|
อตีตังสญาณ - อธิกรณ์
อตีตังสญาณ
ญาณหยั่งรู้ส่วนอดีต, ปรีชากำหนดรู้เหตุการณ์ที่ล่วงไปแล้วอันเป็นเหตุให้ได้รับผลในปัจจุบัน
(ข้อ ๑
ในญาณ ๓)
อเตกิจฉา แก้ไขไม่ได้,
เยียวยาไม่ได้ หมายถึงอาบัติมีโทษหนักถึงที่สุด ต้องแล้วขาดจากความเป็นภิกษุ
คืออาบัติ
ปาราชิก คู่กับ สเตกิจฉา
อถัพพนเพท
ชื่อคัมภีร์พระเวทลำดับที่ ๔ ว่าด้วยคาถาอาคมทางไสยศาสตร์ การปลุกเสกต่าง
ๆ เป็นส่วนเพิ่มเข้ามา
ต่อจาก ไตรเพท, อาถัพพนเวท อถรรพเวท อาถรรพณเวท ก็เขียน
อทินนาทาน ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ด้วยอาการแห่งขโมย,
ขโมยสิ่งของ, ลักทรัพย์ (ข้อ ๒ ในกรรมกิเลส ๔
ในอกุศลกรรมบถ ๑๐)
อทินนาทานา เวรมณี
เว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้, เว้นการลักขโมย (ข้อ ๒ ในศีล
๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐
กุศลกรรมบถ ๑๐)
อทิสสมานกาย กายที่มองไม่เห็น,
ผู้มีกายไม่ปรากฏ, ไม่ปรากฏร่าง, มองไม่เห็นตัว กล่าวคือ เป็นวิสัยของผู้มีฤทธิ์บาง
ประเภท (วิกุพพนฤทธิ์) อาจทำการบางอย่างโดยไม่ให้ผู้อื่นมองเห็นร่างกาย; อีกอย่างหนึ่ง
เป็นความเชื่อของพวก
พราหมณ์ว่าบรรพบุรุษที่ตายไป มีถิ่นเป็นที่อยู่เรียกว่าปิตฤโลก ยังทรงอยู่ด้วยเป็นอทิสสมานกาย
ความเชื่อนี้คนไทยก็
รับมา แต่ให้บรรพบุรุษเหล่านั้นคงอยู่ที่บ้านเรือนเดิม อย่างที่เรียกว่า ผีเรือน
อทุกขมสุข ไม่ทุกข์ไม่สุข,
ความรู้สึก เฉย ๆ (ข้อ ๓ ในเวทนา ๓)
อโทสะ ความไม่คิดประทุษร้าย,
ธรรมที่เป็นปฏิปักษ์ คือตรงข้ามกับโทสะได้แก่ เมตตา (ข้อ ๒ ในกุศลมูล ๓)
อธรรม ไม่ใช่ธรรม,
ไม่เป็นธรรม, ผิดธรรม, ชั่วร้าย
อธรรมวาที ผู้กล่าวสิ่งที่มิใช่ธรรม,
ผู้ไม่พูดตามหลักไม่พูดตามธรรม, ผู้พูดไม่เป็นธรรม, ผู้ไม่เป็นธรรมวาที
อธิกมาส เดือนที่เพิ่มขึ้นตามจันทรคติ
(คือในปีนั้นมีเดือน ๘ สองหน รวมเป็น ๑๓ เดือน)
อธิกรณ์ เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วจะต้องจัดต้องทำ,
เรื่องที่สงฆ์ต้องดำเนินการ มี ๔ อย่าง คือ ๑. วิวาทาธิกรณ์ การเถียงกัน
เกี่ยวกับพระธรรมวินัย ๒. อนุวาทาธิกรณ์ การโจทหรือกล่าวหากันด้วยอาบัติ
๓. อาปัตตาธิกรณ์ การต้องอาบัติ การ
ปรับอาบัติ และการแก้ไขตัวให้พ้นจากอาบัติ ๔. กิจจาธิกรณ์ กิจธุระต่าง
ๆ ที่สงฆ์จะต้องทำ เช่น ให้อุปสมบท ให้ผ้า
กฐิน, ในภาษาไทย อธิกรณ์มีความหมายเลือนลางลงและแคบเข้า กลายเป็น คดีความ
โทษ เป็นต้น