีตานาคตวาร
๖. อตีตานาคตวาร
อนุโลม
จักขุนทรียมูลกนัย
[๔๗๕] อนุ. บุคคลใดเคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็จักละโทมนัสสินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดเคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็จักเจริญอนัญญาตัญญัส-
สามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยกำหนดรู้
จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดเคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็จักเจริญอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดเคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็จักทำให้แจ้งอัญญา-
ตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยกำหนดรู้
จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๔๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๖. อตีตานาคตวาร
โทมนัสสินทรียมูลกนัย
[๔๗๖] อนุ. บุคคลใดเคยละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยละ
โทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดเคยละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักเจริญอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๒ จำพวกเคยละโทมนัสสินทรีย์ แต่ไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์
อนาคามีบุคคลเคยละโทมนัสสินทรีย์และก็จักเจริญอัญญินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดจักเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นเคยละโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๖ จำพวกจักเจริญอัญญินทรีย์ แต่ไม่เคยละโทมนัสสินทรีย์
อนาคามีบุคคลจักเจริญอัญญินทรีย์และก็เคยละโทมนัสสินทรีย์
อนุ. บุคคลใดเคยละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. อรหันตบุคคลเคยละโทมนัสสินทรีย์ แต่มิใช่จักไม่ทำให้แจ้งอัญญา-
ตาวินทรีย์ บุคคล ๒ จำพวกเคยละโทมนัสสินทรีย์และก็จักทำให้แจ้งอัญญา-
ตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยละโทมนัสสินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๖ จำพวกจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ แต่ไม่เคยละ
โทมนัสสินทรีย์ บุคคล ๒ จำพวกจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์และก็เคยละ
โทมนัสสินทรีย์
โทมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๔๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย
[๔๗๗] อนุ. บุคคลใดเคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นจัก
เจริญอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๒ จำพวกเคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ แต่ไม่ใช่
จักเจริญอัญญินทรีย์ บุคคล ๕ จำพวกเคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์และ
ก็จักเจริญอัญญินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดจักเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๒ จำพวกจักเจริญอัญญินทรีย์ แต่ไม่เคยเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ บุคคล ๕ จำพวกจักเจริญอัญญินทรีย์และก็เคยเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
อนุ. บุคคลใดเคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักทำให้
แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อรหันตบุคคลเคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ แต่ไม่ใช่จักทำให้
แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคล ๖ จำพวกเคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
และก็จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๒ จำพวกจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ แต่ไม่เคยเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคล ๖ จำพวกจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์และ
ก็เคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย จบ

อัญญินทรียมูลกนัย
[๔๗๘] อนุ. บุคคลใดเคยเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็จักทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๔๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปฏิ. บุคคลใดจักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็เคยเจริญอัญญินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อัญญินทรียมูลกนัย จบ

ปัจจนีกะ
จักขุนทรียมูลกนัย
[๔๗๙] อนุ. บุคคลใดไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นไม่ใช่จักละ
โทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๕ จำพวกไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ แต่มิใช่จักไม่ละ
โทมนัสสินทรีย์ บุคคล ๓ จำพวกไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์และก็จักไม่ละ
โทมนัสสินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยกำหนดรู้
จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. อรหันตบุคคลไม่ใช่จักละโทมนัสสินทรีย์ แต่ไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์
บุคคล ๓ จำพวกไม่ใช่จักละโทมนัสสินทรีย์และก็ไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์
อนุ. บุคคลใดไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดเป็นปุถุชนจักได้มรรค บุคคลเหล่านั้นไม่เคยกำหนดรู้
จักขุนทรีย์ แต่มิใช่จักไม่เจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคล ๘ จำพวกไม่เคย
กำหนดรู้จักขุนทรีย์ และก็ไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคย
กำหนดรู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. อรหันตบุคคลไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคย
กำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคล ๘ จำพวกไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
และก็ไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๔๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุ. บุคคลใดไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๕ จำพวกไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ แต่มิใช่จักไม่เจริญอัญญินทรีย์
บุคคล ๒ จำพวกไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์และก็ไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยกำหนดรู้
จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. อรหันตบุคคลไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยกำหนดรู้จักุขนทรีย์
บุคคล ๒ จำพวกไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์และก็ไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์
อนุ. บุคคลใดไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๘ จำพวกไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์ แต่มิใช่จักไม่ทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ บุคคลเหล่าใดเป็นปุถุชนจักไม่ได้มรรค บุคคลเหล่านั้นไม่เคย
กำหนดรู้จักขุนทรีย์และก็ไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยกำหนด
รู้จักขุนทรีย์ใช่ไหม
วิ. อรหันตบุคคลไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยกำหนด
รู้จักขุนทรีย์ บุคคลเหล่าใดเป็นปุถุชนจักไม่ได้มรรค บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักทำให้
แจ้งอัญญาตาวินทรีย์และก็ไม่เคยกำหนดรู้จักขุนทรีย์
จักขุนทรียมูลกนัย จบ

โทมนัสสินทรียมูลกนัย
[๔๘๐] อนุ. บุคคลใดไม่เคยละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดเป็นปุถุชนจักได้มรรค บุคคลเหล่านั้นไม่เคยละโทมนัสสินทรีย์
แต่มิใช่จักไม่เจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคล ๖ จำพวกไม่เคยละโทมนัส-
สินทรีย์และก็ไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๔๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคย
ละโทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๓ จำพวกไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ แต่มิใช่ไม่
เคยละโทมนัสสินทรีย์ บุคคล ๖ จำพวกไม่ใช่จักเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
และก็ไม่เคยละโทมนัสสินทรีย์
อนุ. บุคคลใดไม่เคยละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๖ จำพวกไม่เคยละโทมนัสสินทรีย์ แต่มิใช่จักไม่เจริญอัญญินทรีย์
บุคคล ๓ จำพวกไม่เคยละโทมนัสสินทรีย์และก็ไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยละโทมนัสสินทรีย์
ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๒ จำพวกไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยละโทมนัส-
สินทรีย์ บุคคล ๓ จำพวกไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์และก็ไม่เคยละโทมนัสสินทรีย์
อนุ. บุคคลใดไม่เคยละโทมนัสสินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญา-
ตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๖ จำพวกไม่เคยละโทมนัสสินทรีย์ แต่มิใช่จักไม่ทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ บุคคลเหล่าใดเป็นปุถุชนจักไม่ได้มรรค บุคคลเหล่านั้นไม่เคยละ
โทมนัสสินทรีย์และก็ไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยละ
โทมนัสสินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อรหันตบุคคลไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยละ
โทมนัสสินทรีย์ บุคคลเหล่าใดเป็นปุถุชนจักไม่ได้มรรค บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จัก
ทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์และก็ไม่เคยละโทมนัสสินทรีย์
โทมนัสสินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๔๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย
[๔๘๑] อนุ. บุคคลใดไม่เคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็
ไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๒ จำพวกไม่เคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ แต่มิใช่จัก
ไม่เจริญอัญญินทรีย์ บุคคลเหล่าใดเป็นปุถุชนจักไม่ได้มรรค บุคคลเหล่านั้นไม่เคย
เจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์และก็ไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๒ จำพวกไม่ใช่จักเจริญอัญญินทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยเจริญอนัญญาตัญ-
ญัสสามีตินทรีย์ บุคคลเหล่าใดเป็นปุถุชนจักไม่ได้มรรค บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเจริญ
อัญญินทรีย์และก็ไม่เคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
อนุ. บุคคลใดไม่เคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
ทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๒ จำพวกไม่เคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ แต่มิใช่จัก
ไม่ทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลเหล่าใดเป็นปุถุชนจักไม่ได้มรรค บุคคลเหล่านั้น
ไม่เคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์และก็ไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อรหันตบุคคลไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยเจริญ
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ บุคคลเหล่าใดเป็นปุถุชนจักไม่ได้มรรค บุคคลเหล่า
นั้น ไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์และก็ไม่เคยเจริญอนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
อนัญญาตัญญัสสามีตินทรียมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๔๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑๐. อินทรียยมก] ๓. ปริญญาวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อัญญินทรียมูลกนัย
[๔๘๒] อนุ. บุคคลใดไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักทำให้
แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ใช่ไหม
วิ. บุคคล ๘ จำพวกไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์ แต่มิใช่จักไม่ทำให้แจ้ง
อัญญาตาวินทรีย์ บุคคลเหล่าใดเป็นปุถุชนจักไม่ได้มรรค บุคคลเหล่านั้นไม่เคย
เจริญอัญญินทรีย์และก็ไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยเจริญ
อัญญินทรีย์ใช่ไหม
วิ. อรหันตบุคคลไม่ใช่จักทำให้แจ้งอัญญาตาวินทรีย์ แต่มิใช่ไม่เคยเจริญ
อัญญินทรีย์ บุคคลเหล่าใดเป็นปุถุชนจักไม่ได้มรรค บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักทำให้
แจ้งอัญญาตาวินทรีย์และก็ไม่เคยเจริญอัญญินทรีย์
อัญญินทรียมูลกนัย จบ

ปริญญาวาร จบ

อินทรียยมก จบ

ยมกปกรณ์ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๔๙ }


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๙ อภิธรรมปิฎกที่ ๐๖ ยมก ภาค ๒ จบ





eXTReMe Tracker