!doctype>
!doctype>
ฉีดยาเกินขนาดจนคนไข้ตาย
ผู้สนใจท่านหนึ่งได้เมล์มาถามปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้
ทางผู้ดำเนินการเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ แก่ท่านอื่นๆ ด้วย จึงขออนุญาตนำมาลงเอาไว้
ณ ที่นี้ ดังนี้
คำถาม
สวัสดีครับ
มีปัญหารบกวนเรียนถาม ดังนี้ครับ
เพื่อนซึ่งเป็นแพทย์ดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ปรึกษาว่า ในกรณีที่ผู้ป่วยระยะสุดท้าย
ได้รับความทุกข์ทรมานเจ็บปวดเป็นที่สุด จำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวดมอร์ฟีนฉีดเป็นจำนวนมาก
และบ่อยๆ (ซึ่งยานี้มีผลกดการหายใจ) เมื่อให้ไปแล้วแต่ผู้ป่วยยังทรมานอยู่ ร้องครวญคราง
ก็จำเป็นต้องให้ต่อไปอีกเพื่อให้ผู้ป่วยสงบ มีผลทำให้เสียชีวิตจากยาตามมา เช่นนี้
จะถือว่าเป็นบาปหรือไม่
โดยส่วนตัวได้แสดงความเห็นว่า ดูเจตนาเป็นหลัก การให้ยานั้น ให้เพื่อรักษา เพื่อลดความเจ็บปวดทรมาน
ไม่ได้ตั้งใจให้เพื่อให้หยุดหายใจ แต่เมื่อจำเป็นต้องใช้ยาเป็นจำนวนมากเพื่อการรักษา
แล้วเกิดผลข้างเคียง และเราไม่กู้ชีวิตผู้ป่วย (หมายถึงการใส่ท่อช่วยหายใจ ให้ยาช่วยต่อชีวิต
ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่ก็ไม่ต้องการ) จนผู้ป่วยตาย ไม่คิดว่าเป็นบาป
เรียนถามความเห็นจากคุณธัมมโชติด้วยครับ
ตอบ
สวัสดีครับ
ขอบคุณครับที่ให้ความสนใจเว็บไซต์ ธัมมโชติ
ขอแยกเป็น 3 ช่วงเวลา ดังนี้ครับ
-
จะเห็นได้อย่างชัดเจนนะครับว่า ตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงการให้ยาครั้งสุดท้ายนั้น
ทำไปด้วยเจตนาที่ต้องการช่วยเหลือคนไข้ตลอด ไม่ได้มีจิตคิดจะให้คนไข้ตายเลย ดังนั้น
จิตจึงเป็นกุศลคือเป็นบุญนะครับ ไม่ได้เป็นบาปเลย และเมื่อไม่มีเจตนาจะให้ตายจึงไม่เป็นการผิดศีลอีกเช่นกันนะครับ
-
เมื่อทราบว่าผู้ป่วยนั้นตายแล้ว ขอแยกเป็นกรณี ดังนี้ครับ
-
ตรงจุดนี้ ถ้าวางใจให้เป็นอุเบกขาได้ (เช่น โดยการพิจารณาเห็นตามข้อ 1.)
ก็ไม่เป็นบุญหรือบาปครับ
-
ถ้าใช้พิจารณาให้เห็นตามความจริงว่า ชีวิตมีความตายเป็นธรรมดา คนโดยทั่วไปไม่มีใครรู้ว่าความตายจะมาถึงเมื่อไหร่
เห็นความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ประมาท อย่างนี้ก็เป็นบุญเป็นกุศลครับ
(เป็นบุญตรงที่พิจารณา และไม่ประมาทนะครับ ไม่ใช่เป็นบุญที่คนไข้ตาย)
-
แต่ถ้ารู้สึกเสียใจ เป็นทุกข์ ซึ่งจัดเป็นโทสะอ่อนๆ หรืออาจถึงขั้นโกรธตัวเอง
อย่างนี้จิตเป็นอกุศล เป็นบาป (ทำจิตให้เศร้าหมอง) ครับ ถึงแม้จะเป็นบาปขั้นเล็กน้อยก็ไม่ควรจะให้เกิดขึ้นโดยไม่จำเป็นนะครับ
-
ส่วนการที่ไม่กู้ชีวิตผู้ป่วยนั้น ก็ต้องดูที่เจตนาประกอบด้วยนะครับ
-
คือถ้าคิดว่ายังไงก็กู้ไม่สำเร็จอยู่แล้ว หรือทำไม่ทันเพราะข้อติดขัดทางเทคนิค
หรือทางฝ่ายผู้ป่วยเองไม่ต้องการ อย่างนี้ก็ไม่เป็นบาปครับ
-
แต่ถ้าไม่กู้เพราะความตระหนี่ คือกลัวว่าจะสิ้นเปลือง หรือเพราะคิดว่าถ้าทำอย่างนั้นจะเป็นการฟ้องว่าให้ยาผิดพลาด
กลัวตนเองจะเดือดร้อน อย่างนี้จิตก็เป็นอกุศล เป็นบาปนะครับ แต่ไม่ถึงขั้นผิดศีล
และไม่ล่วงกรรมบถ (อกุศลกรรมบถ 10 - ดูเรื่องอกุศลกรรมบถ
10 ในหมวดธรรมทั่วไป ประกอบ)
- แต่ถ้าไม่ช่วยเพราะมีความไม่พอใจผู้ป่วยนั้นอยู่
เลยปล่อยให้ตาย อย่างนี้ก็ล่วงอกุศลกรรมบถ ข้อพยาบาท แต่ไม่ผิดศีลเพราะไม่ได้มีเจตนาฆ่า
เพียงแต่ไม่ช่วยเหลือเท่านั้นครับ
ถ้ายังไม่กระจ่าง หรือมีข้อสงสัยอะไรอีก ก็เชิญถามมาได้ใหม่นะครับ ไม่ต้องเกรงใจ
ธัมมโชติ
28 กุมภาพันธ์ 2546
ขอเชิญทุกๆ ท่าน ร่วมลงนามเยี่ยม
และวิจารณ์เว็บไซต์ของเราใน สมุดเยี่ยม ด้วยนะครับ