ค้นว่าอยู่เล่มใด แล้วกด [ctrl]+f หรือใช้คำสั่งของเครื่องหาตำแหน่งในเล่มอีกทีนะครับ


วิธีแก้ความโกรธ

พระไตรปิฎก : พระสุตตันตปิฎก เล่ม 6 มัชฌิมนิกาย
อุปริปัณณาสก์ ปุณโณวาทสูตร

[๗๕๖] ..... (หลังจากที่พระพุทธเจ้าตรัสพระโอวาทโดยย่อโปรดพระปุณณะแล้ว ได้ตรัสถามพระปุณณะดังนี้ - ธัมมโชติ) .....

ดูกรปุณณะ ก็เธออันเรากล่าวสอนด้วยโอวาทย่อๆ นี้แล้ว จักอยู่ในชนบทไหน ฯ

ปุ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์อันพระผู้มีพระภาคทรงสั่งสอนด้วยโอวาทย่อๆ นี้แล้ว มีชนบทชื่อสุนาปรันตะ เป็นที่ที่ข้าพระองค์จักไปอยู่ ฯ

[๗๕๗] พ. ดูกรปุณณะ พวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบทดุร้ายหยาบช้านัก ถ้าพวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบทจักด่า จักบริภาษเธอ เธอจักมีความคิดอย่างไรในมนุษย์พวกนั้น ฯ

ปุ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าพวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบท จักด่า จักบริภาษข้าพระองค์ ข้าพระองค์จักมีความคิดในพวกเขาอย่างนี้ว่า พวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบทนี้ ยังดีนักหนาที่ไม่ให้การประหาร (ทุบตี, ทำร้าย - ธัมมโชติ) เราด้วยฝ่ามือ ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้สุคต ข้าพระองค์มีความคิดในมนุษย์พวกนั้นอย่างนี้ ฯ

[๗๕๘] พ. ดูกรปุณณะ ก็ถ้าพวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบท จักให้การประหารเธอด้วยฝ่ามือ เธอจักมีความคิดอย่างไรในมนุษย์พวกนั้น ฯ

ปุ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าพวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบท จักให้การประหารข้าพระองค์ด้วยฝ่ามือ ข้าพระองค์จักมีความคิดในพวกเขาอย่างนี้ว่า พวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบทนี้ ยังดีนักหนาที่ไม่ให้การประหารเราด้วยก้อนดิน ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้สุคต ข้าพระองค์จักมีความคิดในมนุษย์พวกนั้นอย่างนี้ ฯ

[๗๕๙] พ. ดูกรปุณณะ ก็ถ้าพวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบท จักให้การประหารเธอด้วยก้อนดิน เธอจักมีความคิดอย่างไรในมนุษย์พวกนั้น ฯ

ปุ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าพวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบท จักให้การประหารข้าพระองค์ด้วยก้อนดิน ข้าพระองค์จักมีความคิดในพวกเขาอย่างนี้ว่า พวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบทนี้ยังดีหนักหนา ที่ไม่ให้การประหารเราด้วยท่อนไม้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้สุคต ข้าพระองค์จักมีความคิดในมนุษย์พวกนั้นอย่างนี้ ฯ


ภาพจากวัดทิเบต พุทธคยา


[๗๖๐] พ. ดูกรปุณณะ ก็ถ้าพวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบท จักให้การประหารเธอด้วยท่อนไม้ เธอจักมีความคิดอย่างไรในมนุษย์พวกนั้น ฯ

ปุ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าพวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบท จักให้การประหารข้าพระองค์ด้วยท่อนไม้ ข้าพระองค์จักมีความคิดในพวกเขาอย่างนี้ว่า พวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบทนี้ยังดีนักหนา ที่ไม่ให้การประหารเราด้วยศาตรา ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้สุคต ข้าพระองค์จักมีความคิดในมนุษย์พวกนั้นอย่างนี้ ฯ

[๗๖๑] พ. ดูกรปุณณะ ก็ถ้าพวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบท จักให้การประหารเธอด้วยศาตรา เธอจักมีความคิดอย่างไรในมนุษย์พวกนั้น ฯ

ปุ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าพวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบท จักให้การประหารข้าพระองค์ด้วยศาตรา ข้าพระองค์จักมีความคิดในพวกเขาอย่างนี้ว่า พวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบทนี้ยังดีนักหนา ที่ไม่ปลิดชีพเราเสียด้วยศาตราอันคม ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้สุคต ข้าพระองค์จักมีความคิดในมนุษย์พวกนั้นอย่างนี้ ฯ

[๗๖๒] พ. ดูกรปุณณะ ก็ถ้าพวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบท จักปลิดชีพเธอเสียด้วยศาตราอันคม เธอจักมีความคิดอย่างไรในมนุษย์พวกนั้น ฯ

ปุ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าพวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบท จักปลิดชีพข้าพระองค์ด้วยศาสตราอันคม ข้าพระองค์จักมีความคิดในพวกเขาอย่างนี้ว่า มีเหล่าสาวกของพระผู้มีพระภาค ที่อึดอัดเกลียดชังร่างกายและชีวิต***** (ของตนเอง - ธัมมโชติ) พากันแสวงหาศาตราสังหารชีพ (ของตน - ธัมมโชติ) อยู่แล เราไม่ต้องแสวงหาสิ่งดังนั้นเลย ก็ได้ศาตราสังหารชีพแล้ว ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้สุคต ข้าพระองค์จักมีความคิดในมนุษย์พวกนั้นอย่างนี้ ฯ

[๗๖๓] พ. ดีละๆ ปุณณะ เธอประกอบด้วยทมะ (การข่มใจ - ธัมมโชติ) และอุปสมะ (ความสงบใจ อุปสมะขั้นสูงสุดคือพระนิพพาน - ธัมมโชติ) ดังนี้แล้ว จักอาจเพื่อจะอยู่ในสุนาปรันตชนบทได้แล ดูกรปุณณะ เธอจงสำคัญกาลที่ควรในบัดนี้เถิด ฯ

ครั้งนั้นแล ท่านพระปุณณะยินดีอนุโมทนาพระภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล้ว ลุกจากอาสนะ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณ แล้วเก็บเสนาสนะ ถือบาตรจีวรเดินทางจาริกไปยังที่ตั้งสุนาปรันตชนบท เมื่อจาริกไปโดยลำดับ ได้ลุถึงสุนาปรันตชนบทแล้ว ฯ


ภาพจากวัดที่ระลึกถึงพระถังซำจั๋ง เมืองนาลันทา


[๗๖๔] เป็นอันว่าท่านพระปุณณะอยู่ในสุนาปรันตชนบทนั้น ครั้งนั้นแล ท่านพระปุณณะได้ให้พวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบทกลับใจ แสดงตนเป็นอุบาสกประมาณ ๕๐๐ คน ภายในพรรษานั้นเอง กลับใจแสดงตนเป็นอุบาสิกาประมาณ ๕๐๐ คน ภายในพรรษานั้นเอง และตัวท่านได้ทำให้แจ้งซึ่งวิชชา ๓***** (บรรลุเป็นพระอรหันต์ - ธัมมโชติ) ภายในพรรษานั้นเหมือนกัน ครั้นสมัยต่อมา ท่านได้ปรินิพพานแล้ว ฯ

อธิบายเพิ่มเติม

  1. สมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าทรงพรรณนาคุณแห่งอสุภสมาบัติเนืองๆ (การพิจารณาร่างกายของตน และผู้อื่น ว่ามีความไม่สวย ไม่งาม ไม่น่ารักน่าใคร่ เป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์นานาประการ) โดยอเนกปริยายแก่ภิกษุทั้งหลาย แล้วเสด็จออกเร้นอยู่พระองค์เดียวเป็นเวลาครึ่งเดือน ภิกษุเหล่านั้นจึงพากันเจริญอสุภกัมมัฏฐาน จนรู้สึกอึดอัด ระอา เกลียดชังร่างกายของตน ฉะนั้น จึงปลงชีวิตตนเองบ้าง วานกันและกันให้ปลงชีวิตบ้าง ให้ฆราวาสปลงชีวิตให้บ้าง

    เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จออกจากที่ประทับเร้นแล้ว ทรงทราบเรื่องนี้แล้ว จึงทรงแสดงอานาปานสติสมาธิ (การกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก) ประกอบกับสติปัฏฐาน เพื่อให้สามารถทำลายกิเลสได้ โดยไม่เป็นทุกข์ทางใจเหมือนอสุภกัมมัฏฐาน

    จากนั้นทรงติเตียนการฆ่าตัวตายของภิกษุเหล่านั้น แล้วทรงบัญญัติสิกขาบทมีใจความว่า ภิกษุใดจงใจฆ่ามนุษย์ หรือแสวงหาเครื่องมือสำหรับฆ่ามนุษย์ หรือแม้แต่การพรรณนาคุณของความตาย เพื่อจูงใจให้คนฆ่าตัวตาย ภิกษุนั้นต้องอาบัติปาราชิก (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในพระไตรปิฎก พระวินัยปิฎก เล่ม 1 มหาวิภังค์ ปฐมภาค เรื่องตติยปาราชิกสิกขาบท)

  2. วิชชา 3 ได้แก่ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ (ระลึกชาติได้) จุตูปปาตญาณ (เห็นการตายและเกิดของสัตว์ทั้งหลาย และกรรมที่ทำให้เกิดในที่นั้นๆ) อาสวักขยญาณ (ความทำลายกิเลสให้สิ้นไป คือบรรลุเป็นพระอรหันต์)

ผู้รวบรวม
ธัมมโชติ
3 มีนาคม 2545

ขอเชิญทุกๆ ท่าน ร่วมลงนามเยี่ยม
และวิจารณ์เว็บไซต์ของเราใน สมุดเยี่ยม ด้วยนะครับ




eXTReMe Tracker