การปฐมพยาบาลแผลไหม้เนื่องจากถูกกรดหรือด่าง
ถูกฟ้าผ่าและช็อกจากกระแสไฟฟ้า
น.พ.อนันต์ชัย เดชอมรธัญ
แผลที่ถูกน้ำกรดหรือด่าง
จะมีลักษณะเหมือนแผลที่ถูกไฟไหม้
ส่วนใหญ่มักเกิดจากความประมาท
1. ล้างบาดแผลด้วยน้ำสะอาดจำนวนมากเป็นเวลานานๆ
เช่น เปิดก๊อกหรือราดน้ำนานๆ อย่าแช่น้ำเพื่อชะล้างกรดและด่างออกให้หมด
2. การรักษาบาดแผลทำเหมือนการรักษาแผลถูกไฟไหม้
3. ป้องกันการติดเชื้อ
เมื่อถูกฟ้าผ่าร่างกายจะหมดสติและถึงแก่ความตายได้
ผู้ที่ถูกฟ้าผ่าจะพบว่ากล้ามเนื้อประสาทที่ควบคุมการหายใจเป็นอัมพาต
ทำให้หยุดหายใจ หัวใจหยุดเต้นและมีแผลไหม้
ให้รีบผายปอดโดยเร็วที่สุด
แต่ต้องทำอย่างถูกวิธีเพราะผู้ที่ทำไม่ถูกต้องจะมีผลร้ายต่อผู้ป่วย
และถ้าคนไข้หยุดหายใจด้วยให้ผายปอด และกระตุ้นหัวใจสลับกันไป
บาดแผลที่มีให้รักษาในเบื้องต้นเหมือนบาดแผลถูกไฟไหม้และต้องให้แพทย์รักษาเพราะภายในมักมีบาดแผลรุนแรงกว่าที่มองเห็นด้วยตา
อาการเมื่อถูกกระแสไฟฟ้า ไฟฟ้าจะแล่นเข้าสู่ร่างกายซึ่งมีอันตรายถึงชีวิตได้
อาการที่ปรากฏคือ หมดสติ, ชีพจรเต้นเบา, อาจมีอาการช๊อกหรือหัวใจหยุดเต้นในทันที
และมีรอยไหม้บริเวณที่ถูกกระแสไฟฟ้า
ให้ปฏิบัติโดยทันที เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยหลุดจากสายไฟฟ้าให้เร็วที่สุด ซึ่งปฏิบัติได้หลายวิธีต่อไปนี้
1. ปิดสวิตช์ไฟทันที
2. ถ้าปิดสวิตช์ไม่ได้ให้ใช้วิธีดังต่อไปนี้
2.1
สวมถุงมือยางแล้วยืนบนพื้นที่ไม่เป็นตัวนำไฟฟ้า
ดึงผู้ป่วยออกถ้าไม่มีถุงมือก็ต้องพับด้วยผ้า หรือสิ่งที่ไม่เป็นสื่อไฟฟ้า
เช่น
ผ้ายางหรือแผ่นยาง เป็นต้น
2.2
ทำเป็นบ่วงสอดคล้องแขนหรือขาของผู้ป่วยแล้วลากออกมา
หรือคล้องสายไฟฟ้าแล้วดึงออกมา
2.3
ใช้ผ้ายาวๆ เช่น
ผ้าขาวม้าหรือเชือกจับชายหรือปลายทั้งสองข้างละมือตลบผ้าหรือเชือก
ให้คล้องตัวผู้ป่วยแล้วกระตุกออกมา
2.4
ใช้ขวานคมๆที่มีด้ามเป็นไม้ ฟันอย่างแรงลงบนสายไฟนั้น
เมื่อผู้ป่วยหลุดออกมาได้ ให้รีบนำส่งแพทย์ทันที
ถ้าสลบให้พยายามปลุกให้รู้สึกตัว
ให้ทำการผายปอดช่วยหายใจ(ถ้าหยุดหายใจ)
จนกว่าจะหายใจเป็นปกติ
แม้จะหายใจเป็นปกติแล้ว ก็ต้องเฝ้าดูอาการอย่างเสมอ เพราะอาจเกิดช็อกขึ้นอีกได้
(จากหนังสือ สาระน่ารู้ทางศัลยกรรม 50ปี รพ.ภูมิพลดุลยเดช พ.ศ.2542)