โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่
กิจการรถไฟหลวงของไทย
เริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่
26 มีนาคม 2439
อันเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
กับสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ
เสด็จทรงกระทำพิธีพระฤกษ์ตรึงหมุดในพระราชพิธีเปิดการเดินรถครั้งแรก
จากกรุงเทพ - อยุธยา
ระยะทาง 71 กม.
นับแต่นั้นเป็นต้นมา
จึงถือเอาวันที่ 26
มีนาคม ของทุกปีเป็นวันสถาปนากิจการรถไฟหลวง
ต่อจากนั้นมา
การก่อสร้างขยายเส้นทางรถไฟหลวงก็ได้ดำเนินการเพิ่มเติมเรื่อยมา
เมื่อแล้วเสร็จก็เปิดให้การบริการแก่ประชาชนเป็นลำดับ
ส่วนใหญ่แล้วก็เพื่อเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจและการคมนาคมให้ดีขึ้น
การก่อสร้างขยายเส้นทางรถไฟนี้
ได้มีการวางโครงข่ายทางรถไฟทั่วประเทศแล้วลงมือก่อสร้างสายที่สำคัญที่สุดก่อน
แล้วทยอยก่อสร้างเพิ่มเติมตามลำดับความสำคัญเป็นสายๆไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ
แต่มีหลายโครงการที่ไม่อาจดำเนินการให้เสร็จได้เนื่องจากผลกระทบในหลายๆด้าน
ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ
ด้านยุทธศาสตร์
และด้านความมั่นคง
ในปี 2484
อันเป็นปีที่กิจการรถไฟหลวงได้ดำเนินการมาเป็นปีที่
44 ในขณะนั้นมีฐานะเป้นกรมรถไฟหลวงมีโครงการก่อสร้างใหม่รวม
10 สาย ได้แก่
สายลพบุรี - บัวใหญ่
สายกุมภวาปี - สกลนคร -
นครพนม
สายบัวใหญ่ - ร้อยเอ็ด -
มุกดาหาร
สายแก่งคอย - เชียงคาน -
ปากลาย
สายเด่นชัย - แพร่ - น่าน -
เชียงราย - เชียงแสนหลวง
สายพิษณุโลก - เลย -
กุมภวาปี
สายแปดริ้ว - จันทบุรี
สายพิษณุโลก - ตาก -
แม่สอด
สายอุดรธานี - หนองคาย
ทางคู่ต่อจากบ้านภาชี -
ลพบุรี
โดยที่ในปีพศ 2482 นั้น
กรมรถไฟหลวงมีทางรถไฟที่กำลังก่อสร้างอยู่
คือ สายสุราษฎร์ธานี -
พังงา - ท่านุ่น ระยะทาง 161
กม.
กับทางคู่ช่วงบางประอิน
- อยุธยา ระยะทาง 14 กม.
เวลาได้ล่วงเลยมาอีก
62 ปี ถึงปี 2546
อันเป็นปีที่ครบรอบ 106
ปีของการสถาปนากิจการรถไฟหลวง
ทางรถไฟสายต่างๆ
บางสายก็ได้มีการก่อสร้าง
แต่ส่วนใหญ่จะไม่มีการก่อสร้างเลย
โดยเส้นทางที่ได้มีการก่อสร้างและเปิดการเดินรถแล้วได้แก่สาย
อุดรธานี - หนองคาย
แต่บางสายมีการก่อสร้างเป็นบางส่วน
คือสายแปดริ้ว -
จันทบุรี
ได้มีการก่อสร้างไปถึงนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
- จังหวัดระยอง บางสาย
แม้ไม่มีการก่อสร้างแต่ก็มีการก่อสร้างสายใหม่แทน
เช่น สายลพบุรี -
บัวใหญ่กับสาย แก่งคอย -
เชียงคาน - ปากลาย ได้ก่อสร้างเป็นสายแก่งคอย
- บัวใหญ่แทน
นอกจากนี้ทางรถไฟสายสุราษฎร์ธานี
- พังงา - ท่านุ่น
ก็ได้มีการก่อสร้างไปถึงคีรีรัฐนิคมเท่านั้น
ระยะเวลา 62
ปีที่ผ่านมา
โครงการก่อสร้างทางรถไฟได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคม
ปัจจุบันจึงยังคงมีโครงการก่อสร้างทางรถไฟที่การรถไฟ
กำลังดำเนินการอยู่
ดังนี้
1.
โครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟชานเมือง
ระยะทาง 234 กม. ประกอบด้วย
ช่วงบางซื่อ - ตลิ่งชัน -
นครปฐม ระยะทาง 55 กม.
ช่วงรังสิต -
ชุมทางบ้านภาชี(ก่อสร้างทางสาม)
ระยะทาง 61 กม.
ช่วงชุมทางบ้านภาชี -
ลพบุรี ระยะทาง 43 กม.
ช่วงชุมทางบ้านภาชี -
มาบกะเบา ระยะทาง 44 กม.
ช่วงหัวหมาก -
ฉะเชิงเทรา ระยะทาง 45 กม.
การก่อสร้างทางสามช่วงรังสิต
- บ้านภาชี
ได้เสร็จสิ้นแล้วและเปิดการเดินรถแล้วตั้งแต่ต้นปี
2543 ส่วนทางคู่ช่วงบางซื่อ
- ตลิ่งชัน
ก็ได้เสร็จลงแล้วแต่ยังไม่ได้เปิดทำการเดินรถ
และทั้ง 2
ช่วงก็อยู่ในการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ
สำหรับทางคู่ที่เหลือทั้งหมด
ได้ทำการก่อสร้างเสร็จสิ้นหมดทุกสายแล้ว
เหลือเพียงแต่ติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณเท่านั้น
สำหรับงานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณฯมีความคืบหน้า
ดังนี้
1.
อาณัติสัญญาณทางสามช่วงรังสิต
- ชุมทางบ้านภาชี
และทางคู่ช่วงชุมทางบางซื่อ
- ชุมทางตลิ่งชัน
กลุ่มบริษัท Jasmine - LG Consortium
เริ่มดำเนินการ
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2544
ขณะนี้กำลังดำเนินงานสรุป
ตำแหน่ง
เพื่อติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณฯ
งานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณที่เชียงราก,
งานหล่อฐานเสาอาณัติสัญญาณ
และฐานตู้ควบคุม,
งานก่อสร้างอาคารโรงงานและอาคารฝึกอบรมที่เชียงราก
และงานโยธาต่าง ๆ ฯลฯ
2.
อาณัติสัญญาณทางคู่ช่วงชุมทางบ้านภาชี
- ลพบุรี, ชุมทางบ้านภาชี
- มาบกะเบา และชุมทางตลิ่งชัน
- นครปฐม
รับซองประกวดราคาเมื่อวันที่
19 กันยายน 2544 การพิจารณาข้อเสนอทางเทคนิคแล้วเสร็จ
และเปิดซองราคาเมื่อวันที่
20 ธันวาคม 2544 และได้เจรจาต่อรองกับกลุ่มบริษัท
Westing house
ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดเสร็จเรียบร้อยและได้รายงาน
เสนอขออนุมัติให้ว่าจ้างต่อ
คณะกรรมการรถไฟฯ
ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาแล้วมีมติให้ทบทวน
ผลการประกวดราคาใหม่
ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาทบทวนของคณะกรรมการรถไฟฯ
3.
อาณัติสัญญาณทางคู่ช่วงหัวหมาก
- ฉะเชิงเทรา
รับซองประกวดราคาเมื่อวันที่
26 ตุลาคม 2544 พิจารณา
ข้อเสนอทางเทคนิคแล้วเสร็จ
เปิดซองเสนอราคาเมื่อวันที่
20 กุมภาพันธ์ 2545
ซึ่งกลุ่มบริษัท Westing house
เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด
ได้เจรจาต่อรองราคาเสร็จเรียบร้อย
และได้รายงานเสนอขออนุมัติให้ว่าจ้างต่อคณะกรรมการรถไฟฯซึ่งคณะกรรมการ
พิจารณาแล้วมีมติให้ทบทวนผลการประกวดราคาใหม่ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาทบทวนของคณะกรรมการรถไฟฯ
คาดว่าจะสามารถเริ่มงานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณทางคู่ตามข้อ
2 และ 3 ได้ประมาณ กลางปี 2546
และแล้วเสร็จสมบูรณ์ทุกเส้นทางในปี
2548
2.
โครงการก่อสร้างทางสายใหม่ ในขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสำรวจออกแบบรายละเอียดด้านวิศวกรรมและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ได้แก่
สายเด่นชัย เชียงราย (246
กม.)
วงเงินลงทุนก่อสร้าง 21,106
ล้านบาท
สายสุราษฎร์ธานี พังงา
(ท่านุ่น) (163 กม.)
วงเงินลงทุนก่อสร้าง 12,810
ล้านบาท
สายมาบตาพุด ระยอง (24 กม.)
วงเงินลงทุนก่อสร้าง 3,674
ล้านบาท
สายบัวใหญ่ ร้อยเอ็ด -
มุกดาหาร นครพนม (368 กม.)
วงเงินลงทุนก่อสร้าง 25,009
ล้านบาท
โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่
3 เส้นทางแรก
ได้สำรวจออกแบบรายละเอียดไว้เรียบร้อยแล้วเมื่อ
ปี พ.ศ. 2541 ต่อมาในปี พ.ศ. 2542
ได้มีการพิจารณาทบทวนแนวทางการลงทุนก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่
อันเนื่องมาจากความผันผวนทางเศรษฐกิจที่เป็นอยู่
คณะกรรมการพิจารณาจัดหาเงินทุนสำหรับก่อสร้างทางรถไฟได้จัดลำดับความสำคัญของโครงการโดยแบ่งการดำเนินการออกเป็น
3 ระยะ
และได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงคมนาคมให้ใช้เป็นแนวนโยบายในการดำเนินงาน
เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2542
สรุปได้ว่า
(1)
โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัยเชียงราย
ได้รับการคัดเลือกเป็นโครงการสำคัญและมี
ความจำเป็นเร่งด่วน
ที่จะพิจารณาจัดหาเงินลงทุนดำเนินการในระยะแรก
โดยจะใช้เงินกู้ต่างประเทศที่มีเงื่อนไขผ่อนปรนและมีอัตราดอกเบี้ยต่ำ
(Soft Loan) เนื่องจากมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี
(2)
ส่วนโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ทีเหลืออีก
3 เส้นทาง
ได้รับการจัดลำดับให้ดำเนินการในระยะที่
3 โดยใน
ส่วนของโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบัวใหญ่นครพนม
ซึ่งเป็นเส้นทางที่จะเชื่อมพื้นที่ตอนกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เข้ากับโครงข่ายทางรถไฟปัจจุบัน
และมีศักยภาพในการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยนั้น
ให้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณแผ่นดินจากรัฐบาลมาทำการสำรวจออกแบบรายละเอียดฯเพื่อให้ทราบแนวเส้นทางและวงเงินค่าก่อสร้างที่ชัดเจนก่อนแล้วจึงพิจารณา
หาแหล่งเงินทุน ที่เหมาะสมต่อไป
(3)
แนวทางการลงทุนแต่ละเส้นทางมี่อยู่
3 ทางเลือก คือ
ทางเลือกที่ 1
เงินกู้ต่างประเทศ +
เงินบาทสมทบ
ทางเลือกที่ 2
เงินงบประมาณแผ่นดิน +
เงินกู้ในประเทศ
ทางเลือกที่ 3
เอกชนลงทุน +
รัฐรับภาระบางส่วน
ปัจจุบันโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่
ได้ดำเนินการดังนี้
การขอออกพระราชกฤษฏีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
การรถไฟฯ
ได้ดำเนินการขอออกพระราชกฤษฏีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
สำหรับการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย
เชียงราย
และผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2544
โดยได้ประกาศใช้บังคับในราชกิจจานุเบกษา
เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2544
ส่วนสายสุราษฎร์ธานี
พังงา (ท่านุ่น)
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่
15 พฤษภาคม 2544
และประกาศใช้บังคับในราชกิจจา
นุเบกษาแล้วเมื่อวันที่
26 มิถุนายน 2544
การขอรับการจัดสรรงบประมาณ
การรถไฟฯ
เคยได้รับการจัดสรรงบประมาณปี
2544
เฉพาะค่าเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ส่วนหนึ่งของ
โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายสุราษฎร์ธานี
พังงา (ท่านุ่น)
เป็นเงิน 72 ล้านบาท
แต่ต้องจัดสรรคืนเงินงบประมาณดังกล่าวเพื่อ
นำไปดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนและสำคัญที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
และได้ขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อ
เป็นค่าเวนคืนที่ดินทั้ง
2
โครงการข้างต้นในปีต่อๆ
มาอีก แต่ไม่ได้รับการพิจารณาจัดสรร
การพิจารณาทบทวนแนวทางการลงทุนและขออนุมัติโครงการ
- สายเด่นชัย
เชียงราย
การรถไฟฯ
ได้รายงานคณะกรรมการรถไฟฯ
เพื่อขอนุมัติดำเนินการโครงการโดยได้ขอรับความเห็นชอบ
แนวทางการลงทุนเพิ่มเติมโดยให้เอกชนดำเนินการให้ก่อน
(Turnkey) และรัฐบาลไทยจ่ายค่า
ก่อสร้างคืนด้วยวิธี
Countertrade
สินค้าผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ
ตามที่บริษัท China Railway Communication
(CRC)
ได้เสนอมาและได้รับความเห็นชอบ
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2544
จึงรายงานขออนุมัติโครงการต่อกระทรวงคมนาคม
ซึ่งสำนักนโยบายและแผนการขนส่งกระทรวงคมนาคมเสนอความเห็นให้ทบทวนการศึกษาความเหมาะสมของโครงการใหม่
เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ต่อมา การรถไฟฯ
ได้พิจารณาปรับปรุงวงเงินโครงการใหม่ตามค่าเงินเฟ้อ
(Inflation) และอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา
ต่างประเทศ
ในปัจจุบันเป็นวงเงิน 24,161
ล้านบาท แยกเป็น :
- ค่าเวนคืนที่ดิน 1,804
ล้านบาท
- ค่าจ้างที่ปรึกษา 1,014
ล้านบาท
- ค่าก่อสร้าง/ติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ
21,343 ล้านบาท
และรายงานเสนอกระทรวงคมนาคมอีกครั้งเมื่อวันที่
2 สิงหาคม 2544
เพื่อรายงานเสนอคณะรัฐมนตรี
ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อ
วันที่ 9 ตุลาคม 2544
รับทราบความก้าวหน้าโครงการ
แต่เนื่องจากโครงการนี้ต้องใช้วงเงินลงทุนที่สูงมาก
ควรต้องพิจารณาถึงความจำเป็นในระยะยาวและความคุ้มทุน
จึงมอบให้กระทรวงคมนาคม
ร่วมกับกระทรวงการคลัง,
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ,
สำนักงบประมาณ,
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมป่าไม้)
กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
และสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนโครงการนี้อีกครั้ง
ซึ่งขณะนี้การรถไฟฯ
กำลังพิจารณาว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อมาศึกษา
ทบทวนความเหมาะสมของโครงการ
และจะได้นำผลการศึกษาเสนอเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาตามมติ
ครม.ข้างต้นต่อไป
- สายสุราษฎร์ธานี
พังงา (ท่านุ่น)
การรถไฟฯ
ได้รายงานเสนอคณะกรรมการรถไฟฯ
เพื่อขอรับความเห็นชอบในการดำเนินโครงการในวงเงิน
ลงทุน 12,810 ล้านบาท
และขอรับความเห็นชอบแนวทางการลงทุนในการใช้เงินกู้ต่างประเทศลักษณะ
Soft Loan
ที่เป็นเงินกู้ลักษณะ G to
G หรือการให้เอกชนดำเนินการก่อสร้างให้ก่อนและรัฐบาลจ่ายคืนด้วยวิธี
Countertrade สินค้าผลิตภัณธ์ภายในประเทศเช่นเดียวกับสายเด่นชัยเชียงราย
ซึ่งคณะกรรมการรถไฟฯมีมติเมื่อวันที่
6 กันยายน 2544
ให้การรถไฟฯนำเสนอสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมพิจารณาอนุมัติในเรื่องการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อน
แล้วจึงนำเสนอคณะกรรมการรถไฟฯพิจารณาอีกครั้ง
สำหรับโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายมาบตาพุด
ระยอง
ซึ่งเป็นอีกโครงการที่ออกแบบแล้วเสร็จ
การรถไฟฯได้ชะลอการดำเนินการไว้ก่อนเพราะผลตอบแทนฯ
ไม่เป็นที่จูงใจ
ส่วนโครงการก่อสร้างทางรถไฟ
สายบัวใหญ่ร้อยเอ็ดมุกดาหารนครพนม
ซึ่งมีเพียงผลการศึกษาความเหมาะสมฯ
(Feasibility Study)
ของโครงการเมื่อปี 2538
จะต้องทำการศึกษาความเหมาะสมฯ
ใหม่
เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจสังคมและสิ่ง
แวดล้อมได้เปลี่ยนแปลงไป
แต่ขณะนี้ได้ชะลอการดำเนินการไว้ก่อนเช่นกัน
ที่มา : การรถไฟแห่งประเทศไทย www.thailandrailway.com