|
ชนิดและวิธีการซื้อตั๋วโดยสาร
ตั๋วโดยสารรถไฟฟ้าแบ่งเป็น
2 ประเภท คือ :
1.
ตั๋วแบบเที่ยวเดียว
(Single-Journey Ticket)
ซึ่งเป็นตั๋วที่ใช้เดินทางเพียงครั้งเดียว
มูลค่าของตั๋วจะเท่ากับค่าโดยสารในแต่ละเที่ยวที่เดินทางสามารถซื้อได้จาก
เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ
2.
ตั๋วแบบสะสมมูลค่า
(Stored-Value Ticket)
ซึ่งเป็นตั๋วที่ใช้เดินทางได้หลายครั้ง
มูลค่าของตั๋วจะถูกหักไปเรื่อยๆ
ตามค่าโดยสารที่เดินทางจนกว่ามูลค่าของตั๋วจะหมด
|
หากเดินทางบ่อยๆ
หรือเป็นประจำ
แนะนำให้ซื้อตั๋วสะสมมูลค่า
เพราะสามารถใช้เดินทาง
ได้หลายเที่ยวโดยตั๋วสะสมมูลค่าสามารถซื้อได้ในราคาขั้นต่ำ
230 บาท
แยกเป็นค่ามัดจำบัตร
30 บาท และใช้เดินทาง 200
บาท เงินค่ามัดจำบัตรเมื่อเลิกใช้
สามารถขอคืนได้หรือจะใช้จนหมดมูลค่าก็ได้
บัตรมีอายุการใช้งาน
2 ปี
เมื่อใช้จนเกือบหมดมูลค่าเงินก็สามารถเติมเงินได้ที่ห้องตั๋วโดยสารวิธีนี้จะทำให้การเดินทางสะดวกสบายไม่ต้องเสียเวลาเตรียมเหรียญหรือแลกเหรียญ
และหยอดเหรียญเพื่อซื้อจากเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ
วิธีการซื้อตั๋วโดยสาร
1.
เตรียมเหรียญ 5 บาท
หรือเหรียญ 10 บาท
ให้เท่ากับจำนวนเงินที่จะต้องใช้เป็นค่าเดินทาง
2.
ศึกษาแผนที่ที่จะเดินทางโดยดูได้จากแผนที่อัตราค่าโดยสารที่ติดอยู่กับเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ
เช่น
ขึ้นจากสถานีหมอชิต
ต้องการจะเดินทางไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ซึ่งก็คือโซน 4
3.
จากนั้นมาที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ
กดเลือกโซนสถานีที่หมายเลข
4
4.
หยอดเหรียญที่ช่องหยอดเหรียญตามราคาที่ระบุไว้
5. รับตั๋ว
6.
หากหยอดเงินเกินจะได้รับเงินทอนที่ช่องทอนเงิน
|
|
|
|
การเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส
1.
ถือตั๋วไว้ที่มือขวา
สอดตั๋วเข้าไปที่ช่องสอดตั๋วที่ประตูทางเข้าอัตโนมัติ
2.
รับตั๋วคืนแล้วเดินผ่านประตูทางเข้าอัตโนมัติ
3.
ดูป้ายบอกทิศทางที่ต้องการจะเดินทางไป
เพื่อขึ้นฝั่งชานชาลาให้ถูกต้อง
4.
บนชานชาลาระหว่างยืนรอรถไฟฟ้า
อย่ายืนล้ำเส้นสีเหลืองเพื่อความปลอดภัย
5.
อย่ายืนขวางประตูทางเข้าออกรถไฟฟ้าระหว่างยืนรออยู่บนชานชาลา
6.
เปิดทางให้ผู้โดยสารออกจากรถไฟฟ้าก่อน
แล้วจึงเข้า
7.
อย่ายืนขวางประตูทางเข้าออกภายในรถไฟฟ้า
8. หาที่นั่ง
ยืนจับราวหรือห่วงภายในรถไฟฟ้า
9.
สังเกตป้ายสถานี
หรือฟังประกาศจากพนักงานขับรถไฟฟ้ากำลังจะถึงสถานีที่ต้องการจะไปแล้วหรือยัง
10. ออกจากรถไฟฟ้า
เดินลงจากชั้นชานชาลา
11.
สังเกตป้ายบอกทิศทางที่ต้องการจะออกจากระบบ
|
|
|
|
การออกจากระบบรถไฟฟ้า
1.
สอดตั๋วเข้าที่ประตูทางออก
ในลักษณะเดียวกับขาเข้า
2. ตั๋วสะสมมูลค่า
เมื่อสอดตั๋วเข้าไปที่ช่องเสียบตั๋วเรียบร้อยแล้ว
ก่อนรับตั๋วคืน
สังเกตช่องสี่เหลี่ยมบนประตูทางเข้าเพื่อดูยอดเงินคงเหลือ
(สามารถตรวจสอบได้ที่ห้องตั๋วโดยสารได้เช่นกัน)
3.
ตั๋วเที่ยวเดียว
เมื่อสอดตั๋วเข้าไปแล้ว
เดินออกประตูได้ทันที
เครื่องจะเก็บตั๋วไม่คืนตั๋วให้
กรณีใช้ตั๋วสอดเข้าช่องสอดตั๋วที่ประตูทางเข้า
- ออกอัตโนมัติ
แล้วมีปัญหา
ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ห้องตั๋วโดยสารทันที
อย่าพยายามสอดตั๋วซ้ำเพราะอาจจะทำให้
ตั๋วมีปัญหาแล้วต้องเสียค่าปรับเพิ่มหรืออาจโดนหักมูลค่าตั๋วได้
|
|
|
|
ระยะเวลาที่สามารถอยู่ในระบบรถไฟฟ้า
ตั๋วราคา 10 บาท
จะอยู่ในระบบได้นาน 30
นาที
ตั๋วราคา 15 บาท
จะอยู่ในระบบได้นาน 60
นาที
ตั๋วราคา 20บาท
จะอยู่ในระบบได้นาน 60
นาที
ตั๋วราคา 25 บาท
ขึ้นไปจะอยู่ในระบบได้นาน
90 นาที
อยู่เกินกว่าเวลาที่กำหนดเสียค่าปรับ
40 บาท
|
|
|
กรณีต่อไปนี้ต้องเสียค่าปรับ
1.
ตั๋วหายหรือชำรุด
เสียค่าปรับ 40 บาท
2.
เดินทางเกินระยะทางที่ซื้อตั๋ว
ต้องชำระส่วนต่าง
3. เข้าซ้ำ
หรือออกซ้ำ ปรับ 40
บาท กรณีสอดตั๋วเข้าประตูทางเข้า
/
หรือทางออกมากกว่า
1 ครั้ง (ตั๋ว 1 ใบ
ใช้กับ 1 คน
สำหรับเดินทางเข้าระบบ
และออกจากระบบเท่านั้น)
|
|
|
|
การผ่านประตูทางเข้า-ออกอัตโนมัติ
|
|
|
การใช้ลิฟต์สำหรับคนพิการ
ผู้พิการกดกริ่งบริเวณลิฟท์ชั้นพื้นถนนติดต่อไปยังห้องควบคุมสถานี
เพื่อแจ้งความต้องการผ่านอินเตอร์คอมกับพนักงาน
นายสถานีจะส่งพนักงานเพื่อรับผู้พิการที่ชั้นพื้นถนน
โดยนำผู้พิการมายังชั้นจำหน่ายตั๋วเพื่อซื้อบัตรโดยสาร
กรณีผู้พิการของสมาคมคมพิการจะทำการลงรายละเอียดในสมุดคุม
สำหรับผู้ติดตามจะต้องซื้อตั๋วสอดเข้า-ออกตามปกติ
พนักงานจะทำการออกใบส่งตัวให้กับผู้พิการ
(ทั้ง 2
ประเภทคือส่วนตัวและสังกัดสมาคม)ในการเดินทาง
พนักงานนำส่งผู้พิการขึ้นรถไฟชั้นชานชาลา
และมอบใบส่งตัว
ให้กับพนักงานขับรถไฟฟ้า
(กรณีผู้พิการใช้รถเข็นโดยสารได้ครั้งละ
2 คนต่อ 1
ขบวนโดยจะให้ขึ้นที่ตู้หน้าสุดของขบวนรถบริเวณด้านหลังคนขับ)
เมื่อถึงสถานีปลายทางพนักงานขับรถไฟฟ้าจะทำการนำส่ง
ผู้พิการแก่พนักงานสถานที่รับผิดชอบเพื่อนำส่งสู่ชั้นพื้นถนนต่อไป
|
|
|