|
สังฆทานที่แท้จริง
สังฆหรือสงฆ์นั้น
ถ้าแปลตามตัวอักษรจะแปลว่าหมู่ ในทางพุทธศาสนาจะหมายถึงหมู่ของภิกษุ
หรือภิกษุณี คำว่าสงฆ์นั้นจะมีความหมายในลักษณะรวมๆ ในรูปของกลุ่ม
หมู่คณะ หรือสถาบันสงฆ์ คือจะไม่เฉพาะเจาะจงถึงภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง
หรือภิกษุณีรูปใดรูปหนึ่ง
ซึ่งตามวินัยแล้ว ผู้จะดำเนินการใดๆ ในนามของสงฆ์ได้
จะต้องประกอบด้วยภิกษุ (หรือภิกษุณี) ตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไป
ถ้าน้อยกว่านี้จะถือว่าไม่ครบองค์สงฆ์ เว้นแต่ในบางกรณีที่จำเป็น
พระพุทธเจ้าก็ทรงอนุญาต ให้สงฆ์แต่งตั้งภิกษุ (หรือภิกษุณี)
รูปใดรูปหนึ่งให้ทำการในนามของสงฆ์ได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ต้องทำการประชุมสงฆ์ก่อน
เมื่อที่ประชุมสงฆ์เห็นพ้องต้องกัน ภิกษุ (หรือภิกษุณี) รูปนั้นก็มีสิทธิ์ดำเนินการในนามของสงฆ์ในวาระและโอกาสตามที่ที่ประชุมกำหนดนั้นได้
(ถ้าจะไปดำเนินการอย่างอื่นหรือเวลาอื่นในนามของสงฆ์ ก็ต้องประชุมสงฆ์เพื่อพิจารณาแต่งตั้งอีกครั้ง)
สงฆ์มี 2 ฝ่ายคือ
สงฆ์มี 2 ประเภทคือ
คำว่าสังฆทานนั้น ก็หมายถึงการทำบุญให้ทานแก่สงฆ์นั่นเอง
คือการให้ทานโดยไม่ได้เจาะจงตัวผู้รับด้วยใจที่แท้จริง
ว่าจะต้องเป็นภิกษุรูปนั้นรูปนี้ ไม่ว่าใครจะเป็นผู้รับ ก็มีความยินดี
พอใจเสมอกันหมด
สำหรับของที่ใช้ทำสังฆทานนั้น จะเป็นอะไรก็ได้ที่ใช้ทำบุญโดยทั่วๆ
ไป เช่น อาหาร ของใช้ จีวรเครื่องนุ่งห่ม ฯลฯ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นของใช้จัดใส่ถังพลาสติกอย่างที่เห็นกันทั่วไป
เพราะจุดสำคัญของสังฆทานคือการให้ทานแก่สงฆ์ โดยไม่เจาะจงตัวผู้รับนั่นเอง
การทำสังฆทานนั้น
พระพุทธเจ้าตรัสว่าให้ผลบุญมากกว่าปาฏิปุคคลิกทานทุกประเภท
(ปาฏิปุคคลิกทาน = การให้โดยเจาะจงตัวผู้รับ) แม้ว่าผู้รับจะเป็นพระพุทธเจ้าก็ตาม
ทั้งนี้เพราะสังฆทานนั้นใจของผู้ให้จะเปิดกว้างกว่าปาฏิปุคคลิกทานนั่นเอง
ดังความในพระไตรปิฎก ทักขิณาวิภังคสูตร พระสุตตันตปิฎก
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
ที่พระพุทธเจ้าตรัสแก่พระนางมหาปชาบดีโคตมี ที่ได้ทอผ้าด้วยมือตนเอง แล้วนำไปถวายพระพุทธเจ้าว่า
......... ดูกรโคตมี พระนางจงถวายสงฆ์เถิด เมื่อถวายสงฆ์แล้ว จักเป็นอันพระนาง
ได้บูชาทั้งอาตมภาพและสงฆ์ ............
........ ก็ทักษิณาเป็นปาฏิปุคคลิกมี ๑๔ อย่าง
คือ
ให้ทานในตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธ นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑
ให้ทานในพระปัจเจกสัมพุทธ นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๒
ให้ทานในสาวกของตถาคตผู้เป็นพระอรหันต์ นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๓
ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอรหัตผลให้แจ้ง นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่
๔
ให้ทานแก่พระอนาคามี นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๕
ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอนาคามิผลให้แจ้ง นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่
๖
ให้ทานแก่พระสกทาคามี นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๗
ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำสกทาคามิผลให้แจ้ง นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่
๘
ให้ทานในพระโสดาบัน นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๙
ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำโสดาปัตติผลให้แจ้ง นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่
๑๐
ให้ทานในบุคคลภายนอกผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม (ปุถุชนที่ได้สมาธิขั้นฌาน - ธัมมโชติ)
นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิก ประการที่ ๑๑
ให้ทานในบุคคลผู้มีศีล นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑๒
ให้ทานในปุถุชนผู้ทุศีล นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑๓
ให้ทานในสัตว์เดียรัจฉาน นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑๔ ฯ ...........
........ ใน ๑๔ ประการนั้น
บุคคลให้ทานในสัตว์เดียรัจฉาน พึงหวังผลทักษิณาได้ร้อยเท่า
ให้ทานในปุถุชนผู้ทุศีล พึงหวังผลทักษิณา ได้พันเท่า
ให้ทานในปุถุชนผู้มีศีล พึงหวังผลทักษิณาได้แสนเท่า
ให้ทานในบุคคลภายนอกผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม (ปุถุชนที่ได้สมาธิขั้นฌาน - ธัมมโชติ)
พึงหวังผลทักษิณาได้แสนโกฏิเท่า
ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำโสดาปัตติผลให้แจ้ง (โสดาปัตติมรรคบุคคล - ธัมมโชติ)
พึงหวังผลทักษิณาจนนับไม่ได้ จนประมาณไม่ได้
จะป่วยกล่าวไปไยในพระโสดาบัน ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำสกทาคามิผลให้แจ้ง ในพระสกทาคามี
ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอนาคามิผลให้แจ้ง ในพระอนาคามี ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอรหัตผลให้แจ้ง
ในสาวกของตถาคตผู้เป็นพระอรหันต์ ในพระปัจเจกสัมพุทธ และในตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธ
ฯ ....
........ ก็ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์มี ๗ อย่าง
คือ
ให้ทานในสงฆ์ ๒ ฝ่าย มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์
ประการที่ ๑
ให้ทานในสงฆ์ ๒ ฝ่าย ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ทั้ง
๒ ฝ่าย ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๒
ให้ทานในภิกษุสงฆ์ นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ ประการที่ ๓
ให้ทานในภิกษุณีสงฆ์ นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๔
เผดียงสงฆ์ว่า ขอได้โปรดจัดภิกษุและภิกษุณีจำนวนเท่านี้ ขึ้นเป็นสงฆ์แก่ข้าพเจ้า
แล้วให้ทาน นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๕ (เป็นการระบุจำนวนว่าจะให้ทานสงฆ์กี่รูป
ในขณะที่ลำดับก่อนหน้านี้ไม่ระบุจำนวน - ธัมมโชติ)
เผดียงสงฆ์ว่า ขอได้โปรดจัดภิกษุจำนวนเท่านี้ขึ้นเป็นสงฆ์แก่ข้าพเจ้า แล้วให้ทาน
นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๖
เผดียงสงฆ์ว่า ขอได้โปรดจัดภิกษุณีจำนวนเท่านี้ ขึ้นเป็นสงฆ์แก่ข้าพเจ้า แล้วให้ทาน
นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๗ ฯ
...... ก็ในอนาคตกาล จักมีแต่เหล่าภิกษุโคตรภู มีผ้ากาสาวะ(ผ้าย้อมน้ำฝาด หรือผ้าเหลือง
- ธัมมโชติ) พันคอ (คือไม่ห่มจีวรแล้ว แต่งกายอย่างคฤหัสถ์ แล้วใช้ผ้าเหลืองพันคอเพื่อให้เห็นว่าเป็นภิกษุ
- ธัมมโชติ) เป็นคนทุศีล มีธรรมลามก คนทั้งหลายจักถวายทานเฉพาะสงฆ์ได้
ในเหล่าภิกษุทุศีลนั้น ........
...... ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์แม้ในเวลานั้น เราก็กล่าวว่า มีผลนับไม่ได้ ประมาณไม่ได้
แต่ว่าเราไม่กล่าวปาฏิปุคคลิกทานว่ามีผลมากกว่าทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์โดยปริยายไรๆ
เลย ฯ ......
ผู้รวบรวม
ธัมมโชติ
2 ธันวาคม 2543
ขอเชิญทุกๆ ท่าน ร่วมลงนามเยี่ยม
และวิจารณ์เว็บไซต์ของเราใน สมุดเยี่ยม ด้วยนะครับ