ค้นว่าอยู่เล่มใด แล้วกด [ctrl]+f หรือใช้คำสั่งของเครื่องหาตำแหน่งในเล่มอีกทีนะครับ



จัดรูปหน้าใหม่
เพื่อความสะดวก และสวยงาม
(เฉพาะหน้าจอใหญ่ เช่น คอมพิวเตอร์)
กรุณาคลิก จัดรูปหน้าใหม่
เพื่อให้กรอบ
ค้นข้อความ ปรากฎที่ด้านซ้ายของหน้า

พระไตรปิฎกภาษาไทย
ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ๔๕ เล่ม (ปกสีฟ้า)
ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
ที่มาของข้อมูล : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับ มจร.
MCUTRAI Version 1.0

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๙-๑ อภิธรรมปิฎกที่ ๐๖ ยมก ภาค ๒

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร

พระอภิธรรมปิฎก
ยมก ภาค ๒
_____________
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

จิตตยมก
อุทเทส
๑. สุทธจิตตสามัญญะ
๑. ปุคคลวาร
๑. อุปปาทนิโรธกาลสัมเภทวาร

[๑] จิตของบุคคลใดกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็จักดับ ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดจักดับ ไม่ใช่จักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด ไม่ใช่กำลัง
ดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด แต่กำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับ
แต่จักเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ แต่จักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด แต่
กำลังดับมีไหม (๖๓) *

เชิงอรรถ :
* ตัวเลข [๑] หมายถึงลำดับหัวข้อธรรม ส่วนตัวเลข (๖๓) หมายถึงข้อที่อธิบายในนิทเทสหน้า ๑๘

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
๒. อุปปาทุปปันนวาร

[๒] จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม (๖๔)

๓. นิโรธุปปันนวาร

[๓] จิตของบุคคลใดกำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม (๖๕)

๔. อุปปาทวาร

[๔] จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดเคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม (๖๖)
[๕] จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดจักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม (๖๗)
[๖] จิตของบุคคลใดเคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดจักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม (๖๘)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
๕. นิโรธวาร

[๗] จิตของบุคคลใดกำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดเคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับมีไหม (๖๙)
[๘] จิตของบุคคลใดกำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม (๗๐)
[๙] จิตของบุคคลใดเคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับมีไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม (๗๑)

๖. อุปปาทนิโรธวาร

[๑๐] จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดเคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม (๗๒)
[๑๑] จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม (๗๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร

[๑๒] จิตของบุคคลใดเคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับมีไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม (๗๔)

๗. อุปปัชชมานนนิโรธวาร

[๑๓] จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตของบุคคลใดกำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม (๗๕)

๘. อุปปัชชมานุปปันนวาร

[๑๔] จิตของบุคคลใดเกิดอยู่ จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็เกิดอยู่ใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดอยู่ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดอยู่ใช่ไหม (๗๖)

๙. นิรุชฌมานุปปันนวาร

[๑๕] จิตของบุคคลใดดับอยู่ จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ดับอยู่ใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่ดับอยู่ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่ดับอยู่ใช่ไหม (๗๗)

๑๐. อุปปันนุปปาทวาร

[๑๖] จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดเคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร

จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วมีไหม (๗๘)
จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดจักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม (๗๙)

๑๑. อตีตานาคตวาร
[๑๗] จิตของบุคคลใดเคยเกิด จิตของบุคคลนั้นไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคล
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดจักเกิด จิตของบุคคลนั้นไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็
เคยเกิดใช่ไหม
จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิด แต่จิตของบุคคลนั้นมิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตของบุคคล
นั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด แต่จิตของบุคคลนั้นมิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตของ
บุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม (๘๐)

๑๒. อุปปันนุปปัชชมานวาร
[๑๘] จิตที่เกิดแล้ว ก็ชื่อว่าเกิดอยู่ใช่ไหม จิตที่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าเกิดแล้วใช่ไหม
จิตที่ไม่ใช่เกิดแล้ว ก็ชื่อว่าไม่ใช่เกิดอยู่ใช่ไหม จิตที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าไม่ใช่
เกิดแล้วใช่ไหม (๘๑)

๑๓. นิรุทธนิรุชฌมานวาร
[๑๙] จิตที่ดับแล้ว ก็ชื่อว่าดับอยู่ใช่ไหม จิตที่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าดับแล้วใช่ไหม
จิตที่ไม่ใช่ดับแล้ว ก็ชื่อว่าไม่ใช่ดับอยู่ใช่ไหม จิตที่ไม่ใช่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าไม่ใช่
ดับแล้วใช่ไหม (๘๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
๑๔. อติกกันตกาลวาร
[๒๐] จิตของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่เกิดอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตของ
บุคคลนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ดับอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตของบุคคลนั้น
ล่วงไปทุก ๆ ขณะที่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตของ
บุคคลนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
จิตของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่ดับอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตของ
บุคคลนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม (๘๓)
อุทเทสแห่งปุคคลวาร จบ

๑. สุทธจิตตสามัญญะ
๒. ธัมมวาร
๑. อุปปาทนิโรธกาลสัมเภทวาร
[๒๑] จิตใดกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นก็จักดับ ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดจักดับ ไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นก็กำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด แต่กำลังดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่จักดับ แต่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่จักดับ แต่จักเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด แต่กำลังดับมีไหม (๘๔)

๒. อุปปาทุปปันนวาร

[๒๒] จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร

จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม (๘๕)

๓. นิโรธุปปันนวาร

[๒๓] จิตใดกำลังดับ จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม (๘๖)

๔. อุปปาทวาร

[๒๔] จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดเคยเกิด จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่เคยเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม (๘๗)
[๒๕] จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตใดจักเกิด จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม (๘๘)
[๒๖] จิตใดเคยเกิด จิตนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตใดจักเกิด จิตนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่เคยเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม (๘๙)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
๕. นิโรธวาร

[๒๗] จิตใดกำลังดับ จิตนั้นก็เคยดับใช่ไหม
จิตใดเคยดับ จิตนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
จิตใดไม่เคยดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม (๙๐)
[๒๘] จิตใดกำลังดับ จิตนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตใดจักดับ จิตนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม (๙๑)
[๒๙] จิตใดเคยดับ จิตนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตใดจักดับ จิตนั้นก็เคยดับใช่ไหม
จิตใดไม่เคยดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม (๙๒)

๖. อุปปาทนิโรธวาร

[๓๐] จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็เคยดับใช่ไหม
จิตใดเคยดับ จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
จิตใดไม่เคยดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม (๙๓)
[๓๑] จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตใดจักดับ จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม (๙๔)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร

[๓๒] จิตใดเคยเกิด จิตนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตใดจักดับ จิตนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่เคยเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม (๙๕)

๗. อุปปัชชมานนนิโรธวาร

[๓๓] จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตใดกำลังดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม (๙๖)

๘. อุปปัชชมานุปปันนวาร

[๓๔] จิตใดเกิดอยู่ จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็เกิดอยู่ใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่เกิดอยู่ จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดอยู่ใช่ไหม (๙๗)

๙. นิรุชฌมานุปปันนวาร

[๓๕] จิตใดดับอยู่ จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็ดับอยู่ใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่ดับอยู่ จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่ดับอยู่ใช่ไหม (๙๘)

๑๐. อุปปันนุปปาทวาร

[๓๖] จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดเคยเกิด จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร

จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่เคยเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม (๙๙)
จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตใดจักเกิด จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม (๑๐๐)

๑๑. อตีตานาคตวาร

[๓๗] จิตใดเคยเกิด จิตนั้นไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตใดจักเกิด จิตนั้นไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่เคยเกิด จิตนั้นมิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นมิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม (๑๐๑)

๑๒. อุปปันนุปปัชชมานวาร

[๓๘] จิตที่เกิดแล้ว ก็ชื่อว่าเกิดอยู่ใช่ไหม
จิตที่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าเกิดแล้วใช่ไหม
จิตที่ไม่ใช่เกิดแล้ว ก็ชื่อว่าไม่ใช่เกิดอยู่ใช่ไหม
จิตที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม (๑๐๒)

๑๓. นิรุทธนิรุชฌมานวาร

[๓๙] จิตที่ดับแล้ว ก็ชื่อว่าดับอยู่ใช่ไหม
จิตที่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าดับแล้วใช่ไหม
จิตที่ไม่ใช่ดับแล้ว ก็ชื่อว่าไม่ใช่ดับอยู่ใช่ไหม
จิตที่ไม่ใช่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าไม่ใช่ดับแล้วใช่ไหม (๑๐๓)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๓. ปุคคลธัมมวาร
๑๔. อติกกันตกาลวาร
[๔๐] จิตใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่เกิดอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้นล่วงไป
ทุก ๆ ขณะที่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
จิตใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ดับอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะ
ที่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
จิตใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้นล่วงไป
ทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
จิตใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้นล่วงไป
ทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม (๑๐๔)
อุทเทสแห่งธัมมวาร จบ

๑. สุทธจิตตสามัญญะ
๓. ปุคคลธัมมวาร
๑. อุปปาทนิโรธกาลสัมเภทวาร
[๔๑] จิตใดของบุคคลใดกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักดับ
ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดจักดับ ไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด ไม่ใช่
กำลังดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด แต่กำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับ
แต่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ แต่จักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
แต่กำลังดับมีไหม (๑๐๕)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๓. ปุคคลธัมมวาร
๒. อุปปาทุปปันนวาร

[๔๒] จิตใดของบุคคลใดกำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

(๑๐๖)
๓. นิโรธุปปันนวาร

[๔๓] จิตใดของบุคคลใดกำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม

(๑๐๗)
๔. อุปปาทวาร

[๔๔] จิตใดของบุคคลใดกำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดเคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

(๑๐๘)

[๔๕] จิตใดของบุคคลใดกำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดจักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

(๑๐๙)

[๔๖] จิตใดของบุคคลใดเคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดจักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม(๑๑๐)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๓. ปุคคลธัมมวาร
๕. นิโรธวาร

[๔๗] จิตใดของบุคคลใดกำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดเคยดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม

(๑๑๑)

[๔๘] จิตใดของบุคคลใดกำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดจักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม

(๑๑๒)

[๔๙] จิตใดของบุคคลใดเคยดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดจักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม (๑๑๓)

๖. อุปปาทนิโรธวาร

[๕๐] จิตใดของบุคคลใดกำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดเคยดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
[๕๑] จิตใดของบุคคลใดกำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดจักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
[๕๒] จิตใดของบุคคลใดเคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดจักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๓. ปุคคลธัมมวาร
๗. อุปปัชชมานนนิโรธวาร

[๕๓] จิตใดของบุคคลใดกำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดกำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

๘. อุปปัชชมานุปปันนวาร

[๕๔] จิตใดของบุคคลใดเกิดอยู่ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เกิดอยู่ใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่เกิดอยู่ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดอยู่ใช่ไหม

๙. นิรุชฌมานุปปันนวาร

[๕๕] จิตใดของบุคคลใดดับอยู่ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ดับอยู่ใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่ดับอยู่ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่ดับอยู่ใช่ไหม

๑๐. อุปปันนุปปาทวาร

[๕๖] จิตใดของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดเคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดจักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๓. ปุคคลธัมมวาร
๑๑. อตีตานาคตวาร
[๕๗] จิตใดของบุคคลใดเคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้น
ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดจักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นของ
บุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นมิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตนั้นของ
บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นมิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตนั้น
ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม

๑๒. อุปปันนุปปัชชมานวาร
[๕๘] จิตที่เกิดแล้ว ก็ชื่อว่าเกิดอยู่ใช่ไหม จิตที่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าเกิดแล้วใช่ไหม
จิตที่ไม่ใช่เกิดแล้ว ก็ชื่อว่าไม่ใช่เกิดอยู่ใช่ไหม จิตที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าไม่ใช่
เกิดแล้วใช่ไหม

๑๓. นิรุทธนิรุชฌมานวาร
[๕๙] จิตที่ดับแล้ว ก็ชื่อว่าดับอยู่ใช่ไหม จิตที่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าดับแล้วใช่ไหม
จิตที่ไม่ใช่ดับแล้ว ก็ชื่อว่าไม่ใช่ดับอยู่ใช่ไหม จิตที่ไม่ใช่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าไม่ใช่
ดับแล้วใช่ไหม

๑๔. อติกกันตกาลวาร
[๖๐] จิตใดของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่เกิดอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้น
ของบุคคลนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ดับอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้นของ
บุคคลนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะที่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๒. สุตตันตจิตตมิสสกวิเสส
จิตใดของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้น
ของบุคคลนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
จิตใดของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่ดับอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้น
ของบุคคลนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
อุทเทสแห่งปุคคลธัมมวาร จบ

๒. สุตตันตจิตตมิสสกวิเสส
[๖๑] จิตมีราคะของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตปราศจากราคะของบุคคลใดกำลังเกิด ...
จิตมีโทสะของบุคคลใดกำลังเกิด ...
จิตปราศจากโทสะของบุคคลใดกำลังเกิด ...
จิตมีโมหะของบุคคลใดกำลังเกิด ...
จิตปราศจากโมหะของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตหดหู่ของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตฟุ้งซ่านของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตเป็นมหัคคตะของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตไม่เป็นมหัคคตะของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตมีธรรมอื่นยิ่งกว่าของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตเป็นสมาธิของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตไม่เป็นสมาธิของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตหลุดพ้นแล้วของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตไม่หลุดพ้นแล้วของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ (๑๑๔)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] อุทเทส ๓. อภิธัมมจิตตมิสสกวิเสส
๓. อภิธัมมจิตตมิสสกวิเสส
[๖๒] จิตที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดกำลังเกิด ฯลฯ
จิตที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาของบุคคลใดกำลังเกิด ...
(พึงยกบาลีอุทเทสโดยวิธีนี้ ตลอดจนถึงจิตที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้และที่ไม่เป็น
เหตุให้สัตว์ร้องไห้)
จิตที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ของบุคคลใดกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ จิตที่ไม่เป็น
เหตุให้สัตว์ร้องไห้ของบุคคลนั้นก็จักดับ ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
จิตที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ของบุคคลใดจักดับ ไม่ใช่จักเกิด จิตที่ไม่เป็นเหตุ
ให้สัตว์ร้องไห้ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม (๑๑๕)

อุทเทสแห่งมิสสกวาร จบ
อุทเทสวาร จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
นิทเทส
๑. สุทธจิตตสามัญญะ
๑. ปุคคลวาร
๑. อุปปาทนิโรธกาลสัมเภทวาร
[๖๓] อนุโลมปุจฉา. จิตของบุคคลใดกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ จิตของบุคคล
นั้นก็จักดับ ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิสัชนา. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด
ไม่ใช่กำลังดับ แต่จักดับ ไม่ใช่จักเกิด ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลนอกนี้
จิตของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ แต่จักดับและจักเกิด
ปฏิโลมปุจฉา. จิตของบุคคลใดจักดับ ไม่ใช่จักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิสัชนา. ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด แต่กำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักดับ แต่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ แต่จักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
แต่กำลังดับมีไหม
วิ. ไม่มี

๒. อุปปาทุปปันนวาร
[๖๔] อนุ. จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่กำลังเกิด
ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดแล้วก็ใช่ กำลังเกิดก็ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
วิ. ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มิใช่ไม่
เกิดแล้ว บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จิตของ
บุคคลเหล่านั้น ไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๓. นิโรธุปปันนวาร
[๖๕] อนุ. จิตของบุคคลใดกำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่กำลังดับ
ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดแล้วก็ใช่ กำลังดับก็ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นก็ไม่ใช่กำลังดับ แต่มิใช่
ไม่เกิดแล้ว บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จิตของ
บุคคลเหล่านั้น ไม่ใช่กำลังดับก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่

๔. อุปปาทวาร
[๖๖] อนุ. จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดเคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิต บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดก็ใช่ กำลังเกิดก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
[๖๗] อนุ. จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่ไม่ใช่
จักเกิด ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลนอกนี้ จิตของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดก็ใช่
จักเกิดก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดจักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิต บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ จิตของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดก็ใช่ กำลังเกิดก็ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิต บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะ
แห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ ไม่ใช่จักเกิดก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่มิใช่
ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดก็ใช่ ไม่ใช่
กำลังเกิดก็ใช่
[๖๘] อนุ. จิตของบุคคลใดเคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดก็ใช่ จักเกิดก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดจักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด

๕. นิโรธวาร
[๖๙] อนุ. จิตของบุคคลใดกำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดเคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิต บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่ไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งจิต
จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับก็ใช่ กำลังดับก็ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับมีไหม
วิ. ไม่มี
[๗๐] อนุ. จิตของบุคคลใดกำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ แต่ไม่ใช่จักดับ
ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลนอกนี้ จิตของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับก็ใช่ จักดับก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิต บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ จิตของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่ไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งจิต
จิตของบุคคลเหล่านั้นจักดับก็ใช่ กำลังดับก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. จักดับ
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. กำลังดับ
[๗๑] อนุ. จิตของบุคคลใดเคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่ไม่ใช่จักดับ
บุคคลนอกนี้ จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับก็ใช่ กำลังดับก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ

๖. อุปปาทนิโรธวาร
[๗๒] อนุ. จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดเคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิต บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่ไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับก็ใช่ กำลังเกิดก็ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
[๗๓] อนุ. จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิต บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ จิตของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่ไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นจักดับก็ใช่ กำลังเกิดก็ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิต บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะ
แห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ ไม่ใช่จักดับก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๗๔] อนุ. จิตของบุคคลใดเคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ไม่ใช่จักดับ
บุคคลนอกจากนี้ จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดก็ใช่ จักดับก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด

๗. อุปปัชชมานนนิโรธวาร
[๗๕] อนุ. จิตของบุคคลใดกำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จิตของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับก็ใช่ กำลังเกิดก็ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จิตของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด และไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งจิต จิตของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ กำลังดับก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดกำลังดับ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๘. อุปปัชชมานุปปันนวาร
[๗๖] อนุ. จิตของบุคคลใดเกิดอยู่ จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็เกิดอยู่ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่เกิดอยู่
ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดแล้วก็ใช่ เกิดอยู่ก็ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดอยู่ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่เกิดอยู่ แต่มิใช่ไม่เกิด
แล้ว บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จิตของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่เกิดอยู่ก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดอยู่ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
๙. นิรุชฌมานุปปันนวาร
[๗๗] อนุ. จิตของบุคคลใดดับอยู่ จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ดับอยู่ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่ดับอยู่
ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดแล้วก็ใช่ ดับอยู่ก็ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่ดับอยู่ จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่ดับอยู่ แต่มิใช่ไม่
เกิดแล้ว บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จิตของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่ดับอยู่ก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่ดับอยู่ใช่ไหม
วิ. ใช่

๑๐. อุปปันนุปปาทวาร
[๗๘] อนุ. จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดเคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จิตของ
บุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่ไม่ใช่เกิดแล้ว บุคคลผู้พร้อมเพียงด้วยจิต จิตของ
บุคคลเหล่านั้นเคยเกิดก็ใช่ เกิดแล้วก็ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
[๗๙] อนุ. จิตของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดแล้ว แต่
ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดแล้วก็ใช่
จักเกิดก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดจักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จิตของ
บุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ไม่ใช่เกิดแล้ว บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต จิตของบุคคล
เหล่านั้นจักเกิดก็ใช่ เกิดแล้วก็ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. เกิดแล้ว

๑๑. อตีตานาคตวาร
[๘๐] อนุ. จิตของบุคคลใดเคยเกิด จิตของบุคคลนั้นไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของ
บุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดจักเกิด จิตของบุคคลนั้นไม่ใช่เกิดแล้ว จิตของบุคคล
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตของบุคคลนั้นมิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตของ
บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. จิตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตของบุคคลนั้นมิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตของ
บุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๑. ปุคคลวาร
๑๒. อุปปันนุปปัชชมานวาร
[๘๑] อนุ. จิตที่เกิดแล้ว ก็ชื่อว่าเกิดอยู่ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่เกิดอยู่ ในอุปปาทขณะ จิตเกิดแล้วก็ใช่
เกิดอยู่ก็ใช่
ปฏิ. จิตที่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าเกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จิตที่ไม่ใช่เกิดแล้ว ก็ชื่อว่าไม่ใช่เกิดอยู่ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่ใช่เกิดอยู่ แต่มิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตที่เป็นอดีตและ
อนาคต ไม่ใช่เกิดอยู่ก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่

๑๓. นิรุทธนิรุชฌมานวาร
[๘๒] อนุ. จิตที่ดับแล้ว ก็ชื่อว่าดับอยู่ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตที่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าดับแล้วใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตที่ไม่ใช่ดับแล้ว ก็ชื่อว่าไม่ใช่ดับอยู่ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่ใช่ดับแล้ว แต่มิใช่ไม่ดับอยู่ ในอุปปาทขณะ จิตที่
เป็นอนาคต ไม่ใช่ดับแล้วก็ใช่ ไม่ใช่ดับอยู่ก็ใช่
ปฏิ. จิตที่ไม่ใช่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าไม่ใช่ดับแล้วใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่ดับอยู่ แต่มิใช่ไม่ดับแล้ว ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็น
อนาคต ไม่ใช่ดับอยู่ก็ใช่ ไม่ใช่ดับแล้วก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
๑๔. อติกกันตกาลวาร
[๘๓] อนุ. จิตของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่เกิดอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว
จิตของบุคคลนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตล่วงไปทุกอุปปาทขณะ แต่ยังไม่ล่วงภังคขณะ จิตที่
เป็นอดีตล่วงไปทุกอุปปาทขณะก็ใช่ ล่วงไปทุกภังคขณะก็ใช่
ปฏิ. จิตของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ดับอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตของ
บุคคลนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะที่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีต ....
อนุ. จิตของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว
จิตของบุคคลนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็นอนาคต ....
ปฏิ. จิตของบุคคลใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่ดับอยู่ ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว
จิตของบุคคลนั้นล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่ล่วงภังคขณะ แต่มิใช่ไม่ล่วงอุปปาทขณะ ใน
อุปปาทขณะ จิตที่เป็นอนาคต ไม่ล่วงภังคขณะก็ใช่ ไม่ล่วงอุปปาทขณะก็ใช่
นิทเทสแห่งปุคคลวาร จบ

๑. สุทธจิตตสามัญญะ
๒. ธัมมวาร
๑. อุปปาทนิโรธกาลสัมเภทวาร
[๘๔] อนุ. จิตใดกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นก็จักดับ ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตใดจักดับ ไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นก็กำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
อนุ. จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด แต่กำลังดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่จักดับ แต่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่จักดับ แต่จักเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด แต่กำลังดับมีไหม
วิ. ไม่มี
๒. อุปปาทุปปันนวาร
[๘๕] อนุ. จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ จิตเกิด
แล้วก็ใช่ กำลังเกิดก็ใช่
อนุ. จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่ใช่กำลังเกิด แต่มิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตที่เป็นอดีตและ
อนาคต ไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๓. นิโรธุปปันนวาร
[๘๖] อนุ. จิตใดกำลังดับ จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะ จิตเกิด
แล้วก็ใช่ กำลังดับก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๒๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
อนุ. จิตใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตไม่ใช่กำลังดับ แต่มิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตที่เป็นอดีต
และอนาคต ไม่ใช่กำลังดับก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่

๔. อุปปาทวาร
[๘๗] อนุ. จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดเคยเกิด จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่กำลังเกิด แต่มิใช่ไม่เคยเกิด ในภังคขณะ จิตที่เป็น
อนาคต ไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ ไม่เคยเกิดก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่เคยเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตไม่เคยเกิด แต่มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ จิตที่
เป็นอนาคตไม่เคยเกิดก็ใช่ ไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่
[๘๘] อนุ. จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดจักเกิด จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอนาคตไม่ใช่กำลังเกิด แต่มิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะ จิตที่
เป็นอดีต ไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ ไม่ใช่จักเกิดก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตไม่ใช่จักเกิด แต่มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ จิตที่
เป็นอดีตไม่ใช่จักเกิดก็ใช่ ไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่
[๘๙] อนุ. จิตใดเคยเกิด จิตนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดจักเกิด จิตนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดไม่เคยเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอนาคตไม่เคยเกิด แต่มิใช่จักไม่เกิด จิตที่เป็นปัจจุบันไม่เคยเกิด
ก็ใช่ ไม่ใช่จักเกิดก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่จักเกิด แต่มิใช่ไม่เคยเกิด จิตที่เป็นปัจจุบัน ไม่ใช่จัก
เกิดก็ใช่ ไม่เคยเกิดก็ใช่

๕. นิโรธวาร
[๙๐] อนุ. จิตใดกำลังดับ จิตนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดเคยดับ จิตนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่กำลังดับ แต่มิใช่ไม่เคยดับ ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็น
อนาคตไม่ใช่กำลังดับก็ใช่ ไม่เคยดับก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่เคยดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่เคยดับ แต่มิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็น
อนาคตไม่เคยดับก็ใช่ ไม่ใช่กำลังดับก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
[๙๑] อนุ. จิตใดกำลังดับ จิตนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดจักดับ จิตนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็นอนาคตไม่ใช่กำลังดับ แต่มิใช่จักไม่ดับ จิตที่
เป็นอดีตไม่ใช่กำลังดับก็ใช่ ไม่ใช่จักดับก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่ใช่จักดับ แต่มิใช่ไม่กำลังดับ จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่
จักดับก็ใช่ ไม่ใช่กำลังดับก็ใช่
[๙๒] อนุ. จิตใดเคยดับ จิตนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดจักดับ จิตนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดไม่เคยดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็นอนาคตไม่เคยดับ แต่มิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะ
จิตไม่เคยดับก็ใช่ ไม่ใช่จักดับก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่จักดับ แต่มิใช่ไม่เคยดับ ในภังคขณะ จิตไม่ใช่จักดับ
ก็ใช่ ไม่เคยเกิดก็ใช่

๖. อุปปาทนิโรธวาร
[๙๓] อนุ. จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดเคยดับ จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
อนุ. จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่กำลังเกิด แต่มิใช่ไม่เคยดับ ในภังคขณะ จิตที่เป็น
อนาคตไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ ไม่เคยดับก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่เคยดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตไม่เคยดับ แต่มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ จิตที่เป็น
อนาคตไม่เคยดับก็ใช่ ไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่
[๙๔] อนุ. จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตใดจักดับ จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอนาคตจักดับ แต่ไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ จิตจักดับก็ใช่
กำลังเกิดก็ใช่
อนุ. จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอนาคตไม่ใช่กำลังเกิด แต่มิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะ จิตที่เป็น
อดีตไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ ไม่ใช่จักดับก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๙๕] อนุ. จิตใดเคยเกิด จิตนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดจักดับ จิตนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดไม่เคยเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็นอนาคตไม่เคยเกิด แต่มิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะ
จิตไม่เคยเกิดก็ใช่ ไม่ใช่จักดับก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่จักดับ แต่มิใช่ไม่เคยเกิด ในภังคขณะ จิตไม่ใช่
จักดับก็ใช่ ไม่เคยเกิดก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
๗. อุปปัชชมานนนิโรธวาร
[๙๖] อนุ. จิตใดกำลังเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตและอนาคตไม่ใช่กำลังดับ แต่ไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
จิตไม่ใช่กำลังดับก็ใช่ กำลังเกิดก็ใช่
อนุ. จิตใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตและอนาคตไม่ใช่กำลังเกิด แต่ไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะ
จิตไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ กำลังดับก็ใช่
ปฏิ. จิตใดกำลังดับ จิตนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๘. อุปปัชชมานุปปันนวาร
[๙๗] อนุ. จิตใดเกิดอยู่ จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็เกิดอยู่ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่เกิดอยู่ ในอุปปาทขณะ จิตเกิดแล้ว
ก็ใช่ เกิดอยู่ก็ใช่
อนุ. จิตใดไม่ใช่เกิดอยู่ จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่ใช่เกิดอยู่ แต่มิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตที่เป็นอดีตและที่
เป็นอนาคต ไม่ใช่เกิดอยู่ก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดอยู่ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
๙. นิรุชฌมานุปปันนวาร
[๙๘] อนุ. จิตใดดับอยู่ จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็ดับอยู่ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่ดับอยู่ ในภังคขณะ จิตเกิดแล้ว
ก็ใช่ ดับอยู่ก็ใช่
อนุ. จิตใดไม่ใช่ดับอยู่ จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตไม่ใช่ดับอยู่ แต่มิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตที่เป็นอดีตและ
ที่เป็นอนาคต ไม่ใช่เกิดอยู่ก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่ดับอยู่ใช่ไหม
วิ. ใช่

๑๐. อุปปันนุปปาทวาร
[๙๙] อนุ. จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดเคยเกิด จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่เกิดแล้ว แต่มิใช่ไม่เคยเกิด จิตที่เป็นอนาคต ไม่ใช่
เกิดแล้วก็ใช่ ไม่เคยเกิดก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่เคยเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นปัจจุบัน ไม่เคยเกิด แต่มิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตที่เป็นอนาคต ไม่เคย
เกิดก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
[๑๐๐] อนุ. จิตใดเกิดแล้ว จิตนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดจักเกิด จิตนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอนาคตไม่ใช่เกิดแล้ว แต่มิใช่จักไม่เกิด จิตที่เป็นอดีต ไม่ใช่
เกิดแล้วก็ใช่ ไม่ใช่จักเกิดก็ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นปัจจุบันไม่ใช่จักเกิด แต่มิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่จัก
เกิดก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่

๑๑. อตีตานาคตวาร
[๑๐๑] อนุ. จิตใดเคยเกิด จิตนั้นไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดจักเกิด จิตนั้นไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดไม่เคยเกิด จิตนั้นมิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นมิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๑๒. อุปปันนุปปัชชมานวาร
[๑๐๒] อนุ. จิตที่เกิดแล้ว ก็ชื่อว่าเกิดอยู่ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่เกิดอยู่ ในอุปปาทขณะ จิตเกิดแล้วก็ใช่
เกิดอยู่ก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๒. ธัมมวาร
ปฏิ. จิตที่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าเกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จิตที่ไม่ใช่เกิดแล้ว ก็ชื่อว่าไม่ใช่เกิดอยู่ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่ใช่เกิดอยู่ แต่มิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตที่เป็นอดีตและที่
เป็นอนาคต ไม่ใช่เกิดอยู่ก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่

๑๓. นิรุทธนิรุชฌมานวาร
[๑๐๓] อนุ. จิตที่ดับแล้ว ก็ชื่อว่าดับอยู่ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตที่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าดับแล้วใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตที่ไม่ใช่ดับแล้ว ก็ชื่อว่าไม่ใช่ดับอยู่ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่ใช่ดับแล้ว แต่มิใช่ไม่ดับอยู่ ในอุปปาทขณะ จิตที่
เป็นอนาคตไม่ใช่ดับแล้วก็ใช่ ไม่ใช่ดับอยู่ก็ใช่
ปฏิ. จิตที่ไม่ใช่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าไม่ใช่ดับแล้วใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่ดับอยู่ แต่มิใช่ไม่ดับแล้ว ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็น
อนาคตไม่ใช่ดับอยู่ก็ใช่ ไม่ใช่ดับแล้วก็ใช่

๑๔. อติกกันตกาลวาร
[๑๐๔] อนุ. จิตใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้น
ล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตล่วงอุปปาทขณะ แต่ไม่ล่วงภังคขณะ จิตที่เป็นอดีต
ล่วงอุปปาทขณะก็ใช่ ล่วงภังคขณะก็ใช่


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๓. ปุคคลธัมมวาร
ปฏิ. จิตใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้นล่วงไปทุก ๆ
ขณะที่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีต ...
อนุ. จิตใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้นล่วงไป
ทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็นอนาคต ....
ปฏิ. จิตใดล่วงไปทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่ดับอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้ว จิตนั้นล่วงไป
ทุก ๆ ขณะที่ไม่ใช่เกิดอยู่ ก็ชื่อว่าล่วงกาลแล้วใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่ล่วงภังคขณะ แต่มิใช่ไม่ล่วงอุปปาทขณะ ใน
อุปปาทขณะ จิตที่เป็นอนาคตไม่ล่วงภังคขณะก็ใช่ ไม่ล่วงอุปปาทขณะก็ใช่
นิทเทสแห่งธัมมวาร จบ

๑. สุทธจิตตสามัญญะ
๓. ปุคคลธัมมวาร
๑. อุปปาทนิโรธกาลสัมเภทวาร
[๑๐๕] อนุ. จิตใดของบุคคลใดกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นของบุคคล
นั้นก็จักดับ ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดจักดับ ไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด แต่กำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้น
ก็ไม่ใช่จักดับ แต่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๓. ปุคคลธัมมวาร
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ แต่จักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิด แต่กำลังดับมีไหม
วิ. ไม่มี

๒. อุปปาทุปปันนวาร
[๑๐๖] อนุ. จิตใดของบุคคลใดกำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เกิดแล้ว
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ จิตเกิด
แล้วก็ใช่ กำลังเกิดก็ใช่
อนุ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้ว
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่ใช่กำลังเกิด แต่มิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตที่เป็นอดีตและ
ที่เป็นอนาคต ไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่
ไหม
วิ. ใช่

๓. นิโรธุปปันนวาร
[๑๐๗] อนุ. จิตใดของบุคคลใดกำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดเกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะ จิตเกิด
แล้วก็ใช่ กำลังดับก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๓๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๓. ปุคคลธัมมวาร
อนุ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่เกิดแล้วใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตไม่ใช่กำลังดับ แต่มิใช่ไม่เกิดแล้ว จิตที่เป็นอดีต
และที่เป็นอนาคต ไม่ใช่กำลังดับก็ใช่ ไม่ใช่เกิดแล้วก็ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่เกิดแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่

๔. อุปปาทวาร
[๑๐๘] อนุ. จิตใดของบุคคลใดกำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดเคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่กำลังเกิด แต่มิใช่ไม่เคยเกิด ในภังคขณะ จิตที่เป็น
อนาคตไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ ไม่เคยเกิดก็ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตไม่เคยเกิด แต่มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ จิตที่
เป็นอนาคตไม่เคยเกิดก็ใช่ ไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่
[๑๐๙] อนุ. จิตใดของบุคคลใดกำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดจักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอนาคตไม่ใช่กำลังเกิด แต่มิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะ จิตที่เป็น
อดีตไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่ ไม่ใช่จักเกิดก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๑. สุทธจิตตสามัญญะ ๓. ปุคคลธัมมวาร
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตไม่ใช่จักเกิด แต่มิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ จิตที่
เป็นอดีตไม่ใช่จักเกิดก็ใช่ ไม่ใช่กำลังเกิดก็ใช่
[๑๑๐] อนุ. จิตใดของบุคคลใดเคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดจักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอนาคตไม่เคยเกิด แต่มิใช่จักไม่เกิด จิตที่เป็นปัจจุบัน ไม่เคย
เกิดก็ใช่ ไม่ใช่จักเกิดก็ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่จักเกิด แต่มิใช่ไม่เคยเกิด จิตที่เป็นปัจจุบัน ไม่ใช่
จักเกิดก็ใช่ ไม่เคยเกิดก็ใช่

๕. นิโรธวาร
[๑๑๑] อนุ. จิตใดของบุคคลใดกำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดเคยดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่กำลังดับ แต่มิใช่ไม่เคยดับ ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็น
อนาคตไม่ใช่กำลังดับก็ใช่ ไม่เคยดับก็ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่เคยดับ แต่มิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็น
อนาคตไม่เคยดับก็ใช่ ไม่ใช่กำลังดับก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๓. อภิธัมมจิตตมิสสกวิเสส
[๑๑๒] อนุ. จิตใดของบุคคลใดกำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดจักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็นอนาคตไม่ใช่กำลังดับ แต่มิใช่จักไม่ดับ จิตที่
เป็นอดีตไม่ใช่กำลังดับก็ใช่ ไม่ใช่จักดับก็ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะ จิตไม่ใช่จักดับ แต่มิใช่ไม่กำลังดับ จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่
จักดับก็ใช่ ไม่ใช่กำลังดับก็ใช่
[๑๑๓] อนุ. จิตใดของบุคคลใดเคยดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดจักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิตใดของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะ จิตที่เป็นอนาคตไม่เคยดับ แต่มิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะ
จิตไม่เคยดับก็ใช่ ไม่ใช่จักดับก็ใช่
ปฏิ. จิตใดของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. จิตที่เป็นอดีตไม่ใช่จักดับ แต่มิใช่ไม่เคยดับ ในภังคขณะ จิตไม่ใช่จักดับ
ก็ใช่ ไม่เคยดับก็ใช่
(ข้อที่ว่า จิตของบุคคลใด ท่านแสดงไว้โดยภาวะแห่งตน ในข้อที่ว่า ในจิตใดแล
ในจิตของบุคคลใด ท่านแสดงไว้โดยอรรถอันเดียวกัน)

นิทเทสแห่งปุคคลธัมมวาร จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๘. จิตตยมก ] นิทเทส ๓. อภิธัมมจิตตมิสสกวิเสส
๒. สุตตันตจิตตมิสสกวิเสส
[๑๑๔] อนุ. จิตมีราคะของบุคคลใดกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ จิตมีราคะ
ของบุคคลนั้นก็จักดับ ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีราคะ จิตมีราคะของบุคคลเหล่านั้น
กำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ แต่จักดับ ไม่ใช่จักเกิด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่มีราคะ
ของบุคคลนอกนี้ จิตที่มีราคะของบุคคลเหล่านั้น ฯลฯ

๓. อภิธัมมจิตตมิสสกวิเสส
[๑๑๕] อนุ. จิตที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ จิตที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็จักดับ ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่เป็นกุศลดวงสุดท้าย จิตที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ แต่จักดับ ไม่ใช่จักเกิด ในอุปปาทขณะแห่งจิต
ที่เป็นกุศลของบุคคลนอกนี้ จิตที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้น ฯลฯ
ปฏิ. จิตที่เป็นกุศลของบุคคลใด ฯลฯ
วิ. ใช่
ฯลฯ
[๑๑๖] อนุ. จิตที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ ฯลฯ
อนุ. จิตที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดกำลังเกิด ไม่ใช่กำลังดับ ฯลฯ
(ยมก ๓ คือ มูลยมก จิตตยมก และธัมมยมก ดำเนินไปจนถึงสภาวธรรม
ที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้และที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้)

นิทเทสแห่งมิสสกวาร จบ
นิทเทสวาร จบ
จิตตยมก จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
ธัมมยมก
๑. ปัณณัตติวารอุทเทส
๑. ปทโสธนวาร
อนุโลม

[๑] สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นสภาวะที่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวธรรมที่เป็นอกุศล เป็นสภาวะที่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๑๗)

ปัจจนีกะ

[๒] สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๑๘)

๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุโลม

[๓] สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๑๙)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร

[๔] สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๒๐)
[๕] สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม (๒๑)

ปัจจนีกะ

[๖] สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๒๒)
[๗] สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๒๓)
[๘] สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม (๒๔)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๔. สุทธธัมมมูลจักกวาร
๓. สุทธธัมมวาร
อนุโลม

[๙] สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๒๕)

ปัจจนีกะ

[๑๐] สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๒๖)

๔. สุทธธัมมมูลจักกวาร
อนุโลม

[๑๑] สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๒๗)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๔. สุทธธัมมมูลจักกวาร

[๑๒] สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๒๘)
[๑๓] สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอกุศลใช่ไหม (๒๙)

ปัจจนีกะ

[๑๔] สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๓๐)
[๑๕] สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๓๑)
[๑๖] สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม (๓๒)

ปัณณัตติวารอุทเทส จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
๑. ปัณณัตติวารนิทเทส
๑. ปทโสธนวาร
อนุโลม
[๑๗] อนุ. สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นสภาวะที่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศล เป็นสภาวะที่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่

ปัจจนีกะ
[๑๘] อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่

๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุโลม
[๑๙] อนุ. สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศล แต่เป็นสภาวธรรม
อนุ. สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต แต่เป็นสภาวธรรม
[๒๐] อนุ. สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศล
ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศล แต่เป็นสภาวธรรม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๔๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุ. สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต แต่เป็น
สภาวธรรม
[๒๑] อนุ. สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศล
ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศล แต่เป็นสภาวธรรม
อนุ. สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศล แต่เป็นสภาวธรรม

ปัจจนีกะ
[๒๒] อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธธัมมวาร
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่
[๒๓] อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่
[๒๔] อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤต
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่

๓. สุทธธัมมวาร
อนุโลม
[๒๕] อนุ. สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธธัมมวาร
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศล
ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศล แต่เป็นสภาวธรรม
อนุ. สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศล แต่เป็นสภาวธรรม
อนุ. สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต แต่เป็นสภาวธรรม

ปัจจนีกะ
[๒๖] อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
วิ. เว้นสภาวะที่เป็นกุศลแล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศล
แต่เป็นสภาวธรรม เว้นสภาวะที่เป็นกุศลและสภาวธรรมแล้ว สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศลก็ใช่ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมก็ใช่
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
วิ. เว้นสภาวะที่เป็นอกุศลแล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศล
แต่เป็นสภาวธรรม เว้นสภาวะที่เป็นอกุศลและสภาวธรรมแล้ว สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลก็ใช่ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธธัมมมูลจักกวาร
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
วิ. เว้นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตแล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็น
อัพยากฤต แต่เป็นสภาวธรรม เว้นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตและสภาวธรรมแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤตก็ใช่ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมก็ใช่
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่

๔. สุทธธัมมมูลจักกวาร
อนุโลม
[๒๗] อนุ. สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศล แต่เป็นสภาวธรรม
อนุ. สภาวะที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต แต่เป็นสภาวธรรม
[๒๘] อนุ. สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธธัมมมูลจักกวาร
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศล
ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศล แต่เป็นสภาวธรรม
อนุ. สภาวะที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต แต่เป็น
สภาวธรรม
[๒๙] อนุ. สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นกุศล เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็นกุศล
ก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศล แต่เป็นสภาวธรรม
อนุ. สภาวะที่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวธรรมใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะที่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศล เป็นสภาวธรรมก็ใช่ เป็นสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศล แต่เป็นสภาวธรรม

ปัจจนีกะ
[๓๐] อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
วิ. เว้นสภาวะที่เป็นกุศลแล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศล
แต่เป็นสภาวธรรม เว้นสภาวะที่เป็นกุศลและสภาวธรรมแล้ว สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศลก็ใช่ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธธัมมมูลจักกวาร
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
วิ. เว้นสภาวะที่เป็นกุศลแล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศล
แต่เป็นสภาวธรรม เว้นสภาวะที่เป็นกุศลและสภาวธรรมแล้ว สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศลก็ใช่ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมก็ใช่
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวธรรมที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่
[๓๑] อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
วิ. เว้นสภาวะที่เป็นอกุศลแล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศล
แต่เป็นสภาวธรรม เว้นสภาวะที่เป็นอกุศลและสภาวธรรมแล้ว สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลก็ใช่ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมก็ใช่
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอกุศล เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
วิ. เว้นสภาวะที่เป็นอกุศลแล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศล
แต่เป็นสภาวธรรม เว้นสภาวะที่เป็นอกุศลและสภาวธรรมแล้ว สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลก็ใช่ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมก็ใช่
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่
[๓๒] อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
วิ. เว้นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตแล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็น
อัพยากฤต แต่เป็นสภาวธรรม เว้นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตและสภาวธรรมแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤตก็ใช่ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤต เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
วิ. เว้นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตแล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็น
อัพยากฤต แต่เป็นสภาวธรรม เว้นสภาวะที่เป็นอัพยากฤตและสภาวธรรมแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือเป็นสภาวะที่ไม่เป็นอัพยากฤตก็ใช่ เป็นสภาวะที่ไม่เป็นธรรมก็ใช่
ปฏิ. สภาวะที่ไม่เป็นธรรม เป็นสภาวะที่ไม่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัณณัตติวารนิทเทส จบ

๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุโลมบุคคล
[๓๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่กำลังเกิด ใน
อุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลใน
ปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในปัญจโวการภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็
กำลังเกิด
[๓๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่กำลังเกิด
ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็กำลังเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล
ในปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใน
ปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและ
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

อนุโลมโอกาส
[๓๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
[๓๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

อนุโลมปุคคโลกาส
[๓๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่กำลัง
เกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็กำลังเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลใน
ปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลใน
ปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
และสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
[๓๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่
กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในปัญจโวการภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็
กำลังเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล
ในปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๕๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปัจจนีกบุคคล
[๓๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ
แห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลและอกุศล
บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ
แห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศลและกุศล
บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลใน
ปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่
กำลังเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลัง
เกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่ง
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๔๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล
ในปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่
กำลังเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด
บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่ง
สภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด

ปัจจนีกโอกาส
[๔๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
[๔๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๔๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด
ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลและ
อกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด
ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล
และกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศล
ในปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่
ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาท-
ขณะ แห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๔๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล
ในปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่
ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาท-
ขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด

๒. อตีตวาร
อนุโลมบุคคล
[๔๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
[๔๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

อนุโลมโอกาส
[๔๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมินั้น
ก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคยเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยเกิด
[๔๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่เคยเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็เคยเกิด

อนุโลมปุคคโลกาส
[๔๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตที่เป็นอกุศลดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็น
ไปอยู่ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่
เป็นกุศลไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุ-
โวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
[๕๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่
ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็เคยเกิด

ปัจจนีกบุคคล
[๕๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
[๕๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกโอกาส
[๕๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
[๕๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๕๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตที่เป็นอกุศลดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็น
ไปอยู่ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่เคยเกิด เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
เป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
เคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติอยู่ใน
สุทธาวาสภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๕๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๖๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
เคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติใน
สุทธาวาสภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด
และสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๓. อนาคตวาร
อนุโลมบุคคล
[๕๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น)
สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จัก
เกิด บุคคลนอกนี้ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและสภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลก็จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและสภาวธรรม
ที่เป็นกุศลก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๗๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
[๕๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็
จักเกิด

อนุโลมโอกาส
[๕๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตจักเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่จักเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตจักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๗๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
[๖๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตจักเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตจักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักเกิด

อนุโลมปุคคโลกาส
[๖๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. (ในจตุโวการภูมิ ฯลฯ ปัญจโวการภูมิ) บุคคลจักได้อรหัตตมรรคใน
ลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ใน
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๗๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคลและบุคคลผู้อุบัติอยู่
ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด
แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและ
ปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด
และสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็จักเกิด
[๖๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและ
ปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและ
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักเกิด

ปัจจนีกบุคคล
[๖๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่จักไม่เกิด
บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๗๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่เกิด
บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จัก
เกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๖๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้
พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด
และสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

ปัจจนีกโอกาส
[๖๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๗๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
[๖๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๖๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น)
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สภาวธรรมที่
เป็นกุศลมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล
และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๗๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด
แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต
สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและสภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๖๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด
แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและสภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุโลมบุคคล
[๖๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๗๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลัง
เกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด
ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
[๗๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลัง
เกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของ
บุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๗๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุโลมโอกาส
[๗๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
ฯลฯ

อนุโลมปุคคโลกาส
[๗๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๗๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
[๗๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

ปัจจนีกบุคคล
[๗๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๗๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
[๗๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกโอกาส
[๗๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
ฯลฯ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๗๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่เคยเกิด เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
สุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๘๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยเกิด
บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๗๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยเกิด
บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุโลมบุคคล
[๗๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๘๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรม
ที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลก็จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ใน
อุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้น
จักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด
ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นจักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
[๘๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๘๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่
กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

อนุโลมโอกาส
[๘๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
ฯลฯ

อนุโลมปุคคโลกาส
[๘๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นกำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนอกนี้ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลัง
เกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๘๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
[๘๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

ปัจจนีกบุคคล
[๘๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๘๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่จักไม่เกิด
ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่
ใช่จักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค
อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่
ใช่กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จัก
ไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๘๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๘๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่
จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

ปัจจนีกโอกาส
[๘๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
ฯลฯ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๘๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่ง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๘๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ใน
ภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่เกิด
บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๘๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่เกิด
บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๘๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
๖. อตีตานาคตวาร
อนุโลมบุคคล
[๘๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด และสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ก็จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๙๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่า
นั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๘๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

อนุโลมโอกาส
[๙๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
ฯลฯ

อนุโลมปุคคโลกาส
[๙๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอก
นี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคยเกิด
บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๘๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิ
และปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด
และสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยเกิด
[๙๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ใน
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นจักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๙๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปัจจนีกบุคคล
[๙๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
[๙๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด

ปัจจนีกโอกาส
[๙๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๙๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๙๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่เคยเกิด
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่เคยเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
[๙๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
อุปปาทวาร จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๙๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุโลมบุคคล
[๙๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่กำลังดับ ใน
ภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลในปวัตติ-
กาล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็น
กุศลไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในปัญจโวการภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังดับ
[๑๐๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๙๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศลใน
ปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ แต่สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในปัญจโวการภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ก็กำลังดับ

อนุโลมโอกาส
[๑๐๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิ
นั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใน
ภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลใน
ภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังดับ ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๙๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
[๑๐๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังดับ ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังดับ

อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๐๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่กำลัง
ดับ ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๙๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลใน
ปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในปัญจ-
โวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและ
สภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังดับ
[๑๐๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่กำลังดับ
ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศลใน
ปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใน
ปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ
และสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังดับ

ปัจจนีกบุคคล
[๑๐๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลและอกุศล บุคคล
ผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๙๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศลและกุศล
บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังดับ
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลใน
ปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังดับ
บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่ง
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังดับ
[๑๐๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศลใน
ปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิต

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๙๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่กำลัง
ดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่ง
สภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่กำลังดับ

ปัจจนีกโอกาส
[๑๐๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับมีไหม
วิ. ไม่มี
[๑๐๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๙๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๐๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่กำลังดับ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลและ
อกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังดับ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล
และกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังดับ
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลใน
ปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตก็ไม่ใช่กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๙๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่
ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ใน
ภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังดับ
[๑๑๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลใน
ปวัตติกาล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ใน
อุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิ
ใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ใน
ภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่กำลังดับ

๒. อตีตวาร
อนุโลมบุคคล
[๑๑๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๐๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๑๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่

อนุโลมโอกาส
[๑๑๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิ
นั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใน
ภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๐๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลใน
ภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคยดับ ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยดับ
[๑๑๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลใน
ภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่เคยดับ ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็เคยดับ

อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๑๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตที่เป็นอกุศลดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไป
อยู่ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็น
กุศลไม่เคยดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยดับ
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๐๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคยดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิ
และปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ
และสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยดับ
[๑๑๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่เคยดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิ
และปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ
และสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็เคยดับ

ปัจจนีกบุคคล
[๑๑๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๐๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๒. อตีตวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี
[๑๑๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกโอกาส
[๑๑๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๐๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๒. อตีตวาร
[๑๒๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๒๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่ออกุศลจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลมิใช่ไม่เคยดับ เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
เคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยดับ บุคคลผู้กำลังอุบัติอยู่ใน
สุทธาวาสภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับและ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่เคยดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๐๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๒๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคย
ดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยดับ บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับและสภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่

๓. อนาคตวาร
อนุโลมบุคคล
[๑๒๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นจักดับ
แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๐๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็จักดับ
[๑๒๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในลำดับแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักดับ

อนุโลมโอกาส
[๑๒๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
ฯลฯ

อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๒๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๐๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ
แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและ
ปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและสภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคลและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ
แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและ
ปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและ
สภาวธรรมที่เป็นกุศลก็จักดับ
[๑๒๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๐๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลก็จักดับ

ปัจจนีกบุคคล
[๑๒๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ
แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่
ใช่จักดับ
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ ใน
ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๐๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
[๑๒๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะ
แห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและสภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่

ปัจจนีกโอกาส
[๑๓๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
ฯลฯ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๓๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค
อรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๑๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่
จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๓๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่

๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุโลมบุคคล
[๑๓๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๑๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังดับ ใน
ภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคย
ดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังดับ
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังดับ
ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่า
นั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังดับ
[๑๓๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่
กำลังดับ ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของ
บุคคลเหล่านั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๑๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุโลมโอกาส
[๑๓๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
ฯลฯ

อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๓๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังดับ
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๑๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
[๑๓๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังดับ

ปัจจนีกบุคคล
[๑๓๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับมีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๑๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
[๑๓๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกโอกาส
[๑๔๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
ฯลฯ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๔๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่เคยดับ เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
สุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๑๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยดับ
บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๔๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยดับ
บุคคลผู้กำลังอุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่

๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุโลมบุคคล
[๑๔๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิต
ใด (ในภังคขณะแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๑๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่
เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังดับ
ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้น
จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังดับ
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังดับ ใน
ภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้น
จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังดับ
[๑๔๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๑๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลัง
ดับ ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของ
บุคคลเหล่านั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังดับ

อนุโลมโอกาส
[๑๔๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
ฯลฯ

อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๔๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด
ในภังคขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ
แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่
เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและสภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๑๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังดับ
[๑๔๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังดับ

ปัจจนีกบุคคล
[๑๔๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๑๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่จักไม่ดับ
ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคใน
ลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่า
นั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด
ในภังคขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันต-
บุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่
ใช่กำลังดับ
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่
ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลัง
ดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๔๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาว-

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๒๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
มิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่

ปัจจนีกโอกาส
[๑๕๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
ฯลฯ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๕๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่จักไม่ดับ ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้
อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด
ในภังคขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค
อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิต
นั้น บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๒๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ ใน
ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๕๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ ใน
ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่

๖. อตีตานาคตวาร
อนุโลมบุคคล
[๑๕๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๒๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคลเหล่านั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคย
ดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลเหล่านั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๕๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้น
เคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่

อนุโลมโอกาส
[๑๕๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๒๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๕๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้
ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคย
ดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยดับ
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่
ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยดับ และสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคยดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิ
และปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ
และสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๒๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
[๑๕๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติ
อยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่เคยดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการ-
ภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจัก
ดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็เคยดับ

ปัจจนีกบุคคล
[๑๕๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๒๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
[๑๕๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ

ปัจจนีกโอกาส
[๑๖๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
ฯลฯ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๖๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิ
ใช่จักไม่ดับ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่เคยดับ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
ใช่จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่เคยดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๒๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
[๑๖๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
นิโรธวาร จบ

๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุโลมบุคคล
[๑๖๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๒๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
[๑๖๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

อนุโลมโอกาส
[๑๖๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๒๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
[๑๖๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมิ
นั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตกำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๖๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๒๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
[๑๖๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

ปัจจนีกบุคคล
[๑๖๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศล ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล บุคคลผู้เข้า
นิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศล บุคคลผู้เข้า
นิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๓๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลใน
ปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลและอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่
กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้ง
หมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลในปวัตติกาล ในภังคขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลและอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๑๗๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่
ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล
ในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลและอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่
กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด
บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศลในปวัตติกาล
ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลและอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๓๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
[๑๗๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
[๑๗๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๗๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่กำลังดับ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศล ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๓๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด
ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศล ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศล
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
มิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจาก
กุศลในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลและอกุศลในอรูปภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด
บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากกุศลในปวัตติกาล ใน
ภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลและอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๑๗๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๓๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๒. อตีตวาร
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตมิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศลในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลและอกุศลในอรูปภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่กำลัง
เกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากอกุศลใน
ปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลและอกุศลในอรูปภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด

๒. อตีตวาร
อนุโลมบุคคล
[๑๗๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๓๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๗๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

อนุโลมโอกาส
[๑๗๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมินั้น
ก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใน
ภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคยเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๓๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๒. อตีตวาร
[๑๗๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่เคยเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็เคยเกิด

อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๗๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตที่เป็นอกุศลดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคลผู้
อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๓๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๒. อตีตวาร
เคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิ
และปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ
และสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยเกิด
[๑๘๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ใน
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็เคยเกิด

ปัจจนีกบุคคล
[๑๘๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๓๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
[๑๘๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกโอกาส
[๑๘๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
[๑๘๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๓๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๘๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตที่เป็นอกุศลดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็น
ไปอยู่ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่เคยดับ บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและ
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยดับ บุคคลผู้กำลังอุบัติใน
สุทธาวาสภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๓๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
[๑๘๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยดับ บุคคลผู้กำลังอุบัติใน
สุทธาวาสภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๓. อนาคตวาร
อนุโลมบุคคล
[๑๘๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ
บุคคลนอกนี้ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๔๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่จักเกิด บุคคล
นอกนี้ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็น
กุศลก็จักเกิด
[๑๘๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค และอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็
จักเกิด

อนุโลมโอกาส
[๑๘๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมินั้น
ก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตใน
ภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๔๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตจักดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่จักเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตจักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็จักเกิด
[๑๙๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตจักดับ แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้น
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตจักดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักเกิด

อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๙๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่
จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๔๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้
อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิ
และปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ
และสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็จักเกิด
[๑๙๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค และอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็น
อกุศลก็จักเกิด

ปัจจนีกบุคคล
[๑๙๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๔๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่จักไม่
เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ
ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๙๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค และอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะ
แห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและสภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

ปัจจนีกโอกาส
[๑๙๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๔๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
[๑๙๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๙๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่
จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคลและบุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จัก
ดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๔๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคลและบุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด
แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็
ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๙๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค และอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุโลมบุคคล
[๑๙๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๔๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด
ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่า
นั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยา-
กฤตของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด
ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
[๒๐๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่
กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลเหล่านั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๔๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุโลมโอกาส
[๒๐๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
ฯลฯ

อนุโลมปุคคโลกาส
[๒๐๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๔๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
[๒๐๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ใน
อุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

ปัจจนีกบุคคล
[๒๐๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๔๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
[๒๐๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

ปัจจนีกโอกาส
[๒๐๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
ฯลฯ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๒๐๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่ไม่เคยดับ เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติในสุทธา-
วาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๕๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยดับ บุคคล
ผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๒๐๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่ไม่เคยดับ
บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุโลมบุคคล
[๒๐๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด
แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนอกนี้ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสภาวธรรมที่
เป็นอกุศลก็จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๕๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด
ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่า
นั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด
ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
[๒๑๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่
กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลเหล่านั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๕๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุโลมโอกาส
[๒๑๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
ฯลฯ

อนุโลมปุคคโลกาส
[๒๑๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นกำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ ในอุปปาทขณะแห่งสภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลนอกนี้ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๕๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
เหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่ใช่กำลังเกิดในอุปปาทขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็กำลังเกิด
[๒๑๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งสภาวธรรมที่เป็นอกุศล สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็กำลังเกิด

ปัจจนีกบุคคล
[๒๑๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่จักไม่ดับ
ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิต
ใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด
และสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๕๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่
ใช่จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค
อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่
กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่
ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๒๑๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
มิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๕๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปัจจนีกโอกาส
[๒๑๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
ฯลฯ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๒๑๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตต-
มรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่ง
จิตนั้น บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สภาวธรรม
ที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๕๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ ในภังค-
ขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๒๑๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด
สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุต
จากอกุศล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตมิใช่จักไม่ดับ ใน
ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๖. อตีตานาคตวาร
อนุโลมบุคคล
[๒๑๙] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค และอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้
สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๕๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต
ของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด
แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๒๒๐] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้น
เคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

อนุโลมโอกาส
[๒๒๑] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๕๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุโลมปุคคโลกาส
[๒๒๒] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค และอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่ใช่จักดับ บุคคล
นอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคยเกิด
บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่
ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ใน
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๕๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
[๒๒๓] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่
ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตก็จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สภาวธรรมที่
เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นจักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศลไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ใน
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นจักดับและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็เคยเกิด

ปัจจนีกบุคคล
[๒๒๔] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็นกุศล
ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
กุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๖๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
[๒๒๕] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด

ปัจจนีกโอกาส
[๒๒๖] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่เป็น
อกุศลในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
ฯลฯ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๒๒๗] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ สภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่สภาวธรรมที่เป็นอกุศล
มิใช่จักไม่ดับ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและสภาวธรรมที่เป็นอกุศลก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรมที่
เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค และอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่สภาวธรรมที่เป็นกุศลมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
จักดับและสภาวธรรมที่เป็นกุศลก็ไม่เคยเกิด
อนุ. สภาวธรรมที่เป็นกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาวธรรมที่
เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๖๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๙. ธัมมยมก ] ๓. ภาวนาวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรม
ที่เป็นกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
[๒๒๘] อนุ. สภาวธรรมที่เป็นอกุศลของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สภาว-
ธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. จักดับ
ปฏิ. สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สภาวธรรม
ที่เป็นอกุศลของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
อุปปาทนิโรธวาร จบ
ปวัตติวาร จบ

๓. ภาวนาวาร
[๒๒๙] อนุ. บุคคลใดกำลังเจริญสภาวธรรมที่เป็นกุศล บุคคลนั้นก็กำลังละ
สภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดกำลังละสภาวธรรมที่เป็นอกุศล บุคคลนั้นก็กำลังเจริญสภาว-
ธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังเจริญสภาวธรรมที่เป็นกุศล บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
ละสภาวธรรมที่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังละสภาวธรรมที่เป็นอกุศล บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เจริญสภาวธรรมที่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
ภาวนาวาร จบ
ธัมมยมก จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๙ หน้า :๑๖๒ }



>>>>> หน้าต่อไป >>>>>





eXTReMe Tracker