ค้นว่าอยู่เล่มใด แล้วกด [ctrl]+f หรือใช้คำสั่งของเครื่องหาตำแหน่งในเล่มอีกทีนะครับ



จัดรูปหน้าใหม่
เพื่อความสะดวก และสวยงาม
(เฉพาะหน้าจอใหญ่ เช่น คอมพิวเตอร์)
กรุณาคลิก จัดรูปหน้าใหม่
เพื่อให้กรอบ
ค้นข้อความ ปรากฎที่ด้านซ้ายของหน้า

พระไตรปิฎกภาษาไทย
ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ๔๕ เล่ม (ปกสีฟ้า)
ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
ที่มาของข้อมูล : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับ มจร.
MCUTRAI Version 1.0

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๘-๑ อภิธรรมปิฎกที่ ๐๕ ยมก ภาค ๑

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๑. มูลวารอุทเทส ๑. กุสลบท นยจตุกกะ

พระอภิธรรมปิฎก
ยมก ภาค ๑
_____________
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

๑. มูลยมก
๑. มูลวารอุทเทส
๑. กุสลบท นยจตุกกะ*

[๑] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็น
กุศลมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดเป็นกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็นกุศลใช่ไหม (๕๐)
[๒] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูล
อย่างเดียวกันกับกุศลมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นกุศลใช่ไหม (๕๑)
[๓] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดมีมูลอาศัยกันและกันกับกุศลมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันกับกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้ง
หมดเป็นกุศลใช่ไหม (๑) (๕๒)

เชิงอรรถ :
* นยะมี ๔ คือ มูลนยะ มูลมูลนยะ มูลกนยะ มูลมูลกนยะ (อภิ.ปญฺจ.อ. ๑/๓๒๘) ตัวเลข [๑] หมายถึงนยะ
ที่ ๑ ตัวเลข (๕๐) หมายถึงเลขหัวข้อในนิทเทสหน้า ๑๐ เป็นต้นไป

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๑. มูลวารอุทเทส ๑. กุสลบท นยจตุกกะ
[๔] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูล
ที่เป็นกุศลมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็นกุศล
ใช่ไหม (๕๓)
[๕] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูล
ที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูล สภาวธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมดเป็นกุศลใช่ไหม (๕๔)
[๖] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูล
สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับกุศลมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับกุศลมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นกุศลใช่ไหม (๒) (๕๕)
[๗] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูล
ที่เป็นกุศลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็นกุศล
ใช่ไหม (๕๖)
[๘] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูล
อย่างเดียวกันกับกุศลมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นกุศลใช่ไหม (๕๗)
[๙] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดมีมูลอาศัยกันและกันกับกุศลมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันกับกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้ง
หมดเป็นกุศลใช่ไหม (๓) (๕๘)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๑. มูลวารอุทเทส ๒. อกุสลบท นยจตุกกะ
[๑๐] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีมูลที่เป็นกุศลมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็นกุศล
ใช่ไหม (๕๙)
[๑๑] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมี
มูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูล สภาวธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมดเป็นกุศลใช่ไหม (๖๐)
[๑๒] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูล
สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับกุศลมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับกุศลมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นกุศลใช่ไหม (๔) (๖๑)

๒. อกุสลบท นยจตุกกะ
[๑๓] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอกุศลมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดเป็นอกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็นอกุศลใช่ไหม
(๖๒)
[๑๔] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดเป็นอกุศลใช่ไหม (๖๓)
[๑๕] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดมีมูลอาศัยกันและกันกับอกุศลมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันกับอกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้ง
หมดเป็นอกุศลใช่ไหม (๑) (๖๔)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๑. มูลวารอุทเทส ๒. อกุสลบท นยจตุกกะ
[๑๖] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมี
มูลที่เป็นอกุศลมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นอกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็น
อกุศลใช่ไหม (๖๕)
[๑๗] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล สภาวธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมดเป็นอกุศลใช่ไหม (๖๖)
[๑๘] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล
สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับอกุศลมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับอกุศลมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นอกุศลใช่ไหม (๒) (๖๗)
[๑๙] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีมูลที่เป็นอกุศลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นอกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็นอกุศล
ใช่ไหม (๖๘)
[๒๐] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้ง
หมดเป็นอกุศลใช่ไหม (๖๙)
[๒๑] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล สภาว-
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลอาศัยกันและกันกับอกุศลมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันกับอกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้ง
หมดเป็นอกุศลใช่ไหม (๓) (๗๐)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๑. มูลวารอุทเทส ๓. อัพยากตบท นยจตุกกะะ
[๒๒] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีมูลที่เป็นอกุศลมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นอกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็น
อกุศลใช่ไหม (๗๑)
[๒๓] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล สภาวธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมดเป็นอกุศลใช่ไหม (๗๒)
[๒๔] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล
สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับอกุศลมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับอกุศลมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นอกุศลใช่ไหม (๔) (๗๓)

๓. อัพยากตบท นยจตุกกะ
[๒๕] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอัพยากฤต สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดเป็นอัพยากตมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดเป็นอัพยากตมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็นอัพยากฤต
ใช่ไหม (๗๔)
[๒๖] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอัพยากฤต สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดมีมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดเป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๗๕)
[๒๗] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล สภาว-
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลอาศัยกันและกันกับอัพยากตมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันกับอัพยากตมูล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดเป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๑) (๗๖)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๑. มูลวารอุทเทส ๓. อัพยากตบท นยจตุกกะะ
[๒๘] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอัพยากฤต สภาวธรรมเหล่านั้นทั้ง
หมดมีมูลที่เป็นอัพยากตมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นอัพยากตมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็น
อัพยากฤตใช่ไหม (๗๗)
[๒๙] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอัพยากฤต สภาวธรรมเหล่านั้นทั้ง
หมดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๗๘)
[๓๐] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล
สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับอัพยากตมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับอัพยากตมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๒) (๗๙)
[๓๑] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอัพยากฤต สภาวธรรมเหล่านั้นทั้ง
หมดมีมูลที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นอัพยากฤต สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็น
อัพยากฤตใช่ไหม (๘๐)
[๓๒] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอัพยากฤต สภาวธรรมเหล่านั้นทั้ง
หมดมีมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดเป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๘๑)
[๓๓] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล สภาว-
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลอาศัยกันและกันกับอัพยากตมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันกับอัพยากตมูล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดเป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๓) (๘๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๑. มูลวารอุทเทส ๔. นามบท นยจตุกกะ
[๓๔] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอัพยากฤต สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดมีมูลที่เป็นอัพยากตมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นอัพยากตมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็น
อัพยากฤตใช่ไหม (๘๓)
[๓๕] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอัพยากฤต สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๘๔)
[๓๖] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล
สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับอัพยากตมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับอัพยากตมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นอัพยากฤตใช่ไหม (๔) (๘๕)

๔. นามบท นยจตุกกะ
[๓๗] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นนาม สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นนามมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดเป็นนามมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็นนามใช่ไหม (๘๖)
[๓๘] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นนาม สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมี
มูลอย่างเดียวกันกับนามมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดเป็นนามใช่ไหม (๘๗)
[๓๙] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดมีมูลอาศัยกันและกันกับนามมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันกับนามมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นนามใช่ไหม (๑) (๘๘)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๑. มูลวารอุทเทส ๔. นามบท นยจตุกกะ
[๔๐] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นนาม สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมี
มูลที่เป็นนามมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นนามมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็นนาม
ใช่ไหม (๘๙)
[๔๑] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นนาม สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมี
มูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับนามมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล สภาวธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมดเป็นนามใช่ไหม (๙๐)
[๔๒] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล
สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับนามมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับนามมูล สภาวธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมดเป็นนามใช่ไหม (๒) (๙๑)
[๔๓] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นนาม สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมี
มูลที่เป็นนามใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นนาม สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็นนามใช่ไหม
(๙๒)
[๔๔] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นนาม สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมี
มูลอย่างเดียวกันกับนามมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นนามใช่ไหม (๙๓)
[๔๕] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดมีมูลอาศัยกันและกันกับนามมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันกับนามมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้ง
หมดเป็นนามใช่ไหม (๓) (๙๔)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๒-๑๐. เหตุวาราทิอุทเทส
[๔๖] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นนาม สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมี
มูลที่เป็นนามมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นนามมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็นนาม
ใช่ไหม (๙๕)
[๔๗] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นนาม สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับนามมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล สภาวธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมดเป็นนามใช่ไหม (๙๖)
[๔๘] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล
สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับนามมูลใช่ไหม
สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับนามมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นนามใช่ไหม (๔) (๙๗)
มูลวารอุทเทส จบ

๒-๑๐. เหตุวาราทิอุทเทส
[๔๙] สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นกุศลเหตุใช่ไหม ฯลฯ เป็นกุศลนิทาน๑ ฯลฯ เป็นกุศลสมภพ ฯลฯ เป็น
กุศลประภพ ฯลฯ เป็นกุศลสมุฏฐาน ฯลฯ เป็นกุศลอาหาร ฯลฯ เป็นกุศล-
อารมณ์ ฯลฯ เป็นกุศลปัจจัย ฯลฯ เป็นกุศลสมุทัย ฯลฯ (๙๘-๙๙)
มูล เหตุ นิทาน สมภพ ประภพ สมุฏฐาน อาหาร
อารมณ์ ปัจจัย และสมุทัย มีด้วยประการฉะนี้
อุทเทสวาร จบ

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.ปญฺจ.อ. ๑/๓๒๙-๓๓๐

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๑. มูลวารนิทเทส ๑. กุสลบท นยจตุกกะ
๑. มูลวารนิทเทส
๑. กุสลบท นยจตุกกะ
[๕๐] อนุโลมปุจฉา สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นกุศล๑ สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นกุศลมูลใช่ไหม
วิสัชนา กุศลมูลมี ๓ เท่านั้น๒ สภาวธรรมที่เหลือเป็นกุศล แต่ไม่เป็นกุศลมูล๓
ปฏิโลมปุจฉา สภาวธรรมเหล่าใดเป็นกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นกุศลใช่ไหม
วิสัชนา ใช่ (๑)
[๕๑] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นกุศล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดมีมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดเป็นกุศลใช่ไหม
วิ. รูปที่มีกุศลเป็นสมุฏฐาน๔ มีมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูล แต่ไม่เป็นกุศล
กุศลมีมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูลก็ใช่ เป็นกุศลก็ใช่ (๒)
[๕๒] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูล สภาว-
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลอาศัยกันและกันกับกุศลมูลใช่ไหม
วิ. มูลเหล่าใดเป็นกุศลมูลเกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นเป็นมูลอย่างเดียวกันก็ใช่
เป็นมูลอาศัยกันและกันก็ใช่ สภาวธรรมที่เกิดร่วมกันกับกุศลมูลที่เหลือมีมูลอย่าง
เดียวกันกับกุศลมูล แต่ไม่เป็นมูลอาศัยกันและกัน

เชิงอรรถ :
๑ คือสภาวะที่เป็นกุศลซึ่งไม่มีโทษ มีสุขเป็นผล (อภิ.ปญฺจ.อ. ๕๐/๓๓๐)
๒ กุศลมูลมี ๓ คือ อโลภะ อโทสะ และอโมหะ แม้อัพยากตมูลก็เช่นกัน
๓ อีกประการหนึ่ง แปลว่า สภาวธรรมที่เป็นกุศลมีผัสสะเป็นต้นที่เหลือ ชื่อว่าเป็นสภาวธรรม ไม่จัดเป็น
กุศลมูล (อภิ.ปญฺจ.อ. ๕๐/๓๓๐)
๔ คือมีกุศลจิตเป็นสมุฏฐาน (อภิ.ปญฺจ.อ. ๕๐/๓๓๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๑. มูลวารนิทเทส ๑. กุสลบท นยจตุกกะ
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันกับกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดเป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่ (๑) (๓)
[๕๓] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีมูลที่เป็นกุศลมูลใช่ไหม
วิ. มูลที่เป็นกุศลมูลมี ๓ เท่านั้น สภาวธรรมที่เป็นกุศลที่เหลือไม่เป็นมูล
ที่เป็นกุศลมูล
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็น
กุศลใช่ไหม
วิ. ใช่ (๔)
[๕๔] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นกุศล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นกุศลใช่ไหม
วิ. รูปที่มีกุศลเป็นสมุฏฐานมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูล แต่ไม่เป็น
กุศล กุศลมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูลก็ใช่ เป็นกุศลก็ใช่ (๕)
[๕๕] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูล
สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกัน๑กับกุศลมูลใช่ไหม
วิ. มูลเหล่าใดเป็นกุศลมูลเกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียว
กันก็ใช่ มีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันก็ใช่ สภาวธรรมที่เกิดร่วมกันกับกุศลมูลที่
เหลือ มีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูล แต่ไม่มีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกัน

เชิงอรรถ :
๑ คำว่า เป็นมูลอาศัยกันและกัน หมายถึงเป็นปัจจัยของกันและกันโดยเหตุปัจจัย (อภิ.ปญฺจ.อ. ๕๒-๕๖/
๓๓๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๑. มูลวารนิทเทส ๑. กุสลบท นยจตุกกะ
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับกุศลมูล สภาว-
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่ (๒) (๖)
[๕๖] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นกุศล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดมีมูลที่เป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็น
กุศลใช่ไหม
วิ. รูปที่มีกุศลเป็นสมุฏฐานมีมูลที่เป็นกุศล แต่ไม่เป็นกุศล กุศลมีมูลที่
เป็นกุศลก็ใช่ เป็นกุศลก็ใช่ (๗)
[๕๗] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้ง
หมดมีมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดเป็นกุศลใช่ไหม
วิ. รูปที่มีกุศลเป็นสมุฏฐานมีมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูล แต่ไม่เป็นกุศล
กุศลมีมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูลก็ใช่ เป็นกุศลก็ใช่ (๘)
[๕๘] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูล สภาว-
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลอาศัยกันและกันกับกุศลมูลใช่ไหม
วิ. มูลเหล่าใดเป็นกุศลมูลเกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นมีมูลอย่างเดียวกันก็ใช่
มีมูลอาศัยกันและกันก็ใช่ สภาวธรรมที่เกิดร่วมกันกับกุศลมูลที่เหลือมีมูลอย่าง
เดียวกันกับกุศลมูล แต่ไม่มีมูลอาศัยกันและกัน
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันกับกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดเป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่ (๓) (๙)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๑. มูลวารนิทเทส ๑. กุสลบท นยจตุกกะ
[๕๙] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้ง
หมดมีมูลที่เป็นกุศลมูลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็น
กุศลใช่ไหม
วิ. รูปที่มีกุศลเป็นสมุฏฐานมีมูลที่เป็นกุศลมูล แต่ไม่เป็นกุศล กุศลมีมูลที่
เป็นกุศลมูลก็ใช่ เป็นกุศลก็ใช่ (๑๐)
[๖๐] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้ง
หมดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูลใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นกุศลใช่ไหม
วิ. รูปที่มีกุศลเป็นสมุฏฐานมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูล แต่ไม่เป็น
กุศล กุศลมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูลก็ใช่ เป็นกุศลก็ใช่ (๑๑)
[๖๑] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูล
สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับกุศลมูลใช่ไหม
วิ. มูลเหล่าใดเป็นกุศลมูลเกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นมีมูลที่เป็นมูลอย่าง
เดียวกันก็ใช่ มีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันก็ใช่ สภาวธรรมที่เกิดร่วมกันกับกุศล
มูลที่เหลือมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับกุศลมูล แต่ไม่ใช่มีมูลที่เป็นมูลอาศัยกัน
และกัน
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับกุศลมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่ (๔) (๑๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๑. มูลวารนิทเทส ๒. อกุสลบท นยจตุกกะ
๒. อกุสลบท นยจตุกกะ
[๖๒] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้ง
หมดเป็นอกุศลมูลใช่ไหม
วิ. อกุศลมูลมี ๓ เท่านั้น สภาวธรรมที่เหลือเป็นอกุศล แต่ไม่เป็นอกุศลมูล
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดเป็นอกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็น
อกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่ (๑๓)
[๖๓] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอกุศล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดมีมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูลใช่ไหม
วิ. อกุศลที่เป็นอเหตุกะ๑ ไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล อกุศลที่เป็น
สเหตุกะมีมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดเป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. รูปที่มีอกุศลเป็นสมุฏฐานมีมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล แต่ไม่เป็นอกุศล
อกุศลมีมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูลก็ใช่ เป็นอกุศลก็ใช่ (๑๔)
[๖๔] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล
สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลอาศัยกันและกันกับอกุศลมูลใช่ไหม
วิ. มูลเหล่าใดเป็นอกุศลมูลเกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นมีมูลอย่างเดียวกันก็ใช่
มีมูลอาศัยกันและกันก็ใช่ สภาวธรรมที่เกิดร่วมกันกับอกุศลมูลที่เหลือมีมูลอย่างเดียว
กันกับอกุศลมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกัน
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันกับอกุศลมูล สภาวธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมดเป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่ (๑) (๑๕)

เชิงอรรถ :
๑ อกุศลที่เป็นอเหตุกะ คือโมหะที่สัมปยุตกับวิจิกิจฉาและอุทธัจจะ (อภิ.ปญฺจ.อ. ๖๒-๗๓/๓๓๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๑. มูลวารนิทเทส ๒. อกุสลบท นยจตุกกะ
[๖๕] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอกุศล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดมีมูลที่เป็นอกุศลมูลใช่ไหม
วิ. มูลที่เป็นอกุศลมูลมี ๓ เท่านั้น สภาวธรรมที่เหลือเป็นอกุศล แต่ไม่
ใช่มีมูลที่เป็นอกุศลมูล
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นอกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่ (๑๖)
[๖๖] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอกุศล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูลใช่ไหม
วิ. อกุศลที่เป็นอเหตุกะไม่ใช่มีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล อกุศล
ที่เป็นสเหตุกะมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. รูปที่มีอกุศลเป็นสมุฏฐานมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล แต่ไม่
เป็นอกุศล อกุศลมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูลก็ใช่ เป็นอกุศลก็ใช่ (๑๗)
[๖๗] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับ
อกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับอกุศลมูล
ใช่ไหม
วิ. มูลเหล่าใดเป็นอกุศลมูลเกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นมีมูลที่เป็นมูลอย่าง
เดียวกันก็ใช่ มีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันก็ใช่ สภาวธรรมที่เกิดร่วมกันกับอกุศล
มูลที่เหลือมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล แต่ไม่ใช่มีมูลที่เป็นมูลอาศัยกัน
และกัน
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับอกุศลมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่ (๒) (๑๘)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๑. มูลวารนิทเทส ๒. อกุสลบท นยจตุกกะ
[๖๘] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอกุศล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดมีมูลที่เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. อกุศลที่เป็นอเหตุกะไม่ใช่มีมูลที่เป็นอกุศล อกุศลที่เป็นสเหตุกะมีมูลที่
เป็นอกุศล
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นอกุศล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็น
อกุศลใช่ไหม
วิ. รูปที่มีอกุศลเป็นสมุฏฐานมีมูลที่เป็นอกุศล แต่ไม่เป็นอกุศล อกุศลมี
มูลที่เป็นอกุศลก็ใช่ เป็นอกุศลก็ใช่ (๑๙)
[๖๙] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอกุศล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดมีมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูลใช่ไหม
วิ. อกุศลที่เป็นอเหตุกะไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล อกุศลที่เป็น
สเหตุกะมีมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดเป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. รูปที่มีอกุศลเป็นสมุฏฐานมีมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล แต่ไม่เป็นอกุศล
อกุศลมีมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูลก็ใช่ เป็นอกุศลก็ใช่ (๒๐)
[๗๐] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล
สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลอาศัยกันและกันกับอกุศลมูลใช่ไหม
วิ. มูลเหล่าใดเป็นอกุศลมูลเกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นมีมูลอย่างเดียวกันก็ใช่
มีมูลอาศัยกันและกันก็ใช่ สภาวธรรมที่เกิดร่วมกันกับอกุศลมูลที่เหลือมีมูลอย่าง
เดียวกันกับอกุศลมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกัน
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันกับอกุศลมูล สภาวธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมดเป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่ (๓) (๒๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๑. มูลวารนิทเทส ๒. อกุสลบท นยจตุกกะ
[๗๑] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอกุศล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดมีมูลที่เป็นอกุศลมูลใช่ไหม
วิ. อกุศลที่เป็นอเหตุกะไม่ใช่มีมูลที่เป็นอกุศลมูล อกุศลที่เป็นสเหตุกะมี
มูลที่เป็นอกุศลมูล
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นอกุศลมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. รูปที่มีอกุศลเป็นสมุฏฐานมีมูลที่เป็นอกุศลมูล แต่ไม่เป็นอกุศล อกุศล
มีมูลที่เป็นอกุศลมูลก็ใช่ เป็นอกุศลก็ใช่ (๒๒)
[๗๒] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอกุศล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูลใช่ไหม
วิ. อกุศลที่เป็นอเหตุกะไม่ใช่มีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล อกุศล
ที่เป็นสเหตุกะมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. รูปที่มีอกุศลเป็นสมุฏฐานมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล แต่
ไม่เป็นอกุศล อกุศลมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูลก็ใช่ เป็นอกุศลก็ใช่
[๗๓] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอกุศล-
มูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับอกุศลมูลใช่ไหม
วิ. มูลเหล่าใดเป็นอกุศลมูลเกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นมีมูลที่เป็นมูลอย่าง
เดียวกันก็ใช่ มีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันก็ใช่ สภาวธรรมที่เกิดร่วมกันกับ
อกุศลมูลที่เหลือมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอกุศลมูล แต่ไม่ใช่มีมูลที่เป็นมูล
อาศัยกันและกัน
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับอกุศลมูล สภาว-
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็นอกุศลใช่ไหม
วิ. ใช่ (๔) (๒๔)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๑. มูลวารนิทเทส ๓. อัพยากตบท นยจตุกกะ
๓. อัพยากตบท นยจตุกกะ
[๗๔] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอัพยากฤต๑ สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นอัพยากตมูลใช่ไหม
วิ. อัพยากตมูลมี ๓ เท่านั้น สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตที่เหลือไม่เป็น
อัพยากตมูล
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดเป็นอัพยากตมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็น
อัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่ (๒๕)
[๗๕] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอัพยากฤต สภาวธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมดมีมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูลใช่ไหม
วิ. อัพยากฤตที่เป็นอเหตุกะ๒ ไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล
อัพยากฤตที่เป็นสเหตุกะมีมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล สภาวธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมดเป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่ (๒๖)
[๗๖] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล
สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลอาศัยกันและกันกับอัพยากตมูลใช่ไหม
วิ. มูลเหล่าใดเป็นอัพยากตมูลเกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นมีมูลอย่างเดียวกัน
ก็ใช่ มีมูลอาศัยกันและกันก็ใช่ สภาวธรรมที่เกิดร่วมกันกับอัพยากตมูลที่เหลือมี
มูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกัน
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันกับอัพยากตมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่ (๑) (๒๗)

เชิงอรรถ :
๑ สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤต ได้แก่ วิปากจิต กิริยาจิตพร้อมทั้งเจตสิกที่ประกอบ รูป และนิพพาน
๒ อัพยากฤตที่เป็นอเหตุกะ ได้แก่ จิตตุปบาท ๑๘ รูป และนิพพาน (อภิ.ปญฺจ.อ. ๗๔-๘๕/๓๓๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๑. มูลวารนิทเทส ๓. อัพยากตบท นยจตุกกะ
[๗๗] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอัพยากฤต สภาวธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมดมีมูลที่เป็นอัพยากตมูลใช่ไหม
วิ. มูลที่เป็นอัพยากตมูลมี ๓ เท่านั้น สภาวธรรมที่เป็นอัพยากฤตที่เหลือ
ไม่ใช่มีมูลที่เป็นอัพยากตมูล
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นอัพยากตมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่ (๒๘)
[๗๘] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอัพยากฤต สภาวธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูลใช่ไหม
วิ. อัพยากฤตที่เป็นอเหตุกะไม่ใช่มีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล
อัพยากฤตที่เป็นสเหตุกะมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่ (๒๙)
[๗๙] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอัพยา-
กตมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับอัพยากตมูล
ใช่ไหม
วิ. มูลเหล่าใดเป็นอัพยากตมูลเกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นมีมูลที่เป็นมูลอย่าง
เดียวกันก็ใช่ มีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันก็ใช่ สภาวธรรมที่เกิดร่วมกันกับ
อัพยากตมูลที่เหลือมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล แต่ไม่ใช่มีมูลที่เป็น
มูลอาศัยกันและกัน
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับอัพยากตมูล
สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่ (๒) (๓๐)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๑. มูลวารนิทเทส ๓. อัพยากตบท นยจตุกกะ
[๘๐] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอัพยากฤต สภาวธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมดมีมูลที่เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. อัพยากฤตที่เป็นอเหตุกะไม่ใช่มีมูลที่เป็นอัพยากฤต อัพยากฤตที่เป็น
สเหตุกะมีมูลที่เป็นอัพยากฤต
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นอัพยากฤต สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่ (๓๑)
[๘๑] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอัพยากฤต สภาวธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมดมีมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูลใช่ไหม
วิ. อัพยากฤตที่เป็นอเหตุกะไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล
อัพยากฤตที่เป็นสเหตุกะมีมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล สภาวธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมดเป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่ (๓๒)
[๘๒] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล
สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลอาศัยกันและกันกับอัพยากตมูลใช่ไหม
วิ. มูลเหล่าใดเป็นอัพยากตมูลเกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นมีมูลอย่างเดียวกัน
ก็ใช่ มีมูลอาศัยกันและกันก็ใช่ สภาวธรรมที่เกิดร่วมกันกับอัพยากตมูลที่เหลือมี
มูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกัน
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันกับอัพยากตมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่ (๓) (๓๓)
[๘๓] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอัพยากฤต สภาวธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมดมีมูลที่เป็นอัพยากตมูลใช่ไหม
วิ. อัพยากฤตที่เป็นอเหตุกะไม่ใช่มีมูลที่เป็นอัพยากตมูล อัพยากฤตที่เป็น
สเหตุกะมีมูลที่เป็นอัพยากตมูล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๒๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๑. มูลวารนิทเทส ๔. นามบท นยจตุกกะ
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นอัพยากตมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่ (๓๔)
[๘๔] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอัพยากฤต สภาวธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูลใช่ไหม
วิ. อัพยากฤตที่เป็นอเหตุกะไม่ใช่มีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล
อัพยากฤตที่เป็นสเหตุกะมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล สภาว-
ธรรม เหล่านั้นทั้งหมดเป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่ (๓๕)
[๘๕] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับ
อัพยากตมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับ
อัพยากตมูลใช่ไหม
วิ. มูลเหล่าใดเป็นอัพยากตมูลเกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นมีมูลที่เป็นมูลอย่าง
เดียวกันก็ใช่ มีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันก็ใช่ สภาวธรรมที่เกิดร่วมกันกับ
อัพยากตมูลที่เหลือมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับอัพยากตมูล แต่ไม่ใช่มีมูลที่
เป็นมูลอาศัยกันและกัน
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับอัพยากตมูล
สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็นอัพยากฤตใช่ไหม
วิ. ใช่ (๔) (๓๖)
๔. นามบท นยจตุกกะ
[๘๖] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นนาม๑ สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดเป็นนามมูลใช่ไหม
วิ. นามมูล๒มี ๙ เท่านั้น สภาวธรรมที่เป็นนามที่เหลือไม่เป็นนามมูล

เชิงอรรถ :
๑ สภาวธรรมที่เป็นนาม ในที่นี้หมายถึงอรูปขันธ์ ๔ และนิพพาน (อภิ.ปญฺจ.อ. ๘๖-๙๗/๓๓๒)
๒ นามมูล คือ กุศลมูล ๓ อกุศลมูล ๓ อัพยากตมูล ๓ รวมเป็น ๙ (อภิ.ปญฺจ.อ. ๘๖-๙๗/๓๓๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๒๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๑. มูลวารนิทเทส ๔. นามบท นยจตุกกะ
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดเป็นนามมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็นนาม
ใช่ไหม
วิ. ใช่ (๓๗)
[๘๗] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นนาม สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดมีมูลอย่างเดียวกันกับนามมูลใช่ไหม
วิ. นามที่เป็นอเหตุกะ๑ไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล นามที่เป็น
สเหตุกะมีมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดเป็นนามใช่ไหม
วิ. รูปที่มีนามเป็นสมุฏฐานมีมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล แต่ไม่เป็นนาม
นามมีมูลอย่างเดียวกันกับนามมูลก็ใช่ เป็นนามก็ใช่ (๓๘)
[๘๘] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล
สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลอาศัยกันและกันกับนามมูลใช่ไหม
วิ. มูลเหล่าใดเป็นนามมูลเกิดร่วมกัน นามเหล่านั้นมีมูลอย่างเดียวกันก็ใช่
มีมูลอาศัยกันและกันก็ใช่ สภาวธรรมที่เกิดร่วมกันกับนามมูลที่เหลือมีมูลอย่าง
เดียวกันกับนามมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกัน
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันกับนามมูล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดเป็นนามใช่ไหม
วิ. ใช่ (๑) (๓๙)
[๘๙] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นนาม สภาวธรรมเหล่านั้นทั้ง
หมดมีมูลที่เป็นนามมูลใช่ไหม
วิ. มูลที่เป็นนามมูลมี ๙ เท่านั้น สภาวธรรมที่เป็นนามที่เหลือ ไม่ใช่มีมูล
ที่เป็นนามมูล

เชิงอรรถ :
๑ นามที่เป็นอเหตุกะ ในที่นี้หมายถึงจิตตุปบาท ๑๘ โมหะที่สัมปยุตด้วยวิจิกิจฉา อุทธัจจะ และ
นิพพาน (อภิ.ปญฺจ.อ. ๘๖-๙๗/๓๓๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๒๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๑. มูลวารนิทเทส ๔. นามบท นยจตุกกะ
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นนามมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็น
นามใช่ไหม
วิ. ใช่ (๔๐)
[๙๐] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นนาม สภาวธรรมเหล่านั้นทั้ง
หมดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับนามมูลใช่ไหม
วิ. นามที่เป็นอเหตุกะไม่ใช่มีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล นามที่
เป็นสเหตุกะมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นนามใช่ไหม
วิ. รูปที่มีนามเป็นสมุฏฐานมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับนามมูลแต่ไม่เป็น
นาม นามมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับนามมูลก็ใช่ เป็นนามก็ใช่ (๔๑)
[๙๑] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล
สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับนามมูลใช่ไหม
วิ. มูลเหล่าใดเป็นนามมูลเกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกัน
ก็ใช่ มีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันก็ใช่ สภาวธรรมที่เกิดร่วมกันกับนามมูลที่
เหลือมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล แต่ไม่ใช่มีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกัน
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับนามมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นนามใช่ไหม
วิ. ใช่ (๒) (๔๒)
[๙๒] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นนาม สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดมีมูลที่เป็นนามใช่ไหม
วิ. นามที่เป็นอเหตุกะไม่ใช่มีมูลที่เป็นนาม นามที่เป็นสเหตุกะมีมูลที่เป็นนาม
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นนาม สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็น
นามใช่ไหม
วิ. รูปที่มีนามเป็นสมุฏฐานมีมูลที่เป็นนามแต่ไม่เป็นนาม นามมีมูลที่เป็น
นามก็ใช่ เป็นนามก็ใช่ (๔๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๒๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๑. มูลวารนิทเทส ๔. นามบท นยจตุกกะ
[๙๓] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นนาม สภาวธรรมเหล่านั้นทั้ง
หมดมีมูลอย่างเดียวกันกับนามมูลใช่ไหม
วิ. นามที่เป็นอเหตุกะไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล นามที่เป็น
สเหตุกะมีมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดเป็นนามใช่ไหม
วิ. รูปที่มีนามเป็นสมุฏฐานมีมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล แต่ไม่เป็นนาม
นามมีมูลอย่างเดียวกันกับนามมูลก็ใช่ เป็นนามก็ใช่ (๔๔)
[๙๔] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล
สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลอาศัยกันและกันกับนามมูลใช่ไหม
วิ. มูลเหล่าใดเป็นนามมูลเกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นมีมูลอย่างเดียวกันก็ใช่
มีมูลอาศัยกันและกันก็ใช่ สภาวธรรมที่เกิดร่วมกันกับนามมูลที่เหลือมีมูลอย่างเดียว
กันกับนามมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกัน
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันกับนามมูล สภาวธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมดเป็นนามใช่ไหม
วิ. ใช่ (๓) (๔๕)
[๙๕] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นนาม สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดมีมูลที่เป็นนามมูลใช่ไหม
วิ. นามที่เป็นอเหตุกะไม่ใช่มีมูลที่เป็นนามมูล นามที่เป็นสเหตุกะมีมูลที่
เป็นนามมูล
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นนามมูล สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นนามใช่ไหม
วิ. รูปที่มีนามเป็นสมุฏฐานมีมูลที่เป็นนามมูล แต่ไม่เป็นนาม นามมีมูลที่
เป็นนามมูลก็ใช่ เป็นนามก็ใช่ (๔๖)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๒๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๒-๑๐. เหตุวาราทินิทเทส
[๙๖] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นนาม สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับนามมูลใช่ไหม
วิ. นามที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล นามที่
เป็นสเหตุกะมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นนามใช่ไหม
วิ. รูปที่มีนามเป็นสมุฏฐานมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล แต่ไม่
เป็นนาม นามมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับนามมูลก็ใช่ เป็นนามก็ใช่ (๔๗)
[๙๗] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล
สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับนามมูลใช่ไหม
วิ. มูลเหล่าใดเป็นนามมูลเกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียว
กันก็ใช่ มีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันก็ใช่ สภาวธรรมที่เกิดร่วมกันกับนามมูลที่
เหลือมีมูลที่เป็นมูลอย่างเดียวกันกับนามมูล แต่ไม่ใช่มีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกัน
ปฏิ. สภาวธรรมเหล่าใดมีมูลที่เป็นมูลอาศัยกันและกันกับนามมูล สภาวธรรม
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นนามใช่ไหม
วิ. ใช่ (๔) (๔๘)
มูลวารนิทเทส จบ

๒-๑๐. เหตุวาราทินิทเทส
[๙๘] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นกุศล สภาวธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดเป็นกุศลเหตุใช่ไหม
วิ. กุศลเหตุมี ๓ เท่านั้น สภาวธรรมที่เป็นกุศลที่เหลือไม่เป็นกุศลเหตุ
ฯลฯ ไม่เป็นกุศลนิทาน ฯลฯ ไม่เป็นกุศลสมภพ ฯลฯ ไม่เป็นกุศลประภพ ฯลฯ
ไม่เป็นกุศลสมุฏฐาน ฯลฯ ไม่เป็นกุศลอาหาร ฯลฯ ไม่เป็นกุศลอารมณ์ ฯลฯ
ไม่เป็นกุศลปัจจัย ฯลฯ ไม่เป็นกุศลสมุทัย ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๒๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๑. มูลยมก] ๒-๑๐. เหตุวาราทินิทเทส
[๙๙] อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอกุศล ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นอัพยากฤต ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นนาม สภาวธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นนามเหตุ ฯลฯ เป็นนามนิทาน ฯลฯ เป็นนามสมภพ ฯลฯ เป็นนามประภพ
ฯลฯ เป็นนามสมุฏฐาน ฯลฯ เป็นนามอาหาร ฯลฯ เป็นนามอารมณ์ ฯลฯ
เป็นนามปัจจัย ฯลฯ เป็นนามสมุทัย
มูล เหตุ นิทาน สมภพ ประภพ สมุฏฐาน อาหาร
อารมณ์ ปัจจัย และสมุทัย มีด้วยประการฉะนี้
นิทเทสวาร จบ
มูลยมก จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๒๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส
ขันธยมก
๑. ปัณณัตติวารอุทเทส
[๑] ขันธ์ ๕ คือ

๑. รูปขันธ์ (กองรูป) ๒. เวทนาขันธ์ (กองเวทนา)
๓. สัญญาขันธ์ (กองสัญญา) ๔. สังขารขันธ์ (กองสังขาร)
๕. วิญญาณขันธ์ (กองวิญญาณ)

๑. ปทโสธนวาร
อนุโลม

[๒] รูป เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม รูปขันธ์ เป็นรูปใช่ไหม
เวทนา เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม เวทนาขันธ์ เป็นเวทนาใช่ไหม
สัญญา เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม สัญญาขันธ์ เป็นสัญญาใช่ไหม
สังขาร เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม สังขารขันธ์ เป็นสังขารใช่ไหม
วิญญาณ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม วิญญาณขันธ์ เป็นวิญญาณใช่ไหม (๒๖)

ปัจจนีกะ

[๓] สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปขันธ์ ไม่เป็นรูปใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเวทนา ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเวทนาขันธ์ ไม่เป็นเวทนาใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัญญา ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัญญาขันธ์ ไม่เป็นสัญญาใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขารขันธ์ ไม่เป็นสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิญญาณ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ ไม่เป็นวิญญาณใช่ไหม (๒๗)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๒๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุโลม

[๔] รูป เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
รูป เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
รูป เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
รูป เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม (๒๘)


[๕] เวทนา เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
เวทนา เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
เวทนา เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
เวทนา เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม (๒๙)
[๖] สัญญา เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
สัญญา เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
สัญญา เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
สัญญา เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม (๓๐)
[๗] สังขาร เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
สังขาร เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
สังขาร เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
สังขาร เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม (๓๑)


[๘] วิญญาณ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิญญาณ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิญญาณ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิญญาณ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม (๓๒)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๒๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
ปัจจนีกะ

[๙] สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม (๓๓)
[๑๐] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเวทนา ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเวทนา ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเวทนา ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเวทนา ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม (๓๔)
[๑๑] สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัญญา ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัญญา ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัญญา ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัญญา ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม (๓๕)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๒๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๓. สุทธขันธวาร

[๑๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม (๓๖)


[๑๓] สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิญญาณ ไม่เป็นวิญญาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิญญาณ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิญญาณ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิญญาณ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม (๓๗)

๓. สุทธขันธวาร
อนุโลม

[๑๔] รูป เป็นขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นรูปใช่ไหม
เวทนา เป็นขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นเวทนาใช่ไหม
สัญญา เป็นขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นสัญญาใช่ไหม
สังขาร เป็นขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นสังขารใช่ไหม
วิญญาณ เป็นขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นวิญญาณใช่ไหม (๓๘)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๔. สุทธขันธมูลจักกวาร
ปัจจนีกะ

[๑๕] สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นรูปใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเวทนา ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นเวทนาใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัญญา ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสัญญาใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิญญาณ ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นวิญญาณใช่ไหม (๓๙)

๔. สุทธขันธมูลจักกวาร
อนุโลม

[๑๖] รูป เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
รูป เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
รูป เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
รูป เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม (๔๐)


[๑๗] เวทนา เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
เวทนา เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
เวทนา เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
เวทนา เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม (๔๑)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๔. สุทธขันธมูลจักกวาร

[๑๘] สัญญา เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
สัญญา เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
สัญญา เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
สัญญา เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม (๔๒)
[๑๙] สังขาร เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
สังขาร เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
สังขาร เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
สังขาร เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม (๔๓)


[๒๐] วิญญาณ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิญญาณ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิญญาณ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิญญาณ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม ขันธ์ เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม (๔๔)

ปัจจนีกะ

[๒๑] สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม (๔๕)
[๒๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเวทนา ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเวทนา ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเวทนา ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๔. สุทธขันธมูลจักกวาร

สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นเวทนา ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม (๓๔)
[๑๑] สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัญญา ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัญญา ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัญญา ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัญญา ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม (๓๕)
[๑๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม (๓๖)
[๑๓] สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิญญาณ ไม่เป็นวิญญาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิญญาณ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิญญาณ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิญญาณ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม (๓๗)

ปัณณัตติวารอุทเทส จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
๑. ปัณณัตติวารนิทเทส
๑. ปทโสธนวาร
อนุโลม
[๒๖] อนุ. รูป เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ปิยรูป สาตรูป เป็นรูป แต่ไม่เป็นรูปขันธ์ รูปขันธ์ เป็นรูปก็ใช่ เป็น
รูปขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. รูปขันธ์ เป็นรูปใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. เวทนา เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. เวทนาขันธ์ เป็นเวทนาใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สัญญา เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ทิฏฐิสัญญา เป็นสัญญา แต่ไม่เป็นสัญญาขันธ์ สัญญาขันธ์ เป็นสัญญา
ก็ใช่ เป็นสัญญาขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. สัญญาขันธ์ เป็นสัญญาใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สังขาร เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นสังขารขันธ์แล้ว สังขารที่เหลือเป็นสังขาร แต่ไม่เป็นสังขารขันธ์
สังขารขันธ์ เป็นสังขารก็ใช่ เป็นสังขารขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. สังขารขันธ์ เป็นสังขารใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. วิญญาณ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. วิญญาณขันธ์ เป็นวิญญาณใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
ปัจจนีกะ
[๒๗] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปขันธ์ ไม่เป็นรูปใช่ไหม
วิ. ปิยรูป สาตรูป ไม่เป็นรูปขันธ์ แต่เป็นรูป เว้นรูปและรูปขันธ์แล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นรูปก็ใช่ ไม่เป็นรูปขันธ์ก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นเวทนา ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นเวทนาขันธ์ ไม่เป็นเวทนาใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัญญา ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัญญาขันธ์ ไม่เป็นสัญญาใช่ไหม
วิ. ทิฏฐิสัญญา ไม่เป็นสัญญาขันธ์ แต่เป็นสัญญา เว้นสัญญาและ
สัญญาขันธ์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสัญญาก็ใช่ ไม่เป็นสัญญาขันธ์ก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขารขันธ์ ไม่เป็นสังขารใช่ไหม
วิ. เว้นสังขารขันธ์แล้ว สังขารที่เหลือไม่เป็นสังขารขันธ์ แต่เป็นสังขาร
เว้นสังขารและสังขารขันธ์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสังขารก็ใช่ ไม่เป็นสังขาร-
ขันธ์ก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิญญาณ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ ไม่เป็นวิญญาณใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุโลม
[๒๘] อนุ. รูป เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ปิยรูป สาตรูป เป็นรูป แต่ไม่เป็นรูปขันธ์ รูปขันธ์ เป็นรูปก็ใช่ เป็น
รูปขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. เวทนาขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นเวทนาขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นเวทนาขันธ์
อนุ. รูป เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ปิยรูป สาตรูป เป็นรูป แต่ไม่เป็นรูปขันธ์ รูปขันธ์ เป็นรูปก็ใช่ เป็น
รูปขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. สัญญาขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นสัญญาขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นสัญญาขันธ์
อนุ. รูป เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ปิยรูป สาตรูป เป็นรูป แต่ไม่เป็นรูปขันธ์ รูปขันธ์ เป็นรูปก็ใช่ เป็น
รูปขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. สังขารขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นสังขารขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นสังขารขันธ์
อนุ. รูป เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ปิยรูป สาตรูป เป็นรูป แต่ไม่เป็นรูปขันธ์ รูปขันธ์ เป็นรูปก็ใช่ เป็น
รูปขันธ์ก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
ปฏิ. ขันธ์ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. วิญญาณขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นวิญญาณขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นวิญญาณขันธ์
[๒๙] อนุ. เวทนา เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. รูปขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นรูปขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์ แต่ไม่
เป็นรูปขันธ์
อนุ. เวทนา เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. สัญญาขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นสัญญาขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นสัญญาขันธ์
อนุ. เวทนา เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. สังขารขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นสังขารขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นสังขารขันธ์
อนุ. เวทนา เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. วิญญาณขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นวิญญาณขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นวิญญาณขันธ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
[๓๐] อนุ. สัญญา เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ทิฏฐิสัญญา เป็นสัญญา แต่ไม่เป็นสัญญาขันธ์ สัญญาขันธ์ เป็นสัญญา
ก็ใช่ เป็นสัญญาขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. รูปขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นรูปขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์ แต่ไม่
เป็นรูปขันธ์
อนุ. สัญญา เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ทิฏฐิสัญญา เป็นสัญญา แต่ไม่เป็นสัญญาขันธ์ สัญญาขันธ์ เป็นสัญญา
ก็ใช่ เป็นสัญญาขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. เวทนาขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นเวทนาขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นเวทนาขันธ์
อนุ. สัญญา เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ทิฏฐิสัญญา เป็นสัญญา แต่ไม่เป็นสัญญาขันธ์ สัญญาขันธ์ เป็นสัญญา
ก็ใช่ เป็นสัญญาขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. สังขารขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นสังขารขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นสังขารขันธ์
อนุ. สัญญา เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ทิฏฐิสัญญา เป็นสัญญา แต่ไม่เป็นสัญญาขันธ์ สัญญาขันธ์ เป็นสัญญา
ก็ใช่ เป็นสัญญาขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. วิญญาณขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นวิญญาณขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นวิญญาณขันธ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
[๓๑] อนุ. สังขาร เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นสังขารขันธ์แล้ว สังขารที่เหลือเป็นสังขาร แต่ไม่เป็นสังขารขันธ์
สังขารขันธ์ เป็นสังขารก็ใช่ เป็นสังขารขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. รูปขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นรูปขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์ แต่ไม่
เป็นรูปขันธ์
อนุ. สังขาร เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นสังขารขันธ์แล้ว สังขารที่เหลือเป็นสังขาร แต่ไม่เป็นสังขารขันธ์
สังขารขันธ์ เป็นสังขารก็ใช่ เป็นสังขารขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. เวทนาขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นเวทนาขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นเวทนาขันธ์
อนุ. สังขาร เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นสังขารขันธ์แล้ว สังขารที่เหลือเป็นสังขาร แต่ไม่เป็นสังขารขันธ์
สังขารขันธ์ เป็นสังขารก็ใช่ เป็นสังขารขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. สัญญาขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นสัญญาขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นสัญญาขันธ์
อนุ. สังขาร เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นสังขารขันธ์แล้ว สังขารที่เหลือเป็นสังขาร แต่ไม่เป็นสังขารขันธ์
สังขารขันธ์ เป็นสังขารก็ใช่ เป็นสังขารขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. วิญญาณขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นวิญญาณขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นวิญญาณขันธ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
[๓๒] อนุ. วิญญาณ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. รูปขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นรูปขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์ แต่ไม่
เป็นรูปขันธ์
อนุ. วิญญาณ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. เวทนาขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นเวทนาขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นเวทนาขันธ์
อนุ. วิญญาณ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. สัญญาขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นสัญญาขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นสัญญาขันธ์
อนุ. วิญญาณ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. สังขารขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นสังขารขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นสังขารขันธ์
ปัจจนีกะ
[๓๓] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๓๔] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นเวทนา ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นเวทนา ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นเวทนา ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นเวทนา ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๓๕] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัญญา ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัญญา ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัญญา ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัญญา ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๓๖] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๓๗] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิญญาณ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิญญาณ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิญญาณ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธขันธวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิญญาณ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่

๓. สุทธขันธวาร
อนุโลม
[๓๘] อนุ. รูป เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. รูปขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นรูปขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์ แต่ไม่
เป็นรูปขันธ์
อนุ. เวทนา เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. เวทนาขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นเวทนาขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นเวทนาขันธ์
อนุ. สัญญา เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. สัญญาขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นสัญญาขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นสัญญาขันธ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธขันธวาร
อนุ. สังขาร เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. สังขารขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นสังขารขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นสังขารขันธ์
อนุ. วิญญาณ เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. วิญญาณขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นวิญญาณขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นวิญญาณขันธ์
ปัจจนีกะ
[๓๙] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นรูปแล้ว ขันธ์ที่เหลือไม่เป็นรูป แต่เป็นขันธ์ เว้นรูปและขันธ์แล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นรูปก็ใช่ ไม่เป็นขันธ์ก็ใช่๑
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นเวทนา ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นเวทนาแล้ว ขันธ์ที่เหลือไม่เป็นเวทนา แต่เป็นขันธ์ เว้นเวทนาและ
ขันธ์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นเวทนาก็ใช่ ไม่เป็นขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่

เชิงอรรถ :
๑ สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นขันธ์ คือ นิพพาน และบัญญัติที่พ้นจากขันธ์ ๕ (อภิ.ปญฺจ.อ. ๓๙/๓๓๗)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธขันธมูลจักกวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัญญา ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นสัญญาแล้ว ขันธ์ที่เหลือไม่เป็นสัญญา แต่เป็นขันธ์ เว้นสัญญาและ
ขันธ์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสัญญาก็ใช่ ไม่เป็นขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นสังขารแล้ว ขันธ์ที่เหลือไม่เป็นสังขาร แต่เป็นขันธ์ เว้นสังขารและ
ขันธ์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสังขารก็ใช่ ไม่เป็นขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิญญาณ ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นวิญญาณแล้ว ขันธ์ที่เหลือไม่เป็นวิญญาณ แต่เป็นขันธ์ เว้น
วิญญาณและขันธ์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นวิญญาณก็ใช่ ไม่เป็นขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่

๔. สุทธขันธมูลจักกวาร
อนุโลม
[๔๐] อนุ. รูป เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. เวทนาขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นเวทนาขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นเวทนาขันธ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธขันธมูลจักกวาร
อนุ. รูป เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. สัญญาขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นสัญญาขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นสัญญาขันธ์
อนุ. รูป เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. สังขารขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นสังขารขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นสังขารขันธ์
อนุ. รูป เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. วิญญาณขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นวิญญาณขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นวิญญาณขันธ์
[๔๑] อนุ. เวทนา เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. รูปขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นรูปขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์ แต่ไม่
เป็นรูปขันธ์
อนุ. เวทนา เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. สัญญาขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นสัญญาขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นสัญญาขันธ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธขันธมูลจักกวาร
อนุ. เวทนา เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. สังขารขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นสังขารขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นสังขารขันธ์
อนุ. เวทนา เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. วิญญาณขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นวิญญาณขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นวิญญาณขันธ์
[๔๒] อนุ. สัญญา เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. รูปขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นรูปขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์ แต่ไม่
เป็นรูปขันธ์
อนุ. สัญญา เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. เวทนาขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นเวทนาขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นเวทนาขันธ์
อนุ. สัญญา เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. สังขารขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นสังขารขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นสังขารขันธ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธขันธมูลจักกวาร
อนุ. สัญญา เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. วิญญาณขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นวิญญาณขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นวิญญาณขันธ์
[๔๓] อนุ. สังขาร เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. รูปขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นรูปขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์ แต่ไม่
เป็นรูปขันธ์
อนุ. สังขาร เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. เวทนาขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นเวทนาขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นเวทนาขันธ์
อนุ. สังขาร เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. สัญญาขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นสัญญาขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นสัญญาขันธ์
อนุ. สังขาร เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. วิญญาณขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นวิญญาณขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นวิญญาณขันธ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธขันธมูลจักกวาร
[๔๔] อนุ. วิญญาณ เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. รูปขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นรูปขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์ แต่ไม่เป็น
รูปขันธ์
อนุ. วิญญาณ เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. เวทนาขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นเวทนาขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นเวทนาขันธ์
อนุ. วิญญาณ เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. สัญญาขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นสัญญาขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นสัญญาขันธ์
อนุ. วิญญาณ เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ขันธ์ เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. สังขารขันธ์ เป็นขันธ์ก็ใช่ เป็นสังขารขันธ์ก็ใช่ ขันธ์ที่เหลือเป็นขันธ์
แต่ไม่เป็นสังขารขันธ์
ปัจจนีกะ
[๔๕] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นรูปแล้ว ขันธ์ที่เหลือไม่เป็นรูป แต่เป็นขันธ์ เว้นรูปและขันธ์แล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นรูปก็ใช่ ไม่เป็นขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธขันธมูลจักกวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นรูปแล้ว ขันธ์ที่เหลือไม่เป็นรูป แต่เป็นขันธ์ เว้นรูปและขันธ์แล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นรูปก็ใช่ ไม่เป็นขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นรูปแล้ว ขันธ์ที่เหลือไม่เป็นรูป แต่เป็นขันธ์ เว้นรูปและขันธ์แล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นรูปก็ใช่ ไม่เป็นขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นรูปแล้ว ขันธ์ที่เหลือไม่เป็นรูป แต่เป็นขันธ์ เว้นรูปและขันธ์แล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นรูปก็ใช่ ไม่เป็นขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๔๖] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นเวทนา ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นเวทนาแล้ว ขันธ์ที่เหลือไม่เป็นเวทนา แต่เป็นขันธ์ เว้นเวทนาและ
ขันธ์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นเวทนาก็ใช่ ไม่เป็นขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นเวทนา ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นเวทนาแล้ว ขันธ์ที่เหลือไม่เป็นเวทนา แต่เป็นขันธ์ เว้นเวทนาและ
ขันธ์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นเวทนาก็ใช่ ไม่เป็นขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธขันธมูลจักกวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นเวทนา ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นเวทนาแล้ว ขันธ์ที่เหลือไม่เป็นเวทนา แต่เป็นขันธ์ เว้นเวทนาและ
ขันธ์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นเวทนาก็ใช่ ไม่เป็นขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นเวทนา ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นเวทนาแล้ว ขันธ์ที่เหลือไม่เป็นเวทนา แต่เป็นขันธ์ เว้นเวทนาและ
ขันธ์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นเวทนาก็ใช่ ไม่เป็นขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๔๗] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัญญา ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นสัญญาแล้ว ขันธ์ที่เหลือไม่เป็นสัญญา แต่เป็นขันธ์ เว้นสัญญา
และขันธ์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสัญญาก็ใช่ ไม่เป็นขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัญญา ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นสัญญาแล้ว ขันธ์ที่เหลือไม่เป็นสัญญา แต่เป็นขันธ์ เว้นสัญญา
และขันธ์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสัญญาก็ใช่ ไม่เป็นขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัญญา ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นสัญญาแล้ว ขันธ์ที่เหลือไม่เป็นสัญญา แต่เป็นขันธ์ เว้นสัญญา
และขันธ์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสัญญาก็ใช่ ไม่เป็นขันธ์ก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธขันธมูลจักกวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัญญา ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นสัญญาแล้ว ขันธ์ที่เหลือไม่เป็นสัญญา แต่เป็นขันธ์ เว้นสัญญา
และขันธ์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสัญญาก็ใช่ ไม่เป็นขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๔๘] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นวิญญาณขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธขันธมูลจักกวาร
[๔๙] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิญญาณ ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นวิญญาณแล้ว ขันธ์ที่เหลือไม่เป็นวิญญาณ แต่เป็นขันธ์ เว้น
วิญญาณและขันธ์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นวิญญาณก็ใช่ ไม่เป็นขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นรูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิญญาณ ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นวิญญาณแล้ว ขันธ์ที่เหลือไม่เป็นวิญญาณ แต่เป็นขันธ์ เว้น
วิญญาณและขันธ์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นวิญญาณก็ใช่ ไม่เป็นขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นเวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิญญาณ ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นวิญญาณแล้ว ขันธ์ที่เหลือไม่เป็นวิญญาณ แต่เป็นขันธ์ เว้น
วิญญาณและขันธ์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นวิญญาณก็ใช่ ไม่เป็นขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสัญญาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวิญญาณ ไม่เป็นขันธ์ใช่ไหม
วิ. เว้นวิญญาณแล้ว ขันธ์ที่เหลือไม่เป็นวิญญาณ แต่เป็นขันธ์ เว้น
วิญญาณและขันธ์แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นวิญญาณก็ใช่ ไม่เป็นขันธ์ก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นขันธ์ ไม่เป็นสังขารขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัณณัตติวารนิทเทส จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบัน
อนุโลมบุคคล
[๕๐] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดกำลังเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ๑ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด
แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ๒ รูปขันธ์
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและเวทนาขันธ์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดกำลังเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในอรูปภูมิ๓ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด
แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและรูปขันธ์ก็กำลังเกิด
อนุโลมโอกาส
[๕๑] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดกำลังเกิด เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นรูปขันธ์กำลังเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลัง
เกิด ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นรูปขันธ์กำลังเกิดและเวทนาขันธ์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดกำลังเกิด รูปขันธ์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นเวทนาขันธ์กำลังเกิด แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด
ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นเวทนาขันธ์กำลังเกิดและรูปขันธ์ก็กำลังเกิด

เชิงอรรถ :
๑ ภูมิของสัตว์ผู้ไม่มีสัญญา คือเกิดโดยที่ไม่มีจิต มีแต่รูปอย่างเดียว เรียกอีกอย่างว่า เอกโวการภูมิ คือ
ภูมิของสัตว์ผู้มีขันธ์ ๑ คือรูปขันธ์ (อภิ.ปญฺจ.อ. ๕๐-๒๐๕/๓๔๔)
๒ ภูมิของสัตว์ผู้มีขันธ์ ๕ คือเกิดโดยมีทั้งรูปและนาม (อภิ.ปญฺจ.อ. ๕๐-๒๐๕/๓๔๔)
๓ ภูมิของสัตว์ผู้ไม่มีรูป คือไม่มีรูปขันธ์ มีเพียงนามขันธ์ ๔ เว้นรูปขันธ์ หรือเรียกว่า จตุโวการภูมิ ภูมิ
ของสัตว์ผู้มีขันธ์ ๔

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อดีตวาร
อนุโลมปุคคโลกาส
[๕๒] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและเวทนาขันธ์ก็กำลังเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิด แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและรูปขันธ์ก็กำลังเกิด
ปัจจนีกบุคคล
[๕๓] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในอรูปภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่เวทนาขันธ์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่
ใช่กำลังเกิด แต่รูปขันธ์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและรูปขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อดีตวาร
ปัจจนีกโอกาส
[๕๔] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด รูปขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๕๕] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในอรูปภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลัง
เกิด แต่เวทนาขันธ์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ รูปขันธ์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่รูปขันธ์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ เวทนา-
ขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและรูปขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
๒. อตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีต
อนุโลมบุคคล
[๕๖] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดเคยเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดเคยเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อดีตวาร
อนุโลมโอกาส
[๕๗] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดเคยเกิด เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นรูปขันธ์เคยเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่เคยเกิด
ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นรูปขันธ์เคยเกิดและเวทนาขันธ์ก็เคยเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดเคยเกิด รูปขันธ์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นเวทนาขันธ์เคยเกิด แต่รูปขันธ์ไม่เคยเกิด ใน
ปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นเวทนาขันธ์เคยเกิดและรูปขันธ์ก็เคยเกิด
อนุโลมปุคคโลกาส
[๕๘] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและเวทนาขันธ์ก็เคยเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคย
เกิด แต่รูปขันธ์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและรูปขันธ์ก็เคยเกิด
ปัจจนีกบุคคล
[๕๙] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปัจจนีกโอกาส
[๖๐] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดไม่เคยเกิด เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดไม่เคยเกิด รูปขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๖๑] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด
แต่เวทนาขันธ์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ รูปขันธ์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและเวทนาขันธ์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่รูปขันธ์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและรูปขันธ์ก็ไม่เคยเกิด
๓. อนาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๖๒] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดจักเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดจักเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน เวทนาขันธ์ของบุคคล
เหล่านั้นจักเกิด แต่รูปขันธ์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้น
จักเกิดและรูปขันธ์ก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๕๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อนุโลมโอกาส
[๖๓] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดจักเกิด เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นรูปขันธ์จักเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิด
ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นรูปขันธ์จักเกิดและเวทนาขันธ์ก็จักเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดจักเกิด รูปขันธ์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นเวทนาขันธ์จักเกิด แต่รูปขันธ์ไม่ใช่จักเกิด ใน
ปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นเวทนาขันธ์จักเกิดและรูปขันธ์ก็จักเกิด
อนุโลมปุคคโลกาส
[๖๔] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและเวทนาขันธ์ก็จักเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด
แต่รูปขันธ์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและรูปขันธ์ก็จักเกิด
ปัจจนีกบุคคล
[๖๕] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่จักเกิด แต่เวทนาขันธ์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคล๑ รูปขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่จักเกิด

เชิงอรรถ :
๑ คือบุคคลผู้เกิดในภพสุดท้าย ปฏิบัติจนได้สำเร็จมรรคผลสูงสุดแล้วนิพพานในภพนั้นนั่นเอง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๖๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัจจนีกโอกาส
[๖๖] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด รูปขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๖๗] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จัก
เกิด แต่เวทนาขันธ์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคล รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิด แต่รูปขันธ์มิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคล เวทนาขันธ์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและรูปขันธ์ก็ไม่ใช่จักเกิด
๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอดีต
อนุโลมบุคคล
[๖๘] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดกำลังเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๖๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดเคยเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ และบุคคลผู้กำลังอุบัติในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจ-
โวการภูมิและอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและรูปขันธ์ก็
กำลังเกิด
[๖๙] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัญญาขันธ์ของบุคคลนั้นก็
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดเคยเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่
ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ และบุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ
สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลัง
อุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและ
เวทนาขันธ์ก็กำลังเกิด
อนุโลมโอกาส
[๗๐] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดกำลังเกิด เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นรูปขันธ์กำลังเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่เคยเกิด
ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นรูปขันธ์กำลังเกิดและเวทนาขันธ์ก็เคยเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดเคยเกิด รูปขันธ์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นเวทนาขันธ์เคยเกิด แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด
ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นเวทนาขันธ์เคยเกิดและรูปขันธ์ก็กำลังเกิด
[๗๑] อนุ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดกำลังเกิด สัญญาขันธ์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัญญาขันธ์ในภูมิใดเคยเกิด เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๖๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุโลมปุคคโลกาส
[๗๒] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิและอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้กำลัง
อุบัติในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและเวทนาขันธ์ก็
เคยเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ
เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้
กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและ
รูปขันธ์ก็กำลังเกิด
[๗๓] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัญญาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นกำลังเกิด แต่สัญญาขันธ์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิ
และปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและสัญญาขันธ์
ก็เคยเกิด
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สัญญาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติใน
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด
และเวทนาขันธ์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๖๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปัจจนีกบุคคล
[๗๔] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็
ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
[๗๕] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สัญญาขันธ์ของบุคคล
นั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
ปัจจนีกโอกาส
[๗๖] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดไม่เคยเกิด รูปขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด
[๗๗] อนุ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัญญาขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัญญาขันธ์ในภูมิใดไม่เคยเกิด เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๖๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๗๘] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด เวทนาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ
รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่เวทนาขันธ์มิใช่ไม่เคยเกิด
บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ และบุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ
รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและเวทนาขันธ์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิและอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่รูปขันธ์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิและบุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและรูปขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๗๙] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัญญาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัญญาขันธ์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสัญญาขันธ์ก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิด แต่เวทนาขันธ์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในสุทธาวาส-
ภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่เคยเกิดและเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๖๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๘๐] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดกำลังเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่า
นั้นกำลังเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ
และอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและเวทนาขันธ์ก็จักเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดจักเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติและบุคคลผู้กำลังอุบัติในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์
ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจ-
โวการภูมิและอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและรูปขันธ์ก็
กำลังเกิด
[๘๑] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัญญาขันธ์ของบุคคลนั้นก็
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด
แต่สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการ-
ภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสัญญาขันธ์ก็จักเกิด
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดจักเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ และบุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ
สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลัง
อุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและ
เวทนาขันธ์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๖๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุโลมโอกาส
[๘๒] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดกำลังเกิด เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นรูปขันธ์กำลังเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิด
ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นรูปขันธ์กำลังเกิดและเวทนาขันธ์ก็จักเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดจักเกิด รูปขันธ์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นเวทนาขันธ์จักเกิด แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด ใน
ปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นเวทนาขันธ์จักเกิดและรูปขันธ์ก็กำลังเกิด
[๘๓] อนุ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดกำลังเกิด สัญญาขันธ์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัญญาขันธ์ในภูมิใดจักเกิด เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุโลมปุคคโลกาส
[๘๔] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ และบุคคลผู้กำลังอุบัติ
ในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่
จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิดและเวทนาขันธ์ก็จักเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ
เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้
กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและ
รูปขันธ์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๖๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
[๘๕] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัญญาขันธ์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิด แต่สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและ
ปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด และสัญญาขันธ์ก็
จักเกิด
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สัญญาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติใน
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและ
เวทนาขันธ์ก็กำลังเกิด
ปัจจนีกบุคคล
[๘๖] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติและบุคคลผู้กำลังอุบัติในอรูปภูมิ รูปขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่เวทนาขันธ์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน
ในปัญจโวการภูมิและปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่รูปขันธ์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานใน
ปัญจโวการภูมิและปัญจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่
ใช่จักเกิดและรูปขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๖๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
[๘๗] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สัญญาขันธ์ของบุคคล
นั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ และบุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ
เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัญญาขันธ์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้
กำลังปรินิพพาน เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่
จักเกิด
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่เวทนาขันธ์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน
สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปัจจนีกโอกาส
[๘๘] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด รูปขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด
[๘๙] อนุ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัญญาขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัญญาขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๖๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๙๐] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด เวทนาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ
รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่เวทนาขันธ์มิใช่จักไม่เกิด
บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิและบุคคลผู้
กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ และอสัญญสัตตภูมิ
เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่รูปขันธ์มิใช่ไม่กำลังเกิด
บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิและบุคคลผู้
กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด
และรูปขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๙๑] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัญญาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัญญาขันธ์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่จักเกิด แต่เวทนาขันธ์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานและบุคคลผู้
อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและ
เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๗๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
๖. อตีตานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีตและที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๙๒] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดเคยเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคล รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่
ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและเวทนาขันธ์ก็จักเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดจักเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๙๓] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดเคยเกิด สัญญาขันธ์ของบุคคลนั้นก็จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคล เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่สัญญาขันธ์
ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและสัญญาขันธ์ก็
จักเกิด
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดจักเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุโลมโอกาส
[๙๔] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดเคยเกิด เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นรูปขันธ์เคยเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิด
ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นรูปขันธ์เคยเกิดและเวทนาขันธ์ก็จักเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดจักเกิด รูปขันธ์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นเวทนาขันธ์จักเกิด แต่รูปขันธ์ไม่เคยเกิด ในปัญจ-
โวการภูมิ ในภูมินั้นเวทนาขันธ์จักเกิดและรูปขันธ์ก็เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๗๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
[๙๕] อนุ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดเคยเกิด สัญญาขันธ์ในภูมินั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัญญาขันธ์ในภูมิใดจักเกิด เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุโลมปุคคโลกาส
[๙๖] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในปัญจโวการภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอก
นี้ผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและ
เวทนาขันธ์ก็จักเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจัก
เกิด แต่รูปขันธ์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและรูปขันธ์ก็เคยเกิด
[๙๗] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สัญญาขันธ์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคล เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่
สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ
เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและสัญญาขันธ์ก็จักเกิด
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๗๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปัจจนีกบุคคล
[๙๘] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
[๙๙] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด สัญญาขันธ์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปัจจนีกโอกาส
[๑๐๐] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดไม่เคยเกิด เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด รูปขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
[๑๐๑] อนุ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดไม่เคยเกิด สัญญาขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัญญาขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๗๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๐๒] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
เคยเกิด แต่เวทนาขันธ์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิและ
ปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและ
เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด รูปขันธ์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลในปัญจโวการภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่รูปขันธ์มิใช่ไม่เคยเกิด
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิและปัจฉิมภวิกบุคคลในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและรูปขันธ์ก็ไม่เคยเกิด
[๑๐๓] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สัญญาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคล สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด
แต่เวทนาขันธ์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิและอสัญญสัตตภูมิ
สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและเวทนาขันธ์ก็ไม่เคยเกิด
อุปปาทวาร จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๗๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบัน
อนุโลมบุคคล
[๑๐๔] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดกำลังดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
ดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ
แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังดับและเวทนาขันธ์ก็กำลังดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดกำลังดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากอรูปภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ
แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคล
เหล่านั้นกำลังดับและรูปขันธ์ก็กำลังดับ
อนุโลมโอกาส
[๑๐๕] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดกำลังดับ เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นรูปขันธ์กำลังดับ แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลัง
ดับ ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นรูปขันธ์กำลังดับและเวทนาขันธ์ก็กำลังดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดกำลังดับ รูปขันธ์ในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นเวทนาขันธ์กำลังดับ แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ
ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นเวทนาขันธ์กำลังดับและรูปขันธ์ก็กำลังดับ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๐๖] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ เวทนาขันธ์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๗๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นกำลังดับ แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ
รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและเวทนาขันธ์ก็กำลังดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากอรูปภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังดับ แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและรูปขันธ์ก็กำลังดับ
ปัจจนีกบุคคล
[๑๐๗] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากอรูปภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ
แต่เวทนาขันธ์มิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังดับและเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่
ใช่กำลังดับ แต่รูปขันธ์มิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและรูปขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปัจจนีกโอกาส
[๑๐๘] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่
กำลังดับใช่ไหม
วิ. กำลังดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ รูปขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๗๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๒. อดีตวาร
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๐๙] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากอรูปภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังดับ แต่เวทนาขันธ์มิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ รูปขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่รูปขันธ์มิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ
เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและรูปขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับ

๒. อตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีต
อนุโลมบุคคล
[๑๑๐] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดเคยดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็เคยดับ
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดเคยดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุโลมโอกาส
[๑๑๑] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดเคยดับ เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นรูปขันธ์เคยดับ แต่เวทนาขันธ์ไม่เคยดับ
ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นรูปขันธ์เคยดับและเวทนาขันธ์ก็เคยดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๗๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดเคยดับ รูปขันธ์ในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นเวทนาขันธ์เคยดับ แต่รูปขันธ์ไม่เคยดับ ใน
ปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นเวทนาขันธ์เคยดับและรูปขันธ์ก็เคยดับ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๑๒] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยดับ แต่เวทนาขันธ์ไม่เคยดับ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและเวทนาขันธ์ก็เคยดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคย
ดับ แต่รูปขันธ์ไม่เคยดับ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและรูปขันธ์ก็เคยดับ
ปัจจนีกบุคคล
[๑๑๓] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดไม่เคยดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่
เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่เคยดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปัจจนีกโอกาส
[๑๑๔] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดไม่เคยดับ เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่เคยดับ
ใช่ไหม
วิ. เคยดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๗๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดไม่เคยดับ รูปขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๑๕] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ เวทนาขันธ์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคย
ดับ แต่เวทนาขันธ์มิใช่ไม่เคยดับ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ รูปขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับและเวทนาขันธ์ก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยดับ แต่รูปขันธ์มิใช่ไม่เคยดับ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ เวทนาขันธ์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับและรูปขันธ์ก็ไม่เคยดับ

๓. อนาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๑๑๖] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดจักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดจักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในอรูปภูมิและบุคคลเหล่าใดจักอุบัติใน
อรูปภูมิแล้วปรินิพพานกำลังจุติ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่
รูปขันธ์ไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นจักดับและรูปขันธ์
ก็จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๗๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
อนุโลมโอกาส
[๑๑๗] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดจักดับ เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นรูปขันธ์จักดับ แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับ
ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นรูปขันธ์จักดับและเวทนาขันธ์ก็จักดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดจักดับ รูปขันธ์ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นเวทนาขันธ์จักดับ แต่รูปขันธ์ไม่ใช่จักดับ
ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นเวทนาขันธ์จักดับและรูปขันธ์ก็จักดับ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๑๘] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักดับ แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและเวทนาขันธ์ก็จักดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจัก
ดับ แต่รูปขันธ์ไม่ใช่จักดับ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและรูปขันธ์ก็จักดับ
ปัจจนีกบุคคล
[๑๑๙] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในอรูปภูมิ และบุคคลเหล่าใดจักอุบัติใน
อรูปภูมิแล้วปรินิพพานกำลังจุติ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่
เวทนาขันธ์มิใช่จักไม่ดับ บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
จักดับและเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๘๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัจจนีกโอกาส
[๑๒๐] รูปขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่จักดับ เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. จักดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่จักดับ รูปขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. จักดับ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๒๑] รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
จักดับ แต่เวทนาขันธ์มิใช่จักไม่ดับ บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน รูปขันธ์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักดับ แต่รูปขันธ์มิใช่จักไม่ดับ บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน เวทนาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและรูปขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับ

๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอดีต
อนุโลมบุคคล
[๑๒๒] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดกำลังดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็เคย
ดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๘๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดเคยดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติและบุคคลผู้กำลังจุติจากอรูปภูมิ เวทนาขันธ์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจ-
โวการภูมิและอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นเคยดับและรูปขันธ์ก็
กำลังดับ
[๑๒๓] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดกำลังดับ สัญญาขันธ์ของบุคคลนั้นก็
เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดเคยดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ และบุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ
สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ บุคคลผู้กำลังจุติ
จากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นเคยดับและ
เวทนาขันธ์ก็กำลังดับ
อนุโลมโอกาส
[๑๒๔] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดกำลังดับ เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นรูปขันธ์กำลังดับ แต่เวทนาขันธ์ไม่เคยดับ
ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นรูปขันธ์กำลังดับและเวทนาขันธ์ก็เคยดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดเคยดับ รูปขันธ์ในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นเวทนาขันธ์เคยดับ แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ
ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นเวทนาขันธ์เคยดับและรูปขันธ์ก็กำลังดับ
[๑๒๕] อนุ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดกำลังดับ สัญญาขันธ์ในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัญญาขันธ์ในภูมิใดเคยดับ เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๘๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๒๖] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ เวทนาขันธ์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ และบุคคลผู้กำลังจุติจาก
อสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่เวทนาขันธ์ไม่เคย
ดับ บุคคลนอกนี้ผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังดับและเวทนาขันธ์ก็เคยดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ
เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ บุคคลผู้
กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและ
รูปขันธ์ก็กำลังดับ
[๑๒๗] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สัญญาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่สัญญาขันธ์ไม่เคยดับ บุคคลนอกนี้ผู้กำลังจุติจากจตุโวการ-
ภูมิและปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและสัญญา-
ขันธ์ก็เคยดับ
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สัญญาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ บุคคลผู้กำลังจุติจาก
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ
และเวทนาขันธ์ก็กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๘๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปัจจนีกบุคคล
[๑๒๘] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็
ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่เคยดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับ
มีไหม
วิ. ไม่มี
[๑๒๙] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สัญญาขันธ์ของบุคคล
นั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดไม่เคยดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับ
มีไหม
วิ. ไม่มี
ปัจจนีกโอกาส
[๑๓๐] รูปขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ ... (ข้อที่ท่านกล่าวไว้ว่า ในภูมิใดพึง
ทำให้บริบูรณ์)
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๓๑] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ
รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับ แต่เวทนาขันธ์มิใช่ไม่เคยดับ
บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิและอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและเวทนาขันธ์ก็ไม่เคยดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๘๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ และบุคคลผู้กำลังจุติจาก
อสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับ แต่รูปขันธ์มิใช่
ไม่กำลังดับ บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิและอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับและรูปขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับ
[๑๓๒] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สัญญาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สัญญาขันธ์มิใช่ไม่เคยดับ บุคคลผู้กำลังอุบัติใน
สุทธาวาสภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสัญญาขันธ์ก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่เคยดับ แต่เวทนาขันธ์มิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาส-
ภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่เคยดับและเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับ

๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๑๓๓] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดกำลังดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลหล่านั้นกำลัง
ดับ แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิและ
อสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและเวทนาขันธ์ก็จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๘๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดจักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติและบุคคลผู้กำลังจุติจากอรูปภูมิ เวทนาขันธ์
ของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการ-
ภูมิและอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นจักดับและรูปขันธ์ก็กำลังดับ
[๑๓๔] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดกำลังดับ สัญญาขันธ์ของบุคคลนั้นก็
จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ แต่
สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ
เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและสัญญาขันธ์ก็จักดับ
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดจักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ และบุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ
สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ บุคคลผู้กำลัง
จุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นจักดับและ
เวทนาขันธ์ก็กำลังดับ
อนุโลมโอกาส
[๑๓๕] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดกำลังดับ ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๓๖] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ และบุคคลผู้กำลังจุติจาก
อสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่
จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นกำลังดับและเวทนาขันธ์ก็จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๘๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ
เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ บุคคลผู้กำลัง
จุติจากปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและรูปขันธ์ก็
กำลังดับ
[๑๓๗] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สัญญาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลัง
ดับ แต่สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจ-
โวการภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและสัญญาขันธ์ก็จักดับ
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สัญญาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ บุคคลผู้กำลังจุติจาก
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ
และเวทนาขันธ์ก็กำลังดับ
ปัจจนีกบุคคล
[๑๓๘] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติและบุคคลผู้กำลังจุติจากอรูปภูมิ รูปขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่เวทนาขันธ์มิใช่จักไม่ดับ บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน
ในอรูปภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๘๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
ดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่จักดับ แต่รูปขันธ์มิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในอรูปภูมิ
เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและรูปขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับ
[๑๓๙] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สัญญาขันธ์ของบุคคล
นั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. จักดับ
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังดับใช่ไหม
วิ. กำลังดับ
ปัจจนีกโอกาส
[๑๔๐] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๔๑] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ
รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่เวทนาขันธ์มิใช่จักไม่ดับ
บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในอรูปภูมิและบุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ และบุคคลผู้กำลังจุติจาก
อสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่รูปขันธ์มิใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๘๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ไม่กำลังดับ บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในอรูปภูมิ และบุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ
เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและรูปขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับ
[๑๔๒] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สัญญาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สัญญาขันธ์มิใช่จักไม่ดับ บุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและ
สัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
จักดับ แต่เวทนาขันธ์มิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สัญญาขันธ์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับ

๖. อตีตานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีตและที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๑๔๓] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดเคยดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่เวทนา-
ขันธ์ไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นเคยดับและเวทนาขันธ์ก็
จักดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดจักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๘๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
[๑๔๔] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดเคยดับ สัญญาขันธ์ของบุคคลนั้นก็
จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่
สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นเคยดับและ
สัญญาขันธ์ก็จักดับ
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดจักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุโลมโอกาส
[๑๔๕] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดเคยดับ ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๔๖] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จัก
ดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยดับและเวทนาขันธ์ก็จักดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ
เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่รูปขันธ์ไม่เคยดับ บุคคลนอกนี้ผู้
อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและรูปขันธ์
ก็เคยดับ
[๑๔๗] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สัญญาขันธ์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๙๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ
แต่สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ
เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและสัญญาขันธ์ก็จักดับ
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักดับ แต่เวทนาขันธ์ไม่เคยดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจ-
โวการภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและเวทนาขันธ์ก็เคยดับ
ปัจจนีกบุคคล
[๑๔๘] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดไม่เคยดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับ
ใช่ไหม
วิ. เคยดับ
[๑๔๙] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่เคยดับ สัญญาขันธ์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคย
ดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปัจจนีกโอกาส
[๑๕๐] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดไม่เคยดับ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๙๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๕๑] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ เวทนาขันธ์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ
รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับ แต่เวทนาขันธ์มิใช่จักไม่ดับ บุคคลผู้
กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิและอรูปภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่เคยดับและเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่รูปขันธ์มิใช่
ไม่เคยดับ บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิและอรูปภูมิ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและรูปขันธ์ก็ไม่เคยดับ
[๑๕๒] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สัญญาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยดับ แต่สัญญาขันธ์มิใช่จักไม่ดับ บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในสุทธาวาส-
ภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่เคยดับและสัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่เวทนาขันธ์มิใช่ไม่เคยดับ บุคคลผู้กำลังปรินิพพานใน
สุทธาวาสภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและเวทนาขันธ์ก็ไม่เคยดับ
นิโรธวาร จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๙๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบัน
อนุโลมบุคคล
[๑๕๓] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดกำลังเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็กำลัง
ดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดกำลังดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
[๑๕๔] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัญญาขันธ์ของบุคคลนั้นก็
กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดกำลังดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุโลมโอกาส
[๑๕๕] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดกำลังเกิด เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นรูปขันธ์กำลังเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังดับ
ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นรูปขันธ์กำลังเกิดและเวทนาขันธ์ก็กำลังดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดกำลังดับ รูปขันธ์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นเวทนาขันธ์กำลังดับ แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด
ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นเวทนาขันธ์กำลังดับและรูปขันธ์ก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๙๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
[๑๕๖] อนุ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดกำลังเกิด สัญญาขันธ์ในภูมินั้นก็กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัญญาขันธ์ในภูมิใดกำลังดับ เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๕๗] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
[๑๕๘] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัญญาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปัจจนีกบุคคล
[๑๕๙] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์ของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่เวทนาขันธ์มิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลผู้กำลังอุบัติในอรูปภูมิ
และบุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด
และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๙๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิและอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่รูปขันธ์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติใน
อรูปภูมิและบุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่
ใช่กำลังดับและรูปขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๑๖๐] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สัญญาขันธ์ของบุคคล
นั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลนั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัญญาขันธ์มิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่
กำลังดับ
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สัญญาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่เวทนาขันธ์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่
กำลังเกิด
ปัจจนีกโอกาส
[๑๖๑] รูปขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. กำลังดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ รูปขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๙๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปปันวาร
[๑๖๒] อนุ. เวทนาขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัญญาขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่
กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัญญาขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ เวทนาขันธ์ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๖๓] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด เวทนาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่เวทนาขันธ์มิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลผู้กำลังอุบัติ
ในอรูปภูมิและบุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดและเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิและอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่รูปขันธ์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติ
ในอรูปภูมิและบุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและรูปขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๑๖๔] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัญญาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้น่ในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัญญาขันธ์มิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลผู้
อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด
และสัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๙๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ เวทนาขันธ์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สัญญาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่เวทนาขันธ์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้
อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ
และเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด

๒. อตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีต
อนุโลมบุคคล
[๑๖๕] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดเคยเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็เคยดับ
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดเคยดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๖๖] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดเคยเกิด สัญญาขันธ์ของบุคคลนั้นก็
เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดเคยดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุโลมโอกาส
[๑๖๗] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดเคยเกิด ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๙๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๒. อตีตวาร
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๖๘] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่เคยดับ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและเวทนาขันธ์ก็เคยดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคย
ดับ แต่รูปขันธ์ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและรูปขันธ์ก็เคยเกิด
[๑๖๙] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สัญญาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัจจนีกบุคคล
[๑๗๐] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่
เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่เคยดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๙๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๒. อตีตวาร
[๑๗๑] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด สัญญาขันธ์ของบุคคลนั้น
ก็ไม่เคยดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดไม่เคยดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
ปัจจนีกโอกาส
[๑๗๒] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดไม่เคยเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๗๓] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด
แต่เวทนาขันธ์มิใช่ไม่เคยดับ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ รูปขันธ์ของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและเวทนาขันธ์ก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยดับ แต่รูปขันธ์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ เวทนาขันธ์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับและรูปขันธ์ก็ไม่เคยเกิด
[๑๗๔] เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สัญญาขันธ์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๙๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
๓. อนาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๑๗๕] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดจักเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดจักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติและบุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้ว
ปรินิพพาน เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่รูปขันธ์ไม่ใช่จักเกิด บุคคล
นอกนี้ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นจักดับและรูปขันธ์ก็จักเกิด
[๑๗๖] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดจักเกิด สัญญาขันธ์ของบุคคลนั้นจัก
ดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดจักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่
เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นจักดับและ
เวทนาขันธ์ก็จักเกิด
อนุโลมโอกาส
[๑๗๗] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดจักเกิด ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๗๘] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นจักเกิดและเวทนาขันธ์ก็จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๐๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อรูปภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่รูปขันธ์ไม่ใช่จักเกิด
บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจัก
ดับและรูปขันธ์ก็จักเกิด
[๑๗๙] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สัญญาขันธ์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักดับ แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจ-
โวการภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและเวทนาขันธ์ก็จักเกิด
ปัจจนีกบุคคล
[๑๘๐] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติ และบุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้ว
ปรินิพพาน รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่เวทนาขันธ์มิใช่จักไม่ดับ
บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและเวทนาขันธ์ก็ไม่
ใช่จักดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๐๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
[๑๘๑] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สัญญาขันธ์ของบุคคลนั้น
ก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด
แต่สัญญาขันธ์มิใช่จักไม่ดับ บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่จักเกิดและสัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัจจนีกโอกาส
[๑๘๒] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๘๓] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด เวทนาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อรูปภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่เวทนาขันธ์มิใช่จักไม่ดับ
บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและ
เวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักดับ แต่รูปขันธ์มิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน เวทนาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและรูปขันธ์ก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๐๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
[๑๘๔] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สัญญาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ปัจฉิมภวิกบุคคลผู้กำลังอุบัติ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่จักเกิด แต่สัญญาขันธ์มิใช่จักไม่ดับ บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน และบุคคลผู้
อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและ
สัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอดีต
อนุโลมบุคคล
[๑๘๕] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดกำลังเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็เคย
ดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดเคยดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ และบุคคลผู้กำลังอุบัติในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์
ของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจ-
โวการภูมิและอสัญญสัตตภูมิ เวทนาของบุคคลเหล่านั้นเคยดับและรูปขันธ์ก็กำลัง
เกิด ฯลฯ
(ในอุปปาทวาร ท่านจำแนกขันธยมกส่วนปัจจุบันกับอดีตไว้ฉันใด ใน
อุปปาทนิโรธวารนี้ ก็พึงจำแนกฉันนั้น)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๐๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๑๘๖] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดกำลังเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็จัก
ดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดจักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติและบุคคลผู้กำลังอุบัติในอรูปภูมิ เวทนาขันธ์
ของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจ-
โวการภูมิและอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นจักดับและรูปขันธ์ก็
กำลังเกิด
[๑๘๗] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดกำลังเกิด สัญญาขันธ์ของบุคคลนั้นก็
จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดจักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ และบุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ
สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลัง
อุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นจักดับและ
เวทนาขันธ์ก็กำลังเกิด
อนุโลมโอกาส
[๑๘๘] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดกำลังเกิด ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๐๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๘๙] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นกำลังเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับ บุคคลผู้กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ
รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและเวทนาขันธ์ก็จักดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิและบุคคลผู้กำลังอุบัติในอรูปภูมิ
เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่รูปขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้
กำลังอุบัติในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและ
รูปขันธ์ก็กำลังเกิด
[๑๙๐] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สัญญาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สัญญาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติใน
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและ
เวทนาขันธ์ก็กำลังเกิด
ปัจจนีกบุคคล
[๑๙๑] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่จักดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๐๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติและบุคคลผู้กำลังอุบัติในอรูปภูมิ รูปขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่เวทนาขันธ์มิใช่จักไม่ดับ บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน
รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๙๒] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สัญญาขันธ์ของบุคคล
นั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ และบุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ
เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัญญาขันธ์มิใช่จักไม่ดับ บุคคลผู้
กำลังปรินิพพาน เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสัญญาขันธ์ก็ไม่
ใช่จักดับ
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัจจนีกโอกาส
[๑๙๓] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๙๔] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด เวทนาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากปัญจโวการภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ
รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่เวทนาขันธ์มิใช่จักไม่ดับ
บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน และบุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๐๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่รูปขันธ์มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานและบุคคล
ผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ
และรูปขันธ์ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๑๙๕] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สัญญาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สัญญาขันธ์มิใช่จักไม่ดับ บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

๖. อตีตานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีตและที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๑๙๖] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดเคยเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่
เวทนาขันธ์ไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและ
เวทนาขันธ์ก็จักดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดจักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๐๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
[๑๙๗] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดเคยเกิด สัญญาขันธ์ของบุคคลนั้นก็จัก
ดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่
สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและ
สัญญาขันธ์ก็จักดับ
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดจักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุโลมโอกาส
[๑๙๘] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดเคยเกิด ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๙๙] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่เวทนาขันธ์ไม่ใช่
จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยเกิดและเวทนาขันธ์ก็จักดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ
เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่รูปขันธ์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้
อุบัติอยู่ในในปัญจโวการภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและ
รูปขันธ์ก็เคยเกิด
[๒๐๐] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สัญญาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๐๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด
แต่สัญญาขันธ์ไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ
เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและสัญญาขันธ์ก็จักดับ
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักดับ แต่เวทนาขันธ์ไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและ
ปัญจโวการภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและเวทนาขันธ์ก็
เคยเกิด
ปัจจนีกบุคคล
[๒๐๑] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
[๒๐๒] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดไม่เคยเกิด สัญญาขันธ์ของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้นก็ไม่เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปัจจนีกโอกาส
[๒๐๓] อนุ. รูปขันธ์ในภูมิใดไม่เคยเกิด ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๐๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๒๐๔] อนุ. รูปขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด เวทนาขันธ์ของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ รูปขันธ์
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่เวทนาขันธ์มิใช่จักไม่ดับ บุคคลผู้กำลัง
ปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิและอรูปภูมิ รูปขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคย
เกิดและเวทนาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ รูปขันธ์ของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในปัญจโวการภูมิ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่รูปขันธ์มิใช่
ไม่เคยเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิและอรูปภูมิ เวทนาขันธ์ของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและรูปขันธ์ก็ไม่เคยเกิด
[๒๐๕] อนุ. เวทนาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สัญญาขันธ์ของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิด แต่สัญญาขันธ์มิใช่จักไม่ดับ บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิ
และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ เวทนาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคย
เกิดและสัญญาขันธ์ก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สัญญาขันธ์ของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ เวทนาขันธ์ของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังปรินิพพาน สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
จักดับ แต่เวทนาขันธ์มิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้กำลังปรินิพพานในสุทธาวาสภูมิและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สัญญาขันธ์ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ
และเวทนาขันธ์ก็ไม่เคยเกิด
อุปปาทนิโรธวาร จบ
ปวัตติวาร จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๑๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๓. ปริญญาวาร ๒. อตีตวาร
๓. ปริญญาวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบัน
[๒๐๖] อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้รูปขันธ์ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนดรู้
เวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้เวทนาขันธ์ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนดรู้รูปขันธ์
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังกำหนดรู้รูปขันธ์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้
เวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังกำหนดรู้เวทนาขันธ์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้
รูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
๒. อตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีต
[๒๐๗] อนุ. บุคคลใดเคยกำหนดรู้รูปขันธ์ บุคคลนั้นก็เคยกำหนดรู้เวทนา-
ขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดเคยกำหนดรู้เวทนาขันธ์ บุคคลนั้นก็เคยกำหนดรู้รูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๑๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๓. ปริญญาวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. บุคคลใดไม่เคยกำหนดรู้รูปขันธ์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยกำหนดรู้
เวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยกำหนดรู้เวทนาขันธ์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยกำหนดรู้รูปขันธ์
ใช่ไหม
วิ. ใช่
๓. อนาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอนาคต
[๒๐๘] อนุ. บุคคลใดจักกำหนดรู้รูปขันธ์ บุคคลนั้นก็จักกำหนดรู้เวทนาขันธ์
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักกำหนดรู้เวทนาขันธ์ บุคคลนั้นก็จักกำหนดรู้รูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่จักกำหนดรู้รูปขันธ์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักกำหนดรู้
เวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักกำหนดรู้เวทนาขันธ์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักกำหนดรู้รูป-
ขันธ์ใช่ไหม
วิ. ใช่
๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอดีต
[๒๐๙] อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้รูปขันธ์ บุคคลนั้นก็เคยกำหนดรู้
เวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๑๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๓. ปริญญาวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. บุคคลใดเคยกำหนดรู้เวทนาขันธ์ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนดรู้รูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำหนดรู้รูปขันธ์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยกำหนดรู้เวทนาขันธ์
ใช่ไหม
วิ. อรหันตบุคคลไม่ใช่กำลังกำหนดรู้รูปขันธ์ แต่มิใช่ไม่เคยกำหนดรู้
เวทนาขันธ์ เว้นบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคลแล้ว
บุคคลที่เหลือไม่ใช่กำลังกำหนดรู้รูปขันธ์และก็ไม่เคยกำหนดรู้เวทนาขันธ์
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยกำหนดรู้เวทนาขันธ์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้
รูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคไม่เคยกำหนดรู้เวทนาขันธ์ แต่มิ
ใช่ไม่กำลังกำหนดรู้รูปขันธ์ เว้นบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันต-
บุคคลแล้ว บุคคลที่เหลือไม่เคยกำหนดรู้เวทนาขันธ์และก็ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้รูปขันธ์
๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอนาคต
[๒๑๐] อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้รูปขันธ์ บุคคลนั้นก็จักกำหนดรู้
เวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักกำหนดรู้เวทนาขันธ์ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนดรู้รูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังกำหนดรู้รูปขันธ์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักกำหนดรู้
เวทนาขันธ์ใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักได้มรรค บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังกำหนดรู้รูปขันธ์
แต่มิใช่จักไม่กำหนดรู้เวทนาขันธ์ อรหันตบุคคลและบุคคลผู้เป็นปุถุชนเหล่าใดจัก
ไม่ได้มรรค อรหันตบุคคลและบุคคลผู้เป็นปุถุชนเหล่านั้นไม่ใช่กำลังกำหนดรู้รูปขันธ์
และก็ไม่ใช่จักกำหนดรู้เวทนาขันธ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๑๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๒. ขันธยมก] ๓. ปริญญาวาร ๖. อตีตานาคตวาร
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักกำหนดรู้เวทนาขันธ์ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้
รูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคไม่ใช่จักกำหนดรู้เวทนาขันธ์ แต่
มิใช่ไม่กำลังกำหนดรู้รูปขันธ์ อรหันตบุคคลและบุคคลผู้เป็นปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้
มรรค อรหันตบุคคลและบุคคลผู้เป็นปุถุชนเหล่านั้นไม่ใช่จักกำหนดรู้เวทนาขันธ์
และก็ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้รูปขันธ์
๖. อตีตานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีตและที่เป็นอนาคต
[๒๑๑] อนุ. บุคคลใดเคยกำหนดรู้รูปขันธ์ บุคคลนั้นก็จักกำหนดรู้เวทนาขันธ์
ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักกำหนดรู้เวทนาขันธ์ บุคคลนั้นก็เคยกำหนดรู้รูปขันธ์ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่เคยกำหนดรู้รูปขันธ์ บุคคลนั้นไม่ใช่จักกำหนดรู้เวทนาขันธ์
ใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักได้มรรค บุคคลเหล่านั้นไม่เคยกำหนดรู้รูปขันธ์ แต่มิ
ใช่จักไม่กำหนดรู้เวทนาขันธ์ บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและบุคคลผู้
เป็นปุถุชนเหล่าใดจักไม่ได้มรรค บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและบุคคลผู้
เป็นปุถุชนเหล่านั้นไม่เคยกำหนดรู้รูปขันธ์และก็ไม่ใช่จักกำหนดรู้เวทนาขันธ์
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักกำหนดรู้เวทนาขันธ์ บุคคลนั้นก็ไม่เคยกำหนดรู้รูปขันธ์
ใช่ไหม
วิ. อรหันตบุคคลไม่ใช่จักกำหนดรู้เวทนาขันธ์ แต่มิใช่ไม่เคยกำหนดรู้
รูปขันธ์ บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและบุคคลผู้เป็นปุถุชนเหล่าใดจักไม่
ได้มรรค บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและบุคคลผู้เป็นปุถุชนเหล่านั้นไม่ใช่
จักกำหนดรู้เวทนาขันธ์และก็ไม่เคยกำหนดรู้รูปขันธ์
ปริญญาวาร จบ
ขันธยมก จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๑๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๑. ปทโสธนวาร
๓. อายตนยมก
๑. ปัณณัตติวารอุทเทส
[๑] อายตนะ ๑๒ คือ

๑. จักขายตนะ ๒. โสตายตนะ
๓. ฆานายตนะ ๔. ชิวหายตนะ
๕. กายายตนะ ๖. รูปายตนะ
๗. สัททายตนะ ๘. คันธายตนะ
๙. รสายตนะ ๑๐. โผฏฐัพพายตนะ
๑๑. มนายตนะ ๑๒. ธัมมายตนะ

๑. ปทโสธนวาร
ว่าด้วยการอธิบายคำของแต่ละบท
อนุโลม

[๒] จักขุ เป็นจักขายตนะใช่ไหม จักขายตนะ เป็นจักขุใช่ไหม
โสตะ เป็นโสตายตนะใช่ไหม โสตายตนะ เป็นโสตะใช่ไหม
ฆานะ เป็นฆานายตนะใช่ไหม ฆานายตนะ เป็นฆานะใช่ไหม
ชิวหา เป็นชิวหายตนะใช่ไหม ชิวหายตนะ เป็นชิวหาใช่ไหม
กาย เป็นกายายตนะใช่ไหม กายายตนะ เป็นกายใช่ไหม
รูป เป็นรูปายตนะใช่ไหม รูปายตนะ เป็นรูปใช่ไหม
สัททะ เป็นสัททายตนะใช่ไหม สัททายตนะ เป็นสัททะใช่ไหม
คันธะ เป็นคันธายตนะใช่ไหม คันธายตนะ เป็นคันธะใช่ไหม
รสะ เป็นรสายตนะใช่ไหม รสายตนะ เป็นรสะใช่ไหม
โผฏฐัพพะ เป็นโผฏฐัพพายตนะใช่ไหม โผฏฐัพพายตนะ เป็นโผฏฐัพพะใช่ไหม
มนะ เป็นมนายตนะใช่ไหม มนายตนะ เป็นมนะใช่ไหม
ธัมมะ เป็นธัมมายตนะใช่ไหม ธัมมายตนะ เป็นธัมมะใช่ไหม(๑๐)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๑๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๑. ปทโสธนวาร
ปัจจนีกะ

[๓] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขายตนะ ไม่เป็นจักขุใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตะ ไม่เป็นโสตายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตายตนะ ไม่เป็นโสตะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานะ ไม่เป็นฆานายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานายตนะ ไม่เป็นฆานะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นชิวหา ไม่เป็นชิวหายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นชิวหายตนะ ไม่เป็นชิวหาใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นกายายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกายายตนะ ไม่เป็นกายใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นรูปายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปายตนะ ไม่เป็นรูปใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัททะ ไม่เป็นสัททายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัททายตนะ ไม่เป็นสัททะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นคันธะ ไม่เป็นคันธายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นคันธายตนะ ไม่เป็นคันธะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรสะ ไม่เป็นรสายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรสายตนะ ไม่เป็นรสะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นโผฏฐัพพะ ไม่เป็นโผฏฐัพพายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นโผฏฐัพพายตนะ ไม่เป็นโผฏฐัพพะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมนะ ไม่เป็นมนายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมนายตนะ ไม่เป็นมนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นธัมมะ ไม่เป็นธัมมายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นธัมมายตนะ ไม่เป็นธัมมะใช่ไหม (๑๑)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๑๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
ว่าด้วยการอธิบายคำของบทโดยยึดบทประธานเป็นหลักดุจกงจักร
อนุโลม

[๔] จักขุ เป็นจักขายตนะใช่ไหม อายตนะ เป็นโสตายตนะใช่ไหม
จักขุ เป็นจักขายตนะใช่ไหม อายตนะ เป็นฆานายตนะใช่ไหม
จักขุ เป็นจักขายตนะใช่ไหม อายตนะ เป็นชิวหายตนะใช่ไหม ฯลฯ
จักขุ เป็นจักขายตนะใช่ไหม อายตนะ เป็นธัมมายตนะใช่ไหม (๑)
โสตะ เป็นโสตายตนะใช่ไหม อายตนะ เป็นจักขายตนะใช่ไหม
โสตะ เป็นโสตายตนะใช่ไหม อายตนะ เป็นฆานายตนะใช่ไหม ฯลฯ
โสตะ เป็นโสตายตนะใช่ไหม อายตนะ เป็นธัมมายตนะใช่ไหม (๒)
ฆานะ เป็นฆานายตนะใช่ไหม อายตนะ เป็นจักขายตนะใช่ไหม
ฯลฯ อายตนะ เป็นธัมมายตนะใช่ไหม ฯลฯ
(๓-๑๑)
ธัมมะ เป็นธัมมายตนะใช่ไหม อายตนะ เป็นจักขายตนะใช่ไหม
ธัมมะ เป็นธัมมายตนะใช่ไหม อายตนะ เป็นโสตายตนะใช่ไหม ฯลฯ
ธัมมะ เป็นธัมมายตนะใช่ไหม อายตนะ เป็นมนายตนะใช่ไหม (๑๒)

(พึงผูกเป็นจักกนัย)
ปัจจนีกะ

[๕] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นโสตายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นฆานายตนะใช่ไหม ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นธัมมายตนะใช่ไหม (๑)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๑๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๓. สุทธายตนวาร

สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตะ ไม่เป็นโสตายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นจักขายตนะใช่ไหม ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตะ ไม่เป็นโสตายตนะใช่ไหม ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นธัมมายตนะใช่ไหม (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานะ ไม่เป็นฆานายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นจักขายตนะใช่ไหม ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานะ ไม่เป็นฆานายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นธัมมายตนะใช่ไหมฯลฯ(๓-๑๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นธัมมะ ไม่เป็นธัมมายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นจักขายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นธัมมะ ไม่เป็นธัมมายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นโสตายตนะใช่ไหม ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นธัมมะ ไม่เป็นธัมมายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นมนายตนะใช่ไหม (๑๒) (๑๓)

(พึงผูกเป็นจักกนัย)
๓. สุทธายตนวาร
ว่าด้วยการอธิบายอายตนะล้วน ๆ
อนุโลม

[๖] จักขุ เป็นจักขายตนะใช่ไหม จักขายตนะ เป็นจักขุใช่ไหม
โสตะ เป็นโสตายตนะใช่ไหม โสตายตนะ เป็นโสตะใช่ไหม
ฆานะ เป็นฆานายตนะใช่ไหม ฆานายตนะ เป็นฆานะใช่ไหม
ชิวหา เป็นชิวหายตนะใช่ไหม ชิวหายตนะ เป็นชิวหาใช่ไหม
กาย เป็นกายายตนะใช่ไหม กายายตนะ เป็นกายใช่ไหม
รูป เป็นรูปายตนะใช่ไหม รูปายตนะ เป็นรูปใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๑๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๓. สุทธายตนวาร

สัททะ เป็นสัททายตนะใช่ไหม สัททายตนะ เป็นสัททะใช่ไหม
คันธะ เป็นคันธายตนะใช่ไหม คันธายตนะ เป็นคันธะใช่ไหม
รสะ เป็นรสายตนะใช่ไหม รสายตนะ เป็นรสะใช่ไหม
โผฏฐัพพะ เป็นโผฏฐัพพายตนะใช่ไหม โผฏฐัพพายตนะ เป็นโผฏฐัพพะใช่ไหม
มนะ เป็นมนายตนะใช่ไหม มนายตนะ เป็นมนะใช่ไหม
ธัมมะ เป็นธัมมายตนะใช่ไหม ธัมมายตนะ เป็นธัมมะใช่ไหม(๑๔)

ปัจจนีกะ

[๗] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นจักขุใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตะ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นโสตะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานะ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นฆานะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นชิวหา ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นชิวหาใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นกายใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นรูปใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัททะ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นสัททะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นคันธะ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นคันธะใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๑๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๔. สุทธายตนมูลจักกวาร

สภาวธรรมที่ไม่เป็นรสะ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นรสะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นโผฏฐัพพะ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นโผฏฐัพพะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมนะ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นมนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นธัมมะ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นธัมมะใช่ไหม (๑๕)

๔. สุทธายตนมูลจักกวาร
ว่าด้วยการอธิบายคำของบทที่มีอายตนะล้วน ๆ เป็นมูลดุจกงจักร
อนุโลม

[๘] จักขุ เป็นอายตนะใช่ไหม อายตนะ เป็นโสตะใช่ไหม ฯลฯ
จักขุ เป็นอายตนะใช่ไหม อายตนะ เป็นธัมมะใช่ไหม (๑)
โสตะ เป็นอายตนะใช่ไหม อายตนะ เป็นจักขุใช่ไหม ฯลฯ
โสตะ เป็นอายตนะใช่ไหม อายตนะ เป็นธัมมะใช่ไหม (๒)
ฆานะ เป็นอายตนะใช่ไหม อายตนะ เป็นจักขุใช่ไหม ฯลฯ
ฆานะ เป็นอายตนะใช่ไหม อายตนะ เป็นธัมมะใช่ไหม ฯลฯ (๓-๑๑)
ธัมมะ เป็นอายตนะใช่ไหม อายตนะ เป็นจักขุใช่ไหม
ธัมมะ เป็นอายตนะใช่ไหม อายตนะ เป็นโสตะใช่ไหม ฯลฯ
ธัมมะ เป็นอายตนะใช่ไหม อายตนะ เป็นมนะใช่ไหม (๑๒) (๑๖)

(พึงผูกเป็นจักกนัย)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๒๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๔. สุทธายตนมูลจักกวาร
ปัจจนีกะ

[๙] สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นโสตะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นธัมมะใช่ไหม (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตะ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นจักขุใช่ไหม ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตะ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นธัมมะใช่ไหม (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานะ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นจักขุใช่ไหม ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานะ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นธัมมะใช่ไหม ฯลฯ (๓-๑๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นธัมมะ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นจักขุใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นธัมมะ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นโสตะใช่ไหม ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นธัมมะ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นมนะใช่ไหม (๑๒) (๑๗)

(พึงผูกเป็นจักกนัย)
ปัณณัตติวารอุทเทส จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๒๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
๑. ปัณณัตติวารนิทเทส
๑. ปทโสธนวาร
อนุโลม
จักขายตนมูลกนัย
[๑๐] อนุ. จักขุ เป็นจักขายตนะใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขายตนะ จักขายตนะ
เป็นจักขุก็ใช่ เป็นจักขายตนะก็ใช่
ปฏิ. จักขายตนะ เป็นจักขุใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. โสตะ เป็นโสตายตนะใช่ไหม
วิ. ทิพพโสตะ ตัณหาโสตะ เป็นโสตะ แต่ไม่เป็นโสตายตนะ โสตายตนะ
เป็นโสตะก็ใช่ เป็นโสตายตนะก็ใช่
ปฏิ. โสตายตนะ เป็นโสตะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานะ เป็นฆานายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ฆานายตนะ เป็นฆานะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ชิวหา เป็นชิวหายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ชิวหายตนะ เป็นชิวหาใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๒๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
อนุ. กาย เป็นกายายตนะใช่ไหม
วิ. เว้นกายายตนะแล้ว กายที่เหลือเป็นกาย แต่ไม่เป็นกายายตนะ กายา-
ยตนะ เป็นกายก็ใช่ เป็นกายายตนะก็ใช่
ปฏิ. กายายตนะ เป็นกายใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. รูป เป็นรูปายตนะใช่ไหม
วิ. เว้นรูปายตนะแล้ว รูปที่เหลือเป็นรูป แต่ไม่เป็นรูปายตนะ รูปายตนะ
เป็นรูปก็ใช่ เป็นรูปายตนะก็ใช่
ปฏิ. รูปายตนะ เป็นรูปใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สัททะ เป็นสัททายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัททายตนะ เป็นสัททะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. คันธะ เป็นคันธายตนะใช่ไหม
วิ. สีลคันธะ(กลิ่นคือศีล) สมาธิคันธะ(กลิ่นคือสมาธิ) ปัญญาคันธะ(กลิ่น
คือปัญญา) เป็นคันธะ แต่ไม่เป็นคันธายตนะ คันธายตนะ เป็นคันธะก็ใช่ เป็น
คันธายตนะก็ใช่
ปฏิ. คันธายตนะ เป็นคันธะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. รสะ เป็นรสายตนะใช่ไหม
วิ. อรรถรส ธรรมรส วิมุตติรส เป็นรสะ แต่ไม่เป็นรสายตนะ รสายตนะ
เป็นรสะก็ใช่ เป็นรสายตนะก็ใช่
ปฏิ. รสายตนะ เป็นรสะใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๒๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
อนุ. โผฏฐัพพะ เป็นโผฏฐัพพายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โผฏฐัพพายตนะ เป็นโผฏฐัพพะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. มนะ เป็นมนายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนายตนะ เป็นมนะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ธัมมะ เป็นธัมมายตนะใช่ไหม
วิ. เว้นธัมมายตนะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นธัมมะ แต่ไม่เป็นธัมมายตนะ
ธัมมายตนะ เป็นธัมมะก็ใช่ เป็นธัมมายตนะก็ใช่
ปฏิ. ธัมมายตนะ เป็นธัมมะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัจจนีกะ
[๑๑] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขายตนะ ไม่เป็นจักขุใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ ไม่เป็นจักขายตนะ แต่เป็นจักขุ เว้นจักขุและ
จักขายตนะแล้ว รูปที่เหลือไม่เป็นจักขุก็ใช่ ไม่เป็นจักขายตนะก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตะ ไม่เป็นโสตายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตายตนะ ไม่เป็นโสตะใช่ไหม
วิ. ทิพพโสตะ ตัณหาโสตะ ไม่เป็นโสตายตนะ แต่เป็นโสตะ เว้นโสตะและ
โสตายตนะแล้ว รูปที่เหลือไม่เป็นโสตะก็ใช่ ไม่เป็นโสตายตนะก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๒๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานะ ไม่เป็นฆานายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานายตนะ ไม่เป็นฆานะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นชิวหา ไม่เป็นชิวหายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นชิวหายตนะ ไม่เป็นชิวหาใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นกายายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกายายตนะ ไม่เป็นกายใช่ไหม
วิ. เว้นกายายตนะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นกายายตนะ แต่เป็นกาย
เว้นกายและกายายตนะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นกายก็ใช่ ไม่เป็นกายายตนะก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นรูปายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปายตนะ ไม่เป็นรูปใช่ไหม
วิ. เว้นรูปายตนะแล้ว รูปที่เหลือไม่เป็นรูปายตนะ แต่เป็นรูป เว้นรูปและ
รูปายตนะแล้ว รูปที่เหลือไม่เป็นรูปก็ใช่ ไม่เป็นรูปายตนะก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัททะ ไม่เป็นสัททายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัททายตนะ ไม่เป็นสัททะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นคันธะ ไม่เป็นคันธายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๒๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นคันธายตนะ ไม่เป็นคันธะใช่ไหม
วิ. สีลคันธะ สมาธิคันธะ ปัญญาคันธะ ไม่เป็นคันธายตนะ แต่เป็นคันธะ
เว้นคันธะและคันธายตนะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นคันธะก็ใช่ ไม่เป็นคันธา-
ยตนะก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรสะ ไม่เป็นรสายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรสายตนะ ไม่เป็นรสะใช่ไหม
วิ. อรรถรส ธรรมรส วิมุตติรส ไม่เป็นรสายตนะ แต่เป็นรสะ เว้นรสะและ
รสายตนะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นรสะก็ใช่ ไม่เป็นรสายตนะก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโผฏฐัพพะ ไม่เป็นโผฏฐัพพายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโผฏฐัพพายตนะ ไม่เป็นโผฏฐัพพะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมนะ ไม่เป็นมนายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมนายตนะ ไม่เป็นมนะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธัมมะ ไม่เป็นธัมมายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธัมมายตนะ ไม่เป็นธัมมะใช่ไหม
วิ. เว้นธัมมายตนะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นธัมมายตนะ แต่เป็นธัมมะ
เว้นธัมมะและธัมมายตนะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นธัมมะก็ใช่ ไม่เป็นธัมมา-
ยตนะก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๒๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุโลม
[๑๒] อนุ. จักขุ เป็นจักขายตนะใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขายตนะ จักขายตนะ
เป็นจักขุก็ใช่ เป็นจักขายตนะก็ใช่
ปฏิ. อายตนะ เป็นโสตายตนะใช่ไหม
วิ. โสตายตนะ เป็นอายตนะก็ใช่ เป็นโสตายตนะก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอายตนะ แต่ไม่เป็นโสตายตนะ
อนุ. จักขุ เป็นจักขายตนะใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุ แต่ไม่เป็นจักขายตนะ จักขายตนะ
เป็นจักขุก็ใช่ เป็นจักขายตนะก็ใช่
ปฏิ. อายตนะ เป็นฆานายตนะใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. อายตนะ เป็นธัมมายตนะใช่ไหม
วิ. ธัมมายตนะ เป็นอายตนะก็ใช่ เป็นธัมมายตนะก็ใช่ สภาวธรรมที่
เหลือเป็นอายตนะ แต่ไม่เป็นธัมมายตนะ
อนุ. โสตะ เป็นโสตายนะใช่ไหม ฯลฯ สภาวธรรมที่เหลือเป็นอายตนะ
แต่ไม่เป็นธัมมายตนะ ฯลฯ
อนุ. ธัมมะ เป็นธัมมายตนะใช่ไหม
วิ. เว้นธัมมายตนะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นธัมมะ แต่ไม่เป็นธัมมายตนะ
ธัมมายตนะ เป็นธัมมะก็ใช่ เป็นธัมมายตนะก็ใช่
ปฏิ. อายตนะ เป็นจักขายตนะใช่ไหม
วิ. จักขายตนะ เป็นอายตนะก็ใช่ เป็นจักขายตนะก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอายตนะ แต่ไม่เป็นจักขายตนะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๒๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุ. ธัมมะ เป็นธัมมายตนะใช่ไหม
วิ. เว้นธัมมายตนะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือเป็นธัมมะ แต่ไม่เป็นธัมมายตนะ
ธัมมายตนะ เป็นธัมมะก็ใช่ เป็นธัมมายตนะก็ใช่
ปฏิ. อายตนะ เป็นโสตายตนะใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. อายตนะ เป็นมนายตนะใช่ไหม
วิ. มนายตนะ เป็นอายตนะก็ใช่ เป็นมนายตนะก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอายตนะ แต่ไม่เป็นมนายตนะ
(ผู้มีปัญญาพึงผูกเป็นจักกนัยที่มีบทแต่ละบทเป็นมูล)
ปัจจนีกะ
[๑๓] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นโสตายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นฆานายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่ ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นธัมมายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่ (๑)
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตะ ไม่เป็นโสตายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นจักขายตนะใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นธัมมายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๒๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธายตนวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานะ ไม่เป็นฆานายตนะใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นธัมมายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่ ฯลฯ (๒-๑๑)
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธัมมะ ไม่เป็นธัมมายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นจักขายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธัมมะ ไม่เป็นธัมมายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นโสตายตนะใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นมนายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่ (๑๒)
(เมื่อผูกเป็นจักกนัยแล้ว พึงเพิ่มคำว่า อามนฺตา (ใช่) ทุก ๆ บท)
๓. สุทธายตนวาร
อนุโลม
[๑๔] อนุ. จักขุ เป็นอายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อายตนะ เป็นจักขายตนะใช่ไหม
วิ. จักขายตนะ เป็นอายตนะก็ใช่ เป็นจักขายตนะก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอายตนะ แต่ไม่เป็นจักขายตนะ
อนุ. โสตะ เป็นอายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่ ฯลฯ ฆานะ ฯลฯ ชิวหา ฯลฯ กาย ฯลฯ รูป ฯลฯ สัททะ ฯลฯ
คันธะ ฯลฯ รสะ ฯลฯ โผฏฐัพพะ ฯลฯ มนะ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๒๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธายตนวาร
อนุ. ธัมมะ เป็นอายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อายตนะ เป็นธัมมายตนะใช่ไหม
วิ. ธัมมายตนะ เป็นอายตนะก็ใช่ เป็นธัมมายตนะก็ใช่ สภาวธรรมที่
เหลือเป็นอายตนะ แต่ไม่เป็นธัมมายตนะ
ปัจจนีกะ
[๑๕] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
วิ. เว้นจักขุแล้ว อายตนะที่เหลือ ไม่เป็นจักขุ แต่เป็นอายตนะ เว้นจักขุ
และอายตนะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจักขุก็ใช่ ไม่เป็นอายตนะก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นจักขายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตะ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
วิ. เว้นโสตะแล้ว ฯลฯ เว้นฆานะแล้ว ฯลฯ เว้นชิวหาแล้ว ฯลฯ ไม่
เป็นอายตนะ ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นกายายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
วิ. เว้นรูปแล้ว ฯลฯ เว้นสัททะแล้ว เว้นคันธะแล้ว ฯลฯ เว้นรสะแล้ว ฯลฯ
เว้นโผฏฐัพพะแล้ว ฯลฯ ไม่เป็นอายตนะ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นโผฏฐัพพายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมนะ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
วิ. เว้นมนะแล้ว อายตนะที่เหลือไม่เป็นมนะ แต่เป็นอายตนะ เว้นมนะ
และอายตนะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นมนะก็ใช่ ไม่เป็นอายตนะก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๓๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธายตนมูลจักกวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นมนายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธัมมะ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นธัมมายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
๔. สุทธายตนมูลจักกวาร
อนุโลม
[๑๖] อนุ. จักขุ เป็นอายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อายตนะ เป็นโสตายตนะใช่ไหม
วิ. โสตายตนะ เป็นอายตนะก็ใช่ เป็นโสตายตนะก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอายตนะ แต่ไม่เป็นโสตายตนะ
อนุ. จักขุ เป็นอายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อายตนะ เป็นฆานายตนะใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. อายตนะ เป็นธัมมายตนะใช่ไหม
วิ. ธัมมายตนะ เป็นอายตนะก็ใช่ เป็นธัมมายตนะก็ใช่ สภาวธรรมที่
เหลือเป็นอายตนะ แต่ไม่เป็นธัมมายตนะ (๑)
อนุ. โสตะ เป็นอายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อายตนะ เป็นจักขายตนะใช่ไหม ฯลฯ ไม่เป็นจักขายตนะ ฯลฯ
ปฏิ. อายตนะ เป็นธัมมายตนะใช่ไหม ฯลฯ ไม่เป็นธัมมายตนะ (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๓๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธายตนมูลจักกวาร
อนุ. ฆานะ เป็นอายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อายตนะ เป็นจักขายตนะใช่ไหม ฯลฯ
วิ. ใช่
ปฏิ. อายตนะ เป็นธัมมายตนะใช่ไหม ฯลฯ ไม่เป็นธัมมายตนะ ฯลฯ (๓-๑๑)
อนุ. ธัมมะ เป็นอายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. อายตนะ เป็นจักขายตนะใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. อายตนะ เป็นมนายตนะใช่ไหม
วิ. มนายตนะ เป็นอายตนะก็ใช่ เป็นมนายตนะก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นอายตนะ แต่ไม่เป็นมนายตนะ (๑๒) (พึงผูกเป็นจักกนัย)
ปัจจนีกะ
[๑๗] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
วิ. เว้นจักขุแล้ว อายตนะที่เหลือไม่เป็นจักขุ แต่เป็นอายตนะ เว้นจักขุและ
อายตนะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจักขุก็ใช่ ไม่เป็นอายตนะก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นโสตายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
วิ. เว้นจักขุแล้ว อายตนะที่เหลือไม่เป็นจักขุ แต่เป็นอายตนะ เว้นจักขุและ
อายตนะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจักขุก็ใช่ ไม่เป็นอายตนะก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นฆานายตนะใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นธัมมายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่ (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๓๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธายตนมูลจักกวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตะ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
วิ. เว้นโสตะแล้ว ฯลฯ เว้นฆานะแล้ว ฯลฯ เว้นชิวหาแล้ว ฯลฯ ไม่
เป็นอายตนะ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นธัมมายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่ (๔)
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นจักขายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่ ฯลฯ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นธัมมายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่ ฯลฯ (๕-๑๑)
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธัมมะ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นจักขายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธัมมะ ไม่เป็นอายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นโสตายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่ ฯลฯ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นอายตนะ ไม่เป็นมนายตนะใช่ไหม
วิ. ใช่ (๑๒) (พึงผูกเป็นจักกนัย)
ปัณณัตติวารนิทเทส จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๓๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบัน
อนุโลมบุคคล
จักขายตนมูลกนัย
[๑๘] อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดกำลังเกิด โสตายตนะของบุคคลนั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้โสตะเกิดไม่ได้๑ กำลังอุบัติ จักขายตนะของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่โสตายตนะไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุและโสตะเกิดได้๒
กำลังอุบัติ จักขายตนะของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและโสตายตนะก็กำลังเกิด
ปฏิ. โสตายตนะของบุคคลใดกำลังเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีโสตะเกิดได้จักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ โสตายตนะของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีโสตะและจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ
โสตายตนะของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและจักขายตนะก็กำลังเกิด
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดกำลังเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้ฆานะเกิดไม่ได้๑กำลังอุบัติ จักขายตนะของบุคคลเหล่า
นั้นกำลังเกิด แต่ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุและฆานะเกิดได้๒กำลังอุบัติ

เชิงอรรถ :
๑ คำบาลีว่า สจกฺขุกานํ อโสตกานํ ท่านหมายถึงสัตว์ผู้เป็นโอปปาติกะ ในอบายภูมิที่มีหูหนวกแต่กำเนิด
เพราะเกิดมามีแต่จักขุไม่มีโสตะ เช่น พวกเปรต อสุรกาย เป็นต้น (อภิ.ปญฺจ.อ. ๑๘-๒๑/๓๕๓)
๒ คำบาลีว่า สจกฺขุกานํ สโสตกานํ ท่านหมายถึงสัตว์ผู้มีอายตนะบริบูรณ์ในสุคติภูมิ ทุคติภูมิ และพวก
รูปพรหมผู้เป็นโอปปาติกะ เพราะเกิดมามีจักขุและโสตะบริบูรณ์ (อภิ.ปญฺจ.อ. ๑๘-๒๑/๓๕๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๓๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
จักขายตนะของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและฆานายตนะก็กำลังเกิด
ปฏิ. ฆานายตนะของบุคคลใดกำลังเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้จักขุเกิดไม่ได้๓ กำลังอุบัติ ฆานายตนะของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะและจักขุเกิดได้๔
กำลังอุบัติ ฆานายตนะของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและจักขายตนะก็กำลังเกิด
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดกำลังเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. รูปายตนะของบุคคลใดกำลังเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีรูปเกิดได้จักขุเกิดไม่ได้๕ กำลังอุบัติ รูปายตนะของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ
รูปายตนะของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและจักขายตนะก็กำลังเกิด
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดกำลังเกิด มนายตนะของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนายตนะของบุคคลใดกำลังเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม

เชิงอรรถ :
๑ คำบาลีว่า สจกฺขุกานํ อฆานกานํ ท่านหมายถึงพรหมปาริสัชชา (อภิ.ปญฺจ.อ. ๑๘-๒๑/๓๕๓)
๒ คำบาลีว่า สจกฺขุกานํ สฆานกานํ ท่านหมายถึงโอปปาติกสัตว์ผู้หูหนวกโดยกำเนิดและมีอายตนะบริบูรณ์
(อภิ.ปญฺจ.อ. ๑๘-๒๑/๓๕๔)
๓ คำบาลีว่า สฆานกานํ อจกฺขุกานํ ท่านหมายถึงโอปปาติกสัตว์ผู้บอดและหนวกมาแต่กำเนิด (อภิ.ปญฺจ.อ.
๑๘-๑๒/๓๕๔)
๔ คำบาลีว่า สฆานกานํ สจกฺขุกานํ ท่านหมายถึงโอปปาติกสัตว์ผู้มีอายตนะบริบูรณ์ (อภิ.ปญฺจ.อ. ๑๘-
๒๑/๓๕๔)
๕ หมายถึงคัพภเสยยกสัตว์และโอปปาติกสัตว์ผู้บอดและหนวกโดยกำเนิด (อภิ.ปญฺจ.อ. ๑๘-๒๑/๓๕๔)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๓๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้จักขุเกิดไม่ได้๑ กำลังอุบัติ มนายตนะของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ
มนายตนะของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและจักขายตนะก็กำลังเกิด
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดกำลังเกิด ธัมมายตนะของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดกำลังเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ธัมมายตนะของบุคคลเหล่านั้นกำลัง
เกิด แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ ธัมมายตนะ
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและจักขายตนะก็กำลังเกิด
จักขายตนมูลกนัย จบ

ฆานายตนมูลกนัย
[๑๙] อนุ. ฆานายตนะของบุคคลใดกำลังเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. รูปายตนะของบุคคลใดกำลังเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีรูปเกิดได้ฆานะเกิดไม่ได้๒กำลังอุบัติ รูปายตนะของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ
รูปายตนะของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและฆานายตนะก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานายตนะของบุคคลใดกำลังเกิด มนายตนะของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่

เชิงอรรถ :
๑ หมายถึงอรูปพรหมและโอปปาติกสัตว์ ๓ จำพวกผู้บอดโดยกำเนิดเป็นต้น (อภิ.ปญฺจ.อ. ๑๘-๒๑/๓๕๔)
๒ หมายถึงคัพภเสยยกสัตว์ อสัญญสัตว์ และรูปพรหมที่เหลือ (อภิ.ปญฺจ.อ. ๑๘-๒๑/๓๕๔)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๓๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. มนายตนะของบุคคลใดกำลังเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้ฆานะเกิดไม่ได้๑กำลังอุบัติ มนายตนะของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ
มนายตนะของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและฆานายตนะก็กำลังเกิด
อนุ. ฆานายตนะของบุคคลใดกำลังเกิด ธัมมายตนะของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดกำลังเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ธัมมายตนะของบุคคลเหล่านั้นกำลัง
เกิด แต่ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ ธัมมายตนะ
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและฆานายตนะก็กำลังเกิด
ฆานายตนมูลกนัย จบ

รูปายตนมูลกนัย
[๒๐] อนุ. รูปายตนะของบุคคลใดกำลังเกิด มนายตนะของบุคคลนั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ รูปายตนะของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด
แต่มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีรูปและจิตเกิดได้กำลังอุบัติ รูปายตนะของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและมนายตนะก็กำลังเกิด
ปฏิ. มนายตนะของบุคคลใดกำลังเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่
ไหม
วิ. บุคคลผู้มีรูปเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มนายตนะของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด

เชิงอรรถ :
๑ หมายถึงคัพภเสยยกสัตว์ รูปพรหม และอรูปพรหม (อภิ.ปญฺจ.อ. ๑๘-๒๑/๓๕๔)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๓๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
แต่รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจิตและรูปเกิดได้กำลังอุบัติ มนายตนะของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและรูปายตนะก็กำลังเกิด
อนุ. รูปายตนะของบุคคลใดกำลังเกิด ธัมมายตนะของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดกำลังเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีรูปเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ธัมมายตนะของบุคคลเหล่านั้นกำลัง
เกิด แต่รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีรูปเกิดได้กำลังอุบัติ ธัมมายตนะของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและรูปายตนะก็กำลังเกิด
รูปายตนมูลกนัย จบ

มนายตนมูลกนัย
[๒๑] อนุ. มนายตนะของบุคคลใดกำลังเกิด ธัมมายตนะของบุคคลนั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดกำลังเกิด มนายตนะของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ธัมมายตนะของบุคคลเหล่านั้นกำลัง
เกิด แต่มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจิตเกิดได้กำลังอุบัติ ธัมมายตนะของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและมนายตนะก็กำลังเกิด
มนายตนมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๓๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุโลมโอกาส
จักขายตนมูลกนัย
[๒๒] อนุ. จักขายตนะในภูมิใดกำลังเกิด โสตายตนะในภูมินั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสตายตนะในภูมิใดกำลังเกิด จักขายตนะในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขายตนะในภูมิใดกำลังเกิด ฆานายตนะในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นจักขายตนะกำลังเกิด แต่ฆานายตนะไม่ใช่กำลัง
เกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นจักขายตนะกำลังเกิดและฆานายตนะก็กำลังเกิด
ปฏิ. ฆานายตนะในภูมิใดกำลังเกิด จักขายตนะในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขายตนะในภูมิใดกำลังเกิด รูปายตนะในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. รูปายตนะในภูมิใดกำลังเกิด จักขายตนะในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นรูปายตนะกำลังเกิด แต่จักขายตนะไม่ใช่
กำลังเกิด ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นรูปายตนะกำลังเกิดและจักขายตนะก็กำลังเกิด
อนุ. จักขายตนะในภูมิใดกำลังเกิด มนายตนะในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนายตนะในภูมิใดกำลังเกิด จักขายตนะในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นมนายตนะกำลังเกิด แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด
ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นมนายตนะกำลังเกิดและจักขายตนะก็กำลังเกิด
อนุ. จักขายตนะในภูมิใดกำลังเกิด ธัมมายตนะในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๓๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. ธัมมายตนะในภูมิใดกำลังเกิด จักขายตนะในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ในภูมินั้นธัมมายตนะกำลังเกิด แต่
จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นธัมมายตนะกำลังเกิดและ
จักขายตนะก็กำลังเกิด
จักขายตนมูลกนัย จบ

ฆานายตนมูลกนัย
[๒๓] อนุ. ฆานายตนะในภูมิใดกำลังเกิด รูปายตนะในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่
ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. รูปายตนะในภูมิใดกำลังเกิด ฆานายตนะในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นรูปายตนะกำลังเกิด แต่ฆานายตนะไม่ใช่กำลัง
เกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นรูปายตนะกำลังเกิดและฆานายตนะก็กำลังเกิด
(พึงทราบว่า ฆานายตนะในภูมิใดกำลังเกิด มนายตนะและธัมมายตนะในภูมิ
นั้นก็เป็นเช่นเดียวกัน ไม่มีข้อแตกต่างกัน มีความสังเขปในวาระต่อไป)
อนุ. ฆานายตนะในภูมิใดกำลังเกิด ธัมมายตนะในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธัมมายตนะในภูมิใดกำลังเกิด ฆานายตนะในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นธัมมายตนะกำลังเกิด แต่
ฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด ในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นธัมมายตนะกำลังเกิดและ
ฆานายตนะก็กำลังเกิด
ฆานายตนมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๔๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
รูปายตนมูลกนัย
[๒๔] อนุ. รูปายตนะในภูมิใดกำลังเกิด มนายตนะในภูมินั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นรูปายตนะกำลังเกิด แต่มนายตนะไม่ใช่
กำลังเกิด ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นรูปายตนะกำลังเกิดและมนายตนะก็กำลังเกิด
ปฏิ. มนายตนะในภูมิใดกำลังเกิด รูปายตนะในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นมนายตนะกำลังเกิด แต่รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิด
ในปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นมนายตนะกำลังเกิดและรูปายตนะก็กำลังเกิด
อนุ. รูปายตนะในภูมิใดกำลังเกิด ธัมมายตนะในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธัมมายตนะในภูมิใดกำลังเกิด รูปายตนะในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นธัมมายตนะกำลังเกิด แต่รูปายตนะไม่ใช่กำลังเกิด
ในปัญจโวการภูมิและอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นธัมมายตนะกำลังเกิดและรูปายตนะ
ก็กำลังเกิด
รูปายตนมูลกนัย จบ

มนายตนมูลกนัย
[๒๕] อนุ. มนายตนะในภูมิใดกำลังเกิด ธัมมายตนะในภูมินั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธัมมายตนะในภูมิใดกำลังเกิด มนายตนะในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นธัมมายตนะกำลังเกิด แต่มนายตนะไม่ใช่
กำลังเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นธัมมายตนะกำลังเกิดและ
มนายตนะก็กำลังเกิด
มนายตนมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๔๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุโลมปุคคโลกาส
จักขายตนมูลกนัย
[๒๖] อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด โสตายตนะของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้โสตะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขายตนะของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่โสตายตนะไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุและโสตะ
เกิดได้กำลังอุบัติ จักขายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและโสตายตนะ
ก็กำลังเกิด
ปฏิ. โสตายตนะของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีโสตะเกิดได้จักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ โสตายตนะของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่จักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีโสตะและจักขุเกิด
ได้กำลังอุบัติ โสตายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและจักขายตนะก็กำลัง
เกิด (อายตนะที่ท่านย่อไว้แล้วเป็นเช่นเดียวกันกับคำที่ท่านกล่าวว่า ของบุคคลใด)
จักขายตนมูลกนัย จบ

มนายตนมูลกนัย
[๒๗] อนุ. มนายตนะของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด ธัมมายตนะของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มนายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ธัมมายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิด แต่มนายตนะไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจิตเกิดได้กำลังอุบัติ ธัมมายตนะ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมนายตนะก็กำลังเกิด
มนายตนมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๔๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปัจจนีกบุคคล
จักขายตนมูลกนัย
[๒๘] อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด โสตายตนะของบุคคล
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้โสตะเกิดได้กำลังอุบัติ จักขายตนะของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสตายตนะมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีจักขุและโสตะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขายตนะของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและโสตายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. โสตายตนะของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีโสตะเกิดไม่ได้จักขุเกิดได้กำลังอุบัติ โสตายตนะของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จักขายตนะมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีโสตะและจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ โสตายตนะของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้ฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ จักขายตนะของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ฆานายตนะมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีจักขุและฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขายตนะของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและฆานายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ฆานายตนะของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้จักขุเกิดได้กำลังอุบัติ ฆานายตนะของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จักขายตนะมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีฆานะและจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานายตนะของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๔๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้รูปเกิดได้กำลังอุบัติ จักขายตนะของบุคคลเหล่า
นั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่รูปายตนะมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ บุคคลผู้
มีรูปเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขายตนะของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและรูปายตนะ
ก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. รูปายตนะของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มนายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้จิตเกิดได้กำลังอุบัติ จักขายตนะของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนายตนะมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีจิตเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขายตนะของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
มนายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มนายตนะของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ธัมมายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขายตนะของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิด แต่ธัมมายตนะมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ จักขายตนะ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและธัมมายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
จักขายตนมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๔๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ฆานายตนมูลกนัย
[๒๙] อนุ. ฆานายตนะของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้น
ก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้รูปเกิดได้กำลังอุบัติ ฆานายตนะของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่รูปายตนะมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีรูปเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานายตนะของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
รูปายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. รูปายตนะของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานายตนะของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มนายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้จิตเกิดได้กำลังอุบัติ ฆานายตนะของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนายตนะมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ
บุคคลผู้มีจิตเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานายตนะของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
มนายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มนายตนะของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานายตนะของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ธัมมายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานายตนะของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิด แต่ธัมมายตนะมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ฆานายตนะ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและธัมมายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ฆานายตนมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๔๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
รูปายตนมูลกนัย
[๓๐] อนุ. รูปายตนะของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มนายตนะของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีรูปเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ รูปายตนะของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลัง
เกิด แต่มนายตนะมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ รูปายตนะของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมนายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มนายตนะของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มนายตนะของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิด แต่รูปายตนะมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ มนายตนะของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและรูปายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. รูปายตนะของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ธัมมายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีรูปเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ รูปายตนะของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่ธัมมายตนะมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ รูปายตนะของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและธัมมายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
รูปายตนมูลกนัย จบ

มนายตนมูลกนัย
[๓๑] อนุ. มนายตนะของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ธัมมายตนะของบุคคลนั้น
ก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มนายตนะของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลัง
เกิด แต่ธัมมายตนะมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ มนายตนะของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและธัมมายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๔๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มนายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
มนายตนมูลกนัย จบ

ปัจจนีกโอกาส
จักขายตนมูลกนัย
[๓๒] อนุ. จักขายตนะในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสตายตนะในภูมินั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสตายตนะในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขายตนะในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จักขายตนะในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานายตนะในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ฆานายตนะในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขายตนะในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด แต่จักขายตนะมิใช่
ไม่กำลังเกิด ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ในภูมินั้นฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดและ
จักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. จักขายตนะในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด รูปายตนะในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นจักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด แต่รูปายตนะ
มิใช่ไม่กำลังเกิด ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นจักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดและรูปายตนะก็ไม่
ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๔๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. รูปายตนะในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขายตนะในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขายตนะในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มนายตนะในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นจักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิด แต่มนายตนะมิใช่ไม่
กำลังเกิด ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นจักขายตนะไม่ใช่กำลังเกิดและมนายตนะก็
ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มนายตนะในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขายตนะในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขายตนะในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ธัมมายตนะในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด
ปฏิ. ธัมมายตนะในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขายตนะในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
จักขายตนมูลกนัย จบ

ฆานายตนมูลกนัย
[๓๓] อนุ. ฆานายตนะในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด รูปายตนะในภูมินั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด แต่รูปายตนะมิใช่
ไม่กำลังเกิด ในอรูปภูมิ ในภูมินั้นฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิดและรูปายตนะก็ไม่ใช่
กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๔๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. รูปายตนะในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานายตนะในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานายตนะในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มนายตนะในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นฆานายตนะไม่ใช่กำลังเกิด
แต่มนายตนะมิใช่ไม่กำลังเกิด ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นฆานายตนะไม่ใช่กำลัง
เกิดและมนายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มนายตนะในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานายตนะในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานายตนะในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ธัมมายตนะในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด
ปฏิ. ธัมมายตนะในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฆานายตนะในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ฆานายตนมูลกนัย จบ

รูปายตนมูลกนัย
[๓๔] อนุ. รูปายตนะในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มนายตนะในภูมินั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด
ปฏิ. มนายตนะในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด รูปายตนะในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๔๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. รูปายตนะในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ธัมมายตนะในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด
ปฏิ. ธัมมายตนะในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด รูปายตนะในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
รูปายตนมูลกนัย จบ

มนายตนมูลกนัย
[๓๕] อนุ. มนายตนะในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ธัมมายตนะในภูมินั้นก็ไม่ใช่
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด
ปฏิ. ธัมมายตนะในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มนายตนะในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
มนายตนมูลกนัย จบ

ปัจจนีกปุคคโลกาส
จักขายตนมูลกนัย
[๓๖] อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด โสตายตนะของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้โสตะเกิดได้กำลังอุบัติ จักขายตนะของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่โสตายตนะมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้
กำลังจุติ บุคคลผู้มีจักขุและโสตะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขายตนะของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและโสตายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๕๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. โสตายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด จักขายตนะของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีโสตะเกิดไม่ได้จักขุเกิดได้กำลังอุบัติ โสตายตนะของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่จักขายตนะมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้
กำลังจุติบุคคลผู้มีจักขุและโสตะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ โสตายตนะของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและจักขายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด ฯลฯ
มนายตนมูลกนัย
[๓๗] อนุ. มนายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ธัมมายตนะของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มนายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่กำลังเกิด แต่ธัมมายตนะมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ มนายตนะ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและธัมมายตนะก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มนายตนะของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
มนายตนมูลกนัย จบ

๒. อตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีต
อนุโลมบุคคล
จักขายตนมูลกนัย
[๓๘] อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดเคยเกิด โสตายตนะของบุคคลนั้นก็เคย
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๕๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. โสตายตนะของบุคคลใดเคยเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดเคยเกิด ฆานายตนะ ฯลฯ รูปายตนะ ฯลฯ
มนายตนะ ฯลฯ ธัมมายตนะของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดเคยเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
[๓๙] อนุ. ฆานายตนะ ฯลฯ รูปายตนะ ฯลฯ มนายตนะของบุคคลใด
เคยเกิด ธัมมายตนะของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดเคยเกิด มนายตนะของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
มนายตนมูลกนัย จบ

อนุโลมโอกาส
จักขายตนมูลกนัย
[๔๐] อนุ. จักขายตนะในภูมิใดเคยเกิด ฯลฯ
(คำที่ท่านกล่าวไว้ว่า ในภูมิใด พึงเพิ่มชื่อที่เกินเข้ามาว่า กำลังเกิด เคยเกิด
ทั้งในปัจจุบัน อดีต อนาคต ปัจจุบันกับอดีต ปัจจุบันกับอนาคต อดีตกับ
อนาคตเหมือนกันทุกแห่ง)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๕๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
อนุโลมปุคคโลกาส
จักขายตนมูลกนัย
[๔๑] อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด โสตายตนะของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสตายตนะของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ จักขายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยเกิด แต่ฆานายตนะไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ จักขายตนะ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและฆานายตนะก็เคยเกิด
ปฏิ. ฆานายตนะของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. รูปายตนะของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ รูปายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิด แต่จักขายตนะไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปายตนะ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและจักขายตนะก็เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๕๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด มนายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนายตนะของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ มนายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคย
เกิด แต่จักขายตนะไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ มนายตนะของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและจักขายตนะก็เคยเกิด
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ธัมมายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ธัมมายตนะของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่จักขายตนะไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการ-
ภูมิ ธัมมายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและจักขายตนะก็เคยเกิด
จักขายตนมูลกนัย จบ

ฆานายตนมูลกนัย
[๔๒] อนุ. ฆานายตนะของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด รูปายตนะของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. รูปายตนะของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ รูปายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยเกิด แต่ฆานายตนะไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ รูปายตนะของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและฆานายตนะก็เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๕๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
อนุ. ฆานายตนะของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด มนายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนายตนะของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ มนายตนะของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ฆานายตนะไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
มนายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและฆานายตนะก็เคยเกิด
อนุ. ฆานายตนะของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ธัมมายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ธัมมายตนะของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ฆานายตนะไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ธัมมายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและฆานายตนะก็เคยเกิด
ฆานายตนมูลกนัย จบ

รูปายตนมูลกนัย
[๔๓] อนุ. รูปายตนะของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด มนายตนะของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ รูปายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นเคยเกิด แต่มนายตนะไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปายตนะ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและมนายตนะก็เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๕๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. มนายตนะของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ มนายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคย
เกิด แต่รูปายตนะไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ มนายตนะของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและรูปายตนะก็เคยเกิด
อนุ. รูปายตนะของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ธัมมายตนะของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ ธัมมายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคย
เกิด แต่รูปายตนะไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิและอสัญญสัตตภูมิ
ธัมมายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและรูปายตนะก็เคยเกิด
รูปายตนมูลกนัย จบ

มนายตนมูลกนัย
[๔๔] อนุ. มนายตนะของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ธัมมายตนะของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด มนายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ธัมมายตนะของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยเกิด แต่มนายตนะไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจ-
โวการภูมิ ธัมมายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและมนายตนะก็เคยเกิด
มนายตนมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๕๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปัจจนีกบุคคล
จักขายตนมูลกนัย
[๔๕] อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดไม่เคยเกิด โสตายตนะของบุคคลนั้นก็
ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. โสตายตนะของบุคคลใดไม่เคยเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี (ย่อ)
จักขายตนมูลกนัย จบ

มนายตนมูลกกนัย
[๔๖] มนายตนะของบุคคลใดไม่เคยเกิด ธัมมายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่เคย
เกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดไม่เคยเกิด มนายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่เคย
เกิดมีไหม
วิ. ไม่มี ฯลฯ
ปัจจนีกโอกาส
จักขายตนมูลกนัย
[๔๗] อนุ. จักขายตนะในภูมิใดไม่เคยเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
จักขายตนมูลกนัย
[๔๘] อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด โสตายตนะของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๕๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. โสตายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ฆานายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ ฆานายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่เคยเกิด แต่จักขายตนะมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
อสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ฆานายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและ
จักขายตนะก็ไม่เคยเกิด
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ จักขายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิด แต่รูปายตนะมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิและ
อรูปภูมิ จักขายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและรูปายตนะก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. รูปายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด มนายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ จักขายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
เคยเกิด แต่มนายตนะมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิและ
อสัญญสัตตภูมิ จักขายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและมนายตนะก็ไม่
เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๕๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. มนายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ธัมมายตนะของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ จักขายตนะของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่ธัมมายตนะมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
สุทธาวาสภูมิ จักขายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและธัมมายตนะก็
ไม่เคยเกิด
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
จักขายตนมูลกนัย จบ

ฆานายตนมูลกนัย
[๔๙] อนุ. ฆานายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด รูปายตนะของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ ฆานายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่เคยเกิด แต่รูปายตนะมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิและอรูปภูมิ
ฆานายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและรูปายตนะก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. รูปายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด มนายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ฆานายตนะของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่มนายตนะมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ใน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๕๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒.อตีตวาร
สุทธาวาสภูมิและอสัญญสัตตภูมิ ฆานายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคย
เกิดและมนายตนะก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มนายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ธัมมายตนะของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ฆานายตนะของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่ธัมมายตนะมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
สุทธาวาสภูมิ ฆานายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและธัมมายตนะก็
ไม่เคยเกิด
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ฆานายตนมูลกนัย จบ

รูปายตนมูลกนัย
[๕๐] อนุ. รูปายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด มนายตนะของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ รูปายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด
แต่มนายตนะมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ รูปายตนะของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและมนายตนะก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มนายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิด แต่รูปายตนะมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
มนายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและรูปายตนะก็ไม่เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๖๐ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. รูปายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ธัมมายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ รูปายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคย
เกิด แต่ธัมมายตนะมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ รูปายตนะ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและธัมมายตนะก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
รูปายตนมูลกนัย จบ

มนายตนมูลกนัย
[๕๑] อนุ. มนายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ธัมมายตนะของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มนายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยเกิด แต่ธัมมายตนะมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
มนายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและธัมมายตนะก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด มนายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
มนายตนมูลกนัย จบ

๓. อนาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
จักขายตนมูลกนัย
[๕๒] อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดจักเกิด โสตายตนะของบุคคลนั้นก็จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๖๑ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. โสตายตนะของบุคคลใดจักเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดจักเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน จักขายตนะของ
บุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ จักขายตนะของ
บุคคลเหล่านั้นจักเกิดและฆานายตนะก็จักเกิด
ปฏิ. ฆานายตนะของบุคคลใดจักเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดจักเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. รูปายตนะของบุคคลใดจักเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดจักเกิด (มนายตนะและธัมมายตนะของบุคคล
นั้นก็เป็นเช่นเดียวกัน วาระเหล่านี้เหมือนกันทั้ง ๒ วาระ)
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดจักเกิด ธัมมายตนะของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดจักเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน ธัมมายตนะของบุคคล
เหล่านั้นจักเกิด แต่จักขายตนะไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ ธัมมายตนะของบุคคล
เหล่านั้นจักเกิดและจักขายตนะก็จักเกิด
จักขายตนมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๖๒ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ฆานายตนมูลกนัย
[๕๓] อนุ. ฆานายตนะของบุคคลใดจักเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. รูปายตนะของบุคคลใดจักเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน รูปายตนะของ
บุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ รูปายตนะของ
บุคคลเหล่านั้นจักเกิดและฆานายตนะก็จักเกิด
อนุ. ฆานายตนะของบุคคลใดจักเกิด มนายตนะ ฯลฯ ธัมมายตนะของ
บุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดจักเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน
ธัมมายตนะของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
ธัมมายตนะของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและฆานายตนะก็จักเกิด
ฆานายตนมูลกนัย จบ

รูปายตนมูลกนัย
[๕๔] อนุ. รูปายตนะของบุคคลใดจักเกิด มนายตนะ ฯลฯ ธัมมายตนะ
ของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดจักเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน ธัมมายตนะของบุคคล
เหล่านั้นจักเกิด แต่รูปายตนะไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ ธัมมายตนะของบุคคล
เหล่านั้นจักเกิดและรูปายตนะก็จักเกิด
รูปายตนมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๖๓ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
มนายตนมูลกนัย
[๕๕] อนุ. มนายตนะของบุคคลใดจักเกิด ธัมมายตนะของบุคคลนั้นก็จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดจักเกิด มนายตนะของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
มนายตนมูลกนัย จบ

อนุโลมโอกาส
จักขายตนมูลกนัย
[๕๖] อนุ. จักขายตนะในภูมิใดจักเกิด ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๕๗] อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด โสตายตนะของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสตายตนะของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ จักขายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิด แต่ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวรภูมิ จักขายตนะ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและฆานายตนะก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๖๔ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. ฆานายตนะของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. รูปายตนะของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ รูปายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักเกิด แต่จักขายตนะไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปายตนะ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและจักขายตนะก็จักเกิด
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด มนายตนะของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มนายตนะของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปภูมิ มนายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจัก
เกิด แต่จักขายตนะไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ มนายตนะของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและจักขายตนะก็จักเกิด
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ธัมมายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๖๕ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิและอรูปภูมิ ธัมมายตนะของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่จักขายตนะไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจ-
โวการภูมิ ธัมมายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและจักขายตนะก็จักเกิด
จักขายตนมูลกนัย จบ

ฆานายตนมูลกนัย
[๕๘] อนุ. ฆานายตนะของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. รูปายตนะของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิ รูปายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจัก
เกิด แต่ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ รูปายตนะของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและฆานายตนะก็จักเกิด
อนุ. ฆานายตนะของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด มนายตนะ ฯลฯ ธัมมายตนะ
ของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ธัมมายตนะของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ฆานายตนะไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
ธัมมายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและฆานายตนะก็จักเกิด
ฆานายตนมูลกนัย จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๖๖ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
รูปายตนมูลกนัย
[๕๙] อนุ. รูปายตนะของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด มนายตนะของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ รูปายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักเกิด แต่มนายตนะไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ รูปายตนะ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและมนายตนะก็จักเกิด
ปฏิ. มนายตนะของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปาวจรภูมิ มนายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิด แต่รูปายตนะไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิ มนายตนะ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและรูปายตนะก็จักเกิด
อนุ. รูปายตนะของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ธัมมายตนะของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอรูปาวจรภูมิ ธัมมายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิด แต่รูปายตนะไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในปัญจโวการภูมิและอสัญญสัตตภูมิ
ธัมมายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและรูปายตนะก็จักเกิด
รูปายตนมูลกนัย จบ

มนายตนมูลกนัย
[๖๐] อนุ. มนายตนะของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ธัมมายตนะของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๖๗ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด มนายตนะของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ธัมมายตนะของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นจักเกิด แต่มนายตนะไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจ-
โวการภูมิ ธัมมายตนะของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและมนายตนะก็จักเกิด
มนายตนมูลกนัย จบ

ปัจจนีกบุคคล
จักขายตนมูลกนัย
[๖๑] อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด โสตายตนะของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. โสตายตนะของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ฆานายตนะของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน ฆานายตนะของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่จักขายตนะมิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลและ
บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน ฆานายตนะของบุคคลเหล่านั้นไม่
ใช่จักเกิดและจักขายตนะก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๖๘ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. รูปายตนะของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. จักขายตนะของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด มนายตนะ ฯลฯ ธัมมายตนะ
ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน จักขายตนะของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ธัมมายตนะมิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคล จักขายตนะ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด จักขายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
จักขายตนมูลกนัย จบ

ฆานายตนมูลกนัย
[๖๒] อนุ. ฆานายตนะของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน ฆานายตนะของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่รูปายตนะมิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคลและ
บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน ฆานายตนะของบุคคลเหล่านั้นไม่
ใช่จักเกิดและรูปายตนะก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. รูปายตนะของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๖๙ }


พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๓. อายตนยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. ฆานายตนะของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด มนายตนะ ฯลฯ ธัมมายตนะ
ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิแล้วปรินิพพาน
ฆานายตนะของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ธัมมายตนะมิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิก-
บุคคล ฆานายตนะของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ฆานายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ฆานายตนมูลกนัย จบ

รูปายตนมูลกนัย
[๖๓] อนุ. รูปายตนะของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด มนายตนะ ฯลฯ ธัมมายตนะ
ของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลเหล่าใดจักอุบัติในอรูปภูมิแล้วปรินิพพาน รูปายตนะของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ธัมมายตนะมิใช่จักไม่เกิด ปัจฉิมภวิกบุคคล รูปายตนะ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและธัมมายตนะก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. ธัมมายตนะของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด รูปายตนะของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
รูปายตนมูลกนัย จบ

มนายตนมูลกนัย
[๖๔] อนุ. มนายตนะของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ธัมมายตนะของบุคคลนั้นก็
ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๑๗๐ }


>>>>> หน้าต่อไป >>>>>





eXTReMe Tracker