เมื่อเริ่มใช้รถดีเซลไฟฟ้า
หลังจากที่ใช้รถจักรไอน้ำมาเป็นเวลานานถึง 36 ปี ในระหว่างนี้รถจักรในต่างประเทศได้วิวัฒนาการก้าวหน้าขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะรถจักรดีเซลเป็นรถที่สะดวกที่สุด ด้วยเหตุนี้ เมื่อ พ.ศ.2471 นายพลเอก กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน จึงได้ทรงสั่งซื้อรถจักรดีเซลมีกำลัง 180 แรงม้า จำนวน 2 คัน เข้ามาใช้เป็นรุ่นแรกในประเทศไทย และเป็นรายแรกในทวีปเอเชีย ในครั้งนั้นได้ใช้เป็นรถจักรสำหรับสับเปลี่ยนและลากจูงขบวนรถท้องถิ่นรอบกรุงเทพฯ
รถจักรรุ่นนี้สร้างโดย บริษัทสวิสส์ โลโคโมตีฟ แอน แมชินเวอร์ค ประเทศ Swisszerland ในหนังสือ "รถไฟ 60 ปี" ได้บันทึกไว้ดังต่อไปนี้
"การที่กรมรถไฟหลวงได้นำเอารถจักรดีเซลมาใช้การเป็นประเทศแรกในทวีปเอเชียนี้
ก็ด้วยพระดำริริเริ่มของเสด็จในกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน
ผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวงและทรงเป็นบูรพาจารย์และผู้ประสิทธิ์ประสาทรากฐานความเจริญพัฒนาของกิจการรถไฟแห่งชาติสืบมาจนทุกวันนี้
เป็นที่เห็นได้ว่า
พระองค์ท่านนอกจากจะทรงเป็นวิศวกรโดยอาชีพแล้ว
ยังทรงเป็นนักกำหนดนโยบาย
เศรษกรและผู้บริหารที่เล็งเห็นการณ์ไกล
แม้ว่าจะได้รับการทักท้วงตำหนิจากวงการหลายแห่งเมื่อกรมรถไฟหลวงได้นำเอารถจักรดีเซลดังกล่าวมาใช้การ
ซึ่งก็เป็นสิ่งธรรมดาที่จะต้องประสบกันทั่วไป
ในเมื่อการนำเอาสิ่งของใหม่
ยังไม่เป็นที่รู้จักหรือเห็นคุณค่าโดยแพร่หลายมาก่อน
แต่ก็หาได้เป็นอปสรรคต่อการดำเนินการและความริเริ่มของพระองค์ไม่
ทั้งนี้กาลเวลาก็ได้พิสูจน์ให้แลเห็นอยู่ในปัจจุบันว่า
ข้อดำริริเริ่มของพระองค์ท่านมิได้ผิดพลาดแต่อย่างใด
เพื่อเป็นอนุสรณ์ถวายแด่พระองค์ท่าน
บรรดารถจักรดีเซลไฟฟ้าที่มีใช้การอยู่
เริ่มแต่รถจักรที่กล่าวข้างต้น
จึงได้รับขนานนามว่า "บุรฉัตร"
โดยรถจักรดีเซลไฟฟ้าทุกคัน
ได้รับการติดแผ่นวงกลมจารึกนามบุรฉัตรประกอบด้วยเครื่องหมายประจำพระองค์"
ตามบันทึกเรื่องการใช้รถดีเซลไฟฟ้าของกรมรถไฟกล่าวว่า ในเดือนธันวาคม พ.ศ.2474 กรมรถไฟได้เริ่มใช้รถดีเซลไฟฟ้าขนาด 900 แรงม้า ลากจูงขบวนรถด่วนสายใต้จากกรุงเทพฯ ไปปีนังและได้รับผลเป็นที่พอใจ เพราะนอกจากจะประหยัดเวลาลงได้เที่ยวละเกือบ 5 ชั่วโมงแล้ว การใช้รถดีเซลไฟฟ้ายังประหยัดค่าใช้จ่ายในการลากจูงขบวนรถอีกด้วย ทั้งความสกปรกที่เกิดจากเถ้าถ่านของการใช้ฟืนก็หมดไป ทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางยิ่งขึ้น
ที่มา : หนังสือรถไฟไทย โดย ส.พลายน้อย