!doctype>
!doctype>
พิจารณาแล้วไม่เกิดปัญญาเสียที
ผู้สนใจท่านหนึ่งได้เมล์มาถามปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้
ทางผู้ดำเนินการเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ แก่ท่านอื่นๆ ด้วย จึงขออนุญาตนำมาลงเอาไว้
ณ ที่นี้ ดังนี้
คำถาม
ผมพยายามที่ทำวิปัสสนา โดยการพิจารณา อนัตตา ทุกขัง อนิจจัง แต่พิจารณาทีไรก็ไม่เกิดปัญญาเสียที
เป็นเพราะอะไรครับ ต้องมีอะไรเพิ่มเติมหรือป่าว แม้ผมพยายามจะใช้สมาธิเป็นกำลังก็ได้แค่อุปจารสมาธิ
ไม่ทราบว่าจะต้องทำอะไรอย่างไรบ้างครับ
สงสัยมาก รบกวนให้ความกระจ่างด้วยครับ
ตอบ
สวัสดีครับ
ขอบคุณครับที่ให้ความสนใจเว็บไซต์ ธัมมโชติ
สำหรับปัญหาที่ถามมานั้น ผมขอตอบดังนี้ครับ
-
เนื่องจากไม่ทราบว่าคุณ ..... ได้เคยปรารถนาพุทธภูมิเอาไว้หรือไม่ (ในอดีตชาติ)
ถ้าคิดว่าตอนนี้อยากจะก้าวหน้าให้ได้มากที่สุด ก็ควรอธิษฐานยกเลิกคำอธิษฐานเก่าๆ
ทั้งหมด ที่เป็นตัวขวางมรรคผล แล้วอธิษฐานจิตใหม่ ปรารถนามรรคผลโดยเร็วที่สุดแทน
-
การตั้งใจพิจารณาให้เกิดปัญญานั้นปัญญามักจะไม่ค่อยเกิดหรอกครับ นอกจากจะมีพื้นฐานเก่าอยู่มากพอ
ที่ควรทำก็คือ ตามรู้ตามสังเกตรูปนาม หรือร่างกายจิตใจไปเรื่อยๆ เพื่อศึกษาธรรมชาติของมัน
(ใจเย็นๆ ต้องใช้เวลาครับ) เมื่อเห็นความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วปัญญาก็จะเกิดขึ้นมาเอง
คือจะเห็นธรรมชาติที่แท้จริงของมันด้วยปัญญาของเราเอง (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)
แล้วความคลายจากความยึดมั่นถือมั่นก็จะตามมาโดยอัตโนมัติ
เหมือนกับมีคนบอกเราว่าอย่าไปโดนไฟ เพราะไฟมันร้อน แล้วเรามานั่งคิดพิจารณาเอาว่าไฟมันร้อน
เราก็ไม่รู้จริงๆ หรอกครับว่าไฟมันร้อน เมื่อไม่รู้ด้วยปัญญาของเราเอง ความระมัดระวังก็ไม่เกิดขึ้น
แต่ถ้าเราได้มีโอกาสไปสัมผัสไฟด้วยตัวของเราเองเมื่อไหร่ ก็จะรู้ด้วยปัญญาของเราเองว่าไฟมันร้อนจริงๆ
คือจะเกิดปัญญาขึ้นมาว่าไฟมันร้อน แล้วความระมัดระวังก็จะตามมาโดยอัตโนมัติครับ
(ดูในหมวดวิปัสสนา (ปัญญา) เรื่องที่ 1 ถึงเรื่องที่ 6
ประกอบ โดยเฉพาะในเรื่องวิปัสสนาคืออะไร และเรื่องการเจริญวิปัสสนาในชีวิตประจำวัน)
สรุปก็คือ ตามดูตามสังเกตรูปนามไปเรื่อยๆ ใจเย็นๆ
ทำใจให้ผ่อนคลาย สบายๆ ไม่ต้องไปคาดหวังว่าปัญญาจะเกิดหรือไม่ เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมแล้ว
จิตก็จะแล่นไปเองครับ คือเมื่อสั่งสมข้อมูลจากการสังเกตมากขึ้นเรื่อยๆ จนมากพอแล้ว
และในขณะนั้นจิตอยู่ในสภาวะที่ประณีตมากพอ ก็จะเกิดอาการปิ๊ง คือปัญญาเกิดขึ้นมาเองครับ
แต่ถ้าพยายามไปเร่งอยากให้ปัญญาเกิดขึ้นเร็วๆ จิตจะดิ้นรน แข็งกระด้าง ทำให้ปัญญาเกิดได้ยากขึ้นไปโดยไม่รู้ตัวครับ
เรื่องการทำสมาธิแล้วได้ถึงขั้นอุปจารสมาธินั้น
ขอตอบดังนี้ครับ
-
สมาธิขั้นนี้ก็มากพอสำหรับการทำวิปัสสนาแล้วครับ
-
การที่ใช้ชีวิตประจำวันอย่างฆราวาสทั่วไปนั้น ได้สมาธิขั้นอุปจาระก็นับว่าสูงมากแล้วครับ
ถ้าจะให้ได้ถึงขั้นฌานก็ควรจะต้องหาที่สงบๆ แล้วให้เวลาอย่างจริงจังมากกว่านี้
ฌานนั้นไม่ใช่ได้ง่ายๆ เลยนะครับ
ถ้ายังไม่กระจ่าง หรือมีข้อสงสัยอะไรอีก ก็เชิญถามมาได้ใหม่นะครับ ไม่ต้องเกรงใจ
ธัมมโชติ
31 สิงหาคม 2545
ขอเชิญทุกๆ ท่าน ร่วมลงนามเยี่ยม
และวิจารณ์เว็บไซต์ของเราใน สมุดเยี่ยม ด้วยนะครับ