การดูดาวเบื้องต้น
?
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับเส้นสมมุติต่างๆที่ทางดาราศาสตร์กำหนดขึ้น
เพื่อใช้หาทิศทางและ ตำแหน่ง
ของเทหวัตถุบนท้องฟ้ากันก่อน
ถ้าหากเราออกไปนอกโลกประมาณเดือนธันวาคมเราจะเห็นตำแหน่งของโลกหันขั้วเหนือออกจากดวงอาทิตย์
ดังรูป
เราก็จะได้เส้นสมมุติขึ้นมา 2
เส้นคือ
1.
เส้นศูนย์สูตรฟ้า (Celestial Equator) ซีเรสเชียน
อิเควเตอร์
เป็นเส้นที่ผ่านจุดทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก
เกิดขึ้นจากการที่โลกหมุนรอบตัวเอง
ฉะนั้นเส้นนี้จะตั้งฉากกับแกนหมุนของโลก
และเป็นแนวเดียวกับเส้น
ศูนย์สูตรโลกพอดี (Earth Equator)
ซึ่งแนวการเคลื่อนที่ของดาวก็จะขนานไปกับเส้นนี้ด้วย
2. เส้นสุริยะวิถี
(Ecliptic) อิคลิปติค
เป็นเส้นแนวการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ผ่านท้องฟ้า
เส้นนี้เกิดจาก
ระนาบการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์
(ไม่ใช่เกิดจากการหมุนรอบตัวเอง)
ฉะนั้นแนวเส้นนี้
จะเป็นแนวเส้นเดียวกับ
เส้นทางโคจรของดาวเคราะห์รวมทั้งดวงจันทร์ด้วย
ซึ่งอาจจะสูงหรือต่ำกว่าเส้นอิคลิปติดเล็กน้อย
อิคลิปติด
มีความหมายว่า การบังกัน
ดังนั้นบนแนวเส้นนี้จะทำให้เกิดสุริยุปราคา
จันทรุปราคา หรือ
การบังกันของดาวเคราะห์
จากนั้นเมื่อเราพิจารณาเฉพาะจุดที่ผู้สังเกตุอยู่บนโลก
ณ จุด A บริเวณซีกโลกเหนือ (อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรโลก)
ซึ่งประเทศไทย
อยุ่ที่ประมาณละติจูด 15
องศาเหนือ (เชียงใหม่ 20 องศาเหนือ
ถึง นราธิวาส 3 องศาเหนือ กทม 13.5
องศาเหนือ) ดังรูป ณ.จุดนี้จะมีลักษณะของทรงครึ่งวงกลมรัศมีไม่จำกัดครอบผู้สังเกตุอยู่เราเรียกทรงครึ่งวงกลมนี้ว่า
ทรงกลมท้องฟ้า
(Celestial Sphere)
ทำให้เกิดเส้นสมมุติอีก 4 เส้นคือ
3.เส้นขอบฟ้า (Horizon) คือแนวระดับสายตา
บางทีก็เรียกว่าแนวบรรจบของทรงกลมท้องฟ้าส่วนบนกับ
ท้องฟ้าส่วนล่าง
4.จุดเหนือศรีษะ หรือ จุดยอดฟ้า
(Zenith) เซนิท
คือจุดที่ตั้งฉากกับผู้สังเกตุขี้ขึ้นไปทางทรงกลมฟ้า
ส่วนจุดที่ตรงข้าม 180 องศา
เรียกว่า จุดเนเดอร์ (Nadir)
5.เส้นเมริเดียน (Meridian)
คือแนวเส้นที่ลากจากจุดทิศเหนือไปจุดทิศใต้ผ่านจุดยอดฟ้า
(Zenith) พอดี
ส่วนเส้นที่ไม่ได้ผ่านจุดเหนือศีรษะ
เราจะเรียกว่า เส้นวงกลมชั่วโมง
6.ขั้วฟ้าเหนือ (North Celestial Poles)
เป็นแนวขั้วเหนือของทรงกลมฟ้า
ซึ่งจะชี้ไปทางดาวเหนือพอดี
ส่วนจุดตรงกันข้าม 180
องศาเราเรียกว่า ขั้วฟ้าใต้ (South
Celestial Poles)
?
ดวงดาวจะเคลื่อนที่ขนานไปกับเส้น celestial เสมอ แต่ที่จุดขั้วฟ้าเหนือ และใต้ ดวงดาวจะเดินทางเป็นวงรอบ ขั้วฟ้าทั้งสอง
?
ข้อสังเกต
1.เมื่อผู้สังเกตุอยู่บนเส้นศูนย์สูตรโลก (ละติจูด 0 องศา) แนวเส้นศูนย์สูตรฟ้า จะทับจุดยอดฟ้า Zenith ซึ่งดาวต่างๆจะเคลื่อนที่จากทิศตะวันออกไปจะข้ามศีรษะไปทิศตะวันตก ณ จุดนี้ ดาวเหนือจะที่ขอบฟ้าทิศเหนือพอดี
?
2.เมื่อผู้สังเกตุอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรโลก
(เรียกว่าซีกโลกเหนือ)
แนวเส้นศูนย์สูตรฟ้า
จะเอียงไปทางใต้ ตามตำแหน่งที่
ผู้สังเกตุอยู่ เช่น
ถ้าอยู่บนละติจุด 15 องศาเหนือ (ตำแหน่งประเทศไทย)
เส้นศูนย์สูตรฟ้าก็ค่อนไปทางใต้
15 องศาเช่นกัน
และดาวเหนือก็จะอยู่สูงจากขอบฟ้าด้านทิศเหนือ
15 องศาเช่นกัน
ในทางกลับกัน
ถ้าผู้สังเกตุอยู่ทางซีกโลกใต้
ประมาณละติจูด 15 องศาใต้
เส้นศูนย์สูตรฟ้าก็ค่อนไปทางเหนือ
15 องศาเช่นกัน
ส่วนดาวเหนือจะอยู่ต่ำกว่าขอบฟ้า
15 องศา ทำให้มองไม่เห็น
3.เมื่อผู้สังเกตุอยู่ขั้วโลกเหนือ แนวเส้นศูนย์สูตรฟ้าจะอยู่ระดับเดียวกับเส้นขอบฟ้า Horizontal line ดาวเหนือจะอยู่ที่จุด zenith ดาวต่างๆจะหมุนรอบตัวเราไม่มีหายไปไหน ถ้าไม่ถูกแสงอาทิตย์กลบไปเสียก่อน
ระบบการบอกตำแหน่ง
เนื่องจากเทหวัตถุบนท้องฟ้ามีมากมายนับล้านล้าน
ไม่ว่าจะเป็น ดาวฤกษ์
ดาวเคราะห์ดาวหาง เนบิวลา หรือ
กาแล็กซี่
ในการบอกตำแหน่งที่แน่นอนของวัตถุนั้นเราจะต้องมีระบบการบอกตำแหน่งของเทหวัตถุบนท้องฟ้า ? 1.ระบบขอบฟ้า (The Horizontal system) หรือ
บางทีเรียกว่าระบบอัลติจูดและอะซิมุท
(Altitude and Azimuth system) 2.
ระบบศูนย์สูตร (Equatorial System)
เป็นระบบที่จำลองมาจากการบอกตำแหน่งบนพื้นโลกด้วยเส้น
ละติจูด และ ลองจิจูด
โดยที่บนท้องฟ้าเราจะบอกตำแหน่งเป็นค่า
เดคลิเนชั่น (Declination- Dec) และ
ไรท์แอสเซนชั่น (Right Ascension- R.A) ? ? ? ? ? หมายเหตุการบอกตำแหน่งด้วยระบบนี้เป็นระบบสากลที่ใช้ได้ทั่วโลกด้วยไม่จำกัดว่าผู้สังเกตจะอยู่ที่ตำแหน่งใดเวลาใด |
Equinox และ Solstice
ฤดูกาลบนโลก
ฤดูการบนโลกเกิดจากแกนเอียงของโลก 23.50 องศา แล้วโคจรไปรอบดวงอาทิตย์โดยที่แนวชี้ของแกน ยังไม่เปลี่ยนแปลง ดังรูป
1. วันที่ 21
มิถุนายน
โลกจะชี้ขั้วเหนือเข้าหาดวงอาทิตย์
ช่วงนี้ประเทศซึ่งอยู่ทางซีกโลกเหนือ
(รวมทั้งประเทศไทย
ตำแหน่งละติจูดโดยเฉลี่ย 15
องศาเหนือ) จะเป็นฤดูร้อน
ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกค่อนไปทางเหนือ
และตกทางทิศตะวันตกค่อนไปทางเหนือเช่นกัน
ทำให้ดวงอาทิตย์เดินทางอยู่บนท้องฟ้านานกว่าปกติ
ทำให้กลางวันนานกว่ากลางคืน
และดวงอาทิตย์จะอยู่สูงสุดบนท้องฟ้า
เราเรียกจุดนี้ว่า summer solstice
และดวงอาทิตย์เคลื่อนที่ขึ้นมาถึงจุดสูงสุดบนแผนที่
ณ ตำแหน่ง dec. +23 1/2 องศาเหนือ
ก่อนที่จะเคลื่อนที่ลงไป ที่จุด
Autumnal equinox ประเทศที่อยู่บนเส้นรุ้งที่
23.5 องศาเหนือ เช่นเกาหลี หรือ
ประเทศจีนตอนใต้
ดวงอาทิตย์จะอยู่กลางศีรษะพอดี และสำหรับคนที่อาศัยอยู่เหนือเส้นละติจูด
66 1/2 องศาเหนือแล้ว จะอยู่ในเวลา
กลางวันตลอดคืน
จึงเกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืนในช่วงนี้
ส่วนประเทศที่อยู่ทางซีกโลกใต้
จะเป็นฤดูหนาว
กลางวันสั้นกว่ากลางคืน
2. วันที่ 22 ธันวาคม อีก 6
เดือนต่อมา
ดวงอาทิตย์จะหันขั้วเหนือไปจากดวงอาทิตย์
ประเทศทางซีกโลกเหนือ (รวมทั้งประเทศไทย)
จะเป็นฤดูหนาว ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกค่อนไปทางใต้
และตกทางทิศตะวันตก
ค่อนไปทางใต้เช่นกัน
ทำให้ดวงอาทิตย์เดินทางอยู่บนท้องฟ้าน้อยกว่าปกติ
ทำให้กลางวัน สั้นกว่ากลางคืน
และดวงอาทิตย์จะอยู่ต่ำสุดบนท้องฟ้าคือค่อนไปทางใต้บริเวณกลุ่มดาวคนยิงธน เราเรียกจุดนี้ว่า winter solstice และเป็นจุดที่ดวงอาทิตย์
เคลื่อนที่ลงมาต่ำสุดบนแผนที่ ณ
ตำแหน่ง dec. -23 1/2 องศาใต้
ก่อนที่จะเคลื่อนที่ขึ้น
ไปที่จุด Vernal equinox อีกครั้ง
ส่วนประเทศทางซีกโลกใต้จะเป็นฤดูร้อนกลางวันนานกว่ากลางคืนแทน
Solstice แปลว่าดวงอาทิตย์หยุดนิ่ง
3. วันที่ 21 มีนาคม และ 23
กันยายน
เป็นช่วงที่โลกชี้แกนทางด้านข้างให้กับดวงอาทิตย์
ทำให้ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศ
ตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกพอดีทำให้เวลากลางวัน
เท่ากับกลางคืน
ทั้งคนที่อยู่ทางซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้
และเป็นจุดที่ เส้นสุริยะวิถี
(Ecliptic) ตัดกับเส้นศูนย์สูตรฟ้า
(Celestial equator) พอดีบนแผนที่
ซึ่งจะมีอยู่ สองจุดคือ
3.1 Vernal equinox หรือ Spring equinox คือ
อิควินอคซ์ในฤดูใบไม้ผลิ
เป็นจุดตัดที่ดวงอาทิตย์กำลัง
ใต้ขึ้น ตรงกับวันที่ 21 มีนาคม
อยู่บริเวณกลุ่มดาวปลาในจักรราศีมีน
ณ จุดนี้บางที่เราก็เรียกว่า
"First point of Aries"
ซึ่งเราใช้จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้น
ทรงกลมชั่วโมงที่ 0
บนแผนที่ดาวในระบบศูนย์สูตร
3.2 Autumnal equinox คือ
อิควินอคซ์ในฤดูใบไม้ร่วง
เป็นจุดตัดที่ดวงอาทิตย์กำลังไต่ลง
ตรงกับวันที่ 23 กันยายน
อยู่ในกลุ่มดาวหญิงสาว
ในราศีกัลย์ แต่เรากลับเรียกว่า
"First point of Libra"
Equinox แปลว่ากลางวันเท่ากับกลางคืน
?
รูปที่ 1.
เป็นช่วงฤดูร้อนทางซีกโลกเหนือ
กลางวันยาวกว่ากลางคืน
ดวงอาทิตย์จะขึ้นสูงสุดจากขอบฟ้า
ในวันที่ 21 มิถุนายน
รูปที่ 2.
เป็นช่วงที่กลางวันยาวเท่ากับกลางคืน
จุด Equinox วันที่ 21 มีนาคม และ 23
กันยายน
รูปที่ 3.
เป็นช่วงฤดูหนาวทางซีกโลกเหนือ
กลางวันสั้นกลางคืนยาว ตรงกับวันที่
22 ธันวาคม
สำหรับประเทศไทยอยู่ที่เส้นละติจูด
15 องศาเหนือโดยเฉลี่ย
ดวงอาทิตย์จะอยู่สูงสุดบนท้องฟ้าคือช่วงเดือนเมษายน
ซึ่งเป็นวันที่ร้อนที่สุดในประเทศ
และ
ช่วงเดือนสิงหาคมแต่ตรงกับช่วงฤดูฝนจึงไม่ร้อนมากนัก
การส่ายของแกนโลก |
ด้วยเหตุที่แกนเอียงของโลกมีการส่ายด้วยคาบเวลา
25,800 ปีต่อรอบ
ทำให้จุดต่างๆบนแผนที่เปลี่ยนไป
รวมทั้งจุด Equinox และ Solstice ด้วย
ในปัจจุบันจุด Equinox
อยู่ที่กลุ่มดาวปลา
แต่เมื่อเวลาผ่านไป จุด Equinox
จะเคลื่อนที่ไปหากลุ่มดาว
คนแบกหม้อน้ำ ด้วยอัตรา 1.5
องศาต่อศตวรรษ นั่นคือในอีก 600
ปีข้าง จุด Equinox
จะอยู่ที่กลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ
และวันที่ช่วงเวลากลางวัน
เท่ากับกลางคืนก็จะเปลื่ยนไป
เราเรียก ปรากฏการณ์นี้ว่า
การส่ายของอิควินอคซ์ (Precession of the equinox)
สำหรับ Solstice
ก็มีการเปลื่ยนแปลงเช่น กัน Summer
Solstice ปัจจุบันอยู่บริเวณจุดต่อของ
กลุ่มดาวคนคู่กับกลุ่มดาววัว
หรือ ห่างจาก
ดาวเบทเทลจุสในกลุ่มดาวนายพรานไปทางเหนือ
15 องศา แต่ในอดีต 2,240
ปีก่อนคริสต์กาล Summer Solstice
เคยอยู่บริเวณดาวเรคกูลัส
ในกลุ่มดาวสิงโต และ
เคยอยู่บริเวณ กลุ่มดาวปูมาก่อน
ทำให้มีการตั้งชื่อเส้นรุ้งที่ 23
1/2 องศาเหนือ (จุด Solstice
บนท้องฟ้าสมัยนั้น) ว่า Tropic of cancer
ส่วน Winter Solstice
อยู่บริเวณกลุ่มดาวแพะทะเล
จึงเรียกเส้นรุ้งที่ 23 1/2
องศาใต้ว่า Tropic of capricorn เช่นกัน
และใช้เรียกกันเรื่อยมาถึงปัจจุบัน
แต่การเปลื่ยนแปลงดังกล่าวใช้เวลายาวนานมาก
เป็นร้อยร้อยปี
ช่วงอายุคนเราไม่สามารถเห็นการเปลื่ยนแปลง
ดังกล่าวได้
แต่ด้วยการอาศัยบันทึกของคนในสมัยโบราณทำให้เราทราบถึงการเปลื่ยนแปลงดังกล่าวได้
ดังนั้นการจดบันทึกจึงเป็นหัวใจสำคัญ
ของการศึกษาวิชาดาราศาสตร์โดยแท้
ดาวเหนือ North Star
ดาวเหนือ North Star เป็นดาวที่มีความสำคัญกับเรามาก สามารถใช้เป็นตำแหน่งบอกทิศเหนือสำหรับ คนเดินทางในยามค่ำคืนได้ หากไม่มีอุปกรณ์นำทางอย่างเข็มทิศ เราจึงควรมารู้จักและหาตำแหน่งดาวเหนือกันก่อน เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า
โลกมีแกนเอียงทำมุม 23 1/2 องศา
กับระนาบ ตั้งฉากกับเส้น Ecliptic
ด้วยอธิพลจากแรงดึงดูด
ของดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์
แต่แกนโลกนี้ไม่ได้นิ่งอยู่กับที่
แต่ส่ายเป็นวงเหมือนลูกข่าง
ที่เราเรียกว่า การส่ายของแกนโลก
Cone of Precession
โดยมีคาบอยู่ที่ 25,800 ปี ผู้สังเกตุที่อยู่บนเส้นศูนย์สูตร จะเห็นดาวเหนือ อยู่บนข้ามฟ้าด้านทิศเหนือพอดี ส่วนผู้สังเกตุที่อยู่ต่ำกว่าเส้นศูนย์สูตร หรือซีกโลกใต้ ดาวเหนือจะหายลับจากขอบฟ้าด้านทิศเหนือไป แต่ผู้สังเกตุที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร หรือซีกโลกเหนือ จะเห็นดาวเหนืออยู่สูงจากข้ามฟ้าด้านทิศเหนือ มีค่ามุมเดียวกับ ค่าละติจูดของ ผู้สังเกตุ เช่น ผู้สังเกตอยู่ในประเทศไทยที่ละติจูด 15 องศาเหนือ(โดยเฉลี่ย) ดาวเหนือจะอยู่สูง จากขอบฟ้าด้านทิศเหนือ 15 องศาเช่นกัน แต่ดาวโพลาลิส มีความสว่างน้อยมาก (mag 1.80) และอยู่สูงจากขอบฟ้าน้อย การสังเกตดาวเหนือจึงทำได้ยาก แต่เราสามารถใช้กลุ่มดาวบริเวณ ขั้วฟ้าเหนือช่วยหาได้ ซึ่งมีสองกลุ่มคือ 1.ดาวหมีใหญ่ หรือ URSA MAJOR ใช้เป็นดาวนำทางได้ เพราะกลุ่มดาวหมีใหญ่ อยู่สูงจากขอบฟ้ามากกว่า และสังเกตง่ายกว่า โดยที่แนวของดาวสองดวงแรก จะชี้ไปที่ดาวโพลาลิสพอดี โดยห่างไปอีก 5 เท่าตัวของระยะห่างระหว่างดาวสองดวงที่ชี้ หรือ 25 องศาพอดี 2. กลุ่มดาวคาสซิโอเปีย Cassiopia คืนใดที่ไม่มีกลุ่มดาวหมีใหญ่ให้สังเกตุ คืนนั้นจะมีมีกลุ่มดาวคาสซิโอเปีย ช่วยบอกตำแหน่งดาวเหนือแทนได้ เพราะ ursa major กับ cassiopia จะอยู่คนละฝากกับดาวโพลาลิส โดยจุดกลางจะชี้ไปที่ดาวเหนือ ห่างประมาณ 25 องศาเช่นกัน
|
การวัดระยะบนท้องฟ้า
การเป็นนักดูดาวสมัครเล่นนั้น
สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือการวัดมุมหรือระยะบนท้องฟ้าเป็น
ไม่ว่าจะมีเครื่องมือ
วัดมุมหรือไม่ก็ตาม
หากไม่มีก็ควรรู้จักวิธีการใช้ร่างกายของเราเป็นอุปกรณ์วัดมุมได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ความกว้างของนิ้วก้อย
มีค่าเท่ากับ 1 องศา ดวงอาทิตย์
และ ดวงจันทร์ กว้าง 1/2 องศา หรือ
ครึ่งหนึ่งของนิ้วก้อย ความกว้างของนิ้วชี้กลางนาง สามนิ้วรวมกัน มีค่าเท่ากับ 5 องศา หรือเท่ากับ ระยะระหว่าง ดาวคู่หน้าของดาวหมีใหญ่ ความกว้างของกำปั้น มีค่าเท่ากับ 10 องศา หรือ 9 กำปั้นจากระดับสายตาจะถึง จุดยอดฟ้า Zinith หรือ จุดเหนือศีรษะพอดี ความกว้างระหว่างนิ้วชี้ กับ นิ้วก้อย มีค่าเท่ากับ 15 องศา ดาวเหนืออยู่สูงจากขอบฟ้า ประมาณ 15 องศา หรือ เท่ากับ ความกว้างระหว่างนิ้วชี้ กับ นิ้วก้อย ความกว้างระหว่างนิ้วโป้ง กับ นิ้วก้อย มีค่าเท่ากับ 20 องศา หรือเท่ากับความยาว ของดาวหมีใหญ่ ? หมายเหตุ: 1 องศา เท่ากับ 60 arcsec |