"ปวดหลัง…….ฉี่เหลือง    เมื่อไร  ต้องโทษโรคไตทุกทีซีน่า"

     ..ดำรงค์ศักดิ์    วังเภตรา

 

           ชายร่างอวบอัด ในวันกลางคนหย่อนๆ  โผล่หน้าอันซูบซีด  เพราะถูกรบกวนเวลาพักผ่อน เข้ามาทักทายผมในเช้าวันหยุดวันหนึ่ง

           แกเป็นเพื่อนรุ่นพี่หรือพี่รุ่นเพื่อน อะไรประมาณนั้น เราคบกันมานานจนบางครั้งสับสนว่าแต่ละคนอยู่ในฐานะอะไร

           "หมอ………ขอรบกวนปรึกษาหน่อย……" โดยไม่คิดสักนิด ที่จะทักทายว่าผมสบายดีหรือเปล่า  แกเข้าเรื่องในทันทีที่เห็นหน้าผม เหมือนเห็นห้องน้ำ หลังจากที่อั้นมานานแล้วเพิ่งเดินหาเจอ "………2-3 เดือนมานี่  ไม่รู้เป็นไร  ผมรู้สึกว่ามันมีอาการปวดตรงกลางหลัง  เป็นแนวลงมาถึงก้นกบ มันเมื่อยๆตื้อๆ อยู่ตลอด  บางทีบ่ายๆ นั่งนานๆ ก็จะตึงจนไม่อยากขยับ ที่มันทรมานเอาเรื่องคือบางวันตื่นนอนตอนเช้า แทบจะต้องคลานลงจากเตียงไปหาห้องน้ำ ฉี่ออกมานี้เหลืองอ๋อย เมื่อวานไปนั่งคุยกับช่างซ่อมรถข้างบ้าน แกได้ยินแล้วยืนยันว่าผมต้องเป็นโรคไตแน่ๆ เมื่อคืนผมนอนคิดทั้งคืนว่าโรคไตมันเป็นยังไง จะต้องทรมานไปอีกนานไหมกว่าจะตาย  ตื่นนอนแล้วจะต้องลงจากเตียงโดยวิธีคลานลง  ไปตลอดหรือนี่ แล้วผมจะทำอะไรๆ  อย่างมีความสุขได้อย่างไร  ถ้าทำแล้วปวดหลังอยู่อย่างนี้    เค้าลือว่าโรคไตต้องรักษากันไปตลอด นี่เราต้องไปหาหมอทุกอาทิตย์เลยหรือเปล่าเนี่ย……..  ไปปีละครั้งก็แย่แล้ว นอนพลิกไปพลิกมาพอฟ้าสางก็คิดถึงหน้าหมอขึ้นมาได้"

           คำจำกัดความของอาชีพแพทย์คือ อาชีพขายบริการประเภทหนึ่ง ซึ่งจะเป็นที่คิดถึงของชาวบ้านทั่วไป ก็เฉพาะในกรณีที่เขาเหล่านั้น……..ไม่ค่อยจะปกติ

          "ไหนๆก็มาแล้ว พี่นั่งลงก่อนก็แล้วกัน……ลองค่อยๆเล่าให้ผมฟังใหม่ช้าๆชัดๆ อีกสักทีซิครับว่ามันปวดตรงไหน ยังไง"

           "มันจะเริ่มปวดเมื่อยๆตรงกลางๆหลังเวลาตื่นนอนหรือนั่งนานๆจะยิ่งปวดมากขึ้น" พูดพร้อมกับคลำป้อยๆบริเวณกระเบนเหน็บ

           "ฟังดูอาการของพี่แล้ว ผมชักไม่เห็นด้วยกับช่างข้างบ้านพี่แฮะ  ถ้าเป็นไตเสื่อม ไตวายอย่างที่กลัวกัน ก็มักจะไม่ค่อยมีอาการปวดด้วยซ้ำ นอกจากในบางรายที่มีนิ่วในไต ไตอักเสบจากติดเชื้อ ตำแหน่งที่ปวดก็จะอยู่สูงกว่านี้ไปอยู่ระดับบริเวณกระดูกชายโครง อาการปวดก็จะไม่เกี่ยวข้องกับท่านั่งท่านอน ส่วนในรายที่มีอาการปวดจากท่อไตจากนิ่วไปอุด อาการก็จะเกิดทันทีทันใด ไม่ต้องหงุดหงิดมานานเป็นเดือนๆเหมือนพี่ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ส่วนมากก็จะไม่ต้องลำบากเดินมาหาอย่างนี้หรอก มักจะได้นอนมามากกว่า เพราะอาการจะปวดบิดรุนแรง จนต้องงอตัวกุมท้องมาในเปล อาจจะปวดบิดร้าวไปที่หน้าขาหรือขาหนีบข้างเดียวกันก็ได้   มีคลื่นไส้อาเจียน    ดีไม่ดี แถมมีฉี่เป็นเลือดด้วยก็ได้"

           "แต่นี่ฉี่มันเหลืองจังนะหมอ"

           "ของผมก็เหลืองมาตั้งแต่เกิดเหมือนกัน…….. "พยายามปลอบประโลมให้ความอบอุ่น สร้างความรู้สึกเป็นพวกเดียวกัน"  ……..อาจจะทานน้ำน้อย เหงื่อออกมากหรือตื่นนอนตอนเช้า ในกรณีเหล่านี้ปัสสาวะมันจะเข้มข้นจนเหลืองเข้มได้ นอกเสียจากว่าจะมีตัวเหลืองตาเหลืองร่วมด้วย ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็สบายใจได้ว่าไม่ได้เป็นโรคไต เพราะคงจะเป็นโรคตับหรือน้ำดีแน่ๆ"

           "เอ…..แต่บางครั้ง ฉี่มันขัดๆนะ"  แกเถียงคำไม่ตกฟาก

           "ถ้าจะฉี่ขัด มันก็โรคของกระเพาะปัสสาวะหรือโรคอะไรที่ทำให้ท่อปัสสาวะมันแคบลงต่างหาก  ไตมันไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยหรอกครับ………."

           “………สาเหตุที่ทำให้ปวดหลัง  ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของกระดูก    และกล้ามเนื้อมากกว่า

ท่านั่งที่ไม่เหมาะ นอนบนฟูกที่ยุบตัวหลังจมอยู่ในแอ่ง   ยกของหนักในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง และที่สำคัญคือน้ำหนักตัว…….."  พร้อมเน้นด้วยการสัมผัสไปที่รอบเอวขนาดประมาณหมีพู  จนถึงหน้าท้องที่กลมกลึงขนาดอายุครรภ์ 6 เดือนเศษของแก  "……ถ้าลดลงได้บ้างก็จะช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อหลัง และยืดอายุกระดูกสันหลัง ลองดูในเรื่องที่ผมว่ามานี่ แล้วอาการปวดหลังของพี่จะดีขึ้น"

           ลืมสนิท…………วันนั้นนึกขึ้นได้ก็ตอนที่แกลับสายตาไปแล้ว ลืมบอกให้แกช่วยไปอธิบายให้ช่างผู้หวังดีคนนั้น…..ได้เข้าใจด้วย

 

 

(จากหนังสือ “สาระน่ารู้ทางศัลยกรรม” 50ปี รพ.ภูมิพลดุลยเดช พ.ศ.2542)