ค้นว่าอยู่เล่มใด แล้วกด [ctrl]+f หรือใช้คำสั่งของเครื่องหาตำแหน่งในเล่มอีกทีนะครับ



จัดรูปหน้าใหม่
เพื่อความสะดวก และสวยงาม
(เฉพาะหน้าจอใหญ่ เช่น คอมพิวเตอร์)
กรุณาคลิก จัดรูปหน้าใหม่
เพื่อให้กรอบ
ค้นข้อความ ปรากฎที่ด้านซ้ายของหน้า

พระไตรปิฎกภาษาไทย
ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ๔๕ เล่ม (ปกสีฟ้า)
ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
ที่มาของข้อมูล : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับ มจร.
MCUTRAI Version 1.0

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๘-๓ อภิธรรมปิฎกที่ ๐๕ ยมก ภาค ๑

พระอภิธรรมปิฎก
ยมก ภาค ๑
_____________
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๔. ธาตุยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นกายธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกายธาตุ ไม่เป็นกายใช่ไหม
วิ. เว้นกายธาตุแล้ว กายที่เหลือไม่เป็นกายธาตุแต่เป็นกาย เว้นกายและ
กายธาตุแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นกายก็ใช่ ไม่เป็นกายธาตุก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นรูปธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปธาตุ ไม่เป็นรูปใช่ไหม
วิ. เว้นรูปธาตุแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นรูปธาตุแต่เป็นรูป เว้นรูป
และรูปธาตุแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นรูปก็ใช่ ไม่เป็นรูปธาตุก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัททะ ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นคันธะ ไม่เป็นคันธธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นคันธธาตุ ไม่เป็นคันธะใช่ไหม
วิ. สีลคันธะ สมาธิคันธะ ปัญญาคันธะ ไม่เป็นคันธธาตุ แต่เป็นคันธะ เว้น
คันธะและคันธธาตุแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นคันธะก็ใช่ ไม่เป็นคันธธาตุก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรสะ ไม่เป็นรสธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรสธาตุ ไม่เป็นรสะใช่ไหม
วิ. อรรถรส ธรรมรส วิมุตติรส ไม่เป็นรสธาตุ แต่เป็นรสะ เว้นรสะและ
รสธาตุแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นรสะก็ใช่ ไม่เป็นรสธาตุก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโผฏฐัพพะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุวิญญาณ ไม่เป็นจักขุวิญญาณธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๔๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๔. ธาตุยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุวิญญาณธาตุ ไม่เป็นจักขุวิญญาณใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตวิญญาณ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานวิญญาณ ...
สภาวธรรมที่ไม่เป็นชิวหาวิญญาณ ...
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกายวิญญาณ ...
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมโน ไม่เป็นมโนธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมโนธาตุ ไม่เป็นมโนใช่ไหม
วิ. เว้นมโนธาตุแล้ว มโนที่เหลือไม่เป็นมโนธาตุแต่เป็นมโน เว้นมโนและ
มโนธาตุแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นมโนก็ใช่ ไม่เป็นมโนธาตุก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมโนวิญญาณ ไม่เป็นมโนวิญญาณธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมโนวิญญาณธาตุ ไม่เป็นมโนวิญญาณใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นธัมมธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธัมมธาตุ ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
วิ. เว้นธัมมธาตุแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นธัมมธาตุแต่เป็นธรรม เว้น
ธรรมและธัมมธาตุแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นธรรมก็ใช่ ไม่เป็นธัมมธาตุ
ก็ใช่ (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๔๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๔. ธาตุยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุโลม
[๑๒] อนุ. จักขุเป็นจักขุธาตุใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุแต่ไม่เป็นจักขุธาตุ จักขุธาตุ เป็นจักขุ
ก็ใช่ เป็นจักขุธาตุก็ใช่
ปฏิ. ธาตุ เป็นโสตธาตุใช่ไหม
วิ. โสตธาตุ เป็นธาตุก็ใช่ เป็นโสตธาตุก็ใช่ ธาตุที่เหลือเป็นธาตุ แต่ไม่
เป็นโสตธาตุ
อนุ. จักขุเป็นจักขุธาตุใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุเป็นจักขุแต่ไม่เป็นจักขุธาตุ จักขุธาตุ เป็นจักขุก็ใช่
เป็นจักขุธาตุก็ใช่
ปฏิ. ธาตุ เป็นฆานธาตุใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. ธาตุ เป็นธัมมธาตุใช่ไหม
วิ. ธัมมธาตุ เป็นธาตุก็ใช่ เป็นธัมมธาตุก็ใช่ ธาตุที่เหลือเป็นธาตุแต่ไม่
เป็นธัมมธาตุ (ปัณณัตติวารในธาตุยมกเหมือนกับในอายตนยมก พึงผูกเป็นจักกนัย)
ปัจจนีกะ
[๑๓] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นโสตธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๔๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๔. ธาตุยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธธาตุวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นฆานธาตุใช่ไหม
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นธัมมธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่ (๕)
(พึงผูกเป็นจักกนัย) ทั้งหมดใช้คำตอบว่า อามนฺตา (ใช่) ทั้งอนุโลมและปฏิโลม
แม้ในธาตุที่เหลือ)

๓. สุทธธาตุวาร
อนุโลม
[๑๔] อนุ. จักขุเป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธาตุ เป็นจักขุธาตุใช่ไหม
วิ. จักขุธาตุ เป็นธาตุก็ใช่ เป็นจักขุธาตุก็ใช่ ธาตุที่เหลือเป็นธาตุ แต่ไม่
เป็นจักขุธาตุ
อนุ. โสตะ เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานะ ฯลฯ ชิวหา ... กาย ... รูป ... สัททะ ... คันธะ ... รสะ
... โผฏฐัพพะ ...
อนุ. จักขุวิญญาณ เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธาตุ เป็นจักขุวิญญาณธาตุใช่ไหม
วิ. จักขุวิญญาณธาตุ เป็นธาตุก็ใช่ เป็นจักขุวิญญาณธาตุก็ใช่ สภาวธรรม
ที่เหลือเป็นธาตุ แต่ไม่เป็นจักขุวิญญาณธาตุ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๔๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๔. ธาตุยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธธาตุวาร
อนุ. โสตวิญญาณ ... ฆานวิญญาณ ... ชิวหาวิญญาณ ... กายวิญญาณ ...
อนุ. มโนเป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธาตุ เป็นมโนธาตุใช่ไหม
วิ. มโนธาตุ เป็นธาตุก็ใช่ เป็นมโนธาตุก็ใช่ ธาตุที่เหลือเป็นธาตุแต่ไม่เป็นใช่
มโนธาตุ
อนุ. มโนวิญญาณธาตุ เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธาตุ เป็นมโนวิญญาณธาตุใช่ไหม
วิ. มโนวิญญาณธาตุ เป็นธาตุก็ใช่ เป็นมโนวิญญาณธาตุก็ใช่ ธาตุที่เหลือ
เป็นธาตุ แต่ไม่ใช่มโนวิญญาณธาตุ
อนุ. ธรรม เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธาตุ เป็นธัมมธาตุใช่ไหม
วิ. ธัมมธาตุ เป็นธาตุก็ใช่ เป็นธัมมธาตุก็ใช่ ธาตุที่เหลือเป็นธาตุ แต่ไม่เป็น
ธัมมธาตุ (๖)
ปัจจนีกะ
[๑๕] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. เว้นจักขุแล้ว ธาตุที่เหลือไม่เป็นจักขุ แต่เป็นธาตุ เว้นจักขุและธาตุแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจักขุก็ใช่ ไม่เป็นธาตุก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นจักขุธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตะ ไม่เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. เว้นโสตะแล้ว ฯลฯ เว้นฆานะแล้ว... เว้นชิวหาแล้ว ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๔๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๔. ธาตุยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธธาตุมูลจักกวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นกายธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. เว้นรูปแล้ว ฯลฯ เว้นสัททะ ... คันธะ ... รสะ ... โผฏฐัพพะ ... จักขุ-
วิญญาณ ฯลฯ โสตวิญญาณ ... ฆานวิญญาณ ... ชิวหาวิญญาณ ...
กายวิญญาณ ... เว้นมโน ... มโนวิญญาณแล้ว ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นธัมมธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่ (๗)

๔. สุทธธาตุมูลจักกวาร
อนุโลม
[๑๖] อนุ. จักขุเป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธาตุ เป็นโสตธาตุใช่ไหม
วิ. โสตธาตุ เป็นธาตุก็ใช่ เป็นโสตธาตุก็ใช่ ธาตุที่เหลือเป็นธาตุ แต่ไม่
เป็นโสตธาตุ
อนุ. จักขุ เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธาตุ เป็นฆานธาตุใช่ไหม ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๔๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๔. ธาตุยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธธาตุมูลจักกวาร
ปฏิ. ธาตุ เป็นธัมมธาตุใช่ไหม
วิ. ธัมมธาตุ เป็นธาตุก็ใช่ เป็นธัมมธาตุก็ใช่ ธาตุที่เหลือเป็นธาตุ แต่ไม่เป็น
ธัมมธาตุ (๘)
(พึงผูกเป็นจักกนัย)
ปัจจนีกะ
[๑๗] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. เว้นจักขุแล้ว ธาตุที่เหลือไม่เป็นจักขุ แต่เป็นธาตุ เว้นจักขุและธาตุแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจักขุก็ใช่ ไม่เป็นธาตุก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นโสตธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. เว้นจักขุแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจักขุ แต่เป็นธาตุ เว้นจักขุและ
ธาตุแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจักขุก็ใช่ ไม่เป็นธาตุก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นฆานธาตุใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นธัมมธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นจักขุธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๔๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๔. ธาตุยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นโสตธาตุใช่ไหม ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นมโนวิญญาณธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่ (๙)
(พึงผูกเป็นจักกนัย)
(พึงขยายปัณณัตติวารแห่งธาตุยมกให้พิสดารเหมือนอายตนยมก)
ปัณณัตติวารนิทเทส จบ

๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบัน
อนุโลมบุคคล
[๑๘] อนุ. จักขุธาตุของบุคคลใดกำลังเกิด โสตธาตุของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้โสตะเกิดไม่ได้๑ กำลังอุบัติ จักขุธาตุของบุคคลเหล่า
นั้นกำลังเกิด แต่โสตธาตุไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุและโสตะเกิดได้๒ กำลัง
อุบัติ จักขุธาตุของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและโสตธาตุก็กำลังเกิด
ปฏิ. โสตธาตุของบุคคลใดกำลังเกิด จักขุธาตุของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีโสตะเกิดได้จักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ โสตธาตุของบุคคลเหล่านั้น
กำลังเกิด แต่จักขุธาตุไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีโสตะและจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ โสตธาตุ
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและจักขุธาตุก็กำลังเกิด

เชิงอรรถ :
๑ หมายถึงสัตว์ที่เป็นโอปปาติกะในอบายภูมิผู้มีหูหนวกมาแต่เกิด (อภิ.ปญฺจ.อ. ๑๘-๒๑/๓๕๓)
๒ หมายถึงสัตว์ผู้มีอายตนะบริบูรณ์ในสุคติภูมิและทุคติภูมิ และรูปพรหมผู้เป็นโอปปาติกะ (อภิ.ปญฺจ.อ.
๑๘-๒๑/๓๕๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๔๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๔. ธาตุยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. จักขุธาตุของบุคคลใดกำลังเกิด ฆานธาตุของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้ฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุธาตุของบุคคลเหล่า
นั้นกำลังเกิด แต่ฆานธาตุไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุและฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ
จักขุธาตุของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและฆานธาตุก็กำลังเกิด
ปฏิ. ฆานธาตุของบุคคลใดกำลังเกิด จักขุธาตุของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้จักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานธาตุของบุคคลเหล่า
นั้นกำลังเกิด แต่จักขุธาตุไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะและจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ
ฆานธาตุของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและจักขุธาตุก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุธาตุของบุคคลใดกำลังเกิด รูปธาตุของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. รูปธาตุของบุคคลใดกำลังเกิด จักขุธาตุของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีรูปเกิดได้จักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ รูปธาตุของบุคคลเหล่านั้น
กำลังเกิด แต่จักขุธาตุไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีรูปและจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ รูปธาตุ
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและจักขุธาตุก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุธาตุของบุคคลใดกำลังเกิด มโนวิญญาณธาตุของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มโนวิญญาณธาตุของบุคคลใดกำลังเกิด จักขุธาตุของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้จักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มโนวิญญาณธาตุของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่จักขุธาตุไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจิตและจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ
มโนวิญญาณธาตุของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและจักขุธาตุก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุธาตุของบุคคลใดกำลังเกิด ธัมมธาตุของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๕๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๔. ธาตุยมก] ๓. ปริญญาวาร
ปฏิ. ธัมมธาตุของบุคคลใดกำลังเกิด จักขุธาตุของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ธัมมธาตุของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด
แต่จักขุธาตุไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ ธัมมธาตุของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิดและจักขุธาตุก็กำลังเกิด
(พึงจำแนกธาตุยมกให้เหมือนกับอายตนยมก คือพึงทำให้เหมือนกัน)

๓. ปริญญาวาร
[๑๙] อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้จักขุธาตุ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนดรู้
โสตธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
(ธาตุยมกบริบูรณ์โดยการละข้อความไว้)

ธาตุยมก จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๕๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๑. ปทโสธนวาร
สัจจยมก
๑. ปัณณัตติวารอุทเทส
[๑] สัจจะ ๔ คือ
๑. ทุกขสัจ (ความจริงคือทุกข์)
๒. สมุทยสัจ (ความจริงคือเหตุให้เกิดทุกข์)
๓. นิโรธสัจ (ความจริงคือความดับทุกข์)
๔. มัคคสัจ (ความจริงคือข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์)

๑. ปทโสธนวาร
อนุโลม

[๒] ทุกข์ เป็นทุกขสัจใช่ไหม ทุกขสัจ เป็นทุกข์ใช่ไหม
สมุทัย เป็นสมุทยสัจใช่ไหม สมุทยสัจ เป็นสมุทัยใช่ไหม
นิโรธ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม นิโรธสัจ เป็นนิโรธใช่ไหม
มรรค เป็นมัคคสัจใช่ไหม มัคคสัจ เป็นมรรคใช่ไหม (๑๐)

ปัจจนีกะ

[๓] สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกขสัจ ไม่เป็นทุกข์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทัย ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทยสัจ ไม่เป็นสมุทัยใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธสัจ ไม่เป็นนิโรธใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมัคคสัจ ไม่เป็นมรรคใช่ไหม (๑๑)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๕๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุโลม

[๔] ทุกข์ เป็นทุกขสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
ทุกข์ เป็นทุกขสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
ทุกข์ เป็นทุกขสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นมัคคสัจใช่ไหม (๑๒)
สมุทัย เป็นสมุทยสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นทุกขสัจใช่ไหม
สมุทัย เป็นสมุทยสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
สมุทัย เป็นสมุทยสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นมัคคสัจใช่ไหม (๑๓)
นิโรธ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นทุกขสัจใช่ไหม
นิโรธ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
นิโรธ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นมัคคสัจใช่ไหม (๑๔)
มรรค เป็นมัคคสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นทุกขสัจใช่ไหม
มรรค เป็นมัคคสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
มรรค เป็นมัคคสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม (๑๕)

ปัจจ นีกะ

[๕] สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม (๑๖)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทัย ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๕๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๓. สุทธสัจจวาร

สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทัย ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทัย ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม (๑๗)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม (๑๘)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม (๑๙)

๓. สุทธสัจจวาร
อนุโลม

[๖] ทุกข์ เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นทุกข์ใช่ไหม
สมุทัย เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นสมุทัยใช่ไหม
นิโรธ เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นนิโรธใช่ไหม
มรรค เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นมรรคใช่ไหม (๒๐)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๕๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๔. สุทธสัจจมูลจักกวาร
ปัจจนีกะ

[๗] สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกข์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทัย ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นสมุทัยใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธ ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นนิโรธใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมรรคใช่ไหม (๒๑)

๔. สุทธสัจจมูลจักกวาร
อนุโลม

[๘] ทุกข์ เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นสมุทัยใช่ไหม
ทุกข์ เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นนิโรธใช่ไหม
ทุกข์ เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นมรรคใช่ไหม
สมุทัย เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นทุกข์ใช่ไหม
ฯลฯ
สัจจะ เป็นมรรคใช่ไหม
นิโรธ เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นทุกข์ใช่ไหม
ฯลฯ
สัจจะ เป็นมรรคใช่ไหม
มรรค เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นทุกข์ใช่ไหม
มรรค เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นสมุทัยใช่ไหม
มรรค เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นนิโรธใช่ไหม (๒๒)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๕๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๔. สุทธสัจจมูลจักกวาร
ปัจจนีกะ

[๙] สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นสมุทัยใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นนิโรธใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมรรคใช่ไหม (๒๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทัย ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกข์ใช่ไหม

ฯลฯ

สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมรรคใช่ไหม (๒๔)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธ ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกข์ใช่ไหม

ฯลฯ

สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมรรคใช่ไหม (๒๕)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกข์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นสมุทัยใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นนิโรธใช่ไหม (๒๖)

ปัณณัตติวารอุทเทส จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๕๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
๑. ปัณณัตติวารนิทเทส
๑. ปทโสธนวาร
อนุโลม
[๑๐] อนุ. ทุกข์ เป็นทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ทุกขสัจ เป็นทุกข์ใช่ไหม
วิ. เว้นกายิกทุกข์และเจตสิกทุกข์แล้ว ทุกขสัจที่เหลือเป็นทุกขสัจ แต่ไม่
เป็นทุกข์ กายิกทุกข์และเจตสิกทุกข์ เป็นทุกข์ก็ใช่ เป็นทุกขสัจก็ใช่
อนุ. สมุทัย เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. เว้นสมุทยสัจแล้ว สมุทัยที่หลือเป็นสมุทัย แต่ไม่เป็นสมุทยสัจ สมุทยสัจ
เป็นสมุทัยก็ใช่ เป็นสมุทยสัจก็ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจ เป็นสมุทัยใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. นิโรธ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
วิ. เว้นนิโรธสัจแล้ว นิโรธที่หลือเป็นนิโรธ แต่ไม่เป็นนิโรธสัจ นิโรธสัจ
เป็นนิโรธก็ใช่ เป็นนิโรธสัจก็ใช่
ปฏิ. นิโรธสัจ เป็นนิโรธใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. มรรค เป็นมัคคสัจใช่ไหม
วิ. เว้นมัคคสัจแล้ว มรรคที่หลือเป็นมรรค แต่ไม่เป็นมัคคสัจ มัคคสัจ
เป็นมรรคก็ใช่ เป็นมัคคสัจก็ใช่
ปฏิ. มัคคสัจ เป็นมรรคใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๕๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
ปัจจนีกะ
[๑๑] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม
วิ. เว้นกายิกทุกข์และเจตสิกทุกข์แล้ว ทุกขสัจที่เหลือไม่เป็นทุกข์ แต่เป็น
ทุกขสัจ เว้นทุกข์และทุกขสัจแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นทุกข์ก็ใช่ ไม่เป็น
ทุกขสัจก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกขสัจ ไม่เป็นทุกข์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทัย ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทยสัจ ไม่เป็นสมุทัยใช่ไหม
วิ. เว้นสมุทยสัจแล้ว สมุทัยที่เหลือไม่เป็นสมุทยสัจ แต่เป็นสมุทัย เว้น
สมุทัยและสมุทยสัจแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสมุทัยก็ใช่ ไม่เป็นสมุทยสัจก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธสัจ ไม่เป็นนิโรธใช่ไหม
วิ. เว้นนิโรธสัจแล้ว นิโรธที่เหลือไม่เป็นนิโรธสัจ แต่เป็นนิโรธ เว้นนิโรธ
และนิโรธสัจแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นนิโรธก็ใช่ ไม่เป็นนิโรธสัจก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมัคคสัจ ไม่เป็นมรรคใช่ไหม
วิ. เว้นมัคคสัจแล้ว มรรคที่เหลือไม่เป็นมัคคสัจ แต่เป็นมรรค เว้นมรรค
และมัคคสัจแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นมรรคก็ใช่ ไม่เป็นมัคคสัจก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๕๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุโลม
[๑๒] อนุ. ทุกข์ เป็นทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัจจะ เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. สมุทยสัจ เป็นสัจจะก็ใช่ เป็นสมุทยสัจก็ใช่ สัจจะที่เหลือเป็นสัจจะ
แต่ไม่เป็นสมุทยสัจ
อนุ. ทุกข์ เป็นทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัจจะ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สัจจะ เป็นมัคคสัจใช่ไหม
วิ. มัคคสัจ เป็นสัจจะก็ใช่ เป็นมัคคสัจก็ใช่ สัจจะที่เหลือเป็นสัจจะ
แต่ไม่เป็นมัคคสัจ
[๑๓] อนุ. สมุทัย เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. เว้นสมุทยสัจแล้ว สมุทัยที่เหลือเป็นสมุทัย แต่ไม่เป็นสมุทยสัจ
สมุทยสัจ เป็นสมุทัยก็ใช่ เป็นสมุทยสัจก็ใช่
ปฏิ. สัจจะ เป็นทุกขสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สัจจะ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สัจจะ เป็นมัคคสัจใช่ไหม
วิ. มัคคสัจ เป็นสัจจะก็ใช่ เป็นมัคคสัจก็ใช่ สัจจะที่เหลือเป็นสัจจะ
แต่ไม่เป็นมัคคสัจ
[๑๔] อนุ. นิโรธ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
วิ. เว้นนิโรธสัจแล้ว นิโรธที่เหลือเป็นนิโรธ แต่ไม่เป็นนิโรธสัจ นิโรธสัจ
เป็นนิโรธก็ใช่ เป็นนิโรธสัจก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๕๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
ปฏิ. สัจจะ เป็นทุกขสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สัจจะ เป็นสมุทยสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สัจจะ เป็นมัคคสัจใช่ไหม
วิ. มัคคสัจ เป็นสัจจะก็ใช่ เป็นมัคคสัจก็ใช่ สัจจะที่เหลือเป็นสัจจะ
แต่ไม่เป็นมัคคสัจ
[๑๕] อนุ. มรรค เป็นมัคคสัจใช่ไหม
วิ. เว้นมัคคสัจแล้ว มรรคที่เหลือเป็นมรรค แต่ไม่เป็นมัคคสัจ มัคคสัจ
เป็นมรรคก็ใช่ เป็นมัคคสัจก็ใช่
ปฏิ. สัจจะ เป็นทุกขสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สัจจะ เป็นสมุทยสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สัจจะ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
วิ. นิโรธสัจ เป็นสัจจะก็ใช่ เป็นนิโรธสัจก็ใช่ สัจจะที่เหลือเป็นสัจจะ
แต่ไม่เป็นนิโรธสัจ
ปัจจนีกะ
[๑๖] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม
วิ. เว้นกายิกทุกข์และเจตสิกทุกข์แล้ว ทุกขสัจที่เหลือไม่เป็นทุกข์ แต่เป็น
ทุกขสัจ เว้นทุกข์และทุกขสัจแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นทุกข์ก็ใช่ ไม่เป็น
ทุกขสัจก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม
วิ. เว้นกายิกทุกข์และเจตสิกทุกข์แล้ว ทุกขสัจที่เหลือไม่เป็นทุกข์ แต่เป็น
ทุกขสัจ เว้นทุกข์และทุกขสัจแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นทุกข์ก็ใช่ ไม่เป็น
ทุกขสัจก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๖๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๗] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทัย ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทัย ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๘] สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๙] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๖๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธสัจจวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
วิ. ใช่

๓. สุทธสัจจวาร
อนุโลม
[๒๐] อนุ. ทุกข์ เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัจจะ เป็นทุกข์ใช่ไหม
วิ. ทุกขสัจ เป็นสัจจะก็ใช่ เป็นทุกขสัจก็ใช่ สัจจะที่เหลือเป็นสัจจะ
แต่ไม่เป็นทุกขสัจ
อนุ. สมุทัย เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. ใช่ ฯลฯ
อนุ. นิโรธ เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. ใช่ ฯลฯ
อนุ. มรรค เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัจจะ เป็นมรรคใช่ไหม
วิ. มัคคสัจ เป็นสัจจะก็ใช่ เป็นมัคคสัจก็ใช่ สัจจะที่เหลือเป็นสัจจะ
แต่ไม่เป็นมัคคสัจ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๖๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธสัจจมูลจักกวาร
ปัจจนีกะ
[๒๑] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. เว้นทุกข์แล้ว สัจจะที่เหลือไม่เป็นทุกข์ แต่เป็นสัจจะ เว้นทุกข์และ
สัจจะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นทุกข์ก็ใช่ ไม่เป็นสัจจะก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกข์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทัย ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. เว้นสมุทัยแล้ว ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธ ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. เว้นนิโรธแล้ว ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. เว้นมรรคแล้ว สัจจะที่เหลือไม่เป็นมรรค แต่เป็นสัจจะ เว้นมรรคและ
สัจจะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นมรรคก็ใช่ ไม่เป็นสัจจะก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมรรคใช่ไหม
วิ. ใช่

๔. สุทธสัจจมูลจักกวาร
อนุโลม
[๒๒] อนุ. ทุกข์ เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัจจะ เป็นสมุทัยใช่ไหม
วิ. สมุทยสัจ เป็นสัจจะก็ใช่ เป็นสมุทยสัจก็ใช่ สัจจะที่เหลือเป็นสัจจะ
แต่ไม่เป็นสมุทยสัจ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๖๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธสัจจมูลจักกวาร
อนุ. ทุกข์ เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัจจะ เป็นนิโรธใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สัจจะ เป็นมรรคใช่ไหม
วิ. มัคคสัจ เป็นสัจจะก็ใช่ เป็นมัคคสัจก็ใช่ สัจจะที่เหลือเป็นสัจจะ
แต่ไม่เป็นมัคคสัจ
อนุ. สมุทัย เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. ใช่ ฯลฯ
ปฏิ. นิโรธ เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. ใช่ ฯลฯ
อนุ. มรรค เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัจจะ เป็นทุกข์ใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สัจจะ เป็นสมุทัยใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สัจจะ เป็นนิโรธใช่ไหม
วิ. นิโรธสัจ เป็นสัจจะก็ใช่ เป็นนิโรธสัจก็ใช่ สัจจะที่เหลือเป็นสัจจะ
แต่ไม่เป็นนิโรธสัจ
ปัจจนีกะ
[๒๓] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. เว้นทุกข์แล้ว สัจจะที่เหลือไม่เป็นทุกข์ แต่เป็นสัจจะ เว้นทุกข์และ
สัจจะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นทุกข์ก็ใช่ ไม่เป็นสัจจะก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นสมุทัยใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๖๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธสัจจมูลจักกวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. เว้นทุกข์แล้ว สัจจะที่เหลือไม่เป็นทุกข์ แต่เป็นสัจจะ เว้นทุกข์และสัจจะ
แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นทุกข์ก็ใช่ ไม่เป็นสัจจะก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นนิโรธใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมรรคใช่ไหม
วิ. ใช่
[๒๔] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทัย ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. เว้นสมุทัยแล้ว สัจจะที่เหลือไม่เป็นสมุทัย แต่เป็นสัจจะ เว้นสมุทัย
และสัจจะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสมุทัยก็ใช่ ไม่เป็นสัจจะก็ใช่ ฯลฯ
[๒๕] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธ ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. เว้นนิโรธแล้ว ฯลฯ
[๒๖] สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. เว้นมรรคแล้ว สัจจะที่เหลือไม่เป็นมรรค แต่เป็นสัจจะ เว้นมรรค
และสัจจะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นมรรคก็ใช่ ไม่เป็นสัจจะก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกข์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. เว้นมรรคแล้ว สัจจะที่เหลือไม่เป็นมรรค แต่เป็นสัจจะ เว้นมรรค
และสัจจะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นมรรคก็ใช่ ไม่เป็นสัจจะก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นสมุทัยใช่ไหม
วิ. ใช่ ฯลฯ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นนิโรธใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัณณัตติวารนิทเทส จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๖๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบัน
อนุโลมบุคคล
[๒๗] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากตัณหา
ในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่กำลังเกิด ใน
อุปปาทขณะแห่งตัณหา ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสมุทยสัจก็กำลังเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดกำลังเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากมรรค
ในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่กำลังเกิด ใน
ปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งมรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและ
มัคคสัจก็กำลังเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดกำลังเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งมรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลัง
เกิด แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด ในปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งมรรค
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและทุกขสัจก็กำลังเกิด
[๒๘] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๖๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุโลมโอกาส
[๒๙] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดกำลังเกิด สมุทยสัจในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นทุกขสัจกำลังเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่กำลัง
เกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นทุกขสัจกำลังเกิด และสมุทยสัจ
ก็กำลังเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจในภูมิใดกำลังเกิด ทุกขสัจในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดกำลังเกิด มัคคสัจในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นทุกขสัจกำลังเกิด แต่มัคคสัจ
ไม่ใช่กำลังเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิที่เหลือ ในภูมินั้นทุกขสัจกำลังเกิด
และมัคคสัจก็กำลังเกิด
ปฏิ. มัคคสัจในภูมิใดกำลังเกิด ทุกขสัจในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๓๐] อนุ. สมุทยสัจในภูมิใดกำลังเกิด มัคคสัจในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอบายภูมิ ในภูมินั้นสมุทยสัจกำลังเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่กำลังเกิด
ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิที่เหลือ ในภูมินั้นสมุทยสัจกำลังเกิดและมัคคสัจ
ก็กำลังเกิด
ปฏิ. มัคคสัจในภูมิใดกำลังเกิด สมุทยสัจในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุโลมปุคคโลกาส
[๓๑] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม ฯลฯ
(คำที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใดและของบุคคลใดในภูมิใด พึงขยายให้
พิสดารเหมือนกัน)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๖๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปัจจนีกบุคคล
[๓๒] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากตัณหา
ในปวัตติกาล สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลัง
เกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่ง
มรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและทุกขสัจก็ไม่
ใช่กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งมรรคในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากมรรค
ในปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด
บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งผล
ในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๓๓] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๖๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งมรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่มัคคสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากตัณหาและที่วิปปยุตจากมรรค บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
มัคคสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากมรรคและที่วิปปยุตจากตัณหา บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
สมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปัจจนีกโอกาส
[๓๔] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สมุทยสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ทุกขสัจในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. มัคคสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ทุกขสัจในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด
[๓๕] อนุ. สมุทยสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๖๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. มัคคสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอบายภูมิ ในภูมินั้นมัคคสัจไม่ใช่กำลังเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด
ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นมัคคสัจไม่ใช่กำลังเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๓๖] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากตัณหา
ในปวัตติกาล สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่
ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาท-
ขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด
และทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งมรรคในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากมรรค
ในปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๗๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะ
แห่งผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและทุกขสัจก็
ไม่ใช่กำลังเกิด
[๓๗] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งมรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ใน
อุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากตัณหาและที่วิปปยุตจากมรรค บุคคลผู้เข้านิโรธ-
สมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ใน
อุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากมรรคและที่วิปปยุตจากตัณหา บุคคลผู้เข้านิโรธ-
สมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด

๒. อตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีต
อนุโลมบุคคล
[๓๘] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดเคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดเคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๗๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดเคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ๑ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่มัคคสัจ
ไม่เคยเกิด บุคคลผู้ได้บรรลุ๑ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นก็เคยเกิดและมัคคสัจก็เคยเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดเคยเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่
[๓๙] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดเคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่มัคคสัจ
ไม่เคยเกิด บุคคลผู้ได้บรรลุ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและมัคคสัจก็เคย
เกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดเคยเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่
อนุโลมโอกาส
[๔๐] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดเคยเกิด ฯลฯ
(คำที่ท่านกำหนดว่า ในภูมิใด เหมือนกันทุกแห่ง ข้อแตกต่างกันเหมือนกับ
ที่กล่าวมาแล้วว่า ในภูมิใด ในหนหลัง)
อนุโลมปุคคโลกาส
[๔๑] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ เมื่อจิตดวงที่ ๒ เป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สมุทย-
สัจไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ทุกขสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและสมุทยสัจก็เคยเกิด

เชิงอรรถ :
๑ ผู้ยังไม่ได้บรรลุ คือ บรรลุอริยสัจ ๔ ผู้ได้บรรลุ คือผู้บรรลุอริยสัจ ๔ แล้ว (อภิ.ปญฺจ.อ. ๒๗-๑๖๔/๓๕๗)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๗๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้ยังไม่ได้บรรลุและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยเกิด แต่มัคคสัจไม่เคยเกิด บุคคลผู้ได้บรรลุ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นเคยเกิดและมัคคสัจก็เคยเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่
[๔๒] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้ยังไม่ได้บรรลุ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่มัคคสัจไม่เคยเกิด
บุคคลผู้ได้บรรลุ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและมัคคสัจก็เคยเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่
ปัจจนีกบุคคล
[๔๓] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด ฯลฯ
วิ. ไม่มี
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๗๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
[๔๔] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคย
เกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปัจจนีกโอกาส
[๔๕] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่เคยเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๔๖] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สมุทยสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ เมื่อจิตดวงที่ ๒ เป็นไปอยู่ และบุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่
ทุกขสัจมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่เคยเกิดและทุกขสัจก็ไม่เคยเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๗๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้ยังไม่ได้บรรลุและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและทุกขสัจก็ไม่เคยเกิด
[๔๗] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด มัคคสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่ออกุศลจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่สมุทยสัจ
มิใช่ไม่เคยเกิด เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด
และสมุทยสัจก็ไม่เคยเกิด

๓. อนาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๔๘] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดจักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้น
จักเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด
และสมุทยสัจก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๗๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดจักเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดจักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้
เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จัก
เกิด บุคคลจักได้มรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลเหล่า
อื่นผู้จักได้มรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและมัคคสัจก็จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่
[๔๙] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดจักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด
แต่มัคคสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้จักได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด
และมัคคสัจก็จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น)
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้
มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและสมุทยสัจก็จักเกิด
อนุโลมโอกาส
[๕๐] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดจักเกิด ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๕๑] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น ) บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตต-

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๗๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคล
นอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักเกิดและสมุทยสัจก็จักเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลจักได้อรหัตตมรรค
ในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค ทุกขสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและมัคคสัจก็จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๕๒] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ และบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค
สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้จักได้
มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและมัคคสัจก็จักเกิด
อนุ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น)
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลเหล่าอื่น
ผู้จักได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและสมุทยสัจก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๗๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปัจจนีกบุคคล
[๕๓] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในลำดับแห่งจิตนั้น สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่จักเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สมุทย-
สัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและทุกขสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่จัก
ไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด
และทุกขสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
[๕๔] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สมุทย-
สัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียง
ด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและ
มัคคสัจก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๗๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จัก
เกิด แต่สมุทยสัจมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและ
อรหันตบุคคล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
ปัจจนีกโอกาส
[๕๕] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๕๖] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สมุทยสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่
จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิดและทุกขสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๗๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อม
เพรียงด้วยปัจฉิมจิต มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและทุกขสัจก็
ไม่ใช่จักเกิด
[๕๗] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น)
สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้
พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ และบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้
พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักเกิด

๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอดีต
อนุโลมบุคคล
[๕๘] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๘๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดเคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่
ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและทุกขสัจก็กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่มัคคสัจไม่เคยเกิด บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลัง
อุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและ
มัคคสัจก็เคยเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดเคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่
ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและทุกขสัจก็กำลังเกิด
[๕๙] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่มัคคสัจไม่เคยเกิด ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของ
บุคคลผู้ได้บรรลุ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและมัคคสัจก็เคยเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดเคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหา
เป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่
สมุทยสัจไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ได้บรรลุ มัคคสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและสมุทยสัจก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๘๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุโลมโอกาส
[๖๐] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดกำลังเกิด ฯลฯ
(คำที่ท่านกำหนดว่า ในภูมิใด เหมือนกันทั้งหมด)
อนุโลมปุคคโลกาส
[๖๑] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอุปปัตติจิต ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
แต่สมุทยสัจไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
และสมุทยสัจก็เคยเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาล และในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติใน
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและทุกขสัจก็กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอุปปัตติจิต๑ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล บุคคลผู้
กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่
มัคคสัจไม่เคยเกิด บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมัคคสัจก็เคยเกิด

เชิงอรรถ :
๑ หมายถึงปฏิสนธิจิตหรือจิตที่กำลังเกิดในภพใหม่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๘๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคย
เกิด แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและทุกขสัจก็กำลังเกิด
[๖๒] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา สมุทยสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่มัคคสัจไม่เคยเกิด บุคคลผู้ได้บรรลุ ในอุปปาทขณะ
แห่งตัณหา สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมัคคสัจก็เคยเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหา
เป็นไปอยู่ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่กำลังเกิด
ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ได้บรรลุ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยเกิดและสมุทยสัจก็กำลังเกิด
ปัจจนีกบุคคล
[๖๓] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๘๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่มัคคสัจมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่เคยเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้ยังไม่ได้
บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่
เคยเกิดและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๖๔] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจาก
ตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่มัคคสัจมิใช่ไม่เคยเกิด ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ เมื่อจิตที่
วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ มัคคสัจของบุคคล
เหล่านั้นไม่เคยเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้
ยังไม่ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่เคยเกิดและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๘๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปัจจนีกโอกาส
[๖๕] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๖๖] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาล และในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่เคยเกิด ในภังคขณะแห่ง
อุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ
ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสมุทยสัจก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอุปปัตติจิต ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด
แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
สุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่เคยเกิดและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และ
ในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
ใช่กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่ไม่เคยเกิด ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้
อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๘๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอุปปัตติจิต ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล บุคคล
ผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่
ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิต ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
สุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด
และทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๖๗] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหา
เป็นไปอยู่ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่ไม่
เคยเกิด เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ ในภังค-
ขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและมัคคสัจก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ มัคคสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่
ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๘๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๖๘] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ทุกขสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ซึ่งกำลังอุบัติ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและ
สมุทยสัจก็จักเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดจักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่
ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและทุกขสัจก็กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันต-
บุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ และในอุปปาทขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลจัก
ไม่ได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้
จักได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิดและมัคคสัจก็จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น
บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๘๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่
ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตนั้น และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและทุกขสัจก็กำลังเกิด
[๖๙] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา สมุทย-
สัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้จักได้มรรค ใน
อุปปาทขณะแห่งตัณหา สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและมัคคสัจก็จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น
ในภังคขณะแห่งตัณหาของเหล่าบุคคลผู้จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหา
เป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่ง
ตัณหาของบุคคลผู้จักได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและสมุทยสัจก็
กำลังเกิด
อนุโลมโอกาส
[๗๐] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดกำลังเกิด ฯลฯ
(คำที่ท่านกำหนดว่า ในภูมิใด พึงทำให้เหมือนกับคำที่ท่านกำหนดว่าของ
บุคคลใดในภูมิใด)
อนุโลมปุคคโลกาส
[๗๑] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๘๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้
กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่
สมุทยสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
และสมุทยสัจก็จักเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาล และในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติใน
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและทุกขสัจก็กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ใน
อุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลจักได้อรหัตตมรรค
ในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลัง
อุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิดและมัคคสัจก็จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังเกิด ใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น
บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๘๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด
แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและทุกขสัจก็กำลังเกิด
[๗๒] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่มัคคสัจ
ไม่ใช่จักเกิด ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้จักได้มรรค สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมัคคสัจก็จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น
ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไป
อยู่ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่กำลังเกิด ใน
อุปปาทขณะแห่งตัณหาของเหล่าบุคคลผู้จักได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นจักเกิดและสมุทยสัจก็กำลังเกิด
ปัจจนีกบุคคล
[๗๓] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลนั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
สมุทยสัจมิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค ในภังคขณะแห่งจิตของ
อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น
และในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๙๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น สมุทยสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตต-
มรรค ในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น และในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผล
ในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น
บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค ในภังคขณะแห่งจิตของ
อรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล และในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่ง
อรหัตตมรรค ในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
และในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๗๔] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๙๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น
ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหา
เป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทย-
สัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียง
ด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่ง
จักไม่ได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
มัคคสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค มัคค-
สัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียง
ด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่ง
จักไม่ได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและ
ทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปัจจนีกโอกาส
[๗๕] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๗๖] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาล และในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่ง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๙๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อรหัตตมรรค และในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรค
ในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น และในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค
และอรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้
กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด
แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค และในภังคขณะแห่งจิต
ของอรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น
และในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติ
จากอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและทุกขสัจก็
ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น
บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค และในภังคขณะ
แห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็นปุถุชนผู้จัก
ไม่ได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลและในอุปปาทขณะแห่ง
อรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ ทุกข-
สัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๙๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันต-
บุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิดในภังคขณะแห่ง
อรหัตตมรรค และในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ
และบุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจาก
อสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและทุกขสัจก็ไม่ใช่
กำลังเกิด
[๗๗] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น
ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหา
เป็นไปอยู่ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่จัก
ไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล ในภังคขณะแห่ง
ตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สมุทยสัจ
มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล ในภังค-
ขณะ แห่งตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจาก
ตัณหาเป็นไปอยู่ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๙๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
๖. อตีตานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีตและที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๗๘] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดเคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้น
เคยเกิดแต่สมุทยสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด
และสมุทยสัจก็จักเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดจักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดเคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักเกิด
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และบุคคล
เหล่าอื่นผู้จักได้มรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและมัคคสัจก็จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่
[๗๙] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดเคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักเกิด
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลเหล่าอื่น
ผู้จักได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและมัคคสัจก็จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๙๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุโลมโอกาส
[๘๐] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดเคยเกิด ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๘๑] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยเกิดและสมุทยสัจก็จักเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจัก
เกิด แต่ทุกขสัจไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ
สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและทุกขสัจก็เคยเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลจักได้อรหัตตมรรคใน
ลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค ทุกขสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและมัคคสัจก็จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
เคยเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๙๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิด แต่ทุกขสัจไม่เคยเกิด บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ใน
อุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นจักเกิดและทุกขสัจก็เคยเกิด
[๘๒] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นเคยเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด
ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค สมุทยสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและมัคคสัจก็จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ มัคคสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่สมุทยสัจไม่เคยเกิด บุคคลจักได้อรหัตตมรรค
ในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค มัคคสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและสมุทยสัจก็เคยเกิด
ปัจจนีกบุคคล
[๘๓] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๙๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
[๘๔] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปัจจนีกโอกาส
[๘๕] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่เคยเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๘๖] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๙๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
[๘๗] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ สมุทย-
สัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่
ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและมัคคสัจก็ไม่
ใช่จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและสมุทยสัจก็ไม่เคยเกิด
อุปปาทวาร จบ

๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบัน
อนุโลมบุคคล
[๘๘] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากตัณหาใน
ปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ แต่สมุทยสัจไม่ใช่กำลังดับ ใน
ภังคขณะแห่งตัณหา ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและสมุทยสัจก็กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๙๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดกำลังดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากมรรคใน
ปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ แต่มัคคสัจไม่ใช่กำลังดับ ใน
ภังคขณะแห่งมรรคในปัญจโวการภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและ
มัคคสัจก็กำลังดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดกำลังดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งมรรคในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ
แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งมรรคในปัญจโวการภูมิ มัคคสัจของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังดับและทุกขสัจก็กำลังดับ
[๘๙] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดกำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดกำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุโลมโอกาส
[๙๐] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดกำลังดับ สมุทยสัจในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นทุกขสัจกำลังดับ ฯลฯ
(คำที่ท่านกำหนดว่า ในภูมิใด เหมือนกันทั้งในอุปปาทวาร นิโรธวาร และ
อุปปาทนิโรธวาร ไม่มีข้อแตกต่างกัน)
อนุโลมปุคคโลกาส
[๙๑] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ ฯลฯ
(พึงขยายคำที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใดในภูมิใด ซึ่งเหมือนกันให้พิสดาร)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๐๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปัจจนีกบุคคล
[๙๒] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
ดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากตัณหาใน
ปวัตติกาล สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังดับ
บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลและในภังคขณะแห่ง
มรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและทุกขสัจก็ไม่
ใช่กำลังดับ
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
ดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งมรรคในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ
แต่มัคคสัจมิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล และในภังคขณะแห่งผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ
และมัคคสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
ดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากมรรคใน
ปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังดับ
บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และในภังคขณะแห่ง
ผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๐๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
[๙๓] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งมรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่
มัคคสัจมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมดและในภังคขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากตัณหาและที่วิปปยุตจากมรรค บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและ
มัคคสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
ดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหา มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่
สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด และในภังค-
ขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากมรรคและที่วิปปยุตจากตัณหา บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติ
และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและ
สมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปัจจนีกโอกาส
[๙๔] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๙๕] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ ฯลฯ
(ข้อที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใด ก็ดี ในภูมิใด ก็ดี ของบุคคลใดในภูมิใด ก็ดี
เหมือนกัน แต่ในข้อที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใดในภูมิใด ไม่พึงเพิ่มคำว่า
บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๐๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
๒. อตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีต
อนุโลมบุคคล
[๙๖] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดเคยดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็เคยดับ
ใช่ไหม
วิ. ใช่
(อตีตปุจฉาในอุปปาทวารทั้งอนุโลมและปัจจนีกะท่านจำแนกไว้แล้วฉันใด แม้
ในนิโรธวารก็พึงจำแนกฉันนั้น ไม่มีข้อแตกต่างกัน)

๓. อนาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๙๗] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดจักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นจักดับ แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้น
จักดับและสมุทยสัจก็จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดจักดับ ฯลฯ
วิ. ใช่
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดจักดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้เป็นปุถุชน
ซึ่งจักไม่ได้มรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ ใน
อุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ใน
ลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นจัก
ดับและมัคคสัจก็จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๐๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักดับ ฯลฯ
วิ. ใช่
[๙๘] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดจักดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับ
แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ บุคคลผู้จักได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับและ
มัคคสัจก็จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สมุทยสัจไม่ใช่
จักดับ บุคคลผู้จักได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับและสมุทยสัจก็จักดับ
อนุโลมโอกาส
[๙๙] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดจักดับ ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๐๐] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักดับ
บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นจักดับและสมุทยสัจก็จักดับ ฯลฯ
(ข้อที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใด และ ของบุคคลใดในภูมิใด เหมือนกัน)
ปัจจนีกบุคคล
[๑๐๑] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๐๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สมุทยสัจของบุคคลเหล่า
นั้นไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต๑ สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่จักดับ
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่ง
จักไม่ได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่จักไม่ดับ ใน
ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่
จักดับ
[๑๐๒] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่มัคคสัจ
มิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล สมุทยสัจของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักดับและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
จักดับ แต่สมุทยสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักดับ

เชิงอรรถ :
๑ จิตดวงสุดท้ายของบุคคลผู้จะปรินิพพานในชาตินี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๐๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
ปัจจนีกโอกาส
[๑๐๓] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่จักดับ ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๐๔] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สมุทยสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญ-
สัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่จักไม่ดับ
ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและ
ทุกขสัจก็ไม่ใช่จักดับ
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจัก
ไม่ได้มรรค บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๐๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
[๑๐๕] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ มัคคสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ
แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและ
มัคคสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ และบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่สมุทยสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังค-
ขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักดับ

๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอดีต
อนุโลมบุคคล
[๑๐๖] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็เคยดับ
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดเคยดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และ
ในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่
ทุกขสัจไม่ใช่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยดับและทุกขสัจก็กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๐๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ แต่มัคคสัจไม่เคยดับ บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลัง
จุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและมัคคสัจ
ก็เคยดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดเคยดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลและ
ในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่
ทุกขสัจไม่ใช่กำลังดับ บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยดับและทุกขสัจก็กำลังดับ
[๑๐๗] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดกำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็เคยดับ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ ในภังคขณะแห่งตัณหา สมุทยสัจของบุคคล
เหล่านั้นกำลังดับ แต่มัคคสัจไม่เคยดับ บุคคลผู้ได้บรรลุ ในภังคขณะแห่งตัณหา
สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและมัคคสัจก็เคยดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดเคยดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ได้บรรลุ ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหา
เป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่สมุทย-
สัจไม่ใช่กำลังดับ บุคคลผู้ได้บรรลุ ในภังคขณะแห่งตัณหา มัคคสัจของบุคคล
เหล่านั้นเคยดับและสมุทยสัจก็กำลังดับ
อนุโลมโอกาส
[๑๐๘] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดกำลังดับ ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๐๙] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๐๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
วิ. ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ บุคคล
ผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่
สมุทยสัจไม่เคยดับ บุคคลนอกนี้ผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ใน
ภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและ
สมุทยสัจก็เคยดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล และในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังดับ บุคคลผู้กำลังจุติจาก
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและทุกขสัจก็กำลังดับ
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ บุคคล
ผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล บุคคลผู้กำลังจุติจาก
อสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่มัคคสัจไม่เคยดับ
บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและมัคคสัจก็เคยดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
และในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคย
ดับ แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังดับ บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและทุกขสัจก็กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๐๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
[๑๑๐] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ สมุทยสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่มัคคสัจไม่เคยดับ ในภังคขณะแห่งตัณหา บุคคลผู้
ได้บรรลุ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและมัคคสัจก็เคยดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุต
จากตัณหาเป็นไปอยู่ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่สมุทยสัจไม่
ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ได้บรรลุ มัคคสัจของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นเคยดับและสมุทยสัจก็กำลังดับ
ปัจจนีกบุคคล
[๑๑๑] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็
ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่เคยดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับ
มีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และ
ในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ
แต่มัคคสัจมิใช่ไม่เคยดับ บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและมัคคสัจก็ไม่เคยดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๑๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่เคยดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่เคยดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลผู้ยังไม่ได้
บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่า
นั้นไม่เคยดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ
[๑๑๒] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
เคยดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจาก
ตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลัง
ดับ แต่มัคคสัจมิใช่ไม่เคยดับ ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ
เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและมัคคสัจก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่เคยดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ มัคคสัจของบุคคล
เหล่านั้นไม่เคยดับ แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของ
บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่เคยดับและสมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปัจจนีกโอกาส
[๑๑๓] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๑๔] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สมุทยสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๑๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล และในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่เคยดับ ในอุปปาทขณะ
แห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญ-
สัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสมุทยสัจก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ บุคคล
ผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับ แต่
ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธา-
วาสภูมิ บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และ
ในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังดับ แต่มัคคสัจมิใช่ไม่เคยดับ ในอุปปาทขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในสุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังดับและมัคคสัจก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ บุคคล
ผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล บุคคลผู้กำลังจุติจาก
อสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่
กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๑๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล บุคคลผู้
กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับและทุกขสัจ
ก็ไม่ใช่กำลังดับ
[๑๑๕] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ มัคคสัจของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจาก
ตัณหาเป็นไปอยู่ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่มัคคสัจมิ
ใช่ไม่เคยดับ เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ ใน
อุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไป
อยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังดับและมัคคสัจก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ มัคคสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับ แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังดับ เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้
บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับและสมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ

๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๑๑๖] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค และในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น ทุกขสัจของบุคคล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๑๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
เหล่านั้นกำลังดับ แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและสมุทยสัจก็จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดจักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
ภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่ทุกขสัจ
ไม่ใช่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล สมุทยสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นจักดับและทุกขสัจก็กำลังดับ
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค และในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ บุคคลจักได้อรหัตตมรรค
ในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลัง จุติ
ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและมัคคสัจก็
จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้มรรคในลำดับแห่งจิตใด
ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล และในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของ
บุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังดับ บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับและทุกขสัจก็กำลังดับ
[๑๑๗] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดกำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค สมุทยสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ ในภังคขณะแห่งตัณหาของ
บุคคลผู้จักได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและมัคคสัจก็จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๑๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่าอื่นผู้
จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สมุทยสัจ
ไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้จักได้มรรค มัคคสัจของบุคคล
เหล่านั้นจักดับและสมุทยสัจก็กำลังดับ
อนุโลมโอกาส
[๑๑๘] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดกำลังดับ ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๑๙] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค และในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้กำลัง
จุติจากอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่สมุทยสัจ
ไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและสมุทยสัจก็
จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล และในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังดับ บุคคลผู้กำลังจุติจาก
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและทุกขสัจก็กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๑๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค และในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ใน
ภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล บุคคลผู้กำลังจุติจากอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ
ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ ในภังคขณะแห่ง
มรรคในปัญจโวการภูมิ บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะ
แห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและมัคคสัจก็จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ใน
อุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะ
แห่งมรรคในปัญจโวการภูมิ บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังค-
ขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและทุกขสัจก็กำลังดับ
[๑๒๐] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่มัคคสัจ
ไม่ใช่จักดับ ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้จักได้มรรค สมุทยสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและมัคคสัจก็จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๑๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่า
อื่นผู้จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นจักดับ แต่สมุทยสัจไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้จัก
ได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและสมุทยสัจก็กำลังดับ
ปัจจนีกบุคคล
[๑๒๑] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
ภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่
สมุทยสัจมิใช่จักไม่ดับ ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค และในอุปปาทขณะแห่ง
จิตของอรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตนั้น และในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังดับและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น สมุทยสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่ง
อรหัตตมรรคและในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรค
ในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและ
อรหัตตผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่
กำลังดับ
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับ
ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๑๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ใน
อุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่ดับ ในอุปปาทขณะแห่งจิต
ของอรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล และในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ
ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค และในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ใน
อุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลใน
อรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ
[๑๒๒] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่าอื่น
ผู้จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่
มัคคสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล ในอุปปาทขณะ
แห่งตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็น
ไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๑๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค มัคคสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังดับ ในภังคขณะแห่ง
อรหัตตมรรค อรหันตบุคคล ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่ง
จักไม่ได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและ
สมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปัจจนีกโอกาส
[๑๒๓] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๒๔] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สมุทยสัจของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาลและในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สมุทยสัจมิใช่จักไม่ดับ ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตต-
มรรคและในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคใน
ลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและ
อรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค และในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้อุบัติอยู่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๑๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจ
มิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค และในอุปปาทขณะแห่งจิตของ
อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิต
นั้น และในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังอุบัติ
ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็
ไม่ใช่กำลังดับ
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคในปัญจโวการภูมิ บุคคลจักได้อรหัตต-
มรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่ง
กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และในภังคขณะแห่งมรรคและผล
ในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่
ดับ ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและ
บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
และในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังอุบัติใน
อบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและ
มัคคสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค และในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ใน
ภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล บุคคลผู้กำลังจุติจากอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังดับ ใน
อุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็น
ปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลและใน
ภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังอุบัติในอบายภูมิ
และอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็ไม่
ใช่กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๒๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
[๑๒๕] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ มัคคสัจของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคล
เหล่าอื่นซึ่งจักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ สมุทยสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตต-
มรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของอรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ
และบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลัง
ดับและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่สมุทย-
สัจมิใช่ไม่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา
ของอรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค
เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและสมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ

๖. อตีตานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีตและที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๑๒๖] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดเคยดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๒๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
เคยดับ แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ
และสมุทยสัจก็จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดจักดับ ฯลฯ
วิ. ใช่
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดเคยดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคลและบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่ง
จักไม่ได้มรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ ใน
อุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับ
แห่งจิตนั้น) และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ
และมัคคสัจก็จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักดับ ฯลฯ
วิ. ใช่
[๑๒๗] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดเคยดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่ง
จักไม่ได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ ใน
อุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ใน
ลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นเคย
ดับและมัคคสัจก็จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักดับ ฯลฯ
วิ. ใช่
อนุโลมโอกาส
[๑๒๘] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดเคยดับ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๒๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๒๙] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลผู้จักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญ-
สัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักดับ
บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นเคยดับและสมุทยสัจก็จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักดับ แต่ทุกขสัจไม่เคยดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจ-
โวการภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและทุกขสัจก็เคยดับ
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจัก
ไม่ได้มรรค บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลเหล่าอื่น
ผู้จักได้มรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและมัคคสัจก็จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักดับ แต่ทุกขสัจไม่เคยดับ ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตต-
มรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและทุกขสัจก็เคยดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๒๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
[๑๓๐] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจัก
ไม่ได้มรรค และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยดับ แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้
มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและมัคคสัจก็จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ มัคคสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สมุทยสัจไม่เคยดับ ในอุปปาทขณะแห่ง
อรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น)
และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและ
สมุทยสัจก็เคยดับ
ปัจจนีกบุคคล
[๑๓๑] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่เคยดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับ
ใช่ไหม
วิ. เคยดับ
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่เคยดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๒๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
[๑๓๒] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่เคยดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับ
ใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปัจจนีกโอกาส
[๑๓๓] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่เคยดับ ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๓๔] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สมุทยสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
[๑๓๕] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ มัคคสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๒๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ สมุทย-
สัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับ แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่ดับ บุคคลผู้อุบัติอยู่
ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับและมัคคสัจก็ไม่
ใช่จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจัก
ไม่ได้มรรค และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่จักดับ แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่เคยดับ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและสมุทยสัจก็ไม่เคยดับ
นิโรธวาร จบ

๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบัน
อนุโลมบุคคล
[๑๓๖] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็กำลัง
ดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดกำลังดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๒๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดกำลังดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
[๑๓๗] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็กำลัง
ดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดกำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุโลมโอกาส
[๑๓๘] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดกำลังเกิด สมุทยสัจในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นทุกขสัจกำลังเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่กำลังดับ
ฯลฯ
(คำที่ท่านกำหนดว่า ในภูมิใด เหมือนกันทั้งในอุปปาทวาร นิโรธวาร และ
อุปปาทนิโรธวาร ไม่มีข้อแตกต่างกัน)
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๓๙] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
(คำที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใด และ ของบุคคลใดในภูมิใด เหมือนกัน)
ปัจจนีกบุคคล
[๑๔๐] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหา ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๒๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
จากตัณหาในปวัตติกาล และในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล สมุทย-
สัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้
กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากตัณหาในปวัตติกาลและในอุปปาทขณะ
แห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและ
ทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
ดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งมรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
มัคคสัจมิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจาก
มรรคในปวัตติกาลและในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมด
ผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากมรรคในปวัตติกาล และในอุปปาท-
ขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและ
ทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๑๔๑] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งมรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
มัคคสัจมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากตัณหา ในภังคขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากมรรค บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญ-
สัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๒๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ
แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากมรรคและในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากตัณหา บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและสมุทยสัจก็ไม่ใช่
กำลังเกิด
ปัจจนีกโอกาส
[๑๔๒] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๔๓] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฯลฯ
(คำที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใด และ ของบุคคลใดในภูมิใด เหมือนกัน ใน
คำที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใดในภูมิใด ไม่พึงเพิ่มคำว่า บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติ)

๒. อตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีต
อนุโลมบุคคล
[๑๔๔] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็เคย
ดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดเคยดับ ฯลฯ
วิ. ใช่
(พึงจำแนกอนุโลมและปัจจนีกะแม้ในอุปปาทนิโรธวารให้เหมือนกับอตีตปุจฉา
ในอุปปาทวาร)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๒๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
๓. อนาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๑๔๕] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดจักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้น
จักเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและ
สมุทยสัจก็จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดจักดับ ฯลฯ
วิ. ใช่
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดจักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคลและบุคคลผู้เป็นปุถุชน
ซึ่งจักไม่ได้มรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ ใน
อุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ใน
ลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นจัก
เกิดและมัคคสัจก็จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักดับ ฯลฯ
วิ. ใช่
[๑๔๖] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดจักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด
แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ บุคคลผู้จักได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและ
มัคคสัจก็จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๓๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สมุทยสัจไม่ใช่
จักเกิด บุคคลผู้จักได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับและสมุทยสัจก็จักเกิด
อนุโลมบุคคล
[๑๔๗] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดจักเกิด ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๔๘] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักดับ
บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นจักเกิดและสมุทยสัจก็จักดับ
(คำที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใด และ ของบุคคลใดในภูมิใด เหมือนกัน)
ปัจจนีกบุคคล
[๑๔๙] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สมุทย-
สัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๓๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่ง
จักไม่ได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่จักไม่เกิด
บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและ
ทุกขสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
[๑๕๐] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่มัคคสัจ
มิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล สมุทยสัจของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จัก
ดับ แต่สมุทยสัจมิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล มัคคสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
ปัจจนีกโอกาส
[๑๕๑] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๕๒] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๓๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
(คำที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใด และ ของบุคคลใดในภูมิใด เหมือนกัน
สมุทยสัจกับมัคคสัจมีข้อแตกต่างกัน คือ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันต-
บุคคลและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่จักดับและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักเกิด)

๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอดีต
อนุโลมบุคคล
[๑๕๓] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็เคย
ดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดเคยดับ ฯลฯ
(คำถามที่เป็นอดีตพร้อมกับปัจจุบันในอุปปาทวารก็ดี อุปปาทนิโรธวารก็ดี
คำที่ท่านกำหนดว่าของบุคคลก็ดี ของบุคคลใดในภูมิใดก็ดี เหมือนกันทั้งอนุโลมและ
ปัจจนีกะ ผู้มีปัญญาพึงจำแนก)

๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๑๕๔] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค และในอุปปาทขณะแห่งจิตของ
อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิต
นั้น ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ซึ่ง
กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลัง
เกิดและสมุทยสัจก็จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๓๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดจักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลและใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่
ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับและทุกขสัจก็กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้
มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้น
กำลังเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้
มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่า
นั้นกำลังเกิดและมัคคสัจก็จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิต
ใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล และในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของ
บุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคล
เหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล มัคคสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นจักดับและทุกขสัจก็กำลังเกิด
[๑๕๕] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค สมุทยสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของ
บุคคลผู้จักได้มรรค สมุทยสัจบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและมัคคสัจก็จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๓๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่าอื่นผู้
จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สมุทยสัจ
ไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้จักได้มรรค มัคคสัจของ
บุคคลเหล่านั้นจักดับและสมุทยสัจก็กำลังเกิด
อนุโลมโอกาส
[๑๕๖] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดกำลังเกิด ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๕๗] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันต-
บุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น
บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
และสมุทยสัจก็จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาลและในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติใน
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและทุกขสัจก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๓๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ
และบุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล บุคคลผู้กำลังอุบัติในอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคล
เหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมัคคสัจก็จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิต
ใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาลและในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่ง
อรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น
บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและทุกขสัจก็กำลังเกิด
[๑๕๘] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่มัคคสัจ
ไม่ใช่จักดับ ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้จักได้มรรค สมุทยสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมัคคสัจก็จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๓๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่าอื่นผู้
จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นจักดับ แต่สมุทยสัจไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้
จักได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและสมุทยสัจก็กำลังเกิด
ปัจจนีกบุคคล
[๑๕๙] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่สมุทยสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและในภังคขณะแห่งจิตของ
อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น
ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันต-
บุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น
สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ
แห่งอรหัตตมรรคและในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตต-
มรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้นและในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค
และอรหัตตผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็ไม่
ใช่กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับ
ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๓๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในภังคขณะแห่งมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ใน
ภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาลและในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและ
ในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลัง
จุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลและในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตผลในอรูปภูมิ
ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้
มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและใน
ภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังจุติ
ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตผลในอรูปภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๑๖๐] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่าอื่นผู้
จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
มัคคสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค ในภังคขณะแห่งตัณหาของ
อรหันตบุคคลและบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหา
เป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๓๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่ง
อรหัตตมรรค ในภังคขณะแห่งตัณหาของอรหันตบุคคลและบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจัก
ไม่ได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและ
สมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปัจจนีกโอกาส
[๑๖๑] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๖๒] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาลและในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่ง
อรหัตตมรรคและในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคใน
ลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและ
อรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันต-
บุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น
บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จัก
ดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและในภังคขณะแห่งจิต
ของอรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๓๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
และในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจาก
อสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่
กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ใน
ภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาลและในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค
และในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคล
ผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลและใน
อุปปาทขณะแห่งอรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ
ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ
และบุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติ-
กาล บุคคลผู้กำลังอุบัติในอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและใน
ภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็น
ปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะ
แห่งอรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๑๖๓] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๔๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่าอื่นผู้
จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค
อรหันตบุคคล และในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและ
บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้
อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
มัคคสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่
สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและในภังคขณะแห่งตัณหา
ของอรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้
มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและสมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด

๖. อตีตานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีตและที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๑๖๔] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดเคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
(ผู้รู้จำแนกอตีตปุจฉากับอนาคตปุจฉาในนิโรธวารทั้งอนุโลมและปัจจนีกะฉันใด
ในอุปปาทนิโรธวารก็พึงจำแนกฉันนั้น)
อุปปาทนิโรธวาร จบ
ปวัตติวาร จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๔๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๓. ปริญญาวาร ๓. ปริญญาวาร
๓. ปริญญาวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบัน
[๑๖๕] อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็ละกำลังละ
สมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดกำลังละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังละ
สมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ
ใช่ไหม
วิ. ใช่
๒. อตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีต
[๑๖๖] อนุ. บุคคลใดเคยกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็เคยละสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดเคยละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็เคยกำหนดรู้ทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่เคยกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็ไม่เคยละสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็ไม่เคยกำหนดรู้ทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๔๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๓. ปริญญาวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
๓. อนาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอนาคต
[๑๖๗] อนุ. บุคคลใดจักกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็จักละสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็จักกำหนดรู้ทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่จักกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักละสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักกำหนดรู้ทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอดีต
[๑๖๘] อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็เคยละสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดเคยละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็ไม่เคยละสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. อรหันตบุคคลไม่ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ แต่มิใช่ไม่เคยละสมุทยสัจ
เว้นบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคลแล้ว บุคคลที่เหลือไม่
ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจและก็ไม่เคยละสมุทยสัจ
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคไม่เคยละสมุทยสัจ แต่มิใช่ไม่
กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ เว้นบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล
แล้ว บุคคลที่เหลือไม่เคยละสมุทยสัจและก็ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๔๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๓. ปริญญาวาร ๖. อตีตานาคตวาร
๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอนาคต
[๑๖๙] อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็จักละสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักละสมุทยสัจ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้จักได้มรรคไม่ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ แต่มิใช่จักไม่ละสมุทยสัจ
อรหันตบุคคลและบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรคไม่ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจและก็
ไม่ใช่จักละสมุทยสัจ
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคไม่ใช่จักละสมุทยสัจ แต่มิใช่ไม่
กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ อรหันตบุคคลและบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรคไม่ใช่จัก
ละสมุทยสัจและก็ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ
๖. อตีตานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีตและที่เป็นอนาคต
[๑๗๐] อนุ. บุคคลใดเคยกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็จักละสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็เคยกำหนดรู้ทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่เคยกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักละสมุทยสัจใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๔๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๓. ปริญญาวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. บุคคลผู้จักได้มรรคไม่เคยกำหนดรู้ทุกขสัจ แต่มิใช่จักไม่ละสมุทยสัจ
บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรคไม่เคย
กำหนดรู้ทุกขสัจและก็ไม่ใช่จักละสมุทยสัจ
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็ไม่เคยกำหนดรู้ทุกขสัจใช่ไหม
วิ. อรหันตบุคคลไม่ใช่จักละสมุทยสัจ แต่มิใช่ไม่เคยกำหนดรู้ทุกขสัจ
บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรคไม่ใช่จักละ
สมุทยสัจและก็ไม่เคยกำหนดรู้ทุกขสัจ

ปริญญาวาร จบ
สัจจยมก จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๔๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
สังขารยมก
๑. ปัณณัตติวารอุทเทส
[๑] สังขาร ๓ คือ

๑. กายสังขาร (สภาพที่กายปรุงแต่ง)
๒. วจีสังขาร (สภาพที่ปรุงแต่งวาจา)
๓. จิตตสังขาร (สภาพที่จิตปรุงแต่ง)๑

ลมอัสสาสปัสสาสะชื่อว่ากายสังขาร วิตกและวิจารชื่อว่าวจีสังขาร สัญญา
และเวทนาชื่อว่าจิตตสังขาร เว้นวิตกและวิจารแล้ว สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิต
แม้ทั้งหมดชื่อว่าจิตตสังขาร
๑. ปทโสธนวาร
อนุโลม

[๒] กาย เป็นกายสังขารใช่ไหม กายสังขาร เป็นกายใช่ไหม
วจี เป็นวจีสังขารใช่ไหม วจีสังขาร เป็นวจีใช่ไหม
จิต เป็นจิตตสังขารใช่ไหม จิตตสังขาร เป็นจิตใช่ไหม

ปัจจนีกะ

[๓] สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกายสังขาร ไม่เป็นกายใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจี ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจีสังขาร ไม่เป็นวจีใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิต ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตตสังขาร ไม่เป็นจิตใช่ไหม


เชิงอรรถ :
๑ อภิ.ปญฺจ.อ. ๓๕๘

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๔๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุโลม

[๔] กาย เป็นกายสังขารใช่ไหม สังขาร เป็นวจีสังขารใช่ไหม
กาย เป็นกายสังขารใช่ไหม สังขาร เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วจี เป็นวจีสังขารใช่ไหม สังขาร เป็นกายสังขารใช่ไหม
วจี เป็นวจีสังขารใช่ไหม สังขาร เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
จิต เป็นจิตตสังขารใช่ไหม สังขาร เป็นกายสังขารใช่ไหม
จิต เป็นจิตตสังขารใช่ไหม สังขาร เป็นวจีสังขารใช่ไหม

ปัจจนีกะ

[๕] สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจี ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจี ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิต ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิต ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๔๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
๓. สุทธสังขารวาร
อนุโลม

[๖] กายสังขาร เป็นวจีสังขารใช่ไหม วจีสังขาร เป็นกายสังขารใช่ไหม
กายสังขาร เป็นจิตตสังขารใช่ไหม จิตตสังขาร เป็นกายสังขารใช่ไหม
วจีสังขาร เป็นจิตตสังขารใช่ไหม จิตตสังขาร เป็นวจีสังขารใช่ไหม

ปัจจนีกะ

[๗] สภาวธรรมที่ไม่เป็นกายสังขาร ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจีสังขาร ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกายสังขาร ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตตสังขาร ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจีสังขาร ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตตสังขาร ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม

ปัณณัตติวารอุทเทส จบ

๑. ปัณณัตติวารนิทเทส
๑. ปทโสธนวาร
อนุโลม
[๘] อนุ. กาย เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. กายสังขาร เป็นกายใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๔๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
อนุ. วจี เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. วจีสังขาร เป็นวจีใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิต เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตตสังขาร เป็นจิตใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปัจจนีกะ
[๙] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. กายสังขาร ไม่เป็นกาย แต่เป็นกายสังขาร เว้นกายและกายสังขารแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือ ไม่เป็นกายก็ใช่ ไม่เป็นกายสังขารก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกายสังขาร ไม่เป็นกายใช่ไหม
วิ. กาย ไม่เป็นกายสังขาร แต่เป็นกาย เว้นกายและกายสังขารแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นกายก็ใช่ ไม่เป็นกายสังขารก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจี ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. วจีสังขาร ไม่เป็นวจี แต่เป็นวจีสังขาร เว้นวจีและวจีสังขารแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นวจีก็ใช่ ไม่เป็นวจีสังขารก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจีสังขาร ไม่เป็นวจีใช่ไหม
วิ. วจี ไม่เป็นวจีสังขาร แต่เป็นวจี เว้นวจีและวจีสังขารแล้ว สภาวธรรม
ที่เหลือไม่เป็นวจีก็ใช่ ไม่เป็นวจีสังขารก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิต ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. จิตตสังขาร ไม่เป็นจิต แต่เป็นจิตตสังขาร เว้นจิตและจิตตสังขารแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจิตก็ใช่ ไม่เป็นจิตตสังขารก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๔๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตตสังขาร ไม่เป็นจิตใช่ไหม
วิ. จิต ไม่เป็นจิตตสังขาร แต่เป็นจิต เว้นจิตและจิตตสังขารแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจิตก็ใช่ ไม่เป็นจิตตสังขารก็ใช่

๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุโลม
[๑๐] อนุ. กาย เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สังขาร เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. วจีสังขาร เป็นสังขารก็ใช่ เป็นวจีสังขารก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็น
สังขาร แต่ไม่เป็นวจีสังขาร
อนุ. กาย เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สังขาร เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. จิตตสังขาร เป็นสังขารก็ใช่ เป็นจิตตสังขารก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นสังขาร แต่ไม่เป็นจิตตสังขาร
[๑๑] อนุ. วจี เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สังขาร เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. กายสังขาร เป็นสังขารก็ใช่ เป็นกายสังขารก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นสังขาร แต่ไม่เป็นกายสังขาร
อนุ. วจี เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๕๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
ปฏิ. สังขาร เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. จิตตสังขาร เป็นสังขารก็ใช่ เป็นจิตตสังขารก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นสังขาร แต่ไม่เป็นจิตตสังขาร
[๑๒] อนุ. จิต เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สังขาร เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. กายสังขาร เป็นสังขารก็ใช่ เป็นกายสังขารก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นสังขาร แต่ไม่เป็นกายสังขาร
อนุ. จิต เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สังขาร เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. วจีสังขาร เป็นสังขารก็ใช่ เป็นวจีสังขารก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็น
สังขาร แต่ไม่เป็นวจีสังขาร
ปัจจนีกะ
[๑๓] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. กายสังขาร ไม่เป็นกาย แต่เป็นกายสังขาร เว้นกายและกายสังขาร
แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นกายก็ใช่ ไม่เป็นกายสังขารก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. กายสังขาร ไม่เป็นกาย แต่เป็นกายสังขาร เว้นกายและกายสังขาร
แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นกายก็ใช่ ไม่เป็นกายสังขารก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๕๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธสังขารวาร
[๑๔] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจี ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. วจีสังขาร ไม่เป็นวจี แต่เป็นวจีสังขาร เว้นวจีและวจีสังขารแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นวจีก็ใช่ ไม่เป็นวจีสังขารก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจี ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. วจีสังขาร ไม่เป็นวจี แต่เป็นวจีสังขาร เว้นวจีและวจีสังขารแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นวจีก็ใช่ ไม่เป็นวจีสังขารก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๕] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิต ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. จิตตสังขาร ไม่เป็นจิต แต่เป็นจิตตสังขาร เว้นจิตและจิตตสังขารแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจิตก็ใช่ ไม่เป็นจิตตสังขารก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิต ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. จิตตสังขาร ไม่เป็นจิต แต่เป็นจิตตสังขาร เว้นจิตและจิตตสังขารแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจิตก็ใช่ ไม่เป็นจิตตสังขารก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. ใช่

๓. สุทธสังขารวาร
อนุโลม
[๑๖] อนุ. กายสังขาร เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๕๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธสังขารวาร
ปฏิ. วจีสังขาร เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. กายสังขาร เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตตสังขาร เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. วจีสังขาร เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตตสังขาร เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปัจจนีกะ
[๑๗] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกายสังขาร ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. วจีสังขาร ไม่เป็นกายสังขาร แต่เป็นวจีสังขาร เว้นกายสังขารและ
วจีสังขารแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นกายสังขารก็ใช่ ไม่เป็นวจีสังขารก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจีสังขาร ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. กายสังขาร ไม่เป็นวจีสังขาร แต่เป็นกายสังขาร เว้นวจีสังขารและ
กายสังขารแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นวจีสังขารก็ใช่ ไม่เป็นกายสังขารก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกายสังขาร ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. จิตตสังขาร ไม่เป็นกายสังขาร แต่เป็นจิตตสังขาร เว้นกายสังขารและ
จิตตสังขารแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นกายสังขารก็ใช่ ไม่เป็นจิตตสังขารก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตตสังขาร ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. กายสังขาร ไม่เป็นจิตตสังขาร แต่เป็นกายสังขาร เว้นจิตตสังขารและ
กายสังขารแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจิตตสังขารก็ใช่ ไม่เป็นกายสังขารก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๕๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
[๑๘] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจีสังขาร ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. จิตตสังขาร ไม่เป็นวจีสังขาร แต่เป็นจิตตสังขาร เว้นวจีสังขารและจิตต-
สังขารแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นวจีสังขารก็ใช่ ไม่เป็นจิตตสังขารก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตตสังขาร ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. วจีสังขาร ไม่เป็นจิตตสังขาร แต่เป็นวจีสังขาร เว้นจิตตสังขารและ
วจีสังขารแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจิตตสังขารก็ใช่ ไม่เป็นวจีสังขารก็ใช่
ปัณณัตติวารนิทเทส จบ

๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบัน
อนุโลมบุคคล
[๑๙] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดกำลังเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะซึ่งเว้นจากวิตกและวิจาร กาย-
สังขารของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งลม
อัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าปฐมฌานและของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและวจีสังขารก็กำลังเกิด
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดกำลังเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและวิจารซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะ วจี-
สังขารของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าปฐมฌานและของบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
กามาวจรภูมิ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและกายสังขารก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๕๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดกำลังเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดกำลังเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะ จิตตสังขารของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งลม
อัสสาสปัสสาสะ จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและกายสังขารก็กำลังเกิด
[๒๐] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดกำลังเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดกำลังเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจากวิตกและวิจาร จิตตสังขารของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและวิจาร
จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและวจีสังขารก็กำลังเกิด
อนุโลมโอกาส
[๒๑] อนุ. กายสังขารในภูมิใดกำลังเกิด วจีสังขารในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในทุติยฌานและตติยฌาน ในฌานนั้นกายสังขารกำลังเกิด แต่วจี-
สังขารไม่ใช่กำลังเกิด ในปฐมฌานและในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นกายสังขารกำลังเกิด
และวจีสังขารก็กำลังเกิด
ปฏิ. วจีสังขารในภูมิใดกำลังเกิด กายสังขารในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นวจีสังขารกำลังเกิด แต่กาย-
สังขารไม่ใช่กำลังเกิด ในปฐมฌานและในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นวจีสังขารกำลังเกิด
และกายสังขารก็กำลังกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๕๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. กายสังขารในภูมิใดกำลังเกิด จิตตสังขารในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารในภูมิใดกำลังเกิด กายสังขารในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในจตุตถฌาน และในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นจิตต-
สังขารกำลังเกิด แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด ในปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน
และในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นจิตตสังขารกำลังเกิดและกายสังขารก็กำลังเกิด
[๒๒] อนุ. วจีสังขารในภูมิใดกำลังเกิด จิตตสังขารในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารในภูมิใดกำลังเกิด วจีสังขารในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน ในฌานนั้นจิตตสังขารกำลังเกิด
แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิด ในปฐมฌาน และในกามาวจรภูมิ รูปาวจรภูมิ อรูปาวจร-
ภูมิ ในภูมินั้นจิตตสังขารกำลังเกิดและวจีสังขารก็กำลังเกิด
อนุโลมปุคคโลกาส
[๒๓] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ฯลฯ
(คำที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใด และ ของบุคคลใดในภูมิใด เหมือนกัน)
ปัจจนีกบุคคล
[๒๔] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและวิจารซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะ กาย-
สังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่วจีสังขารมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ
แห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารซึ่งเว้นจาก
ลมอัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและวจีสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๕๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะซึ่งเว้นจากวิตกและวิจาร วจี-
สังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่กายสังขารมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ
แห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารซึ่งเว้นจาก
ลมอัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและกายสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะ กายสังขารของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จิตตสังขารมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิต
ของบุคคลทั้งหมด บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและจิตตสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๒๕] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจากวิตกและวิจาร วจีสังขารของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จิตตสังขารมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของ
บุคคลทั้งหมด บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและจิตตสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๕๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปัจจนีกโอกาส
[๒๖] อนุ. กายสังขารในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด วจีสังขารในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นกายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด
แต่วจีสังขารมิใช่ไม่กำลังเกิด ในจตุตถฌานและในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้น
กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดและวจีสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. วจีสังขารในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด กายสังขารในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในทุติยฌานและตติยฌาน ในฌานนั้นวจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิด แต่กาย-
สังขารมิใช่ไม่กำลังเกิด ในจตุตถฌานและในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นวจีสังขารไม่
ใช่กำลังเกิดและกายสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. กายสังขารในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตตสังขารในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในจตุตถฌาน และในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นกายสังขาร
ไม่ใช่กำลังเกิด แต่จิตตสังขารมิใช่ไม่กำลังเกิด ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้น
กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิดและจิตตสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด กายสังขารในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๒๗] อนุ. วจีสังขารในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตตสังขารในภูมินั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน ในฌานนั้นวจีสังขารไม่ใช่
กำลังเกิด แต่จิตตสังขารมิใช่ไม่กำลังเกิด ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้น
วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิดและจิตตสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด วจีสังขารในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๕๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๒๘] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด วจีสังขารของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและวิจารซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะ กาย-
สังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่วจีสังขารมิใช่ไม่กำลังเกิด ใน
ภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารซึ่ง
เว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ กายสังขารของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและวจีสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่
(พึงขยายคำที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใด และ ของบุคคลใดในภูมิใด ให้
พิสดารโดยนัยอย่างเดียวกันกับ ในคำที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใดในภูมิใด คำว่า
ของบุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติมีไม่ได้)

๒. อตีตวาร
ว่าด้วยธรรมที่เป็นอดีต
อนุโลมบุคคล
[๒๙] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดเคยเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดเคยเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดเคยเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดเคยเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๕๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
[๓๐] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดเคยเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดเคยเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่
อนุโลมโอกาส
[๓๑] อนุ. กายสังขารในภูมิใดเคยเกิด ฯลฯ
(คำที่ท่านกำหนดว่า ในภูมิใด เหมือนกันทุกแห่ง)
อนุโลมปุคคโลกาส
[๓๒] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เข้าทุติยฌานและตติยฌาน กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยเกิด แต่วจีสังขารไม่เคยเกิด บุคคลผู้เข้าปฐมฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
กามาวจรภูมิ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและวจีสังขารก็เคยเกิด
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ วจีสังขารของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่กายสังขารไม่เคยเกิด บุคคลผู้เข้าปฐมฌานและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและ
กายสังขารก็เคยเกิด
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๖๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เข้าจตุตถฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่กายสังขารไม่เคยเกิด บุคคลผู้
เข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ จิตต-
สังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและกายสังขารก็เคยเกิด
[๓๓] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน เมื่อจิตดวงที่ ๒
ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยเกิด แต่วจีสังขารไม่เคยเกิด บุคคลผู้เข้าปฐมฌาน และบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
กามาวจรภูมิ รูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยเกิดและวจีสังขารก็เคยเกิด
ปัจจนีกบุคคล
[๓๔] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดไม่เคยเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่
เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดไม่เคยเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่เคย
เกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๖๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดไม่เคยเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
[๓๕] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่
เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดไม่เคยเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
ปัจจนีกโอกาส
[๓๖] อนุ. กายสังขารในภูมิใดไม่เคยเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๓๗] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด วจีสังขารของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ กายสังขารของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่วจีสังขารมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้เข้าจตุตถฌาน
เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและวจีสังขารก็ไม่
เคยเกิด
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เข้าทุติยฌานและตติยฌาน วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในฌาน
นั้นไม่เคยเกิด แต่กายสังขารมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้เข้าจตุตถฌาน เมื่อจิตดวงที่ ๒
ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและกายสังขารก็ไม่เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๖๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เข้าจตุตถฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่จิตตสังขารมิใช่ไม่เคยเกิด
บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ กาย-
สังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและจิตตสังขารก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด กายสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๓๘] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด จิตตสังขารของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน เมื่อจิตดวงที่ ๒
ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิด แต่จิตตสังขารมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด
และจิตตสังขารก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๓. อนาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๓๙] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดจักเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๖๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดจักเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด
(ในลำดับแห่งจิตนั้น) ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ และบุคคล
เหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพานกำลังจุติ วจีสังขาร
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่กายสังขารไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ วจีสังขารของ
บุคคลเหล่านั้นจักเกิดและกายสังขารก็จักเกิด
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดจักเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดจักเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด
(ในลำดับแห่งจิตนั้น) ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ บุคคล
เหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพานกำลังจุติ จิตตสังขาร
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่กายสังขารไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ จิตตสังขารของ
บุคคลเหล่านั้นจักเกิดและกายสังขารก็จักเกิด
[๔๐] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดจักเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดจักเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับ
แห่งจิตนั้น) จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่วจีสังขารไม่ใช่จักเกิด บุคคล
นอกนี้ จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและวจีสังขารก็จักเกิด
อนุโลมโอกาส
[๔๑] อนุ. กายสังขารในภูมิใดจักเกิด ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๖๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อนุโลมปุคคโลกาส
[๔๒] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เข้าทุติยฌานและตติยฌาน กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นจักเกิด แต่วจีสังขารไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้เข้าปฐมฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
กามาวจรภูมิ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและวจีสังขารก็จักเกิด
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด
(ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ วจีสังขาร
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่กายสังขารไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้เข้าปฐม-
ฌานและบุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักเกิดและกายสังขารก็จักเกิด
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด
(ในลำดับแห่งจิตนั้น) บุคคลผู้เข้าจตุตถฌาน และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ
อรูปาวจรภูมิ จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่กายสังขารไม่ใช่
จักเกิด บุคคลผู้เข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน และบุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ใน
กามาวจรภูมิ จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและกายสังขารก็จักเกิด
[๔๓] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๖๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับ
แห่งจิตนั้น) บุคคลผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน จิตตสังขารของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่วจีสังขารไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้เข้าปฐมฌาน
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ และบุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจร-
ภูมิ จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและวจีสังขารก็จักเกิด
ปัจจนีกบุคคล
[๔๔] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด
(ในลำดับแห่งจิตนั้น) ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ และบุคคล
เหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพานกำลังจุติ กายสังขาร
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่วจีสังขารมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วย
ปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่ง
จิตนั้น) กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและวจีสังขารก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด
(ในลำดับแห่งจิตนั้น) ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคล
เหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพานกำลังจุติ กายสังขาร
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จิตตสังขารมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียง
ด้วยปัจฉิมจิต กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๖๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๔๕] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่ง
จิตนั้น) วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จิตตสังขารมิใช่จักไม่เกิด บุคคล
ผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและจิตตสังขาร
ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัจจนีกโอกาส
[๔๖] อนุ. กายสังขารในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๔๗] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด วจีสังขารของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ใน
ลำดับแห่งจิตนั้น) บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ กายสังขารของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่วจีสังขารมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อม
เพรียงด้วยปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด
(ในลำดับแห่งจิตนั้น) บุคคลผู้เข้าจตุตถฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและวจีสังขารก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๖๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด กายสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เข้าทุติยฌานและตติยฌาน วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิด แต่กายสังขารมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต
ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น)
บุคคลผู้เข้าจตุตถฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ วจีสังขารของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและกายสังขารก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด
(ในลำดับแห่งจิตนั้น) บุคคลผู้เข้าจตุตถฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ
อรูปาวจรภูมิ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จิตตสังขารมิใช่
จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด กายสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๔๘] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด จิตตสังขารของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับ
แห่งจิตนั้น) บุคคลผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน วจีสังขารของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จิตตสังขารมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียง
ด้วยปัจฉิมจิตและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๖๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอดีต
อนุโลมบุคคล
[๔๙] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดกำลังเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดเคยเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
ลมอัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งลมอัสสาสปัสสาสะ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและกายสังขารก็
กำลังเกิด
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดกำลังเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดเคยเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
ลมอัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งลมอัสสาสปัสสาสะ จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและกายสังขารก็กำลังเกิด
[๕๐] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดกำลังเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๖๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดเคยเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้น
จากวิตกและวิจาร บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งวิตกและวิจาร จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและวจีสังขารก็กำลังเกิด
อนุโลมโอกาส
[๕๑] อนุ. กายสังขารในภูมิใดกำลังเกิด ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๕๒] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าทุติยฌานและ
ตติยฌาน กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่วจีสังขารไม่เคยเกิด
ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าปฐมฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่
ในกามาวจรภูมิ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและวจีสังขารก็
เคยเกิด
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าปฐมฌานและบุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละซึ่งเว้น
จากลมอัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ วจีสังขาร
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าปฐมฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและกายสังขารก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๗๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้น
จากลมอัสสาสปัสสาสะ จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่กาย-
สังขารไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะ จิตตสังขารของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและกายสังขารก็กำลังเกิด
[๕๓] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด จิตตสังขารของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้น
จากวิตกและวิจาร จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่วจีสังขารไม่
ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและวิจาร จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยเกิดและวจีสังขารก็กำลังเกิด
ปัจจนีกบุคคล
[๕๔] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็
ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดไม่เคยเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๗๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดไม่เคยเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
[๕๕] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็
ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดไม่เคยเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปัจจนีกโอกาส
[๕๖] อนุ. กายสังขารในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๕๗] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด วจีสังขารของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าปฐมฌานและบุคคลผู้
อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละซึ่งเว้น
จากลมอัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ กายสังขาร
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่วจีสังขารมิใช่ไม่เคยเกิด ในภังคขณะ
แห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าทุติยฌานและตติยฌาน ในอุปปาทขณะแห่ง
จิตของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะ เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของ
บุคคลผู้เข้าจตุตถฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในอสัญญสัตตภูมิ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
วจีสังขารก็ไม่เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๗๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าทุติยฌานและ
ตติยฌาน วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่กายสังขารมิใช่ไม่
กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าทุติยฌานและตติยฌาน
ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะ
เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้เข้าจตุตถฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด
และกายสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตตสังขารของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้น
จากลมอัสสาสปัสสาสะ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
จิตตสังขารมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด และ
จิตตสังขารก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด กายสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๕๘] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตตสังขารของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
วิตกและวิจาร วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จิตตสังขาร
มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและจิตตสังขารก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๗๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ว่าด้วยธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๕๙] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดกำลังเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดจักเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
ลมอัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่ง
ลมอัสสาสปัสสาสะ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและกายสังขารก็กำลังเกิด
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดกำลังเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดจักเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
ลมอัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งลมอัสสาสปัสสาสะ จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและกายสังขารก็กำลังเกิด
[๖๐] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดกำลังเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีทั้งวิตกและวิจาร วจีสังขารของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิด ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและวิจาร
ของบุคคลนอกนี้ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและจิตตสังขารก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๗๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดจักเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
วิตกและวิจาร บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จิตต-
สังขารของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่ง
วิตกและวิจาร จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและวจีสังขารก็กำลังเกิด
อนุโลมโอกาส
[๖๑] อนุ. กายสังขารในภูมิใดกำลังเกิด ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๖๒] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด วจีสังขารของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าทุติยฌานและ
ตติยฌาน กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่วจีสังขารไม่ใช่จัก
เกิด ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าปฐมฌานและบุคคลผู้
อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและ
วจีสังขารก็จักเกิด
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าปฐมฌานและบุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละซึ่งเว้น
จากลมอัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ วจีสังขาร
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าปฐมฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและกายสังขารก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๗๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
ลมอัสสาสปัสสาสะ จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่กายสังขาร
ไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะ จิตตสังขารของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและกายสังขารก็กำลังเกิด
[๖๓] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด จิตตสังขารของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีทั้งวิตกและวิจาร วจีสังขารของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิด ในอุปปาทขณะแห่งวิตก
และวิจารของบุคคลนอกนี้ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและ
จิตตสังขารก็จักเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้น
จากวิตกและวิจาร จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่วจีสังขารไม่
ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและวิจาร จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นจักเกิดและวจีสังขารก็กำลังเกิด
ปัจจนีกบุคคล
[๖๔] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
ลมอัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๗๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่วจีสังขารมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้
พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด
(ในลำดับแห่งจิตนั้น) กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและวจีสังขาร
ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
ลมอัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จิตตสังขารมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้
พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและจิตต-
สังขารก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๖๕] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
ลมอัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จิตตสังขารมิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะ
แห่งปัจฉิมจิตที่มีทั้งวิตกและวิจาร บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตก
และวิจาร วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๗๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีทั้งวิตกและวิจาร จิตตสังขารของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่วจีสังขารมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต
ที่มีทั้งวิตกและวิจาร บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร
จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและวจีสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปัจจนีกโอกาส
[๖๖] อนุ. กายสังขารในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๖๗] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด วจีสังขารของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าปฐมฌานและบุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละซึ่งเว้น
จากลมอัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ กายสังขาร
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่วจีสังขารมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อม
เพรียงด้วยปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด
(ในลำดับแห่งจิตนั้น) ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าทุติยฌาน
และตติยฌาน ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละซึ่งเว้นจากลม
อัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้เข้าจตุตถฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและวจีสังขารก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าทุติยฌานและ
ตติยฌาน วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่กายสังขารมิใช่ไม่
กำลังเกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารจัก
เกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะ
ของบุคคลผู้เข้าทุติยฌานและตติยฌาน ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลเหล่านั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๗๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
นั่นแหละซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้เข้าจตุตถฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่
ในอสัญญสัตตภูมิ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและกายสังขาร
ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตตสังขารของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
ลมอัสสาสปัสสาสะ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
จิตตสังขารมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและจิตตสังขาร
ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด กายสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๖๘] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จิตตสังขารของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้น
จากลมอัสสาสปัสสาสะ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
จิตตสังขารมิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีทั้งวิตกและวิจาร บุคคลผู้
พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีทั้งวิตกและวิจาร จิตตสังขารของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่วจีสังขารมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่ง
ปัจฉิมจิตที่มีทั้งวิตกและวิจาร บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและ
วิจารและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่จักเกิดและวจีสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๗๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
๖. อตีตานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีตและที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๖๙] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดเคยเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารจัก
เกิดในลำดับแห่งจิตใด ในลำดับแห่งจิตนั้น กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด
แต่วจีสังขารไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและ
วจีสังขารก็จักเกิด
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดจักเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดเคยเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด
แต่จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและ
จิตตสังขารก็จักเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดจักเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่
[๗๐] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดเคยเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด
แต่จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด
และจิตตสังขารก็จักเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดจักเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๘๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุโลมโอกาส
[๗๑] อนุ. กายสังขารในภูมิใดเคยเกิด ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๗๒] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้เข้าทุติยฌาน
และตติยฌาน กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่วจีสังขารไม่ใช่
จักเกิด บุคคลผู้เข้าปฐมฌานและบุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ กายสังขาร
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและวจีสังขารก็จักเกิด
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ วจีสังขารของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่กายสังขารไม่เคยเกิด บุคคลผู้เข้าปฐมฌานและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและ
กายสังขารก็เคยเกิด
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตในกามาวจรภูมิ กายสังขารของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้เข้าปฐมฌาน
ทุติยฌาน ตติยฌาน และบุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ กายสังขารของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและจิตตสังขารก็จักเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เข้าจตุตถฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่กายสังขารไม่เคยเกิด บุคคลผู้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๘๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
เข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ จิตต-
สังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและกายสังขารก็เคยเกิด
[๗๓] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตในภูมิที่มีทั้งวิตกและวิจาร วจีสังขาร
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่จิตตสังขารไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ในภูมิ
ที่มีทั้งวิตกและวิจาร วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและจิตตสังขารก็
จักเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในภูมิที่มีทั้งวิตกและวิจาร จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจัก
เกิด แต่วจีสังขารไม่เคยเกิด ในภูมิที่มีทั้งวิตกและวิจาร จิตตสังขารของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและวจีสังขารก็เคยเกิด
ปัจจนีกบุคคล
[๗๔] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดไม่เคยเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๘๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
[๗๕] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดไม่เคยเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปัจจนีกโอกาส
[๗๖] อนุ. กายสังขารในภูมิใดไม่เคยเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๗๗] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด วจีสังขารของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ กายสังขารของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่วจีสังขารมิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต
ที่มีทั้งวิตกและวิจารในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วย
ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารจักเกิดในลำดับ
แห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) บุคคลผู้เข้าจตุตถฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและวจีสังขาร
ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้เข้าทุติยฌาน
และตติยฌาน วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่กายสังขารมิใช่
ไม่เคยเกิด ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีทั้งวิตกและวิจารในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๘๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
และวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งด้วยจิตนั้น) บุคคลผู้เข้า
จตุตถฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและกายสังขารก็ไม่เคยเกิด
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เข้าจตุตถฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ
กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่จิตตสังขารมิใช่จักไม่เกิด
บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิและบุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในอสัญญสัตตภูมิ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและจิตต-
สังขารก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด กายสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตในกามาวจรภูมิ จิตตสังขารของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่กายสังขารมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้พร้อม
เพรียงด้วยปัจฉิมจิตในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญ-
สัตตภูมิ จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและกายสังขารก็ไม่
เคยเกิด
[๗๘] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด จิตตสังขารของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในภูมิที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
เคยเกิด แต่จิตตสังขารมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตในภูมิที่ไม่
มีทั้งวิตกและวิจารและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ วจีสังขารของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๘๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตในภูมิที่มีทั้งวิตกและวิจาร จิตต-
สังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่วจีสังขารมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคล
ผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตในภูมิที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและวจีสังขารก็
ไม่เคยเกิด
อุปปาทวาร จบ

๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบัน
อนุโลมบุคคล
[๗๙] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดกำลังดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะซึ่งเว้นจากวิตกและวิจาร กายสังขาร
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่ง
ลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าปฐมฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและวจีสังขารก็กำลังดับ
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดกำลังดับ กายสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจารซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะ วจีสังขาร
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งลมอัสสาส-
ปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าปฐมฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ วจีสังขาร
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและกายสังขารก็กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๘๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดกำลังดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดกำลังดับ กายสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะ จิตตสังขารของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังดับ แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะ
จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและกายสังขารก็กำลังดับ
[๘๐] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดกำลังดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็กำลัง
ดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดกำลังดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจากวิตกและวิจาร จิตตสังขารของบุคคล
เหล่านั้นกำลังดับ แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจาร จิตต-
สังขารของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและวจีสังขารก็กำลังดับ
อนุโลมโอกาส
[๘๑] อนุ. กายสังขารในภูมิใดกำลังดับ วจีสังขารในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในทุติยฌานและตติยฌาน ในฌานนั้นกายสังขารกำลังดับ แต่วจีสังขาร
ไม่ใช่กำลังดับ ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๘๒] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ วจีสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม ฯลฯ
(คำที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใด ก็ดี ของบุคคลใดในภูมิใด ก็ดี เหมือนกัน)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๘๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปัจจนีกบุคคล
[๘๓] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจารซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะ กายสังขาร
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่วจีสังขารมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่ง
จิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารซึ่งเว้นจากลม
อัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและวจีสังขารก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ กายสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะซึ่งเว้นจากวิตกและวิจาร วจีสังขาร
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่กายสังขารมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารซึ่งเว้นจากลม
อัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและกายสังขารก็ไม่ใช่กำลังดับ
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะ กายสังขารของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่จิตตสังขารมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่งจิต
ของบุคคลทั้งหมด บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและจิตตสังขารก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ กายสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๘๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
[๘๔] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจากวิตกและวิจาร วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังดับ แต่จิตตสังขารมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้ง
หมด บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ วจีสังขารของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและจิตตสังขารก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัจจนีกโอกาส
[๘๕] อนุ. กายสังขารในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๘๖] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ วจีสังขารของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจารซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะ กายสังขาร
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่วจีสังขารมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารซึ่งเว้นจาก
ลมอัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ กายสังขารของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและวจีสังขารก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ ฯลฯ
(คำที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใด ก็ดี ของบุคคลใดในภูมิใด ก็ดี พึงขยาย
ให้พิสดารเหมือนกัน ในคำที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใดในภูมิใด ไม่พึงเพิ่มคำว่า
บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๘๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
๒. อตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีต
อนุโลมบุคคล
[๘๗] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดเคยดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นก็เคยดับ
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดเคยดับ ฯลฯ
วิ. ใช่
(ท่านจำแนกอตีตปุจฉาในอุปปาทวาร เป็นคำที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใด
และของบุคคลใดในภูมิใด ทั้งอนุโลมและปัจจนีกะฉันใด แม้ในนิโรธวาร ก็พึงจำแนกฉันนั้น
ไม่มีข้อแตกต่างกัน)

๓. อนาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๘๘] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดจักดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดจักดับ กายสังขารของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับ
แห่งจิตนั้น) ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดจัก
อุบัติในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพานกำลังจุติ วจีสังขารของบุคคล
เหล่านั้นจักดับ แต่กายสังขารไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ วจีสังขารของบุคคลเหล่า
นั้นจักดับและกายสังขารก็จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๘๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดจักดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดจักดับ กายสังขารของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับ
แห่งจิตนั้น) ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดจัก
อุบัติในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพานกำลังจุติ จิตตสังขารของบุคคล
เหล่านั้นจักดับ แต่กายสังขารไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ จิตตสังขารของบุคคล
เหล่านั้นจักดับและกายสังขารก็จักดับ
[๘๙] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดจักดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดจักดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้ง
วิตกและวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) จิตตสังขารของ
บุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่วจีสังขารไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ จิตตสังขารของบุคคล
เหล่านั้นจักดับและวจีสังขารก็จักดับ
อนุโลมโอกาส
[๙๐] อนุ. กายสังขารในภูมิใดจักดับ ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๙๑] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ วจีสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เข้าทุติยฌานและตติยฌาน กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นใน
ฌานนั้นจักดับ แต่วจีสังขารไม่ใช่จักดับ บุคคลผู้เข้าปฐมฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
กามาวจรภูมิ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและวจีสังขารก็จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๙๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ กายสังขารของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับ
แห่งจิตนั้น) บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ วจีสังขารของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่กายสังขารไม่ใช่จักดับ บุคคลผู้เข้าปฐมฌานและบุคคล
นอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและ
กายสังขารก็จักดับ
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ กายสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่ง
จิตนั้น) บุคคลผู้เข้าจตุตถฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่กายสังขารไม่ใช่จักดับ บุคคลผู้
เข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน และบุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและกายสังขารก็จักดับ
[๙๒] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้ง
วิตกและวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) บุคคลผู้เข้าทุติยฌาน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๙๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
ตติยฌานและจตุตถฌาน จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่
วจีสังขารไม่ใช่จักดับ บุคคลผู้เข้าปฐมฌาน บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ และ
บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นจักดับและวจีสังขารก็จักดับ
ปัจจนีกบุคคล
[๙๓] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ วจีสังขารของบุคคลนั้น
ก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับ
แห่งจิตนั้น) ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใด
จักอุบัติในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพานกำลังจุติ กายสังขารของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่วจีสังขารมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีทั้ง
วิตกและวิจาร บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร ปัจฉิมจิต
ที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) กายสังขาร
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและวจีสังขารก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ กายสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
ดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่ง
จิตนั้น) ปัจฉิมภวิกบุคคลในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และบุคคลเหล่าใดจักอุบัติ
ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพานกำลังจุติ กายสังขารของบุคคลเหล่า
นั้นไม่ใช่จักดับ แต่จิตตสังขารมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต กายสังขาร
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๙๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ กายสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
[๙๔] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร ปัจฉิมจิตที่ไม่มี
ทั้งวิตกและวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) วจีสังขารของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่จิตตสังขารมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต
วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
ดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัจจนีกโอกาส
[๙๕] อนุ. กายสังขารในภูมิใดไม่ใช่จักดับ ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๙๖] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ วจีสังขารของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่ง
จิตนั้น) บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ กายสังขารของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่วจีสังขารมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต
ที่มีทั้งวิตกและวิจาร บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร
ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น)
บุคคลผู้เข้าจตุตถฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ กายสังขารของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและวจีสังขารก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ กายสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๙๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
วิ. บุคคลผู้เข้าทุติยฌานและตติยฌาน วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่กายสังขารมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีทั้งวิตก
และวิจาร บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร ปัจฉิมจิตที่ไม่
มีทั้งวิตกและวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) บุคคลผู้เข้าจตุตถ-
ฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่จักดับและกายสังขารก็ไม่ใช่จักดับ
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ปัจฉิมจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับ
แห่งจิตนั้น) บุคคลผู้เข้าจตุตถฌาน และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่จิตตสังขารมิใช่จักไม่ดับ ใน
ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ กายสังขารของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ กายสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
[๙๗] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ จิตตสังขารของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้ง
วิตกและวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) บุคคลผู้เข้าทุติยฌาน
ตติยฌาน และจตุตถฌาน วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่
จิตตสังขารมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ วจีสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๙๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอดีต
อนุโลมบุคคล
[๙๘] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดกำลังดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นก็เคยดับ
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดเคยดับ กายสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
ลมอัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่ง
ลมอัสสาสปัสสาสะ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยดับและกายสังขารก็กำลังดับ
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดกำลังดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็เคยดับ
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดเคยดับ กายสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
ลมอัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะ
แห่งลมอัสสาสปัสสาสะ จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยดับและกายสังขารก็
กำลังดับ
[๙๙] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดกำลังดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็เคย
ดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๙๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดเคยดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. ในอุปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
วิตกและวิจาร บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จิตต-
สังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งวิตก
และวิจาร จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยดับและวจีสังขารก็กำลังดับ
อนุโลมโอกาส
[๑๐๐] อนุ. กายสังขารในภูมิใดกำลังดับ ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๐๑] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ วจีสังขารของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เข้าทุติยฌานและตติยฌาน ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะ
กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่วจีสังขารไม่เคยดับ ในภังคขณะ
แห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าปฐมฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและวจีสังขารก็เคยดับ
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ กายสังขารของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าปฐมฌานและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะของ
บุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ วจีสังขาร
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่ง
ลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าปฐมฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและกายสังขารก็กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๙๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ กายสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
ลมอัสสาสปัสสาสะ จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่กายสังขาร
ไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะ จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นเคยดับและกายสังขารก็กำลังดับ
[๑๐๒] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ จิตตสังขารของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
วิตกและวิจาร จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับ
ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจาร จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและ
วจีสังขารก็กำลังดับ
ปัจจนีกบุคคล
[๑๐๓] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นก็
ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดไม่เคยดับ กายสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
ดับมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๙๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่
เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดไม่เคยดับ กายสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังดับมีไหม
วิ. ไม่มี
[๑๐๔] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็
ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดไม่เคยดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
ดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปัจจนีกโอกาส
[๑๐๕] อนุ. กายสังขารในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๐๖] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ วจีสังขารของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าปฐมฌานและบุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะของ
บุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ กายสังขาร
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่วจีสังขารมิใช่ไม่เคยดับ ในอุปปาท-
ขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าทุติยฌานและตติยฌาน ในภังคขณะแห่ง
จิตซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ บุคคลผู้เข้าจตุตถฌาน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๙๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่
ในอสัญญสัตตภูมิ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ และ
วจีสังขารก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ กายสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าทุติยฌานและตติย-
ฌาน วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับ แต่กายสังขารมิใช่ไม่กำลังดับ
ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าทุติยฌานและตติยฌาน ในภังค-
ขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ บุคคลผู้เข้า
จตุตถฌาน เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับและ
กายสังขารก็ไม่ใช่กำลังดับ
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ จิตตสังขารของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
ลมอัสสาสปัสสาสะ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่
จิตตสังขารมิใช่ไม่เคยดับ บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่
ในอสัญญสัตตภูมิ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและ
จิตตสังขารก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ กายสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๐๗] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ จิตตสังขารของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๙๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
วิตกและวิจาร วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่จิตตสังขาร
มิใช่ไม่เคยดับ บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและจิตตสังขารก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ วจีสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่

๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๑๐๘] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดกำลังดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นก็จัก
ดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดจักดับ กายสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
ลมอัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่ง
ลมอัสสาสปัสสาสะ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นจักดับและกายสังขารก็กำลังดับ
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดกำลังดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดจักดับ กายสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังดับ
ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕๐๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
ลมอัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่ง
ลมอัสสาสปัสสาสะ จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นจักดับและกายสังขารก็กำลังดับ
[๑๐๙] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดกำลังดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็จัก
ดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีทั้งวิตกและวิจาร วจีสังขารของบุคคล
เหล่านั้นกำลังดับ แต่จิตตสังขารไม่ใช่จักดับ ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจารของ
บุคคลนอกนี้ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและจิตตสังขารก็จักดับ
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดจักดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้น
จากวิตกและวิจาร บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่ง
วิตกและวิจาร จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นจักดับและวจีสังขารก็กำลังดับ
อนุโลมโอกาส
[๑๑๐] อนุ. กายสังขารในภูมิใดกำลังดับ ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๑๑] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ วจีสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าทุติยฌานและตติย-
ฌาน กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่วจีสังขารไม่ใช่จักดับ
ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าปฐมฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
กามาวจรภูมิ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและวจีสังขารก็จักดับ
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ กายสังขารของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕๐๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าปฐมฌานและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะ
ของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ วจี-
สังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะ
แห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าปฐมฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและกายสังขารก็กำลังดับ
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ กายสังขารของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
ลมอัสสาสปัสสาสะ จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่กายสังขาร
ไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะ จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นจักดับและกายสังขารก็กำลังดับ
[๑๑๒] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ จิตตสังขารของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีทั้งวิตกและวิจาร วจีสังขารของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่จิตตสังขารไม่ใช่จักดับ ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจารของ
บุคคลนอกนี้ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและจิตตสังขารก็จักดับ
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้น
จากวิตกและวิจาร จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่วจีสังขารไม่
ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจาร จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักดับและวจีสังขารก็กำลังดับ
ปัจจนีกบุคคล
[๑๑๓] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่จักดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕๐๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
ลมอัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่วจีสังขารมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะ
แห่งปัจฉิมจิตที่มีทั้งวิตกและวิจาร บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตก
และวิจาร ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่ง
จิตนั้น) กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและวจีสังขารก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ กายสังขารของบุคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
ดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
ลมอัสสาสปัสสาสะ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่จิตตสังขารมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะ
แห่งปัจฉิมจิต กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ ฯลฯ
วิ. ใช่
[๑๑๔] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้น
จากวิตกและวิจาร บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่จิตตสังขารมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะ
แห่งปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและ
จิตตสังขารก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕๐๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีทั้งวิตกและวิจาร จิตตสังขารของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่วจีสังขารมิใช่ไม่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้ง
วิตกและวิจาร จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและวจีสังขารก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปัจจนีกโอกาส
[๑๑๕] อนุ. กายสังขารในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๑๖] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ วจีสังขารของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าปฐมฌานและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะของ
บุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ กายสังขาร
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่วจีสังขารมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะ
แห่งปัจฉิมจิตที่มีทั้งวิตกและวิจาร บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตก
และวิจาร ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่ง
จิตนั้น) ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าทุติยฌานและตติย-
ฌาน ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ
บุคคลผู้เข้าจตุตถฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ กายสังขารของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและวจีสังขารก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ กายสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าทุติยฌานและตติย-
ฌาน วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่กายสังขารมิใช่จักไม่ดับ
ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีทั้งวิตกและวิจาร บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่
ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด ในลำดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕๐๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
แห่งจิตนั้น ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าทุติยฌานและ
ตติยฌาน ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ
บุคคลผู้เข้าจตุตถฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ วจีสังขารของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและกายสังขารก็ไม่ใช่กำลังดับ
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ จิตตสังขารของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจาก
ลมอัสสาสปัสสาสะ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่จิตต-
สังขารมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ กายสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๑๗] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ จิตตสังขารของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด และในภังคขณะแห่งจิตซึ่ง
เว้นจากวิตกและวิจาร วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่จิตต-
สังขารมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร บุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในอสัญญสัตตภูมิ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและ
จิตตสังขารก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีทั้งวิตกและวิจาร จิตตสังขารของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่วจีสังขารมิใช่ไม่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิม-
จิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จิตตสังขารของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและวจีสังขารก็ไม่ใช่กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕๐๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
๖. อตีตานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีตและที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๑๑๘] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดเคยดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีทั้งวิตกและวิจาร บุคคลผู้พร้อมเพรียง
ด้วยปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารจักเกิดใน
ลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่
วจีสังขารไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยดับและ
วจีสังขารก็จักดับ
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดจักดับ ฯลฯ
วิ. ใช่
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดเคยดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่
จิตตสังขารไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยดับและ
จิตตสังขารก็จักดับ
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดจักดับ ฯลฯ
วิ. ใช่
[๑๑๙] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดเคยดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่
จิตตสังขารไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นเคยดับและ
จิตตสังขารก็จักดับ
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดจักดับ ฯลฯ
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕๐๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุโลมโอกาส
[๑๒๐] อนุ. กายสังขารในภูมิใดเคยดับ ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๒๑] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ วจีสังขารของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้เข้าทุติยฌานและ
ตติยฌาน กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในฌานนั้นเคยดับ แต่วจีสังขารไม่ใช่จักดับ
บุคคลผู้เข้าปฐมฌาน บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ กายสังขารของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและวจีสังขารก็จักดับ
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ กายสังขารของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ วจีสังขารของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่กายสังขารไม่เคยดับ บุคคลผู้เข้าปฐมฌานและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ และ
กายสังขารก็เคยดับ
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตในกามาวจรภูมิ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นเคยดับ แต่จิตตสังขารไม่ใช่จักดับ บุคคลผู้เข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน
ตติยฌาน และบุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นเคยดับและจิตตสังขารก็จักดับ
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ กายสังขารของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เข้าจตุตถฌาน และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่กายสังขารไม่เคยดับ บุคคลผู้เข้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕๐๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ จิตตสังขาร
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและกายสังขารก็เคยดับ
[๑๒๒] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ จิตตสังขารของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตในภูมิที่มีทั้งวิตกและวิจาร วจีสังขารของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่จิตตสังขารไม่ใช่จักดับ ในภูมิที่มีทั้งวิตกและ
วิจารของบุคคลนอกนี้ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและจิตตสังขาร
ก็จักดับ
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ในภูมิที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักดับ แต่วจีสังขารไม่เคยดับ ในภูมิที่มีทั้งวิตกและวิจาร จิตตสังขารของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและวจีสังขารก็เคยดับ
ปัจจนีกบุคคล
[๑๒๓] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดไม่เคยดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ กายสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับ
ใช่ไหม
วิ. เคยดับ
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
ดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ กายสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่เคย
ดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕๐๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
[๑๒๔] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดไม่เคยดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับ
ใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปัจจนีกโอกาส
[๑๒๕] อนุ. กายสังขารในภูมิใดไม่เคยดับ ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๒๖] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ วจีสังขารของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ กายสังขารของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับ แต่วจีสังขารมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มี
ทั้งวิตกและวิจารในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิม-
จิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด
(ในลำดับแห่งจิตนั้น) บุคคลผู้เข้าจตุตถฌานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับและวจีสังขารก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ กายสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตในกามาวจรภูมิ บุคคลผู้เข้าทุติยฌานและ
ตติยฌาน วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่กายสังขารมิใช่ไม่
เคยดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตที่มีทั้งวิตกและวิจารในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ
บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร ปัจฉิมจิตที่ไม่มีทั้งวิตก
และวิจารจักเกิดในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) บุคคลผู้เข้าจตุตถฌาน
และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จัก
ดับและกายสังขารก็ไม่เคยดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕๐๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ จิตตสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เข้าจตุตถฌาน และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ
กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับ แต่จิตตสังขารมิใช่จักไม่ดับ ในภังค-
ขณะแห่งปัจฉิมจิตในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับและจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ กายสังขารของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตในกามาวจรภูมิ จิตตสังขารของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่กายสังขารมิใช่ไม่เคยดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตใน
รูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จิตตสังขารของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและกายสังขารก็ไม่เคยดับ
[๑๒๗] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ จิตตสังขารของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภูมิที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
เคยดับ แต่จิตตสังขารมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตในภูมิที่ไม่มีทั้งวิตก
และวิจาร บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่เคยดับและจิตตสังขารก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิตในภูมิที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร จิตตสังขารของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่วจีสังขารมิใช่ไม่เคยดับ ในภังคขณะแห่ง
ปัจฉิมจิตในภูมิที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จิตต-
สังขารของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและวจีสังขารก็ไม่เคยดับ
นิโรธวาร จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕๑๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบัน
อนุโลมบุคคล
[๑๒๘] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดกำลังเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็
กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดกำลังดับ กายสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดกำลังเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดกำลังดับ กายสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
[๑๒๙] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดกำลังเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็
กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดกำลังดับ วจีสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕๑๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุโลมโอกาส
[๑๓๐] อนุ. กายสังขารในภูมิใดกำลังเกิด วจีสังขารในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในทุติยฌานและตติยฌาน ในฌานกายสังขารกำลังเกิด แต่วจีสังขาร
ไม่ใช่กำลังดับ ฯลฯ
(คำนอกจากที่กล่าวเหมือนกับคำที่ท่านกำหนดว่า ในภูมิใด)
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๓๑] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ฯลฯ
(คำที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใด ก็ดี ของบุคคลใดในภูมิใด ก็ดี เหมือนกัน)
ปัจจนีกบุคคล
[๑๓๒] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้น
ก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจาร กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลัง
เกิด แต่วจีสังขารมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะ
ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจากวิตกและวิจาร บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้
อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและวจีสังขาร
ก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ กายสังขารของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่
ใช่กำลังดับ แต่กายสังขารมิใช่ไม่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจากลม
อัสสาสปัสสาสะ ในภังคขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจากวิตกและวิจาร บุคคลผู้เข้านิโรธ-
สมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังดับและกายสังขารก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕๑๒ }


>>>>> หน้าต่อไป >>>>>





eXTReMe Tracker