ก้อนที่เต้านม

  น.พ.อนันต์ชัย   เดชอมรธัญ

 

           เต้านมเป็นอวัยวะสำคัญที่บ่งบอกถึงความเป็นสัตว์โลกที่เลี้ยงลูกด้วยนม สำหรับมนุษย์ถือว่าเต้านมเป็นสัญลักษณ์ทางเพศสำคัญอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะเพศหญิงตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยแก่ ถ้าปราศจากอวัยวะนี้แล้วคงจะมีปัญหาเกิดขึ้นมากมาย อย่างน้อยที่สุดความเป็นผู้หญิงคงจะด้อยลงไป

           เต้านมยังทำหน้าที่สำคัญในการสืบทอดความเป็นสิ่งมีชีวิต กล่าวคือขั้นตอนของการสืบพันธุ์สำหรับสตรีเลี้ยงลูกด้วยนมนั้น เต้านมต้องทำหน้าที่ผลิตน้ำนมเพื่อเลี้ยงทารกด้วย

การเปลี่ยนแปลงทางเต้านม

           เมื่อเติบโตเข้าระยะวัยรุ่น เต้านมจะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ภายใต้การควบคุมของฮอร์โมน 2 ชนิด คือ ฮอร์โมนเอสโตเจนจากรังไข่กระตุ้นให้เกิดการขยายตัวของหัวนม, รวมทั้งท่อน้ำมันต่างๆ พร้อมกับกระตุ้นให้มีไขมันแทรกระหว่างท่อน้ำนม   ฮอร์โมนอีกชนิดคือ โปรเจสเตอโรน   ซึ่งร่างกายจะผลิตออกมาทุกเดือนตามรอบเดือน คอยกระตุ้นปลายท่อน้ำนมให้ขยายเป็นที่อยู่ของต่อมน้ำนม ทำหน้าที่ผลิตน้ำนม  ดังนั้นเวลาประจำเดือนใกล้จะมาผู้หญิงจะรู้สึกเต้านมโตขึ้น และตึงคัด ซึ่งเป็นปฏิกริยาตามธรรมชาติที่ร่างกายตอบสนองฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ที่หลั่งออกมาในช่วงเวลาดังกล่าว

           เต้านมที่เติบโตเต็มที่จะมีรูปร่างเกือบจะเป็นครึ่งทรงกลม มีส่วนปลายยื่นเข้าไปบริเวณรักแร้ หัวนมจะเชิดขึ้นเล็กน้อย เป็นที่เปิดของท่อน้ำนม, หัวนมจะล้อมรอบด้วยเนื้อเยื่อสีชมพู เรียกฐานหัวนม  (AREOLA) เต้านมแต่ละข้างมีเส้นประสาทและเนื้อเยื่อพังผืดประกอบจนเป็นรูปร่างที่มีความเต่งตึงในยามสัมผัส หัวนมจะมีเส้นประสาทมาหล่อเลี้ยงเพื่อประโยชน์ในการเลี้ยงลูกด้วยนม

           เต้านมของผู้ชายจะไม่เจริญเท่าผู้หญิง นอกจากในช่วงแตกเนื้อหนุ่ม อาจโตขึ้นเล็กน้อยเป็นการชั่วคราวที่เรียกว่า "นมแตกพาน"

การตรวจเต้านมด้วยตนเอง

           สำคัญมากสำหรับผู้หญิงที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป ควรสร้างอุปนิสัยในการตรวจเต้านมของตนเองอย่างสม่ำเสมอและหมั่นคลำหาก้อนที่ผิดปกติในเต้านม

           การตรวจเต้านมด้วยตนเองโดยการคลำอย่างเป็นระบบ ใช้มือขวาในการคลำเต้านมข้างซ้าย และสลับกันคือ ใช้มือซ้ายคลำเต้านมด้านขวา คลำเต้านมโดยใช้ฝ่านิ้วมือเพียง 2-3 นิ้ว สัมผัสด้วยการหมุนไปรอบๆ ตามเข็มนาฬิกากดเบาๆเพื่อให้ผิวหนังอยู่กับที่ เริ่มจากขอบนอกบนสุดหมุนเป็นวงกลมช้าๆตามเข็มนาฬิกาจนกลับมาถึงจุดเริ่มต้น ขยับนิ้วมือเข้าไปหาหัวนมราว 1 นิ้ว แล้วหมุนรอบซ้ำแบบเดิมอีกจนเข้ามาในสุดถึงหัวนม พยายามใช้ความรู้สึกสัมผัสของเต้านมปกติว่าเป็นอย่างไร เพื่อจะได้จำได้ว่าเวลาเกิดความผิดปกติแล้วมันจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ?  ท่านที่มีรูปร่างผอมบางอาจมีปัญหาว่ากระดูกหน้าอกอาจปรากฏชัดเจน จนคลำดูเหมือนก้อน

           โปรดระลึกไว้เสมอว่า แม้ว่าท่านจะตรวจพบก้อนที่เต้านมด้วยตนเองก็ตามแต่แพทย์เท่านั้นที่จะเป็นผู้ยืนยันว่าก้อนที่ท่านคลำได้นั้น เป็นก้อนที่ผิดปกติหรือไม่ ? และเป็นชนิดไม่ร้ายแรงหรือเป็นมะเร็ง ข้อสำคัญของเพียงแต่ให้ขยันหมั่นตรวจเต้านมด้วยตนเองบ่อยๆเป็นประจำ

ก้อนที่เต้านม

           ก้อนที่เต้านมหรือเนื้องอกที่เต้านม มักเกิดหลังอายุ 30 ปี แล้วเกิดจากการที่เซลล์มีการแบ่งตัวผิดปกติ โดยเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงจะมีการแบ่งตัวแล้วไม่ลุกลามนอกเปลือกหุ้ม ในขณะที่เซลล์มะเร็งจะมีการกระจายไปทั่ว

           ก้อนของเต้านมส่วนใหญ่เป็นชนิดไม่ร้ายแรง ประมาณร้อยละ80 เรานิยมรักษาโดยผ่าตัดเอาออกเพื่อไม่ให้รบกวนการทำงานปกติของเต้านม ก้อนเต้านมชนิดไม่ร้ายแรงนี้จะไม่ลุกลามไปยังเนื้อเยื่อส่วนดีอื่นๆของเต้านมและไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต

มะเร็งเต้านม

           เนื้องอกชนิดร้ายแรงของเต้านม เราเรียกว่า "มะเร็งเต้านม" อาการสำคัญสำหรับมะเร็งเต้านมก็คือ การคลำได้ก้อนภายในเต้านม โดยไม่มีอาการเจ็บปวด, เวลามีประจำเดือนมา ก้อนนี้จะไม่เปลี่ยนขนาด หรือความนุ่มแข็ง, อาการอื่นๆที่เกิดได้ก็คือ การมีของเหลวไหลออกมาจากหัวนมหรือผิวหนังเหนือเต้านมขรุขระไปเหมือนผิวส้ม

เราแบ่งมะเร็งเต้านมอย่างง่ายๆเป็น 3 ระยะด้วยกัน

1.  มะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น

           หมายถึงมะเร็งที่มีก้อนขนาดเล็กไม่เกิน 1 นิ้ว การแพทย์สมัยใหม่สามารถตรวจพบมะเร็งที่มีก้อนขนาดเล็กกว่านี้มาก เช่น ตรวจด้วย mammogram, ก้อนขนาดนี้จริงๆแล้วอาจมีการเจริญเติบโตมานานแล้ว ซึ่งถ้าหากหมั่นตรวจเต้านมด้วยตนเองอยู่เสมอจะสามารถคลำได้ก่อนที่จะโตเท่านี้

           โอกาสที่จะอยู่รอด 5 ปี หลังการรักษามีสูงถึง 85%

2.  มะเร็งเต้านมระยะเป็นมาก

           คือมะเร็งที่กระจายจากเต้านมสู่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณต่าง เช่น ที่รักแร้, คอ, ทรวงอก

           โอกาสที่จะอยู่รอดเกิน 5 ปีหลังการรักษาจะลดลงเหลือเพียง 40% หรือต่ำกว่านี้

3.  มะเร็งเต้านมชนิดแพร่กระจาย

                     คือมะเร็งที่ลุกลามไปถึงต่อมน้ำเหลืองแล้วกระจายไปตามท่อน้ำเหลือง และกระแสโลหิตสู่ส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น กระดูก,ตับ,ปอด และสมอง โอกาสที่จะอยู่รอดเกิน 5 ปี แม้จะให้การรักษาด้วย

 แทบจะไม่มีเลย

การรักษามะเร็งเต้านม

           การรักษาโรคมะเร็งเต้านมอย่างจริงจัง ได้เริ่มขึ้นเมื่อต้นคริสศตวรรษที่ 19 โดยการผ่าตัดเต้านม, ต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ และกล้ามเนื้อหน้าอกออกจนหมดได้ผลดี แต่หน้าอกด้านที่ถูกผ่าตัดจะแบนราบเห็นรอยกระดูกซี่โครงชัดเจน ต่อมาความรู้ความเข้าใจเรื่องโรคมะเร็งเต้านมของสตรีดีขึ้น ผู้ป่วยจะมาพบแพทย์เร็วขึ้น จึงได้มีวิวัฒนาการผ่าตัดเอาเฉพาะเต้านมและต่อมน้ำเหลืองออก  แต่เหลือกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกเอาไว้ ผลการผ่าตัดจะไม่เห็นรอยซี่โครงและโอกาสจะมาเสริมแต่งหน้าอกและใส่เต้านมเทียมมากขึ้น   วิวัฒนาการการรักษาโรคมะเร็งเต้านมไม่เพียงแต่ทางศัลยกรรมเท่านั้น ยังมีการใช้เคมีบำบัด และรังสีบำบัดมาร่วมในการรักษาทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด ทำให้เปอร์เซ็นต์การอยู่รอดของผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งเต้านมดีขึ้น

           ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา มีการนำเอาวิธีการรักษามะเร็งเต้านม โดยไม่ตัดเอาเต้านมออกหมดมาใช้ร่วมกับการฉายรังสีและเคมีบำบัด ใช้เฉพาะมะเร็งเต้านมระยะแรกเริ่มได้ผล และปลอดภัยใกล้เคียงกับการรักษาโดยการตัดออกทั้งหมด

           ทั้งหมดที่ได้กล่าวจะเห็นได้ว่า การรักษามะเร็งเต้านมในปัจจุบันและอนาคตมีการหันเหไปใช้วิธีการเก็บเต้านมไว้มากขึ้น สิ่งเหล่านี้กระทำได้เนื่องจากประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องโรคมะเร็งเต้านมดีขึ้น  มีการตื่นตัวที่จะตรวจตัวเองและให้แพทย์ตรวจ เพื่อค้นหามะเร็งเต้านมตั้งแต่ระยะเริ่มแรก  นับเป็นโอกาสทองของชีวิตที่จะรักษาตัวเองให้หายจากมะเร็งเต้านม และไม่ต้องสูญเสียเต้านมอีกด้วย

 

(จากหนังสือ “สาระน่ารู้ทางศัลยกรรม” 50ปี รพ.ภูมิพลดุลยเดช พ.ศ.2542)