!doctype>
!doctype>
การลดการผูกโกรธ
- บุพเพสันนิวาส
ผู้สนใจท่านหนึ่งได้เมล์มาถามปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้
ทางผู้ดำเนินการเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ แก่ท่านอื่นๆ ด้วย จึงขออนุญาตนำมาลงเอาไว้
ณ ที่นี้ ดังนี้
คำถาม
Subject: ผูกโกรธ บุพเพฯ
อยากเรียนถามว่า การลดการผูกโกรธ แรงอาฆาตพยาบาท ไม่ยอมให้อภัยจริงๆ แต่ก็ไม่ถึงกับตั้งใจจะเอาคืน
ทำอย่างไรได้ผลดี เร็ว แผ่เมตตาแล้วใจก็ยังไม่ค่อยอยากให้อภัยง่ายๆ เหมือนอาบน้ำแล้วแต่ก็ไม่รู้สึกว่าสะอาด
จะเหม็นก็ไม่เชิง จะสบายตัวก็ไม่ใช่
ไม่อยากมีอะไรตกตะกอนอยู่ในใจค่ะ กลัวว่าจะเป็นเชื้อกรรมให้มาใช้คืนกันอีกไม่รู้จบ
เป็นฝ่ายกระทำก็ไม่อยากเป็นอยู่ดี
บุพเพสันนิวาสคืออะไร หลบเลี่ยงได้ไหมคะ?
สองคำถามค่ะ ขอบคุณค่ะ
ตอบ
สวัสดีครับ
ขอบคุณครับที่ให้ความสนใจเว็บไซต์ ธัมมโชติ
-
เรื่องการลดการผูกโกรธ แรงอาฆาตพยาบาท อย่างกรณีที่ถามมานี้ ก็คงต้องใช้การพิจารณาประกอบด้วยครับ
คือพิจารณาโทษของการผูกโกรธ และคุณของการปล่อยวาง
โทษของการผูกโกรธ เช่น จิตใจของเราเองก็จะเป็นทุกข์เร่าร้อน หยาบกระด้าง ไม่เป็นอิสระ
ไม่ประณีตเบาสบาย สุขภาพกายและใจก็แย่ หน้าตาก็ไม่ผ่องใส
แต่ถ้าปล่อยวางได้ก็จะเป็นตรงกันข้าม คือ จิตใจประณีต เบาสบาย มีความสุขกายสบายใจ
เป็นอิสระ หน้าตาผ่องใส ฯลฯ
คิดพิจารณาว่าการผูกโกรธเอาไว้นั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลย มีแต่โทษอย่างเดียว และผู้ที่ได้รับผลจากความรู้สึกเช่นนั้นอย่างเต็มที่
แท้จริงก็คือตัวเรานั่นเอง เหมือนกับว่าไม่พอใจคนอื่น แต่กลับมาทำร้ายตัวเอง
จริงๆ นะครับ คิดดูให้ดี
ควรจะคิดว่าปล่อยให้เป็นไปตามกรรมดีกว่า ใครทำกรรมอะไรเอาไว้ ก็จะได้รับผลกรรมอันนั้นเอง
ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะไปส่งผลกรรมนั้นให้กับเขา
และก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะคอยติดตามดูว่า เขาได้รับผลกรรมอันนั้นหรือยังด้วย
เพราะถ้าทำอย่างนั้น ก็จะส่งผลเช่นเดียวกับการผูกโกรธเอาไว้นั่นเอง อย่างน้อยก็ทำให้ใจเราไม่เป็นอิสระ
นอกจากนี้ก็ควรพิจารณาเรื่องเหตุปัจจัยประกอบไปด้วยนะครับ คือคิดดูว่า ตัวเราเองยังไม่สามารถกำหนดชีวิตของเราเองได้ทุกอย่างเลย
ดังนั้น การที่เขาทำให้เราไม่พอใจนั้น ก็คงเป็นเพราะถูกเหตุปัจจัยต่างๆ บีบบังคับมาเช่นกัน
รวมถึงอาจเกิดจากความเข้าใจผิด หรือความไม่รู้ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ได้ แม้ตัวเราเองก็ยังเป็นเช่นนั้นได้
ก็ควรจะให้อภัยในความผิดพลาดของคนอื่นด้วยเช่นกันนะครับ
แต่ถ้าพิจารณาแล้วยังไม่หาย ก็คงต้องรอให้ปัญญาเกิดขึ้นก่อนแล้วหละครับ คือต้องให้ทนทุกข์จากการผูกโกรธเอาไว้
จนกระทั่งเห็นโทษภัย และความไร้สาระ ด้วยปัญญาของเราเองอย่างแท้จริง แล้วจิตก็จะวางลงได้เองโดยอัตโนมัติ
หรือเมื่อเห็นความจริงของชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ก็จะพ้นจากความยึดมั่นในสิ่งทั้งปวงลงไปได้เองครับ
-
บุพเพสันนิวาส คือการที่เคยอยู่ร่วมกันมาในชาติปางก่อนครับ (บุพพ = ก่อน, นิวาส
= ที่อยู่อาศัย) คืออาจจะเคยเป็นพ่อ แม่ ลูก หลาน สามี ภรรยา เพื่อน ฯลฯ กันในชาติก่อนๆ
เมื่อเจอกันในชาตินี้จึงทำให้รู้สึกคุ้นเคยกัน ได้ง่ายกว่าคนทั่วๆ ไป
เนื่องจากเป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว (ในชาติก่อนๆ ) จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงความคุ้นเคยที่ยังฝังอยู่ในใจได้ครับ
จะหลีกเลี่ยงได้ก็เฉพาะการกระทำในปัจจุบันนี้เท่านั้น คือเราสามารถเลือกได้ (ตามเหตุปัจจัย)
ว่าเราจะทำอย่างไร หรือจะสร้างเหตุปัจจัยใหม่อย่างไร
ถ้ายังไม่กระจ่าง หรือมีข้อสงสัยอะไรอีก ก็เชิญถามมาได้ใหม่นะครับ ไม่ต้องเกรงใจ
ธัมมโชติ
19 ตุลาคม 2545
ขอเชิญทุกๆ ท่าน ร่วมลงนามเยี่ยม
และวิจารณ์เว็บไซต์ของเราใน สมุดเยี่ยม ด้วยนะครับ