|
อนาคามิผล - อนาถา
อนาคามิผล
ผลที่ได้รับจากการละสังโยชน์ คือ กามราคะ และปฏิฆะด้วยอนาคามิมรรค อันทำให้เป็นพระอนาคามี
อนาคามิมรรค ทางปฏิบัติเพื่อบรรลุผลคือความเป็นพระอนาคามี,
ญาณคือความรู้เป็นเหตุละโอรัมภาคิยสังโยชน์ได้
ทั้ง ๕ (คือ ละได้เด็ดขาดอีก ๒ อย่าง ได้แก่ กามราคะ และปฏิฆะ เพิ่มจาก ๓
อย่างที่พระโสดาบันละได้แล้ว)
อนาคามี พระอริยบุคคลผู้ได้บรรลุอนาคามิผล
มี ๕ ประเภท คือ ๑. อันตราปรินิพพายี ผู้ปรินิพพานในระหว่างอายุยัง
ไม่ถึงกึ่ง (หมายถึงโดยกิเลสปรินิพพาน) ๒. อุปหัจจปรินิพพายี ผู้ปรินิพพานเมื่อจวนจะถึงสิ้นอายุ
๓. อสังขารปรินิพ-
พายี ผู้ปรินิพพานโดยไม่ต้องใช้ความเพียรนัก ๔. สสังขารปรินิพพายี
ผู้ปรินิพพานโดยต้องใช้ความเพียรมาก ๕. อุท-
ธังโสโต อกนิฏฐคามี ผู้มีกระแสในเบื้องบนไปสู่อกนิฏฐภพ
อนาคาริยวินัย
วินัยของอนาคาริก ดู วินัย ๒
อนาจาร ความประพฤติไม่ดีไม่งามไม่เหมาะสมแก่บรรพชิต
แยกเป็น ๓ ประเภท คือ ๑. การเล่นต่างๆ เช่นเล่นอย่าง
เด็ก ๒. การร้อยดอกไม้ ๓. การเรียนดิรัจฉานวิชา เช่นทายหวย ทำเสน่ห์
อนาณัตติกะ อาบัติที่ต้องเฉพาะทำเอง
ไม่ต้องเพราะสั่ง คือสั่งให้ผู้อื่นทำไม่ต้องอาบัติ เช่น สังฆาทิเสส สิกขาบทที่
๑
(แต่สั่งให้ทำแก่ตน ไม่พ้นอาบัติ)
อนาถบิณฑิก อุบาสกคนสำคัญในสมัยพุทธกาล
เดิมชื่อ สุทัตต์ เป็นเศรษฐีอยู่ที่เมืองสาวัตถี ต่อมาได้นับถือพระพุทธ
ศาสนา บรรลุโสดาปัตติผล เป็นผู้มีศรัทธาแรงกล้า สร้างวัดพระเชตวันถวายแด่พระพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์ที่เมืองสา-
วัตถี ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ประทับจำพรรษารวมทั้งหมดถึง ๑๙ พรรษา ท่านอนาถบิณฑิก
นอกจากอุปถัมภ์บำรุงพระ
ภิกษุสงฆ์แล้วยังได้สงเคราะห์คนยากไร้อนาถาอย่างมากมายเป็นประจำ จึงได้ชื่อว่าอนาถบิณฑิก
ซึ่งแปลว่า ผู้มีก้อน
ข้าวเพื่อคนอนาถา ท่านได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในหมู่ทายกฝ่ายอุบาสถ
อนาถา ไม่มีที่พึ่ง,
ยากจน, เข็ญใจ