|
โอปนยิโก - โอวาท
โอปนยิโก พระธรรมควรน้อมเข้ามาไว้ในใจ
หรือน้อมใจเข้าไปให้ถึงด้วยการปฏิบัติให้เกิดมีขึ้นในใจ หรือให้ใจบรรลุ
ถึงอย่างนั้น (ข้อ ๕ ในธรรมคุณ ๖)
โอปปาติกะ สัตว์เกิดผุดขึ้น
คือ เกิดผุดขึ้นมาและโตเต็มตัวในทันใด ตายก็ไม่ต้องมีเชื้อหรือซากปรากฏ เช่นเทวดาและ
สัตว์นรก เป็นต้น (ข้อ ๔ ในโยนิ ๔); บาลีว่า รวมทั้งมนุษย์บางพวก
โอปกฺกมิกา อาพาธา
ความเจ็บไข้เกิดจากความพยายามหรือจากคนทำให้เจ็บป่วย เพราะการกระทำของคนคือตนเอง
เพียรเกินกำลัง หรือถูกเขากระทำ เช่น ถูกจองจำ ใส่ขื่อคา เป็นต้น
โอภาส 1. แสงสว่าง,
แสงสุกใสผุดผ่อง (ข้อ ๑ ในวิปัสสนูปกิเลส ๑๐) 2. การพูดหรือแสดงออกที่เป็นเชิงเปิดช่องทาง
หรือให้โอกาส เช่นที่พระพุทธเจ้าทรงกระทำโอภาส ณ ที่ต่างๆ หลายแห่ง ซึ่งถ้าพระอานนท์เข้าใจ
ก็จะทูลขอให้ทรง
ดำรงพระชนม์อยู่ตลอด (อายุ) กัป
โอมสวาท คำพูดเสียดแทงให้เจ็บใจหรือให้ได้ความอัปยศ
ได้แก่ การพูดแดกหรือประชดก็ตาม ด่าก็ตามกระทบถึง
อักโกสวัตถุ ๑๐ ประการ มีชาติกำเนิด ชื่อ ตระกูล เป็นต้น ภิกษุกล่าวว่าโอมสวาทแก่ภิกษุต้องอาบัติปาจิตตีย์
แก่
อนุปสัมบันต้องอาบัติทุก�กฎตาม สิกขาบทที่ ๒ แห่งมุสาวาทวรรคปาจิตติยกัณฑ์
โอรส ผู้เกิดแต่อก
ลูกชาย
โอรัมภาคิยสังโยชน์
สังโยชน์เบื้องต่ำ,กิเลสผูกใจสัตว์อย่างหยาบ มี ๕ อย่าง คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา
สีลัพพต-
ปรามาส กามราคะ ปฏิฆะ; ดู สังโยชน์
โอวาท คำกล่าวสอน,
คำแนะนำ, คำตักเตือน; โอวาทของพระพุทธเจ้า ๓ คือ ๑. เว้นจากทุจริต คือประพฤติชั่วด้วยกาย
วาจาใจ (= ไม่ทำความชั่วทั้งปวง) ๒.ประกอบสุจริต คือประพฤติชอบด้วยกายวาจาใจ
(= ทำแต่ความดี) ๓. ทำใจของ
ตนให้หมดจดจากเครื่องเศร้าหมอง มีโลภ โกรธ หลง เป็นต้น (= ทำจิตของตนให้สะอาดบริสุทธิ์)
โอวาท ๓ นี้ รวม
อยู่ใน โอวาทปาฏิโมกข์